เว็บพลังจิต ศัตรูในชาติที่แล้วมาเกิดเป็นลูก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 24 กรกฎาคม 2010.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ทุกอย่างที่ผมเล่าในทุกๆกระทู้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองจริงๆทั้งสิ้น ผมไม่ชอบการโกหกเพราะมันจะส่งผลที่ไม่ดีต่อตนเองอย่างมาก

    ผมมีลูกชายคนหนึ่ง (ปัจจุบันอายุ 13 ปี เกิดกับภรรยาคนแรก) เมื่อก่อนผมแปลกใจตัวเองอย่างมาก และคิดหาเหตุผลอยู่ตลอดเวลา ว่าทำไมผมถึงไม่รักลูก ทำไมถึงเกลียดลูก ทั้งๆที่มีลูกเพียงคนเดียว และลูกผมก็เป็นเด็กดีแถมยังรักผมมาก เวลาเจ็บป่วยก็คอยดูแล แค่ลูกทำผิดนิดเดียวผมจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที จะว่าเพราะเกลียดแม่ของลูกที่ทิ้งตัวเองไปก็ไม่ใช่ เพราะผู้หญิงที่เคยเป็นภรรยาผมทุกคน เมื่อจากไปผมก็ใช้ธรรมะพิจารณาเหตุผลและก็ให้อภัย ไม่มีความรู้สึกโกรธเกลียดใคร จนวันหนึ่งผมก็รู้เหตุผล อดีตชาติที่ผ่านมาลูกของผมเคยฆ่าผมตาย เมื่อรู้เรื่องเหล่านี้และคิดถึงขึ้นมา อารมณ์จะพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพยาบาท ผมรู้เหตุผลที่เกลียดลูกตัวเองแล้ว แต่จะทำยังไงให้ความโกรธที่จิตมันยึดติดมาจากชาติก่อนหายไป ทั้งๆที่ผมปฎิบัติธรรมโดยการกำหนดเมตตานำ จนจิตของผมให้อภัยกับทุกความผิด เมตตาแม้แต่สัตว์หรือแมลง ผมไม่ฆ่าแม้แต่มดหรือแมลงต่างๆ แต่ทำไมความแค้นนี้มันฝังรากลึกเหลือเกิน ผมเพียรปฎิบัติธรรมและพิจารณาในเหตุผลของธรรมให้มากกว่าเดิมเพื่อให้จิตตัวเองละวางในความแค้นนี้ให้ได้

    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ

    ผมได้สอนให้ลูกปฎิบัติธรรมมากขึ้น (จริงๆก่อนหน้านี้ก็ให้ปฎิบัติธรรมอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่) พยายามให้นั่งสมาธิและอ่านหนังสือธรรมะ จนระยะหลังเวลาที่ลูกทำผิดมาก แล้วโดนผมต่อว่า ลูกจะไปนั่งสมาธิเองเพื่อพิจารณาในความผิดของตัวเองโดยไม่ต้องบอกต้องสอน

    จริงๆแล้วผมก็ยังมีความโกรธเคืองอยู่ในจิตส่วนลึก ซึ่งผมพยายามจะลบมันออกอยู่พยายามกำหนดจิตในการให้อภัย แต่มันก็แค่เจือจางไปบ้างเท่านั้น

    จนผมมารู้อีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้อีกไม่กี่ปี ลูกของผมจะเจอกับชะตากรรมที่หนัก ผมจึงตัดสินใจให้ลูกไปบวชเรียน แรกๆลูกก็ไม่อยากไป แต่จำใจต้องไปจึงได้ไปบวชเรียนที่วัดในกรุงเทพฯนี้เอง

    น่าแปลกพอลูกผมบวชเรียน จิตใจที่มีความแค้นฝังลึกอยู่กลับหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ตัวเองปฎิบัติตั้งนานยังทำได้แค่ปรามๆให้น้อยลงเท่านั้น แต่พอลูกบวชกลับหายไปเสียเฉยๆ ตอนนี้ก็มีแต่ความห่วงในการปฎิบัติของลูกเท่านั้น แต่ตอนนี้ลูกของผมหรือเณร อยู่ในผ้าเหลืองสบายแล้ว ตอนที่กลับมาเยี่ยมเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมาก และตอนนี้เณรก็รอให้ถึงวาระของผมอยู่

    จากที่ผมเคยให้ความเห็นไปในกระทู้อื่น คือ ความเป็นพ่อแม่,พี่น้อง,เพื่อน,คนรักหรือศัตรูที่จิตยึดติดมานั้น คือความรู้สึกไม่ใช่จำได้ว่าคนนั้นเคยเป็นคนรักมาก่อนหรือเป็นศัตรูมาก่อน แต่ความรู้สึกรัก,โกรธแค้น,เคารพ,เมตตา นั่นเองที่จิตของเรายึดติดมา (สำหรับผู้ที่ยังระลึกชาติไม่ได้) ฉะนั้นถ้าใครที่มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเรามาก ก็ขอให้พิจารณาให้ถ้วนถี่ในความเป็นจริงของจิตใจตัวเอง

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2010
  2. lekjung13

    lekjung13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +376
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ

    .................................

    ชอบประโยคนี้มากค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ ;aa27
     
  3. yommatood

    yommatood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +1,298
    ประโยคนี้พูดได้โดนใจเลยครับ ถ้ายังจองเวรจองกรรมกันอยู่ มันก็มีแต่ทุกข์ไม่สิ้นสุด เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

    อนุโมทนาสาธุ
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    แล้วหากเจ้ากรรมนายเวรของเราเมื่อชาติที่แล้ว.....

    กลับมาเกิดเป็นบิดาของเราในชาตินี้ และยังเกลียดชัง จองเวรกันอยู่ จะทำอย่างไร
     
  5. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ด้วยความรู้ที่น้อยนิดของผม ขออนุญาติแนะนำ

    เราก็พยายามปฎิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้บิดาผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรเป็นประจำ และปฎิบัติตัวอย่างลูกที่ดีที่ควรกระทำ และทำใจยอมรับในผลของกรรม และทำจิตให้ปล่อยวางในสิ่งที่เป็นทุกข์เหล่านี้

    ที่ผมหายความโกรธพยาบาทลูกนั้นมันค่อยๆลดมาอย่างต่อเนื่องจากการพยายามปฎิบัติธรรมของผม แต่มันไม่ทันใจผมเท่านั้นเอง แต่หลังจากลูกบวชผมก็หายโกรธเลยในทันที อาจจะเป็นเพราะผลบุญที่ลูกบวชบวกกับความตั้งใจที่จะลดการจองเวรของตัวผมเองด้วย
    เพราะผมได้คิดพิจารณาว่าถ้าผมยังมีความรู้สึกโกรธและเกลียดลูกเช่นนี้ต่อไป คงจะเป็นปัญหาที่กระทบต่อจิตใจของลูกแน่ และมันจะทำให้ลูกเป็นทุกข์ที่พ่อของตัวเองไม่รักและอาจทำให้เกิดความคิดที่เห็นผิดได้ ผมจึงพยายามดับความโกรธแค้นของตัวเองลง

    และผมมักจะคิดพิจารณาในเรื่องของกรรมอยู่เสมอเวลาปฎิบัติธรรม ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดหวังหรือขอให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วแต่เค้าจะเมตตาต่อตัวเอง (แต่ผมก็แผ่เมตตาทุกครั้งนะครับ) เพราะผมมาคิดว่าเวลาใครทำเราเจ็บ หรือทุกข์ทรมานทั้งทางกายก็ดีทางใจก็ดี ผมก็จะนึกถึงอารมณ์ของความทุกข์เหล่านั้นให้จิตมันจำในความทุกข์เหล่านั้น เมื่อคิดได้ก็จะปล่อยวางในความทุกข์จากเจ้ากรรมนายเวร แล้วจะเห็นว่าสมควรแล้วหล่ะที่เค้าจะโกรธเราจะเกลียดเราจะกระทำการใดๆที่ไม่ดีต่อเราให้สมกับความทุกข์ที่เราทำกับเค้า

    ทุกวันนี้ผมยินดีรับในโทษทุกข์เหล่านั้น โดยไม่ขอความเมตตาจากเจ้ากรรมนายเวรแต่จะแผ่เมตตาให้ทุกครั้งที่ปฎิบัติธรรม

    ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมศัตรูถึงมาเกิดเป็นลูก,พ่อแม่,คนรัก หรือในกรณีอื่นๆ ผมไม่ทราบ เพราะมันละเอียดเกินกว่าที่กำลังจิตของผมจะรับรู้ได้

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2010
  6. peenangfa

    peenangfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +228
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ <<<<< เห็นด้วยครับ
     
  7. SAKURABO

    SAKURABO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +730
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ขอให้ละความโกรธเกลียดเพื่อสร้างทานบารมีอันยิ่งใหญ่ คือ อภัยทาน ละความพยาบาทอาฆาตต่อกัน อโหสิกรรมต่อกัน เพื่อเวรกรรมในชาติปางก่อนจะได้สิ้นสุดและไม่จองเวรจองกรรมกันต่อไปในภพหน้า ขอให้คุณจำเริญในธรรมครับ
     
  8. ตรีเพชร์

    ตรีเพชร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +528
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ <<<ผมใช้พิจารณาบ่อยๆครับ ขออนุโมทนาอย่างยิ่ง

    คิดแล้วมันน่าสยดสยองจริงๆถ้าไม่ได้เกิดในพุทธศาสนา ป่านนี้ใจผมกลายเป็นเดรัจฉานไปแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    :cool:ขออนุโมทนาสาธุบุญ การให้อภัยทานเป็การให้ทานที่ใหญ่ที่สุดสาธุๆ

    กำลังพยายามอยู่เช่นกันคงทำได้เหมือนเจ้าของกระทู้สักวัน สาธุๆ
     
  10. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    เชื่อในเรื่องกรรมครับว่าการที่เราได้มาปฏิสัมพันธุ์กับบุคคลในสถานะต่างๆกันนั้น มิใช่เรื่องของความบังเอิญแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกรรมสัมพันธุ์ทั้งดีและชั่วที่เคยร่วมปฏิบัติกันมา และผลจากการที่เรากระทำอย่างใดอย่างหนึ่งจะมีผลต่อคนรอบตัวเรา อาทิ เจ้านาย ผมสังเกตุมาเหมือนกับคุณว่าถ้าผมคิดหงุดหงิดกับการสั่งงานหรืออะไรประมาณนี้ เขาจะรู้สึกไม่ดีกับเราเหมือนกัน ในทางกลับกันเขาก็จะได้เจอกับสิ่งไม่ดีเหมือนกัน ถ้าแบบว่ามาอารมณ์เสียกับเรา มันเหมือนกับว่าร่วมทุกข์สุขด้วยกัน เวลาเจริญมันก็ได้รับผลในแนวทางที่ดีๆในด้านการงาน เป็นต้น เหมือนกัน จนผมเอามาคิดว่าเออนี่เรากับเขาเป็นคู่บุญกันหรือเปล่านะ ทั้งๆที่เจ้านายผมเขาเป็นผู้ชาย และมีจิตใจขี้สงสารคนเป็นต้น ที่เหมือนๆกัน

    เรื่องกรรมนี่ซับซ้อนจนเป็นเรื่องอจิณไตยจริงๆครับ
     
  11. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    เชื่อในกฏแห่งกรรม ในชาตินี้เค้ามาเกิดเป็นลูกคุณถือว่าคุณโชคดีเพราะในขณะที่คุณเองเป็นผู้ปฏิบัติการหยุดซึ่งการจองเวร อโหสิกรรมต้องมีโอกาสสูง เมื่อใดที่จิตรู้สึกอึดอัดเหมือนโกรรธแค้น ให้มีสติตลอดแผ่เมตตาทันที ไม่หายก็แผ่อีก ทำเช่นนี้ทุกลมหายใจ วันที่คุณพ้นจากความโกรรธแค้นใจจะเหมือนคุณได้หายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ เราเคยมีประสบการณเดียวกับคุณ แต่ของเราเป็นหลานก่อนที่เราจะยอมรับและอโหสิกรรมได้มันสุดๆๆๆ จนในที่สุดเมื่อได้ฟังธรรมจากพระอริยสงฆ์ท่านหนึ่งทำให้เราหลุดพ้นจากกรรมกับเค้าในชาตินี้ แต่กลับรู้สึกว่าเมตตาเค้ามากขึ้น แต่ที่คุณทำได้ก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  12. ลิงเผือก

    ลิงเผือก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +140
    เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นผู้ติดตาม ขออนุโมทนา ที่ท่านได้งดเว้นจากการจองเวร อโหสิกรรมให้เขา และแนะนำเขาไปในทางที่ถูกต้อง
     
  13. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ

    การให้อภัยไงคะ ให้อภัยแล้วใจเป็นสุข
    อย่าไปยึดติด หยุดคิดจองเวร
    ขออนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  14. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    อนุโมทนาด้วยนะคะ

    คุณได้ชื่อว่าทำทานที่สัตว์ทั้งหลายทำได้ยากยิ่ง คือ อภัยทาน
     
  15. greenice

    greenice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +1,390
    อโหสิกรรม ให้อภัยทาน คือการตัดตอนของการจองเวร
     
  16. EakChutidet

    EakChutidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +856
    ขออนุโมทนา สาธุ ขอทุกท่านทุกรูปทุกนาม จงยึดหลักอภัยทานเป็นทีตั้งเทอด

    อภัยทาน กับ ธรรมทาน

    อภัยทาน = เป็นทานส่วนตัว ส่วนบุคคล ให้แก่ใครๆ ก็ได้ที่ล่วงเกินตน อภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้มากกว่าผู้รับ เช่น

    การถูกนินทาว่าร้าย ใส่ร้าย มุ่งทำลายให้ถึงแก่พิบัติภัยต่างๆ ก็ไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ยินดีให้อภัยเพราะ การโกรธ การผูกโกรธ คือความร้อนที่เผาผลาญตนเอง ให้ร้อนรุ่มอยู่ทั้งวันทั้งคืนไม่เป็นสุข การให้อภัยทำให้เกิดความเย็นเป็นความสุข

    “อภัยทาน” เป็น ธรรมบทหนึ่ง ที่พระพุทธองค์แสดงไว้ในเรื่อง การแก้โกรธ แก้ความผูกโกรธ ผู้ที่ปฏิบัติตามย่อมสามารถยังตนให้เย็น ให้สงบ จากความร้อนรุ่มของความโกรธได้

    ถามว่า อภัยทานนี้ทำให้คนอื่น สัตว์อื่น พ้นทุกข์ได้หรือไม่ ตอบว่า ไม่ได้ เย็นได้ก็เฉพาะตน พ้นได้เฉพาะตนเท่านั้น

    พระพุทธองค์ทรงมีพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ต่อสัตว์โลก ใครต่อใครในสมัยพุทธกาล ได้ล่วงเกินพระองค์ ทั้งนินทา กล่าวร้าย จ้างคนด่า กลิ้งหินทำร้าย ฯลฯ

    พระองค์ก็ไม่ทรงโกรธ ทรงให้อภัยแก่ทุกคน อภัยทานของพระองค์นั้น อัปปมัญญา ไม่มีประมาณ แต่อภัยทานของพระองค์นี้ก็ไม่สามารถทำให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ได้

    ธรรมทาน = การให้ธรรมเป็นทาน เป็นทานสูงสุด อย่างไรเรียกว่าการให้ธรรมทาน
    การให้นั้นต้อง มีธรรม เสียก่อน

    มีธรรม คืออย่างไร
    มีธรรม ก็คือ การเป็นเจ้าของ ได้มาด้วยความรู้ ความสามารถ จากการทุ่มเทประพฤติ ปฏิบัติ รู้เห็นเข้าใจหายสงสัยในธรรมข้อนั้นๆ ด้วยปัญญาของตนเอง

    ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าของเรา เมื่อท่านตรัสรู้ธรรม พระองค์ท่านตรัสสอนให้เวไนยสัตว์รู้ตามพระองค์หลุดพ้นตามพระองค์ได้ อย่างนี้เรียกว่า “ธรรมทาน”

    หลวงปู่ฯ หลวงตาฯ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านบรรลุคุณธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง เมื่อเทศนาธรรมสอน เราก็เรียก “ธรรมทาน”

    หรือผู้ที่เรียนจบปริญญาชั้นต่างๆ หากนำความรู้ที่ตนเล่าเรียนมานั้นไปสอนผู้อื่น ท่านก็เรียก “วิทยาทาน”

    ธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้นั้นต่างหากที่ ทำให้สัตว์โลก พ้นทุกข์ พ้นโศก พ้นเวร พ้นกรรม นำตนเข้าสู่พระนิพพาน

    “ธรรมทาน” นั้น ยิ่งใหญ่จริง ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม พ้นทุกข์จริง บรรลุได้จริง ธรรมทานนี้เป็นคุณแก่ผู้รับอย่างยิ่ง ธรรมทานจึงเป็นเลิศในเรื่องทาน

    “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”
    การให้ธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง

    พุทธพจน์บทนี้ จริงแท้แน่นอน ไม่มีเปลี่ยนแปลง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Y7388233-12.jpg
      Y7388233-12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.4 KB
      เปิดดู:
      203
  17. หญิงจัน

    หญิงจัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +2,655
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ

    การให้อภัย เป็นการให้ที่ประเสริฐ
    อนุโมทนาสาธุ
     
  18. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขอบคุณครับสำหรับทุกข้อความ ขออนุญาติเล่าหลักการปฎิบัติของตัวเองเพิ่มเติมให้ฟังนะครับ

    ผมจะปฎิบัติโดยเน้นหลักเมตตานำ เพราะผมคิดว่าถ้าจิตที่ต้องการจะปฎิบัติธรรมในตอนแรกถ้าขาดเมตตาแล้ว จะขาดความอ่อนโยนของจิต ซึ่งตอนที่เริ่มปฎิบัติใหม่ๆ จิตใจของผมยังมีความแข็งกระด้าง ขี้หงุดหงิดโมโหง่าย แต่ไม่เก็บไปคิด และผมคิดว่าถ้าต้องการจะลดกรรมของตัวเอง ต้องกำจัดจิตใจที่แข็งกระด้างและความเห็นแก่ตัวความไม่สนใจในชีวิตผู้อื่นนี้ให้ได้ก่อน

    และถ้าเราจะมีจิตที่เมตตาจริงๆเราก็ต้องพิจารณาในความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานทั้งทางกายและจิตใจจากความทุกข์ของตัวเอง แล้วนำไปเปรียบเทียบกับสัตว์หรือใครก็ตามที่เราเคยกระทำไว้ในอดีต คิดพิจารณาให้จนเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็จะรู้สึกอยากจะชดใช้กรรมให้เค้าให้สมกับที่เราเคยทำกับเค้าไว้ แต่การแผ่เมตตาก็เป็นสิ่งสมควรที่เราต้องทำ ไม่ใช่เพื่อให้เค้าอโหสิกรรมให้ แต่เพื่อหวังจะบรรเทาทุกข์ให้กับเค้าบ้าง ที่เค้าต้องทุกข์ทรมานในตอนนี้ก็เพราะเราเป็นต้นเหตุ จึงสมควรอย่างยิ่งแล้ว

    ผมจะปฎิบัติโดยการพิจารณาในทุกข์และข้อธรรมะต่างๆอยู่อย่างนี้เสมอ เพื่อให้จิตเกิดการจดจำ เหมือนกับการท่องสูตรคูณ ถ้าไม่ท่องก็ลืม ถ้าแค่กำหนดรับรู้ไปเฉยๆ แต่ไม่นำมาคิดพิจารณาให้จิตเกิดการจดจำ ไำม่นานมันก็ลืม แล้วเมื่อไหร่เราจะทำได้ ผมจึงชอบปฎิบัติแบบนี้ (แล้วแต่จริตของแต่ละคนว่าจะชอบแบบไหน)

    เมื่อปฎิบัติมากขึ้นจิตใจของผมก็ชักจะไม่ชอบอารมณ์โกรธ,เกลียด,อิจฉาริษยา และอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายของตัวเองที่มีอยู่หรือเคยมี ผมจึงตั้งใจที่จะขจัดอารมณ์ที่เลวร้ายทั้งหลายเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป (ซึ่งท่านทีปฎิบัติธรรมมากๆก็คงรู้สึกเช่นกัน)

    ทุกวันนี้ผมจึง ยินดีที่จะยอมรับกรรม และตั้งใจปฎิบัติเพื่อให้หลุดพ้นจากวัฎสงสารทั้งหลายเหล่านี้

    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  19. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    ทีเวลาตัวเองยังอยากให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ แล้วทำไมตัวเองจึงไม่อโหสิกรรมให้ผู้อื่นบ้างหล่ะ

    ชอบประโยคนี้มากค่ะ ทำให้ได้ข้อคิดที่ดี
    และการให้อภัย คือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    ขออนุโมทนาสาธุกับคุณด้วยนะคะ
     
  20. sonyordnakorn

    sonyordnakorn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    สิ่งใดที่เป็นไปในชาติก่อน ย่อมจะเกิดในชาตินี้ ถ้าเรารู้แล้วเราก็ควรแก้ไขเสีย
     

แชร์หน้านี้

Loading...