หลวงพ่อจ้อย จนฺทสฺวณฺโณ วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์

สวัสดีครับ ท่านสมาชิกทุกท่าน
สมาชิกเก่าครับ แต่ไม่ค่อยได้โพสท์ วันนี้ผมขออนุญาติเสนอเรื่องราวของหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ ที่ผมได้สัมผัสมานะครับ
สาเหตุมีอยู่ว่าผมได้คุยกับน้องคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกเว็ปนี้ เล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนเป็นคนนครสวรรค์ รู้จักหลวงพ่อจ้อย ฯ วัดศรีอุทุมพร และได้บอกว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระนักพัฒนา เป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงในนครสวรรค์ ผมเองเลยได้เล่าหลายๆเรื่องที่ผมได้รับรู้และสัมผัสมาให้เขาฟัง ว่าที่ท่านนั้นได้รับรู้นั้นมีมากกว่าการเป็นพระนักพัฒนานะครับ
ผมเองเคยได้รับฟังจากหลวงปู่ฯหลวงพ่อหลายๆองค์ที่นครสวรรค์ที่ท่านได้กล่าวถึงหลวงพ่อจ้อยฯ ท่านหลายๆเรื่องแต่ที่ทุกองค์กล่าวถึงเหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือหลวงพ่อจ้อยฯท่านเป็นพระแท้ เป็นพระที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เป็นพระที่ปฏิบัตืดีปฏืบัติชอบ มีวาจาศักดิ์สิทธ์ มีเมตตาสูงมากๆ....
ที่นครสวรรค์ในปัจจุบัน มีครูบาอาจารย์หลายๆองค์ที่มีชื่อเสียงในขณะนี้อย่างเช่นหลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว พยุหะคีรี หรือหลวงพ่อเดช วัดสังฆมงคล อ.เมือง นครสวรรค์ ต่างก็เคารพนับถือหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ผมได้คุยกับลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งสององค์ แต่ละองค์ก็พูดถึงหลวงพ่อจ้อยด้วยความเคารพ ....
ลูกศิษย์หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อสะอาดท่านพูดถึงพระเครื่องหลวงพ่อจ้อยว่ามีความศักดิ์สิทธ์มาก ท่านยังนำติดตัวประจำ หลวงพ่อจ้อยท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกพระฯได้อย่างดีมากๆดีครบทุกๆด้าน ท่านเองเคยหล่อพระเครื่อง และได้อาราธนาหลวงพ่อจ้อยฯให้เมตตาแต่หลวงพ่อท่านไม่ได้มา แต่บอกว่าจะมาช่วย เมื่อถึงเวลาหลวงพ่อสะอาดท่านกำหนดการหล่อพระฯ...หลวงพ่อสะอาดท่านก็บอกแก่ลูกศิษย์ว่าหลวงพ่อจ้อยฯท่านเมตตากำหนดจิตมาช่วย หลวงพ่อจ้อยท่านมีเมตตามาก.....
ลูกศิษย์หลวงพ่อเดช วัดสังฆมงคล นครสวรรค์ เล่าว่า มีคนนำพระเครื่องที่ได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงพ่อจ้อยฯแล้ว ไปให้ท่านอธิษฐานจิตเพิ่ม หลังจากที่หลวงพ่อเดชอธิษฐานจิตเสร็จ ก็บอกแก่ลูกศิษย์ว่า หลวงพ่อจ้อยฯท่านมีสมาธิจิตสูงมากๆ ตัวท่านเองกว่าจะปลุกเสกพระเครื่องได้ก็ทำเอาเหงื่อแตก ร้อนไปทั้งตัว ผ้าจีวรเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ลงแทบไม่ได้......ผมลืมบอกไปหลวงพ่อเดช ท่านนี้ เป็นพระสายธรรมยุติ ศึกษาการปฏิบัติสายพระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม และเคยธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ เชียงใหม่ครับ....ท่านปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดสังฆมงคล นครสวรรค์ ถ้ามีโอกาส ขอเชิญชวนไปกราบท่านนะครับ......
หลวงพ่อสมควร วิชชาวิสาโล วัดถือน้ำ นครสวรรค์ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง เมื่อคราวที่ท่านดำรงค์ขันธ์อยู่เคยกล่าวว่า พระที่ศักดิ์สิทธ์ มีจิตตานุภาพสูง ของนครสวรรค์ในยุคนั้น ก็มีแต่หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้ กับหลวงพ่อจ้อยฯ วัดศรีอุทุมพร เท่านั้น.....
วันนี้ขออนุญาติแนะนำอีกด้านของหลวงพ่อจ้อยฯ วัดศรีอุทุมพรให้ทุกท่านได้รู้จักนะครับ หลวงพ่อท่านละสังขารเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๐ แต่คุณงามความดีของท่านคงยังประโยชน์แก่คนนครสวรรค์ และเป็นที่จดจำกันไปอีกยาวนานครับ
ท่านสมาชิกท่านใดที่รู้จักและมีประสพการณ์อะไร ขอเชิญมาร่วมกันโพสท์กระทู้นี้นะครับ วันนี้ขอยุติเท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่างจะเข้ามาลงใหม่ครับ .....

 

รอฟังครับ อยากทราบตอนนี้มีดหมอของท่านราคาแรงมากไหมครับ ของปลอมออกมาเยอะเท่าที่ศึกษา ผมเดินทางบ่อยครับอยากได้มาคุ้มครองืวันนี้ไปเดินยูเนี่ยนมอล เห็นมีแผงพระบอกเป็นมีดปากกาหลวงพ่อกันืเปิด5,000 ไม่กล้าเช่าครับ ดูไม่เป็นครับ

 

สวัสดีครับพี่ ppong. ขอเข้ามาฟังด้วยคนครับ

 

มีดหมอของหลวงพ่อท่าน ปัจจุบันมีของปลอมออกมามากมาย ทำที่พยุหะครับ ถ้าไม่ชำนาญ ไม่แนะนำให้เช่าหาครับ สำหรับมีดหลวงพ่อกัน ที่นครสวรรค์ของแท้ๆนั้นราคาหมื่นต้นๆแล้วครับ ของปลอมเพียบ......
วันนี้มาเล่าต่อนะครับ เมื่อปี ๒๕๔๐ มีคณะจากพระประแดง สมุทรปราการ มากราบนมัสการหลวงพ่อ และเล่าว่ามีลูกชายคนข้างบ้านถูกรถชน อาการสาหัส อยู่โรงพยาบาล ๑๕ วันแล้ว หมอบอกว่า ๕๐% พ่อเด็กเป็นห่วงลูกก็เที่ยวบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์...พ่อแม่เด็ได้ไปดูหมอเข้าทรง เขาบอกต้องให้พระอรหันต์รักษาเด็กจึงจะหาย
ต่อมามีคนแนะนำให้ไปหาหลวงพ่อจ้อยฯ วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ พ่อเด็กก็เลยเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อฯและเล่าให้หลวงพ่อท่านฟัง หลวงพ่อบอกไม่เป็นไรจะช่วยรักษาให้ และก็มอบเหรียญพร้อมรูปถ่ายหลวงพ่อและสั่งว่าเมื่อกลับไปให้รีบนำไปติดตัวเด็กไว้ พ่อเด็กได้กราบลาหลวงพ่อกลับกรุงเทพและเข้าไปที่โรงพยาบาลทันที
เมื่อถึงโรงพยาบาลนางพยาบาลได้มาบอกแก่พ่อเด็กว่าเมื่อสักครู่มีพระแก่ๆรูปหนึ่งมาเยี่ยมเด็กและนั่งเสกเป่าให้เด็กอยู่พักหนึ่ง พึ่งกลับไปเดี๋ยวนี้เอง ถามพ่อเด็กว่าสวนทางกันหรือเปล่า พ่อเด็กว่าไม่เห็น นางพยาบาทลได้บอกลักษณะพระรูปนั้นกับพ่อเด็กๆจึงเอารูปหลวงพ่อที่เพิ่งได้รับจากวัด ให้นางพยาบาลท่านนั้นได้ดูเมื่อเห็นรูปนางพยาบาลท่านนั้นก็บอกว่าองค์นี้นี่แหละที่มานั่งเสกเป่าให้........พ่อเด็กแปลกใจมากๆทั้งๆที่ตนเองได้ขับรถจากนครสวรรค์ตรงมาที่โรงพยาบาลเลยและก็รีบนำเหรียญหลวงพ่อไปให้เด็กคล้อง ต่อมาเด็กก็มีอาการดีขึ้น จนหายเป็นปกติ และต่อมาพ่อเด็กก็ได้มากราบหลวงพ่อฝากตัวเป็นศิษยอุปาฐากหลวงพ่อมาตลอด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ครับเดี๋ยวนี้ครอบครัวนี้ยังคงมาทำบุญกับหลวงพ่อพร้อมกับชาวพระประแดงอยู่เป็นประจำครับ
เที่ยวหน้าผมจะมาเล่าประสพการณ์ของผมให้ทราบกันนะครับ ขอเบรคไปทำงานก่อนนะครับ.....

 

ขอบคุณครับ รอฟังอีกนะครับ

 

ปูเสื่อ รอเลยครับพี่พงศ์ ^^

 

เคยไปกราบท่าน ได้ดูน้ำมนต์หมุนด้วยครับ

 

_/\_ กราบ ลป.จ้อย...


Thanks: ฝากรูป

 

_/\_


Thanks: ฝากรูป

 

_/\_


Thanks: ฝากรูป

 

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องเล่าประสบการณ์ดี เกี่ยวกับหลองพ่อจ้อย จะขอเข้ามาติดตามเรื่อยๆนะครับ

 

เรื่องที่ผมจะนำเล่าต่อไปเป็นเรื่องที่ผมเจอกับตัวเองนะครับ
เมื่อคราวที่คุณแม่ของผมอายุได้ 68 ปี ได้มีหมอดูได้ทักว่าหมดอายุแล้ว ทำให้กังวลมาก จึงได้เข้าไปกราบหลวงพ่อจ้อยฯที่วัดท่าน และกราบเรียนท่าน หลวงพ่อท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี และพูดว่า โยมอายุยืนไปจน 72 ปีไปโน่น และพูดคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ ทำให้คุณแม่ผมคลายกังวล ไปได้เยอะ และคุณแม่ผมก็ยังมีอายุต่อมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเมื่อแม่ผมอายุได้ 72 ปี ก็เกิดเป็นเส้นเลือดสมองตีบมีอาการเป็นอัมพฤกษ์ซีกขวา แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่จนปัจจุบันอายุ 79 แล้ว.....เป็นเรื่องที่ผมเองไม่รู้จะบอกอย่างไร เหมือนหลวงพ่อท่านรู้ล่วงหน้า ท่านพูดตอบทันทีโดยไม่ต้องนั่งสมาธิพิจารณาอะไรเลย
ผมว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ผมได้ประสพด้วยตัวเองครับ.....กราบขอขมาหลวงพ่อฯถ้าสิ่งที่นำมาเขียนเป็นการล่วงเกิน โดยไม่มีเจตนาใดๆครับ.... ​

 

รออ่านอยู่นะครับพี่ ชอบๆ ^^

 

Thanks: ฝากรูป

 

^^


Thanks: ฝากรูป

 

ขอเล่าเรื่องหลวงพ่อจ้อยกับหลวงปู่เจี๊ยะ จฺนโท วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม ปทุมธานี นะครับ
มีรุ่นน้องคนหนึ่งเป็นคนนครสวรรค์ ได้ทำงานอยู่ที่แถววัดหลวงปู่เจี๊ยะฯ และได้เข้าไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะฯท่านบ่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งได้คล้องพระหลวงพ่อจ้อยฯ ไปกราบหลวงปู่เจี๊ยะ ที่กุฏิ เมื่อหลวงปู่เห็นรุ่นน้องคนนี้ใส่พระฯก็ถามว่า
"มึ-คล้องพระอะไร"
รุ่นน้องตอบ " ผมคล้องพระหลวงพ่อจ้อยฯ วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ พระแถวบ้านครับ"
หลวงปู่เจี๊ยะ " ก-ไม่รู้จัก ก-รู้จักแต่หลวงพ่อเดิม "
รุ่นน้องก็ถอดสร้อยส่งให้หลวงปู่เจี๊ยะ "หลวงปู่ช่วยเมตตาให้หน่อยครับ"
เมื่อหลวงปู่เจี๊ยะรับพระรูปหล่อหลวงพ่อจ้อยฯ มาแล้วก็นำมายกมือเหนือศรีษะท่านแล้วส่งคืนโดยไม่ทำอะไรและก็บอกว่า
" ท่านเป็นพระฯดี พรรษาท่านสูงกว่าก-อีก ท่านกำลังทำงานอยู่ เดี๋ยวท่านดุเอา ท่านมองมา .....ม-งเก็บใว้ให้ดีๆ ไอ้อ้วน "
รุ่นน้องคนนั้นก็รับสร้อยกลับมาคล้องไว้ตามเดิม หลวงปู่เจี๊ยะท่านไม่ได้อธิษฐานให้เพิ่ม รุ่นน้องคนนี้เดี๋ยวนี้กลับมาอยู่ที่นครสวรรค์ นับถือหลวงพ่อจ้อยฯท่านมากๆครับ......

 

เข้ามาปูเสื่อรออ่านด้วยคนครับพี่

 

อยากได้มีดหมอมาคุ้มครองจังเลยครับ

 

หลวงพ่อจ้อยฯท่านเก่งและศักดิ์สิทธิ์มากครับ เป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อคูณฯ เคยมีเรื่องเล่าว่าชาวจังหวัดนครสวรรค์ได้ไปกราบหลวงพ่อคูณฯที่วัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณฯท่านได้ถามว่ามาจากไหนกัน โยมคนนั้นตอบว่ามาจากนครสวรรค์ หลวงพ่อคูณฯท่านบอกว่า

"มึงมาหากูทำไม ทำไมไม่ไปหาท่านจ้อยฯ ท่านจ้อยฯนั่นเก่งกว่ากูอีก"

ที่วัดศรีอุทุมพรฯมีรูปหลวงพ่อจ้อยกับหลวงพ่อคูณท่านกราบกันและกัน ถ้าใครเคยไปคงจะได้เห็นภาพนี้อยู่ นอกจากนั้นภาพที่เห็นที่วัดอีกภาพหนึ่งก็คือภาพที่ท่านชี้นิ้วลงไปที่อ่างน้ำมนต์แล้วน้ำมนต์แตกเป็นคลื่นคล้าย ๆ กับมีวัตถุตกกระทบผิวน้ำ แต่ความเป็นจริงนั้นระยะที่ท่านชี้กับผิวน้ำในอ่างน้ำมนต์นั้นห่างกันเป็นฟุตครับ นี่แสดงให้เห็นว่าพลังจิตของหลวงพ่อจ้อยฯนั้นรุนแรงเฉียบพลันจริง ๆ

สมัยหลวงพ่อจ้อยฯท่านยังดำรงธาตุขันธ์อยู่นั้นพระเครื่องและวัตถุมงคลที่วัดท่านนั้นทางวัดจะเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเองทั้งหมด และราคาวัตถุมงคลของวัดศรีอุทุมพรนั้นราคาจะไม่แพง เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถร่วมทำบุญได้ครับ

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อจ้อยฯมากมาย สมัยหลวงพ่อจ้อยฯท่านยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ผมได้มีโอกาสไปที่วัดท่านเรื่อย ๆ เนื่องจากมีกิจธุระต้องเดินทางไปจ.นครสวรรค์บ่อยครั้ง และได้มีโอกาสกราบท่านที่วัด ครั้งแรกที่ผมได้เจอท่านนั้นท่านกำลังนั่งฉันเพลอยู่ผมมองไปที่ท่านเห็นว่าท่านเป็นพระที่ดูสง่าผิวขาวนวล แลเหมือนมีแสงสว่างเป็นประกายออกจากตัวท่าน และดูเหมือนท่านจะมีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่ นั่งหลังตรง ดูน่าเคารพมาก พอท่านฉันและทำกิจธุระเสร็จผมก็ได้มีโอกาสนำพระรูปหล่อของท่าน ปี 2520 หน้าตักประมาณ 3 นิ้ว พร้อมกับพระชัยวัฒน์ชัยชนะของท่านที่ผมเช่าจากพี่ที่รู้จักกันที่ จ.นครสวรรค์ ไปให้ท่านเจิม ท่านก็เจิมและทำให้อย่างเต็มที่ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสกราบท่าน

หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนผมได้มีโอกาสไปที่วัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปกราบท่าน แต่ท่านไปดูงานก่อสร้างของทางวัดซึ่งอยู่ที่เขาด้านหลังยังไม่เข้ามาที่วัด ผมก็นั่งรอท่านอยู่ที่วัด พอรถของลูกศิษย์ท่านได้พาท่านกลับมาถึงที่วัด ผมก็รอท่านลงจากรถยนต์และขึ้นไปกุฏิจะได้เข้าไปกราบท่านได้สะดวก แต่ปรากฏว่า !!! พระที่ก้าวลงจากรถนั้น ทำไมดูร่างเล็ก หลังโค้งงอ ผิวคล้ำ แต่เปี่ยมไปด้วยความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ !!! ต่างกับครั้งแรกที่ผมเห็นท่านอย่างสิ้นเชิง ผมถึงกับงง.... นี่ผมไม่ได้มากราบท่านไม่กี่เดือนทำไมท่านถึงเปลี่ยนไปยังงี้ ???

เมื่อมีโอกาสคราวหนึ่งผมได้สอบถามเรื่องนี้กับลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อฯ ชื่อพี่เษม ทางพี่เษมยิ้ม ๆ และบอกผมว่าหลวงพ่อนั้นในแต่ละวันท่านไม่เหมือนกัน

"บางวันท่านตัวเล็ก บางวันท่านตัวใหญ่ บางวันท่านหนุ่ม บางวันท่านแก่ !!!"

ผมก็เลยถึงบางอ้อ... เป็นยังงี้นี่เอง เมื่อสบโอกาสแล้วผมเลยถามพี่เษมเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งที่ผมได้ยินมาจากปากหลายต่อหลายคนว่า

"หลวงพ่อช่วยคนตายให้ฟื้นได้ ??? เรื่องนี้มันจริงหรือ ???"

พี่เษมจ้องหน้าผมเขม็ง นิ่งซักพัก แล้วแกตอบผมว่า

"คนตายที่ว่าน่ะ... ลูกผมเอง"

พี่เษมเล่าให้ผมฟังว่า ลูกพี่เษมไปเล่นน้ำแล้วจมน้ำกว่าคนจะช่วยไว้ทันก็ไม่รู้สึกตัวแล้วเมื่อช่วยขึ้นมาจากน้ำได้แล้วก็รีบนำส่งโรงพยาบาลที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอได้รีบทำการรักษาช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจนนานทำให้อยู่ในสภาพเจ้าชายนิทราทางหมอได้แจ้งพี่เษมว่าเด็กคงจะไม่รอดแต่ถ้ารอดก็จะอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทราไม่รู้สึกตัวอย่างนี้ตลอดไปเพราะสมองตายด้วยอาการขาดอากาศ

พี่เษมตกใจมากและได้รีบไปหาหลวงพ่อจ้อยฯที่วัดทันที ท่านบอกพี่เษมว่า

"ไม่เป็นไรนะ ลูกโยมไม่เป็นไร"

และหลวงพ่อจ้อยฯได้เดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อดูอาการเด็ก หมอที่ทำการรักษาและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเห็นหลวงพ่อจ้อยฯก็มีอาการไม่สนใจและไม่นับถือท่านเท่าใดนักเพราะเห็นท่านเป็นเพียงพระชราองค์หนึ่ง หลวงพ่อจ้อยฯท่านได้เดินไปที่เตียงที่เด็กนอนไม่รู้สึกตัวอยู่และจับตัวเด็กจับแขนขาแล้วลูบในลักษณะรูดลงมา ทำอย่างนี้ทั้งแขนขาทั้งสี่ด้านเสร็จแล้วท่านก็กลับไปนอนคลุมโปงทำสมาธิอยู่ที่เตียงคนเฝ้าไข้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วจึงเดินทางกลับวัด

หลวงพ่อจ้อยฯท่านทำอย่างนี้อยู่ 3 วัน ในวันที่ 3 หลังจากท่านได้ทำการช่วยเหลือเด็กตามรูปแบบเดิมเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้บอกกับพี่เษมว่า

"ลูกโยมไม่เป็นไรแล้วนะ ปกติดีทุกอย่าง"

แล้วท่านก็เดินทางกลับวัดไป หลังจากหลวงพ่อจ้อยฯได้เดินทางกลับวัดไปแล้ว พี่เษมก็ได้เดินไปยืนที่เตียงที่ลูกนอนไม่รู้สึกตัวอยู่

ทันใดนั้นลูกชายแกก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเรียก...

"ป๊า"

พี่เษมเล่าว่าแกน้ำตาร่วงทันทีด้วยความตื้นตันและดีใจ รำลึกถึงบุญคุณหลวงพ่อจ้อยฯอย่างไม่มีที่เปรียบ หมอที่โรงพยาบาลก็ตกใจมากรีบสอบถามถึงหลวงพ่อจ้อยฯทันทีว่าท่านเป็นใครอยู่ที่วัดไหน หลังจากนั้นหมอก็ได้ปาวารณาตัวขอเป็นลูกศิษย์และรับอุปัฏฐากหลวงพ่อจ้อยฯหากท่านเจ็บไข้ได้ป่่วยโดยไม่คิดมูลค่าตอบแทน

นี่แหละครับหลวงพ่อจ้อยฯ แห่งวัดศรีอุทุมพร เทพเจ้าแห่งเมืองปากน้ำโพองค์หนึ่งที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสรับรู้เรื่องราวของท่านครับ พระของท่านนับวันจะมีมูลค่ามากและหายากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ ppong2010 ที่ได้เปิดกระทู้เป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของท่านต่อไปครับ

 

ขออุโมทนากับคุณppong2010ครับ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับจะได้ร่วมกันเผยแพร่ประวัติ ปฏิปทา และวัตถุมงคลของหลวงปู่จ้อยครับ
จากหลายๆข้อความที่ถามถึงรูปของหลวงปู่จ้อยที่นิ้วจุ่มในอ่างน้ำมนต์แล้วเกิดอัศจรรย์น้ำมนต์นั้นหมุนวนเป็นคลื่นๆ รูปนั้นถ้าผมจำไม่ผิด(หากผิดพลาดขออภัย) เกิดขึ้นเนื่องจากมีคนชาวกรุงเทพเดินทางไปกับเพื่อน แล้วระหว่างทางก็ได้ปรามาศและแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันประมาณว่า "พระบ้านนอกจะเก่งอะไร" แต่เมื่อพอไปถึงที่วัด ก็ต้องขอขมาและก้มกราบเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์เนื่องจากเห็นหลวงพ่อท่านเอานิ้วจุ่มในอ่างน้ำมนต์แล้วเกิดอัศจรรย์น้ำมนต์นั้นหมุนวนเป็นคลื่นๆ อย่างเช่นในภาพนั่นเองครับ