การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 3 พฤศจิกายน 2014.

  1. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    แล้วปลวกนี่....หน้าตา....เป็นอย่างไร
    แซะเข้าไป....ถูกไล่.....ผลักไสมา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    หน้าปลวกนี้เข้าใจเอาเองว่า หน้าไม่สวยค่ะ ๕๕๕
    แต่คิดว่าคงไม่ใช่ความหมายนี้
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เรื่องจริง...หรือเป็นเรื่องใส่ร้ายเรื่องการศึกษาในประเทศ
    ความคิดเห็นแบบนี้ทำให้เราควรต่อต้านหรือหันมาปรับปรุง
    ระบบการศึกษาของเรา ถ้ายอมรับจะปรับปรุงอย่างไร???

    จีนรักไทยจริงใจ...วิจารณ์การศึกษาของไทยแบบตรงๆ. ..........
    การศึกษาไทย ในมุมมองของจีน
    ห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย

    1. สถานทูตจีน เขียนรายงาน (เป็นภาษาจีน) ระบุการศึกษาบ้านเรา เน้นแต่ด้าน ศิลปศาสตร์ นิติฯรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ ซึ่งจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ ความรู้กระจอก สักแต่ให้มีปริญญา ไม่ได้สร้าง value-added ใดๆ
    นักวิทยาศาสตร์ การวิจัย แทบจะเป็นศูนย์
    Guanmu อดีตเอกอัครรทูตจีน บอกว่า25ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตยาง ยังไงก็ยังทำแบบนั้น ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นยางรถยนต์ หรือสิ่งประดิษฐ์ อะไรเองไม่เป็น สร้างคิดอะไรไม่ได้

    2. มหาวิทยาลัยไทย รวมไปถึง ธรรมศาสตร์จุฬาฯ กิจกรรมเน้นเต้น หลีดโชว์หล่อสวย แต่โง่ ไม่มีการฝึกงานอะไร ที่เป็นประโยชน์ ขอเงินพ่อแม่ เที่ยวกลางคืน ไปวันๆ โชว์วัตถุนิยม ว่ารถกูขับรถไร สังคมมันวัดกันแค่นี้ (เห็นมากับตา) พวกดีๆ ก็มีแต่มันน้อย เอาจริงๆนะ ผมว่ามีแค่10% ในขณะที่เด็กสหรัฐฯ พวก
    MIT Stanford
    หรือเด็กจีนชิงหัว ปิดเทอม พยายามหางานทำ ฝึกงาน UN World Bank JP Morgan
    หรือมาค่ายผู้ลี้ภัย ชาวโรฮิงญาในไทย

    3. จ่ายครบจบแน่ ปริญญาขยะ เต็มบ้าน คือ หางานไรทำไม่ได้ มีแต่อยากจะรวย "ผมจะทำธุรกิจ" คือมันคิดไรไม่ออก นอกจากขายของ นอกจากนี้ ยังทุจริต ผันงบกระทรวงศึกษา ให้ทุนกู้ยืม มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักการเมือง เป็นเจ้าของ สุดท้ายหนี้สูญ เพราะเด็กบ้านนอก ได้มาเข้ากรุง สักว่าจบปริญญา ประดับบ้าน แต่มันหางานทำไม่ได้ ปึหนี่งหมดเงิน ภาษีประเทศซาติ ไปหลายหมื่นล้าน เรื่องเลวๆนี้ ไม่เคยถูกตรวจสอบ

    4. ภาษาอังกฤษ ห่วยแตกขั้นเทพ จริงๆ อจ.จุฬาฯส่วนใหญ่ ก็ลอกบทความฝรั่ง มาแปลๆ ไม่มีความคิด อะไรใหม่ หาน้อยคน ที่จบระดับโลก ไปดูCVเอาเอง ได้จบมหาลัยห้องแถว B-class ทั้งนั้น งานวิจัยขยะ copy/paste เด็มไปหมด ครูมัธยม เอาแค่โรงเรียน ในกรุงเทพฯ ผมเคยถูกเชิญไปพูด ยังออกเสียง สะกดศัพท์ไม่ถูกเลย จะสอนเด็กให้ถูก อย่างไร แล้วโรงเรียน ในอ.ปัว จังหวัดน่าน มันจะห่วยแตก ขนาดไหน

    5.ความรู้ใหม่ๆ หรือเทคโนโลยี มันหมุนเวียน เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนไทยรู้แต่ ภาษาไทยตัวเอง ไม่มีความสามารถ แข่งขันอะไร ในระดับโลก โลกทรรศน์สุดจะแคบ สำนักข่าวไทย รายงานแต่เรื่องเส็งเคร็ง ไม่ได้สร้างคุณค่า ความรู้อะไร คนนั้นท้องกับคนนี้ ตำรวจตั้งด่านไถตังค์ ไปวันๆ ไปทำงานมา หลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บอกได้เลย
    นักเรียนไทย โคตรจะขี้เกียจ ไม่รู้ปีหนึ่งๆ อ่านหนังสือกัน กี่เล่ม?...

    รัฐบาลไหนจะคิดแก้ไขบ้างหนอ..???

    ฝากความหวังไว้กับท่านปลัดและ รมต.กระทรวงศึกษา และ..คสช เพื่ออนาคตของประเทศไทยด้วยครับ ...ไม่ต้องรอคอยความหวังจากรัฐบาลไหนๆ
    อีกแล้ว....
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    น่าจะเป็นเรื่องที่คนไทยแอบเนียนเขียนด่ากันเองมากกว่าครับ ลุงแมว...
    คนจีนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ดีสักเท่าไรหรอกครับ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษยังน้อยมาก
    เมื่อปีที่แล้ว จีนลดการสอบวิชาภาษาอังกฤษในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยลง โดยเพิ่มน้ำหนักไปที่ภาษาจีนมากยิ่งขึ้น เพราะหลายปีมานี้คนจีนรุ่นใหม่เขียนภาษาจีนแบบย่อกันมากขึ้น ทำให้ภาษาจีนชักจะเพี้ยนไปเหมือนกัน...สำหรับภาษาอังกฤษแล้วนั้น คนจีนคาดว่าอนาคตจะกลายมาเป็นภาษาหลักของโลก เพราะจีนจะเป็นมหาอำนาจ แทนอเมริกาและยุโรป ภายในไม่เกิน 10 ปีจากนี้...

    ที่ด่าๆกันมานั่นก็มีส่วนถูกต้องมิใช่น้อย...
    เพียงแต่สรุปสุดท้าย คือการไปคาดหวังเอาจากปลัดกระทรวงศึกษา รมต.ศึกษา หรือ คสช. นั้น เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง...

    ที่ถูกต้องพึ่งตนเองก่อนครับ ขวนขวายหาความรู้พัฒนาตนเอง
    "อัตตาหิ อัตโนนาโถ"
    "อัตนาโจทยัต ตานัง"
    และเหมือนอย่างที่ฤษี สอน สุดสาครว่า "ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้ ก็แต่กายตน"
    แล้วพี่ชายผมก็สอนกำกับมาอีกทีว่า "หวังพึ่งคนอื่น ต้องกลืนน้ำตาตัวเอง"

    การอ่านหนังสือให้มาก ทำแบบฝึกหัดให้มาก เป็นเรื่องที่ผู้ใฝ่รู้ ควรกระทำด้วยตัวเอง เมื่อทำให้มากแล้ว พัฒนาการของตนเองย่อมมีเพิ่มมากขึ้น...
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวเห็นด้วยนะครับจะไปฝาก ป.กระทรวงศธ.หรือ
    รมต.ศธ.คงไม่ไหวแน่ เพราะความถดถอยนั้นมันไม่ได้
    เกิดแบบค่ำคืน ต้องสะสมกันเป็นเวลานานมาก
    จนหยั่งรากลึกจนขุดคุ้ยหาสาเหตุไม่เจอ

    หาคำตอบไม่ได้ว่าจะเริ่มแก้ไขตรงไหนก่อน
    การใช้แนวคิดพึ่งตนเองในการพัฒนานั้นจะให้
    ผลดี
    เฉพาะปัจเจก หากภาคแรงงานตกลงทำใจยอมรับ
    และลดเกณฑ์มาตรฐานลงมาเป็นมาตรฐานแบบไทย
    ไม่แคร์สากล การดิ้นรนพัฒนาตนเองแบบพึ่งตนเอง
    ก็กลายเป็นเรื่องไม่จำเป็น

    ส่วนเรื่องภาษาแนวโน้มที่ว่าภาษาจีนกลางแมนดาริน
    จะก้าวขึ้นสู่ภาษาสากลแทนภาษาอังกฤษ ประเทศไทย
    ก็ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรตรงนี้
    แต่อาจจะนำความวุ่นวายให้เกิดขึ้น
    จากการต้องหาจ้าง
    ครูจีน เข้ามาเป็นครูในโรงเรียน
    ซึ่งก็ยังมีการเตรียมการผลิตครูสอน
    ภาษาจีนกันน้อยมาก แม้ทางการจีน
    เองก็พยายามแซกแซงสนับสนุนเป็นอย่าง
    มากแล้วก็ตาม

    แต่ก็ไม่ได้ขยายตัวเพียงพอ เพราะไทยเราไม่
    ได้ใช้หลักการพึ่งตนเองโดยการตั้งเป้าหมาย
    เป็นวาระของของชาติ

    โดยภาพรวมแล้ว ถ้าไม่คิดแข่งขันกับใครอยู่แบบ
    ไทยๆ(คนละอย่างกะพอเพียง)ทำอะไรตามใจคือไทยแท้
    เราก็อยู่ของเราได้ แม้ภาษาเราจะอ่อนสื่อสารไม่ได้
    รอบทิศทางก็จะทำให้ถูกล้วงความลับยาก
    การหลงเล่ห์กลก็จะน้อยด้วยเพราะต่างชาติ
    ที่คุยกับเราแล้วเราไม่หือไม่อือ ก็จะอ่อนอก
    อ่อนใจเพลียใจ ไม่มาวอแวกะเรา นี่เป็นข้อดี
     
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณครู ติง ติง คะ ความจริงดิฉันเห็นหัวข้อกระทู้นี้เหมือนกันนะคะ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาอ่านอะไร บางทีวันไหนว่างๆก็คิดถึงหัวข้อกระทู้นี้เหมือนกัน งั้นขอเข้ามาจ่มลมๆแล้งตามประสานะคะ

    การศึกษาไทยควรก้าวไปทางไหนดี ???

    เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า แล้วผู้ใหญ่ในวันนี้ใช่ไหมคะที่เคยเป็นเด็กมาก่อนในอดีตนู้นนนน.....

    เชื่อไหมคะ ดิฉันโตมาในโรงเรียน ไม่ใช่ลูกครูหรอกค่ะ แต่เป็นลูกภารโรง (ในอดีต) ก็คลุกคลีกับครูๆทั้งหลายพอสมควร ครูบ้านนอกนะคะ หัวหมู่บ้าน ท้ายหมู่บ้านรู้จักกันหมด นี่ก็รวมๆไปทั้งตำบลก็พอๆรู้จักกันบ้าง งานของโรงเรียนในแต่ละปีก็มีอยุูแล้ว ปีหนึ่งๆก็หลายงานอยู่ ไอ้งานต่างๆนี่ที่ไม่เกี่ยวกับโรงเรียนก็มี เราก็จะเห็นคุณครูในที่ต่างๆ อย่างเช่น งานแต่งงาน งานไหนงานนั้น คุณครูรำวงที่หนึ่ง เอ... หรือที่เท่าไหร่ เดินโซซัดโซเซ ปากก็ร่วมร่ายรำวงสนุกสนานในงาน เสียงก็ดัง ตาและหน้าแดงๆ กลิ่นก็คละคลุ้งฟุ้งจริงๆ ....... แล้วย้อนมาดูโปสเตอร์ที่แปะข้างฝาผนังโรงเรียนชั้นล่างสิ เขียนหัวข้อตัวใหญ่ๆว่า "มะเร็งตับ" แล้วก็มีข้อความที่เขียนในนั้นอีกยาวเหยียด ....

    ถัดจากงานแต่ง ก็คืองานตาย คุณแม่ให้ไปตามคุณพ่อ .... ลูกไปตามพ่อทีดึกแล้ว นู้นนะไปตามที่งานศพ... เจ๊อะคุณครูกับคุณพ่อและคนกลุ่มหนึ่ง ล้อมวงกัน มี ปู ปลา กุ้ง เอ.... เขาเล่นกันแปลกๆ อ้อ... มีน้ำเต้าด้วยนะ

    คิดว่าอย่าเล่าหมดดีกว่านะคะ อันนี้คือไม่ได้ฟังใครเขามา แล้วพอวิชาพุทธศาสนา คุณครูก็ให้เราไหว้พระสวดมนต์กัน อืมมม....นะ

    อ่ะ ไปต่อ อันนี้ไม่ได้เจอกับตัวเอง แต่เพื่อนที่ทำงานเขาเล่าให้ฟังเมื่อเดือนก่อนๆนี้เองแหละ เขาอยู่ชนบทแถวอีสานค่ะ คุยกันเรื่องเด็กๆ ลูกๆหลานๆ จำไม่ได้ว่าอยู่ประถมชั้นไหน แต่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
    มันมีคำพูดหนึ่งคือเพื่อนบอกว่า เป็นครูกู้เงินได้เป็นล้าน ถ้าสองผัวเมียเป็นครูทั้งคู่ สมมติว่า 3 ล้าน เป็นหนี้ (หลังจากที่กู้มาแล้วและก็หมดไปแล้ว ซึ่งถือว่าปรกติค่ะเพราะเงินมันไปไว) เออ... เดือนๆหนึ่งก็ต้องมานั่งใช้หนี้ บางทีก็ทะเลาะกัน มันจะเอาใจที่ไหนมาสอน

    อีกเรื่องหนึ่งที่เพื่อนเล่ามา เขาว่าเป็นตัวเขาเองนี่แหละ เจอครูสาว สอนคณิตศาสตร์ บอกให้แกออกไปเขียนหน้ากระดานดำ แกทำไม่ได้เพราะไม่เข้าใจที่ครูอธิบาย แล้วครูก็เริ่มว่า(ด่า)หรือบ่นอันนี้ไม่แน่ใจ จนแกโมโห แกโยนชอร์ค (เขียนไม่เป็นค่ะ ผิดก็ขออภัย) ทิ้ง แล้วหันมาหาครู บอกให้ครูวางหนังสือในมือลงที่มันมีแต่คำตอบ แต่ให้ครูแยกสมการให้ดู เขียนวิธีทำให้ดูอย่างละเอียด แกเถียงกับครูแถมบังคับให้ทำให้ดู ผลปรากฏว่าเอาจนครูหญิงร้องไห้ เพราะทำไม่ได้ รู้แต่คำตอบแต่ไม่รู้วิธีทำ ตอบคำถามแกไม่ได้..........................................

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนะคะ คุณครูติง ติง เห็นตามเฟสฯ หรือเปล่าคะ เช่น
    - ยางม่ายเสด
    - มั่ยเปนลัย
    - ถามจิง
    - หน้าร๊ากกก
    - เหนอารัยนัยจัยม่างไม๊
    - น้ำจัย
    - สวัดดีคาบ,คัฟ,คับ,คราฟ,คร๊าฟ
    ฯลฯ คุณครูว่าเราควรจะเล่นด้วยดีไหม หรือแทนที่จะบอกกันว่าไม่ใช่
    หรืออีกหน่อยเราต้องร้องเพลงให้สำเนียงเมือนลาวหรือพม่าหนีเข้าเมือง เช่น

    ผะเทดทัยลวมเลือกเนื้อเปงซาตเสือไท ??????

    ไอ้ภาษาสก๊อยต์ ดิฉันอ่านไม่ออกเลยสักคำ เจอภาษาเพื่อนๆเดียวกันอีก ดิฉันนี้ อึ้งเลยค่ะ

    บ่นเสร็จแล้วก็ไปล่ะนะคะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ๕๕๕๕๕๕๕๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2015
  7. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อ้อ ... ใช่ๆ เพิ่งนึกออกค่ะ ดิฉันเคยอยู่แถวไชยปราการ และ ฝาง อีกหน่อยฝางได้เป็นจังหวัดแน่ๆค่ะ ก็เพิ่งไปมาไม่นานนี้ น้าของดิฉันส่งลูกเรียนโรงเรียนหนึ่ง เป็นโรงเรียนของทางไต้หวันหรือเปล่าหรือของจีนไม่แน่ใจ โรงเรียนเขาใหญ่มากนะคะ กินเนื้อที่เป็นร้อยไร่หรือมากกว่านั้น ค่าเทอฌประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อเทอฌ เด็กเขียนอ่านภาษาจีนค่ะ ภาษาไทยก็สอนด้วย โรงเรียนนี้กินเจค่ะ หลานดิฉันมาถึงบ้านกินแต่น้ำแกงและผัก ที่น้าทำอาหาร เนื้อไม่แตะเลยค่ะ น้าบอกว่าถ้าจะจบเขาจะให้นักเรียนไป ดูงานที่จีน หรือไต้หวันค่ะ

    ว่าแต่ร.ร พวกนี้ มาตั้งที่บ้านเราทำไม แล้วเอาเด็กเราไปดูงานบ้านเขาทำไม ??????

    สงสัยไปงั้นๆแหละค่ะ รู้มาก็งูๆปลาๆตามที่น้าเล่า สถานที่ของร.ร ดิฉันก็แค่นั่งรถผ่านแค่นั้นเอง

    อันนี้ก็บ่นๆๆๆ ตามหัวกระทู้ค่ะ ว่า การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี
    ในขณะที่บางพวก เขาก้าวเราไปแล้วๆๆ หรือเปล่า

    ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้จ่มค่ะครู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2015
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ความเป็นชาติไทยมีแนวโน้มถูกสลายโดยวัฒนธรรม
    ของพหุชาติที่เราเปิดรับให้เขาเข้ามาดำเนินกิจกรรม
    ในประเทศอย่างไม่จำกัดขอบเขต
    เพราะเราต้องการแค่ภาษี
    ค่าธรรมเนียม ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าสัมปทาน หรือค่าอะไร
    ต่อมิอะไร โดยลืมไปว่าเราเองมีภูมิคุ้มกันทางด้านวัฒนธรรม
    อ่อนมาก เยาวชนในสถานศึกษาไม่ได้รับการปลูกฝังให้มี
    รักชาติ รักวัฒนธรรมของตนเอง นิยมค่านิยมแบบตะวันตก
    และเกาหลีเรียกได้ว่าถึงขั้นคลั่งกันเลย ในวงการวัยรุ่น
    เยาวชนนักเรียนนักศึกษาใครไม่ได้โมเรื่องผิว ทรงผม โฉมหน้า
    กลายเป็นเด็กตกเทรนด์ซึ่งเยาวชนที่เป็น
    นักเรียนนักศึกษาจะยอมไม่ได้

    ความเป็นเอกลักษณ์ไทยที่เหลืออยู่อย่างหลวมๆ จะอยู่ในกรอบ
    จำกัด
    ของการแสดงอาชีพเพื่อหารายได้หรือการโชว์วัฒนธรรม
    พื้นบ้านในโอกาสที่จำเป็นเท่านั้น

    พ้นจากนั้นก็ออกสไตล์ต่างชาติเกือบทั้งหมด
    โดยเฉพาะเยาวชน ทั้งการกินการแต่งกาย

    ถ้ายุคของรัฐทหารไม่ปฏิวัติวัฒนธรรมและการ
    ศึกษาให้สอดคล้องไปกับการปฏิวัตืด้านอื่นๆ
    การศึกษาของไทยก็จะหวังสร้างคน เพื่อมาสร้างชาติ
    บ่ได้

    คงเป็นการศึกษาแค่เพื่อเอาตัวรอด แต่ชาติไม่รอด
    คำตอบที่ดีกว่านี้ ณ วันนี้ยังไม่มี!!!?
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งนะคะ คุณครูติง ติง เห็นตามเฟสฯ หรือเปล่าคะ เช่น
    - ยางม่ายเสด
    - มั่ยเปนลัย
    - ถามจิง
    - หน้าร๊ากกก
    - เหนอารัยนัยจัยม่างไม๊
    - น้ำจัย
    - สวัดดีคาบ,คัฟ,คับ,คราฟ,คร๊าฟ
    ฯลฯ คุณครูว่าเราควรจะเล่นด้วยดีไหม หรือแทนที่จะบอกกันว่าไม่ใช่
    หรืออีกหน่อยเราต้องร้องเพลงให้สำเนียงเมือนลาวหรือพม่าหนีเข้าเมือง เช่น

    ผะเทดทัยลวมเลือกเนื้อเปงซาตเสือไท ??????

    ไอ้ภาษาสก๊อยต์ ดิฉันอ่านไม่ออกเลยสักคำ เจอภาษาเพื่อนๆเดียวกันอีก ดิฉันนี้ อึ้งเลยค่ะ

    บ่นเสร็จแล้วก็ไปล่ะนะคะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ๕๕๕๕๕๕๕๕


    พี่บุษกับคุณล้อเล่น...มารับทราบข้อกล่าวหาด่วน...
    ผมนี่อ่านแล้วปวดตับทุกที...บางทีปวดหัว ยังกะโดนหมอผีทำคุณไสยใส่ซะอย่างงั้น.
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ความจริงปัญหาทุกอย่างที่เป็นตัวกดถ่วง
    การพัฒนาประเทศที่ทำให้ไม่สามารถขึ้นจาก
    หล่มได้
    เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่า
    เรากำลังติดอยู่ในหล่ม เเต่เข้าใจผิดคิดว่า
    การพัฒนาประเทศของเรากำลังแล่นฉิวอยู่บน
    มอร์เตอร์เวย์ จึงไม่ได้มีการปรับตัวเพื่อการมีส่วนร่วม
    ในการฉุดดึงพร้อมกันด้วยพลังความสามัคคี
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การแก้ปัญหาชาติวันนี้ต้องยกย่องคนไทยทุกคน
    ให้เป็นฮีโร่ด้วยกัน ตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้เฒ่าผู้แก่....

    เพียงใครคนใดคนหนึ่งที่ถืออำนาจรัฐฐาธิปัตย์
    อยากเป็นฮีโร่คนเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหา
    ทั้งปวงให้หายขาดได้ อย่างดีก็เเค่ทุเลาเหมือน
    กินยาแก้ปวดพาราเซททาม่อน หมดฤทธิ์อาการ
    ของโรคดั้งเดิมก็โผล่ขึ้นมาอีก
     
  12. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    ไม่ได้อ่านอะไรมันๆ...มานานแล้ว...อึดอัดเหมือนกัน...นะเนี่ย...^_^...แต่ก็พลอยได้ระบายไปด้วย...^_^
    ****ยกนิ้วให้ 5 นิ้วเลย
    :cool::cool::cool::cool::cool:***
    *****************************
    จ่ม คืออะไร แปลภาษา แปลว่า หมายถึง (พจนานุกรมไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร)
    จ่ม
    ก. บ่น, รำพัน.
     
  13. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    กระผม..จะโดนหางเลขด้วยหรือเปล่าครับ...^_^
     
  14. jantraa

    jantraa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +617
    การเขียนแบบที่ว่า..เป็นการเขียนแบบ ถอดความตามเสียง..ไม่ใช่แบบหลักภาษา(ความเห็นส่วนตัวค่ะ)
    อาจจะดูขัดตา แต่ถ้านึกภาพตาม..ก็จะเข้าใจอารมณ์ หรือลีลาการพูด
    นี่..เป็นส่วนหนึ่ง ที่พอมองเห็นได้
    ซึ่งคนที่ใช้ภาษาแบบนี้..จะบอกว่าเขียนไม่ถูก หรือพูดไม่ชัด ก็หาได้ไม่...
    ทุกอย่างเริ่มที่เด็ก..ที่โรงเรียน ส่วนภาษาที่แสลงแปลงไป ก็จะหายไปตามยุค..
    (เอ้อ...ปกติ ไม่พูดเรื่องทำนองนี้ค่ะ เพราะปวดหัว อิอิ... แต่คุณบุษ คุณล้อเล่นจะรู้รึเปล่าน๊าว่า ถูกพาดพืง..ต้องไปฟ้องซะแระ 555)

    ครูติงคะ...จะมีการต่อเรื่องนี้อีกมั้ยอ่ะ แว๊บมาเผือกกะเค้า...ขออภัยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    พอดีลุงแมวจ่มเรื่องการศึกษามายาวนานร่วม
    30 ปี จ่มแบบผิดบ้างถูกบ้างครั้งอาจมีอคติ
    ต่อตัวบุคคลบ้างเพราะทำอะไร?ไม่ถูกใจเรา
    ต่อมาก็ทำใจให้ว่างมองปัญหาให้เป็นเรื่อง
    ธรรมดาโลกมองตามหลักธรรมที่ครูติงยึดถือ
    ประจำใจคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป น่าจะสอด
    คล้องกับประเทศไทยเเละโลกเวลานี้คือ
    คือสัจจธรรมคำสุดท้าย"ดับไป" เป็นระยะขาลง
    แต่ยังลงไม่สุด
    เริ่มมีการเสื่อมสลายทางจริยธรรม
    และวัตถุธรรม ลงไปๆ แบบยับยั้ง
    ไม่ได้
    ทั้งโลกกำลังเผชิญกับปัญหา"ภาวะไร้ระเบียบ"
    ไม่มีใครเชื่อมั่นใคร?ทั้งในด้านกุศโลบายหรืออกุศโลบาย
    ไม่เชื่อว่าทฤษฎีของเมธีหรือปราชญ์ท่านใด
    จะยุติความเสื่อมถอยได้ ลุงแมว
    จึงมีความเห็นว่าผู้ที่ต้องการจะรอดพ้นสภาวะ
    ปั่นป่วนนี้ป
    หรือไม่ต้องเผชิญกับกระทบรุนแรง
    ต้องป้องกันด้วยการทำความเข้าใจ
    สภาวะและสร้างความเข้าใจให้เท่าๆกัน
    ภายในแต่ละครอบครัวเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน
    แต่ก็ใช่ว่าทุกครอบครัวจะฟังซึ่งกันและกัน
    สุดแล้วแต่ชะตากรรม

    ทฤษฎีไตรลักษณ์
    ว่าด้วยเรื่องสรรพสิ่งไม่เที่ยง
    (เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)เป็นทุกข์(ทนอยู่ยาก)
    อนัตตา(หาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้)
    เป็นคำสอนที่ตายตัวและสะท้อนความจริงตามที่
    ต้องเป็นไปและกำลังประสบอยู่

    ทฤษฎีพรหมวิหาร4
    เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องความเมตตา
    คือไม่อยากให้ตนเองและผู้ต้องตกระกำลำบาก
    กรุณาคือเห็นผู้ใดลำบากก็รีบเข้าช่วยเหลือเจือจาน
    และมีอารมณ์พลอยยินดีปรีดากับ
    ความสุขความเร็จ
    ของเพื่อนมนุษย์
    และการวางใจสงบหากเพื่อนร่วมโลกประสบ
    ทุกขเวทนาจนเกินกำลังที่เราจะช่วยเหลือ

    ทฤษฎีพรหมวิหารนี่แหละ ที่เราต้องนำมาใช้ใน
    ระยะที่มนุษยโลกกำลัง
    เผชิญชะตากรรมอยู่ในช่วง

    ขาลง
    เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา

    ทฤษฎีของพระพุทธเจ้ามีมากมาย หยิบมาใช้แค่
    ทฤษฎีอันใดอันหนึ่งอย่างจริงจัง มนุษย์ก็อยู่ร่วมกัน
    อย่างสันติสุข
    และการดำเนิน กิจกรรมต่างๆของมนุษย์ก็จะเป็นไปอย่าง
    ราบรื่นไม่มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบให้ขุ่นข้องหมองใจ


    ดีก็เป็นดี
    ชั่วก็เป็นชั่ว
    กฎหมายก็เป็นกฎหมาย
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบพระคุณที่กรุณามาร่วมสัมมนาวิชาเกินที่กระทู้นี้นะคะ
    เราเขียนกันเล่นๆค่ะ ไม่พาดพิงใคร ยกเว้นแบบที่ไม่เจตนาค่ะ
    อิอิ...
    แต่ปกติจะตั้งใจนะคะ
    มีเรื่องน้ำเน่า น้ำเหลว น้ำครำในวงการการศึกษาเยอะ
    พูดไปก็คือการสาวไส้ตนเองเล่น
    แต่ก็น่าจะดีกว่านิ่งเฉยค่ะ
    ถ้าเราพูดบ้างคนที่ทำผิดพอได้คิด
    คนที่กำลังจะผิดพอได้ฉุกใจ
    เราทุกคนล้วนเกี่ยวเนื่องกับการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
    ดังนั้นการพัฒนาการศึกษาจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งค่ะ
     
  17. jantraa

    jantraa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +617
    ค่ะ..ครูติง เพิ่งเข้ามาค่ะ ไม่ได้อ่านมาแต่แรก เลยไม่ทราบว่า ได้สาวไส้ไปหมดแล้วรึยัง 555
    ครูเป็นที่คาดหวังของสังคมค่ะ คนทุกคน ล้วนแล้วแต่มี "ครู" มาด้วยกันทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะวิพากษ์เรื่อง"ครู" คงต้องเริ่มถามก่อนว่า...
    เรากำลังพูดถึง...ครูโดย"อาชีพ" หรือ ครูโดย"จิตวิญญาณ"
    พูดไปก็จะยาวค่ะ..ความคิดน้อยๆ ของจันทรา ก็มองไปตามประสา 55
    ให้คิดไกล คิดลึก และคิดกว้าง รังแต่จะทำให้เครียดไปใหญ่ (หมายถึงตัวเองค่ะ อิอิ)
    ทุกวงการก็จะคล้ายๆ กัน เพียงแต่วงการครู-สงฆ์-แพทย์ และอื่นๆ เป็นที่คาดหวังของสังคม
    จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ น่าเห็นใจค่ะ...ครูติง
    ...ว่าจะไม่เผือกแล้วเชียว อิอิ
    ...ขออภัยอีกครั้ง..ที่อาจจะแสดงความเห็นไม่ตรงประเด็น
    เพราะไม่ได้ย้อนไปอ่านว่า กำลังสาวไส้ วงการการศึกษาด้วยประเด็นใด..อิอิ
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ครูโดยจิตวิญญาณ น่าจะเป็นคำที่คนทำอาชีพครูปัจจุบัน
    ต้องอึดอัดใจมากพอดู และคงหาครูที่ทำด้วยจิตวิญญาณ
    โดยไม่ขอรับเงินเดือนไปผ่อนค่างวดรถยนต์ส่วนตัว ไปผ่อนส่ง
    เงินกู้สหกรณ์และผ่อนอื่นๆอีกนานัปการ ไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้
    ดังนั้น ลุงแมวจึงขอแค่คนที่ทำงานในสายงานครู
    ผู้สอนนักเรียนนักศึกษาทำหน้าที่ตามบทบาทของ
    ครูให้สมบูรณ์บริบูรณ์แสนจะยากเย็นแสนเข็ญ
    เพราะครูแทบทุกคนในโรงเรียนต้องรับงานด้าน
    ธุรการ งานทะเบียน งานกิจกรรมนักเรียน งาน
    อื่นๆ อีกจิปาถะและยังต้องทำผลงานทางวิชาการเพื่อ
    ยกระดับคุณวุฒิอีก ครูในโรงเรียนทั้งโรงจึงไม่มีใคร
    ที่จะทำหน้าที่ครูได้บริบูรณ์สักคน
    และปัญหาต่างๆ เหล่านี้วันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้
    ว่าจะแก้ไขอย่างไร และเริ่มต้นที่ไหน??

    แต่ก็ต้องยกนิ้วให้ทั้งฝ่ายครู และฝ่ายนักเรียน
    ที่ยังสามารถทำหน้าที่กันได้ภายใต้ความอลวน
    นี้
    แต่สุดท้ายก็สามารถถือใบสุทธิออกจากโรงเรียนไปได้
    รุ่นแล้วรุ่นเล่าเหมือนไม่มีปัญหาอะไร(หรือมันไม่มีปัญหา
    จริงๆ ชักไม่แน่ใจ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015
  19. jantraa

    jantraa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +617
    เยี่ยมเลยค่ะ...ลุงแมว รู้จริงและรู้ลึก อิอิ
    วิญญาณครู...ตามความหมายของจันทรา คือครูที่มีความเป็นครูอ่ะค่ะ มีรักมีเมตตา
    สอนด้วยใจแท้จริง ไม่พึงหวังประโยชน์จากเด็ก
    เมื่อเด็กจบไปจึงไร้ซึ่งความผูกพันธ์...เพราะนั่นคือ..อาชีพ อิอิ
    แต่ถ้าเด็กรู้ซึ้งถึงค่าแห่งครู..จะเป็นครูไปนานเท่านาน..

    ...ส่วนเงินเดือนคือค่าตอบแทน ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน อิอิ

    ว๊า...ยิ่งพูดก็ยิ่งไกล ขอตัว..ไปพักสักครู่ ยินดีมากค่ะ ลุงแมว..ครูติง
     
  20. ขุนวัง

    ขุนวัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2015
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +726
    ***เรื่องประโยค, คำ
    คุยกันเล่นในหมู่เพื่อนๆ...คงไม่มีใครว่าอะไร..."เด๋วมาก้อเด๋วไป...จัยมาก้อจัยปายยย"....แต่ก็หวังว่านะ...จะไม่เห็น...ภาษาแบบนี้...ในเอกสารทางการ...เช่นรายงาน...ปริญญานิพนธ์...ต่างๆ...นะครับ...^_^...........................
    ...ที่พบผ่านมามี...คำว่า "ก็" ..เขียนเป็น... "ก้อ"...เฮ้อ!?
    ***ครู
    ๑.รู้จริง ๒.สอนให้รู้ตามได้ ๓.ดำรงตนให้เป็นแบบอย่าง
    (เรื่องนี้จน-รวย ไม่เกี่ยว)
    ***นักเรียน
    ๑.เรียนให้รู้ ๒. ดูให้ออก ๓.บอกให้ถูก ๔.ทำให้เป็น

    ***หลักการเรียน
    สุตะ, จิตตะ, ปุจฉา, ลิขิต

    ***หลักการทำ
    ฉันทะ, วิริยะ, จิตตะ, วิมังสา

    ***หลักการอยู่ร่วม เพื่อน - สังคม
    ทาน, ปิยวาจา, อัตถจริยา, สมานัตตตา

    ***********************************

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...