เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 สิงหาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพตรงไปยังวัดวังเย็น หมู่ที่ ๓ ตำบลวังเย็น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปร่วมสรงน้ำศพหลวงพ่อแดง (พระครูปริยัติกาญจนโชติ) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังเย็น อดีตเจ้าคณะตำบลบ้านเก่าเขต ๑ ไปถึงแล้วก็ต้องยอมรับว่า หลวงพ่อแดงนั้นเป็นที่รักของทั้งเพื่อนพระสังฆาธิการและชาวบ้านอย่างแท้จริง เนื่องเพราะว่าทั้งพระภิกษุ สามเณรและฆราวาสนับพัน ๆ คนเข้าแถวกันยาวเหยียด

    เมื่อกระผม/อาตมภาพก้าวขึ้นไปบนศาลาตั้งศพ พิธีกรก็ขอให้ญาติโยมที่ต่อแถวสรงน้ำศพอยู่หยุดลงชั่วคราว เพื่อให้หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนได้ถวายน้ำสรงศพก่อน เสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็มอบผ้าไตรและปัจจัยช่วยงานให้แก่พระครูอุปถัมภ์ธรรมวัฒน์ เจ้าคณะตำบลวังเย็น ซึ่งมาดูแลความเรียบร้อยในงานอยู่

    ด้วยความที่หลวงพ่อแดงท่านเป็นบุคคลที่พรรคพวกเพื่อนฝูงรักมาก สมัยที่เรียนอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา และปริญญาโทพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการเชิงพุทธนั้น ด้วยความที่หลวงพ่อแดงท่านมีรถตู้ของวัด จึงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงได้อาศัยรถของท่านไปเรียนด้วย และไม่ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงจะอยู่ใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม เมื่อกลับจากการเรียน หลวงพ่อแดงจะวิ่งส่งพรรคพวกเพื่อนฝูงจนครบทุกวัดแล้วถึงได้กลับวัดตัวเอง กว่าจะถึงวัดบางคืนก็ถึงตี ๑ ตี ๒ ก็มี..!

    ด้วยเหตุนี้พรรคพวกเพื่อนฝูงจึงรักในน้ำใจของหลวงพ่อแดงเป็นพิเศษ และมาเห็นได้ชัดเจนก็ตอนที่มรณภาพนี่เอง เนื่องเพราะว่าทั้งพระสงฆ์และฆราวาสนั่งกันเต็มศาลาการเปรียญยังไม่พอ ทางด้านล่างที่ทำเป็นโรงจอดรถยาวเหยียดคร่อมถนนอยู่ ก็ยังมีญาติโยมนั่งอยู่เต็มไปหมด

    โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระราชวชิรสุตาภรณ์ (พนม รตนาโภ) หรือว่าหลวงพ่อแก้ว เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนกันมาก็ยังอุตส่าห์มาด้วย โดยที่หลวงพ่อแก้วท่านนั่งคุยกับกระผม/อาตมภาพทางด้านหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่มานิมนต์ท่านให้ไปนั่งข้างหน้าเพราะว่าเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านยังบอกว่า "วันนี้ไม่ได้แบกตำแหน่งมา วันนี้มางานของเพื่อน"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    เพื่อนที่เรียนด้วยกันอีกท่านหนึ่งก็คือท่านพระครูสังฆกิจจารักษ์ วัดสิงห์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ท่านก็มาร่วมงานด้วย อีกท่านหนึ่งก็คือพระมหามนู ปิยสีโล รองเจ้าอาวาสวัดเขาเม็งอมรเมศร์ เจ้าคณะตำบลปากแพรก ก็เป็นเพื่อนร่วมเรียนกันมาตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ พวกเรายังปรารภกันว่า "หลวงพ่อแดงท่านไปเร็วมาก" แต่โบราณบอกว่าคนที่ไปลักษณะนี้คือคนมีบุญ ไม่มีการเจ็บป่วยทรมานอะไรมากมาย อยู่ ๆ ก็ไปเอาเฉย ๆ

    ครั้นเมื่อถึงเวลา บรรดาเจ้าหน้าที่จากกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ก็มาช่วยกันจัดสถานที่สำหรับเตรียมรับน้ำสรงศพพระราชทาน ครั้นเวลา ๔ โมงตรง ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้อัญเชิญน้ำสรงศพพระราชทานมาถึง ทางคณะสงฆ์ซึ่งประกอบด้วย

    พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

    พระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร

    ท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดเทวสังฆาราม

    หลวงพ่อเจ้าคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ.๔) รองเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม(พระอารามหลวง) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็มากันโดยพร้อมเพรียง พร้อมกับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลและบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงต่าง ๆ

    แม้กระทั่งเพื่อนฝูงที่อยู่ฝ่ายธรรมยุต อย่างเช่นหลวงพ่อยุ้ย - ท่านพระครูโพธิกาญจนธรรม เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ - สังขละบุรี (ธ) ก็มาถึง ยังปรารภกันว่า "เพิ่งจะคุยกันอยู่เลย ทำไมถึงไปกันไวแท้"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    ครั้นเมื่อสถานที่ทุกอย่างเรียบร้อย นายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ก็เป็นประธานในการถวายน้ำสรงศพพระราชทาน แล้วกระผม/อาตมภาพขึ้นรับหน้าที่พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล หลังจากนั้นก็เป็นพิธีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังเย็น และรักษาการเจ้าคณะตำบลบ้านเก่าเขต ๑

    ในเรื่องของตำแหน่งเจ้าอาวาสก็ดี ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลก็ตาม ทางด้านตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้นเป็นกำลังใจของญาติโยมในชุมชนทั้งหมด ต่อให้เป็นรักษาการเจ้าอาวาส ก็ต้องหาบุคคลที่ยอมรับของชาวบ้านเขามารับตำแหน่งดูแล จนกว่าที่เจ้าอาวาสตัวจริงจะได้รับการแต่งตั้งมา

    ส่วนเจ้าคณะตำบลนั้น มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองวัดในเขตตำบลของตนอย่างน้อย ๕ วัด ถ้าหากว่ามีวัดเพิ่มขึ้นมาแล้วยังไม่สามารถจะแยกตำบลใหม่ได้ กระผม/อาตมภาพเคยเจอบางตำบล มีถึง ๙ วัดด้วยกัน..! ด้วยเหตุนี้ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลจึงจำเป็นต้องรีบแต่งตั้งรักษาการเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ดำเนินหน้าที่ต่าง ๆ ในการดูแลลูกคณะของตนแทนหลวงพ่อแดงที่มรณภาพไป

    กระผม/อาตมภาพเมื่อทำหน้าที่ของตนเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ โดยที่คิดว่าการมรณภาพหรือว่าการตายของหลวงพ่อแดงนั้นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ว่าการที่อยู่ให้คนรักอาลัย การที่จากไปให้คนเขาคิดถึงโหยหานั้นเป็นอย่างไร เนื่องเพราะว่ารถติดกันแน่นขนัดไปหมด โดยเฉพาะภายในวัดแทบจะหาที่จอดไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อถวายน้ำสรงศพแล้วก็ต้องทยอยกันออก ไม่อย่างนั้นแล้วคนใหม่ก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาได้เช่นกัน

    กระผม/อาตมภาพได้ไปบรรยายถวายความรู้ให้กับพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่วันก่อนตอนประชุมพระนวกะนั้นไม่ได้บรรยายถวายความรู้ วันนี้จึงต้องมาชดเชยถวายความรู้ในการปฏิบัติธรรมให้กับท่านทั้งหลายเหล่านั้น โดยที่ใช้วิธีเดียวกันก็คือใครจะมาหรือไม่มาก็ตามใจ กระผม/อาตมภาพก็เล่าประสบการณ์ปฏิบัติธรรมให้ฟังไปเรื่อย อีกไม่นานทุกคนก็ขยับกันมา จากที่นั่งที่ลักษณะ "ฟันหลอ" ก็ค่อย ๆ เต็มขึ้นมาทุกที
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    อย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า เมื่อเป็นประธานในการนำปฏิบัติธรรมประจำปีของพระนิสิตวิทยาลัยสงฆ์ต่าง ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยบังคับให้นิสิตมาปฏิบัติธรรมตามเวลา หากแต่ว่าจะลงไปยังสถานที่ก่อนเวลา แล้วเล่าประสบการณ์ปฏิบัติธรรมบ้าง เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้พบได้เห็นมาบ้าง ใครที่สนใจก็จะมารับฟังกันเอง ท้ายที่สุด เมื่อถึงเวลาตามตารางกำหนด ทุกคนก็มากันครบถ้วนสมบูรณ์โดยที่ไม่ต้องบังคับใคร

    โดยเฉพาะวันนี้ กระผม/อาตมภาพเล่าเรื่องที่บรรดาครูบาอาจารย์ท่านไปอบรมที่พม่ามา แล้วทางด้านพม่านั้น วัฒนธรรมของพระภิกษุสามเณรของเขามีอะไรต่างจากเราบ้าง ของเราเองศีลข้อที่ห้ามรับประทานอาหารในเวลาวิกาล เราไปตีความว่าตั้งแต่หลังเที่ยงเป็นต้นไป ส่วนการเข้าบ้านในเวลาวิกาลโดยไม่บอกลาแล้วจะต้องอาบัติ เราไปตีความว่าเป็นเวลาตะวันตกดินไปแล้ว

    แต่ทางพม่านั้น เขาตีความเท่ากันว่าเวลาวิกาลคือตะวันตกดินไปแล้ว ดังนั้น..เวลา ๔ โมง ๕ โมงเย็น พระพม่าจึงฉันอาหารกันเป็นปกติ เพราะถือว่าตะวันยังไม่ตกดิน โดยเฉพาะร้านอาหารต่าง ๆ จะมีห้องที่จัดสรรเอาไว้สำหรับพระโดยเฉพาะ ไม่ต้องนั่งปะปนกับฆราวาส เมื่อถึงเวลาถ้าพระเดินเข้าไป เขาก็จะนิมนต์เข้าไปในส่วนที่กันพื้นที่เอาไว้ แล้วต้องการอาหารชนิดไหนก็บอกได้เลย เขาจะรีบเอามาประเคนให้

    ในส่วนนี้จะเห็นได้ว่าการตีความพระธรรมวินัยนั้น ของบ้านเรามีบางส่วนที่ลักลั่นกัน แต่ของพม่านั้นตีความในลักษณะเท่าเทียมกัน ก็คือวิกาลแปลว่าหลังพระอาทิตย์ตกดิน แต่เราท่านจะไปตีความพระวินัย โดยที่ไม่ได้มองจารีตประเพณีก็ไม่ได้

    เพราะว่าจารีตประเพณีบ้านเรานั้น ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรฉันอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่หลังเที่ยงไปแล้ว โทษทางสังคมมีสูงมาก ทั้ง ๆ ที่โทษทางพระโดนอาบัติปาจิตตีย์ สามารถที่จะปลงอาบัติหรือว่าแสดงคืนได้ โดยที่มีสัญญาว่าเราจะไม่คิดเช่นนี้อีก เราจะไม่พูดเช่นนี้อีก เราจะไม่ทำเช่นนี้อีก เป็นต้น แต่ว่าชาวบ้านเขามองเหมือนอย่างกับเราต้องอาบัติปาราชิก เพราะว่าไม่สามารถที่จะหักห้ามปากของตนเองได้ ก็จะเกิดการหวาดระแวงว่าแล้วศีลอื่น ๆ จะหักห้ามได้หรือ ?
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,521
    ค่าพลัง:
    +26,355
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อีกส่วนหนึ่งเราก็ต้องเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเข้ามาจับด้วย ก็คือในส่วนของอปัณณกปฏิปทา คือปฏิปทาที่พระภิกษุสามเณรปฏิบัติแล้วจะไม่ผิดแน่นอน ก็คือ โภชเนมัตตัญญุตา ต้องรู้จักประมาณในการกิน ไม่ใช่ตามใจปากของตนเองอย่างเดียว

    บุคคลที่ฉันอาหารมาก ถึงเวลาร่างกายหนักด้วยอาหาร ก็มักจะง่วงซึม ขาดสติ ปฏิบัติธรรมก็ไปไม่รอด ดังนั้น..ถ้าหากว่าผ่อนอาหารลงให้เหมาะสมกับธาตุขันธ์ของตน อย่างเช่นว่าไม่เกิน ๒ มื้อ หรือว่าท่านใดที่เคร่งครัด รับประทานแค่มื้อเดียวก็จบกันไปเลยได้ก็ยิ่งดี ร่างกายที่ไม่หนักด้วยสารอาหาร เลือดลมโปร่งเบา เดินคล่อง ภาวนาอย่างไรจิตใจก็สงบทรงตัวได้รวดเร็ว

    ในเรื่องของการตีความพระวินัยจึงไม่ใช่การตีความในลักษณะเสมอกันแบบประเทศพม่าแล้วจะจบ แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องดูด้วยว่า หลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างไร พูดง่าย ๆ ว่าศึกษาก็ต้องศึกษาให้รอบด้าน ไม่ใช่ตีความเอาตรง ๆ แล้วก็วิ่งตรงไปตามที่เราตีความเหมือนอย่างกับ "เถรตรง" โอกาสที่จะผิดพลาดเดือดร้อนก็ย่อมจะมีจนได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...