เรื่องเด่น เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สติจงมา, 12 พฤษภาคม 2017.

  1. สติจงมา

    สติจงมา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    47
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +191
    [​IMG]


    เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง

    พระนครสาวัตถี ฯลฯ

    ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่เถิด.

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่ง
    นั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น.

    ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว.

    พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าว โดยย่อได้โดยพิสดารอย่างไร?

    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึง รูป ย่อมถึงการนับเพราะ รูป นั้น. ถ้าครุ่นคิด ถึง เวทนา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สัญญา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สังขาร ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง วิญญาณ ย่อม ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ไม่ถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสัญญา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ไม่ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ เข้าใจเนื้อความแห่งพระภาษิตที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยย่อได้ โดยพิสดารอย่างนี้แล.

    พ. ถูกแล้ว ถูกแล้ว ภิกษุ เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อได้ โดยพิสดารดีนักแล. ดูกรภิกษุ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงรูป ก็ย่อมถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าบุคคลครุ่น คิดถึงเวทนา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงสัญญา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงสังขาร ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ ย่อมถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ดูกรภิกษุ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ย่อมไม่ถึงการนับเพราะ รูปนั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสัญญา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ย่อมไม่ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ดูกรภิกษุ เธอพึงเห็นเนื้อความ แห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อ โดยพิสดารอย่างนี้แล.

    ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้น เพลิดเพลินอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะ ถวายบังคม กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป. ครั้งนั้นแล เธอได้เป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่ ไม่นานเท่าไร ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลาย ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ ต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี. ก็ภิกษุนั้นได้เป็น พระอรหันต์องค์หนึ่งในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=17&A=772&Z=804


    [​IMG]
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ครุ่นคิด ตัดแปะ ธรรม

    อันไม่มีเหตุ คือ ไม่มีคนปรารภเหนทุกข์
    แลกิเลสถามธรรมสากัจฉา

    เดรัจฉานวิสัย จะเปนของ ผู้เปน ท้าวโฆษก
    เห่าหอน ไปวันๆ

    ที่ใดมีความขัดเคือง ที่นั่นมีกำหนัด เน่า เหม็น
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เหตุใดกัน สติจงมา จึงได้มีจิตเป็นผู้กำหนัด ขุ่นเคือง ขัดเคือง มัวเมา ลุ่มหลง อาฆาต พยาบาท เจ็บใจ เศร้าหมอง อย่างนี้

    อ้อ...เพราะ ไร้เหตุผล ที่จะ อธิบายแก่คนอื่น เลย..เป็นแบบนี้

    อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...