อยู่ใน ใจเหนือ เกื้อโลก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย aprin, 1 สิงหาคม 2010.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    “โมกข์” ก็แปลว่า ความหลุด ความพ้น ใช้ได้ทั่วไป ตั้งแต่หลุดจากบ่วง พ้นจากพันธนาการ พ้นจากที่ถูกปิดล้อม พ้นภัย พ้นจากความตาย....

    หมายเหตุ : ในโอกาสที่วันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นวันเปิด “หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ” หรือ “สวนโมกข์กรุงเทพฯ” คาบใบลานผ่านหน้าพระฉบับนี้จึงขอนำข้อเขียนเรื่อง อยู่ใน ใจเหนือ เกื้อโลก ของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ซึ่งทางคณะกรรมการหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ได้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแผ่ในโอกาสนี้มาเสนอโดยมีความสรุปดังนี้

    จุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนานั้น รู้กันดีว่าคือนิพพาน และนิพพานนั้นก็มีไวพจน์ คือชื่อเรียกอย่างอื่นที่มีความหมายตรงกันใช้แทนกันได้มากมาย ในบรรดาชื่อเรียกอย่างอื่นที่มีความหมายตรงกันใช้แทนกันได้มากมาย ในบรรดาชื่อเรียกเหล่านั้น ไวพจน์ที่สำคัญก็ เช่น วิมุตติ วิสุทธิ สันติ นิโรธ

    วิมุตติ แปลว่า ความหลุดพ้น หมายถึงหลุดพ้นจากกิเลส หลุดพ้นจากทุกข์ จะแปลว่าความเป็นอิสระ หรืออิสรภาพก็ได้ บางทีเรียกวิมุตตินี้สั้นๆ ง่ายๆ ว่า “โมกขะ” หรือ “โมกข์” หรือเขียนอย่างสันสกฤตเป็น “โมกษะ” หรือ “โมกษ์”

    “โมกข์” ก็แปลว่า ความหลุด ความพ้น ใช้ได้ทั่วไป ตั้งแต่หลุดจากบ่วง พ้นจากพันธนาการ พ้นจากที่ถูกปิดล้อม พ้นภัย พ้นจากความตาย จนถึงพ้นทุกข์พ้นกิเลสด้วยอริยมรรค คือเป็นวิมุตติ หรือนิพพาน

    เวลาพูด เวลาใช้ถ้อยคำ บางครั้ง บางกรณี รู้สึกว่า “โมกข์” หรือ “โมกขะ” ห้วนไป หรือออกเสียงไม่คล่องลิ้น ก็ใช้ “โมกษะ” บ้าง “โมกขธรรม” บ้าง ซึ่งก็มีความหมายอย่างเดียวกัน

    ...เกิดที่สวนโมกข์ที่ไชยา
    เมื่อเกือบ 80 ปีมาแล้ว พุทธทาสภิกขุตั้งชื่อวัดของท่านที่ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ว่า “โมกขพลาราม” แปลได้ว่า สวนที่เป็นกำลังแห่งโมกขะ ตามเรื่องที่บอกเล่าไว้ว่า ที่นั่นมีต้นโมกและต้นพลามาก ท่านจึงตั้งชื่อวัดอย่างนี้ เป็นการโยงมาเข้ากับคำบาลี ซึ่งทำให้ได้ความหมายทางธรรมที่เหมาะมาก

    “โมกขพลาราม” เรียกสั้นๆ ว่า “สวนโมกข์” คือ สวนเพื่อความหลุดพ้น สวนที่มุ่งสู่ความหลุดพ้น หรือสวนแห่งโมกขธรรม จะแปลยักเยื้องออกไปอีกว่า สวนสำหรับผู้แสวงหาความหลุดพ้น สวนเพื่อผู้มุ่งหาโมกขธรรม สวนที่แผ่ธรรมเพื่อโมกษะ หรือสวนอันมีโมกขธรรมที่จะมอบให้ ก็ได้ทั้งนั้น

    คนไทยจำนวนมาก ตลอดไปถึงคนไม่น้อยจากนานาชาติคงยอมรับเป็นอย่างดีว่า “สวนโมกข์” ได้เพียรทำหน้าที่เพื่อสนองวัตถุประสงค์ตามความหมายนี้ยั่งยืนนาน ตลอดชนมายุกาลของท่านพุทธทาสภิกขุ และสืบมา

    ...สวนโมกข์ใหม่ เกิดใน กรุงเทพฯ
    บัดนี้ มีข่าวที่เป็นความเจริญงอกงามของสวนโมกข์ และเป็นความก้าวหน้าของงานแผ่ขยายกุศลธรรม คือจะมีการเปิดสวนโมกข์กรุงเทพฯ ซึ่งมีชื่อว่า “หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ”

    กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางและเป็นแหล่งที่รวมความเจริญของประเทศ สำหรับถิ่นที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูอย่างนื้ แม้แต่ถ้อยคำเรียกชื่อก็มักสรรหานามที่ถือกันว่าไพเราะเสนาะหูฟังหรูทันยุคทันสมัย สวนโมกข์กรุงเทพฯ นี้ ถ้าเรียกให้สมคำกรุงที่เป็นมหานคร ก็คงได้นามว่า “อุทยานอิสรภาพ”

    อย่างไรก็ตาม นามว่าสวนโมกข์นื้ น่าจะเหมาะดีแล้ว ไม่เพียงว่าสั้นและเรียกง่าย แต่รูปลักษณ์ก็เรียบง่าย และมีอรรถนัยที่เบาสบายแต่ลึกซึ้ง โยงถึงธรรมและสื่อถึงใจชัดเจนอย่างเป็นภาพให้มองเห็นพอเรียกขาน ใจก็เบิกบานรับได้ทันที สวนโมกข์ที่สงบเรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ จึงเหมาะที่จะมาตั้งอย่างน้อยก็เป็นสถานที่ตรึงดุลในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นมหานครที่ซับซ้อนวุ่นวาย ตระหง่านด้วยอาคาร ตระการด้วยแสงสี ช่วยปลุกสติให้เกิดจิตสำนึกถึงความพอดีที่จะหลุดพ้นในขั้นต้นจากความละเลิงหลงใหลในวัตถุปรุงแต่งและเทคโนโลยี

    ...ลึกเข้าไปถึงแก่นแท้ ทุกวัดคือ สวนโมกข์
    เมื่อพูดกันในความหมายที่สื่อถึงจุดหมายที่แท้ของพระพุทธศาสนา วัดทุกวัด ทุกอารามก็เป็นสวนโมกข์หรือควรเป็นสวนโมกข์ทั้งนั้น...
    [​IMG]

    ...มนุษย์ติดจมปัญหาเหมือนถูกมัด
    กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของประเทศและพูดได้ว่าเป็นศูนย์รวมแห่งปัญหาและความทุกข์ ตลอดจนเป็นแหล่งใหญ่ของสมุทัย ถ้าแก้ปัญหา บรรเทาทุกข์ภัยและลดละกำจัดสมุทัยที่แหล่งใหญ่อันเป็นศูนย์รวมนี้ได้ ภาวะปลอดปัญหาพ้นทุกข์ก็จะแผ่กระจายออกไปช่วยให้ทั่วสังคมก้าวไปใกล้สันติสุขได้อย่างแท้จริง
    โดยเฉพาะในสภาพปัจจุบัน ที่ทั่วโลกมีความเจริญพัฒนาและเสื่อมถอยทั่วถึงกัน อย่างที่เรียกว่าเป็นโลกาภิวัตน์นี้ วิถีชีวิตของมนุษย์ที่เร่งร้อนแย่งชิงวิ่งหา ทั้งบีบรัดตัวเอง กระทบกระทั่งเบียดเบียนกันในสังคมและทำร้ายบั่นทอนสิ่งแวดล้อม โลกยิ่งเจริญ คนกลับยิ่งเดือดร้อน ปัญหาเพิ่มขึ้นและขยายตัวกว้างออกไป ทั้งปัญหาในจิตใจ ทั้งปัญหาระหว่างกันในสังคม และปัญหาสิ่งแวดล้อม กลายเป็นว่า ยิ่งเจริญมาก ทุกข์ยิ่งเพิ่ม

    แน่นอนว่า คนอยากพ้นทุกข์ อยากให้หมดสิ้นปัญหาและปรารถนาจะมีความสุขและเขาก็ดิ้นรนไขว่คว้าหาวิธีต่างๆ และวิ่งหนีจะให้พ้นมันไป เมื่อมองลึกและแยกแยะดูเห็นได้ว่า เขาพยายามพ้นทุกข์ด้วยการหลอกตัวเองหรือเอาอะไรมากล่อมตัวให้ลืมทุกข์ ไปที่หนึ่งๆ บ้าง โดยกลบทุกข์บ้าง แม้กระทั่งหลบตาไม่มอง เขาแก้ปัญหาด้วยการหนีปัญหาบ้าง หลีกหลบกลบปัญหาบ้าง

    ปัญหาชีวิต ปัญหาจิตใจ ปัญหาความขัดแย้งในสังคม การละโมบกอบโกย การแย่งชิงประโยชน์ การแย่งชิงอำนาจ ความรุนแรง การแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่น การเอารัดเอาเปรียบข่มเหงกัน ตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับประเทศ ตลอดจนทุกข์ภัยจากความหร่อยหรอของทรัพยากรธรรมชาติ การแย่งชิงทรัพยากรที่จะรุนแรงและขยายวงกว้างออกไป ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ รวมทั้งภาวะโลกร้อน

    ปัญหาเหล่านี้ทุกด้านมิได้ลดน้อยลงเลย มีแต่จะหนักหนาและซับซ้อนยิ่งขึ้น พร้อมด้วยปัญหาข้างเคียง เช่น การสุรายาเมาและสารเสพติด การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การหลอกลวง และอาชญากรรมต่างๆ ทางไอทีที่เพิ่มขยายซับซ้อนขึ้น เนื่องจากการหลีกหลบกลบทุกข์หนีปัญหา อารยธรรมที่ยิ่งเจริญ คนยิ่งเหมือนจะอับจนต่อปัญหา พาตัวให้พ้นทุกข์ไม่ได้

    โมกขะ คือ วิมุตตินั้น แปลกันว่า หลุดพ้นจากกิเลสและความทุกข์หรือพ้นกิเลส พ้นทุกข์

    สภาพมนุษย์ที่เป็นอยู่เวลานี้ก็คือ เขาอยากพ้นทุกข์ แต่ไม่คิดที่จะพ้นกิเลส
    พูดง่ายๆ ว่า เขาอยากพ้นปัญหา โดยไม่คิดที่จะแก้ไขเหตุของปัญหา เขาอยากพ้นทุกข์โดยไม่คิดที่จะกำจัดสมุทัย จะต้องปลุกคนให้ได้สติตื่นขึ้นมาและให้มีสัมปชัญญะที่จะตระหนักรู้ว่า เขาจะต้องแก้ไขปัญหาที่สาเหตุ ต้องหลุดพ้นจากกิเลสด้วย จึงจะพ้นทุกข์ได้

    ...อิสรภาพของมนุษย์ เรียกหา สวนโมกข์
    ...อารยธรรมปัจจุบันที่เด่น ส่วนด้านร้ายก้าวไปโดยขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแห่งโลภะ ความอยากได้ใคร่เอาจะตักตวงกอบโกยโทสะความเกลียดชังคั่งแค้น และโมหะความลุ่มหลงรวมไปถึงมัวเมา ซึ่งเผาผลาญออกมาเป็นแรงขับแห่งความเห็นแก่ตัว 3 ด้าน คือ ตัณหา ที่มุ่งหน้าหาเสพหาผลประโยชน์มาบำรุงบำเรอตัว มานะ ที่มุ่งหน้าหาความยิ่งใหญ่แสวงอำนาจกดข่มผู้อื่น และทิฐิ ที่ถือรั้นจะต้องให้เป็นไปอย่างที่ตัวคิดเห็น ตามลัทธิ ตามทฤษฎี ตามอุดมการณ์ของตัว จะเอาทิฐิหรือลัทธิของตัวไปบังคับครอบงำผู้อื่น

    แรงขับของกิเลสแห่งความเห็นแก่ตัว 3 ด้านนี้ ซ้อนแฝงตัวขับเคลื่อนอยู่ข้างหลังกระแสสังคมและระบบความคิดของคน แสดงออกมาเป็นปมปัญหาใหญ่ของโลกปัจจุบัน

    คนยุคนี้กำลังถูกพัดพาไหลไปในกระแสบริโภคนิยม ที่เป็นอาการเบ่งบานของลัทธิวัตถุนิยม แล้วก็ประสบปัญหากันอย่างหนักทั้งปัญหาชีวิตจิตใจ ปัญหาความขัดแย้งเบียดเบียนเอาเปรียบกันเป็นเหยื่อในสังคม และปัญหาสิ่งแวด ล้อมตั้งแต่ขยะเป็นต้นไป

    คนยุคนี้ ยิ่งบอกว่าเจริญ เหมือนว่ายิ่งหลงใหลงมงาย ถูกล่อหลอกไปด้วยไสยศาสตร์ได้ง่าย นอกจากหลงแล้ว ก็ขาดความเข้มแข็ง ไม่แกร่งกล้าที่จะทำการให้สำเร็จด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตน ไม่พยายามพึ่งตนด้วยการพัฒนาตัวเองให้มีตนที่พึ่งได้ อ่อนแอ พากันไปติดจมในลัทธิอ้อนวอนนอนคอย หรือลัทธิรอผลดลบันดาล

    คนยุคนี้ มีโชคดียิ่งใหญ่ ได้เสพผลแห่งความเจริญของวิทยาศาสตร์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะไอทีในระดับสูงยิ่ง แต่น่าเสียดาย กลายเป็นปัญหาว่า คนได้ประโยชน์จากไอทีไม่คุ้มค่า เขาได้รับโทษจากเทคโนโลยี และทำเทคโน|โลยีให้เป็นโทษกันเสียมาก ข่าวสารข้อมูลที่มากมาย แทนที่จะทำให้เจริญปัญญา กลับกลายเป็นว่าคนจำนวนใหญ่ถูกมวลข้อมูลท่วมทับ หรือมัวพร่าเวลาหมดไปกับกองขยะข้อมูล

    ที่ร้ายมากคือ คนใช้ไอทีเอาข่าวสารข้อมูลมาหลอกลวงกันหาผลประโยชน์อย่างเอาเปรียบกัน และทำอาชญากรรมต่างๆ ไอที กลายเป็นเครื่องมือรับใช้บริโภคนิยม รับใช้ลัทธิก่อการร้าย รวมทั้งการปลุกระดมและโฆษณาชวนเชื่อ
    เมื่อคนขาดหรือด้อยคุณภาพที่จะรับและใช้ข่าวสารข้อมูลแทนที่เขาจะเป็นผู้กระทำต่อไอทีโดยใช้ประโยชน์มัน เขากลับถูกกระทำโดยไอที เมื่อคนอยู่ใต้แรงขับของกิเลสแห่งความเห็นแก่ตัว เขาก็ใช้ไอทีเอาเพื่อนมนุษย์ที่อ่อนด้อยกว่าเป็นเหยื่อไอทีมา จึงพาความลุ่มหลง ความคดโกง พาความทุกข์และปัญหาเพิ่มมาอีก

    คนยุคนี้ นอกจากต้องเร่งรีบและถูกบีบรัดด้วยวิถีชีวิตแห่งยุคก้ำกึ่งอุตสาหกรรมให้มีสภาพจิตแบบตัวใครตัวมันและเคร่งเครียดในการแข่งขันแย่งชิงมากขึ้นแล้ว ความเจริญก้าวหน้าด้านไอทีที่เน้นบริโภคนิยม ก็มานำเสนอสิ่งล่อเร้าให้ติดเสพ โดยมีอัตราเร่งเพิ่มทั้งปริมาณและดีกรีที่ทำให้เสพไม่ทัน ทำให้ผู้ที่พร่องสติสัมปชัญญะขลุกขลุ่ยหมกมุ่นอยู่กับการตามเสพไม่รู้จบไม่รู้พอ เป็นเหตุให้คนอยู่กันอย่างแยกตัวและเอาแต่ตัวยิ่งขึ้น แม้แต่การที่ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นทางไอทีได้ง่าย ก็เปิดทางให้แก่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่มุ่งแค่จะสนองความต้องการส่วนตัว ขาดการสังสรรค์สัมพันธ์แบบต่างพึ่งพากันและพรั่งพร้อมร่วมกันในสังคมที่เป็นไปตามธรรมชาติ แม้แต่ในครอบครัวนี้เป็นปัจจัยที่จะยิ่งเสริมซ้ำความเห็นแก่ตัว การขาดน้ำใจ ทำให้คนไม่เอาใจใส่ ไม่คำนึงถึงสุขทุกข์ของกันและกัน ไม่มองกว้างเห็นไกล ที่จะให้มีจิตสำนึกแห่งความเกื้อกูลที่ยืนตัวอยู่ในชีวิตจิตใจ

    แล้วคนที่มีทุกข์ คนที่กักขังตัวอยู่ในความทุกข์ ซึ่งหาทางออกไม่เป็น ไม่รู้วิธีที่จะหลุดพ้นจากปัญหา คนที่หาความสุขผิดทาง ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นๆ ก็หันไปหาความสุขด้วยการพึ่งพาสิ่งเสพติดมึนเมา ขณะที่คนผู้หาผลประโยชน์บนหลังของคนเหล่านี้ ก็ปั่นตลาด และทำให้เกิดกระบวนการค้ายาเสพติด โดยที่ไอทีก็กลายเป็นเครื่องมือของการทำทุจริตนั้นไป ยาเสพติดก็แพร่ระบาดเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่จบ

    นี้คือตัวอย่างแห่งปัญหาอันเป็นทุกข์ภัยของยุคสมัย อาการแห่งโรคของอารยธรรมเหล่านี้ มีสมุฏฐานก่อตัวตั้งขึ้นมาจากกิเลสที่เป็นเชื้อเพลิงและเป็นแรงขับแห่งความเห็นแก่ตัวข้างต้นที่ว่ามาแล้วทั้งสิ้น

    แล้วในที่สุด ก็ลึกลงไปถึงปัญหาความทุกข์ของชีวิตจิตใจ ที่เป็นของประจำขันธ์ คู่กับสังขาร เรื่องความเกิด แก่ เจ็บ ตาย การประสบสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ การสูญเสีย การพลัดพรากจากคนและของรัก ความไม่สมหวัง เป็นต้น ที่ซ้อนอยู่ใต้ปัญหาและทุกข์ภัยที่ว่ามาทั้งหมด

    มนุษย์จะหลุดพ้นจากทุกข์ ดับปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการรู้จักลดละและหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย ขึ้นมาสู่ความเป็นผู้มีอิสรภาพเป็นเสรีชนที่แท้จริง โดยมีวิธีพัฒนาคน|อย่างถูกต้องแยบคาย และนี่ก็คือภารกิจใหญ่ที่รออยู่แล้วตลอดเวลาเบื้องหน้าสวนโมกข์

    ...อยู่ใน ใจเหนือ เกื้อโลก สวนโมกข์อยู่ที่นี่
    ภารกิจของสวนโมกข์ที่จะช่วยมนุษย์ให้ลดละจนหลุดพ้นจากกิเลส และสร่างเบาเพลาพ้นไปจากปัญหา พ้นไปจากทุกข์ มีความสุขที่ประณีตขึ้นไปๆ ให้ได้นั้น ต้องถือว่าเป็นกุศลยิ่งใหญ่แล้ว

    แต่มิใช่เพียงเท่านั้น ภารกิจที่เป็นแกนอันแท้ของสวนโมกข์อยู่ที่การพัฒนาคน ด้วยการศึกษาอย่างแท้ ที่จะให้คนนั้นฝึกฝนพัฒนาตน จนถึงโมกษะ เป็นผู้พ้นกิเลสพ้นทุกข์ เป็นบุคคลเสรีที่มีอิสรภาพแท้จริง ชนิดที่ว่า ตัวอยู่ในโลก แต่ใจหลุดพ้นแล้ว ไม่ติดโลก อยู่เหนือโลก และเพราะเป็นอิสรเสรีเต็มที่ จึงมุ่งหน้าขวนขวายทำการทั้งหลายในการที่จะเกื้อกูลมวลหมู่ชาวโลก อย่างที่พูดสั้นๆ ว่า “อยู่ใน ใจเหนือ เกื้อโลก”

    บุคคลที่ลุวิมุตติ ถึงโมกขะ ท่านเรียกว่าเป็นผู้พ้นแล้ว จากบ่วงที่ผูกมัด ก็จะเที่ยวไปช่วยแก้มัด ทำให้คนอื่นพลอยหลุดพ้น โดยจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขของพหูชน เพื่อเกื้อการุณย์แก่โลก นี้ก็คืออคติพุทธที่ว่า “บุคคลนิพพาน ทำการเพื่อโลก”

    เมื่อสร้างบุคคลเช่นนี้ขึ้นมาได้แล้ว ก็จะมีคนที่จะทำงานในการช่วยเพื่อนมนุษย์ให้พ้นกิเลส พ้นทุกข์ ด้วยการแจกธรรม แจกดวงตาปัญญา คือ ปัญญาจักษุ ซึ่งจะมาสืบต่อทำหน้าที่ในนามแห่งสวนโมกข์กันต่อไป

    เมื่อนั้นแหละ สวนโมกข์ก็จะเป็นสวนแห่งโมกขธรรม ที่เป็นแหล่งแผ่ขยายโมกษะ และมีโมกขธรรมที่จะมอบให้แก่โลก สมชื่อสมนามอย่างแท้จริง

    อยู่ใน ใจเหนือ เกื้อโลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...