กษัตริย์โบราณ ไม่มีใครเชื่อเรื่องบาปกรรม หรือนรกสวรรค์กันหรอก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย neopsy, 6 มีนาคม 2005.

  1. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ผมเห็นด้วยกะพี่มิคกี้นะครับ

    ผมจะบอกว่า
    คนที่เชื่อเรื่องสวรรค์น่ะ แน่นอนว่าเขาต้องเชื่อเรื่องกรรม
    ยกเว้นคนด้อยการศึกษา เกิดมาในป่าในเขา
    และคนเชื่อเรื่องกรรม...ไม่จำเป็นต้องเชื่อในสวรรค์นรก(ถูกมั้ย)

    คนเชื่อเรื่องสวรรค์นรก... เชื่อเรื่องบาปกรรม
    ก่อนทำรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป อะไรดีอะไรชั่ว
    เมื่อทำแล้วก็รู้ตัวเองดี ยอมรับว่าทำอะไรลงไป

    สวรรค์ นรก ไม่ได้มีไว้ให้กลัวหรือเป็นกฎข้อห้ามในการทำกรรม
    กฏแห่งกรรมต่างหาก ที่มีไวให้คนเกรง (ถ้าเชื่อ)
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเกรงกลัวกรรมจะไม่ทำกรรม




    เพราะฉะนั้น
    ประโยคนี้ " พระเจ้าตาก ถ้าเชื่อมั่น"อย่างสุดใจ" ว่านรกสวรรค์มีจริงเขาจะไม่มีทางที่จะฆ่าคนเด็ดขาด"ไม่ว่าเหตุผลใด" "
    โชว์ลาวมากครับท่าน
     
  2. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,011
    อืม คือ

    คนเราอ้ะ บางทีรู้ทั้งรู้ว่ามันบาป ก็ยังทำ ก็มีนะ


    บางคนนะ นั่งสมาธิไปเที่ยวนรกสวรรค์ซะเก่ง แต่ก็ยังไม่วายไปผิดศีลไปทำอะไรไม่ดีๆขึ้นมา

    เขาถึงบอกว่า เห็นอะไรมากมาย ไม่เท่ามองเห็นใจตัวเอง


    เห็นนรกเห็นสวรรค์ มันก็เหมือนกับดูหนัง เหมือนกับใช้ตาเนื้อดูนั่นดูนี่


    แต่เห็นในอารมณ์ เห็นในจิตของตนเองอ้ะ นั่นน่ะหายากกกกคนที่ระวังจิตตนได้ตลอดเวลาอ้ะ



    กษัตริย์โบราณนะ เค้าก็ต้องมีคุณธรรมอยู่มั่ง เพียงแต่ อาจระวังจิตตนได้เท่าที่จะตามรู้ได้ ไหนจะหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์บ้านเมือง ไม่รู้ต้องฆ่าอีกกี่ศพ แต่เจตนาคือปกป้องบ้านเมือง (ก็เป็นวิบากกรรมที่ทำให้เขาต้องมารับหน้าที่แบบนี้)
    บางคนรู้ว่าผลกรรมของการกินเหล้าคือเมาไม่รู้เรื่อง อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต จะทำให้ทำไรไม่ดีๆ ขาดสติ
    เค้าก็ยังดื่มกันเรื่อยๆไม่หยุดสักที เพราะตามรู้จิตตนเองไม่ได้ รู้แต่ว่า มันผิดนะ เชื่อเต็มว่ามันผิดผลกรรมเป็นแบบนี้ๆๆ แต่ก็ยังทำน้อ คนเรา
     
  3. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ^ ^
    ไปนอนแล่วดึกๆมาถกใหม่ กั่กๆๆ
     
  4. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    เห็นอะไรมากมาย ไม่เท่ามองเห็นใจตัวเอง <<<ชอบตรงนี้อะเอ อิอิ
     
  5. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,011
  6. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    ถ้าเอาไปเทียบตามกฏหมาย สิ่งที่คนรู้แน่นอนว่ามีโทษ แต่ยังกล้าทำ เป็นเพราะ

    เขารู้ว่า มีโอกาศที่ตนเองจะไม่ต้องรับโทษไงล่ะ

    แม้ว่า จะมีไม่ถึง1% แต่คนเราก็อยากเสี่ยง

    อย่างกษัตริย์สมัยโบราณที่ฆ่าคนเพื่อประกาศศักดาตนเอง คิดได้2แง่

    1..เขาไม่คิดว่า จะต้องไปรับกรรม เพาะเขาไม่เชื่อนรกสวรรค์

    2..เขาคิดว่า ฆ่าคนเป็นบาป แต่นั่นใช้กับพวกไพร่ กษัตริย์เป็นสมมุติเทพ บงการฃีวิตใครก็ได้ ฆ๋าคนไม่ต้องรับกรรม



    ยกตัวอย่างจากคำพูดที่ว่า

    บางคนรู้ว่าผลกรรมของการกินเหล้าคือเมาไม่รู้เรื่อง อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต จะทำให้ทำไรไม่ดีๆ ขาดสติ
    เค้าก็ยังดื่มกันเรื่อยๆไม่หยุดสักที

    ******************

    เขารู้ว่าผลกรรมของการดื่มเหล้าอะไร แต่ เขาคิดว่า มันไม่จำเป็นต้องเกิดเสมอไปไง

    คนกินเหล้า1000คน อาจจะประสบอุบัติเหตุ หรือ ไปทำอะไรไม่ดีแค่10คน



    แต่คนที่สร้างกรรมฆ่าสัตว์1000คน จะมีบางคนที่รอดจากนรกไปได้หรือ(ถ้านรกมีอยู่จริงนะ)
     
  7. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    การฆ๋าคนไมว่าเหตุผลอะไร ถ้ารกมีจริงตายไปก็ต้องตกนรกอยู่ดีแหละจริงไหม

    เพราะงั้น คนที่กล้าฆ่าคนนั้น แบ่งออกเป็น2ประเด็น

    1..เขาไม่เชื่อว่าเขาจะได้รับผลกรมจากการฆ่าคน และไม่เชฃื่อว่านรกสวารค์มีจริง

    2..เเช่อว่า แม้เขาจะทำกรรมฆาคนแต่เขา"เป้นคนพิเศษ" ที่สามารถทำกรรม และไม่ต้องรับผลกรรม
     
  8. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    หลักตรรก ที่ว่า "คนเชื่อนรกสวรค์ และบาปบุญอย่างสุดใจ อาจจะฆ่าคนเพื่อสนองตันหาส่วนตัวได้ เพราะว่า คนปัจจุปันรู้กฏหมาย แต่ก็ยังมีคนทำความผิด"


    นั้นใช้ไม่ได้หรอกนะ


    ถ้าเทียบหลักกฏหมายแล้ว กฏหมายมีช่องโหว่มาก

    คนที่ทำความผิด ถ้ามีเงินเยอะๆห่อย พ่อมีอิธิพล ก้ไปฆ่าคนหรือข่มขืนใครได้สบายทั้งๆที่กฏหมายระบยุโทษเอาไว้หนัก



    แต่กฏแห่งกรรมในนรก ไม่ได้มีกล่าวไว้ว่า จะมีงหลบพ้น

    เพราะงั้น คนที่เขาฆ่าคน เขาไม่คิดหรอกว่าตนเองหลังจากฆาแล้ว จะได้ลงไปนรก เขาก็คิดว่า มันอาจจะเป็นเรืองเหลวไหลที่เล่าต่อๆกันมาก็ได้

    เพราะอย่างไรก็ตาม นรกมันห้นเป้นตัวเป็นตนไม่ได้ สัมผัสไม่ได้
     
  9. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ที่เขารู้ว่าว่าผิดแต่ยังทำเพราะ

    1.เหตุผลที่คุณบอกมา ใช่เลยค่ะ
    2.แต่ก็มีอีกเหตุผลนึง เค้าเรียกว่า "ประมาท"


    พระพุทธเจ้าบอกว่า เธอทั้งหลายจงดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท (สติ) บางคนรู้ว่าทำแล้วต้องบาปแน่ๆ ยังจะทำ ประมาทอย่างรุนแรง
     
  10. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    กดารประมาท ก็คือ ไม่เชื่อเรื่องผลที่ตามมา

    เอาน่า ครั้งนี้ไม่เป็นหรอก

    อะไรเทือกนี้



    เฮ้อ ความจริง มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรเป็นตัวตนนี่นะว่าสวรค์มีจริง หรือนรกเป็นของแท้

    คนตายแล้วฟื้น หลักฐานก็อ่อนไป(มีอย่างที่ไหน ตายเพราะ ยมบาลดูชื่อที่บันทึกเอาไว้ผิด ชื่อเหมือนแต่นามสกุลไม่เหมือน ไม่ใช่เดทโนตนา)
     
  11. ดูมานานแล้ว

    ดูมานานแล้ว บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วก ๆ วน ๆ อ้อมๆ แอ้ม ๆ ไป อธิบายยึดยาวขนาดนี้ พิจารณาหรือเปล่ว่า ไอ้คำตอบที่มึงพยายามตอบน่ะ มันขัดแย้งกับกระทู้ที่มึงตั้งเองน่ะ นี่ถ้าขึ้นศาลเป็นจำเลย คงแพ้แบบไม่ได้ลดโทษไปแล้ว เพราะตรรกะมันขัดแย้งกันในตัวเอง



    และการตั้งหัวข้อแบบนี้น่ะ มันล่อแหลมต่อการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช้ปัญญาบ้างหรือเปล่า ทำไมต้องยกตัวอย่างกษัตริย์ ตัวอย่างแบบนี้ยกเป็นคนโบราณเฉย ๆ ก็ได้ แล้วแม่งเสือกไม่ยกเฉยๆ เสือกบอกว่าคนปัจุบันเชื่อที่เรื่องนรกสวรค์น่ะ โง่และควาย อีกต่างหาก กูไม่อยากจะอธิบายต่อ แต่ช่วยใช้สมองเอาเองด้วย ถ้าเห็นว่าพลาดครงไหน ให้ประกาศขอขมาเสีย ทำผิดโดยไม่เจตนาเนี่ยติดคุกมาเยอะแล้ว



    ก่อนจะคิดหรือเขียนอะไร ตั้งสติมาก่อน ใช้ปัญญาด้วย ก็ไม่อยากจะไล่ให้มึงไปเรียนกตรรกะ เพราะมุกนี้มันซ้ำกับคนอื่น แต่มึงควรพิจารณาตัวเองด้วย
     
  12. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    ท่านเหล่านั้นเป็นกษัตริย์ที่จำเป็นต้องฆ่าศัตรูก็เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองและราษฎรที่เดือดร้อนจากการถูกย่ำยีจากผู้รุกราน จากการเผาทำลายวัดวาอาราม บ้านเมือง แม้แต่การเอาไฟไปลนพระพุทธรูปเพื่อให้ทองละลายออกไป


    /************************
    แน่ใจเหรอ ถึงเหตผลที่แท้จริงน่ะ

    คนที่ทำ ไม่ว่าเป็นใคร จะทำเรื่องอะไร ก็ต้องอ้างเหตุผลที่ตนเองดูดีไว้ก่อน ก็ได้

    แล้วคนตั้งกระทู้ ก็ไม่ใช่เรา แอคำพูดของเรามต่างหาก


    ในบอร์ดประมูล มีคนบอกว่า "แม้แต่กษัตริย์ยังเชื่อเรื่องบาปกรรม และเรื่องนรกสวรค์ ทำไมนายถึงไม่เชื่อ"

    เราก็ตอบกลับไปว่า

    กษัตริย์สมัยโบราณน่ะ ไม่มีใครเชื่อหรอก เรื่องนรกสวรค์น่ะ

    เพราะกฏหมายเมืองไทย มีเรื่องหมิ่นมาประกอบไง เลนยเถีงอะไรได้ไม่มันส์เท่าไหร่

    แต่ยังไง ก็ตาม เรายังย้ำแน่นอนว่า พระเจ้าตาก ไม่ได้เชื่อเรื่องบาปกรรม หรือนรกสวรค์
    และกษัตริย์สมัยอยุทธยา หรือสุโขทัย ก็เช่นกัน
     
  13. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    เหมือนกับบอกคนที่ไม่เคยไปนอกประเทศนะครับว่า มีหิมะตกมาจากฟ้าที่เมืองนอก ถ้าคนไม่เคยเห็นก็อาจจะบอกว่าไม่มีทางที่บ้านไม่เห็นมีเลย อย่ามาหลอกกันเลย

    คนแนะนำว่าถ้าอยากรู้ว่ามีหรือเปล่าให้ไปดูเอาเอง ให้ขึ้นเครื่องบินไป ไอ้คนไม่เคยไปก็บอกว่าไปไม่ได้ไม่มีสตางค์ คนแนะนำก็บอกให้เก็บเงินสักวันต้องมีพอเป็นค่าตั๋ว ไอ้คนไม่เคยไปเก็บบ้างไม่เก็บบ้าง ได้เงินมา 20 บาท แล้วบอกว่าไม่ไปหละ มันยุ่งยาก หิมะไม่มีหรอกอย่างมาหลอกกันเลย

    ******************************
    มันเชื่อได้มากกว่านรกสวรค์เพราะ


    1... มีคนต่างชาติมายืนยันได้ แต่ในขณะเดีวกัน ไม่มีคนที่ตายแล้วฟื้นมาบอกเล่า(ที่ตายแล้วฟื้น มันไม่ได้ยตามหลักวิทย์อ่ะนะ)

    2..ไม่ใช่เรื่องที่ลึกลับ สามารถพิสูจน์ได้อบย่างไม่ยุ่งยาก


    แต่เรื่องนรกสวรรค์ ไม่สามารถพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้(นอกจากหลับตานั่งคิดให้คนเองเห้นอยู่คนเดียว)
     
  14. psy

    psy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    แหงววววว

    ง่ายๆอย่างงี้เลยอ่ะ
     
  15. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ขอโทษครับ อยากถกด้วยต่อ
    แต่ตอนนี้ขอไปทำอย่างอื่นก่อน

    ค่อยๆถกกันนะครับ ถกเร็วเดี๋ยวไม่มันส์
     
  16. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    อย่าไปเถียงกะ สมองเท่าหัวสิวเลยครับ พี่อำนาจอุตส่าห์ช่วยชี้เเจงด้วยเหตุผลขนาดนี้เเล้ว เฮียเเกยังหลับหูหลับตามั่วออกมาเป็นชุดๆได้ เปลืองเนื้อที่เว็บ เเล้วก็ เถียงไปก็ไม่ได้อะไีรขึ้นมา ยังไงก็ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดเฮียเเกได้ ฮ่ะๆ
    เหมือนไปเถียงกะเด็กสามขวบครับ คนอื่นเห็นก็ทำให้เราดูไม่ดี
     
  17. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ทุกอย่างเกิดได้ด้วยเหตุ ดับได้ที่ต้นเหตุ
    ................................
    กษัตริย์โบราณไม่มีใครเชื่อเรื่องกรรมคุณคงหมายถึงว่ากษัตริย์โบราณต้องมีการออกรบต้องฆ่าฟันศรัตรู
    จนมองเหมือนว่าท่านเหล่านั้นไม่ได้เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ว่าจะต้องมีกรรมนั้นมาสนองแต่จริงๆแล้วผมว่า
    ท่านเหล่านั้นต้องเชื่ออยู่ในใจแล้วว่าบาปกรรมมีจริง แต่ด้วยในขณะนั้นด้วยหน้าที่หรือว่าภาระอย่างอื่นที่ถูกมองว่า
    สำคัญกว่าจักจำต้องแสดงการต่อสู้ รบรา ฆ่าฟัน เพื่อแผ่นดินหรือว่าบ้านเมืองก็ตามแต่ แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงว่าท่านทำไปเพราะไม่เชื่อกฏแห่งกรรม
     
  18. กระสือข้างส้วม

    กระสือข้างส้วม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,212
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +392
    (verygood)
    กระทู้นี้ พี่อำนาจอธิบายได้แตกฉานมาก ขอบอก ซูฮกๆ
    ใครฟังขนาดนี้ยังไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะไปเทียบอะไรดีแล้ว .......

    ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติไทยจริงๆ จะรู้ว่ากษัตริย์แต่ละพระองค์ต้องสละชีวิตและอุทิศตนขนาดไหนเพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และทำนุบำรุงศาสนาไว้ให้ลูกหลานไทยได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขตลอดมา

    จะมากล่าวหาท่านเยี่ยงนี้ ไม่เป็นการทรพีต่อบรรบุรษและไม่ระคางเคืองเท้าที่ต้องเหยียบอยู่บนแผ่นดินที่ท่านรักษาไว้ให้เราบ้างหรอกหรือ

    ถ้าคนเรามีความกตัญญูและรู้สำนึก ต่อผู้มีพระคุณอยู่บ้างแล้ว คำถามและสิ่งที่สบถออกมาทั้งหมด จะไม่สามารถเกิดขึ้นมาในความคิดได้เลย

    ทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลย เกี่ยวกับจิตใจคนถามเท่านั้นเอง
    ถ้าอยากได้คำตอบจริงๆ ก็ถามจิตใจตัวเองดู
    ว่ายังมีความเป็นมนุษย์และมีเลือดเนื้ออยู่รึเปล่า หรือตัวเป็นคนแต่ใจเป็นอย่างอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2005
  19. ธุลีดิน

    ธุลีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +156
    อืม...กล่าวได้ลึกซึ้ง
     
  20. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    เจ้าของกระทู้ครับ
    การเจริญวิปัสสนา ด้วยอานาปาณสติ (แบบสมถะ ยานิกะ) มี 2 แบบใหญ่ๆ คือ
    1. จับลมที่ฐานใด ฐานหนึ่ง เช่นจุดปลายจมูก โพรงจมูก ศูนย์เหนือสะดือ 2 นิ้ว ฯลฯ
    2. รู้ตามลม คือให้จิตผู้รู้ มีสติ ตามลมหายใจเข้าออก
    ตามหลักแล้วฐานของสติ จะอยู่เป็นเส้นตรงแนวดิ่งกึ่งกลางร่างกาย

    เมื่อเจริญอานาปาณสติจนจิตมีความนิ่งแล้ว (อย่างน้อยเข้าสู่ อุปจาระสมาธิ หรือให้ได้ฌาณก่อนเพื่อข่มกิเลสและนิวรณ์) หลังจากนั้นน้อมมาพิจารณา เห็นรูปนามของจิตและกองลม (ขันธบรรพ ธัมมานุปัสนา) เห็นการกระทบของอายตนะภายในและภายนอกจากลมเข้าและออก (อายตนบรรพ) หรือ เห็นความทุกข์หรือความไม่เที่ยงของกองลม (สัจจบรรพ- อริยสัจ4) เมื่อเกิดปัญญาสามารถบรรลุมรรคผลได้

    ส่วนการเดินลมปราณ (เอามวยไท้เก๊ก เปรียบละกันครับ) เริ่มต้นด้วยการฝึกลมหายใจเข้าออกให้ถูกวิธี ซึ่งขั้นนี้ยังเหมือนอาณาปานสติ และเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวของมือและการย่างเท้า ขั้นนี้จะฝึกเพื่อให้ประสิทธิภาพของการหายใจ เก็บกักลมปราณได้มีประสิทธิภาพ และรับรู้การเคลื่อนของพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย (ต่างจากอานาปานสติแล้วนะครับ เพราะมีการบังคับลมปราณออกนอกเส้นฐานร่างกาย)
    แค่ขั้นต้น เห็นขยับช้าๆ ไม่น่าจะยาก แต่ฝึกแป็บเดียว เหนื่อยมาก และก็เหงื่อออกมากด้วย

    เมื่อถึงขั้นของการเดินลมปราณ จะพบว่าแตกต่างจากการทำอานาปานสติอย่างมากครับ และเมื่อจุดมุ่งหมายของการฝึกแตกต่างกัน วิถีของการฝึกก็ย่อมต่างกันด้วย แต่ผู้ฝึกลมปราณและมวยจีนเช่นไท้เก็ก ก็มีผลดีต่อการเจริญวิปัสสนามากครับ

    อีกอย่าง ปรมจารย์ตั๊กม้อ นำพระพุทธธรรมไปเผบแผ่ที่วัดเส้าหลินจริง แต่ส่วนที่เป็นการฝึกกำลังภายใน น่าจะเป็นการดัดแปลงโยคะของอินเดียมากกว่าครับ เพราะการฝึกลมหายใจและฝึกร่างกายมีส่วนคล้ายกันมาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...