อยากทราบเรื่องการอุทิศบุญครับ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย khunlung, 1 มิถุนายน 2014.

  1. khunlung

    khunlung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +19
    ท่านใดมีประสบการณ์ความรู้ รบกวนช่วยตอนเป็นธรรมทานหน่อยนะครับ

    1. อยากทราบว่า การอุทิศบุญ โดยมีน้ำเป็นสื่อกับ ไม่มีน้ำหรือกรวดแห้ง ผู้รับจะได้รับเท่ากันหรือไม่

    2. เมื่อเราอุทิศบุญให้เช่น นาย ก นาย ข นาย ค นาย ง สมมุติ มีเงิน 100 นึง ผู้รับจะได้รับ 100 บาท หรือว่า คนละ 25 บาท หรือว่า ได้รับแล้วแต่ว่าผู้นั้นจะมีบุญเก่ามากเท่าไร เช่น หากมีเทวดาชั้นสูง ท่านก็จะรับไปก่อนเลย 70 แล้วที่เหลือ อาจ เหลือ 10 กับ 5 อีก 5 หรืออาจมีบางตนไม่ได้เลย

    3. การอุทิศบุญ วิธีไหนดีกว่ากันระหว่าง ขอคุณอำนาจพระรัตนตรัย ขอให้บุญนี้จงถึงแก่ .... หรือ ว่าการออกไปกรวดน้ำนอกบ้านและบอกพระแม่ธรณี ขอให้นำบุญนี้ไปให้ถึงแก่... ทั้งสองวิธีผลเหมือนกันไหมครับ

    4.ถ้าบุญจากทานควร กล่าวให้เลยตอนของหลุดมือ แล้วถ้า เรานั่งกรรมฐาน เราควรบอกไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนนั่ง แต่พอนั่งเสร็จ ต้องรีบอุทิศแบบ ทำทานเลยไหมครับ

    5.ผลของการที่ภาวนาแล้วขอให้ผลบุญแปลงเป็นปัจจัยต่างๆ กับวิธีการไปซื้อของแล้วทำเป็นสังฆทานเลย ผลเหมือนกันไหมครับ?

    ขอบพระคุณมากครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ปล.ประมาณนี้ครับ ลองอ่านดูก่อนครับ
     
  3. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    บุญ เป็นของทิพย์ ขึ้นอยู่กับจิตของผู้ทำเป็นหลักใหญ่ พิธีการเป็นเพียงกิริยาเท่านั้น

    1. อยากทราบว่า การอุทิศบุญ โดยมีน้ำเป็นสื่อกับ ไม่มีน้ำหรือกรวดแห้ง ผู้รับจะได้รับเท่ากันหรือไม่

    กรวดน้ำกรวดแห้ง ก็เหมือนกัน มีผลเท่ากัน การกรวดน้ำเป็นพิธีของพราหมณ์

    2. เมื่อเราอุทิศบุญให้เช่น นาย ก นาย ข นาย ค นาย ง สมมุติ มีเงิน 100 นึง ผู้รับจะได้รับ 100 บาท หรือว่า คนละ 25 บาท หรือว่า ได้รับแล้วแต่ว่าผู้นั้นจะมีบุญเก่ามากเท่าไร เช่น หากมีเทวดาชั้นสูง ท่านก็จะรับไปก่อนเลย 70 แล้วที่เหลือ อาจ เหลือ 10 กับ 5 อีก 5 หรืออาจมีบางตนไม่ได้เลย

    รับเท่า ๆ กันหมดทุกคน จะเอาความคิดของวิธีการคำนวณทางโลก เอามาใช้ ไม่ได้ หรอกครับ
    สมมุติว่า สร้างอุโบสถโบถส์ 1 หลัง แล้วกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปทั่วทั้งอนันตจักรวาล ทั่วสวรรค์ทุกชั้น ตั้งแต่เบื้องล่างอเวจีนรก ขึ้นมาถึงสวรรค์ 16 ชั้นฟ้า เทพยดาอารักษ์ เทพารักษ์ นางไม้ ถ้าคำนวณหารกันแล้ว จะได้กุศลเล็กกว่าเมล็ดทรายอีก


    3. การอุทิศบุญ วิธีไหนดีกว่ากันระหว่าง ขอคุณอำนาจพระรัตนตรัย ขอให้บุญนี้จงถึงแก่ .... หรือ ว่าการออกไปกรวดน้ำนอกบ้านและบอกพระแม่ธรณี ขอให้นำบุญนี้ไปให้ถึงแก่... ทั้งสองวิธีผลเหมือนกันไหมครับ

    ได้ทุกวิธีครับ ขึ้นอยู่กับจิตของเรา คนเราเรื่องมากกันไปเอง บางคนก็อยากจะเป็นอรรถจารย์ นักวิชการ นักเขียน อยากแต่งหนังสือขาย ก็เลยเขียนวิธีบรรยายไปเรื่อย หนังสือบางเล่มอ่านไปก็เสียเวลา อ่านจนจบ สรุปได้แค่บรรทัดเดียว เช่นหนังสือ อุทิศบุญอย่างไรจึงจะได้ผล อ่านทั้งเล่ม สรุปได้ว่า ต้องอุทิศเจาะจง เช่น ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งที่ตรงปอด

    4.ถ้าบุญจากทานควร กล่าวให้เลยตอนของหลุดมือ แล้วถ้า เรานั่งกรรมฐาน เราควรบอกไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนนั่ง แต่พอนั่งเสร็จ ต้องรีบอุทิศแบบ ทำทานเลยไหมครับ

    ตอนไหนก็ได้ครับ

    5.ผลของการที่ภาวนาแล้วขอให้ผลบุญแปลงเป็นปัจจัยต่างๆ กับวิธีการไปซื้อของแล้วทำเป็นสังฆทานเลย ผลเหมือนกันไหมครับ?

    คล้ายคลึงกันครับ ทำแบบไหนที่คุณทำแล้ว มีควา่มสุข ก็ทำไปเถอะครับได้ผลเหมือนกัน บางคนมีความคิดทางโลกเป็นธุรกิจคิดเรื่องกำไรเป็นที่ตั้ง คิดจะทำบุญทั้งทีต้องคุ้มค่ากับการลงทุน ทำบุญถวายปัจจัย ในมูลค่าเท่า ๆ กัน แต่ จะต้องได้บุญมากกว่าคนอื่น เลือกจะทำแบบโน้นแบบนี้ ทำแบบนี้จะได้บุญมากกว่าแบบนี้ คือแล้วแต่จิตจะปรุงแต่งคิดกันไปเอง

    บุญบาปเป็นของทิพย์ ขึ้นอยู่กับจิตของผู้กระทำ พิธีการเป็นแค่กิริยาเท่านั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  4. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    1. เวลาผมเดินทางบนถนนเห็น แมวตาย หมาตาย ผมมักจะอุทิศบุญให้ " ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำมาทุกภพชาติ ประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา ยกให้แก่ท่านและขอให้ท่านได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีดี" และกลับมาบ้านสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้วก่อนนั่งสมาธิผมจะอธิฐานจิตเปิดบุญกุศลยกบุญกุศลให้ทุกดวงวิญญาณสามารถโมทนาบุญได้ตลอดที่เจริญพระกรรมฐาน พอจะออกจากสมาธิผมก็อัญเชิญบารมี พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ นำส่งผลบุญทิพย์ทานทิพย์ให้แก่......จนถึงทุกดวงวิญญาณที่ต้องการรับบุญกุศล // ครับ อย่างหมาแมวที่ตายบนถนนเขาได้รับบุญจากเราแล้วจะมีโอกาสตามมาที่บ้านอีกได้ไหมครับ ?? คือผมชอบอุทิศบุญพร้ำเพรื้อนะครับ วิธีการที่ผมทำข้างบนจะ Play Safe แก่ตนเองหรือไม่ครับ ??

    2. ไปอยู่บางสถานที่ เช่น โรงแรมเก่าๆ วัด สถานที่เปลี่ยวรกร้าง ฯลฯ ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยผมจะไม่อุทิศบุญ คือ ทำตัวแบบไม่รู้ไม่ชี้ หรือผมควรจะทำอย่างไร เพราะกลัวว่าให้เขาแล้วเขาเหล่านั้นจะตามรบกวนครับ ??
     
  5. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701

    ผู้ที่ได้รับบุญแล้ว จะเกิด ความสุขปิติซาบซึ้งสุขกายสบายใจ ขึ้นมาแบบทันทีทันใด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะไม่มีใครมารบกวนคุณคุณ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2014
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เด่วช่วยเสริมครับ บางประเด็น..
    เอาข้อ ๑ ก่อนนะครับกรณีสัตว์ที่ตาย.
    .โอกาสที่เค้าจะกลับมาปรากฏให้เราเห็นตอนกลางคืน
    ทันทีเลยค่อนข้างเป็นได้ยากมากครับ..เหตุเพราะการตายผิดธรรมชาติ
    เป็นการเสียชีวิตทันที.การที่จะรวบรวมกำลังค่อนข้างยาก
    .แม้กลุ่มที่เสียชิวิตมานานแล้วและต้องการผลบุญ
    เป็นหลักก็น้อยมากที่จะมาหาเราทันที.เพราะอยู่ในช่วงติดกับ
    ผลบุญที่ได้รับคิดดูครับบางตนอยู่มีกี่ร้อยกี่พันปีทำนองนี้
    .สมมุติว่าเราทำทุกวันนะครับ..
    ปีหนึ่งถ้าเค้ามายิ้มทักทายเราได้เนื่ย หรือมาขอบใจ.เฉพาะกลุ่มนี้นะ
    ให้ปีละ ๒ ถึง ๓ ครั้งก็ถือว่าเราโชคดีแล้วครับ..แต่การที่เราทำบุญแบบนี้
    ของเราไปผลที่เราจะได้ในอนาคตตามมาก็คือ เรามีโอกาสที่จะไปถึงขั้น
    บุญฤิทธิ์ได้.เพราะเราจะได้รับการสนับเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องการป้องกันตนเอง
    ส่วนในทางการปฏิบัติและการได้มาซึ่ง
    ภูมิปัญญาทางธรรม จากแหล่งองค์ความรู้ที่เรามองไม่เห็นบ้างหรือไม่รู้บ้าง
    เหตุเพราะเค้าเห็นว่าเรามีเมตตาในจิต.ท่านเลยส่งเสริมองค์ความรู้
    หรือดึงเราไปสู่องค์ความรู้ต่างๆ.ที่ทำให้เราเข้าใจในเรื่องนามธรรมต่างๆได้
    แบบที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ยาก หรืออธิบายให้คนเข้าใจได้ยาก
    .เพราะภูมิความรู้บางเรื่อง มันหาไม่ได้จากการค้นคว้า เพราะมันเป็นภูมิความรู้ที่ปรากฏขึ้น
    มาจากจิตตนเอง..บางคนเรียกว่า อาการ ปิ๊งแว๊บ บางคนก็ อุทาน อ๋ออ
    อะไรทำนองนี้ครับหากเราจะทราบคำตอบตรงประเด็นนั้นๆ..
    และในอนาคตการกลุ่มสัตว์จะมาปรากฏให้เราเห็นได้..เราต้องทำสะสมไป
    เรื่อยๆก่อน แม้เราอุทิศส่วนกุศลถูกหลักการ.ก็อาจใช้เวลาเป็นปี เค้าจะรวม
    ตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อให้พอมีกำลังในการมาหาเรา.และจะมาหาเราแบบมีการ
    ตอนรับเราเป็นอย่างดี เกรงใจเรามากๆ.ประหนึ่งเราเป็นคนสำคัญครับ
    ประเด็นนี้ไว้พิสูจน์ด้วยตัวเองในอนาคตจะเข้าใจได้เองครับ..


    ประเด็นที่ ๒ การไปยังสถานที่ต่างๆและตัวเราเองยังรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้น
    มีสาเหตุหลักๆ คือ ตัวเราเองจริงๆยังตัดเรื่องความตายไม่ได้ซึ่งถือว่าเป็น
    ปกติครับ.และจิตเรายังไม่มีฤิทธิ์มากพอ ณ ตอนนี้ในการป้องกันตนเองได้
    บวกกับเรายังไม่มีพันธมิตรสายฤิทธิ์มาเป็นพรรคพวกที่จะคอยร่วมป้องกัน
    ร่วมเคียงข้างเราได้..และอีกประเด็นหลักๆฤิทธิ์ของภพภูมิที่มีอยู่ในบริเวณ
    นั้นๆค่อนข้างจะสูงครับ..เป็นปกติธรรมดาครับ ของคนที่มีนิสัยในการทำบุญ
    ชอบอุทิศส่วนกุศลจะมีความรู้สึกยำเกรง.เพราะว่าจะรู้สึกสัมผัสถึงพลังงาน
    พวกนี้ได้.แต่ตอนนี้ฐานกำลังจิตเราและพันธมิตรเรายังอยู่ในช่วงระหว่าง
    ของการเดินทางอยู่.เราจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยครับ แต่จริงแล้วไม่มีอะไรครับ

    เพราะฉนั้นควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆ.เพื่อให้จิตเรามีฤิทธิ์จาก
    เส้นทางบุญฤิทธิ์ที่เราพึ่งเดินเข้ามาตรงนี้ให้เป็นนิสัย..นึกภาพตามนะครับ
    ถ้าเราฤิทธิ์น้อยกว่าแล้วเราสุภาพ.ภูมิที่ฤิทธิ์มากกว่าก็จะมองว่าเราเป็นคน
    อ่อนน้อมถ่อมตน มีสำมาคาระวะ
    และถ้าเรามีฤิทธิมากกว่าและเราก็สุภาพ เค้าก็จะ
    มองว่าเราเป็นคนถ่อมตัว เป็นคนมีเมตตา
    ทั้ง ๒ กลุ่มเค้าก็จะเมตตาเราคืนบ้าง
    ในบางประเด็นเค้าไม่ได้เก่งกว่า
    เราเพราะเค้าไม่มีร่างกายเค้าจึงสร้างอย่างเราไม่ได้
    เช่นเรื่องการเจริญสติ การเดินปัญญา.

    ..แต่ประเด็นที่เค้าเคยชำนาญเฉพาะของเค้า
    บางทีเค้าก็จะเมตตาสอนเทคนิคในการเข้าถึงให้เราได้ง่ายๆโดยที่ถ้าไป
    ค้นคว้าเราอาจจะต้องฝึกเองเป็น ๑๐ ปีหรือทั้งชาติก็ไม่อาจรู้ได้ เราจะได้
    ในมุมนี้เข้ามาทดแทนครับ.เรื่องบุญที่เราอุทิศไปนั้นมันเทียบไม่ได้กับจิต
    ใจของเราที่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ.ความเหย่อหยิ่งในใจตนก็จะน้อยลง
    ความสุภาพถ่อมตัวเราจะมากขึ้น ความอิจฉาริบยาเราจะน้อยลง
    ความอยากดีอยากเด่นเราจะน้อยลง.
    ความคิดอกุศลต่างๆเราก็จะน้อยลงเรื่อยๆ
    และสิ่งที่เราจะได้รับกลับมา ดังคำกล่าวที่ว่า
    เราจะ
    ''มีเหมือนไม่มี ได้ในสิ่งที่ไม่คาดและไม่มีใครคิดว่าจะมี หรือ
    ได้ก็เหมือนไม่ได้นั่นหละครับ''
    ปล.ในอนาคตหากคุณยังมีแนวทางปฏิบัติอย่างนี้อยู่
    คุณจะเข้าใจคำในเครื่องหมายคำพูดด้วยตัวเองได้ดีที่สุด
    ขอบคุณครับ
     
  7. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908

    คุณ nopphakan แนะนำได้ชัดเจนจริงๆครับ ผมคิดว่าคำตอบไม่ได้มีแก่ผมคนเดียว แต่อาจเป็นคำตอบที่หลายๆคนกำลังสงสัยอยู่ก็ได้ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ :cool:
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ผมขอเสนอความเห้นบ้าง
    เราควรจะกำหนดรู้ทุกข์ ในความสงสัยในทุกๆผลบุญ
    ให้ความยึดว่าเรารู้ทุกข์ โดนรู้ทุกข์ เข้าแทนที่
    แล้วอุทิศกุศล

    การที่เรายึดว่ารู้ทุกข์ กับเรารู้ทุกข์
    จะผัสสะ กันคนละที่ จะเป็ฯคนละทุกข์

    ถ้าเราทำให้ทุกข์ที่เรายึดว่ารู้ กับทุกข์ที่เรารู้เป็ฯตัวเดียวกันได้ คือผัสสะเดียว
    ก็ให้อุทิศกุศลที่ยึดว่ารู้ กัยรู้ ผัสสะเดียวกันไม่มีผัสสะอื่น
    อุทิศบุญนี้เลย

    ความสงสัยจะกลายเป็นกุศล
    กลายเป็นธรรมวิจายะ

    ไม่งั้นแล้วเราจะติดชินที่ใช้ลังเลสงสัยสังเคราะห์เอาเหตุและผล
    แทนที่จะใช้อริยะสัจจะ
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เมื่อเราเห็ฯว่าข้อสรุปหาความแน่นอนไม่ได้
    ก็คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ก็อุทิศกุสลได้
    เป็นธรรมวิจายะ
    ธรรมะวิจจายะเป็น ปัจจัตตัง
    ไม่สามารถให้ใครมา สรุปให้ มันอนิจจัง มันทุกขัง มันอนัตตา
    ให้คนอื่นสรุปให้ไม่ได้
     
  10. rapeepat

    rapeepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +138
    จัดไปครับ ไม่มากก็น้อย....อุทิศบุญเล่มใหญ่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...