การ "ตายซ้ำๆ จากภายใน" ทำให้วิวัฒนาการของคุณสูงขึ้นโดยไม่ต้องเกิดใหม่?

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 10 กรกฎาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ถ้าเราทำสำเร็จหมดด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาใครเลย ก็จะ


    ๑) เราอาจหลงตัวเองว่าเราดีเลิศ สมบูรณ์ ไม่ต้องพึ่งใครแล้ว
    ๒) เราอาจไม่สนใจที่จะประสานเชื่อมโยง เป็นส่วนร่วมกับใคร
    ๓) เราอาจไม่เข้าใจภาวะ "ความเป็นหนึ่งเดียวกันของทั้งหมด"


    ดังนั้น การพึ่งพาตนเองก็ดีอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่พึ่งใครเลย
    จักรวาลสอนให้มนุษย์เรียนรู้, ปรับตัว, พึ่งพากัน ฯลฯ ดังนี้
    จึงสร้างสรรค์ให้เรา "ไม่สมบูรณ์แบบ" ไปเสียทั้งหมด เพื่อ
    ให้เราได้พึ่งพากันบ้างแต่ไม่ใช่พึ่งพาใครตลอดไปจนพึ่งตน
    ไม่ได้ การอาศัยผู้อื่นเป็นเบื้องต้นนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หลัง
    จากฝึกตนเก่งแล้ว จะหลงตัวเองจนกู่ไม่กลับครับ จึงเริ่มต้น
    ด้วยการ "ยอมรับในผู้อื่น และ ลดความยึดถือตัวตน" ก่อน
     
  2. อมิตพระ

    อมิตพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +44
    ได้เข้ามาดูกระทู้ของแนวคุณบ่อยๆ และรู้ว่ามีคนต่อต้านเยอะ..แต่คุณก็วางอารมณ์ได้ดีมากนะ
    ดีแล้วที่คุณรู้จักวางตนให้ดีไม่โกรธหรือโต้ตอบ..แต่ที่กลัว.คือกลัวจะแปลงคำสอนของพุทธองค์ให้คนหลงทางไป..จะกลายเป็นปลาทองปากเน่าที่ลงอเวจีเช่นในพระไตรปิฏก นะคุณ
     
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388

    ----------------------------------
    เห็นด้วยค่ะในประเด็นนี้ ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนเราหากไม่ต้องพึ่งพาใครเลย
    ก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ฟางเส้นสุดท้ายไม่สามารถตัดให้ขาดออกจากเราได้เช่นกันค่ะ
    เป็นเส้นที่ก่อให้เกิดความรักและเมตตาได้อย่างแท้จริง โดยไม่หวั่นไหว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2011
  4. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214


    อนุโมทนาครับ :cool::cool::cool:
     
  5. anubist

    anubist Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +73
    เมื่อก่อนผมเคยบ้าเล่นยกน้ำหนักอยู่พักนึงผมจะเป็นพวกบ้าพลัง(ก็ตอนวัยรุ่นมันมีเย๊อะนี่น๊ะ) ผมจะใช้วิธีเล่นแบบใช้น้ำหนักมากๆจนเกินขีดจำกัดตัวเอง แล้วอีกวันนึงก็จะเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งตัว ต้องพักเป็นอาทิตย์ พอหายปุ๊บก็กลับมาเล่นใหม่ ปรากฏว่าจะยกน้ำหนักได้มากขึ้นกว่าเดิมมากนัก แล้วก็จะเล่นวิธีเดิมไปเรื่อยๆ เล่นจนเจ็บแล้วก็หยุด แล้วก็เล่นจนเจ็บอีก รู้สึกว่ามันพัฒนาไปได้เร็วมาก สะใจดี
    ยังมีอีกตัวอย่างนึง ไม่รู้ว่าจะเข้าพวกรึเปล่า คือผมจะค่อนข้างเป็นคนเอื่อยเฉื่อยกับชีวิต นอนดึกตื่นสาย ดูหนังดูทีวี ใช้เวลาฟุ่มเฟื่อย รู้ตัวมานานแล้วด้วย อยากจะแก้แต่ก็แก้ไม่หายไม่รู้จะทำไง จนกลายเป็นเบื่อหน่ายซังกะตายกับตัวเอง มีอยู่วัน หลังจากกลับจากไปทำบุญที่วัด ผมก็ขอพรให้ได้พลังในการพัฒนาตัวเอง(ก็มันเอาจากตัวเองไม่ได้ซักที) พอกลับมาบ้านได้แป๊ปเดียวผมก็ทะเลาะกับแฟนเรื่องความเอื่อยเฉื่อยของผมเองหน่ะแหล่ะ แฟนผมเค้าก็ยกตัวอย่างคนรู้จักที่เค้า ขยันมากๆ นอนแค่วันละสี่ห้าชั่วโมงทุกวัน ไม่ดุหนังดูทีวี ทำแต่งาน ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกน๊ะเพราะเห็นว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่อยู่ดีๆก็เหมือนมีแรงกระตุ้นทำให้เราคิดว่าถ้าเค้าเป็นมนุษย์เหมือนเราเค้ายังทำได้ประสาอะไรกับเราๆ จะทำมั่งไม่ได้ แค่นั้นแหล่ะ หลังจากนั้นจนวันนี้ผ่านมาก็หลายเดือนแล้วผมนอนวันละ 5 ชม. นอนเที่ยงคืน ตื่นตี 5 ทุกวัน งานไหนที่เคยไม่อยากทำก็จะทำได้ มันก็แค่งานเท่านั้นเอง ไม่ลังเลสงสัยมากมายเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากการฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรมะ ไปด้วยน๊ะ ไม่งั้น แรงอาจจะหมดได้
    คิดว่าน่าจะคล้ายๆกับการตายแล้วเกิดใหม่ของคุณ อพอลโล่น๊ะ จากแนวคิดนี้ถ้าคนมีจินตนาการและเปิดใจกว้างก็น่าจะสามารถประยุกต์ไปใช้ในการพัฒนาด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตวิญญาน ความสามารถ หรือทักษะอะไรก็แล้วแต่ แต่ยังไงก็ตามผมว่าก็เหมาะกับคนที่ใจร้อน และค่อนข้างจะ"แรง" ซักหน่อยน๊ะ
    ต้องขอโทษด้วยที่จะบอกว่ากระทู้อื่นๆของคุณอพอลโล่ผมไม่ค่อยจะสนใจซักเท่าไหร่เพราะดูมันไม่ค่อยจะเข้าท่า แต่อันนี้ค่อนข้างโดนมากๆ ทำให้ต้องย้อนกลับมาคิดว่า เราอาจจะเปิดใจไม่กว้างมากพอ ทำให้เสียโอกาศที่จะได้เคล็ดลับหรือเทคนิกดีๆในการพัฒนาตัวเองไปได้ มันมีสาระในเรื่องไร้สาระเสมอ
     
  6. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    ออกจากสมมติ คือหลุดพ้น
     
  7. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    พระท่านก็สอนเอาไว้แล้ว กายและจิตเกิด-ดับอยู่ตลอด ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย

    ดูนิ้วที่คุณพิมพ์คีย์บอร์ดสิ มันนิ้วเดียวกับนิ้วของคุณตอนอายุ 1ขวบ 3 ขวบ 5 ขวบ มั้ย
    ความแตกต่างก็คือวิวัฒนาการ

    จักรวาลจะมีค่าอะไร ถ้าเรายังไม่รู้จักโลก
     
  8. WhiteMagic

    WhiteMagic สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +8
    ปัญญาในการแยกแยะเหตุผลของมนุษย์มีต่างกัน
    แต่มิใช่ปัญญาดีน้อยดีมากต่างกัน แต่ต่างกันที่ประสพการณ์ในการรับรู้ต่างกัน
    เพราะมีสัมผัสทั้งหกในการรับรู้ต่างกัน คนหนึ่งก็เด่นไปอีกอย่างเป็นเฉพาะตน
    ฉนั้นครูหนึ่งคนจึงไม่สามารถอธิบายเรื่องเดียวกันให้นักเรียนทั้งห้องให้เข้าใจได้เหมือนกัน
    มีเหตุที่มาอันเกิดจากสัมผัสรับรู้ของมนุษย์โดดเด่นต่างกัน จึงควรเปิดใจกว้าง แค่รับรู้ก็พอ
    ว่ามีครูแบบอื่นๆอยู่โลกนี้ ส่วนผู้ที่กระจ่างใจจากครูที่ท่านนับถือแล้ว ก็ควรปล่อยให้ครู
    อื่นๆ ทำหน้าที่ของตนเองต่อไปด้วยความเมตตาเพื่อนมนุษย์ผู้มีประสพการณ์ที่แตกต่างกัน
     
  9. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    มิใช่เรื่องปัญญา
    มิใช่เรื่องใจกว้าง ใจแคบ
    ประเด็นคือ การเอาความรู้ในพุทธศาสนา มาเสริมเติมแต่งจนผิดเพี้ยนไป

    ถ้าจะนำเสนอความรู้ของจักรวาล ก็ควรจะเอาสัจธรรมที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยสอนมาแสดง

    จึงได้ชื่อว่าเหนือกว่าดังที่เจ้าของกระทู้นำเสนอ

    เราจะรอชม
     
  10. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    มันเน่าอยู่แล้ว ล่ะ เจ้า ศาสดวย คนนี้

    ทะลึ่งเอาพุทธ มาอ้างซะเสียหาย

    คิดว่า ศาสดวย คนนี้อาจไม่ใช่คนไทย ด้วยซ้ำ
     
  11. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    พระพุทธไม่เคยสอนให้ยึดติดกับสิ่งต่างๆ

    แม้แต่คำสอนของท่าน ท่านยังตรัสบอกกับพระอานนท์เลยว่าไม่ต้องเชื่อท่านหรอก จนกว่าจะได้ลองพิสูจน์ด้วยตนเองไมใช่หรอครับ

    ด้วยความเคารพ จักรวาลเป็นต้นกำเนิดของโลก
    พระพุทธเจ้าช่วงบำเพ็ญบารมีอาศัยอยู่บนโลกหรือไม่ แล้วใช้เวลากี่ชาติกว่าที่ท่านจะสำเร็จ พวกท่านคิดว่าหลังดับขันต์แล้วดวงจิตท่านไปอยู่ที่ไหนกันละ

    พวกท่านบอกว่าให้ยึดคำสอนของท่าน แต่ทำไมพวกท่านที่เข้ามาต่อว่าเจ้าของกระทู้ถึงได้ละเลยจากคำที่ท่านสอนกันนักละ นั่นก็แปลว่าพวกคุณปรามาสในคำสอนของท่านไม่ใช่หรือครับ

    ในโลก คือ ชุมนุมของมนุษย์ มี 3 ลักษณะคือ

    1. สิ่งที่ให้โทษส่วนเดียว เช่น ยาพิษ
    2 สิ่งที่ให้โทษเมื่อเกินพอดี เช่น เหล้า
    3. สิ่งที่ใช้ดำรงชีวิต เช่น อาหารและยาแต่ถ้าใช้ไม่ถูกก็อาจมีโทษได้

    คนพาล

    คนที่ไร้สติรู้คิดลุ่มหลงในสิ่งที่อาจให้โทษและสิ่งที่ให้โทษ ย่อมยึดติดสิ่งนั้นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิตตนยากที่จะถอนตัวออกมา ยอมที่จะได้รับสุขและทุกข์บ้าง แม้จะมีความสุขก็มีแค่ชั่ววูบ เป็นเหตุให้ยึดติดและผูกตัวเองไว้กับสิ่งนั้น และง่ายต่อการถูกคนอื่นชักจูงไปได้ง่าย

    ปล.พวกคุณโฟกัสอะไรกันบนแผ่นกระดาษสีขาวทึ่มีจุดอยู่กลางกระดาษ ?

    ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้าของกระทู้นะครับ แค่ผมเห็นใจเค้าแล้วลองเอาใจเค้ามาใส่ใจผมแค่นั้นเอง ลองดูสิครับไม่ยากหรอกยังเป็นคนอยู่เหมือนกัน ไม่เห็นใจคนด้วยกันคุณจะเห็นใจอะไร


    รุปข้างล่างเห็นมั้ยครับว่าในสีดำมีอะไรแล้วในสีขาวมีอะไร นี่ละครับสัจธรรมของโลก ทีนี้เห็นหรือยัง?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2011
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เว็บนี้มีชาวพุทธอ่านอยู่ เมื่อเราใช้สมมุติบัญญัติทางพุทธ
    เขาจะเข้าใจได้ง่าย ถ้าเราคุยกับชาวคริสตร์ ก็จะใช้ภาษา
    ไปอีกแบบ เคยใช้ภาษาบางแบบแล้ว ทางเว็บเขาไม่นิยม
    (เขาว่าเป็นเว็บพุทธ ภาษาทางศาสนาอื่น เลยเกิดปัญหา)
    จริงๆ จะใช้ภาษาแบบของตัวเองก็ได้ แต่มันก็จะกลายเป็น
    การสร้าง "สมมุติบัญญัติใหม่ๆ ที่ไม่จำเป็น" ออกมาเรื่อยๆ
    เลยเลือกหยิบยืมของเก่าที่เขามีแล้ว, เข้าใจกันแล้วแทนฯ
     
  13. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537

    \~.~/ ชอบที่สุด ในเขตหนาวเหล้าก็เป็นนยาด้ายน้าา :]
     
  14. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    มิใช่เรื่องภาษา มิใช่เรื่องสมมุติบัญญัติ
    เราหมายถึง"เนื้อหา-ความรู้"ที่ท่านแสดง

    การเอาความรู้ในพุทธศาสนามาเสริมเติมแต่งจนผิดเพี้ยนไปจากความเดิม
    มันก็คือ "สัทธรรมปฎิรูป" ซึ่งเป็นกรรมหนัก

    ถ้าท่านสื่อความรู้จากจักรวาล ก็น่าจะเอาความรู้-สัจธรรม ที่ยังไม่มีใครค้นพบในโลกนี้ ไม่มีสอนในศาสนาต่างๆมาแสดง จะเหมาะสมกว่า

    สัจธรรมจากจักรวาลที่ไม่เคยปรากฏบนโลกใบนี้ ไม่เคยปรากฎในศาสนาใดๆ
    มันก็น่าสนใจนะ
     
  15. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    เอาของเขามาใช้ ผิดๆถูกๆ มั่วไปเรื่อย หากมีแนวทางที่ชัดเจนก็ไม่ต้องทำตัวเป็นเห็บเหา ที่คอยเกาะกิน

    นี่มีแต่แนวคิดสวยหรู ไม่มีวิธีปฏิบัติ

    ทั่วไปเขาเรียกว่า เพ้อเจ้อ ฟุ่งซ่าน

    หากคุณจะเพี้ยนของคุณไปคนเดียว อันนี้ก็เรื่องของคุณ แต่คุณมาเพี้ยนในเว็บสาธารณะ คุณจะโดนสกัดเป็นธรรมดา เพราะแนวคิดของคุณเป็นอันตรายต่อ เด็ก เยาวชน และวัยรุ่น ของประเทศไทย


    อย่าลืมไปตอบ เรื่อง กิเสล 5 ข้อให้ชัดนะ จะได้รู้กันว่า คุณ FAKE หรือ ไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2011
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    วิธีปฏิบัติคือการ "ชี้นำ" และ "ครอบงำ" อย่างอ่อน
    ทำให้คนไม่รู้จักเกิดปัญญาด้วยตัวเอง บทความที่ผม
    เขียน บางคน เขาบอกว่าเขาทำอยู่ เขาไม่รู้ละว่าทำ
    แล้วมันโอเคไหม? เช่น คนที่ออกกำลังกายจนหมด
    แรงนั้น เขามาอ่าน เขาเห็นแล้ว เขาก็มั่นใจในสิ่งที่
    เขาเป็นธรรมชาติของเขาเอง ซึ่งก็ไม่ได้ทำร้ายใคร
    ไม่สร้างกรรมแก่ใคร (การออกกำลังกายส่วนตัว) นี่
    ผมไม่ได้ชี้นำ, ครอบงำ ให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไรใน
    ตัวเขาเองเลย เพราะอะไร? เพราะผมยอมรับในเขา
    ในธรรมชาติที่เขาทั้งหลายเป็นอยู่ ดำรงอยู่ แล้วแต่
    แรก ผมเพียงกล่าวถึงสิ่งที่เขาทำ มันจะดำเนินไปใน
    อนาคตข้างหน้าอย่างไร และถึงที่สุดได้อย่างไรโดย
    ไม่ได้เปลี่ยนแปลงธรรมชาติอะไรเขาเลย


    คนที่ไปบอกให้คนอื่นทำอย่างนั้นอย่างนี้ (วิธีปฏิบัติ)
    หากการกระทำนั้นเกิดกรรม ไม่ว่าดีหรือไม่ดี มันก็ต่อ
    ชาติสืบภพให้ผู้บอกได้ เพราะเขาเป็นคนบอก, สอน
    แต่คนที่ไม่ได้บอกให้ใครไปทำอะไร หรือห้ามทำอะไร
    จะให้เขารับกรรมอะไรร่วมกับการกระทำหรือไม่กระทำ
    นั้นได้หรือ? ไม่มีหรอก? "เขาจบตั้งแต่แรก" อยู่แล้ว
     
  17. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314
    ดิฉันมีความศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เท่าๆกับที่มีความศรัทธาใน Lord Metatron และ สมเด็จองค์ปฐมบรมบิดา
    ความรู้สึกศัทธาในใจที่มีต่อทุกท่านไม่ได้แตกต่างกัน
    หรือแม้กระทั่งความศรัทธาที่ดิฉันมีต่อจิตจักรวาลก็เช่นเดียวกัน
    ทุกท่านสอนให้เราทำดี เป็นคนดีเหมือนๆกัน
    แต่อาจจะต่างกันที่วิธีการ
    แต่เป้าหมาย(หรือปลายทาง)นั้นอันเดียวกัน
    อยู่ที่ว่าเราจะโดยสารพาหนะอะไรไปถึงเป้าหมาย(หรือปลายทาง)นั้น


    บางคนปั่นจักรยานไป
    บางคนนั่งแท็กซี่
    บางคนนั่งเครื่องบิน
    บางคนเดิน
    บางคนขึ้นรถโดยสารประจำทาง
    สุดแท้แต่ว่าคนไหนชอบเดินทางแบบไหนก็เลือกกันเอาเอง


    ดิฉันว่าคนไหนที่ชอบเดินไป...
    คุณก็ไปถึงที่หมายปลายทางเหมือนกันกับคนที่เขานั่งเครื่องบินไป
    ฉะนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่า
    ในเมื่อคุณเลือกที่จะเดินไป(เพราะคุณเลือกด้วยตัวคุณเอง)
    แล้วกลายเป็นว่า(เหมาเอาว่า)
    คนที่เขาเดินทางด้วยจักรยาน , รถแท็กซี่ ,
    เครื่องบิน , หรือโดยสารรถประจำทางไป...
    และไปถึงที่หมายปลายทางเช่นเดียวกับคุณ
    พวกเขาจะกลายเป็นคนที่ผิดที่แย่ที่เลวในสายตาของคุณนะ
    เพียงแค่เขาไม่ได้เลือกที่จะเดินอย่างที่คุณเลือกจะเดิน !



    ที่สำคัญพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ชาวพุทธมีมิจฉาทิฐิ
    มัวแต่ยึดมั่น ถือมั่นในสักสิ่ง !
    เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอยู่แล้ว
    หากแม้นว่าพุทธศาสนาจะต้องหายไปจากโลกนี้ในวันข้างหน้า
    ...มันก็เป็นเช่นนั้นแล...


    ไม่มีอะไรให้ต้องยึดติด ยึดมั่นเลยสักอย่าง
    เพราะทุกอย่างมันคือความว่างเปล่าเท่านั้นเอง


    ปล. ดิฉันยังรออ่านสาส์นจากจิตจักรวาลอยู่เรื่อยๆนะคะคุณอพอลโล่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2011
  18. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    ผมทำงานทุ่มเทที่สุดในชีวิต ใช้เวลากับงานมาก
    เมื่อทำถึงที่สุดแล้ว
    คนในที่ทำงานและฝ่ายบริหารบางท่าน ให้ผมออก
    ผมมานั่งเสียอกเสียใจ จนแทบฆ่าตัวตาย
    ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
    ผมนั่งร้องไห้ราว 5 ชม
    หลังจากนั้น เพื่อนด้วยกัน ก็ลาออก อีก 3 ท่าน เพราะความไม่พอใจการตัดสินใจฝ่ายบริหาร
    เรามานั่งร้องไห้ด้วยกันร่วม 2 ชม ทานอะไรไม่ได้ 2 วัน มีสภาพคนที่ตายแล้ว 2 เดือน
    ผมรู้ลึกว่าผมล้มละลายในตอนนั้น
    ต่อมา ผมได้รับอะไรที่ ทุกข์เข้าครอบงำจิตใจและกาย เมื่อผมไม่มีเงินเลี้ยงครอบตัว
    เวรซ้ำกรรมซัด ทหารที่ผมผ่อนผันไว้ เรียกเข้ากองประจำการ
    ยิ่งทุกข์ไปใหญ่
    หลังจากนั้นมา
    ผมก็เริ่มชินกับมัน
    มันทำให้ผมเข้มแข็งยิ่งขึ้น
    และทำให้ผมเกิดใหม่อีกครั้ง
    ผมต้องขอบคุณฝ่ายบริหารที่ทำให้ผมออกมารับรู้ในสิ่งใหม่ๆ ชีวิตใหม่ ๆ ผมเป็นคนที่มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม 80 เท่าเลยทีเดียว
    ผมคนเดิมตายไปแล้ว ผมลืมทุกเรื่องที่ผ่านมาแทบหมดสิ้น เหลือไว้เพียงประสบการณ์ดีควรนำพา
    ผมเกิดใหม่แล้วในร่างเดิม
    และเริ่มตายและเกิดอีก 3 รอบ จนทุกวันนี้ผมบังคับการเกิดดับในใจได้ด้วย สติ
    มีครูสองคนเดินมา
    คนหนึ่งสอนสิ่งไม่ดีกับผม ผมรักท่านเพราะท่านเป็นครูผม สอนให้ผมรู้ว่า นั่น ไม่ดี
    และอีกคนที่สอนเรื่องดีๆ ก็เป็นครูที่ผมรักเพราะท่านสอนให้รู้ว่านั่นเป็นสิ่งดี
    จนมีครูอีกคนเดินเข้ามาบอกว่า ความดี และไม่ดีนั้น อย่าได้ติดใจมากนัก เพราะมันเป็นของคู่โลกมายาวนาน
    และครูคนนี้กำลังสอนอะไรผมอยู่ !!!!!!
     
  19. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    แน่ใจหรือครับ ?
    คุณเองก็รู้ว่าตัวคุณพยายามทำอะไรอยู่ ?
    ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่คุณสอนมันดี หรือไม่ดีนะครับ

    ความรู้จากจักรวาลเป็นแค่ การประมวลความรู้-สัจธรรมต่างๆ ศาสนาต่างๆบนโลก
    มาขยำๆรวมกัน เติมพริก เติมน้ำปลาหรือครับ

    เข้าใจหรือยังครับท่านผู้ชม?
     
  20. anubist

    anubist Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +73
    คนที่ไม่เห็นด้วยกับเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนไม่ดี และคนที่ชอบเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเสมอไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...