อภิญญาจิตตัวแม่ เล่นเอาหลวงพี่ถึงกับ..ตะลึง!!

เรื่องราวปัจจัตตังที่เกินมนุษย์ธรรมดาจะทำได้(เหลือเชื่อแต่ก็เป็นความจริง) เรามักได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าของพระเกจิอาจารย์ ผู้มีฤทธิ์อภิญญาในยุคก่อนๆ
แต่กับยุคสมัยนี้ หลวงพี่ท่านก็ไม่นึกว่า ยังจะมีใครที่เจริญตามรอยหลวงปู่ใหญ่ เทพโลกอุดร หลวงพ่อปานวัดบางนมโค หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ที่จะสามารถใช้อิทธิญาณในส่วนของอภิญญา (เช่น ทิพจักขุญาณ เจโตปริยญาณ ฯลฯ) ที่ล่วงรู้นิสัยใจคอ พฤติกรรมก่อนบวชของหลวงพี่ จนเล่นเอาหลวงพี่ถึงกับอึ้งง..ขนาดนี้

[ame="https://www.youtube.com/watch?v=X_KUx66A4h4"]https://www.youtube.com/watch?v=X_KUx66A4h4[/ame]

 

สมัยก่อน ผมเคยไปถ่ายออร่า
ตอนไปมันก็ยังปกติดี แต่เผอิญว่า คนที่ตรวจออร่าไม่อยู่ เราจึงต้องนั่งรอ
(คือหลังจากถ่ายรูปมาแล้วต้องมาให้อาจารย์เขาวิเคราะห์ว่า ออร่าสีนี้หมายถึงอะไร)
ทีนี้ ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอ ทางพนักงานเขาก็ชงเอาชาฝรั่งร้อนๆมาเสริฟ
เราก็หลงดื่มไปจนหมด(ลืมไปว่าตัวเองแพ้ชาฝรั่ง)
ภายหลังจากดื่มชาฝรั่งไปได้ประมาณสักยี่สิบนาที ตัวเราก็เริ่มรู้สึกร้อนเหมือนคนจะเป็นไข้
พอไปถ่สยออร่า ปรากฏว่า ออร่าของเราออกมามีสีแดงปนส้ม ปนเหลือง
อาจารย์เขาก็เลยสรูปว่า สุขภาพเราไม่ค่อยดี กำลังไม่สบาย แนะนำให้เราทำออร่าบำบัด
แต่เราก็รู้ตัวดีว่า เราไม่ได้เป็อะไร สาเหตุที่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนคนจะเป็นไข้
เป็นเพราะเราเผลอไปดื่มชาฝรั่งที่เขาชงมาให้เราดื่ม ซึ่งเราแพ้ ดื่มทีไรจะรู้สึกไม่สบายทุกที


ที่เราเล่าเรื่องนี้ เพื่อจะให้หลายๆท่านใช้เป็นหลักสังเกตว่า
เวลาไปตามสถานที่ต่างๆ และเกิดความรู้สึกแปลก แสดงอาการแปลก
อย่าพึ่งรีบด่วนสรูปว่า เป็นเพราะอำนาจลึกลับของสถานที่นั้น
หรือเพราะอำนาจวิเศษของคนที่เราไปพบ
แต่ให้ดูว่า
๑.เราได้รับเครื่องดื่มอะไรที่เขาจัดเตรียมมาให้ ซึ่งอาจใส่สารหรือยาบางอย่าง
ที่ทำให้เราแพ้จนรู้สึกผิดปกติ หรือมีอิทธิพลกล่อมประสาทของเราจนเคลิบเคลิ้ม
จนรู้สึกจิตใจสงบหรือไม่ ??
๒.สถานนั้น เป็นสถานที่โล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
หรือว่าเป็นสถานที่อับทึบ เช่นห้องแอร์ ซึ่งอาจมีกลิ่น หรือมีกาซ หรือยาบางชนิด
เจือปนอยู่ในอาการ พอเราสูดดมเข้าไป ก็ทำให้รู้สึกผิดปกติ
เช่น รู้สึกอึดอัดไม่สบาย รู้สึกเคลิบเคลิ้มจิตใจเลื่อนลอย
รู้สึกจิตใจสงบเป็นสุขอย่างประหลาดหรือไม่

ทั้งนี้ก็เพื่อจะป้องกันไม่ให้ถูกเขาหลอก โดยคิดว่าความรู้สึกที่เกิดเพราะอำนาจยา
สารเคมี หรือก๊าส ที่ผสมแยู่ในอาหาร น้ำดื่ม และเจือปนอยู่ในอากาศ เกิดเพราะ
อำนาจลึกลับหรือคุณวิเศษของเจ้าของสถานที่นั้น จนเราตกเป็นทาสศรัทธา
และถูกชักจูงให้หลงเชื่อ และเสียทรัพย์สินต่อไป.....

 

แม้แต่เสือที่ว่าดุๆ แต่ถ้าเจอยากล่อมประสาทเข้าไป ก็กลายเป็นเสืออารมณ์ดี ใจเย็น
และยอมให้คนลูบหัวเล่นได้
เพราะฉะนั้น อย่าพึ่งรีบด่วนสรูปเชื่อว่า สิ่งที่ตาเราเห็น และดูว่ามหัศจรยย์นั้น เกิดเพราะปาฏีหาริย์
มันอาจมีเงื่อนงำมากกว่าที่ตาเราเห็น เพียงแต่เราไม่รู้

 

แพทย์เองก็จนปัญญาช่วย ก็ไม่รู้จะหาสรรหาตรรกะทางวิทยาศาสตร์ใดมาอธิบาย

[ame="https://www.youtube.com/watch?v=MmIF7HuLdtc&t=41s"]https://www.youtube.com/watch?v=MmIF7HuLdtc&t=41s[/ame]

 

...การเห็นอนาคตได้ น่าจะไปดูเลขหวยบ้างนะ แล้วเอามาบอกกันด้วย

 

เรื่องแบบนี้บางทีมันอธิบายได้ยากครับ
แต่ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สามารถ
ใช้ประกอบในการอธิบายผลที่เกิดขึ้นได้ครับ..
และมันก็เป็นเรื่องที่มีมานามแล้วครับ
จะว่าไปมีมาก่อนสมัยพุทธกาลด้วยครับ
ในเรื่องที่แพทย์ปัจจุบันรักษาไม่หาย
บ้านเราเองที่เก่งมากในเรื่องการใช้ยาสมุนไพร
ส่วนเรื่องพิเศษๆ ก็ได้ยินมาว่า ผู้เป็นเลิศ
ท่านสงเคราะห์เฉพาะกับพระญาติของท่านเท่านั้นเองครับ
หรือท่านพ่อปู่ฯที่บ้านเราให้การเคารพท่านก็ถือว่าเป็น
ปรมจารย์ด้านการรักษาในระดับโลกใบนี้แล้วครับ
โดยมาพุทธเลย จะเน้นคือการยอมรับตามความเป็นจริงๆ
เราจึงได้พบเห็น พระสงฆ์หลายๆท่านที่กำลังจิตสูงมากๆ
ท่านช่วยเหลือผู้อื่นได้มากมาก กลับพบว่า ตัวท่านเอง
ก็ยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง
ปล่อยให้เป็นไปตามกฏของธรรมชาติเช่นกัน...
ดังนั้นการที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
ก็เข้าไปได้ เป็นไปตามวาระและเป็นไปตามเหตุ
และปัจจัยแห่งตน แต่ต้องไม่ลืมหลักสำคัญทางพุทธศาสนาเรา
ว่าเราเน้น เรื่องปัญญาทางธรรม มากกว่าเรื่องอื่นใดๆ
เราจะไม่ไปเน้นในเรื่องการยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่า
ธรรมะและคำสอนของท่านด้วยครับ
และเรามองเห็นว่า เรื่องพิเศษ เรื่องฤิทธิ์อะไรต่างๆนั้น
ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้หลุดพ้นได้
แต่หากว่าเป็นการส่งเสริมให้เราศรัทธาท่านนั้นไม่เป็นไร
แต่เราก็ไม่ควรไปยึดที่ตัวบุคคลมากกว่า ธรรมะหรือคำสอนนะครับ

ยกตัวอย่าง เราห้อยพระประเด็นหลักคือ เพื่อระลึกถึงคำสอน
ส่วนเรื่องพิเศษอื่นๆถ้ายังส่งผลอยู่ ก็ปล่อยให้เป็นตามวาระครับ
แต่ก็ให้พึ่งระลึกไว้ว่า ธรรมคำสอนสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดนะครับ

หากว่าเราได้เข้าไปข้องเกี่ยวแล้ว
ก็ไม่ควรลืมประเด็นหลักๆทำสำคัญของพุทธศาสนานะครับ
และเรื่องพิเศษใดๆก็ตาม กับบุคคลใดๆก็ตาม
เราอย่าไปเน้นมาก แม้ท่านจะเก่งจริง มากความสามารถจริงๆ
เราก็ควรเน้นไปทางด้านคำสอนของท่านมากกว่า
การที่จะไปเน้นเรื่องฤิทธิ์ เรื่องพิเศษที่ทำให้บุคคลที่ได้พบได้เห็น
ไปยึดติดที่ตัวบุคคลมากเกินไป แทนที่จะไปให้ความสำคัญกับ
ธรรมคำสั่งสอนของท่านเหล่านั้นที่ท่านได้ทิ้งไว้ช่วยลูกชั่วหลานครับ
ซึ่งธรรมคำสั่งสอนเหล่านี้หละครับ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้ครับ

ปล.ให้ความสำคัญเรื่องที่ควรให้ความสำคัญที่เป็นหลัก
ทางพุทธศาสนา มากกว่าเรื่องอื่นๆนะครับ
เรื่องอื่นๆเกี่ยวข้องได้ ตามวาระของเราแต่อย่าไปเน้นไปยึดครับ
และก็ไม่ควรไปดูถูกดูแคลนหากเราไม่ได้มีประสบการณ์ตรง
ในเรื่องที่พิเศษเหล่านั้นครับ..ควรวางใจเป็นกลางๆไว้ก่อน
ศาสนาพุทธเน้นอะไรเป็นหลัก...อย่าเผลอลืมกันนะครับ ( ^_^)

แค่ความเห็นหนึ่งนะครับ

 

เห็นรูปท่านพี่ป๋านบแล้ว ตะลึงของจริง........

 

คล้ายๆเจี๊ยบ เชิญยิ้มรึเปล่า ???