21-12-2012 วันสุดท้ายของมนุษย์ (จริงๆหรอ?)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 8 มิถุนายน 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด:





    </TD><TD>วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    บทความนี้ยังเป็นตอนต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้ปล่อยข่าวว่า..

    วันที่ 21 ธ.ค. ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดรอบปฏิทินมายาจะเป็นวันสิ้นโลก

    [​IMG]


    โดยชักแม่น้ำทั้งห้า อ้างเหตุผลต่างๆ หลายอย่างมาสนับสนุน ได้อธิบายความเป็นมาและข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ไปบางส่วนแล้ว สัปดาห์นี้มาถึงเรื่องของข่าวลือที่ว่าจะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกและดวงอาทิตย์ในปี 2012


    เรื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล


    ฟอร์เวิร์ดเมลและข้อความเผยแพร่ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ระบุว่า

    ปี 2012 โลกและดวงอาทิตย์จะเกิดการพลิกขั้ว

    โดยอ้างอิงข่าวจากสื่อออนไลน์ India Daily


    (India,Daily,News,Samachar,Bollywood,Politics,Sports,Computer)

    เผยแพร่วันที่ 1 มี.ค. 2005 ระบุว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์

    ทั้งนักธรณีฟิสิกส์และดาราศาสตร์ฟิสิกส์ คาดว่าปี 2012

    จะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลก พื้นโลกบางแห่งจะไม่มีสนามแม่เหล็ก

    ประจวบกับเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์เกิดการสลับขั้วแม่เหล็กด้วยเช่นกัน


    ข่าวนี้ระบุว่า องค์การนาซาได้ระงับความตื่นกลัวของสาธารณชนด้วยการให้ข้อมูลว่าการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกจะไม่ทำให้สนามแม่เหล็กสูญสิ้นไปทั้งหมด

    (แต่ข้อความในฟอร์เวิร์ดเมล กลับทำให้เลวร้าย และเป็นเท็จ ระบุว่าองค์การนาซาเป็นผู้ออกข่าวเองว่าขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกในปี 2012 ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการแปลความหมายผิด และสับสนกับการสลับขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์)


    สื่อออนไลน์ดังกล่าวอ้างว่าแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่ไฮเดอราบัด บ่งชี้ว่าการพลิกขั้วส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิตลดลง เกิดภูเขาไฟ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม สนามแม่เหล็กโลกอ่อนลงจนทำให้รังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ทวีขึ้นหลายเท่า เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้เปลือกโลกเท่านั้นที่จะรอดจากมหันตภัยนี้ ดาวเคราะห์น้อยจะถูกดึงให้เข้ามาใกล้โลก แถมยังอ้างอีกว่าการพบเห็นยูเอฟโอบ่อยขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังพยายามช่วยโลก

    เนื้อข่าวต้นฉบับไม่มีการอ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์หรือข้อมูลเชิงวิชาการใดๆ ที่พอจะเชื่อถือหรือสืบค้นได้ และเมื่อค้นดูข่าวในหมวดเดียวกันก็จะพบว่ามีข่าวหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปี 2012 ซึ่งล้วนมีลักษณะเดียวกัน คือไม่เคยระบุชื่อของนักวิทยาศาสตร์ หาแหล่งข่าวไม่ได้ ดูคล้ายหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่มักจะเขียนข่าวหวือหวาเพื่อเรียกความสนใจ


    เรื่องจริงเรื่องขั้วพลิก


    ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาและการศึกษาธรรมชาติของดวงอาทิตย์ การสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นจริงทั้งในโลกและดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์สลับขั้วบ่อยกว่าโลกมาก เฉลี่ยทุกๆ 11 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณจุดมืด (Sunspot) และกัมมันตภาพของดวงอาทิตย์ (Solar Activity) การพยากรณ์การพลิกขั้วแม่เหล็กดวงอาทิตย์ทำได้โดยอาศัยข้อมูลการสังเกตจุดมืดและสภาพทางแม่เหล็กบนผิวดวงอาทิตย์


    เมื่อเกิดการสลับขั้ว ดวงอาทิตย์จะมีกัมมันตภาพสูง มีจุดมืดจำนวนมาก และมักเกิดพายุสุริยะบ่อยกว่าช่วงสงบ ก่อนหน้านี้เคยมีการพยากรณ์ว่าดวงอาทิตย์จะสลับขั้วแม่เหล็กในปี 2012 ซึ่งทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับคำพยากรณ์วันสิ้นโลก อย่างไรก็ตามจากที่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ดวงอาทิตย์แทบไม่มีจุดมืดมานาน นักดาราศาสตร์พยากรณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่าดวงอาทิตย์มีแนวโน้มจะสลับขั้วช้าลงกว่าที่คาดไว้ โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. 2013

    กรณีของโลก ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็ง หมุนรอบตัวเอง และมีอุณหภูมิสูงมาก ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวในแกนชั้นนอก ทำให้อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าไหลวนไปรอบๆ เกิดสนามแม่เหล็ก พุ่งผ่านแกนเปลือกโลก และออกสู่อวกาศ สนามแม่เหล็กมีส่วนช่วยป้องกันลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ แต่บางส่วนก็สามารถเบี่ยงเบนเข้าสู่บริเวณขั้ว ชนกับอะตอมในบรรยากาศโลก เกิดวงแสงเรืองบนท้องฟ้าที่เรียกว่าแสงเหนือใต้ (Aurora)

    ขั้วแม่เหล็กโลกอยู่ไม่คงที่ คริสต์ศตวรรษที่ 20 ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กเหนือซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณประเทศแคนาดา เคลื่อนที่ด้วยอัตรา 10 กม./ปี แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือเคลื่อนเร็วขึ้นด้วยอัตรา 40 กม./ปี มีแนวโน้มว่าจะไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปี


    ข้อมูลทางธรณีวิทยาบอกว่าโลกสลับขั้วแม่เหล็กกลับไปกลับมาเฉลี่ยทุกๆ 2.5 แสนปี ไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเกิดการสลับขั้ว และไม่มีการสลับขั้วมานานแล้วราว 7.8 แสนปี อัตราการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกมีความไม่แน่นอนสูงมาก และใช้เวลาในกระบวนการสลับขั้วแต่ละครั้งนานนับพันปี เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะสามารถพยากรณ์ได้ว่าโลกจะพลิกขั้วแม่เหล็กในปีใด ดังนั้นการอ้างว่าจะเกิดการพลิกขั้วในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 จึงไร้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และที่ว่าการสลับขั้วแม่เหล็กโลกเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ก็ไม่มีหลักฐานสนับสนุน


    ส่วนที่ว่าเมื่อเกิดการสลับขั้วแล้ว โลกจะไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยแกลตซ์มายเยอร์ และพอล โรเบิร์ต นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ ซานตาครูซ พบว่าระหว่างที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก โลกจะยังมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่ เพียงแต่อ่อนลงและมีความปั่นป่วนมากขึ้น นอกจากนี้สนามแม่เหล็กโลกไม่ใช่สิ่งเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากรังสีและอนุภาคพลังงานสูงจากนอกโลก บรรยากาศโลกมีส่วนอย่างมากในการป้องกันโลกจากพายุสุริยะและรังสีคอสมิก ดังนั้นสรุปว่าไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ สนับสนุนว่าปี 2012 โลกจะพลิกขั้ว ไม่ว่าจะเป็นขั้วแม่เหล็กหรือขั้วทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งของดวงอาทิตย์


    ท้องฟ้าในรอบสัปดาห์ (7-14 มิ.ย.)


    ดาวเสาร์อยู่สูงเกือบถึงจุดเหนือศีรษะในเวลาหัวค่ำ เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวบนท้องฟ้าเวลานี้ มันจะเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลาประมาณเที่ยงคืนหรือหลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่ดาวเสาร์ใกล้ตก ดาวพฤหัสบดีจะเริ่มปรากฏเหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และอยู่บนท้องฟ้าจนถึงเช้ามืด


    เวลา 03.30 น. จะเริ่มสังเกตเห็นดาวศุกร์กับดาวอังคารโผล่พ้นขอบฟ้าทิศตะวันออก เวลาตี 5 ซึ่งท้องฟ้าเริ่มสว่าง ดาวพฤหัสบดีอยู่สูงบนฟ้าทิศใต้ด้วยมุมเงยกว่า 60 องศา ดาวศุกร์กับดาวอังคารมีมุมเงยเกือบ 30 องศา ดาวเคราะห์ 2 ดวงนี้เข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะนี้ ดาวพุธอยู่ใกล้ขอบฟ้าทางทิศเดียวกับดาวศุกร์ แต่มีมุมเงยต่ำเพียง 10 องศา

    ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงในคืนวันแรกของสัปดาห์ ขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกเกือบพร้อมกับดวงอาทิตย์ตก จากนั้นเมื่อเข้าสู่ข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นช้าลง และสังเกตเห็นดวงจันทร์ได้ทุกวันในเวลาเช้ามืด คืนวันเสาร์ที่ 13 ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดี เริ่มปรากฏพร้อมกันในเวลา 5 ทุ่ม

    กลางสัปดาห์ กรุงเทพฯ ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.50 น. ตกเวลา 18.45 น. เชียงใหม่ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.46 น. ตกเวลา 19.01 น. ภูเก็ตดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.09 น. ตกเวลา 18.43 น. อุบลราชธานีดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.30 น. ตกเวลา 18.30 น.

    รูป – earth.jpg โครงสร้างภายในของโลก การไหลของเหล็กหลอมเหลวในแกนชั้นนอกก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก (ภาพ - NASA)

    ;aa41​

    ได้ฟังข่าวดีเเล้ว

    เเต่ก็อย่าประมาทในการทำความดีนะคะ

    ศีล ทาน สมาธิ คือ เกราะคุ้มครองภัยพิบัติที่เเท้จริงคะ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...