• รับประกันแท้ !!! สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย (สมเด็จโต สร้าง) อัฟเดท หน้า 7

กรุแตก..สะท้านวงการ !!
สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

รับประกันความแท้ตลอดชีวิต

พระชุดนี้ เป็นพระของพี่ชายผม นายเอกชัย สุขศรี​

​

แตกกรุปี พ.ศ. 2551 เนื่องจาก เจ้าอาวาส สั่งรื้อโบราณสถาน อายุกว่า 180 ปี ทุบโบราณสถานโบราณวัตถุไปแล้วกว่า 27 รายการรวมไปถึง เจดีย์บรรจุอัฐิเจ้าจอมมารดาแช่ม ร.5 ได้ถูกทำลายไม่เหลือซาก!ที่มา ปากโป้ง : กรมศิลป์เล็งฟ้อง วัดกัลยาณมิตร ทุบเจดีย์เจ้าจอมฯ

หรือตามดูจาก ยูทูป ว่ามีการทุบทำลายโบราณวัตถุภายในวัดได้ตามลิ้งนี้ครับ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=fNQdMIT4yes]ชาวบ้านโวย!! "เจ้าอาวาส" สั่งรื้อโบราณสถาน พัฒนา หรือ ทำลาย!! - ปากโป้ง - YouTube[/ame]
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=4Xhtmm3_-Y0]กรมศิลป์เล็งฟ้อง "วัดกัลยาณมิตร" ทุบเจดีย์เจ้าจอมฯ - ปากโป้ง - YouTube[/ame]

และขอคัดลอกข้อความที่ไปอ่านเจอมาเพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่ท่านผู้สนใจนะครับ...
เครดิตท่าน บูบู้
ขออนุญาตนำมาแชร์นะครับ
.................................................
สมเด็จกรุวัดกัลยา ผ่านการตรวจสอบเรื่องอายุพระ
จาก “สํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ”
สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี
เรียบร้อยครับ รอใบรับรองผล
เรื่องของพระสมเด็จวัดระฆัง ที่บรรจุกรุวัดกัลยา
หลังจากเจดีย์ในวัดกัลยาได้ถูกรื้อออก เมื่อต้นปี พ.ศ 2551พบว่ามีพระพิมพ์สมเด็จ บรรจุอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก และหลายพิมพ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิมใหญ่ ทรงเจดีย์ เส้นด้าย ฐานแซม ฐานคู่ ปรกโพธิ์และพิมพ์อกครุฑ ส่วนที่พบน้อยได้แก่พิมพ์ไสยาสน์ พิมคู่สององค์ติดกันซึ่งเป็นทรงเจดีย์ และพิมพ์ใหญ๋ พิมพ์สามเหลี่ยมเล็ก พิมพ์สามเหลี่ยมใหญ่(เหมือนกับพิมพ์ใหญ่ของของวัดสามปลื้ม) พิมพ์สังกระจาย นอกจากนี้ยังมีพิมพ์แปลกอีกแต่ไม่มากนัก พระในกรุวัดกัลยามีสองแบบคือ 1แบบปึกๆเกาะติดกัน9องค์ และแบบเป็นองค์เดียวซึ่งแบบนี้ด้านหลังจะถูกปิดด้วยรักและทอง หลังจากที่พระสมเด็จชุดนี้กระจายออกไป ก็เป็นที่สงสัยและหาหลักฐานกันว่า เป็นพระสมเด็จวัดระฆังใช่หรือไม่มาจนถึงวันนี้ ส่วนใหญ่นำไปให้บรรดาเซียนน้อยใหญ่ดู มักจะได้คำตอบว่า ยังไม่ถึงวัดระฆัง คำถามต่อไปก็คือดูจากอะไร เซียนตอบว่าดูจากพิมพ์ และคำถามต่อไปจากเจ้าของพระถามเซียนว่า แล้วเนื้อหละเป็นอย่างไร เซียนตอบหน้าตาเฉยว่าถ้าผิดพิมพ์แล้วผมก็จะไม่ดูเนื้อ ก็จบกันตรงนั้นคุณเซียนจะเล่นพระสมเด็จกันแค่8-9พิมพ์เท่านั้นเหรอ คุณจะไม่ศึกษามวลสารของเนื้อพระความเก่า มีอายุของเนื้อพระ หรือจะไม่ศึกษาประวัติการสร้างพระกันอย่างละเอียดและถูกต้องเลยหรือ จะเอากันแค่เล่นๆกันถูกพิมพ์ถูกเนื้อขายกันได้ ด้วยความเชื่อจากการยืนยันจากตัวบุคคลเพียง2คนที่ถูกเรียกว่าเซียนเท่านั้นก็พอแล้วหรือ ในปัจจุบันเซียนที่พอมีระดับ จะมีที่สิงสถิตย์กันตามห้างดังๆ จะหาพระให้กับบรรดาขาประจำที่เขาเชื่อใจกัน แต่ถ้าเซียนจะซื้อพระ ผู้ที่เป็นเจ้าของพระจะถูกกดราคากันมากๆแบบน่าสงสาร เพื่อนสมาชิกครับ พระที่ผมนำไปให้คุณเซียนตรวจสอบดูและได้รับคำตอบว่ายังไม่ถึงนั้นเป็นพระกรุวัดกัลยาพิมพ์ใหญ่ เนื้อดูง่ายมากแต่ขนาดจะโตกว่ากรุบางขุนพรหมเล็กน้อย เพื่อนๆครับผมยังไม่หมดความพยายาม ผมคิดว่าพระจะแท้หรือเก๊ไม่ใช่ไปฟังจากบุคคลที่สังคมมองกันว่าน่าเชื่อถือและมีความรู้ดูพระได้เป็นเซียนมีชื่อโด่งดัง ยังมีวิธีหาความจริงว่าพระสมเด็จของเรานั้นจะแท้หรือไม่ ก็ให้ดูจากอายุการสร้าง ซึ่งในปัจจุบันนี้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปมาก มวลสารที่สร้างพระมา สามารถตรวจสอบอายุได้ ไม่จำเป็นต้องไปเชื่อตัวบุคคล ซึ่งอาจถูกหลอกได้
การตรวจทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้มี2วิธี
*** วิธีที่1 การตรวจด้วยรังสี
ด้วยการตรวจหาเปอร์เซ็นต์ค่าคาบอนด์จากมวลสารที่เป็นเนื้อพระ โดยนำมวลสารที่เป็นเนื้อพระหรือองค์พระสมเด็จนั้นมาบดให้ละเอียดด้วยปริมาณที่มากพอ(ประมาน3องค์)แล้วนำกรด hydro chloric มาทำปฎิกริยาจะเกิดควัน แล้วนำควันผ่านลงไปในของเหลว จากนั้นจะนำของเหลวเอาควันนั้นไว้ไปผ่านเข้าระบบตามกรรมวิธีของสถาบัน วิธีจะไม่ค่อยมีผู้นิยมเพราะต้องบดพระสมเด้จให้เป็นผงถึง3องค์ หากมีเพียง1-3องค์ก็จะไม่สามาถรกระทำได้ นอกจากว่าจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก และอยากพิสูจน์ว่าเป็นสมเด็จแท้หรือไม่ ด้วยการดูอายุการสร้างก็จะกระทำได้ เช่นกรณี ผู้ที่มีสมเด็จจากกรุวัดกัลยามากๆการทดสอบหรือตรวจอายุการสร้างพระ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทางสถาบัน ประมาณ7500บาท ต่อครั่ง ระยะเวลาการตรวจจะประมาณ2-3สัปดาห์จึงจะรู้ผล
*** วิธีที่2 การตรวจด้วยเคมี
เป็นการตรวจหาอายุพระการสร้างพระเนื้อผง เช่นพระสมเด็จ ด้วยวิธีทางเคมี วิธีนี้นำพระสมเด็จที่ประสงค์จะตรวจอายุการสร้างมา1องค์ ไม่ต้องทำลายด้วยการบดเป็นผง ผู้ตรวจจะใช้วิธีเจาะรูเล็กๆเพื่อนำผงพระเพียงเล็กน้อย มาทำปฎิกริยากับน้ำยาทางเคมีจากนั้นจะตรวจผลด้วยกล้องจุลทัศน์ ที่มีกำลังขยายสูงมากแล้วนำผลมาเทียบกับตารางแล้วแปลออกมาเป็นปี ที่พระองค์นี้ได้สร้างมาแล้ว การตรวจสอบด้วยวิธีนี้พระจะไม่ชำรุด ระยะเวลารอผลไม่นานประมาณ20นาที ก็จะทราบอายุของการสร้างพระ มีค่าใช่จ่ายองค์1000บาท หากพระแท้จะต้องเพิ่มอีก200บาทเป็นค่าใบรับรองผลการตรวจจากหน่วย (ถ้าพระไม่แท้ไม่เอาหนังสือก็ไม่ต้องชำระ) ผมได้นำพระกรุวัดกัลยาไปตรวจทั้ง2แห่ง ผลปรากฏออกมาคือ
จากผลการตรวจด้วยวิธีที่1 พระชุดนี้สร้างระหว่างปี พ.ศ.2408-2413
จากผลการตรวจด้วยวิธีที่2 คือทางเคมี
ผมนำไปตรวจหลายองค์
องค์ที่1อายุการสร้างมากกว่า142ปี
องค์ที่2 อายุการสร้างมากกว่า143ปี องค์ที่3อายุการสร้างมากกว่า146ปี(พระชุดนี้เป็นพิมพ์เกศทะลุซุ้มทั้ง4องค์

*** สรุปผลจากการตรวจพระสมเด็จกรุวัดกัลยาทั้ง2วิธีนี้ได้ผลตรงกัน ทั้ง2สถาบันนี้อยู่คนละแห่ง ไม่รู้จักกัน และผมก็ไม่ได้บอกว่าไปตรวจที่ไหนมา ผมจึงมั่นใจ100เปอร์เซ็นต์ พระกรุวัดกัลยานี้ เป็นพระที่สมเด็จพุฒาจารย์โตเป็นผู้สร้างขึ้น ใครยังไม่มีก็หาเก็บเอาไว้ใช้ เพราะเป็นของดีที่ราคายังไม่สูง แต่ระวังอย่าไปจับเอาของฝีมือก็แล้วกัน เพื่อนๆสมาชิกช่วยแชร์ข้อความนี้ให้เพื่อนได้ทราบกันด้วยนะครับจะขอบคุณมากๆ

...............................
ขอบคุณมากครับท่าน บูบู้

 

รายการที่ K-01 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-02 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-03 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-04 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-05 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-06 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ K-07 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

สรุปรายการที่ยังมีเหลืออยู่ ที่หน้าสุดท้ายนะครับ !!!​

 

กรุแตก..สะท้านวงการ !!
สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

รับประกันความแท้ตลอดชีวิต​

พระกรุวัดกลางคลองข่อย สมเด็จโตสร้าง

วัดนี้ตั้งอยู่ตำบล คลองข่อย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่11ไร่ ทิศตะวันตกจรดแม่นำ้แม่กลอง มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรที่สมเด็จโตได้สร้างไว้ ตั้งแต่สมัยเป็นพระลูกวัดธรรมดาเมื่อปี พ.ศ.2390 ตามหลักฐานสร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา สมเด็จโตได้ธุดงค์ มาวิปัสสนากรรมฐานและได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรไว้ ก่อสร้างด้วยอิฐถือปูน สูง16ศอก และได้สร้างพระเครื่องบรรจุไว้ เล่าลือกันว่าพระพุทธรูปนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ในสมัยนั้นวัดเป็นป่ารกมากท่านได้เอาเงินโปรยหว่านไปทั่ว

ชาวบ้านรู้ข่าวได้พากันมาถางป่าเพื่อเอาเงินทำให้กลายเป็นที่โล่งเตียน จนสร้างพระพุทธรูปยืนได้ สำเร็จกาลต่อมาวัดได้ชำรุดทรุดโทรมมาก ได้มีการบูรณะต่อมาหลายครั้งทางวัดได้สร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จโต ตรงบริเวณพระอุโบสถเดิมและย้ายพระประธานไปไว้ที่พระอุโบสถหลังใหม่ ได้พบพระเครื่องที่ท่านสร้างไว้มีจำนวนไม่มากนัก ความจริงพระกรุนี้ได้แตกกรุมานานแล้วก่อนพ.ศ.2495 ดังปรากฏในหนังสือพระพิมพ์และพระเครื่องรางของไทย เขียนโดย คุณ พร้อม สุทัศน์ ณ อยุธยา ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2495 มีใจความตอนหนึ่งว่า "สมัยที่ข้าพเจ้ายังรับราชการอยู่ที่ราชบุรี มีข่าวว่าที่วัดกลาง ตำบลคลองข่อย กรุแตกมีพระพิมพ์เนื้อผงสมเด็จออกมา แต่สอบถามแล้วไม่มีใครยืนยัน

อย่างไรก็ตามในองค์พระยืนหรือตามพระเจดีย์เก่าๆ ที่ท่านสร้างไว้คงมีพระเครื่องบรรจุไว้แน่นอน
แต่มีไม่มากนักในการพบพระพิมพ์นี้ได้พบที่ชุกชีใต้ฐานพระประธานหลังเก่าซึ่งได้เคลื่อนย้ายไปไว้ ในพระอุโบสถหลังใหม่คณะกรรมการได้เอามาแบ่งกันโดยไม่แจ้งให้ทางวัดทราบ ผู้ที่ได้พระไปต่างก็หวงแหนไม่ยอมแบ่งให้ลูกหลานเลย

ในอดีตพระกรุนี้จึงหายากมากและไม่มีแพร่หลายกาลเวลาผ่านไปเมื่อท่านเหล่านี้ล้มหายตายจาก ลูกหลานไม่รู้เรื่องได้นำพระที่บรรพบุรุษหวงแหน ออกมาให้เช่าบูชา

ต่อมามีชาวเยอรมัน5คนไม่ทราบว่ารู้เรื่องพระกรุนี้ได้อย่างไรได้มาขอเช่าบูชาพระกรุนี้ไปคนละ1องค์ โดยให้ราคาถึงองค์ละแสนบาท พระกรุนี้มีพุทธคุณทางด้านโชคลาภดีที่สุด
อธิษฐานขออะไรก็ได้สมปราถนา

วัดกลางคลองข่อย ตำบลคลองข่อย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
สมเด็จโต ท่านได้เคยธุดงค์มาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดแห่งนี้หลายปี และสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้สร้างพระเครื่องมากมาย และพระพุทธรูปยืน บางอุ้มบาตร องค์ใหญ่ ซึ่งมีปรากฏไว้ในบันทึกสมัยรัตนโกสินทร์ว่า ในช่วง พ.ศ. 2375 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ตอนปลาย เล่าลือกันว่าพระพุทธรูปนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก...

ในอดีตวัดไตรคลองข่อย เป็นวัดโบราณ เป็นวัดร้าง มีต้นไม้ปกคลุม เป็นป่ารก สร้างเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ป้จจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดกลางคลองข่อย สถานที่ตั้งอยู่ที่ 82 หมู่ 4 ต.คลองข่อย อ. โพธาราม จ. ราชบุรี มีเนื้อที่โดยประมาณ 11 ไร่ ด้านหน้าวัดหันไปทางแม่น้ำแม่กลอง
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีท่านได้เคยธุดงค์มาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดแห่งนี้ส ท่านได้สร้างพระพุทธรูปยืน บางอุ้มบาตร

เรามาตามรอยสมเด็จท่านกันครับ

วัดกลางคลองข่อย เดิมชื่อ วัดไตรคลองข่อย เป็นวัดโบราณ เป็นวัดร้าง มีต้นไม้ปกคลุม เป็นป่ารก สร้างเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ป้จจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดกลางคลองข่อย
ตั้งอยู่เลขที่ 82 หมู่ 4 ตำบลคลองข่อย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 11 ไร่ อาณาเขต ทิศเหนือ ทิศใต้และทางทิศตะวันออก จดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันตกจดแม่น้ำแม่กลอง วัดกลางได้รับการพัฒนาและบูรณะมาโดยตลอด
อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ กว้าง 11.90 เมตร ยาว 26.30 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2508 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาการเปรียญกว้าง 14 เมตร ยาว 28 เมตร เป็นอาคารคอนกรีต กุฏิสงฆ์ จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ วิหารกว้าง 12 เมตร ยาว 22.40 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน 1 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ และพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2390 วัดกลางคลองข่อยนี้ ก่อสร้างในสมัยรัชกาลใดไม่มีผู้ใดทราบ สันนิษฐานว่าอาจจะสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เพราะจากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส เดิมวัดนี้หันหน้าไปทางแม่น้ำเพราะการเดินทางจะใช้แม่น้ำเป็นหลัก ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2300 ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง แต่เป็นวัดที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ได้เคยธุดงค์มาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน และจัดสร้างพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้น ก่อสร้างด้วยอิฐถือปูน สูง 16 ศอก 1 องค์ วัดกลางได้รับการพัฒนาและบูรณะมาโดยตลอด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2508 เขตวิสุงคาสีมา กว้าง 11.90 เมตร ยาว 26.80 เมตร การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนาม คือ รูปที่ 1 พระเดช รูปที่ 2 พระเอี่ยม รูปที่ 3 พระโชติ รูปที่ 4 พระนวม รูปที่ 5 พระนวม รูปที่ 6 พระอวน รูปที่ 7 พระอธิการพวน รูปที่ 9 พระครูสถิตสมณวัตร พ.ศ. 2484-2546 รูปที่ 9 พระครูสังฆรักษ์สุเทพ สุเทโว พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบัน

ณ วัดแห่งนี้สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้สร้างพระพุทธรูปยืน บางอุ้มบาตร ซึ่งมีปรากฏไว้ในบันทึกสมัยรัตนโกสินทร์ว่า ในช่วง พ.ศ. 2375 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ตอนปลาย เล่าลือกันว่าพระพุทธรูปนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ในสมัยนั้นวัดเป็นป่ารกมากท่านได้เอาเงินโปรยหว่านไปทั่ว
ชาวบ้านรู้ข่าวได้พากันมาถางป่าเพื่อเอาเงินทำให้กลายเป็นที่โล่งเตียน จนสร้างพระพุทธรูปยืนได้ สำเร็จกาลต่อมาวัดได้ชำรุดทรุดโทรมมาก ได้มีการ
บูรณะต่อมาหลายครั้งทางวัดได้สร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จโต ตรงบริเวณพระอุโบสถเดิมและย้ายพระประธานไปไว้ที่พระอุโบสถหลังใหม่
ได้พบพระเครื่องที่ท่านสร้างไว้มีจำนวนไม่มากนัก ความจริงพระกรุนี้ได้แตกกรุมานานแล้วก่อนพ.ศ.2495 ดังปรากฏในหนังสือพระพิมพ์และพระ
เครื่องรางของไทย เขียนโดย คุณ พร้อม สุทัศน์ ณ อยุธยา ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2495 มีใจความตอนหนึ่งว่า "สมัยที่ข้าพเจ้ายังรับราชการอยู่ที่ราชบุรี มีข่าวว่าที่วัดกลาง ตำบลคลองข่อย กรุแตกมีพระพิมพ์เนื้อผงสมเด็จออกมา แต่สอบถามแล้วไม่มีใครยืนยัน
อย่างไรก็ตามในองค์พระยืนหรือตามพระเจดีย์เก่าๆ ที่ท่านสร้างไว้คงมีพระเครื่องบรรจุไว้แน่นอน."

สมเด็จฯ ท่านได้เสด็จโดยเรือมาทางน้ำจนถึงบริเวณบางแขยงอันเป็นที่ตั้งของวัดกลาง ซึ่งสมัยนั้นมีอธิการอวนดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส สมเด็จฯท่านได้เสด็จจำพรรษาอยู่ ณ วัดแห่งนี้และได้สร้างพระพุทธรูปขึ้น โดยหันหน้าสู่แม่น้ำให้เหล่าเทพเทวาและมนุษย์สักการะประจำทางด้านทิศตะวันตก การก่อสร้างพระพุทธรูปครั้งนี้ท่านได้อธิฐานจิตนั่งทำสมาธิพิจารณาสถานที่ก่อสร้างพระประจำทิศ ณ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ (ปัจจุบันต้นโพธิ์ยังอยู่และเล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก) ในขั้นตอนการสร้างพระพุทธรูปสันนิษฐานว่าท่านคงสร้างเป็นปางไสยาสน์ (พระนอน) มากกว่าเพราะ ในวิหารหลังพระพุทธรูปยืนซึ่งปัจจุบันรื้อทิ้งไปหมดแล้ว และกำลังบูรณะก่อสร้างใหม่ ภายในวิหารมีภาพพระพุทธรูปนอนเป็นหลักฐาน แต่เนื่องจากบริเวณเนื้อที่ก่อสร้างไม่เพียงพอ จึงเปลี่ยนมาเป็นการสร้างพระยืนแทน เพราะมีรอยแนวการเรียงอิฐอยู่ ประกอบสมัยนั้นวัดเป็นป่ารกชัฏ ไม่มีคนช่วยถากถาง ท่านจึงได้เอาเงินโปรยหว่านไปทั่วบริเวณป่า พอชาวบ้านรู้ว่ามีพระเอาเงินมาหว่านในป่าก็เลยพากันมาถางป่าเพื่อหาเงิน จึงทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นที่โล่งเตียนจนได้สร้างพระพุทธรูปยืนสำเร็จ ว่ากันว่าเป็นเงินตราเก่าๆด้วย และในตอนที่จะสร้างพระนี้ ท่านต้องการไม้ไผ่ เผอิญมีผู้ล่องแพไม้ไผ่มาทางนั้น ท่านไม่มีเงิน จึงไปที่ต้นโพธิ์บริเวณนั้น ก็ได้เงินมาซื้อไม้ไผ่ตามประสงค์ ส่วนต้นโพธิ์นั้นในปัจจุบันนี้ยังมีปรากฏอยู่ กล่าวถึงพระพุทธรูปยืน ที่สมเด็จฯท่านได้สร้างไว้ แกนกลางขององค์พระมีเสาไม้ตะเคียนทั้งต้น จำนวน๔ ต้น เป็นแกนกลางอยู่ภายใน แล้วก็ทำการก่ออิฐถือปูน แต่สมเด็จโตท่านได้สร้างไม่เสร็จ สร้างได้เหียงแค่คอท่านนั้น แต่ให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างต่อกันเอง กาลเวลาผ่านไป พระโตนี้ชำรุดหักพัง (พระเศียรแตกร้าว พระกรทั้งสองข้างหัก) พระอาจารย์อวน พฺรหฺมสโร วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในถิ่นนั้น ย้ายมาอยู่วัดกลาง ได้เป็นประธานจัดการบูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อปีมะแม พ.ศ. 2474 จนกระทั่งการบูรณะครั้งสุดท้ายเมื่อ ปี พ.ศ. 2516

จากคำบอกเล่าของครูสังฆรักษ์สุเทพ สุเทโว เจ้าอาวาสวัดกลางคลองข่อย ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรที่สมเด็จโตท่านได้สร้างไว้ ไว้ดังนี้

เมื่อสมัยก่อนแม่น้ำแม่กลองที่อยู่ด้านหน้าวัดเป็นเส้นทางสัญจรที่สำคัญ โดยเฉพาะเป็นเส้นทางเดินเรือสำเภาของชาวจีน ใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งเรือสำเภาของชาวจีนล่องมาถึงที่หน้าวัด เกิดติดอะไรก็หาได้ทราบไม่ จะเป็นทรายหรือสันดรก็หาได้ทราบไม่ เอาเรือมาฉุดลากก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ออกไปได้ ในขณะนั้นตรงหน้าวัดมีกอไผ่ขึ้นอยู่หนามาก ประกอบกับช่วงนั้นมีลมพัดผ่านมา ทำให้กอไผ่เอนไปมาจนกระทั่งเห็นใบหน้าของพระพุทธรูปยืนอย่างชัดเจน เจ้าของเรือจึงยกมือไหว้กราบขอบารมีท่านให้เรือสามารถแล่นออกไปได้ แล้วจะจุดประทัดถวาย หลังจากนั้นเรือก็สามารถเลื่อนออกไปได้เองราวกับปาฏิหาริย์ โดยไม่มีการใช้เรือฉุดลากทั้งสิ้น พ่อค้าชาวจีนคนนั้นจึงได้จุดประทัดถวายท่าน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรือทุกลำที่แล่นผ่านมายังหน้าวัดกลางคลองข่อยแห่งนี้จึงต้องจุดประทัดถวายทุกลำ ดังนั้นเสียงประทัดที่จุดถวายพระพุทธรูปยืนจึงได้ ยินเกือบทั้งวัน

นอกจากนี้ก็ยังมีพวกพ่อค้ามาบนขอลูก ซึ่งเมื่อกลับไปแล้วก็ได้ลูกดังประสงค์ มีอยู่ครอบครัวหนึ่งมาบนขอลูกกับองค์หลวงพ่อ ได้ลูกสาว 4-5 คน แล้วครอบครัวนั้นก็มาทำการอาบน้ำให้กับองค์หลวงพ่อพระยืนองค์นี้ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ ครอบครัวนี้ก็ยังมาทำบุญกับทางวัดและกับหลวงพ่อโตอย่างไม่ขาดสาย แต่ให้ลูกสาวมาแทน เนื่องจากว่ามารดามีอายุมากเดินทางมาไม่สะดวก

ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้คนให้ความเคารพเดินทางมาสักการบูชา เนื่องจากในความศักดิ์สิทธิ์ในองค์หลวงพ่อ เวลาจะมาบนอะไรท่านก็มักจะจุดประทัดถวาย หรือ หากครอบครัวใดมีฐานะก็จะบนเป็นภาพยนตร์โดยเฉพาะ ภาพยนตร์อินเดียจะได้ตามความตั้งใจปรารถนาดีนักแล

ภายในศาลาการเปรียญในปัจจุบันนี้ยังมีโบราณวัตถุที่มีความสำคัญอีก 2 สิ่งคือ รูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ องค์ใหญ่หล่อด้วยเนื้อทองเหลืองหน้าตักกว้างประมาณ 1 เมตร และรูปหล่อองค์เล็กของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ หล่อจากดินเจ็ดป่าช้า หน้าตักกว้างประมาณ 50 ซ.ม. รูปหล่อทั้งสององค์หล่อที่วัด แต่องค์เล็กหล่อก่อนแล้วจึงหล่อองค์ใหญ่ตามมา เป็นรูปหล่อโบราณ

นอกจากนี้ทางวัดยังได้สร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี โดยสร้างตรงบริเวณที่เป็นพระอุโบสถเก่า ภายนอกได้นำอิฐจากโบสถ์เก่ามาประดับไว้ทางด้านนอกของตัวพิพิธภัณฑ์ อิฐที่นำมาสร้างเป็นพระอุโบสถนั้นเป็นอิฐที่สมเด็จท่านสั่งเตาเผามาเองซึ่งอยู่บริเวณต้นโพธิ์ในปัจจุบัน ส่วนภายในเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสมัยใหม่

ทุกวันที่ 22 มิถุนายน
ทางวัดได้จัดให้มีการทำบุญครบรอบวันมรณะของสมเด็จพระพุฒาจารย์( โต) พรหมรังสี และในวันนี้ก็เช่นกันก็ได้จัดงานทำบุญครบรอบ สมเด็จท่านผ่านไปอีกปี เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพองค์หลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ครบ 141 ปี วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 วัดกลาง ได้จัดให้มีการทำบุญขณะนี้วัดกลางได้ปรับปรุงบริเวณโดยรอบ พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร และทำการปิดทอง ซุ้มและองค์พระพุทธรูป

 

รายการที่ Q-01 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ Q-02 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ Q-03 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ Q-04 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ Q-05 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

รายการที่ Q-06 สมเด็จ กรุวัดกลางคลองข่อย

XXX ปิดรายการนี้ XXX

ชื่อบัญชี นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
เลขบัญชี 054-7-02308-5
ธ.กรุงเทพ ประเภท ออมทรัพย์
สาขา มหาวิทยาลัยรามคำแหง2

แจ้งการโอนมาทาง PM หรือ satang_star@hotmail.com SMS หรือ โทร.084-845-3545

 

จอง รายการที่ K-01 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ครับ

 

รับทราบการจองครับผม ขอบคุณครับ

 

จองเพิ่มอีกรายการครับ
รายการที่ K-06 สมเด็จ กรุวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

 

รับทราบการจอง รวม 2 รายการ คิดค่าจัดส่งแค่ครั้งเดียวครับ เป็น 2,050 บาทครับผม ขอบคุณครับ