เมื่อ มิสเกาหลี หนีมายา...มาหาธรรมะ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 3 กันยายน 2007.

  1. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    [FONT=times new roman,times,serif]ในห้วงเวลาที่วงการภิกษุสงฆ์บ้านเรากำลังเดือดพล่านเช่นนี้ยังมีความเย็นสงบแห่งพระพุทธศาสนาจากพระภิกษุณีสาวเกาหลีรูปหนึ่ง ที่เพิ่งเดินทางมายังเมืองไทยร่วมงาน "ธรรมศิลป์นานาชาติเพื่อพ่อหลวง" [/FONT]

    [​IMG]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]นอกจากผลงานสะท้อนไว้ซึ่งหลักธรรมพระพุทธศาสนาที่ท่านนำมาร่วมแสดงในงานครั้งนี้แล้วภายใต้จีวรสีเทาของ ภิกษุณี ซองอิน จอง จากพุทธศาสนามหายานนิกาย โคเรีย บุดดิสต์ เนชั่นแนล วูแมนส ธาร์มมะ ทิชเชอร์ส แอสโซซิเอชั่น (Korea Buddhist National Women's Dhamrma Teacher's Association) ใครเลยจะรู้ว่า ท่านเคยใฝ่หาทางโลกจนได้รับตำแหน่งนางงามเกาหลีประจำปี 2537 มาแล้ว [/FONT][FONT=times new roman,times,serif] [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]ภิกษุณีซอง อิน จองเล่าว่าในประเทศเกาหลีมีพระภิกษุณี[/FONT][FONT=times new roman,times,serif]ประมาณ 8,000 รูป จากพุทธศาสนา 16 นิกาย สำหรับนิกายที่เธอนับถืออยู่เป็นที่สืบทอดในครอบครัวของเธอมานานนับร้อยปี และยังเป็นเพียงนิกายเดียวที่ถือศีลประมาณ 120 ข้อ ต่างจากนิกายอื่นๆ ที่ต้องถือศีลประมาณ 311 ข้อ [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]"ตามความเชื่อของนิกายนี้เห็นว่า การจะให้ทำครบถึงกว่า 300 ข้อนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป จึงตัดทอนเหลือเพียงแค่นี้ ความหมายของนิกายนี้ คือเป็นนิกายแห่งอาจารย์ เป็นผู้สอนศาสนา ภิกษุณีนิกายนี้สามารถสมรสได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้แต่งงาน รวมทั้งฉันด้วย" ภิกษุณี ซอง อิน จอง อธิบายผ่านล่าม [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]ในช่วงวัยรุ่นก่อนที่ท่านจะเข้าพิธีบวชเพื่อปฏิบัติหน้าที่พระภิกษุณีตามรอยคนในครอบครัวอย่างเต็มตัวนั้น ท่านได้รับคำทาบทามให้ไปประกวดนางงามเกาหลี ด้วยรูปโฉมความงดงามที่ไม่เป็นรองใคร ซึ่งท่านก็ยอมรับการเชิญชวนในที่สุด [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]"ส่วนมากเด็กสาวเกาหลีจะมีความฝันว่าอยากประกวดนางงาม เพื่อเป็นหนทางในการประสบความสำเร็จในชีวิต" ภิกษุณี ซอง อิน จอง กล่าวพร้อมเล่าต่อไปว่า การประกวดนางงามเกาหลีนั้น เรียกได้ว่าเป็นการเกิดครั้งที่สองของผู้หญิงเลยก็ว่าได้ ผู้เข้ารับการประกวดจะถูกอบรมความเป็นกุลสตรีทุกด้านที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงทำได้ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้หญิงเต็มตัว ทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งนับว่ายากลำบากมาก และด้วยกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด บางคนถึงกับยอมแพ้กลับบ้าน แต่ท่านก็สามารถฝ่าฟันด่านมหาโหดและได้รับมงกุฎมิสเกาหลีจนได้ [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]แต่ถึงกระนั้นการได้เปิดโลกด้านต่างๆ ในฐานะมิสเกาหลี ทั้งการได้ไปเยี่ยมเด็กกำพร้า การไปบ้านพักคนชรา ทำให้ท่านเห็นว่า พระภิกษุณีน่าจะช่วยสังคมได้มากกว่านางงาม [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]"อายุคนเรานับวันยิ่งเพิ่มขึ้น การจะหาสารประโยชน์ด้วยการบวชพระภิกษุณีน่าจะให้อะไรฉันและคนอื่นมากกว่าการก้าวเข้าวงการบันเทิง มีคนชวนไปทำอย่างอื่นมากมายหลังได้รับตำแหน่ง แต่นั่นเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยสงบเท่าไร มีหนังสือพิมพ์คอยจ้องตลอดเวลา ด้วยความที่ฉันชอบวาดรูปเชิงพุทธศิลป์มาตั้งแต่เล็กๆ จึงตัดสินใจว่ามาด้านนี้ดีกว่า การประกวดนางงาม มันเป็นสิ่งที่เป็นความงามภายนอก แต่สำหรับสิ่งที่ฉันเลือก คือความงามภายใน ด้านนี้มันไม่เปลี่ยน อยู่ได้นาน" ภิกษุณี ซอง อิน จอง แจกแจง [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเลือกเดินสายธรรมะ พร้อมมุมานะศึกษาด้านศิลปะเพื่อนำไปเผยแพร่ศาสนาด้วย โดยท่านจบการศึกษาปริญญาโทด้านวัฒนธรรมและศิลปะ และกำลังศึกษาปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ จากมหาวิทยาลัยดองกุก และยังได้รับรางวัลศิลปะสมัยใหม่จากเวทีเกาหลี โมเดิร์นอาร์ต คอมเพทิชั่นอีกด้วย โดยภิกษุนีซอง อิน จอง อธิบายถึงภาพวาดเชิงพุทธศิลป์ของท่านว่า เป็นการนำสัจจะในพระพุทธศาสนามาถ่ายทอด ซึ่งหยิบยกมาจากภาพวาดที่ปรากฏในวัดเกาหลี มีลักษณะคล้ายคลึงกับจิตรกรรมฝาผนังบ้านเรา [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]"ในเกาหลียุคนี้ คนนับถือพุทธครึ่งหนึ่ง คริสต์ครึ่งหนึ่ง ศาสนาพุทธไม่เป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาว ฉันพยายามจะเผยแพร่ศาสนาพุทธแบบไม่โบราณ ปรับให้เข้ากับสถานการณ์สังคมปัจจุบันนี้ได้ ไม่อยากให้มีแต่สวดมนต์อย่างเดียว การวาดรูปก็เผยแพร่ศาสนาได้โดยทำให้ร่วมสมัยขึ้น ทุกวันนี้ ผู้คนยุ่งมาก เด็กไปเรียนพิเศษ พ่อแม่ไปทำงาน จะหาเวลามาอยู่วัดน้อยลง ถ้าเราเอาข้าวของรอบตัว เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า มาเติมภาพที่เกี่ยวกับหลักธรรมลงไป อย่างน้อยๆ ถ้าเด็กๆ มีภาพนี้ติดตัวไป หากเขาคิดจะทำไม่ดี ถ้าเห็นภาพนี้อาจจะฉุกคิด ฉันว่าเป็นการเผยแพร่ศาสนาทางหนึ่ง ที่พยายามทำให้ทันสมัย ให้คนไม่ห่างจากที่พระพุทธได้สอน" ภิกษุณี ซอง อิน จอง กล่าว [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]ภิกษุณีซอง อิน จอง ยังให้มุมมองถึงภิกษุณีในเมืองไทยว่า ผู้หญิงผู้ชายไทยสามารถทำงานในตำแหน่งเดียวกัน และเงินเดือนเท่าๆ กันได้ แต่ท่านไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงและชายเวลาจะบวชจึงต้องต่างกัน ซึ่งพระพุทธเจ้าเคยตรัสเรื่องความเสมอภาคไว้ แม้แต่พระมหาปชาบดีเถรีพระกนิษฐภคินีของพระนางสิริมหามายาผู้เป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าก็ยังเป็นพระภิกษุณีองค์แรกมาแล้ว [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]"ฉันมองว่าถ้าเทียบกับทางโลก ความลำบากในการเป็นพระภิกษุณีนั้นแทบไม่มี ดีเสียอีกที่ตื่นมาไม่ต้องเตรียมว่าจะใส่ชุดอะไร ผมก็ทำทรงเดียว ชุดก็เป็นชุดเดียว" ภิกษุณี ซอง อิน จอง กล่าว [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]พร้อมกันนี้ภิกษุณี ซอง อิน จอง ยังทิ้งท้ายด้วยว่า คนเราต่างก็มีความงามแตกต่างกันไป หากความงามภายในคือสิ่งที่ต้องฝึกฝน ไม่ใช่ทำเพียงวันเดียว สองวันก็งามได้แล้ว [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]งามทั้งภายนอกภายใน จึงมาบรรจบกันด้วยประการฉะนี้ [/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif][/FONT]
    [FONT=times new roman,times,serif]ที่มา - http://www.komchadluek.net/2007/06/14/s001_122696.php?news_id=122696[/FONT]
     
  2. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    จิตหญิงหรือชายก็เป็นจิตที่เหมือนกัน ต่างกันเพียงรูปกายภายนอก เมื่อดำริชอบแล้ว มีทิฏฐิที่ตั้งมั่น มีความเพียรเป็นกำลัง โอกาสพร้อม ถ้าตัดความทะยานอยากในโลกได้ ทุกคนมีสิทธิเข้าสู่ดินแดนของพุทธะ ไม่เลือกเพศ

    อนุโมทนา ในวิถีของท่านด้วย
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    สาธุ

    สวยทั้งภายนอกและภายใน ดาราวัยรุ่นเมืองไทยน่าจะปฏิบัติตามนะ
    เช่น แดน บีม ชวนแฟนคลับเข้าวัด ทำบุญ ฟังเทศน์ เมืองไทยก็จะได้มีคนรุ่นใหม่ที่ดี ๆ ประเทศชาติคงไปได้ดีกว่านี้ เจริญได้เร็วขึ้น
     
  4. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    เห็นด้วยกับผู้พันจุ่นทุกประการ ร่างกายก็เป็นแต่ที่อาศัยให้ประกอบกรรมดี ซึ่งร่ายกายมีวันดับสูญ แต่จิตไม่มีวันดับ ดังนั้นแล้วอย่าไปเลือกเพศ ฐานะ ชนชั้น วรรณะ เลยครับ สาธุ และอนุโมทนาในการบวชอยู่ในปัจจุบันด้วยครับ
     
  5. คนกลียุค

    คนกลียุค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +620
    ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิงก็สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนกัน แต่เพราะกรรมเก่าเป็นตัวแบ่งแยกให้ต้องเป็นชายหรือเป็นหญิง และสาเหตุที่มีการบวชภิกษุณีคนแรกของพุทธนั้นก็ถูกพระพุทธเจ้าปฏิเสธแล้วสองครั้ง ด้วยทรงเล็งเห็นของการมีภิกษุณีว่าจะทำให้ศาสนาเสื่อมถอยสาบสูญได้ง่ายกว่า แต่เพราะการทูลขอของพระอานนท์ และพระมารดา(น้องสาวพระนางศิริมหามายา)ที่ชุบเลี้ยงมาจึงทรงอนุญาติ แต่ยังคงต้องตั้งศีลขึ้นมาถึง 311 ข้อ และต้องให้ทำการบวชถึงสองครั้งโดย ภิกษุณีก่อน และภิกษุ อีกครั้ง จึงถือว่าถูกต้อง แต่ภิกษุณีในปัจจุบันได้ขาดตอนหายไปหลายร้อยปี การมีภิกษุณีขึ้นใหม่จึงไม่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์หรือภิกษุณี ผู้ที่เป็นพระวัดจากระดับจิตใจต่างหาก ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม หรือสถานภาพ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีความปรารถนาดี ตั้งใจดี ที่จะทำดี ก็ต้องยกย่องนับถือกันแน่นอน อนุโมทนาบุญครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...