สมมุตินะครับสมมุิติ

***เซ็นกล่าวไว้น่าคิดว่า****


***ไม่มีใครที่บรรลุ ไม่มีอะไรที่บรรลุ ***


***ผู้มีดวงตาเห็นธรรม ก็คือ ผู้ที่เริ่มมองเห็น(เข้าใจแจ่มแจ้ง)ว่า \"ไม่มีตัวตนของใครๆจริง\"(มีแต่มายา-ของหลอก) ***

เผอิญชีวิตต้องไปพัวพรรณกับการเล่นบทบาทสมมุติเหมือนเล่นละครเหมือนจัดฉากอ่ะครับแล้วเกิดความทุกข์ความเบื่อหน่ายขี้เกียจเล่นแระ
ก็มานั่งหลังห้องมองเพื่อนๆเค้าเล่นไปตามบทตามบาท


***ด้วยความเบื่อแระบ้าและเซ็งเลยคิดอะไรเพี้ยนๆบางอย่างว่า ถ้าชีวิตนี่คือการจัดฉากคือละคร ที่เราเป็นอยู่คือเนี่ยก็เป็นสมมุติบัญญติไปตามบท ที่เราทำนู้นทำนี่ก็เป็นบทบาทสมมุติเล่นไปตามบท โลกก็สมมุติตัวเราก็สมมุติอ่ะดิ***

ตอนแรกก็ขำๆเหมือนบรรลุ แต่หลังๆเริ่มขำไม่ออกกับไอ้ตลกร้ายเรื่องนี้เพราะใจมันเริ่มคิดว่าเป็นเรื่องจริงซะแล้วไม่น่าไปคิดมันเลย แล้วมันกลัวอ่ะคับหลอน พักหลังมีอาการทางประสาท ไปๆมาๆเลยต้องมาอยู่เวปนี้

ตอนนี้ก็มีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ในหัวใจแทนดาราเกาหลี แล้วก็ปฎิบัิติธรรมพยายามรักษาศีลห้าแทนไปเที่ยวผับกินเหล้าเล่นฟิตเนสเตะบอลครับ เมื่อก่อนมีแต่เวปโป๊ในหัวใจตอนนี้เป็นเวปพลังจิตแทน กลายเป็น buddhism แทน alcoholism แต่ยังไม่หายบ้าเลยครับเพราะตอนนี้เห็นในโลกมีแต่คนบ้า
***ก็โลกมันสมมุติอ่ะ***

 

ยินดีด้วยครับที่คุณหันมาปฎิบัติธรรม แล้วก็อย่าใช้คำว่าบ้า เลยครับ ศึกษาไปเรื่อยเรื่อยนะครับอย่าเพิ่งยึดติดกับนิยามที่เขาอธิบายสภาวะบรรลุธรรมที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ต้องเข้าถึงเองด้วยตัวเองเท่านั้นและด้วยการปฎิบัติตามมรรคมีองค์8 เรียนอริยสัจ4