หลักธรรมะ กับการตัดต่อพันธุกรรมกิเลส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย telwada, 8 ตุลาคม 2007.

แท็ก: แก้ไข
  1. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คำถาม,,,ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
    สาธุ..... ลุงตอบได้กินใจมาก
    "เครื่องดิ้นรนอันมีองค์ 8 ซึ่งได้แก่ ทุกข์,สมูทัย,นิโรธ,มรรค อันประกอบด้วย
    1. ทาน 2. การครองเรือน
    3.กตัญญู 4.เจรจา
    5.สรรพอาชีพ 6. ประพฤติ
    7.ระลึก 8. ดำริ


    เออ.. เห็นลุงอนุญาตให้ถามได้ในเรื่องมรรค มีองค์แปด ผมอยากรู้เพิ่ม ขอลุงช่วยขยายความด้วย
    ตอบ...........
    เอาข้อที่คุณไม่เข้าใจจริงๆ จะดีกว่า ข้อไหนที่พอจะเข้าใจก็ไม่ต้อง ถ้าไม่เข้าใจหรือต้องการให้ขยายความในข้อไหน ก็บอกมา
    และคุณอธิบาย เกี่ยวกับตัดต่ออะไรของคุณนั่น ไม่ต้องเกรงใจ เพราะชื่อกระทู้ก็บอกอยู่แล้วว่า "ถามตอบ มีสาระ"

    ถาม........]เอ้อ........ความจริงจะว่าไม่เข้าใจก็ไม่ได้ครับ พอจะรู้อยู่บ้างทุกตัว
    แต่ว่าต่างคนต่างความคิด...ต่างความเห็น
    จึงอยากได้แนวความคิดเห็นของลุงเทวดาบ้าง

    ด้วยภูมิรู้เหนือชั้นของลุงเทวดา อาจมีข้อคิดเห็นบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร
    และอาจกระตุ้นความรู้ใหม่ๆให้เกิดกับตัวผมได้
    จึงเป็นเหตุให้ผมถามลุงครับ
    ถ้าจะกรุณา อธิบายเพิ่มด้วยครับ น้อมรับฟัง

    คำตอบ,,,,,,,,,,
    คุณ suwi คุณอ่านหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้าแล้ว คุณคิดว่าหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานความคิดที่ไม่เหมือนผู้คน ไม่ใช่สิ่งธรรมชาติอย่างนั้นหรือ หลักการหรือหลักธรรมะ ทั้ง 4 คู่ 8 ข้อที่ได้กล่าวไปในตอนก่อนแล้วนั้น เป็นแม่แบบ แม่บทแห่งพระไตรปิฎก นะคุณ เป็นหลักการหรือหลักธรรมะที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน บนโลก ในโลก หรืออยู่นอกเหนือจากโลกมนุษย์นี้ รับรองไม่มีทางหนีพ้นจากหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้า อย่างเด็ดขาดและแน่นอน เพียงแต่หลักการหรือหลักธรรมะ ทั้ง 4 คู่ 8 ข้อนี้เป็นหลักการหรือหลักธรรมะทางศาสนาพุทธ ส่วนหลักการหรือหลักธรรมะของศาสนาอื่นก็มีเหมือนกัน แต่ช่วงระยะเวลานี้ ต้องเอาศาสนาพุทธก่อน ศาสนาอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
    ดังนั้น เมื่อคุณได้เข้าใจแล้วว่า หลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้านี้ เป็นหลักธรรมชาติ เป็นหลักความจริงที่ไม่มีผู้ใด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หนีไม่พ้น
    คุณจะคิดอย่างไร ก็ถูกต้องทั้งนั้น เพียงแต่คุณจะคิดได้กว้างได้ไกลแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณจะคิดในแง่ที่ทางค่านิยมทางสังคมเรียกว่า "ดี" ก็ถูก คุณจะคิดในแง่ที่ทางค่านิยมทางสังคมเรียกว่า"ไม่ดี" ก็ถูก แต่จะทำให้คุณเกิดความทุกข์ หรือจะทำให้คุณเกิดความสุขหรือความสงบทั้งทางกาย ใจ มากน้อยเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับสมองสติปัญญาของบุคคล อันนี้คุณควรได้ทำความเข้าใจไว้ จะได้ไม่หลงคิดว่า ข้าพเจ้ามีความคิด แบบหลุดโลก หรือบ้า หรือบ๊อง

    ส่วนคำว่า การตัดต่อพันธุกรรม ของกิเลสนั้น ข้าพเจ้าจะสอนคุณไว้ว่า ศัพท์ภาษาบางอย่าง ไม่สามารถนำมาใช้กับ พฤติกรรมทั้งทางกาย วาจา และใจ ได้
    เช่นคำที่คุณกล่าวมาว่า "การตัดต่อพันธุกรรม ของกิเลส" คุณตัดต่อพันธุกรรมของกิเลสไม่ได้ดอกนะ เพราะ กิเลส ไม่ใช่พันธุกรรม แต่กิเลสคือคลื่นไฟฟ้าที่เกิดจาก การได้เห็น ได้ยินได้ฟัง แล้วเกิดเป็นความคิด แล้วเกิดเป็นอารมณ์ แล้วเกิดเป็นความรู้สึก
    เพราะหลักการ ตัดต่อพันธุกรรมนั้น เขาจะตัดเอาส่วนด้อย ออกไป เหลือไว้แต่ส่วนดี แล้วเอาส่วนดีของแต่ละพันธุกรรม อันเป็นพันธุกรรมชนิดเดียวกัน หรือพันธุกรรมที่สามารถเข้ากันได้ มาผสมกัน ได้เป็นพันธุกรรม ตัวใหม่
    เพราะฉะนั้น ต่อไปก็อย่าเอาสิ่งที่ไม่ควรใช้กับอีกสิ่งหนึ่งไปใช้อีกสิ่งหนึ่ง
    หากจะยกตัวอย่างให้เห็นชัด สิ่งที่คุณเพ้อเจ้อมานั้น ก็เหมือนกับ น้ำปลา แล้วคุณจะเอาน้ำปลา มาใส่ในของหวาน ประเภท รวมมิตร น้ำแข็งใส อย่างนั้นหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
    ลุงครับ.. ที่ผมกล้าใช้คำว่า "การตัดต่อพันธุกรรมของกิเลส" นั้น เพราะพิจารณาแล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และคำนี้มันไกล้เคียงกับสิ่งที่ผมได้ทำและผลที่ได้รับ มากที่สุด เช่นผมตัดสัญญาแห่งเวทนาหนึ่ง (เช่นความเศร้า) ออกไป และนำสัญญาแห่งแห่งปิติเข้าแทนที่ สังขารธรรมที่ได้ก็แปรเปลี่ยนไป
    สิ่งที่แสดงออก ก็เพียงการหัวเราะ ฮึๆ..แทนการรำร้องไหยไห้น้ำตาฟูมฟาย

    ลุงครับ เดิมผมเป็นวิศวกรไฟฟ้า อิเล็คโทรนิค การสื่อสาร ผมยืนยัน สัญญานไฟฟ้าทุกอย่างผมตัดต่อได้ครับ ด้วยเทคโนโลยี่นี้ผมสามารตัดต่อ แปรเปลี่ยนสัญญานเสียงจากคนหนึ่งให้เป็นอีกคนหนึ่งได้ ดัดแปลงรูปลักณ์ของสัญญานต่างได้ ทั้งอนาล๊อก และดิจิทอล และผมก็ใช้ความรู้นี้นะครับมาประกอบกรศึกษาธรรมของผมเอง

    อีกประการ ลุงครับ น้ำปลาที่บ้านผมทำของหวานได้ครับ มะม่วงน้ำปลาหวาน ครับ

    คำตอบ,,,,,,,
    ที่คุณกล่าวมาไม่ใช่การตัดต่อพันธุกรรม เพราะสัญญา หรือความจำนั้น อยู่ในสมองอยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้า เวทนา นั้น เป็นผลแห่งความจำ เกิดที่หัวใจ และเวทนาผลแห่งความจำอันเกิดที่หัวใจนั้น ก็จะส่งคลื่นไปสู่สมองอีกครั้งทำให้เกิดความคิด คุณไม่สามารถตัดทั้งสองอย่าง คือทั้งสัญญาและเวทนาได้ เพราะสัญญาหรือความจำนั้น เมื่อถูกเก็บไว้ในสมองแล้ว จะไม่สามารถตัดมันหรือลืมมันหรือลบมันได้ แต่ก็ถึงกับลบไม่ได้ ก็มีสัญญาหรือความจำบางชนิดลบได้ แต่เป็นความจำที่ไม่มีความจำเป็น ที่บุคคลลืมบางสิ่งบางอย่าง ไม่ใช่ว่า สัญญาหรือความจำถูกลบไป เพียงแต่สัญญาตัวนั้นๆถุกสัญญาตัวอื่นบดบังคือมีคลื่นที่แรงกว่าบดบัง บางครั้งอาจทำให้สัญญาตัวที่มีคลื่นอ่อนกว่านั้นถูกลบเลือนไป หากได้รับการกระตุ้น สัญญาตัวที่ว่าคลื่นอ่อนก็จะกลับมาอีก
    กิเลส เกิดจากประสบการ การเรียนรู้ การได้รับการขัดเกลาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม แค่สิ่งที่คุณตอบมา ก็คือกิเลสแล้ว เขาเรียกว่าความหลง หากคุณไม่เข้าใจในเรื่องกิเลส ลองเข้าไปที่หมวด อภิญญา หากระทู้ " กิเลสในแง่มุมหนึ่ง"อ่านดู คงจะเกิดความเข้าใจได้บ้าง
    ข้าพเจ้าบอกคุณแล้วว่า ศัพท์ ภาษาเขามีไว้ใช้เฉพาะอย่าง ส่วนใหญ๋ศัพท์ภาษาในหลักวิชาการจะไม่นำมาใช้ปนเปกัน โดยเพื่อหวังความสนใจ หรือเพื่อหวังจะเป็นสิ่งแปลกใหม่
    คุณลองเข้าไปหมวดอภิญญา หาอ่านเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ คงจะเกิดความเข้าใจบ้าง
    การแปรเปลี่ยนสัญญาณ ที่คุณกล่าวมา ใช้ไม่ได้กับมนุษย์ เนื่องคลื่นไฟฟ้าในตัวมนุษย์ต่างจากคลื่นไฟฟ้าในทางวิทยุหรือเครื่องเสียง
    ที่คุณกล่าวว่า "ผมตัดสัญญาแห่งเวทนาหนึ่ง (เช่นความเศร้า) ออกไป และนำสัญญาแห่งแห่งปิติเข้าแทนที่ สังขารธรรมที่ได้ก็แปรเปลี่ยนไป
    สิ่งที่แสดงออก ก็เพียงการหัวเราะ ฮึๆ..แทนการรำร้องไหยไห้น้ำตาฟูมฟาย" นั่นไม่ใช่การตัดต่อพันธุกรรมกิเลส หรือตัดสัญญาหรือเวทนา
    แต่คุณมีสติ คือมีความระลึกได้ และสัมปชัญญะ คือความรู้ตัว ว่าสิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควร อันเกิดจากข้อมูลความจำ หรือประสบการณ์ หรือความจำเป็นใน บทบาทและหน้าที่ อันเป็นคลื่นไฟฟ้าอยู่ในสมอง ทำให้คุณแปลงคลื่นเหล่านั้นออกมาเป็นการประพฤติ ด้วยการ หัวเราะ แทนที่จะร้องไห้

    อนึ่งคุณคงมี แม่ หรือมารดานะ คุณไปถามแม่คุณหรือมารดาคุณนะว่า
    "น้ำปลาหวาน"ที่เขาใช้จิ้มมะม่วงนั้น เป็นของหวาน หรือของคาว
    ไม่รู้แต่ยังดันเขียนมาได้ ข้าฯละเซ็ง จริงๆวะ
     
  3. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827

แชร์หน้านี้

Loading...