เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 เมษายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ถือว่าเป็นวันสิ้นปีเก่าแบบไทยเดิม พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ คำว่าสงกรานต์มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่าการตัด การข้าม หรือว่าการผ่าน

    การตัดในที่นี้ก็คือสิ้นปี ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ก็คือการตัดปี อยู่ในลักษณะของการทำบุญสะเดาะเคราะห์ การข้ามก็คือข้ามจากปีเก่าไปปีใหม่ ส่วนความหมายของคำว่าผ่าน ก็คือการที่พระอาทิตย์ข้ามผ่านราศีมีน ไปสู่ราศีเมษ ฟังแล้วประสาทรับประทานไปเลย..!

    เรื่องหลายอย่าง ถ้าไม่ศึกษาค้นคว้าเอาไว้ก็ทำความเข้าใจได้ยาก เพราะว่า
    โหราศาสตร์นั้นเป็นการเก็บสถิติอย่างหนึ่งที่ต่อเนื่องกันมาเป็นพัน ๆ ปี แล้วก็สรุปลงมาเป็นศาสตร์ ก็คือความรู้ที่พอจะทำนายได้ว่า บุคคลที่เกิดในวันนี้ เดือนนี้ ปีนี้ จะมีแนวทางชีวิตเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีส่วนที่แม่นยำถึง ๖๐ - ๗๐ เปอร์เซ็นต์

    ถ้าถามว่าแล้วแบบนี้ไม่ฝืนกับคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือ ? ขอบอกว่าไม่ฝืน เพราะว่าบุคคลที่เกิดในวัน เดือน ปี ใกล้เคียงกัน ก็แปลว่าสร้างบุญสร้างกรรมมาใกล้เคียงกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาช่วงชีวิตหนึ่ง ๆ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็สามารถที่จะบอกเล่า หรือว่าทำนายกันได้แบบหยาบ ๆ อยู่แล้ว

    แต่ถ้าจะเอาให้แม่นกว่านั้น ก็ต้องฝึกฝนในเรื่องของทิพจักขุญาณ ถ้าอย่างนั้นจะสามารถบอกได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าถามว่าขนาดทิพจักขุญาณยังไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์หรือ ? เนื่องเพราะว่ามีบุคคลประเภทหนึ่งที่กำลังใจเกินบุญหรือกรรมที่จะรั้งให้อยู่ได้ เป็นบุคคลประเภทดื้อรั้น สู้หัวชนฝา ถ้าหัวไม่แตกเสียก่อนก็ฝาพัง..! บุคคลประเภทนี้ส่วนใหญ่มาสายพุทธภูมิ คือตั้งความปรารถนาไว้ว่าต้องการจะเกิดเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อมีกำลังใจเข้มแข็ง คำทำนายต่าง ๆ ไปใช้กับบุคคลประเภทนี้ไม่ค่อยมีผล

    ยกตัวอย่างแค่กระผม/อาตมภาพก็พอ ตอนนั้นพระที่วัดท่าซุงท่านหนึ่ง ก็คือหลวงพี่วิรัช โอภาโส ปัจจุบันก็คือหลวงพ่อพระปลัดวิรัช โอภาโส วัดธรรมยาน จังหวัดเพชรบูรณ์ ท่านเป็น "อเมริกันซิติเซ่น" ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ประเทศอเมริกา แต่ว่าถึงเวลาเดือนหนึ่ง ก็ต้องไปรับเงินช่วยเหลือจากสถานทูตอเมริกา ๕๐๐ ดอลลาร์ ซึ่งสมัยนั้นพวกกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเท่สุด ๆ เพราะว่าแลกเป็นเงินไทยแล้วได้เยอะมาก

    เหตุเพราะว่าในช่วงที่เป็น "อเมริกันซิติเซ่น" นั้น ท่านทำงานและเสียภาษีให้ทางรัฐบาลอเมริกา เมื่อถึงเวลามาบวช เขาถือว่าตกงาน รัฐบาลอเมริกาก็เลยมีเงินช่วยเหลือคนตกงานให้ตามปกติ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    คราวนี้หลวงพี่วิรัชของกระผม/อาตมภาพท่านเป็นหมอดูมาก่อน แล้วก็ค่อนข้างจะดูได้แม่นมาก ส่วนที่สำคัญก็คือท่านเก็บลายมือของลูกค้าไว้เป็นพัน ๆ เลย ก็คือใครให้มาทำนายทายทัก ก็ขออนุญาตเจ้าของพิมพ์ลายมือเอาไว้ เพื่อศึกษาให้เกิดความชำนาญยิ่งไปกว่าเดิม

    หลวงพี่วิรัชท่านถอดดวงกระผม/อาตมภาพ แล้วก็ฟันธงว่า "วันนั้น เวลานั้นท่านต้องสึกแน่นอน" สันดานของกระผม/อาตมภาพก็คือ "เราก็ชายหมาดมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน" ก็เลยถามกลับไปว่า "แล้วถ้าผมไม่สึกล่ะ ?" หลวงพี่วิรัชท่านบอกว่า "ผมยอมเผาตำราทิ้งเลย" สรุปก็คือท่านต้องเผาตำราทิ้ง..!

    เพียงแต่ว่าช่วงนั้น กระผม/อาตมภาพเกิดความรู้สึกอยากจะสึกเป็นร้อย ๆ หน แต่ด้วยความรั้นอยากจะเอาชนะ ก็เลยกัดฟันอยู่ต่อมา ต้องการจะเห็นคนจะเผาตำราทิ้งเท่านั้นเอง..! ก็แสดงว่า
    ในเรื่องของสถิติ ช่วงนั้นอาจจะเป็นจุดต่ำสุดในกำลังใจของตนเอง แต่ถ้าหากว่าเรายืนหยัด กัดฟันสู้จนผ่านไปได้ ก็จะดีขึ้นมาเอง

    แต่ว่าภายหลังเมื่อมาสร้างสำนักสงฆ์ธรรมยาน แล้วตั้งเป็นวัด ท่านต้องหาเงินเพื่อขยายวัด เพื่อสร้างวัด ท่านจึงขออนุญาตกลับไปใช้วิชาหมอดูอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันนี้ท่านสร้างวัดเสียจนใหญ่โต คนคำนวณว่าราคาเป็นพันล้าน ก็เกิดจากหมอดูนี่เอง

    คราวนี้พวกเราก็จะเห็นได้ว่า ในเรื่องของหมอดู ถ้าว่ากันตามตำราโหราศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นหัตถศาสตร์ คือดูลายมือ มหาทักษา เลข ๗ ตัว พรหมชาติ ก็อยู่ที่ว่าเราศึกษาแล้วมีความชำนาญแค่ไหน แต่ก็สามารถบอกกล่าวได้ไม่เกิน ๖๐ - ๗๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเป็นการประเมินจากสถิติโดยรวม

    แต่ว่าในส่วนของทิพจักขุญาณนั้น สามารถบอกได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าผู้ที่ใช้ทิพจักขุญาณนั้น ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ จะรู้ว่าพูดได้เท่าไร บอกได้เท่าไร ต่อให้รู้เป็น ๑๐๐ แล้วให้บอกแค่ ๑ แค่ ๒ ก็ต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดโทษกับตัวเอง..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ดี หรือในปัจจุบันลูกศิษย์ของกระผม/อาตมภาพก็ตาม จะมี "ไอ้พวกแสนรู้" หรือว่า"ไอ้พวกอวดรู้" กลัวว่าคนจะไม่รู้ว่ากูรู้ เพราะฉะนั้น..อะไรที่ท่านบอกไปแล้วพอเหมาะ พอดี พอควร ก็มักจะไปขยายความ อย่างเช่นไปฟันธงว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เคยเกิดเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์โน้น เคยเกิดเป็นนักรบท่านนี้ แค่ได้โม้ให้คนอื่นฟังแล้วปากอ้าตาค้างกูก็พอใจ แต่ไม่รู้หรอกว่า ถ้าครูบาอาจารย์ยังอยู่ อาจจะซวย..โดนความผิดมาตรา ๑๑๒ ไปเรียบร้อยแล้ว..!

    เพราะฉะนั้น..บางสิ่งบางอย่างที่ครูบาอาจารย์บอกไป พอเหมาะ พอดี พอควรแล้ว อย่าแสนรู้ไปเพิ่มเติม เหมือนกับหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สมบูรณ์บริบูรณ์ เพิ่มเข้าก็เกิน ตัดออกก็ขาด แต่ยังทะลึ่งไปทำ ก็โดนโทษปรามาสพระรัตนตรัยเสียเปล่า ๆ..!

    ดังนั้น..ในเรื่องของหมอดู ถ้าหากว่าจะศึกษา ก็เป็นเพียงการกำหนดรู้ในแนวทางคร่าว ๆ ในชีวิตเท่านั้น ส่วนที่เหลือ ถ้าหากว่าเราพากเพียรพยายามด้วยตนเอง ต่อให้เขาบอกว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าพยายามจริง ๆ ก็สำเร็จ เพียงแต่ว่าจะยากลำบากอยู่หน่อยหนึ่ง เราต้องไม่ท้อถอยเสียก่อน

    แล้วหมอดูยังมีจรรยาบรรณที่ตนเองต้องยึดถือ อย่างสมัยที่กระผม/อาตมภาพศึกษาวิชานี้ ครูบาอาจารย์ก็เตือนว่า "เด็กถ้าอายุยังไม่พ้น ๗ ขวบ อย่าไปทำนายให้เป็นอันขาด" ก็ยังสงสัยว่า "ทำไมครับ ?" ท่านบอกว่า "พ่อแม่หลายคนเกลียดลูกตัวเองไปเลย เพราะหมอดูไปทักว่าเป็นกาลกิณี เกิดมาแล้วให้โทษกับครอบครัว ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ ?!"

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของจรรยาบรรณหรือว่ามารยาทในวิชาชีพจะต้องมีอยู่ มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ท่านหนึ่ง สมัยนั้นท่านเป็นอาจารย์อยู่วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา สามารถที่จะทำนายทายทักโดยทิพจักขุญาณได้แม่นยำมาก พูดง่าย ๆ ว่าทักออกไปเมื่อไร ก็ร้อยละเกือบทั้งร้อยเป็นไปตามนั้น จนกระทั่งมีนักการเมืองชื่อดังมาเชิญตัวไปเป็นที่ปรึกษาพรรค แล้วอาจารย์ท่านนั้นปฏิเสธไป ไม่ทราบว่าปฏิเสธโดยจรรยาบรรณของหมอดู หรือว่ารู้เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคนั้นอนาคตไม่ไกลก็ไม่รู้ ?!!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,278
    ค่าพลัง:
    +26,007
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าใครศึกษาด้านนี้ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะการใช้ทิพจักขุญาณในการทำนายทายทัก อันดับแรกเลย ต้องรู้ว่า รู้แล้วพูดได้เท่าไร

    อันดับที่สอง ต้องไม่ลืมว่าคำทำนายนั้นเกิดจากปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เท่านั้น อย่างเช่นทำนายว่าถ้าวิ่งรถจากวัดท่าขนุนไปกรุงเทพฯ โดยใช้ความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน ๓ ชั่วโมง เราจะถึงกรุงเทพฯ นั่นคือความเร็วในปัจจุบันที่ ๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง

    แต่ถ้าเราเร่งความเร็วขึ้น ก็จะถึงเร็วกว่า ๓ ชั่วโมง ลดความเร็วลง ก็จะถึงช้ากว่า ๓ ชั่วโมง ก็แปลว่าสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงในระหว่างกลาง ทำให้ผลของคำทำนายเปลี่ยนไป หลายต่อหลายคนที่ไม่เข้าใจตรงนี้ บางทีก็ทะเลาะเบาะแว้งกับหมอดูใหญ่โตไปเลย ว่าทายไปแล้ว ไม่เห็นแม่นอย่างที่เขาลือกัน โดยที่ไม่ได้ดูว่าในช่วงระหว่างนั้น ตนเองทำอะไรไปบ้าง

    การใช้ทิพจักขุญาณในการเป็นหมอดู จึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะว่าอันดับแรก ถ้าหากว่าเราฝืนกฎของกรรม โทษจะเกิดแก่ตัวเอง อันดับที่สอง ถ้ารู้แล้ว บอกเกินกว่าที่เขาอนุญาต ก็ "โดน" อีก และอันดับสุดท้าย ถ้าหากว่าทำนายไปแล้ว เขามีการเปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง คำทำนายนั้นไม่เกิดผล อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเสียก่อน..!

    สำหรับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าใครสนใจ สามารถที่จะศึกษาเรียนรู้ได้ เพียงแต่ว่าชีวิตของคน ๆ หนึ่งคงไม่ได้มีมากมาย ถึงขนาดเที่ยวจะต้องไปเป็นขี้ข้าชาวบ้านเขา ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนเองจะดีกว่า

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...