สัตว์ตายหมู่รอบโลก

รายงานคร่าวๆจากเหตุการณ์สัตว์ตายหมู่รอบโลก
เริ่มจากประเทศอเมริกา
รัฐอาร์คันซอ ใกล้คอฟฟี่วิลล์ นกตาย 200 กว่าตัว, ริมฝั่งแม่น้ำอาร์คันซอตลอดฝั่งยาวราว100ไมล์มีปลาDrum fish หน้าคล้ายๆปลาตะเพียนเกยตื้นตายนับแสน , ในอาร์คันซออีก มีนกตกลงมาตายกว่า 5000 ตัวที่ Beebe
** เหตุการณ์นกตายที่Beebe เกิดขึ้นในคืนวันส่งท้ายปี 2010 ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า "พวกมันบินพุ่งชนหลังคาบ้านหลายหลังรวมทั้งต้นไม้ก่อนตกลงมาตายตามท้องถนน" จากการชันสูตรเบื้องต้นพบบาดแผลตามลำตัวพวกมัน ซึ่งอาจเกิดจากถูกของไม่มีคมกระแทกเข้าอย่างแรง หลายคนตำหนิพลุไฟที่จุดฉลองปีใหม่ พวกเขาเชื่อว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันตกลงมาตาย อะไรคือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้นกสูญเสียทัศนวิสัยในการบินเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต้องค้นหากันต่อไป
รัฐลุยเซียน่า ที่มอร์แกนซา ไฮเวย์ พบนกตกลงมาตายตลอดทางกว่า 500 ตัว
รัฐอริโซน่า ที่ Tucson พบค้าวคาวตายราว 70 ตัว
รัฐเท็กซัส ที่ Highway Bridge Cross Lake O' ซานโตนิโอ พบปลาและนกตายหลายสิบตัว
รัฐมิชิแกน พอร์ทเอ็ดเวิร์ด พบปลาตายหลายร้อยตัวเกยชายหาด
รัฐอิลลินอยส์ ชิคาโก พบปลาตายหลายร้อยตัวริมหาด
รัฐแมรี่แลนด์ ที่Chesepeake พบปลาตายเป็นล้านตัวเกยหาด
** หลังจากเกิดเหตุการณ์อุณหภูมิน้ำลดลงผิดปกติ
รัฐเคนตักกี้ กิลล์เบิร์ท วิลล์ พบนกตกลงมาตายหลายสิบตัว
รัฐนอร์ทแคโรไลนา พบนกพิลิแกนกว่าร้อยตัวตาย
รัฐเซาท์แคโรไลนา พบปลาดาวและแมงกะพรุนตายหลาย 100 ตัว
รัฐฟลอริด้า เซาท์เดโทน่า พบปลาตายหลายพันตัว , โคโค บีช พบปลาตายหลายพันตัวเช่นกัน นอกจากนี้ Spuce Creek ยังพบสัตว์ทะเลตายเป็นจำนวนมาก ยอดรวมสัตว์ทะเลตายที่ฟลอริด้าคาดว่าอาจสูงเกินหนึ่งล้านตัว
** น่าสังเกตคือเหตุการณ์ที่ฟลอริด้าเกิดขึ้นหลังจากปลาตายหมู่ที่แม่น้ำอาร์คันซอในวันเดียวกัน
โดมินิกัน ที่ Etang Saumatre พบปลาตายหลายร้อยตัว
ฟิลิปปินส์ ที่ Lapu Lapu พบปลาตายหลายพันตัว
ญี่ปุ่น ที่ Tattori พบนกตายว่ายี่สิบตัว อันนี้พบสาเหตุชัดเจนว่าติดเชื้อไวรัส
นิวซีแลนด์ Waikawau Beach พบปลากระพงตายหลายร้อยตัว และที่โอ๊คแลนด์ แถวชายหาด Bastaquet พบปลาตายเกยตื้นหลายสิบตัน นอกจากนี้ยังพบนกเพนกวินตายอีกจำนวนหนึ่งที่ Whangarei
ออสเตรเลีย ใกล้คอรัล ซี พบปลาตายหลายพันตัว และพบอีกหลายร้อยตัวตายแถววิคตอเรีย
เวียดนาม ที่Tan Chauพบปลาตายราวร้อยห้าสิบตัน
อังกฤษ พบปลาตายหลายร้อยตัวที่Liverpool,Peterborough,Bermingham , พบปูม้าและปูปีศาจตายอีกนับไม่ถ้วนตลอดชายหาดที่ Kent
** หลังจากเกิดเหตุการณ์อุณหภูมิน้ำลดลงผิดปกติ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุเดียวกันที่ทำให้ปลาจำนวนมหาศาลตายหมู่ที่แมรี่แลนด์ในอเมริกา
อิตาลี พบนกเขาพากันตกมาตายราว300 กว่าตัว
** น่าสังเกตว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ปลาตายหมู่ที่แมรี่แลนด์ในอเมริกา
สวีเดน พบนกตกลงมาตายเช่นกันหลายร้อยตัว
บราซิล ที่ Paranagua พบปลาตายจำนวนมากกว่าร้อยตันเกยชายหาด
** เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวัน 30 ธันวาคม 2010

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สาเหตุชัดเจนที่สัตว์ตายหมู่คือที่ญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ ส่วนที่อิตาลี คนที่ทำงานในองค์กรอนุรักษ์คาดว่า พวกมันกินเมล็ดทานตะวันมากเกินไป และอาจถูกพิษตกค้างในเมล็ดทานตะวัน แต่ในอีกหลายประเทศยังไม่พบการติดเชื้อและไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเกิดจากอากาศหนาวจัดผิดปกติและอ็อกซิเจนลดลง ทำให้พวกมันตาย
สำหรับประเด็นพลุปีใหม่ ชาวเมืองสวีเดนบริเวณใกล้เคียงปฏิเสธโดยสิ้นเชิง จุดที่มีการเฉลิมฉลองอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นพื้นที่ชนบท พวกเขาจุดกันทุกปีและยังไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้
นอกจากนั้นในบางจุดมีผู้พบว่านกบินต่ำกว่าระดับปกติก่อนตกลงมาตาย ผู้ที่เห็นเหตุกาณ์ในบางประเทศ พบว่าพวกตกลงมาตายอย่างฉับพลันโดยไม่มีสาเหตุ ร่วงลงมาเป็นกลุ่มๆละสิบยี่สิบตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นการตายหมู่ของนกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน หลายคนเชื่อว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วโลกเหนือ นกและปลาเป็นสัตว์ที่มีสัมผัสไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติครั้งใหญ่ทำให้หลายคนเริ่มกังวล อย่างไรก็ดีผู้ที่เกี่ยวข้องนำตัวอย่างนกและปลาเข้าแล็บเพื่อหาข้อเท็จจริงแล้ว

สำหรับอเมริกาจุดที่พบสัตว์ตายในหลายรัฐน่าสังเกตว่า เกิดขึ้นทางตอนใต้และฝั่งตะวันออกซึ่งใกล้หรือติดทะเล ในหลายจุดหลายประเทศก็พบเช่นเดียวกัน ลองดูแผนที่ค่ะ สำหรับชาวประมงที่ Paranagua บราซิล พวกเขาเฉลิมฉลองใหญ่โตโดยเรียกงานฉลองนี้ว่า "การเฉลิมฉลองครั้งสุดท้าย" พวกชาวประมงรู้ดีว่า "นี่เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ" แต่พวกเขาก็ดีใจที่ขายปลาจำนวนมากมหาศาลโดยไม่ต้องออกเรือ

อย่างไรก็ดีจขกท.ไม่มีเจตนาให้ผู้ใดกังวลหรือตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ อยากให้ช่วยกันคิดช่วยกันค้นมากกว่าค่ะว่ามันเกิดจากอะไร ดูตำแหน่งของจุดพิกัดที่ตั้งและเปลือกโลกว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ในแต่ละที่ โดยส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยสบายใจตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงมาทราบข่าวสัตว์หลายที่ตาย ทั้งที่ทุกอย่างเป็นปกติการงาน การเงิน ครอบครัว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ไม่อยากให้กลัวและไม่อยากให้ประมาทจนเกินไปค่ะ ธรรมชาติมีระบบคัดสรรของมันเพื่อให้ทุกอย่างสมดุลย์ เมื่ออะไรเสียสมดุลธรรมชาติย่อมซ่อมแซมไปสู่จุดเดิม

 

ขอร่วม แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ เหล่านั้น จงเป็นสุข เป็นสุข เถิด สาธุ

 

ผมได้ดู History Channel เรื่อง Nostradamus Effect

เกี่ยวกับ ดวงตราทั้งเจ็ดที่นำไปสู่วันสิ้นยุค

มีพระธรรมวิวรณ์ กล่าวถึง เมื่อเทวทูตเป่าแตร จะมีการนำน้าที่อยู่ในหลอดแก้ว

เทราดมาบนโลก ส่งผลให้เกิดโรคระบาดไปทั่วโลก ผู้คนจะอดอยาก

เลือดของมนุษย์และสัตว์จะเทรวมกันทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีแดงฉาน

 

มีข่าวออกมาว่า แกนแม่เหล็กโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงเคลื่อนย้ายไปทำให้สัตว์ที่ใช้การเดินทางโดยใช้แม่เหล็กเป็นตัวนำทำให้มันบอดจึงเกิดการตายทั่วโลก

 

ควรจะเร่งทำความดีคะ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด และจะเกิดเร็วหรือช้าก็ไม่อาจทราบได้คะ

 

ถ้าเหตุการฺณนกตกมาตายส่วนหนึ่งเพราะก๊าซมีเทน ก็น่าจะเกิดเพราะอิทธิพลของเปลือกโลกและสารเคมีจากภาวนะนั้นที่เข้มข้นเจือปนสิ่งแวดล้อมค่ะ

 

แต่ไทยไม่มี!?

 

เรื่องสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วโลกเหนือเปลี่ยนแปลงฉับพลันน่าสนใจมากเหมือนที่คุณ tim6996 ว่า บางคนตั้งข้อสังเกตโครงการลับของอเมริกาที่ชื่อว่า HAARP ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ที่ทำให้สัตว์ตายหมู่อย่าผิดปกติเช่นนี้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ iwhale

เริ่มกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก ในกรณีนกตาย ปลาตาย และสัตว์อื่นๆพากันตายหมู่ในหลายๆที่ทั่วโลกตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา

ใน ระหว่างที่รอสาเหตุการตายก็มีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาๆใน Social Media และโดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุก็จะเกิดความหวาดวิตก กันมากหน่อย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเท่าที่มีในวันนี้นับเป็นเวลาราวหนึ่งสัปดาห์มาแล้ว ของการเกิดเหตุ

ผมขอนำเสนอทฤษฎีที่น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือ ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต (Deadly Sound Theory)

การ ตั้งทฤษฎีคือหนึ่งในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปทดลองหาข้อเท็จจริงต่อไป ดังนั้นเมื่ออ่านแล้วควรยึดหลักกาลามสูตรคืออย่าเพิ่งเชื่อนะครับ

คลื่นเสียง สามารถส่งพลังงานผ่านตัวกลางมาได้ เช่น อากาศ ลองดูการทดลองทำแก้วไวน์แตกได้ด้วยการเปิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือน

เสียง มีความถี่ที่แตกต่างกัน มนุษย์สามารถได้ยินเสียงที่มีช่วงความถื่เสียง 20Hz - 20,000 Hz โดยประมาณ ย่านเสียงความถี่ต่ำ (<20 Hz) จะเรียกว่า “Infrasound” ส่วนย่านความถี่สูง (> 20,000 Hz) จะเรียกว่า “Ultrasound’

เรา คุ้นเคยกับอัลตราซาวน์เป็นอย่่างดี โดยเฉพาะตอนที่แพทย์ให้ดูบุตรในครรภ์มารดาด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูง เข้าไปสะท้อนออกมาสร้างเป็นภาพ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ค้างคาวส่งเสียงความถี่สูงออกไปใช้ในการมองเห็น ในเวลากลางคืน ส่วนอินฟราซาวด์นั้นสัตว์บางชนิดก็ได้ยิน เช่น สุนัข,ช้าง จะสามารถได้ยินเสียงสั่นสะเทือนฮัมๆที่เป็นความถี่ต่ำได้ด้วย ช่วงที่จะเกิดสีนามิจึงสังเกตว่า ช้างไทยและช้างในเอเชียได้ยินเสียงนี้และพยายามวิ่งหนีออกห่างฝั่ง ปลาและกุ้ง สัตว์ทะเลหลายๆชนิดต่างพากันหนีมาที่ชายฝั่งให้จับกันได้ง่ายๆเป็นต้น

กบพยายามวิ่งเสี่ยงตายข้ามถนนช่วงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในจีน

สิ่ง หนึ่งที่วิจารณ์กันมากคือ ทำไมสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่ตายแต่สัตว์อื่นไม่ตายในบริเวณเดียวกัน ขอยกตัวอย่างปลา Drum Fish ซึ่งหากถูกสารพิษในแหล่งน้ำก็น่าจะมีสัตว์อื่นตายไปด้วย สิ่งที่ดรัมฟิชแตกต่างคือ กายวิภาคของมัน คืออวัยวะที่ใช้ในการส่งเสียงและรับเสียง ที่มันชื่อดรัมฟิชก็เพราะมันสร้างเสียงได้แปลกๆและมันก็มีอวัยวะรับเสียง พิเศษอยู่ด้านหลังดวงตา ต้องชำแหละออกมาจึงจะเห็น ซึ่งอวัยวะนี้จะรับเสียงเข้าสู่สมอง จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดรัมฟิชได้ยินเสียงความถี่ต่ำพร้อมๆกัน และอาจเป็นเสียงที่ดังมากจนมันได้รับพลังงานสูงและตายในที่สุด ซึ่งตรงนี้อยากให้มีการชำแหละอวัยวะชิ้นนี้ออกมาดูว่ามันมีความเปลี่ยน แปลงอย่างไรหรือไม่

ต้นกำเนิดเสียงความถี่ต่ำ (Infrasound) น่าจะมาได้จากแผ่นดินไหว เสียงการเคลื่อนใต้ธรณี ภูเขาไฟ หรือแม้แต่บนอากาศเช่น ออโรร่า, เสียงประจุไฟฟ้า ฯลฯ หรืออาจเกิดจากฝีมือมนุษย์ก็ได้เช่น ดอกไม้ไฟ, เสียงระเบิด หรือแม้กระทั่งลือกันว่ามีการสร้างอาวุธชนิดใหม่เกิดขึ้น

ประเด็นนี้ ยังต้องติดตามต่อกันอีกครับ ข้อเสนอตอนนี้ของผมคือ ควรที่จะสร้างเครือข่ายรับมือ - Crisis Response Network ขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเน้นประสานงานทุกภาคส่วนและให้ภาคประชาสังคมเป็นแกนนำเพราะจะกระจายตัวทำ งานได้ในทุกพื้นที่และทุกเวลาอยู่แล้วครับ

เครดิต คุณสันโดษ http://palungjit.org/threads/2012-ตอน-ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต-harrp-ปลาตาย-นกตาย-ฯลฯ.273328/page-7

 

เครดิต http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-53

 

7 มกราคม 2011 สนามบินแทมป้าในรัฐฟลอริด้า,อเมริกาปิดบางรันเวย์เนื่องจากตรวจสอบพบว่า "แม่เหล็กขั้วโลกเหนือเปลี่ยนไปกว่า10องศา"
ที่มาข้อมูล : คุณ Ong กระทู้ "อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสนามแม่เหล็กโลกสลับขั้ว"
_____________________________________________

เหตุการณ์ตายหมู่ของปลาที่ฟลอริด้าซึ่งเกิดหลังจากอาร์คันซอรวมทั้งนกก่อนการปิดรันเวย์ที่แทมป้า,ฟลอริด้าไม่นาน แสดงว่าพวกสัตว์ทั้งนก ปลา หรือค้างคาวที่อริโซน่า พวกมันรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกและเป็นสาเหตุการตายของพวกมันเนื่องจากปรับตัวไม่ทัน

 

ติดตามข่าวเหล่านี้ด้วยความสนใจอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่เห็นมีข่าวความคืบหน้า หรือมีข้อมูลที่ระบุสาเหตุที่ชัดเจนเสนอเป็นข่าวออกมา

ที่ผ่านมา(ข่าวเก่า)ก็มี นกเพนกวิน ตายหมู่ 500 ตัว
เว็บบอร์ด กระดานข่าว จ๊ะจ๋ากับคุณสลัก ละคร7สี ประชาสัมพันธ์-www.ch7.com

เรื่องเพนกวิน นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า อาจจะอดอาหารตาย !?

 

ได้ดูข่าวเหมือนกันค่ะ เมื่อคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่ผันแปรรวดเร็วมากจนสัตว์เหล่านั้นตั้งตัวไม่ทันนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ

บรรดาสัตว์ตามเรื่องข้างตนจะตายด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำมาตั้งแต่ต้นภพต้นชาติจนถึงปัจจุบันให้กับพวกเขาด้วย ขอจงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

 

โพสท์โดยคุณ OLDMAN AND A CAR
วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔...

Earth's magnetic pole shift unleashing poisonous space clouds linked to mysterious bird deaths


อ้างอิง (http://www.physorg.com/news/2011-01...).

สาเหตุของการเสียชีวิตของนกและ ปลา จำนวนมากทั่วโลก มีความเชื่อมโยงกับ การเปลี่ยนขั้วสนามแม่เหล็กโลก..


๑....เมื่อเร็วๆนี้...ทางวิ่งที่ 18R/36L, ของสนามบินในเมือง เทมป้า ซึ่งปกติต้องทำมุม ๑๘๐(18R) องศา กับทิศเหนือ เมื่อ มองมาจาก ทิศเหนือ และ ทำมุม ๓๖๐(36L) องศากับทิศเหนือ เมื่อมองจาก ทิศใต้ ...ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ทิศทางอย่างมาก จนต้องเปลี่ยนระหัส ใหม่ เป็น 19R/1L...ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงของขั้วแม่เหล็กโลก การ เปลี่ยนแปลงนี้...สังเกตได้ชัดเจน...



...สนาม แม่เหล็กโลก...เป็นเกราะกำบังพายุสุริยะ และ พลังสนามแม่เหล็ก จากดาวดวงอื่น ที่กระทำกับโลก หลักๆ คือ ป้องกันรังสีแกมม่า และ คลื่นความร้อน หรือ รังสีเหนือม่วง ไม่ให้ตกกระทบพื้นผิวโลก มากเกินไปจนเป็นอันตรายกับสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลก...เกราะกำบังที่ว่า เรียกว่า แมกนีโตสเฟียร์


คุณสามารถ ดูภาพของสิ่งที่กล่าวถึงได้ที่

http://www.theozonehole.com/magneti...


๒....นี่...ไม่ใช่เรื่องใหม่...หากแต่ เคยเกิดขึ้นกับโลกนี้ ในทุกระยะ สองสามพันปี นับหลายร้อยครั้ง เราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า geomagnetic reversal (http://en.wikipedia.org/wiki/Geomag...).


...ใน ระหว่างที่เกิด...สนามแม่เหล็กโลกจะอ่อนกำลังมากและ ไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดช่องว่าง ในแมกนีโตสเฟียร์ เป็นผลให้ บางสิ่งบางอย่างทะลุทะลวงลงมาสู่พื้นบรรยากาศในระดับต่ำได้ สัปดาห์ที่แล้ว รายงานจาก กระทรวงสถานการณ์ผิดปกติ ของ รัสเซีย หรือ the Russia's Ministry for Extraordinary Situations (MCHS) (http://en.wikipedia.org/wiki/Minist...) ระบุว่า เมฆอวกาศที่เป็นพิษ ได้ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก และ นกทั้งหลาย จะ เป็นผู้สัมผัสกับสิ่งนี้ เป็นพวกแรกๆ...


...เมฆอวกาศนี้ มีชื่อเรียกเฉพาะว่า..เมฆน๊อคทิลูเซ้นต์ Noctilucent clouds http://en.wikipedia.org/wiki/Noctil...ซึ่งโดยปกติจะ เริ่มอยู่ที่ชั้นความสูง ๕๐ ไมล์ จากผิวโลก ขึ้นไป ประกอบด้วย ฝุ่นละอองจากอวกาศ และ อนุภาคดวงดาว หรือ สิ่งเจือปนอื่นๆ


๓....เมฆ อวกาศ นี้ มีคุณสมบัติในการ สะท้อนคลื่นเรด้าห์ สูงมาก เราพบว่า ช่วงเวลาที่นกตกจากอากาศลงมาตายที่พื้นดิน มีการตรวจพบ กลุ่มเมฆประหลาด ที่ไม่้เป็นทั้งกลุ่มฝน และ กลุ่มเมฆปกติ เพราะ กลุ่มเมฆประหลาดนี้ ไม่ตกตะกอน หรือ ควบแน่นรวมตัวกัน (http://www.todaysthv.com/news/local...).


..เกิดอะไรขึ้นหรือ...



..ทฤษฎีี ที่ พอจะอธิบายได้ดีที่สุด ในขณะนี้ คือ...
...กลุ่ม เมฆอวกาศได้ทะลุผ่านเข้ามายังบรรยากาศชั้นล่างของโลก ...จากการนำเนื้อเยื่อของนกที่ตายไปตรวจสอบ พบว่า มีร่องรอยคล้ายๆอวัยวะภายใน ถูกกระแทก จนช้ำ ไปทั้งตัวซึ่งไม่ใช่ร่องรอยจากการตกกระแทกพื้นตามปกติ


...หนทาง หนึ่งที่ น่าเชื่อ ว่า เป็นไปได้มากที่สุด คือ เมฆอวกาศ สามารถเปลี่ยนสภาพบรรยากาศ ปกติ ให้เป็นก๊าซพิษได้ และ ก๊าช ที่ว่า คือ ไฮโดรเยน ไซยาไนด์(http://www.eutimes.net/2011/01/pois...)ผลลัพธ์ นกที่สูดดมก๊าซนี้ จะ ตายเกือบทันที หรือ อย่างช้า ภายใน ไม่กี่นาที หลังการสูดดม...ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของก๊าซพิษ ก๊าซพิษ นี้ จะ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ ในระดับเซล ของสิ่งมีชิวต ทำให้ ตายเกือบทันที...ที่ได้รับพิษ หรือ สูดดม


..นกจึงเป็น..ดัชนีแรก ที่เตือนมายัง มนุษย์ ว่า จะเกิดอะไร หาก เมฆอวกาศ ตกลงสู่ชั้นบรรยากาศ ที่ต่ำกว่านี้...


...คงตายกันเป็น ใบไม้ร่วง.....


...สำหรับปลา.. ก็ ก๊าซมีเธนใต้ทะเลนี่แหล่ะครับ ที่ เป็นไปได้ มากที่สุด...


เครดิต: Mike Adams, the Health Ranger
Editor of NaturalNews.com
Thursday, January 13, 2011

ตอนที่ ๒

..เป็นไปได้ใหม...ที่ เป็นผลงานของ HAARP...

ตอบ

..โดยผู้เขียนคนเดียวกัน...ตอบว่า มีหลักฐาน ที่ ชี้ชัดว่า พิสัยทำการของ HAARP นั้น สูงจากพื้นผิวโลก ที่ระยะ ๒๖,๐๐๐ ไมล์ ซึ่งสูงกว่า ระดับของเมฆ อวกาศ ๕๐ ไมล์...

..และ HAARP ยังเป็นที่น่าสงสัยว่า...จะทำอะไรๆที่พิเศษได้ เช่น การ เปลี่ยนแปลงแมกนีโตสเฟียร์ นอกเหนือ จาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในชั้นบรรยากาศล่างของโลก...

.....ที่เหลือ ก็ จินตนาการ เอาเองครับ...

http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-58

 

พวกนักวิทยาศาสตร์เขาก็ออกมาแจกแจงแล้วนี่ครับว่า มันก็เป็นแบบนั้นของมันปกติ ชาวบ้านชาวช่องที่เคยเห็นเป็นปกติทุกปี
ส่วนเราไม่เคยเห็นไม่เคยรับรู้พอมารู้ก็ว่าแปลก
เทคโนโลยี่การติดต่อสื่อสารมันพัฒนามากขึ้น อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น แต่คนที่เขาเห็นเป็นปกติเขาก็ว่ามันเป็นปกติของมัน

 

ฮือฮา! พายุสุริยะทะลุเกราะแม่เหล็กโลกแถบสแกนดินีเวีย วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2553



​

เมื่อ วันที่ 29 ธันวาคม Mr.Vop's Blog ได้แสดงภาพถ่ายการลุกสว่างของแถบออโรร่า ที่กล้องบนดาวเทียม F17 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถจับภาพไว้ได้ โดยเหตุการณ์การลุกสว่างของแถบออโรร่านี้ เกิดขึ้นบนน่านฟ้าทางเหนือของประเทศแถบแสกนดิเนเวีย หลังเกิดปรากฎการณ์กลุ่มพายุสุริยะขนาด G1 เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ในจังหวะที่กระแสแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์หันขั้วใต้เข้าหาโลก ทำให้เกิดรูทะลุบนเกราะแม่เหล็กของโลก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Paul McCrone ได้นำปรากฎการณ์พายุสุริยะทะลุเกราะแม่เหล็กของโลกครั้งนี้ ไปวิเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลทั้งจากระดับแสงที่ตามองเห็นได้ และจากระดับแสงในช่วงคลื่นอินฟาเรด มาประมวลผล เพื่อศึกษาและใช้ประโยชน์ต่อไป เนื่องจากการทะลุเข้ามาของพายุสุริยะที่มีระดับ 60 โปรตรอนต่อตารางเซนติเมตรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก

http://hilight.kapook.com/view/52424

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ lord seyren Member [29-12-2010 21:47]

สนามแม่เหล็กอ่อนกำลังลงมากแล้วครับ....ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้ โดยเมื่อคืนวานที่ผ่านมา(28 ธันวาคม) พายุแม่เหล็กที่เกิด มีลมสุริยะเพียง 380 กม./วินาที เท่านั้นซึ่งถือเป็นลมสุริยะความเร็วต่ำ โอกาสที่จะสร้างพายุแม่เหล็กแทบไม่มีเลย แต่มันก็ยังเกิดได้ จึงคาดจากขั้วแม่เหล็กใต้ขั้วที่ 2 ผลักกันกับขั้วแม่เหล็กใต้ขั้วหลักที่อยู่บริเวณยุโรป มิหนำซ้ำยังเจอปรากฎการณ์สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน ตามที่ลงไว้กระทู้ที่แล้ว ก็ทำให้อำนาจแม่เหล็ก ประจุต่างๆเข้ามาเยอะยิ่งขึ้นไปอีก

เอ่อเสริมนิดนึงครับจากข่าวนะครับ ไม่ได้เรียกพายุสุริยะนะครับที่เกิดขึ้น แต่เรียกว่าพายุแม่เหล็กโลก พัดอยู่เหนือยุโรปไปราว 500-700 กิโลเมตร จึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อเมืองในทวีปยุโรป

......พายุสุริยะ ( solar storm ) คือ เปลวไฟโคโรน่าดวงอาทิตย์ ที่ถูกกระแสแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ พัดออกมาอย่างรุนแรง ภายในบรรจุโปรตอน แก๊สร้อน รังสีคอสมิก และสนามแม่เหล็กความเข้มสูง เมื่อปะทะกับสนามแม่เหล็กโลก (ถ้ารุนแรง) จะทำให้เกิด การสั่นของสนามแม่เหล็กบริเวณขั้วโลก แล้วค่าอำนาจแม่เหล็กบริเวณขั้วโลกจะแปรปรวน มาจนถึง ในระดับผิวโลก ทำให้เกิดค่าความต่างศักย์ ขึ้นในบรรยากาศ ( อันนี้แหละครับการกำเนิดพายุแม่เหล็ก Geomagnetic storm ตามในข่าวต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ )

มี ผลทำให้บริเวณที่โดนพายุแม่เหล็กปกคลุม วัตถุทุกชนิดที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า จะเกิดไฟฟ้าขึ้นได้เองโดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก ค่าโวลล์ไฟฟ้าสูงกว่าปกติเยอะมาก ซึ่งเป็นสาเหตุให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด เนื่องจากต้องรับกระแสไฟฟ้าปริมาณมากเกินไปจากความต่างศักย์ที่เพิ่มขั้น นั่นเอง .....

ที่มา http://www2.tmd.go.th
เครดิตคุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1159
​

 

ได้อ่านอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าเขาแจกแจงมาอย่างนั้น ว่ามีสัตว์ตายหมู่กันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดมาตอบไม่ได้
คิดว่า เขาคงให้ข่าวเพื่อเบรกไว้ ไม่อยากให้คนทั่วไปตื่นข่าวจนเกินเหตุ เพราะมีคนนำไปโยงกับวันสิ้นโลก แต่บางกรณีก็ไม่ปกตินะคะ อย่างเช่นเพนกวิน...

คาดกระแสน้ำเย็นผิดปกติ ต้นตอ “เพนกวิน” ครึ่งพันตายเกลื่อนหาดบราซิล

ซีเอ็นเอ็น - นักชีววิทยา สงสัยว่า กระแสน้ำเย็นผิดปกตินอกชายฝั่งบราซิล อาจเป็นสาเหตุการตายของเพนกวินกว่า 550 ตัว ถูกคลื่นซัดขึ้นมาตายเกลื่อนบนชายหาดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

นับตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม มีเพนกวิน 556 ตัว ตายเกลื่อนบนชายหาดของบราซิล และเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า ณ ชายหาดไปรอา กรันเด ตามชายฝั่งเซา เปาโล เพียงแห่งเดียว พบเพนกวินถูกซัดมาเกยตื้นมากกว่า 170 ตัว

อิสเบลเล นูเนส นักชีววิทยา ระบุว่า ปกติแล้วการพบเห็นเพนกวินตามชายฝั่งบราซิล ระหว่างฤดูกาลอพยพ ก็ถือว่าแปลกอยู่แล้ว แต่คราวนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่ประหลาดอย่างมาก

การชันสูตรพบว่า นกเพนกวินหลายตัว ไม่มีอาหารอยู่ในท้อง ทำให้นักชีววิทยา ระบุว่า พวกมันอาจอดอาหารตาย ติอาร์โก โด นาสซิเมนโต นักชีววิทยาอีกคนบอก พร้อมระบุว่า สภาพอากาศที่หนาวจัดอาจเป็นต้นเหตุการตายของมัน

ขณะที่ นูเนส ให้ความเห็นเสริมว่า มีความเป็นได้ที่กระแสน้ำเย็นซึ่งถูกซัดพามาโดยแนวปะทะอากาศเย็นกำลังเล่นงานภูมิภาคนี้ ทำให้ฝูงปลาซึ่งเป็นอาหารของเพนกวิน อพยพหลบหลบหนีไปยังน่านน้ำอื่น อันเป็นผลให้เพนกวิน ต้องว่ายน้ำไปหาอาหารไกลกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม นูเนส บอกว่า กำลังดำเนินการทดสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ในปีนี้ บริเวณชายฝั่งของบราซิลมักพบเห็นนกเพนกวินอพยพมาจากอาร์เจนตินา ชิลี และหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ เพื่อหาอาหารในน้ำที่อุ่นกว่า

(ผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2553)

อย่างน้อยก็ชี้ให้เห็นว่า มีความผิดปกติที่เกี่ยวกับสภาพอากาศเกิดขึ้น และเกิดผลกระทบกับการอพยพและการหาอาหารของนกเพนกวิน

แล้วสภาพอากาศที่ผิดปกตินี้ เกิดจากอะไรได้บ้าง?
- ภาวะโลกร้อน เอลนินโญ-ลานินญา
- เิกิดความเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก
- ฝีมือมนุษย์ หรือ HAARP
- อื่นๆ

 

โรมาเนียไขปริศนานกตาย เพราะเมาแอลกอฮอล์

กลายเป็นคำถามที่ยังไร้คำตอบไปทั่วโลก สำหรับสาเหตุการตายปริศนาของสัตว์ต่าง ๆ ที่ยังคงทยอยตายกันอย่างต่อเนื่อง ที่หลายประเทศต่างมุ่งประเด็นไปที่สภาพอากาศบ้าง การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกบ้าง หรือจากพลุช่วงเทศกาลปีใหม่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนและแน่นอน เพราะสัตว์ที่ตายทั่วโลกนั้นอยู่ต่างพื้นที่กัน แต่กลับมาตายในช่วงเวลาเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ล่าสุด ประเทศโรมาเนียดูเหมือนจะเป็นประเทศแรก ๆ ที่ตอบคำถามให้กับเรื่อง "ปริศนานกตาย" ในพื้นที่แถบตะวันออกของโรมาเนียได้แล้ว หลังจากนำนกสตาร์ลิ่งไปชันสูตรแล้วพบว่าพวกมันเมาแอลกอฮอล์อย่างหนัก ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา

โดยรายงาน ระบุว่า สัตวแพทย์โรมาเนียได้ตรวจสอบพบแอลกอฮอล์ในตัวนก หลังจากที่พวกมันไปกินเศษองุ่นที่เหลือจากการทำไวน์ ซึ่งต่อมาทำให้มันเมาและตายอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของโรมาเนียกว่า 20 ตัว อย่างไรก็ดี ผลการชันสูตรดังกล่าวเป็นผลการชันสูตรของนกสตาร์ลิ่งที่ตายบริเวณพื้นที่ทางตะวันออกของโรมาเนียเท่านั้น ส่วนนกชนิดอื่น รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นทั่วโลก ยังอยู่ระหว่างการชันสูตร และหลายพื้นที่ทั่วโลกก็วิเคราะห์ว่าพวกมันตายเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ขณะที่สัตว์หลายชนิดก็ยังคงทยอยตายอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เครดิต กระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/55211

 

ใกล้แล้วสินะ...ใช่มั้ย? ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เตรียมใจรับกับการเปลี่ยนแปลงเถอะ

 

อาจจะเป็นการทดลอง อาวุธ แม่เหล็กไฟฟ้า มีอานุภาพทำลายให้ล้างเฉพาะสิ่งมีชีวิตให้ตายทันที แต่สิ่งของยังอยู่คงสภาพเดิม


http://jimmysiri.blogspot.com/2011/01/destruction-of-babylonbird-fish-killed.html
นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมาได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดทางธรรมชาติต่างๆ อย่างมากมายครับ โดยเฉพาะ 3 อย่างที่เห็นได้ชัดเจนจากทั่วโลกคือ นก สัตว์ทะเลชนิดต่างๆ และปลา โดยในหลายวันมานี้ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดบ่อยขึ้นในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น

1.การบินรวมฝูงกันของนกในลักษณะประหลาดต่างๆ แล้วร่วงหล่นลงมาตายบนพื้นดิน นับพันตัวตามสถานที่ต่างๆ ในหลายๆมุมโลก
2.สัตว์ทะลหลายชนิดขึ้นมาตายตามชายหาดของประเทศต่างๆ
3.ฝูงปลาจำนวนนับแสนตายและขึ้นมาเกยตามอ่าว และชายหาดต่างๆ ในหลายๆประเทศ

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเองก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะผลการผ่าพิสูจน์ก็ไม่พบสารพิษหรือเชื้อโรคใดๆ ในนกเหล่านั้น แต่กลับเป็นอาการบาดเจ็บที่ตับอย่างรุนแรงและฉับพลันของนกเหล่านั้น คำถามคืออะไรที่สามารถทำให้นกนับพันตัวเหล่านั้นมีอาการบาดเจ็บที่ตับได้เป็นวงกว้างกว่าหนึ่งตารางไมล์แล้วตกลงมาตายพร้อมๆกัน?