เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 มิถุนายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,467
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,339
    ค่าพลัง:
    +26,096
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,467
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,339
    ค่าพลัง:
    +26,096
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ หลายท่านก็คงได้ข่าวคราวแล้วว่า ทางเพชรบูรณ์ที่มีญาติโยมไปปฏิบัติธรรม แล้วโดนเจ้าสำนักสงฆ์หลอกว่าให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย เพื่อลดมานะ ตัดร่างกายของตนเอง แล้วก็เป็นการต่ออายุให้กับเจ้าสำนักนั้นด้วย..!!!

    คนส่วนใหญ่ก็จะสงสัยว่า "ทำไมมีคนหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ แบบนี้ด้วยหรือ ?" แต่ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า "ลัทธิเชื่อมจิต" ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพิ่งจะออกหนังสือออกมายืนยันความผิดพลาดของลัทธินี้ หลายต่อหลายข้อด้วยกัน ก็ทำให้คนหลงเชื่อลัทธินี้ไปจำนวนมากต่อมาก

    เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าหลายสิ่งหลายอย่างรวมกัน สิ่งแรกก็คืออกุศลกรรมที่เราสร้างเอาไว้ในชาติก่อน ๆ มาสนอง ประการที่สองก็คือมีมารคอยชักจูงด้วย..!

    หลายท่านก็ยังสงสัยว่า "มารนั้นมีตัวตนจริงหรือ ?" ในฐานะที่เคยรบกันแทบล้มประดาตายมาแล้ว กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าถ้าหากว่าสัมผัสของท่านไม่ดี ก็จะคิดว่ามารเป็นแค่กิเลส คือความชั่วในใจของเราเอง ที่ผลักดันให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่าง ๆ แต่ถ้าหากว่าสัมผัสของท่านชัดเจน กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าเขามาเป็นตัว ๆ เลย..!

    จากที่กระผม/อาตมภาพโดนมาเองก็คือ เขามาข่มขู่ว่าการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานของกระผม/อาตมภาพนั้น อย่าเสียเวลาทำเลย เหนื่อยเปล่า ที่เจ้าชายสิทธัตถะสามารถที่จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณได้ ก็เพราะว่าในอดีตเคยเป็นเพื่อนกัน เขาก็เลยปล่อยให้หลุดไปได้ แต่สำหรับคนอื่น ๆ แล้วอย่าพึงหวัง อยากจะบอกว่าตอนที่เผชิญหน้ากันนั้น อานุภาพของเขาที่แผ่ออกมา ความรู้สึกของเราก็คงเหมือนกันลูกไก่เจอกับพญางูอยู่ตรงหน้า ก็คือตายสถานเดียว ไม่มีทางที่จะสู้เขาได้เลย..!

    แต่คราวนี้ถ้าท่านเจอแบบนั้นแล้วไปเชื่อเขา เลิกการปฏิบัติไปก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นค่อนข้างที่จะดื้อรั้น พูดง่าย ๆ ว่าไม่ค่อยจะหลงประเด็น ก็ถ้าหากว่าเจ้าชายสิทธัตถะเป็นเพื่อนของคุณ แล้วคุณถึงได้ปล่อยให้รอดไปได้ แล้วพระพุทธเจ้าอีกสามล้านกว่าพระองค์ ท่านเป็นเพื่อนคุณทั้งหมดหรือ ? แล้วพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกเป็นร้อยล้านพระองค์ พระอรหันต์อีกนับไม่ถ้วน นั่นก็เพื่อนของคุณหรืออย่างไร ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,467
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,339
    ค่าพลัง:
    +26,096
    กระผม/อาตมภาพถึงได้ประกาศบอกกับเขาไปอย่างชัดเจนว่า "ถ้าโลกนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้วกูจะยอมไหว้มึง ถ้าแน่จริงมึงก็ทำให้กูตายไปตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นตราบใดที่มีชีวิตอยู่ กูจะปฏิบัติเพื่อพระนิพพานต่อไป..!"

    เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ได้เจอมาด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้ กระผม/อาตมภาพก็คิดว่า ในเรื่องของมารทั้ง ๕ ส่วนใหญ่แล้วก็คืออารมณ์ใจฝ่ายอกุศลของเรานั่นเอง แต่พอเจอมาแล้วถึงได้รู้ว่าเขามีตัวตนจริง ๆ แล้วมีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวมาก..!

    แต่ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมตรงที่ว่า พลังงานฝ่ายชั่วน่ากลัวขนาดไหนก็ตาม พลังงานฝ่ายดีก็มีอยู่ ดังนั้น..อย่าได้หลงประเด็นไปคล้อยตามเขาเป็นอันขาด อะไรที่เคยผิดพลาดไป ก็ถือว่าเป็นความโง่ของเราเอง ที่ไปหลงเชื่อเขามากกว่าเชื่อพระพุทธเจ้า แต่ว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะพยายามระมัดระวังไม่ให้พลาดอีก

    มารทั้ง ๕ นั้นประกอบไปด้วย

    ๑) กิเลสมาร ก็คือ ความดีความชั่วที่เราสั่งสมมาในอดีต แล้วในด้านชั่วมีอำนาจมากกว่าก็มาควบคุมจิตใจของเรา ต้องบอกว่ามารนั้นมีความสามารถสูงมาก ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในพระไตรปิฎก อย่างในพรหมนิมันตนิกสูตร จะเห็นว่าพญามารอาศัยควบคุมปริสัชชาพรหมท่านหนึ่ง เอ่ยปากคัดค้านองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "อย่าเลยสมณโคดม พกาพรหมนั่นแหละเป็นที่สุดแล้ว" ท่านต้องไม่ลืมว่านั่นมารสิงได้กระทั่งพรหม..!

    หรือในมารตัชชนียสูตร พระสารีบุตรเถระเดินจงกรม อยู่ ๆ ก็ปวดท้องหมดเรี่ยวหมดแรงเดินต่อไม่ได้ เมื่อพิจารณาดูก็เห็นพญามารไปแอบอยู่ในท้อง ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คือขันธมารกำเริบขึ้นมา

    ท่านจึงกล่าวว่า "ปาปิมะ..ดูก่อน..มารผู้มีบาป เรารู้จักเธอ จงออกมาเถิด" มารก็ยังถามว่าจะรู้จักเราได้อย่างไร ? ยังดื้อไม่ยอมออกมา พระสารีบุตรก็เลยสาธยายว่า "แม่ของเธอชื่อกาลี ตัวของเธอชื่อทูสี เรารู้จักเธอดี จงออกมาเถอะ" ยังดีที่ไม่สาธยายไปถึงสิบแปดชั่วโคตร..! มารพอรู้ว่าพระเถระรู้จักตนอย่างแท้จริงถึงได้ยอมออกไป นั่นพระอรหันต์นะ..!

    หรือว่าถ้าท่านทั้งหลายดูในมารสังยุตต์ ก็จะเห็นว่ามารแปลงเป็นช้างตกมัน วิ่งเข้ามาจะเหยียบพระอรหันต์ที่ท่านพิจารณาธรรมอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นพระอรหันต์ ท่านปราศจากความกลัวทั้งปวงแล้ว โดยเฉพาะความกลัวตาย จึงไม่ได้หวั่นไหวต่อร่างแปลงของพญามาร อีกฝ่ายหนึ่งจึงต้องคืนร่างกายเป็นรูปร่างตามเดิม..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,467
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,339
    ค่าพลัง:
    +26,096
    ๒) ขันธมาร ก็คือร่างของเรานี้เป็นมารคอยขัดขวาง ส่วนใหญ่ก็อาการเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ที่หนักที่สุดคือในพระโคธิกะเถระ ไม่สามารถที่จะทรงฌานได้เลย เพราะว่าพอเริ่มทรงฌานได้ก็ป่วยหนัก สมาธิเคลื่อนคลายไปหมด จนกระทั่งท้ายสุดท่านตัดสินใจว่า ร่างกายที่หาความดีไม่ได้นี้ท่านไม่ต้องการอีกแล้ว ใช้มีดโกนเชือดคอตัวเอง..!

    ในพระไตรปิฎกกล่าวว่ามนุษย์เป็นอันมากเห็นฝุ่นสีเหลืองฟุ้งขึ้นทั้ง ๔ ทิศ เพราะว่าพญามารเร่งค้นหาดวงจิตของพระโคธิกะเถระ ท้ายที่สุดหาไม่เจอก็ปลอมเป็นมาณพหนุ่มน้อยเข้าไปหลอกพระพุทธเจ้า บอกว่า "โคธิกะลูกของท่านเชือดคอตาย ตกอยู่ในอำนาจของพญามารแล้ว" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ปาปิมะ..ดูก่อน..มารผู้มีบาป โคธิกะลูกของเราพ้นจากเงื้อมมือของเธอแล้ว" นั่นหลอกกระทั่งพระพุทธเจ้า..!

    ๓) เทวปุตตมาร ส่วนใหญ่เป็นการทดสอบ อาจจะมีทั้งครูบาอาจารย์ ทั้งเทวดา ทั้งผีมาร่วมด้วย บรรดาท่านใดถ้ามาสายพุทธภูมิโดนหนักหน่อย อย่างกระผม/อาตมภาพโดนอยู่สามปีเต็ม ๆ ถึงเวลาเราจะทำกรรมฐานก็มากลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา

    แต่โดยปกติแล้ว ถ้าใจเราเกาะความดีได้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็เลิกแกล้ง เพราะเห็นว่าเราไม่หวั่นไหว ส่วนใหญ่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ที่กระผม/อาตมภาพโดนถึงสามปี ก็เพราะความดื้อของตนเอง มาแล้วไม่เคยคิดเลยว่าจะเรียกใครช่วย ไม่เคยคิดถึงพระ ไม่เคยคิดถึงครูบาอาจารย์ คิดอยู่อย่างเดียวว่า "กูสู้ได้" จึงโดนไปสามปีเต็ม ๆ จนกระทั่งเขาระอาก็เลิกแกล้งไปเอง เพราะว่าแกล้งเท่าไรก็สู้ เลยหมดอารมณ์

    ๔) มัจจุมาร คือ ความตายมาขวาง ส่วนใหญ่แล้วถ้าเขาเห็นว่า บุคคลนี้ปฏิบัติแล้วจะได้ดี แล้วมีอุปฆาตกรรมหนักอยู่ เขาจะใช้จังหวะนั้นตัดให้ตายไปเลย ในเมื่อตายไปก็ต้องเสียเวลาไปเกิดใหม่ โอกาสที่จะได้มรรคได้ผลก็ช้าลงไปอีกมาก

    ๕) อภิสังขารมาร บุญบาปมาขวาง เรื่องของบาปขวางพวกเรารู้อยู่ แล้วบุญขวางขวางอย่างไร ? อย่างเช่นว่าทรงอรูปฌานได้ ต้องไปเกิดเป็นอรูปพรหมเป็นหมื่น ๆ กัป เสียเวลาถึงมรรคถึงผลไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายใช้ชีวิตด้วยความประมาท ไม่เร่งรัดใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของตนเอง มารเขาไม่เสียเวลามาขวางหรอก "เจ้าพวกนี้เสร็จข้าหมด ไม่ต้องเสียเวลาไปขวาง" แต่ถ้าคนไหนมีท่าทีว่าจะหลุดรอดนี่จะโดนหนักมาก โดนจนกระทั่งเหมือนอย่างกับว่าคนรอบข้างเป็นศัตรูของเราหมด โดนจนกระทั่งท้อแล้วว่า "การทำความดีทำไมยากลำบากขนาดนี้ ?" แต่ถ้าหากว่ากำลังใจเข้มแข็งจริง ๆ เราจะก้าวผ่านไปได้ แต่หลังจากที่ผ่านไปได้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะเลิก..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    17,467
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,339
    ค่าพลัง:
    +26,096
    ท่านทั้งหลายก็จะเห็นอยู่ว่า กระผม/อาตมภาพนั้นโดนทดสอบเป็นประจำ ท่านที่นั่งฉันอาหารวงเดียวกันก็เห็นอยู่ว่า อยู่ ๆ ก็หากาน้ำร้อนสำหรับล้างจานไม่เจอ ถ้าหากว่าหงุดหงิดกลัดกลุ้ม ไปโทษว่าแค่นี้แม่ชีและเด็กวัดก็จัดข้าวของไม่เรียบร้อย เราก็เสร็จเขา เพราะว่าถ้าเรายินดีและพอใจก็เป็นราคะ ไม่ยินดีไม่พอใจก็เป็นโทสะ

    แต่วันนั้นกระผม/อาตมภาพเห็นว่าแม่ชีเขาเหนื่อยมากแล้ว จัดข้าวของตกหล่นไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีน้ำร้อนล้างจานก็ใช้น้ำเย็นธรรมดาก็ได้ หยิบขวดน้ำเย็นขึ้นมายังไม่ทันจะเท กาน้ำร้อนทั้งใบเด้งดึ๋งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ๓ - ๔ ท่านที่อยู่วงเดียวกันร้อง "เฮ้ย" ออกมาพร้อม ๆ กัน นั่นเขาแกล้งได้ขนาดนั้น..!

    แล้วมีอยู่วันหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ เขาก็มานั่งอยู่ในรถด้วยกัน เขาบอกว่า "สิ่งที่ท่านพยายามสอนไปนั้นเสียเวลาเปล่า สู้ผมไม่ได้หรอก กว่าไอ้เจ้าพวกไอคิวเตี้ยไอเดียต่ำปัญญาทึบจะมองเห็นอะไรสักจุด ผมก็ครอบเพิ่มไปแล้วอีก ๑๐ กว่าชั้น..!"
    กระผม/อาตมภาพจึงถามว่า "มีอะไรบ้าง ?"

    เขาก็ชูมือให้ดู "นี่คืออะไร ? มือ..นี่หน้ามือ นี่หลังมือ นี่คือนิ้วมือ นี่คือนิ้วโป้ง นี่คือนิ้วชี้ นี่คือนิ้วกลาง นี่คือนิ้วนาง นี่คือนิ้วก้อย นิ้วโป้งข้อที่ ๑ นิ้วโป้งข้อที่ ๒ เล็บนิ้วโป้ง ฯลฯ เขาไล่ให้ฟัง
    เฉพาะมืออย่างเดียวนี่เป็นสิบ ๆ สมมติที่ซ้อนทับกันอยู่ ถ้าปัญญาเราไม่พอล่ะ ? ก็ "ตัวกู" แต่ถ้าหากว่าปัญญาของเราพอ เราจะแยกออกว่านั่นคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เราอาศัยอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

    ดังนั้น..เรื่องพวกนี้อย่าเพิ่งท้อ ถ้ามารเก่งจริง พระพุทธเจ้าไม่ไปพระนิพพานกันเป็นล้านพระองค์ พระอรหันต์อีกนับไม่ถ้วน ใครที่ผิดพลาดไปอย่างข่าวคราวที่มีมา ก็คือเขาอาศัยจังหวะอกุศลกรรมของเรา ดึงเราให้หลงจากทางนั้น แล้วอย่าถามว่าเขาทำแบบนั้นไม่บาปหรือ ? เขาทำแบบนั้นได้บุญสูงสุดเลย ถามว่าสูงสุดตรงไหน ? ถ้าทดสอบแล้วคุณผ่านได้ คุณจะไม่ถอยหลังลงมาอีก เขาแค่ทำตามหน้าที่ เหมือนกับตำรวจมีหน้าที่จับผู้ร้าย จับได้ศาลตัดสินก็เอาไปขัง ตำรวจบาปหรือ ?

    เพราะฉะนั้น..มารจริง ๆ แล้วไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุด มารโคตรจะขยันที่จะทดสอบเรา ทุกวินาทีก็คือการทดสอบ เผลอเมื่อไรเขาก็ทำให้ กาย วาจา ใจ ของเราส่วนใดส่วนหนึ่งเศร้าหมอง บางทีเราไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป เห็นข้าวของขวางหน้าหน่อยเดียวโกรธแล้ว "ทำไมไม่รู้จักเก็บไม่รู้จักงำ ?" บางคนระงับความโกรธไม่ได้ ก็เตะโครมออกนอกทางไปเลย..!

    ดังนั้น..เขาจะใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการทดสอบเรา ยิ่งคนที่เรารักเท่าไร ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้เรามากเท่านั้น ถ้าหากว่าใครโง่ก็หลงอยู่แค่ตรงนั้นแหละ เพราะลืมไปว่าเราเจอกับข้อสอบอยู่ทุกเวลาทุกนาที บางทีคนออกข้อสอบยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาดลใจให้คนอื่นพูดประโยคเดียวก็ไปแล้ว เขาแค่ให้ยิ้มให้เราหน่อยเดียวตอนเรากำลังอารมณ์บูด เราก็ไปว่าเขายิ้มเยาะแล้ว..!

    พยายามทำสมาธิให้มากขึ้น จิตของเราที่นิ่งที่สงบ จะได้รู้เท่าทันว่าตอนนี้มารจะทดสอบเราแล้ว ถ้าใครเจอการทดสอบมาก ๆ จงดีใจเถอะ..ถ้าท่านไม่มีคุณค่าพอ เขาไม่เสียเวลามาทดสอบหรอก

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...