เปรตได้รับส่วนบุญที่อุทิศไปให้ได้อย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 10 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    ถาม พระคุณเจ้าถามมาว่า อาตมาภาพสงสัยว่า การทำบุญไปให้ผู้ล่วงลับนั้นที่ได้ไปเกิดเป็นเปรตนั้น เขาจะได้รับอย่างไร คำว่าบุญนี้แปลออกมาให้ดี คืออะไรและทำไมต้องอุทิศบุญให้แก่เทวดาด้วย ในเมื่อเทวดามีอาหารทิพย์ ในศาสนาอื่นไม่เห็นเขาทำบุญไปให้กันเลย
    อาตมาคิดว่า การทำบุญต้องเป็นของใครของมัน ไม่ใช่แผ่ให้กันได้เมื่อตายแล้ว จริงไหม

    ตอบ เรื่องของการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ ทรงรอบรู้ทุกอย่างด้วยพระปัญญา ตรัสรู้ของพระองค์เอง ซึ่งไม่สามารถจะนำเข้าไปเทียบกับศาสนาอื่น ซึ่งมิได้สัพพัญญุตญาณเช่นพระพุทธองค์
    ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการนั้นมี
    ทาน การให้
    ศีล การรักษากายวาจาให้สะอาด
    ภาวนา การอบรมจิตใจด้วยสมถะและวิปัสสนา
    เวยยาวัจจะ การขวนขวายช่วยเหลือกิจการงานอันชอบธรรมของผู้อื่น
    อปจายนะ กระประพฤติอ่อนน้อม
    ปัตติทาน การให้ส่วนบุญที่ตนทำแล้วแก่ผู้อื่น
    ปัตตานุโมทนา การอนุโมทนาคือชื่นชมยินดีในบุญที่ผู้อื่นกระทำแล้ว
    ธัมมัสสวนะ การฟังธรรม
    ธัมมเทศนา การแสดงธรรม และ
    ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

    ซึ่งบุญประการสุดท้ายนี้คือปัญญา ถ้าทุกคนมีปัญญารู้ทุกอย่างตามความเป็นจริงแล้ว ก็จะยอมรับการทำบุญที่เหลืออีก ๙ ประการ<!--ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้-->ว่า เป็นสิ่งที่เป็นความจริง
    จริงอยู่สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรมที่ตนทำไว้ ใครทำดีก็ได้รับผลดี ใครทำชั่วก็ได้รับผลชั่ว ไม่มีใครรับผลของกรรมแทนกันได้ แม้พวกเปรตที่สามารถรับส่วนบุญที่ญาติมิตรอุทิศไปให้จากโลกนี้ได้ ก็เพราะเปรตได้ทำบุญด้วยตนเองในข้อปัตตานุโมทนา คือชื่นชมในบุญที่มีผู้อุทิศไปให้ ถ้าไม่ชื่นชมอนุโมทนาบุญก็ไม่เกิดแก่เปรต การอนุโมทนานั้นเปรตต้องทำเอง ไม่มีใครทำให้เปรตได้ พวกเราในโลกมนุษย์นี้ทำได้แต่เพียงบุญในข้อปัตติทาน คืออุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตเท่านั้น ถ้าเปรตยอมรับบุญที่เราอุทิศไปให้ เขาก็จะชื่นฃมอนุโมทนา เมื่อเขาชื่นชมอนุโมทนา บุญก็จะเกิดแก่เปรต แต่ถ้าเปรตไม่ยอมรับหรือไม่ทราบ ไม่ได้ชื่นชมอนุโมทนาบุญก็ไม่เกิดแก่เปรต เปรตก็ไม่ได้รับบุญที่มีผู้อุทิศให้ เมื่อบุญไม่เกิดแก่เปรต เปรตก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป แต่ถ้าบุญเกิดแก่เปรต เปรตก็จะพ้นจากความทุกข์ทรมาน

    บางครั้งถ้ากรรมของเปรตเบาบาง อนุโมทนาแล้วก็ พ้นจากสภาพเปรตเป็นเทวดาทันที ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีเล่าไว้ใน
    พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ

    สำหรับเทวดานั้น แม้ท่านจะมีความสุข มีอาหารทิพย์ แต่ถ้าท่านทราบว่ามีผู้คนในโลกมนุษย์นี้ทำบุญแล้วอุทิศให้ท่าน ท่านก็ยินดีรับ ถ้าท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ ท่านก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย บุญในข้อปัตตานุโมทนาก็เกิดแก่ท่าน

    แต่การอนุโมทนาของเปรตกับเทวดานั้นต่างกัน เทวดาอนุโมทนาแล้วบุญก็เกิดเทวดาเท่านั้น แต่สำหรับเปรตนั้น เมื่อเปรตอนุโมทนาแล้ว นอกจากบุญจะเกิดแก่เปรตแล้ว เปรตยังได้รับข้าวของอันสมควรแก่ฐานะของเปรต ตรงตามที่ผู้อุทิศไปให้ด้วย เช่นมีผู้ถวายอาหารแล้วอุทิศให้เปรต เปรตอนุโมทนาแล้ว ได้บุญในข้อปัตตานุโมทนาแล้ว ยังได้รับอาหารอันสมควรแก่ฐานะของเปรตด้วย ทำให้เปรตอิ่มหนำสำราญ พ้นจากความหิวโหย หรือเราถวายผ้า เปรตก็จะได้รับผ้าทิพย์ปกปิดร่างกาย ทำให้พ้นจากสภาพเปลือยกายได้ เราถวายน้ำแล้วอุทิศให้ เปรตก็ได้ดื่มน้ำทิพย์พ้นจากความหิวกระหายด้วยอำนาจของการอนุโมทนา

    การอุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตนั้น มิใช่หยิบยื่นของส่งให้ เพราะบุญเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เกิดที่ใจ เมื่อใดที่ใจเกิดบุญ ใจก็จะผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เพราะฉะนั้น ธรรมชาติของบุญก็คือเป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    บุญเป็นชื่อของความสุข เพราะผู้ที่ทำบุญแล้วย่อมได้รับผลวิบากอันเป็นสุข ด้วยเหตุนี้ บุญจึงเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า ตราบเท่าที่ยังต้องเกิดอยู่

    อีกประการหนึ่ง พระที่ท่านฉันอาหารของเรานั้น ท่านก็มิได้เป็นบุรุษไปรษณีย์นำบุญของเราไปส่งให้แก่เปรต ท่านเป็นเนื้อนาที่เราจะหว่านบุญลงไปเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ ท่านเป็นปัจจัยให้เราเกิดบุญในข้อทานการให้ เมื่อให้แล้ว เรากรวดน้ำอุทิศไปให้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าเขาไปเกิดเป็นเปรต และทราบว่าเราอุทิศบุญไปให้เขา ถ้าเขาชื่นชมอนุโมทนา บุญและวัตถุทานที่เราอุทิศให้มีข้าว น้ำเป็นต้น ก็จะเกิดแก่เปรตนั้นตามสมควรแก่ฐานะและภพภูมิของเขา ไม่ใช่เราถวายแกงส้ม เปรตก็จะได้กินแกงส้ม ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะแกงส้มไม่ใช่อาหารของเปรต

    หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยให้พระคุณเจ้าผู้ถาม คลายความสงสัยลงไปได้


    http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=23&A=4992&Z=5046
     

แชร์หน้านี้

Loading...