หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ...พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย zhayun, 29 พฤศจิกายน 2015.

  1. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    [​IMG]

    อันนี้ผมคัดลอกมาจาก
    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ...พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว



    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ...พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว


    raponsan:

    เรื่องย่อ 103 ปี หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญโดย...ภัทะ คำพิทักษ์
    สายๆ วันที่ 19 ม.ค. 2556 สื่อมวลชนรายงานว่า เวลา 09.00 น. วันเดียวกันนั้น หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร อายุ 103 ปี ละสังขารด้วยโรคปอดติดเชื้อ หลังจากคณะศิษย์นำส่งไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลมุกดาหาร

    รุ่งขึ้น 20 ม.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพระราชพิธีน้ำสรงศพ และทรงรับสรีรสังขารหลวงปู่จามไว้ในพระราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วัน

    ผู้ ที่สรุปย่อประวัติ 103 ปี เป็นเรื่องย่อได้ดีที่สุดน่าจะเป็นผู้ที่อุปฐากใกล้ชิดท่านมากที่สุด ท่านนั้นคือ พระธัมมธโร หรือ ครูบาแจ๋ว รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ปลายปี 2552 ครูบาแจ๋วท่านไปเป็นวิทยากรอบรมเยาวชนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โอกาสนั้นท่านได้ทำเอกสารสรุปประวัติหลวงปู่จามไปแจกด้วย ต่อมาได้นำมาตีพิมพ์รวมไว้ในหนังสือเรื่อง “พลิ้วไหวชายจีวร” มีความว่า เอกสาร 1; ปูชนีย์แห่งธรรม หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ

    สังเขปประวัติ : หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ นับหนึ่งในอาจาริยาจารย์ที่ถือเคร่งในพระธรรมวินัย มั่นคงในพระปรมัตถ์วิปัสสนากรรมฐาน ดำเนินชีวิตในมรรคธรรมออกเที่ยววิเวกรุกขมูลแสวงหาความสงบนิ่งจนซาบซึ้งถึง รสพระธรรม นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานโดยมิได้พักสงสัย

    กำเนิด : เป็นคนตระกูลเผ่าผู้ไท สกุลผิวขำ ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ
    บิดาชื่อ กา (ภายหลังอายุ 60 ปี บวชเป็นพระได้ 6 พรรษา จึงได้มรณภาพ)
    มารดาชื่อ มะแง้ (ภายหลังบวชชีได้ 36 พรรษา จึงถึงแก่มรณกรรม)
    เกิดวันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ค. 2453 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ
    เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้องร่วมอุทรทั้งหมด 9 คน


    บรรพชา: ครั้งที่ 1 ตั้งใจบวชติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    เมื่อ อายุ 15 ปี ที่วัดสุทัศนาราม เมืองอุบล พระมหารัฐ รฏฐปาโล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม นำไปบวชก่อนหน้าที่นี้ 8 เดือนได้บวชเป็นตาปะขาว (ตาผ้าขาว) อยู่จำพรรษากับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่เสนาสนะบ้านหนองขอน อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
    ในปีนี้ตกหน้าแล้งหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เดินธุดงค์เข้ากรุงเทพฯ ได้มอบสามเณรให้อยู่ในความดูแลของพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ต่อมาไม่นานก็เคลื่อนย้ายหมู่คณะสงฆ์สามเณรไปตั้งกองทัพธรรมอยู่ จ.ขอนแก่น
    อายุ 19 ได้ลาสิกขาออกมาเพื่อรักษาโรคเหน็บชา อันเนื่องมาแต่ตกกระไดกุฏิ และการประกอบความเพียรมากเกินไป เช่น นั่งภาวนาในน้ำ ถือไม่นอน และฉันน้อย เป็นต้น

    บรรพชา : ครั้งที่ 2
    เมื่ออายุ 29 ปี ที่วัดป่าบ้านโคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พระอาจารย์โชติ กาญฺจโน เป็นบรรพชาจารย์ บวชเพื่อหนีอุปสรรค คือ บวชป้องกันมาตุคามหญิงสาวคนงาม อ.บ้านผือ ที่มารบเร้าขอร่วมชีวิตในขณะระหว่างเดินทางไปเพื่ออุปสมบท

    อุปสมบท : เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2482 เวลา 20.32 น. ณ พัทธสีมา วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี พระเทพกวี (จูม พนฺธโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสาทคุณากิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ย้อนไปยุคสมัยที่เป็นเด็กน้อยฝึกหัดปฏิบัติรับใช้พระธุดงคกรรมฐาน อยู่วัดหนองน่อง มาจนสมัยเป็นตาผ้าขาว เป็นสามเณร เป็นพระภิกษุ หลวงปู่จามได้ศึกษาสังเกต เรียนรู้รับใช้ปรนนิบัติและศึกษาธรรมจาก
    พระปรมาจารย์ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
    พระบูรพาจารย์ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    พระเถระชั้นครู อาทิ
    พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม
    พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ
    พระอาจารย์ชอบ ฐานสโม
    พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร
    พระอาจารย์ขาว อนาลโย
    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    พระอาจารย์แหวน สุจิณฺโณ
    พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ
    พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
    พระอาจารย์น้อย สุภโร
    พระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม
    พระอาจารย์สิม พุทฺธาจาโร
    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
    พระอาจารย์ชา สุภทฺโท

    ตลอดจนศึกษากับพระสุปฏิปันโนสายเมืองเหนืออีกหลายรูปหลายองค์ อาทิ ครูบาไชยา, ครูบาคำแสน คุณาลงฺกาโร, ครูบาพรหมจักร, ครูบาอินทิจักร, ครูบาธรรมจักร, ครูบาทิ, ครูบาขาวปี เป็นต้น ทำให้หลวงปู่จามได้ซึมซับข้ออรรถ อุบายธรรม นิสัยโกศล มาโดยลำดับอย่างลึกซึ้ง


    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม : เดิมอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน เป็นที่อยู่จำพรรษาของหมู่ใหญ่ของพระธุดงคกรรมฐาน ชื่อวัดหนองน่อง
    ก่อนปี 2464 หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    ปี 2468 หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    ปี 2471 พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    ปี 2478 พระอาจารย์บัญชี ได้ย้ายมาอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านห้วยทราย แล้วอยู่จำพรรษาพร้อมหมู่พระเณรกรรมฐาน
    ปี 2495 พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พร้อมด้วยหมู่คณะมาจำพรรษา จนลุขึ้นปี 2498 และได้ตั้งชื่อใหม่ จากวัดหนองน่อง เป็นวัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    ปี 2499 พระอาจารย์สม โกกนุทฺโท พร้อมหมู่เณรจำพรรษา
    ปี 2500 อาจาย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร อยู่จำพรรษา
    ปี 2512 หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ มาอยู่ประจำพรรษา จนปัจจุบัน พ.ศ. 2552

    การ พัฒนาวัด : หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ มีแนวคิดเน้นในธรรมชาติสิ่งต่อเติม ก่อสร้างกุฏิ ศาลาธรรมและพระเจดีย์ให้กลมกลืน เงียบสงบ ท้าทาย ร่มรื่น และอบอุ่น


    ชีวิตผลงานที่ทรงคุณค่า คุณความดีที่เป็นประวัติศาสตร์นับเป็นปฏิปทาที่เจริญตามแบบแห่งพระพุทธเจ้า ทั้งหมด ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่องเชิดชูควรยึดไว้ ควรระลึก ควรแก่การนำไปประพฤติปฏิบัติตามยิ่งนัก ...
    แน่นอนว่า ระหว่างบรรทัดนั้นมีส่วนขยายออกไปได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นที่บอกว่า
    “ในปีนี้ตกหน้าแล้งหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เดินธุดงค์เข้ากรุงเทพฯ ได้มอบสามเณรให้อยู่ในความดูแลของพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล”

    นั้นสามารถขยายออกไปได้ว่า ในเวลานั้นสามเณรที่อยู่กับพระอาจารย์สิงห์และพระอาจารย์ปิ่นนั้นมีหลายคน ผู้ที่มีอายุมากสุดคือ เณรสิม หรือเป็นที่รู้จักกันในนามหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ในกาลต่อมา ส่วนผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดคือ สามเณรจาม หรือหลวงปู่จามนั่นเอง
    แม้จะเป็นแค่สามเณรแต่วันหนึ่งในช่วงนั้นเองที่เณรจามออกไปบ่มบาตรกับ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ พระอาจารย์ลี ธัมธโร และท่านอาจารย์มหาปิ่น

    ระหว่างพักที่ป่าช้าบ้านดอนส้มโฮ้ง จ.ยโสธร นั่นเองก็มีผู้มาเผาศพ 2 ศพ สามเณรจามเอาไม้เขี่ยฟืนที่ไหม้ไม่หมดเข้ากองไฟแล้วสุมไฟใส่อีก ท่านว่า ขณะพิจารณาอสุภกรรมฐานว่า ดินกลายเป็นดิน ก็ดูใจตัวเองไปในที่สุดนับแต่นั้นก็ไม่เคยกลัวผีอีกเลย
    ไม่กลัวเพราะรู้แล้วว่า ความกลัวเกิดจากการปรุงแต่ง เมื่อใจขาดธรรมเพราะไม่มีสติปัญญาเพียงพอ ใจจึงเป็นแต่ใจของสังขาร เมื่อมีธรรมย่อมเอาชนะกิเลสได้ เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วจึงไม่กลัวอีกต่อไป


    นอกจากนี้ การได้อยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์ในช่วงนั้นก็ยังทำให้ท่านได้รู้ที่มาและที่ไปของตัวเอง
    เหตุเกิดจากวันหนึ่งพระอาจารย์สิงห์บอกให้เณรสิมและเณรจามตั้งใจภาวนากำหนด จิตที่กุฏิใครกุฏิมันเพราะท่านจะตรวจพิจารณาดู พอถึงเวลา 05.00 น. ให้เณรทั้งสองพากันไปพบท่าน
    เณรทั้งสองภาวนาจนเข้าสู่เวลา 03.00 น. เศษ จึงออกจากที่ พอ 04.00 น. เณรจามก็ไปหาเณรสิมแล้วพากันจงกรมอยู่รอบกุฏิพระอาจารย์สิงห์ รอกระทั่งท่านเรียกแล้วจึงขึ้นไปอภิวาทท่าน

    แล้วพระอาจารย์สิงห์ก็กล่าวขึ้นว่า
    “เณรสิม เจ้าเป็นผู้ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระพุทธเจ้า บุญเก่าของเจ้าก็มากพออยู่ มากจนเป็นกุศลธรรมเป็นแรงกุศลส่งจิตใจของเจ้าได้ในชาติชีวิตนี้ ให้เจ้าตั้งใจของเจ้าให้ดีเด้อ”
    จากนั้นได้กล่าวกับสามเณรจามว่า
    “สามเณรจามขี้โรค ข้อยตรวจตราดูแล้วยืดยาว เกิดมาตายมามากเหลือเกิน เจ้าเคยเป็นพ่อค้าควาย มีหมู่ควายหลายล้านเต็มไปหมด อุปนิสัยของเจ้าของผู้เอาแบบอย่างขององค์พระพุทธเจ้า ทั้งเอาแบบและเป็นผู้เดินตามแบบ ต่อไปข้างหน้าของเจ้าอีกก็ยืดยาว สุดแท้แต่บุญพาวาสนาส่ง
    แต่ข้อยเห็นว่า พวกเจ้าจุดเทียนเล่มใหญ่คนละเล่มอยู่กันคนละทางห่างไกลกัน ให้พวกเจ้าเฝ้าเบิ่งเน้อ...ต่อไปภายหน้าพวกเจ้าจะไปอยู่ที่ใดก็ตาม ขอให้มีพระธรรม ขอให้มีพระวินัยเป็นหลักของจิตใจไว้ เพราะทางแห่งความสุขมีอยู่ทางเดียวเท่านี้”

    ความเป็นไปของชีวิตหลวงปู่จามเป็นไปตามที่พระอาจารย์สิงห์ระบุอย่างแม่นยำ ท่านกลายเป็น “เณรจามขี้โรค” ขนาดต้องสึกหาลาเพศไปรักษาตัวอยู่ถึง 3 ปี ถึงกลับมาบวชใหม่ แต่ความอื่นนั้นสำคัญนัก โดยเฉพาะที่ว่า “อุปนิสัยของเจ้าของผู้เอาแบบอย่างขององค์พระพุทธเจ้า ทั้งเอาแบบและเป็นผู้เดินตามแบบ ต่อไปข้างหน้าของเจ้าอีกก็ยืดยาว”

    ความนี้หากเป็นคนทั่วไปที่ไม่ใคร่รู้เรื่องศาสนานักอาจไม่เข้าใจว่า การเป็นเอาแบบอย่างขององค์พระพุทธเจ้า ทั้งเอาแบบและเป็นผู้เดินตามแบบ และต่อไปข้างหน้าของเจ้าอีกก็ยืดยาวนั้นหมายความว่ากระไร ครูบาแจ๋วท่านระบุให้ชัดๆ ว่า
    “ภายหลังหลวงปู่จามจึงเข้าใจว่า ตัวท่านเองบำเพ็ญเป็น “นิตยโพธิสัตว์” ได้รับพุทธยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเพื่อโปรดสัตว์ให้พ้นจาก ทุกข์ทั้งปวง”


    วิกิพีเดียให้ความหมายแบบเข้าใจง่ายๆ ของคำว่า พระโพธิสัตว์ ว่าหมายถึง บุคคลที่บำเพ็ญบารมีหรือกระทำความดีต่างๆ เพื่อให้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล

    แล้ว นิตยโพธิสัตว์ มีความหมายอย่างไร? พระพุทธโฆสะ ได้แบ่งพระโพธิสัตว์ออกเป็น 2 ประเภท คือ
    1. อนิตยโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน
    เมื่อยังไม่ได้รับพยากรณ์ก็ยังไม่แน่นอนว่า กาลต่อไปจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอนิตยโพธิสัตว์ท่านอาจจะเลิกล้มความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อ ไรก็ได้
    2. นิตยโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว

    นั่นหมายความว่า ที่หมายของผู้สั่งสมบารมี‌เพื่อเป็นนิตยโพธิสัตว์นั้นมีอยู่แห่งเดียวคือ เป็น‌พระพุทธเจ้า
    แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ ‌ถึงจะปฏิบัติอย่างไรก็ยังไม่ได้ตรัสรู้ แต่ในมุมกลับถึงจะปฏิบัติอย่างยิ่งยวดแล้วไม่ประสบผล ‌เลยทุกข์ท้อแต่ถึงจะทุกข์เพียงไรก็มิอาจเลิก‌ความตั้งใจมั่นที่จะเป็นพระ พุทธเจ้าไม่ได้
    “ในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่ง‌กระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกัน‌ต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์....(วิกิพีเดีย)


    เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2012 โดย MrHs4mm
    ไม่แจ้งว่า ตอนที่พระอาจารย์สิงห์บอก‌แผนที่ชีวิตนั้นเณรจามเข้าใจมากน้อยเพียงใด ‌แต่ท่านมารู้เอาแจ่มแจ้งด้วยตัวเองราวช่วง‌สงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะนั้นท่านออกธุดงค์ไปอยู่แถบ ‌จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 6 ปี อยู่กับหลวงปู่สิม ‌ที่วัดโรงธรรม อ.สันกำแพง 2 พรรษา แล้ว‌หลบระเบิดออกไปภาวนาแถบ อ.จอมทอง อยู่‌พักหนึ่ง
    ท่านเล่าว่า เวลานั้นภาวนาคราใดก็มักจะ‌นิมิตเห็นพระพุทธรูปจำนวนมาก และได้รู้เห็น‌ชาติภพการเวียนว่ายตายเกิดของตัวเองจนนับ‌ไม่ถ้วน แต่ถึงจะภาวนาจนได้ความสงบขั้น‌อัปปนาสมาธิหลายครั้งแต่มันก็เสื่อมลง อย่าง‌ไม่น่าเชื่อ พอเสื่อมลงท่านก็พลิกหากลวิธีทร‌มานจิตจนคาดว่า หากเริ่มภาวนาใหม่มันน่า‌จะสงบ แต่กลับปรากฏว่าจิตมันร้อนรนราวกับ‌กิเลสไม่ได้เบาบางลงเลย

    พอถึงที่สุดแล้วท่านได้น้อมเอาประสบ‌การณ์ความยากลำบากของหลวงปู่มั่นมา เป็น‌อุทาหรณ์สอนใจ จนเกิดพลังตั้งใจมั่นถือสัตย์‌จะอธิษฐานว่า
    “จิตจะสงบหรือไม่สงบก็ไม่ว่า ‌จะเกิดหรือไม่เกิดอะไรก็ไม่ว่า เราไม่หวังอะไร‌อีกแล้ว ต่อไปนี้จะเอาเฉพาะพุทโธ ให้แนบ‌แน่นกับลมหายใจที่ตรงหัวใจของเรา จะไม่‌ยอมให้หนีไปไหน”

    จากนั้นความสงบจึงกลับคืนมา จน‌สามารถรวมลงเป็นสมาธิได้ใหม่ แต่นิมิตเดิมก็‌กลับมาอีก
    ในนิมิตนั้นท่านเห็นภาพเจดีย์ปรักหักพัง ‌เห็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ต้นโพธิ์ ต้นจิก เห็นการ‌เวียนว่ายตายเกิดของตัวเอง เห็นที่มาที่ไปของ‌สัตวโลกที่เวียนว่ายในภูมิต่างๆ เมื่อพิจารณา‌ถึงความรู้แจ้งที่ปรากฏชัดระหว่างทำความ‌เพียรเพื่อละอาสาวะก็ พบว่า
    การจะบรรลุพระ‌อรหันต์ในชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว แต่นั่น‌ก็ทำให้ระลึกได้ว่า ในอดีตชาติ ท่านเคยตั้งใจ‌มั่นว่าจะดำเนินไปตามวิถีแห่งพระโพธิสัตว์ ‌ปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุพระโพธิญาณ สำเร็จ‌มรรคผลเป็นพระพุทธเจ้า

    ตามประวัติระบุว่า เมื่อออกจากสมาธิ ‌กราบพระพุทธรูปเบื้องหน้าแล้วตั้งจิตอธิษ­…ฐานว่า
    “ถ้าได้เคยปรารถนาพระโพธิญาณที่‌บำเพ็ญมาเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้าในภาย‌ภาค หน้าแล้ว ก็ขอให้จิตสงบเยือกเย็น ขอให้‌ภาพนิมิตเหล่านั้นหายไปและให้เกิดความรู้‌แจ้งเห็นชัดเป็นที่ประจักษ์ เถิด”

    คืนต่อมาเมื่อเข้าที่ภาวนาปรากฏว่า จิต‌สงบรวดเร็ว รวมลงเป็นอัปปมาสมาธิ เกิด‌ญาณทัศนะต่างๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ‌และเกิดความแจ่มแจ้งขึ้นว่า ในอดีตชาตินั้น‌ท่านได้เคยตั้งอธิษฐานตั้งความปรารถนาเป็น‌พระพุทธเจ้ามา แล้วในอดีตชาติ


    เผยแพร่เมื่อ 7 เม.ย. 2012 โดย Alex Alexy
    หลังกลับจากภาคเหนือมาอีสาน จึงได้พบ‌พานกับพระอาจารย์มั่นอีกครั้ง พระอาจารย์‌มั่นได้ให้โอวาทธรรมแก่ท่านว่า
    “ให้ตั้งใจเจริญพระพุทธคุณตามรอยบาท‌ของพระพุทธเจ้า ถือด้วยใจ ปฏิบัติด้วยใจ ‌เจริญพุทธานุสติด้วยการประพฤติ เพื่อความ‌หนักแน่นในธรรมผู้ถึงพระพุทธเจ้าด้วยหัวใจ‌เท่านั้นที่เป็นผู้ทรง พระธรรมวินัยอยู่ได้
    อัตต ทันตัง ฝึกตนด้วยดี หนาแน่นด้วย‌พุทธคุณทั้งหลาย
    สมาหิตัง มีใจมั่นคง หนักแน่นสมเป็นบรมครู
    เทวปินัง นมสะสามิ เทพเทวาทั้งหลายก็‌นอบน้อม
    พรหมมุนาปิ ปสังสิโต แม้พรหมก็‌สรรเสริญ ชาวโลกก็นิรมล
    อรหันตสัมมาสัมพุทโธ แม้พระพุทธเจ้าก็‌ทรงเป็นเอง ทรงตกแต่งมาด้วยตนเอง รักษา‌ด้วยตนเอง เป็นผู้ประมาณมาด้วยธรรมโดย‌ตลอด
    จิตของท่านผู้เข้าสู่นิพพานได้นั้น ท่านก็‌กำหนดรู้จิตใจของท่านเช่นกัน
    แต่ให้รู้เฉพาะ‌การบุญ การบาป การทุกข์ การโทษ สาร‌ธรรมและอสารธรรม
    รู้ด้วยการวางในการทาน การศีล การ‌สมาธิ การปัญญา การวิมุตติ
    รู้ด้วยการวางใจในสัตว์ ในบุคคล ในตัว‌ตน ในเรา ในเขา ในเทพเทวา ในหมู่พรหม ‌ในหมู่นรก เปรตผี
    กำหนดรู้จนได้หมายเป็น‌ว่ารู้ แต่ไม่ถือรู้ ไม่ถือจิต ไม่ถือใจ วางใจคืน‌แก่อนัตตาธรรม วางคืนแก่โลก เพิกตนออก ‌แต่เป็นธรรม วางใจได้ดุจแผ่นดิน เหมือน‌แผ่นดิน วางต่อการรองรับสรรพสิ่ง แม้ภพมิวิภพ ก็วางคืนแก่ภพและวิภพ เป็นเช่นนั้น‌จึงเป็นผู้เข้าสู่นิพพานได้”

    เทศน์เสร็จท่านยังถามและกำชับด้วยว่า ‌“ท่านจามเข้าใจไหม จำไว้ให้ดีเน้อ”
    พระจามรับคำว่า “ครับ” จากนั้นหลวงปู่‌จามก็ดำเนินมาตามวิถีเช่นว่า จนล่วงมาจนอายุ‌กาลถึง 103 ปี ความเป็นอยู่ในชาตินี้จึงร่วงไป 3 ปีก่อนตอนทำบุญฉลองอายุ 100 ปี ท่าน‌พูดไว้ว่า ตายก็ไม่คิด ชีวิตผ่านมาหมดแล้ว มา‌ถึงวันใดก็พร้อมไปหากเป็นข้าวเปลือกอยู่ตก‌หล่นในภพไหนก็งอกหาทุกข์ หากเป็นข้าวสาร‌แล้วเช่นนี้มันหมดความตื่นเต้นใดๆ ในโลก

    นี่คือเรื่องราวโดยย่อ 103 ปีของหลวงปู่‌จามในชาตินี้

    ขอบคุณภาพและบทความจาก
    เรื่องย่อ103ปี หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวธรรมะ-จิตใจ
    http://i218.photobucket.com/,http:/...://cdn.gotoknow.org/,http://www.oknation.net/
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    นโม โพธิสัตโต มหาปุญโญ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ธันวาคม 2015
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    " คนที่ขึ้นสูงสุด เกิดมาได้ในวรรณะอันสูง ก็เพราะเพิ่น มีสัจจะ
    ชอบพอกับธรรมะ ไม่เบียดเบียนผู้ใด รักษาใจอยู่เสมอ
    เพิ่นจึงได้องอาจยิ่งกว่าผู้ใดในแผ่นดิน "
    ....................................................................................
    มหาปุญฺโญวาท...
    ( หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ)
    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    ภาพ //พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]



    ถาม : หลวงปู่ไม่เอาพระอรหันต์ในชาตินี้หรือ ?
    ตอบ :เอาอยู่ แต่เอาไม่ได้
    ถาม : หลวงปู่สร้างสมบุญญาบารมีไว้มากมายพอหรือยังและได้ญาณทัศนะถึงขั้นไหน ?
    ตอบ : ธรรมดาผู้ที่เกิดตายหลายชาติ นับไม่ไหว ย่อมมีอยู่
    ถาม : พลังอำนาจทางกสิณ หลวงปู่ได้เมื่อใด ?
    ตอบ : มีของเดิมอยู่
    ถาม : หลวงปู่ปรารถนาพุทธภูมิจะต้องเกิดอีกกี่ชาติ ?
    ตอบ : เกิดตายอีกหลายชาตินับไม่ไหว
    ถาม : เกิดตายอีกหลายชาติ หลวงปู่ไม่เบื่อหรือ ?


    ตอบ :

    เบื่อไม่ได้ เป็นหน้าที่

    ถาม : เคยเกิดมาเป็นใหญ่เป็นโต เคยเป็นตำแหน่งใดบ้างในอดีตชาติ ?
    ตอบ : พระเจ้าแผ่นดิน ฮ่องเต้ เจ้าชาย พราหมณ์ อาจารย์ทิสาปาโมกข์ ฤาษี แม่ทัพ
    ถาม : หลวงปู่เคยตกนรกไหม ?
    ตอบ :


    เคย หลายชาติ

    ถาม : หลวงปู่เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานไหม ?
    ตอบ :


    เคย หลายชาติ

    ถาม : หลวงปู่ กลัวอะไรมากที่สุด ?
    ตอบ : ช้าง เจอต้องหนี
    ถาม : หลวงปู่ชอบ อะไรมากที่สุด ?
    ตอบ :


    “หัวเราะ” ก็แล้วแต่จะเป็นไป

    ถาม : หลวงปู่เกลียดอะไรมากที่สุด ?
    ตอบ :


    ตกนรก



    การพิจารณากลับไปกลับมาปรากฏความรู้แจ้งชัดขึ้นมาว่าการที่มุ่งทำความเพียรเพื่อละกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ในชาตินี้คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เสมือนว่ามีอะไรสักสิ่งหนึ่งปิดกั้นไว้ ปัญญาไม่ทะลุแจ้ง ฉุกคิดถึงแนวทางปฏิบัติของพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิมาแล้ว ชะรอยเราจะเคยปรารถนา............มาแล้วกระมัง ท่านจึงถอนจิตออกจากสมาธิแล้วไปที่หน้าองค์พระพุทธรูป ห่มผ้าจีวรจรดไหล่เรียบร้อย กราบแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าได้เคยปรารถนา......ที่บำเพ็ญมาเพื่อการเป็น.......ในภายภาคหน้าแล้วก็ขอให้จิตสงบเยือกเย็นขอให้ภาพนิมิตเหล่านั้นหายไปและให้เกิดความรู้แจ้งเห็นชัดเป็นที่ประจักษ์เถิด” จึงได้พักผ่อนหลับ


    ในคืนต่อมาการภาวนาได้ผลดี จิตสงบรวดเร็วจิตใจที่เคยร้อนมีแต่เยือกเย็น เบาสบาย จิตรวมลงถึงฐานอัปปนาสมาธิพักในสมาธิเพื่อให้เกิดพลังเต็มที่แล้วจิตถอนขึ้นมาเองอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ เกิดญาณทัศนะสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยรู้เห็นมาก่อน หยั่งรู้เข้าใจภาพนิมิตที่เคยปรากฏมาแล้วอย่างปราศจากข้อสงสัย รู้แจ้งแล้วว่าชาตินี้ยังไม่สามารถบำเพ็ญพากเพียรให้สิ้นอาสวะกิเลสได้ ได้รู้เห็นจิตใจของตนในส่วนลึกอย่างละเอียดว่า ได้เคยอธิฐานตั้งความปรารถนา...........ไว้แล้วในอดีตชาติและได้รับการ...............แล้ว ไม่สามารถถอนออกได้ จึงจะต้องบำเพ็ญบารมีเพิ่มขึ้นจะต้องเกิดตายอีกหลายชาติ จนกว่าบารมีจะเต็มและถึงระยะเวลาที่จะต้องลงมาอีก เพื่อการ................ ที่จะต้องมาโปรดสัตว์ที่โลกกำลังร้อนระอุซึ่งเป็นระยะเวลาอีกนานเท่าใดไม่สามารถจะประมาณได้


    การสั่งสมอุปนิสัยบุญบารมีในแนวทางของความเป็น.......และได้รับการ...........แล้วนั้นก็เป็นเรื่องเฉพาะตน การจะบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นใครก็เป็นเรื่องเฉพาะของการเป็นใครคนนั้น กรณีบำเพ็ญสาวกบารมีก็จะเป็นสาวก บำเพ็ญอัครสาวกบารมีก็จะเป็นอัครสาวก บำเพ็ญปัจเจกบารมีก็เป็นปัจเจกพุทธเจ้า ถ้าบำเพ็ญพุทธบารมีก็ต้องเป็นพระพุทธเจ้า
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ...หลวงปู่ ฯ พระโพธิสัตว์ และพระอริยเจ้าทั้งหลาย ยิ่งใหญ่ เพราะ นำอัตตาตัวตน มานะทิฐิ กิเลสตัณหา ออก่จากจิตใจ เฉกเช่น คำพรรณาของหลวงปู่จาม ว่า.............



    “อาตมา เกิดมาชีวิตนี้เป็นคนทุกข์ บวชแล้วก็เป็นหลวงตาขี้กระจอก อยู่ไปกินไปตามเรื่อง ขี่หมามาเกิด หมาเดือนหกเข้าหน้าฝน ชื้นแฉะไปมา ที่หลับที่นอนก็ลำบาก
    เกิดเป็นลูกชาวนา พ่อแม่ปู่ย่าตายายพาทำนาทำไร่เลี้ยงชีวิต”


    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]




     

    '...ในโลกนี้

    สอนไม่ได้

    ก็ให้นรก

    เป็นผู้สอนมัน...'

    โอวาทธรรม หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    ธรรมะคำสอน : ที่ใดจะสอนได้
    ว่าด้วย 'อรรถธรรมคำแก้ว ๑๔๘ '
     
  7. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ..
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ถ้ายังไม่รู้จักจิตของตัวก็ยังไม่รู้เท่าทันแท้ จิตสงบ จิตตั้งได้ จิตตั้งได้แล้ว วิชชาความแจ้งเกิดขึ้นมา
    จิตแจ้งแล้ว จึงจะรู้จักเหตุผลของมัน เกิดอย่างใด, ดับอย่างใด, ใครเป็นผู้รู้, ใครเป็นผู้เห็น รู้ได้แล้วอย่างนี้ เรียกว่ารู้จักตัวเองในชั้นต้น

    ตั้งใจไปเถ๊อะของตน
    สูเจ้าชอบอย่างใด จะไปทางใด
    ไหว้พระเช้า – เย็นให้ได้
    รักษาศีล ๕ ให้ได้
    ตั้งใจภาวนาของตน รู้จักเจ้าของให้ได้

    รักษาตัวเจ้าของให้ดี
    จิตใครเป็นผู้รู้ รู้อะไร
    จิตใครเป็นผู้เห็น ใครรู้เกิดรู้ดับ
    ชีวิตนี้ เดี๋ยวนี้จะเอาอะไร จะไปทางใด
    นรกไม่เต็ม สวรรค์ไม่เต็ม

    ที่มา : หนังสือมหาปุญโญวาท 6
    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร หน้า57-59




    [​IMG]
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]








    สูเจ้าทุกคนนี้ ...
    1.ไหว้พระเช้าเย็นได้ทำอยู่หรือ
    2.เคารพบิดามารดาได้ทำอยู่หรือ บำรุงได้อยู่หรือ
    3.ตอบแทนคนผู้มี่คุณ ได้ทำอยู่หรือ
    4.ศีล5ได้ไหม วันพระ ศีล 8 ได้ไหม
    5.ความดีเป็นอย่างใด ความชั่วเป็นอย่างใด
    6.ได้ฝึกภาวนาไหมล่ะ
    7.รู้จักไหมตนของตน เกิดมาแล้วต้องตาย
    ตายแล้วเสาะหาเกิด เกิดแล้วอยากใหญ่ ศึกษาเล่าเรียน เป็นโลก เป็นสงสาร ได้ลูกได้หลาน แก่เฒ่าไม่ต้องการ ตายไม่อยากได้จึงให้รู้จักตนเอง อย่าไปรู้แต่โลก ตัวเองไม่รู้ใช้ไม่ได้ ตั้งใจคิดอ่านแก้ไขตนเองทุกคน อยากได้บุญ ทำบุญ บุญพาไปดี อยากได้ทุกข์ ให้ทำความชั่ว ชั่วพาไปนรก อยากได้ธรรมะให้ปฏิบัติเอา
    ธรรมะมีมาก ก็รู้จักตัวเองมาก ธรรมะมีน้อย ก็รู้จักน้อย ไม่มีธรรมะใดๆ ในใจ ก็อยู่ไปในโลกผู้ทุกข์นี้ ตั้งใจของตนทุกคนเน้อ! หลวงตาเฒ่าผู้นี้ บอกไว้แล้ว ให้สูเจ้าตั้งใจทำความดี


    ...หลวงปู่จาม มหาปุญโญ...
    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]



    รำลึกวันครบรอบวันละสังขาร ๓ ปี
    อาจาริยบูชาคุณานุคุณ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    ..............................................
    ๑๙ มกราคมเป็นวันคล้ายวันมรณภาพครบรอบ ๓ ปีของ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ พระผู้มากมีบุญ ผู้เป็นที่รักยิ่งของเหล่าเทวดา องค์ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีศีลวัตร และจริยวัตรงดงาม ท่านปฏิบัติเข้มงวด และมีนิสัยชอบธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร ทั้งทางภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นพระผู้เจริญเมตตาโปรดทั้งเทวดา พรหม และเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย จึงไม่แปลกที่จะมีทั้งเทวดา พรหม และสาธุชนรักเคารพเทิดทูนบูชาท่านยิ่ง

    “....เอ้า ผู้ข้าฯ จะขอถามสูเจ้า ทั้งหลายว่า... ตายแล้ว... ลุกจากนี้ไป
    สูเจ้า... มีที่อยู่ มีที่ไปแล้วหรือยัง รู้ตนได้ หรือยัง หรือว่ายังมืด ยังเมา
    อย่าเอาแต่หลง เน้อ...จะละเล่นอะไรนักหนา...กับโลกอันนี้ คิดนึกให้ดีเน้อ....”
    โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    เกิดเป็นกษัตริย์เมืองลังกาวัฎฏคามิณี
    “ชีวิตที่เกิดเป็นกษัตริย์เมืองลังกาวัฎฏคามิณี พ.ศ.๔๓๓ ปี ได้อุปถัมภ์ทำสังคายานาครั้งที่ ๕ ได้นิมนต์พระสงฆ์เถระทั้งสองฝ่าย ๖,๐๐๐ รูป มาร่วมกันชำระบันทึกพระไตรปิฎก
    แต่ก่อนนั้นมุขปาฐะท่องจำกันมา และในช่วงนั้นก็เกิดสงครามแย่งชิงราชบัลลังค์ บ้านเมืองวุ่นวาย ต้องหลบไปอยู่ภูเขาวัดของพระมหาเถระหมู่หนึ่ง ในบริเวณวัดนั้นมีน้ำหนองใหญ่ เขากั้นเป็นชลประทานไว้ หมู่พระเณรก็ใช้น้ำหนองนั้นอาบใช้อยู่กิน แบ่งเขตของภิกษุณี นางสิกขามานาออกไป
    พวกนางสิกขามานาและคนข้าวัดก็ทำการเพาะปลูกเอาไว้กินกันเอง อยู่กับพระเณรในวัดนั้น จนบ้านเมืองสงบลงขาดผู้ครองเมืองจึงได้มาขอให้กลับไป ครองราชย์ก็จะเรื่องอะไร เครือญาติเชื้อพระวงศ์แก่งแย่งกัน
    เราก็ประกาศว่า... ข้าฯ ไม่อยากได้ไม่ต้องการที่จะเป็นหรอกกษัตริย์ ใครอยากได้ก็จงเป็นเถิด ว่าแล้วได้ม้าขี่พร้อมมหาอำมาตย์คนหนึ่งก็หนีออกไปด้วยกัน ไปถึงวัดแล้วพระเณรท่านห้ามมิให้บวช ให้รออยู่ก่อน จนกว่าบ้านเมืองจะสงบ กลับออกไปครองบ้านเมือง บูรณะบ้านเมือง จัดการจนบ้านเมืองสงบปกติดีแล้วก็มา จัดการเรื่องศาสนาชำระพระไตรปิฎก จารึกบันทึกเอาไว้ จารึกพระพุทธพจน์ก่อน แล้วก็จารึกพระวินัย ใช้เวลาอยู่ ๑๑ เดือนจึงแล้วเสร็จบริบูรณ์ จากนั้นก็บูรณะปฏิสังขรณ์ สร้างวัดวาอาราม บรรจุพระไตรปิฎกเอาไว้หลายสิบแห่งรวมอยู่นั้นได้ ๑๗ ปีจึงหยุด
    พระเถระผู้เป็นหัวหน้าชื่อ พุทธรักขิตตเถระ เป็นคนสูงใหญ่ล่ำสัน ผิวดำแดง เป็นผู้แม่นยำมากในพระธรรม พระวินัย เป็นพระอรหันต์แบบปฏิสัมภิทัปปัตโต อีก ๒ องค์นั้น พระธรรมรักขิตตเถระองค์นี้เก่งพระสูตรพระพุทธพจน์ อีกองค์หนึ่ง พระสังฆรักขิตตเถระ เก่งในพระวินัย พระเถระเจ้า ๓ องค์นี้เป็น ๓ พี่น้อง เป็นญาติทางแม่ของพระเจ้าแผ่นดินองค์นั้นละ
    พระเถระพากันไปนิพพาน เหลือแต่วัฎฏคามิณีและอำมาตย์และม้าตัวนั้น เวียนว่ายตายเกิด เร่ร่อนอยู่ในโลกทุกข์ หาทางออกจากทุกข์ต่อไป ”



    ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ


    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ




    [​IMG]
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]



    ผู้ข้าฯ นะเกิดมาแล้ว ๔๐๐ ล้านกว่าชีวิต



    ผ่านพระพุทธเจ้ามา ๓๐๐ ล้านกว่าพระองค์



    นี่วันนี้ ยังต้องนั่งภาวนาอยู่



    ขี้คร้านไม่ได้ ทำไปตามเรื่องของตน



    ธรรมประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม



    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร



    ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙



    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]



    บุคคลผู้หยาบคาย เป็นศิษย์สอนยาก
    เหตุไม่ใส่ใจ ในการศึกษาอบรมตน
    ผู้เป็นอาจารย์ก็ทุกข์ ลำบากในการพร่ำสอน
    ต้องเลี้ยงร่างกายเอาไว้ รอท่าศิษย์ หาสาวก
    ให้คิดอ่านให้ดีเถิด ให้ละเอียดทุกอย่างทุกประการ
    กริยาใด ๆ ของตน อย่าให้เป็นโทษเป็นบาป
    เพราะจะเป็นผลวิบากกรรมยาวนาน.......



    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    [​IMG]
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    มีญาติโยมคนจีน/จากมุกดาหาร มาสอบถามประวัติความเป็นมาของ
    องค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ องค์ท่านว่า “ หลวงปู่คนเฒ่าไม่มีอะไรดีหรอก ”
    เขาเอามาให้ก็เอา เขาให้กินก็กิน กินแล้วหลับนอนไปตามเรื่อง
    ดีชั่วไม่มีอะไรเด่นดังหรอก หลวงตาเฒ่าบ้านนอก คนเฒ่า คนล้าสมัย
    นี่ก็อายุ ๙๘ ปี ใกล้ตายแล้ว (ตามปี พ.ศ.เกิด ๙๖ ปี)
    เกิดเป็นลูกคนทุกข์ ทำนากินข้าว พ่อแม่มีลูกหลายคนก็เลย
    ต้องการอยากจะให้บวชใน (พุทธ) ศาสนา
    แม่ออกจึงว่า “เอ้า... เอา ไอ้นี้หล่ะโกนหัวเข้าบวชเป็นพระ อย่าอยู่กับโลกนี้มันทุกข์ ”
    ก็เลยได้บวชตามคำของแม่ บวชมาแล้วก็อยู่เรื่อยจนวันนี้ อายุบวช ๖๖ ปี
    อายุกาย ๙๖ – ๙๗ – ๙๘ – ๙๙ – ๑๐๐ ปี ก็ใกล้ตายเข้าไปทุกวัน
    บวชเข้ามาแล้วก็ปฏิบัติไปตามเรื่อง ดีบ้างร้ายไปบ้าง ไปไหน
    เขาพอใจก็อยู่ ที่ไหนเขาไม่พอใจก็ไม่อยู่ อิ่มบ้างหิวบ้างไปตามกรรม
    อยู่เมืองเหนือ ๓๐ ปี มาอยู่ที่นี่ ๓๓ ปี เป็นพระบวชใหม่
    หาครูบาอาจารย์อีก ๓ ปี สู้อดสู้ทนไปตามเรื่อง
    หมากไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ปรัมปราไม่ขบฉันของจุกจิก ตอนเช้ากินข้าวแล้ว
    น้ำนมอีก ๒ แก้ว เขาให้กินรังนกอีกแก้วหนึ่ง ตอนกลางวันก็ฉันแต่น้ำเปล่า
    ไม่ยุ่งยากอะไรอันใด
    ข้าวของเครื่องใช้ไทยทาน ผู้คนเขาให้มาก็สละแบ่งปันไปที่นั่นคนนั้นที่คนนี้
    ไม่เก็บไม่สะสมอะไรสักอัน เก็บสะสมแต่ความดี
    พร่ำสอนให้เขาทำความดีไปตามเรื่อง ใครชอบเขาก็ทำตามใครไม่ชอบเขา
    ก็ว่า พระเฒ่าเฝ้าวัดไม่รู้จักอะไร
    ใครจะมารู้จักตัวเราเท่ากับเรา ธรรมะอยู่กับเรา กายใจอยู่กับเรา
    สุขทุกข์อยู่กับเรา ดีหรือชั่วรู้อยู่กับเรา
    เรารู้จักตัวเองแล้ว ใครไหนเลยจะมารู้จักเราเท่าตัวเราเอง
    การปฏิบัติก็ทำไปตามบุญตามกรรมของตัว
    ศีลไม่ละเลย สมาธิก็ทำทุกวัน ปัญญาก็มีอยู่ อุตสาหะไปจนตาย
    ได้สำเร็จเมื่อใดก็หมดเรื่องกันไป
    ทุกข์ก็ทุกข์กายทุกข์ใจ สุขก็สุขกายสุขใจ
    ครูบาอาจารย์แนะนำบอกสอนอย่างไร ก็ทำไปอย่างนั้น
    ทำก็ทำ – ไม่ให้ทำก็ไม่ทำ ไม่ยากอะไร
    อดทนรอท่าซ่ามวันตาย
    เกิดตายไปเรื่อย เป็นว่าเล่นไปในแผ่นดินโลกอันนี้
    ปัญหาสำคัญ หมู่ศรัทธาสูเจ้านี้
    มาเกิดแล้วให้ตั้งใจให้ดี
    อย่าได้มัวเมาว่าได้มาเกิด
    เกิดมาทำความดีสะสมบารมีของตนทุกคน ดีชั่วให้รู้จักตน



    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    ๗ มีนาคม ๒๕๕๙



    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่านครับ



    [​IMG]
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    อย่าไปติความรู้ความเห็นของใคร
    เพราะจริตนิสัยแต่ละคนย่อมต่างกัน
    ธรรมโอวาทหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
    เพราะความรู้ความเห็นเป็นของกลางห้ามกันไม่ได้
    อย่าเพ่อติอย่าเพ่อชม อย่าฟ่าวเชื่อ ถ้าเราไปติ
    ความรู้ความเห็นของเขาแล้ว ก็เท่ากับว่าเราติ
    ความรู้ความเห็นปัญญาของตนนั่นแล
    เราควรรู้ควรเห็นว่าความรู้ของเขา
    ความเห็นของเขาก็ถูกของเขา
    ความรู้ของเราความเห็นของเรา
    ก็ถูกของเราเท่านั้น
    เมื่อจักวินิจฉัยความรู้ความเห็นทั้งของเราและของเขา
    ก็ให้ดูเหตุดูผลถ้าสมเหตุ สมผลดีก็เป็นอันใช้ได้
    ที่นี้จะรู้ได้เห็นได้ว่า จักสมเหตุสมผลเช่นใดนั้น
    ต้องวางใจไว้ในหลักสำคัญอันเป็นพุทธโอวาทแท้
    คือ โพธิปักขิยธรรม หมวดใดหมวดหนึ่ง ให้มั่นคง
    ขึ้นเป็นลำดับได้นั้นยิ่งควรโดยแท้ เพราะธรรมเหล่านี้
    เป็นเหตุเกิด เป็นทางดำเนินให้เกิดสมาธิจิต และให้
    เกิดให้มีให้ถึงภูมิปัญญาในที่สุดอีกด้วย
    แต่จะยกไว้ในชั้นต้นนี้เสียก่อนว่าคุณธรรมทั้ง ๗ หมวด
    ๓๗ อาการแห่งธรรมนี้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติ
    ให้เต็มทั้ง ๗ หมวด นั้นก็ได้ ไม่เจาะจงอย่างนั้น
    ปฏิบัติตามเพียงหมวดเดียว แต่หมวดใดหมวดหนึ่ง
    เท่านั้นก็อาจสำเร็จในภูมิของสมาธิและปัญญาได้
    เหตุที่ท่านจัดวางหมวดคุณธรรมไว้ถึง ๗ หมวด
    ๓๗ อากรของธรรม ก็เพื่อว่าให้เหมาะให้ควรแก่
    น้ำใจอัธยาศัยของพระโยคาวจรเจ้าทั้งหลาย
    จะได้เลือกเป็นปฏิบัติเอาตามใจชอบ ตามจริยา
    นิสสัยของตนนั่นอง




    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,558
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ให้ระลึกให้ได้ว่า กูนี้หล่ะ ที่ฝึกหัดหยุด
    หยุด ของไม่ดี
    หยุด ไม่ชอบ
    หยุด ไม่รัก
    หยุด ไม่หลง
    หากกูหยุดไม่ได้ กูก็เป็นทุกข์
    ทุกข์ของกูมีมากเท่าไหร่ ?
    กูก็จะทำความพ้นทุกข์ของกูให้ได้เท่านั้น...


    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    (วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
    ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙



     
  19. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้
    ขนาดหลวงปู่จามท่านเก่ง ท่านยังเวียนเกิดเวียนตายอีกหลายภพ กำลังใจสุดยอด:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...