สั้น ง่าย ตรงประเด็นเป๊ะ... :cool:
เพราะคุณไม่เคยเห็นสภาวะแห่งความไม่ยึดติดจริงๆ คุณถึงคิดว่าไม่ยึดติด แล้วยังต้องเจ็บอยู่... ไม่อธิบายเพิ่มนะครับ เรื่องแบบนี้ต้องเจอเองจึงจะทราบครับ
ก็เลือกเอาสักทางครับ อันนี้มันเป็นกลวิธีให้จิตรวม จะใช้อันไหนก็ได้หละครับ
ผมไม่ทราบกลไกตอนวาระจิตสุดท้าย (ตอนกำลังจะตาย) ของพระโสดาบัน นะครับ แต่ตามพระไตรปิฎก ตามที่พระพุทธเจ้าสอนแล้ว ในชีวิตประจำวันปกติทั่วไป...
1. ตามในเนื้อเรื่องนั้น คำว่าเปรตพระโสดาบัน อันนั้นเป็นความเข้าใจผิดของคนในเรื่อง เข้าใจว่าบุคคลผู้ที่เป็นเปรตนั้น บรรลุโสดาบันแล้ว...
จิตก็น่าจะทำอย่างนั้นได้จริง แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้น คงอุเบกขาไปหมดแล้วมั้ง...?
อนุโมทนา สาธุ ครับ ดีแล้วครับ ทำต่อไปเรื่อยๆ ครับ อันนี้แค่ประตูทางเข้า ของดียังรออยู่อีกมาก อย่าไปยืนดูความสวยของประตูเพลิน เดินต่อไปเรื่อยๆ นะ...
สาธุๆๆ เพราะระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ว่ายังเดินไม่ถึง จึงพยายามเดินต่อไปเรื่อยๆ สักวันนึง จะถึงที่หมาย และ เพราะลำพองว่าตนถึงที่หมายแล้ว...
แล้วถ้าเป็นพระโพธิสัตว์หละครับ? :D
ถ้าจะทรงเทพชั้นสูงจริงๆ ร่างคงจะต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ มีเมตตา มากกว่านี้นะครับ
ครับ คุณได้รับความสบายใจ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่คุณได้เห็นทางที่ถูกต้องที่จะพ้นจากทุกข์แท้จริงหรือเปล่าครับ? หมอมีหลายประเภทนะครับ...
สิ่งที่ผมรู้ ผมก็รู้ได้แค่เท่าที่ตาเนื้อเห็นหนะครับ จึงต้องตอบธรรมไปในทางสายกลางของพระพุทธองค์ครับ ขออนุโมทนา สาธุ...
ทำงานใช้สมองเยอะ มันเกิดสะสมในรูปแบบที่คุณไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความเครียด ออกกำลังกายบ้างครับ ออกเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่ต้องเยอะ น่าจะดีขึ้นนะครับ
พระพุทธเจ้า ท่านเป็นพระสัพพัญญู ท่านเห็นแล้วด้วยญาณของท่าน ว่าการอนุญาตให้ภิกษุรับเนื้อสัตว์ได้ จะเป็นการเอื้อต่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา...
เสียดายจริงๆ... เสียโอกาสในการทำความดีไป เรื่องบุญนี่ ก็ตามที่ท่านอื่นๆ ได้กล่าวมาแล้วนะครับ มันมีหลายปัจจัย และ บุญนี้ ก็สำเร็จที่ใจ...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา