สมมตินะครับสมมติ+คำถามอีกมากมาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pakung, 5 ตุลาคม 2009.

  1. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    สมมติไม่มีมนุษย์
    สมมติไม่มีโลก
    สมมติไม่มีจักรวาล
    ไม่มีกรรม-เวร
    ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์

    ทุกวันนี้จะเป็นแบบนี้ไหม

    หรือเราจะไม่มีบอร์ดแห่งนี้(เอ๊ะยังไง)

    เข้าสู่คำถาม

    1.สวรรค์ของคนพุทธกับสวรรค์ของคนคริสต์นี่ที่เดี่ยวกันไหม
    2.ถ้าแยกกันงั้นมีสองสวรรค์งั้นหรอ
    3.ที่ถามมามันไม่จริงใช่ไหม
    4.จากข้อความสมมติข้างบน ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม

    คิดเล่น!! ไม่มีมนุษย์โลกก็จะไม่มีการเกิดทุกข์ ไม่มีทุกอย่าง ไม่มีกรรม-เวร
    แล้วทุกอย่างจะจบไหม

    ต้องมีคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ คือ ไม่มีมนุษย์ ย้อนไปว่ามนุยษ์เกิดมาได้ไง เกิดมาตามธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตเซลล์ขนาดเล็กแต่ถ้ามีโลก ยังไงมนุษย์ก็มีขึ้นมาได้ ไม่มีโลก โลกเกิดมาจากการรวมตัวของ ดารเคราะห์........ไม่มีจักรวาลก็ไม่มีดาวเคราะห์แต่มันก็ต้องเกิดก็ บิ๊กแบง มันทำให้เกิดนี่เราไม่ได้ไปทำให้มันเกิด

    แล้วเราจะหยุดมันไม่ได้งั้นหรอ แล้วอะไรคือทางออก มันไม่มีจริงๆหรอ



    คิดให้ปวดหัวเล่นๆ!!
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สมมติไม่มีมนุษย์
    สมมติไม่มีโลก
    สมมติไม่มีจักรวาล
    ไม่มีกรรม-เวร
    ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์

    เราสงสัยว่า ถ้าไม่มีกิเลสซักตัว เรื่องข้างบนมันก็คงจะไม่มี
    ทีมันเป็นนั่นเป็นนี่ไม่หยุดหย่อน ก็เพราะกิเลสตัณหามันมีที่ให้มันทำงานได้
    ถ้าไม่มีอะไรให้มัน ตัวมันเอง(กิเลส)โดดๆ มันก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนเชื้อโรค
    ที่ลอยไปลอยมา เข้ามาอาศัยในร่างกายไม่ได้ มันก็สร้างหรือเนรมิตความเจ็บไข้
    ได้ป่วยให้เราไม่ได้

    ตราบใดที่ยังมีกิเลส กิเลสมันก็คงดิ้นรนทำให้เกิดที่อยู่ที่อาศัย
    โดยการล่อลวงให้คนไม่รู้ หลงเข้ามาติดกับ พอติดกับแล้วก็หน้ามืด
    เห็นดีเห็นงาม ให้อยู่อาศัยจนรากงอกติดกันอยู่อย่างนั้น พอคนมันมีปัญญา
    รู้แล้ว ก็หนีไปไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับมัน เหลือแต่คนไม่รู้ ก็อยู่ไปรอวันที่จะรู้
    หรือไงก็ไม่รู้ หรือว่ากิเลสมีหน้าที่เป็นครูมาสอนให้พวกไม่รู้ ได้รู้ พอรู้แล้วจะได้
    กลับมาช่วยสอนให้ กิเลสให้มันรู้อีกที ถ้ากิเลสมันนิพพานหมด ก็คงจบจริงๆ ละมั้ง

    คิดเล่นๆ ให้คนมันงง เล่นๆ งงคนเดียวมานานแระ เหอๆ
     
  3. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ธรรมชาติของทุกสิ่งล้วนต้องการสมดุลของมันเอง ระบบเองก็เช่นกัน

    การรับรู้สุข ทุกข์แท้จริงล้วนอยู่ที่จิตใจ
    นรกสวรรค์จิตก็สร้างขึ้น
    และเวลาที่เราไม่มีสังขารแล้วจิตตัวรู้ รับเต็มๆไม่มีอุทรณ์
    เหมือนทำอะไรที่ผิดคุณธรรมแล้ว
    เกิดความรู้สึกผิดในใจ คิดเมื่อไหร่ก็หวนระลึก ก็ทุกข์ใจ นั่นแหละนรก
    สวรรค์คือเมื่อทำความดี ถูกต้องแล้วสุขใจ นั่นแหละสวรรค์

    1.สวรรค์ของคนพุทธกับสวรรค์ของคนคริสต์นี่ที่เดี่ยวกันไหม
    - แล้วความสุขความทุกข์ของชาวพุทธ กับคริสต่างกันไหม

    2.ถ้าแยกกันงั้นมีสองสวรรค์งั้นหรอ
    -คำตอบข้อ1 ไม่ต่างใช่ไหม

    3.ที่ถามมามันไม่จริงใช่ไหม
    -มันก็จริงใช่ไหม เป็นไปได้ไหม

    4.จากข้อความสมมติข้างบน ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม
    -อธิบายแบบนี้พอรับได้ใช่ไหม

    นี่คืออธิบายแบบเรื่องโลกๆเอง มันก็มองด้วยตา สัมผัสได้
    แต่ถ้าสัมผัสพลังได้ จิตละเอียดขึ้น ความจริงก็จะปรากฎแก่คุณเอง
     
  4. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208

    ตอบทีละอัน

    1.สวรรค์ของคนพุทธกับสวรรค์ของคนคริสต์นี่ที่เดี่ยวกันไหม

    เวลาตายถ้าได้ขึ้นสวรรค์ จะมีประตูสวรรค์รอรับ คนต่างศาสนา
    จะเข้าประตูสวรรค์ต่างกัน ปกติ มีห้าประตูใหญ่ รับแยกแต่ละศาสนา
    จากนั้น เทพเฝ้าประตู จะตรวจดู "กำลังรัตนตรัย" เช่น ในชาวคริสต์
    คำว่าพระพุทธ จะดูว่าศรัทธาพระเจ้ามากจริงไหม
    คำว่าพระธรรม จะดูว่าเข้าใจคำสอนของพระเยซูขนาดไหน
    คำว่าพระสงฆ์ จะดูว่าได้ให้การช่วยเหลือบุคลากรในคริสตจักรมากไหม


    เมื่อได้ตรวจ (ดูด้วยทิพย์ญาณ) แว่บเดียวก็รู้เลย ก็จะคัดแยกต่อไป


    คนพุทธถ้าศรัทธาทำบุญสัมพันธ์มาตรงต่อพระพุทธเจ้า แต่กำลังไม่ถึง
    จะต้องไปอาศัยพระสงฆ์ หรืออยู่ในวิมานคนที่เราเคยไปศรัทธาช่วยท่าน
    เช่น หากเราทำสิ่งดีเพื่อในหลวง และมีบุญได้อยู่กับท่าน เมื่อไปพบที่
    สวรรค์จะได้อาศัยวิมานท่านอยู่

    หรือบางคนมีวิมานของตนเอง ก็ไปของตนเองได้เลย คนละที่กัน


    ดังนั้น บางทีได้ขึ้นดุสิตเหมือนกัน แต่บางคนไปอยู่ใกล้พระเยซู
    บางคนไปอยู่ใกล้พระศรีอาริยเมตตรัย แตกต่างกันแค่อาณาเขตในสวรรค์ชั้นนั้น
     
  5. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208
    2.ถ้าแยกกันงั้นมีสองสวรรค์งั้นหรอ


    โลกธาตุมีเป็นหมื่นโลกธาตุ (มีกล่าวอ้างอิงในไตรปิฎก)
    ในโลกธาตุเหล่านี้ มีโลกธาตุที่เรียกว่ามนุษย์อยู่ได้ หรือ "โลกมนุษย์"
    อยู่น้อยมาก มนุษย์จึงเกิดได้ยาก และอุปมาดังปลายเข็ม


    ในหมื่นโลกธาตุนั้น มีไตรภพ หรือที่เรียกว่าโลกของเรา
    มีพรหมโลกธาตุ มีภพเดียวคือไม่มีนรกและเขตมนุษย์
    มีสุขาวดีโลกธาตุ มีภพเดียวคือไม่มีนรกและเขตมนุษย์


    โลกธาตุที่เป็นทิพย์ จะมีหลายชั้น แบ่งกันตามกำลังบุญบารมี
    ถ้าคุยกับเทวดา เขาว่าเขาอยู่เหนือสามภพนี้ แสดงว่าเขาอาจ
    มาจากพรหมโลก หรือสุขาวดีก็ได้ เพราะสามภพนั้นหมายถึง
    โลกที่เราอยู่นี้ มันจะประกอบเข้ากันเป็นสามภพ


    ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าแท้แต่พระโพธิสัตว์ บางองค์ก็อยู่ดุสิต
    คือ ในสามภพเรานี้ ใกล้เรานี้ ช่วยเราได้ง่าย

    บางองค์ไปอยู่ใกล้ โน่น สุขาวดีนั่น อีกโลกธาตุหนึ่ง เขาเรียก
    ว่าเป็นดินแดนของอามิตาภะ มีพระยูไลเป็นใหญ่ ในขณะที่ชั้น
    ดุสิตมีท้าวสันดุสิตเป็นใหญ่ มันคนละที่กัน


    สวรรค์มีเยอะแยะ สวรรค์สำหรับสามภพเราก็มีแค่หกชั้นเท่านั้นเอง
    สวรรค์ในสุขาวดีมีเยอะแยะหลายชั้นกว่านี้ หรรษาดี
     
  6. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208
    3.ที่ถามมามันไม่จริงใช่ไหม


    อย่ากลัวผิด ไหนๆ ก็เริ่มด้วยสมมุติแล้ว
    จะจริงไม่จริงแล้วมันก็แค่สมมุติไม่ใช่รึ?
     
  7. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208
    4.จากข้อความสมมติข้างบน ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม


    เป็นไปได้

    เป็นอะไร
    ไปไหน
    ได้อะไร


    พิจารณาไปสิ
     
  8. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208
    คิดเล่น!! ไม่มีมนุษย์โลกก็จะไม่มีการเกิดทุกข์ ไม่มีทุกอย่าง ไม่มีกรรม-เวร
    แล้วทุกอย่างจะจบไหม
    ........................


    มันจะจบได้ มันต้องมีเริ่มต้น
    ถ้าเริ่มจากไม่มีเลย จะเอาอะไรมาจบ?
     
  9. kuruzen

    kuruzen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +208
    แล้วเราจะหยุดมันไม่ได้งั้นหรอ แล้วอะไรคือทางออก มันไม่มีจริงๆหรอ
    .......................


    ธรรมชาติของมัน มีเกิดไม่สิ้นสุด มีดับไม่สิ้นสุด
    ปล่อยธรรมชาติไปสิ ทิ้งธรรมเสีย อย่าไปคิดหยุดมัน
    หยุดยังไงไหวละ ธรรมชาตินี่นะ จะให้มาหยุดกันไม่ไหวหรอก


    ทางออกมี คือ


    หยุดที่เรานี่แหละ ใครหยุดก่อนคนนั้นจบ ไม่ต้องมานั่งเกิด
    ที่เหลือ มันจะเกิดก็เรื่องของมัน ใครช่วยใครได้ ไม่หมดหรอก
    พระพุทธเจ้าก็มีข้างหน้าโน่น ไม่มีที่สิ้นสุด ก็รับไม้ต่อทอดกันไปสิ
    ใครอาศัยยุคนิพพานไหนได้ก่อนก็ไปก่อน รอดตัวไป ก็แค่นั้นเอง


    รถไฟไม่ได้มีเที่ยวเดียว ใครจองตัวเที่ยวไหนก็ไปเที่ยวนั้น
     
  10. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    แล้วรถไฟนั้นจะพาเราไปไหน แล้วเราจะได้อะไร แล้วถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น มีทางอื่นไหม

    หรือไม่มีทางเลือกอื่น
     
  11. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    (สมมติ)แล้วถ้าเราจะไม่ตาย คืออยู่แบบนี้มันไม่ได้ใช่ไหม

    ทุกอย่างมันมี 2 ทางนะ ดี ไม่ดี อะไรแบบนี้ มันน่าจะมีทางเลือก
     
  12. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    มนุษย์นี่ชอบเสี่ยงนะ แต่ โอกาสมักจะมีแค่ 1% อย่างเช่น หวยเลขท้าย 2 ตัว มีตั้งแต่

    01,02,01.........,100 ซึ่งความน่าจะเป็น คือ 1 ใน 100 หรือ เท่ากับ 0.01

    แล้วอะไรคือความมั่นใจถ้าไม่ใช่ปัจจุบัน มนุษย์ชอบคิดว่า ข้างหน้าต้องดีกว่า ไปตายเอา

    ดาบหน้า อะไรแบบนี้
     
  13. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    ทีนี้ประเด็นต่อไปไม่ใช่ มี หรือ ไม่มี แล้วก็ไม่ใช่มีทางอื่น แต่

    คือ ทำไมคนอื่นๆเห็นว่ามี แล้วทำบางคนเห็นอย่างอื่น อะไรคือความต่างนั้น

    หรือ ด้วยปัญญาของแต่ละคน
     
  14. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    ศิษย์เซนว่ามีแต่ความว่างเปล่า
    อาจารย์เซนว่า ไม้นี่ว่างเปล่าไหม
    ศิษย์ตอบ "ว่าง"
    หัวเธอละว่างไหม?
    ศิษย์ตอบว่า "ว่าง"


    "โป้ก" (เสียงอาจารย์เอาไม้เคาะหัว)


    ศิษย์ร้องโวยวายว่าอาจารย์เอาไม้ตีหัวทำไม
    อาจารย์เลยตอบว่า "ไหนว่าไม้ก็ว่าง หัวก็ว่างไง"?
     
  15. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    แต่ที่สมมติมาที่แรกคือ ไม่มีแบบไม่มีจริงไม่ใช่ไม่มีสมมติ โลกไม่มีจักรวาลไม่มี

    ดังนั้นเราก็ทำลายทุกอย่างเลย จบ แต่ก็มันทำไม่ได้ ใช่ไหม 55
     
  16. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130

    สมมุติ ไม่มีแบบไม่มีจริง มีแต่สมมุติ
    ถ้าทำลายสมมุติ ก็ไม่เหลือให้พิจารณา

    เพราะคุณสมมุติเป็นสมมุติตั้งแต่แรกสมมุติ
    ดังนั้นจะให้เป็นจริงแบบมีจริงแต่แรกสมมุติ
    จะเอามาแต่ไหน


    เมื่อสมมุติแรกนั้นไม่มีจริงแล้ว
    ก็แค่สมมุติ
     
  17. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    นักปราชญ์ที่นิยมเล่นคำกับสุญตาเป็นไฉน?


    คนพวกนี้เอาสุญตาไปเป็นเครื่องหมายตรรกะบ้าง
    เป็นเครื่องหมายเหมือนเลขคณิตบ้าง เช่น - กับ -
    เป็น + ไหม 0 คูณ อะไรเป็นศูนย์ไปหหมดไหม


    นั่นเพราะเขายังเห็น "สัจธรรม" เป็นแค่ "ทฤษฎี"
    ยังไม่ได้ปฏิบัติให้เห็นแจ้งเห็นจริงในธรรม
     
  18. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    นักปราชญ์ที่นิยมเล่นคำกับสุญตาแบบที่สอง


    อ่านเยอะอ่านมาก จับเละเทะไปหมด ยุ่งเหยิง
    เลยเอาไปลงที่สุญตา บอกว่าสุญไปหมดแล้ว
    คราวนี้ละ ฉันบรรลุแล้ว แต่ญาณหยั่งรู้ยังไม่มี
    เลย ไม่มีแต่ญาณหน่ายโลก แล้วจะปล่อยวาง
    โลกได้ไฉน?


    ญาณแรกไม่มี ญาณต่อไปก็ไม่เกิด
    แล้วอาสวขยญาณจะมาแต่ไหน?
     
  19. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    ไม่ได้หมายความว่า สมมติไ่ม่มีแต่ สมมติคือ ไม่เกิดขึ้น แต่มีโอกาสเกิดได้ ก็มีจริงนั่นเอง

    แง่ว งง นะเนี่ย ถ้าเราทำให้คนดีไม่ได้ด้วยวิธีดีๆเราก้ฆ่ามันทิ้งซะ จบๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้

    ก็เลยถามว่าทำไมเป็นไปไม่ไ้ด้ 666
     
  20. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130

    ก็ใช่ไง คุณสมมุติว่าไม่มีแบบไม่จริง ก็มีแบบสมมุติ
    ไม่ได้ว่าไม่มีสมมุตินี่นา แต่ถ้าไม่มีสมมุติอีก ก็ไม่มีหมายให้พิจารณา
    ถ้านั่งกรรมฐานก็ไม่กำหนดอะไรพิจารณาเลย หลับตาไปวันๆ สมถะดี


    ส่วนเรื่องทำให้คนดีไมได้ก็ทำลายนั้นไม่เกี่ยวกัน
    แต่กระบวนการทำลาย ก็ช่วยเป็นเครื่องเตือนมนุษย์ได้
    หากไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าความดับเป็นของ "ดีหรือเลว"
    ก็พลิกแพลงใช้วิกฤติในโอกาส โอกาสในวิกฤติได้ไม่ยาก


    เข้าใจไหม?
     

แชร์หน้านี้

Loading...