สร้างพระพุทธรูป บูชาพระ ผิดจากพระพุทธเจ้าสอนหรือไม่ ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ปถุชนคนดี, 5 ตุลาคม 2011.

  1. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    ผมสงสัยว่ามีบัญญัติไหมครับว่า ห้ามสร้างรูปเคารพหรือพระพุทธรูป และการกราบไหว้บูชานั้นผิดจากที่พุทธองค์สอนรึไม่ เพราะมีบางคนก็ว่ามีบัญญัติไว้
    ผมก็เลยอยากทราบว่าแท้ๆแล้วเป็นอย่างไร

    แต่ตลอดมาผมก็กราบไหว้บูชามาตลอดถึงปัจจุบันผมถือว่าระลึกถึงพุทธองค์ไม่ได้ถือเอาวัตถุเป็นสรณะ แต่ด้วยความอยากรู้เพราะเห็นพูดกันอยู่มากทีเดียวในเรื่องนี้จึงขอให้ผู้รู้ช่วยตอบให้ผมรู้แจ้งหน่อยเถิดครับ คนเขาโจมตีกันมามากในจุดนี้ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรหากจะว่ากันตามพระไตรปิฏกจริงๆ
     
  2. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เท่าที่ผมเคยอ่าน พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าจะบูชากราบไหว้พระพุทธองค์ ก็สามารถกราบ สังเวชนียสถาน ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน .. หรือ การกราบบูชาต้นศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้
    ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งเหล่านี้คือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เรานึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธองค์ ความบริสุทธิ์ของพระองค์ เช่นเดียวกัน พระพุทธรูป ก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราระลึกถึงคุณงามความดี ความบริสุทธิ์ที่พระองค์สอนธรรมแก่มนุษย์โลก ดังนั้น ไม่ผิดถ้าจะสร้างขึ้นเพื่อให้เรา ตระหนักถึงการ ทำดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เมื่อเห็นแล้วตระหนักถึงพระธรรมคำสอนและน้อมนำไปปฏิบัติ.... ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า บูชาเครื่องไม้ของหอม ใด ก็ไม่เท่าปฏิบัติตามธรรมที่พระองค์สอน ดังที่คำตรัสว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต..... ตามความคิดของผม คนที่มีสัมมาฐิถิ ไม่ใช่หวังแต่จะสร้างวัตถุให้ใหญ่โต การสร้างพระก็เป็นสิ่งที่ดีงามมีพระคุณใหญ่หลวงเมื่อน้อมจิตตาม... แต่สำหรับคนที่มี มิจฉาฐิถิ คือ หวังเงินทองลาภยศสรรเสริญ จากพระ รวมถึงเครื่องรางของขลัง แบบนี้ ผมไม่เห็นด้วย........ สรุปคือ อยู่ที่จิต ..... ไม่ผิด และอยู่ที่ผู้สอน

    ... สุดท้าย ถ้ายุคนี้ คนเราจะเข้าใจว่า การกราบไหว้บูชาพระ คือการน้อมจิต ปฏิบัติตามธรรมบริสุทธิ์ จะดีมาก.......... แต่เห็นเยอะๆที่คนทั่วไป ไหว้พระ ทอดผ้าป่า แต่กินเหล้า ผิดศีล อย่างนี้จะทำอย่างไร...........
     
  3. yummysushi

    yummysushi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +6
    ดิฉันเห็นด้วยกับคุณ Fabreguz ค่ะ (แหม ชื่อสะกดยากจังอ่ะ ภาษาเยอรมันหรือเปล่านี่ ไม่ได้เรียนเสียด้วย)

    ท่านที่ว่า สมัยพุทธกาล ไม่มีพระพุทธรูป แล้วพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สั่งให้สร้างนั้น ดิฉันว่าตรรกะตรงนี้ มันตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ในสมัยนั้น เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ ผู้เลื่อมใสก็เดินทางไปกราบองค์ท่าน ฟังธรรมจากท่านโดยตรงมิดีกว่าหรือค่ะ คงยังไม่มีใครที่คิดจะสร้างองค์แทนในเมื่อพระองค์ท่านยังอยู่ (คนละคอนเซปต์กับพิพิทธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทรูโซ นะคะ อันนั้น คนดังหลายๆคนยังมีชีวิตอยู่ ก็ปั้นเอาไว้โชว์ ให้คนเข้าชมได้)

    และที่อ้างว่า พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญัติให้สร้างพระพุทธรูปนั้น ดิฉันว่าท่านไม่ได้ต้องการให้เราเน้นไปที่อามิสบูชา อย่างที่คุณ Fabreguz กล่าวไว้ หากแต่ให้ทุกคนพยายามปฏิบัติให้ถึงธรรมต่างหาก
    การที่ชนรุ่นหลัง สร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นรูปแทนพระองค์ ก็ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพุทธานุสติ ให้ระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน แล้วรีบเร่งลงมือปฏิบัติ จะได้เห็นธรรม รู้ธรรม ตามท่านในอนาคต

    ในครั้งที่ทรงเพิ่งตรัสรู้ใหม่ๆนั้น หากทรงตัดสินพระทัย ที่จะ "ไม่"นำเอาพระธรรมที่ทรงได้จากการตรัสรู้มาเผยแผ่ พูดง่ายๆว่า หลุดพ้นเพียงพระองค์เดียว เราจะมีพระธรรมคำสอนถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันไหม หากไม่ใช่เพราะพระกรุณาธิคุณ อนุเคราะห์สัตว์โลกให้หลุดพ้นตามกำลัง และสติปัญญาของตน ก็คงยังไม่มีพระธรรมคำสอนบันทึกเป็นพระไตรปิฎกโดยพระสาวก ไม่มีพระสงฆ์องค์แรก คือพระโกญทัญญะ อุบัติขึ้นในโลก และสืบทอดจรรโลงพระศาสนามาจนปัจจุบัน

    ส่วนเรื่องการสวดมนต์ ที่ท่านกล่าวว่า ไม่รู้จะสวดไปทำไม อ่านก็ไม่เห็นเข้าใจภาษาบาลี อย่าสวดมันเสียดีกว่า
    ดิฉันว่า ปราชญ์ฆราวาสและพระเถระในอดีตมากมาย ที่ได้ทำคุณประโยชน์โดยการแปลบทสวดเหล่านั้น หรือทำการรจนา (แต่งขึ้น) พร้อมมีคำแปลเป็นภาษาไทยให้เราได้เข้าใจ และน้อมจิตระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ แล้วทำไมเราชนรุ่นหลังผู้มีความรู้น้อยนิด จึงไม่ใช้ประโยชน์ที่ได้จากผู้ศึกษาดีแล้วเหล่านั้น และอนุเคราะห์ประโยชน์ให้เล่า

    แม้การสวดมนต์จะไม่ได้ทำให้เราสำเร็จมรรคและผล แต่ก็เป็นอุบายให้จิตสงบ และพิจารณาธรรมตามบทสวดนั้นๆ ในการปฏิบัติ จึงไม่ควรปรามาสบทสวดมนต์ หรือห้ามมิให้ผู้อื่นสวดเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ อย่างนี้ไม่ถูกต้องเลย

    ในเรื่องมิติทางสังคมไทย ต้องเข้าใจว่า สังคมไทยอยู่คู่กับความเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ เทวดานางฟ้า มาแต่อดีต ชาวบ้านนับถือต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ ลำธารต่างๆ กระทั่งจอมปลวก หรือจิ้งจกเก้าหาง หรือนับถือผีบรรพบุรุษ มันฝังรากลึก เพราะเค้าไม่มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เมื่อเวลาที่เค้ามีความกลัวในรูปแบบต่างๆ ทุกขเวทนาจากการเจ็บป่วย การสูญเสีย และอื่นๆ การไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงหรือความไม่แน่นอนในชีวิตนี้เอง ที่ทำให้เค้าต้องหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ซึ่งมันสั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ฉะนั้นจึงไม่แปลก หากชาวบ้านร้านถิ่นเหล่านั้น เมื่อผันตัวเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ไม่เคยเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนที่ลึกซึ้งหรือลงมือปฏิบัติ จะเข้าใจพระพุทธศาสนาแต่เพียงผิวเผิน และยึดถือเอารูปหล่อหรือเครื่องลางของขลังเป็นที่ยึด สิ่งที่ควรแนะนำเขาเหล่านั้นคือ ให้หันมายึดถือพระไตรรัตน์เป็นสรณะ ให้ถึงที่ใจ และลงมือปฏิบัติให้เข้าใจธรรม ส่วนรูปหล่อ พระเครื่องต่างๆนั้น ไม่จำเป็นต้องทำลาย เพียงแต่ให้รู้ให้เข้าใจว่า เป็นเครื่องระลึกนึกถึง คุณพระศรีรัตนตรัยเท่านั้นค่ะ
     
  4. suppanid

    suppanid Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +44
    จริงแล้วกายและรูปของเราก็เป็นสิ่งสมมุติเป็นเพียงสิ่งที่จิตอาศัยเพื่อแสดงการสื่อสารกับกายและรูปของคนอื่น ฉะนั้นรูปปั้นพระพุทธเจ้าก็เปรียบเป็นสื่อที่จะทำให้เราสามารถระลึกถึงพระพุทธองค์เช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...