เข้าใจ ในอภิญญาหก??

อภิญญา แปลว่า ความรู้ยิ่ง หมายถึงปัญญาความรู้ที่สูงเหนือกว่าปกติ เป็นความรู้พิเศษที่เกิดขึ้นจากการอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญกรรมฐาน
อภิญญาหมายถึงคุณสมบัติพิเศษของพระอริยบุคคลซึ่งเป็นเหตุให้มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ มี 6 อย่าง คือ

1. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้
2. ทิพพโสต มีหูทิพย์
3. เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้
4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
5. ทิพพจักขุ มีตาทิพย์
6. อาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป

อภิญญา 5 ข้อแรกเป็นของสาธารณะ (โลกียญาณ) ข้อ 6 มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล

 

คนในเว็ปนี้หลายคนแอนตี้ การมีอภิญญาครับ
ถ้าใครบอกว่าได้อะไร หรือบอกว่าอยากได้อะไรคงลุมด่าอ่ะครับ
แต่ถึงยังไงผมก็อยากได้อยู่ดี

 

ถ้ามี ถ้าได้ โดยส่วนตัวคิดว่าเพื่อนๆ คงยินดี ถ้าได้จริงๆ ก็คงมีคนถามหาเรื่องหวย
เรื่องคู่ ชีวิตในอนาคต ประมาณนั้น คงไม่มีใครรุมด่าหรอกน่า ^^
เราก็ฟังๆ ไว้ หากได้จริงๆ เราก็เก็บเอาไว้ หากเราคิดว่าได้ แล้วไม่รู้อะไรเลย
เราควรเอาคำของเพื่อนๆ ไปปรับปรุง ทิฐิตัวเองก็เป็นประโยชน์นะคะ

 

จริงๆแล้วถ้าแอนตี้การมีอภิญญา ก็ไม่น่าจะเล่นเวบบอร์ดนี้ให้รำคาญใจตัวเองเลยนะ
คนเรานี่มีวิถีชีวิตที่เราคาดไม่ถึงอยู่เรื่อย แต่ก็เป็นธรรมดาของโลก

 

ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่าผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล..
จริงค่ะ....
สาธุค่ะ...<!-- google_ad_section_end -->

 

ไม่มีใครแอนตี้ครับ มีแต่บอกว่าอย่ายึดติด ส่วนการได้มานั้น ไม่ว่าจะอยาก หรือไม่อยาก ถ้าปฏิบัติถึงกันจริงก็ได้มาอยู่ดี แต่ถ้าได้กันมาแล้วก็อย่ายึดติด เพราะไม่ใช่กิจที่พระบรมศาสดาต้องการ สวัสดี

 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ใช่ สติ พิจารณา อภิญญา เถอะ

สาธุ

 

ผมก้อยากได้ครับ ใครๆก้อยากได้ทั้งนั้น แต่ใครจะทำได้ถึงผลพลอยได้อันนี้
ผมว่าต้องจิตเข้าถึงเอกัคคตาก่อน ถึงจะมีฤทธิอภิญญา

ผู้ที่เจริญสมถะ เพรียวๆ หรือ เจริญสติปัฏฐาน ย่อมถึงอภิญญาข้อใดข้อนึง ใน6 ข้อนั้นได้

 

คุณลองตั้งกระทู้ดูนะ ว่าอยากได้อภิญญา รับรอง จะมีแขกเข้ามาเพียบเว็ปนี้
มีแต่ครูบาอาจารย์ ผู้ถือตำราแต่ไมได้ปฏิบัติ

โดนสวดทั้งคืน....
ผมโดนมาแล้วจนต้องปิดกระทู้หนีเลย-.-

 

ผมได้ระลึกชาติไป และเริ่มเห็นโลกวิญญานเอง

 

ผมก็อยากได้ ฝึกยังไงอ่ะคับ แลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยซิครับ อยากฝึกมากๆ

 

คุณ webmaster เคยบอกไว้ว่าบอร์ดแห่งนี้ มีพระอริยเจ้าผ่านเข้ามาในเว็บเป็นระยะๆ

ในห้องอภิญญา-สมาธินี้ มีสมาชิกผู้หนึ่งกล่าวว่าตัวเองนั้นบรรลุอาสวักขยญาณแล้ว อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล จากกระทู้นี้

ท่านสมาชิกจะพิจารณาว่าอย่างไร ก็คงเป็นดุลยพินิจของแต่ละท่าน

 

คนแอนตี้มีนะครับ เยอะมากด้วย
โดยเหมาว่าพวกอยากได้อภิญญา คือพวกอยากได้อภิญญา5 ไปเสียหมด
แล้วก็เหน็บแนมสะใจดี โดยมักยกพระเทวทัตมาเป็นกรณีตัวอย่าง
ให้เห็นว่า นี่ไง ได้อภิญญาแล้วเป็นไง ลงนรกไปเลย

แล้วทำไมไม่ยกตัวอย่างพระโมคคัลลา ที่ไปนิพพานบ้างหนอ

 

คนไม่ได้ก็ชอบมี ปฏิขะ แบบนี้แหละคับ คนถึงถึงพร้อมด้วยอภิญญาเค้าจะคิดยังไง ทำสมาธิรักษาศีลมาขนาดไหน ปลงอารมณ์มาเท่าไหร่ งดเว้นจากกามมากี่ปี ไม่ใช่นอนหลับแล้วตื่นได้อภิญญาเลยนะคับ คนที่ไม่ได้ควรเร่งปฏิบัติหรือไปหาคนที่ชี้แนะได้จะดีกว่าคับ ไม่ใช่มาเหน็บแนม มีแต่จะเป็นวิบากกรรมหนักซะเปล่าๆ

 

มียิ่งกว่านั้นอีกครับ เมื่อก่อน ....

 

พระอาจารย์เล่าเรื่องอภิญญาให้ฟังว่า "ตาอินเทวดาไป ยืมเงินคนนั้นคนนี้มากินเหล้า ยืมแล้วก็ไม่ใช้คืนสักที เจ้าหนี้เจอหน้าก็เข้ามากระชากแขนตาอิน ปรากฏว่าแขนตาอินหลุดติดมือ เจ้าหนี้ก็ตกใจวิ่งหนี ทิ้งแขนตาอินไว้ คนอื่นเห็นตาอินเดินไปเก็บแขน ซึ่งกลายเป็นผ้าขาวม้าพาดบ่า เดินหัวเราะหึ ๆ ไป

เรื่องตาอินเทวดามีวีรกรรมเยอะ เห็นชัด ๆ เลยว่าเป็นอภิญญาโลกีย์ เพราะว่าแกกินเหล้าเป็นปกติ แบบเดียวอาจารย์ศุข ถึงเวลาก็ไปซื้อเหล้ากิน สั่งเจ๊กซื้อเหล้าชามหนึ่ง นั่งกินกับเพื่อนอยู่ครึ่งค่อนคืน กินจนเมาหัวทิ่มบ่อแล้วก็กลับ เจ๊กก็สงสัยว่าตาอินกินได้อย่างไร เหล้าชามเดียวกินได้ครึ่งค่อนคืน พอไปดูที่ไหนได้ เหล้าในร้านหมดไปเป็นไหเลย..!"

ถาม : แล้วเขาใช้อภิญญาได้อย่างไรในเมื่อศีลไม่ครบ ?
ตอบ : ตอนแกใช้อภิญญาศีลครบ ตอนที่แกกินเหล้าแกไม่ได้ใช้ วันดีคืนดีก็บอกชาวบ้านว่า “อยากเห็นเทวดาไหม ?” ชาวบ้านก็บอกอยากเห็น แกก็ให้เอาผ้ามาคนละผืน "เดี๋ยวข้าต่อผ้าแล้วจะขึ้นไปเรียกเทวดามาให้ดู" ชาวบ้านก็เอาผ้ามาคนละผืน ผ้าขาวม้าบ้าง ผ้าดิบบ้าง มัดต่อ ๆ กัน

ตาอินแกมัดแล้วตัวแกลอยสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดผ้า แกก็ตะโกนเรียก “เทวดาโว้ย..!” ก็มีเสียงตอบมาว่า "โว้ย..!" ตาอินพูดต่อ “ชาวบ้านเขาอยากเห็น..โผล่มาให้เขาดูหน่อย” โอ้โห..โผล่ มาตามกลีบเมฆเต็มเลย ชาวบ้านกำลังดูเพลิน ๆ ตาอินกระตุกผ้าผลุบ เหมือนกับว่าวหลุดลอยหายไปเลย ชาวบ้านก็ตายละหว่า..ตาอินไปไหน ? แต่ไม่กลัวหรอกว่าตาอินจะเป็นอะไร เพราะว่าแกเก่ง น่าจะขึ้นไปคุยกับเทวดาข้างบนกระมัง ? แต่ที่ไหนได้..เถ้าแก่โรงจำนำเห็นตาอินหอบผ้ามาจำนำเยอะแยะเลย แล้วตาอินก็เอาเงินไปซื้อเหล้ากินต่อ

ถาม : เป็นเรื่องสมัยไหนครับ ?
ตอบ : สมัยรัชกาลที่ ๓

ถาม : สมัยนี้ยังมีอย่างนี้ไหมครับ?
ตอบ : มี..แต่โผล่มาไม่ค่อยได้หรอก โผล่มาทีไรก็โดนรุมตอมหึ่ง สรุปแล้วผ้าคนละผืนเป็นค่าดู ให้ตาอินจำนำเอาเงินไปกินเหล้า

 

กว่าจะถึงข้อ 6 ได้นี่ก็เหนื่อยหน่อย..กำลังสมาธิต้องพอตัว.และมั่นคงพอสมควร.ในจะข้อปฎิบัติในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย.หลายๆท่าน
ที่ฝึกก็เพื่อให้เป็นฐานไปสู่ข้อสุดท้ายให้ได้...เป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้.ถือว่าถ้าเหตุและปัจจัยเอื้อที่จะสามารถทำได้ก็ทำไว้เล่นๆ.ช่วงระหว่างทางที่จะถึงเป้าหมาย.
ไม่เสียหายอะไรครับเราไม่ใช่พระอรหันต์ไม่ต้องซีเรียส.และถ้าไม่มาสายนี้โดยตรง
ก็มีอีกหลายทางเลือกตามแต่จะชอบเป้าหมายก็เหมือนกัน...และแล้วแต่ว่าเหตุและปัจจัยที่ส่งเสริมให้เดินเส้นทางไหน..​

 

ยังมีคนทำอันนี้ได้หรือป่าว สมัยนี้

1. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้