###ของดี งานบุญที่ ประทับใจของชมรมคนรักหลวงปู่ทวด###

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 16 มกราคม 2010.

  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    บวชกายบวชจิต
    การบวชว่ากันว่าต้องบวชจิตก่อนคือมีจิตใจน้อมนำเอาพระสัจธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติเสียก่อนหลังจากนั้นมาเป็นการบวชทางกายซึ่งอยากจะบอกว่ามีความสำคัญอีกเช่นกันเริ่มกันต้องเเต่การหาวัดที่จะไปบวชเเละพระอุปัชฌาจารย์ซึ่งต้องไปถวายสักการะท่านก่อนจะถึงวันบวชจริงๆอย่างน้อยสักอาทิตย์นึงเพื่อให้ท่านเห็นหน้าคาดตาเสียก่อนไม่ใช่ไปถึงเเล้วก็เจอหน้าวันบวชเลยสิ่งสำคัญที่สุดในการบวชนอกจากตนเองเเล้วคือพระอุปัชฌาจารย์จะต้องมีความเป็นพระอันหมายถึงพระเเท้มิเช่นนั้นการบวชของเราจะเป็นโมฆะซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม หลายครั้งมักมีคนถามว่าจำเป็นต้องท่องคำบวชได้หรือไม่ ตอบง่ายๆว่าจำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะเเสดงถึงความตั้งใจอันดีงามของศิษย์ที่คิดจะบวชเป็นการบวชเพื่อสืบอายุของพระศาสนาดังนั้นควรสวดคำขอบวชให้ได้ด้วยตนเองเพราะไม่ใช่การบวชหน้าไฟเเละไม่ใช่การบวชวันนี้สึกพรุ่งนี้อันเป็นการโกนหัวเเละเสียผ้าเหลืองไปปล่าวๆ

    การบวชถ้าคิดให้ดี เราจะได้ความรู้สึกว่าเราเคารพพระรัตนตรัยมากขึ้นเคารพพระสงฆ์ทุกรูปเเม้ท่านจะเป็นสมมติสงฆ์ที่บวชเเค่วันเดียวเพราะการบวชไม่ใช่ของง่ายๆหากเเม้เพียงพระที่นั่งหัตถบาตหรือพระคู่สวดหรือพระอาจารย์คัดค้านเราจะไม่ได้บวชทันทีนี่นับว่าเป็นกุศลโลบายในการเข้าถึงพระรัตนตรัยเเต่ยุคพุทธกาลอันหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน

    ผ้าเหลืองนับว่าเป็นเกราะคุ้มครองไม่ให้สงฆ์นอกรีตเพราะผ้าเหลืองเป็นสิ่งสมมติเเทนเครื่องห่อหุ้มร่างกายของสงฆ์สงฆ์ใดก็ตามที่มีสติจะรู้ว่าผ้าเหลืองหรือผ้ากาสาวพัตนับว่าเป็นธงชัยเเห่งพระอรหันต์อย่างเเท้จริงมิบังควรไปไว้ในที่ต่ำหรือเหยียบย้ำเเม้จะเก่าก็ไม่ควรไปทำผ้าเช็ดเท้าเหมือนในบางวัด
     
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    เรื่องจริง อาหาร.....สิ่งจำเป็นที่เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต

    ทุกวันข้าพเจ้าเเละพระน้องเขมวุฒโท เดินบิณฑบาตรทุกวัน ทุกวันจะเดินจากวัดราชสิทธาราม ซอยอิสรภาพ23ไปที่วงเวียนใหญ่ทุกวัน วันละหลายๆกิโลการเดินบิณฑบาตรครั้งนี้ทำไปเพื่อให้เกิดการเรียนรู้เเด่พระน้องชายระหว่างเดินบิณฑบาตรข้าพเจ้าจะเห็นคนต่างๆเดินออกมาขึ้นรถ บางพวกทำมาหากินตั้งเเต่เช้านึกเเล้วน่าเห็นใจกับคนสมัยนี้ที่ดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

    เวลาเดินบิณฑบาตร บางครั้งจะมีพระรีบเดินตัดหน้าเพื่อรับบาตรโยมเเล้วโดนรถชนอย่างอนาถก็มี เลยบอกพระน้องว่าการที่เราบิณฑบาตรเเต่ละครั้งนอกจากเพื่ออาหารเเล้วยังทำเพื่อโปรดโยมที่ตั้งใจอีกด้วย ซึ่งเราต้องภาวนาเเละทำความเพียรให้มาก

    เราไม่ใช่คนห่มเหลืองหรือบวชหน้าไฟเราคือผู้ที่บวชด้วยความศรัทธาดังนั้นก่อนออกเดินบิณฑบาตรผมจะมีคนที่ไม่เห็นตัวมาปลุกตั้งเเต่ตีสี่ทุกๆวันเพื่อมานั่งภาวนาก่อนออกเดินบาตรทุกๆวัน นั่งภาวนาเเละบริกรรมสวดพุทธคุณ108จบก่อนเดินบิณฑบาตรทุกวัน

    มีเรื่องน่าเล่าอยู่เรื่องหนึ่งมีพระผู้ใหญ่ท่านอาพาธป่วยเป็นโรคกระดูกเดินไม่ค่อยไหวท่านก็นั่งรับบาตรตั้งเเต่เช้าเเต่คนทั่วไปก็นึกว่าพระเก๊ คนเลยไม่มีใครใส่กันผมเห็นก็รู้สึกว่าควรที่เราจะเอาของที่เราบิณฑบาตรได้เเบ่งพระรูปดังกล่าวทำด้วยเมตตาจิตปราศจากความสิเหน่หาเเละเเล้วคำพูดของพระอาวุโสท่านนั้นกล่าวว่า

    เราขอบใจเเละกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองมากที่ใส่บาตรกระผมเพราะผมนั่งตั้งเเต่เช้ายังไม่มีอะไรฉันเลย

    ผมเลยถามว่าพอไหม

    ท่านตอบว่า บุญของผมเเล้วได้ข้าวเเละกับข้าวห่อนี้ ผมพอเเล้ว ทำให้ผมได้เลี้ยงชีวิตอีกวันหนึ่ง

    ผมเลยบอกพระน้องว่าเป็นพระต้องมีน้ำใจเป็นความเอื้ออาทรต่อเพื่อนพระด้วยกันมันเป็นน้ำใจที่คนในสังคมควรมีให้ต่อกันสังคมของเราจำเป็นสุขไม่ใช่ทุกคนจะเเสวงหาเเต่เงินเเละอำนาจเเละเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างที่สังคมไทยเป็นทุกวันนี้นึกเเล้วอาจเรียกได้ว่าเป็นการเสียกรุงครั้งที่สามหรือเสียความรู้สึกทางจิตวิญญาณของไม่ไกลเกินความจริงไปนัก<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    อร่อย.......จึงหยุดฉัน
    หลังจากบวชไปหนึ่งวันรุ่งขึ้นออกบิณฑบาตรสติมหาสติยังไม่ค่อยมีจิตจึงคิดไปว่าวันนี้อยากกินข้าวมันไก่หลังจากเดินบาตรไปเกือบสุดจนจะกลับถึงวันเเล้วก็ยังไม่มีข้าวมันส์ไก้ให้เราเห็น เห็นเเต่ไก่เเบบเป็นๆเเละเดินได้ พอจวนถึงวัดเท่านั้น ปีติใจสุดๆ ห่อข้าวมันไก่ ชัดเจน ฟันธงเลย เมื่อได้เเล้วพระชินะปุตโตก็ยิ้มน้อยยิ้มให้ว่างานนี้เสร็จกูเเน่ข้าวมันไก่เอ๋ย

    พอปลดบาตรศิษย์วัดเขาก็จัดอาหารเพื่อฉันเช้าเเต่เอ๋ข้าวมันไก่สุดที่รักของผมหายไปมองไปมองมาอ้อ พระองค์อื่นฉันเรียบอาวุธ เราก้อนั่งมองตาละห้อยมองไปมองมาพระอีกรูปสงสารท่านมอบข้าวหลามให้หนึ่งกระบอก เรานี่ยกมือไหว้ท่วมหัวนึกในใจว่างานนี้มื้อเช้ารอดเเน่นอน

    พอฉันๆไปนึกอร่อยได้เเว๊บเดียว

    พระน้องชายถามว่า หลวงพี่อร่อยมั้ยครับ

    ผมตอบว่า อร่อยมาก

    หลังจากนั้นผมรวมช้อนเเล้วหยุดฉัน

    พระน้องถามว่าทำไมหยุดฉัน

    ผมตอบว่า ฉันเเล้วอร่อยจึงหยุด

    จะฉันให้อร่อยได้อย่างไรอย่างนั้นเราไม่ใช่พระ[​IMG]
     
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    หลวงปู่สอนธรรมะ...........คนวังหน้าบันทึก

    หลวงปู่ท่านสอนว่า

    คนเราให้มองกายมองจิตตน ท่านไม่นิยมในการที่เรามองกายมองจิตผู้อื่น


    ท่านบอกว่าจริงๆเเล้วหลักการพิจารณาธาตุสี่ในการสร้างพระเครื่องนั้นหากผู้มีปัญญาสามารถน้อมนำมาพิจารณากายพิจารณาจิตให้เกิดปัญญาในตนเอง


    ท่านบอกว่าคนเราเกิดเป็นคนต้องอดทนถ้าเราอยากได้ดีต้องมีขันติต้องทนในสิ่งที่ทนได้ยากเอ็งถึงจะเป็นยอดคน


    ท่านสอนว่าคนเราเกิดเป็นมนุษย์ต้องกตัญญูตอนท่านอธิษฐานเพื่อชาติบ้านเมืองท่านอธิษฐานพระคุณของเเม่เเละพ่อ


    ท่านสอนว่า การปฏิบัติธรรม ธรรมะเป็นอกาลิโกคือทำได้
    ตลอด เช่นการสวดมนต์ได้ทุกสถานที่ยิ่งดีเหมือนถ้าเรามีสติทุกที่ก็ยิ่งดีเป็นต้น


    หลวงปู่ท่านบอกว่าการสัมผัสพลังงานบางอย่างได้นั้นท่านให้เรารู้เเล้วละวางไม่ให้ยึดติด

    หลวงปู่ท่านไม่ได้สอนให้เราเป็นเทวดา ไม่ได้สอนให้เราเป็นพรหม อย่างเดียวเเต่สอนให้เราเป็นพุทธะคือพระในใจเรา


    หลวงปู่ท่านบอกว่าคนเรานั้นชีวิตนี้สั้นนักให้เราหมั่นทำความดีสร้างบารมีให้มากให้เรานึกถึงการทำดีเพื่อให้สังคมเเละบุญของเราจะตกอยู่ที่ตัวเรา
    ท่านบอกอีกว่าสิ่งที่ข้าสอนเอ็งตอนนี้พวกเอ็งไม่รู้ตอนนี้ เเต่จะไปรู้อีกทีตอนตายไปเเล้ว


    ข้าจะช่วยเอ็งต่อเมื่อเอ็งทำดีเเละไม่มีกรรมหนักจริงๆ
    เวลาหลวงปู่ท่านบอกอะไรทำไมถึงถูกทุกครั้งเพราะท่านมองอย่างฉลาดคือ
    ท่านมองกระเเสรวมของกรรมฉะนั้นไม่มีใครใหญ่เกินกรรม


    หากมีอะไรให้นึกถึงข้าข้าไปช่วยเอ็งทุกที่นั่นเเหละ
    ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาไม่เคยลำบาก เอ็งต้องอดทน

    หลวงปู่ทวดท่านสอนว่า
    เมื่อเรารู้อะไรเเล้วสอนคนอื่น เป็นสิ่งที่ดีเพราะสิ่งที่เอ็งสอนไปนั่นเเหละจะเป็นธรรมที่สอนเอ็งเพื่อพัฒนาตนเองทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นเเต่คนที่จะได้คือตัวเอ็งเองนั่นเเหละถ้าเอ็งเข้าใจในเหตุเเละปัจจัยเเล้วเอ็งจะเป็นสุขไม่มีทุกข์เพราะเข้าในในเหตุเเละผลของเหตุนานๆไปเอ็งจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด


    หลวงปู่ท่านสอนว่าเวลาทำความดีเราทำไปเรื่อยๆเเละไม่ต้องท้อเเท้เวลามีปัญหาในชีวิตใช้สิ่งที่เอ็งสอนคนอื่นนั่นเเหละมาเเก้ไขที่ตัวที่ตนเอ็งเเล้วเอ็งจะพ้นจากทุกข์นั้น บางคนเขาอธิษฐานถึงข้าเเล้วไม่สัมฤทธิ์ผลเเล้วหาว่าข้าไม่ช่วยจริงๆเเล้วข้าช่วยเขาเเล้วเเต่มันเป็นวาระกรรมของเขาพวกนี้เขาไม่เข้าใจเรื่องของกรรมใครจะใหญ่เหนือกรรม บางครั้งบางคนพอไม่สำเร็จถึงขั้นปรามาสพระรัตนตรัยเลยก็มี พวกเอ็งระวังให้ดี คนพวกนี้อีกหน่อยจะเยอะ


    หลวงปู่ท่านเคยให้คำกลอนสอนใจไว้ในหนังสือพระประวัติหลวงปู่เองทางนิมิตว่า
    ธรรมช่าววิสุทธิ์เเลผุดผ่อง
    ใช่จิตว่องส่งออกกายนอกเขา
    ให้เอาใจดูจิตที่ใจเรา
    ใช่ใจเขาช่างเทิดจิตนอกกาย


    หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรมไปได้เเละถ้าเอ็งเข้าใจในเหตุเเล้วเอ็งจะไม่ทุกข์จากผลอันนั้นเลย ตอนนี้ชาติบ้านเมืองกำลังเดือดร้อนถ้าอย่างไรเสียให้เอ็งเผยเเพร่คำสั่งสอนธรรมของพระพุทธเจ้าให้คนเข้ามีจิตใจที่ดีขึ้นด้วย

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    ทำความดีเเล้ว...ท้อใจทำอย่างไรดี?

    หลายท่านเคยเป็นบ้างไหมที่ทำความดีเเล้วท้อใจ

    ท้อใจเพราะคิดว่า
    เราทำดีเเล้วทำไมความดีไม่ตอบเเทนเรา
    เราทำดีเเล้วทำไมคนอื่นถึงวิจารณ์ในทางเสียหาย
    เราทำดีเเล้วความดีถึงไม่ปรากฏ
    เราทำดีเเล้วทำไมถึงเป็นที่เพ่งเล็งเเละเป็นที่หมั่นไส้ของผู้อื่น
    เราทำดีเเล้วทำไม.........

    คำตอบคือ........

    วิธีเเก้ไขตอบง่ายเเต่ทำยากคือทำดีไปเรื่อยๆไม่ต้องคิดอะไรว่าผลจะดีหรือเป็นอย่างไรทำดีเเละไม่เดือดร้อนตนเองเเละผู้อื่นเป็นใช้ได้
     
  6. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    ปัญหาที่ข้าพเจ้าสังเกตว่าเกิดขึ้นในหมู่ชนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม และพวกที่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์มากจะมีปัญหาดังต่อไปนี้
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    1.ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครูบาอาจารย์ ทำให้เกิดปัญหา<O[​IMG]</O[​IMG]
    -เกิดความคุ้นเคยและเกิดการล้อเล่นทำให้กลายเป็นปรามาศครูบาอาจารย์ไป<O[​IMG]</O[​IMG]

    -จัดการทุกอย่างที่เป็นตัวท่าน ไม่ว่าจะเป็นการ กันไม่ให้เข้าพบครูบาอาจารย์บ้างแม้จะเป็นความหวังดีต่อครูบาอาจารย์บ้าง ทำให้ผิดใจกับศิษย์คนอื่นๆ ทำให้ใจขุ่นมัวแทนที่รับใช้ท่านจะได้บุญบางทีเลยบาปไป
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    2.ทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมแล้วครอบครัวบางครัวทำให้เกิดความ แตก แยก <O[​IMG]</O[​IMG]
    -เกิดเนื่องจากการไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัวและที่สำคัญบางครั้งอาจจะเป็นการปฏิบัติโดยตึงเกินไป<O[​IMG]</O[​IMG]
    -เชื่อแน่ว่าคนพวกที่ยิ่งทำบุญหรือยิ่งปฏิบัติ และทะเลาะกับครอบครัวคนพวกนี้จะไม่ก้าวหน้าในทางธรรมเพราะระหว่างปฏิบัติอดคิดอดเครียดเรื่องทางบ้านไม่ได้ฉะนั้นการปฏิบัติจึงไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควรจะเป็น

    <O[​IMG]</O[​IMG]
    3.บางคนเข้าใจแต่ว่าการทำบุญนั้นใช้แต่เงินอย่างเดียวมีรายหนึ่งกู้เงินเพิ่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ แม่ครูบาอาจารย์ แล้วตัวเองเป็นหนี้เกิดความทุกข์อย่างนี้แสดงว่าไม่พอดีจึงเกิดทุกข์อีกรายหนึ่งทำบุญในเนื้อนาบุญที่ดี แต่ทว่าญาติพี่น้องไม่เห็นด้วย ก็ยังจะทำ ส่วนพี่น้องตนก็ปรามาศครูบาอาจารย์ไปอย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ เราต้องอธิบายด้วยอรรถด้วยธรรมให้เขาเข้าใจเสียก่อน หรือว่าที่เขาเตือนเพราะกลัวเราหลงบุญ บ้าบุญ ทำเยอะๆได้บุญเยอะอย่างนี้มันก็ไม่ถูกสะทีเดียว การทำบุญใจเราต้องปีติด้วย<O[​IMG]</O[​IMG]
    4.เป็นอาการที่พบบ่อยมากที่สุดคือ เรียกตนเองว่า ปฏิบัติมาหลายปีถึงขั้นโน้นขั้นนี้<O[​IMG]</O[​IMG]
    แต่กิเลสยังไม่ได้ลดลงเลย ยกตัวอย่างเวลาหลับตาใจผ่องใสมากๆเย็นกายเย็นใจบอกคนอื่นว่าละโกรธได้แล้วแต่พอมีอารมณ์มากระทบก้อโกรธอีกเหมือนเดิมไม่ได้ลดน้อยลงเลย แสดงว่า ต้องกลับไปพิจารณาตนเองใหม่ว่าจิตเดิมนั้นเป็นอย่างไรแล้วค่อยๆขัดค่อยๆเกลาให้ประณีตขึ้น จน กว่าจะจิตละเอียด จิตมีสติตามรู้เท่าทันไม่ใช่ฝึกกันวันสองวัน ฝึกกันปีสองปีแล้วจะได้ต้องว่ากันหลายปีหลายภพหลายชาติแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของตนเองด้วยเป็นสำคัญ พยายามให้จิตอยู่แต่ในกายตนพิจารณาให้เห็นถึงสภาพสภาวะความเป็นจริงในขณะนั้น นั่นแหละสุดยอดของการฝึกจิตแล้วแหละ มองกาย มองจิตและ มีสติ แล้วพิจารณาให้เกิดปัญญาแก้ไขปัญหาไม่ว่าทางโลกทางธรรมได้หมด ไม่ใช่บอกว่าเก่งสมาธิแต่ยังแก้ปัญหาจากการงานไม่ได้ แสดงว่า ไม่ได้ใช้ปัญญาในการมาแก้ไขชีวิตประจำวันเลย <O[​IMG]</O[​IMG]
    สรุปแล้วถ้าอยากเป็น แบบคำพูดที่ว่า ปฏิบัติธรรมแล้วร่มเย็นครอบครัวอบอุ่น
    การงานดี จิตผ่องใส ลูกๆหลวงปู่ต้องดูหลวงปู่ท่านเป็นตัวอย่างท่านเดินสายกลางในชีวิตสมณเพศของท่านอย่าง แท้จริงอย่าให้ตึงหรือหย่อนไปเท่านั้นก็พอข้อสังเกตง่ายๆว่าเราทำสิ่งต่างๆแล้วพอดีหรือไม่ให้ดูว่าเราเป็นทุกข์หรือไม่ กังวลหรือไม่ ไม่สบายใจหรือไม่ ก้อต้องกลับมาพิจารณาและมาปรับว่า อันไหนน้อยไปให้ทำให้มากขึ้น อันไหนมากไปต้องทำให้ลดลง คือทำให้พอดีนั่นเองนั่นแหละทางสายกลางถ้าอยู่ในขอบเขตที่ดีงาม

    <O[​IMG]</O[​IMG]
    5.ทำงานช่วยวัดเป็นประจำแต่ทำไมใจยังขุ่นมัว <O[​IMG]</O[​IMG]
    เนื่องจากภาระที่เราเป็นหน้าที่นี่เองเปรียบเหมือนบ่วงหมือนกันคือหมายความว่าเมื่อทำงานให้วัดแล้วเหนื่อยกายเมื่อเหนื่อยกายแล้วก็พาลไปทะเลาะกับคนรอบข้างที่วัดพูดไม่เข้าหูบ้าง ความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แล้วก็ไม่มีเวลาปฏิบัติ แล้วถามท่านทั้งหลายหน่อยว่าท่านได้อะไรกลับมาสู่ใจท่านบ้างหลังจากไปวัด ฝากท่านทั้งหลายช่วยคิด<O[​IMG]</O[​IMG]
     
  7. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    คนเราลางเนื้อชอบลางยา

    บางคนชอบทำสมาธิเเบบยุบหนอพองหนอ
    บางคนพุธโธ
    บางคนสัมมาอะระหัง

    บางคนก็เพ่งกสิน
    บางคนก็นึกองค์พระ
    บางคนตั้งจิตไว้ที่ฐาน

    บางคนบอกว่าตัวเองฝึกสมถะ
    บางคนบอกว่าตัวเองไม่ฝึกสมถะหรอกฝึก
    วิปัสสนาดีกว่า

    บางคนฝึกกายเบาจิตเบา
    บางคนฝึกเเบบความว่างเป็นอารมณ์

    บางคนเห็นนิมิตก็ว่าตนดี บางคนว่าไม่เห็นดีกว่า
    บางคนว่าเคยคุยกับพรหมกับเทวดา
    บางคนได้ท่องวิมานชั้นฟ้าเเละนรกอเวจี
    บางคนว่าอย่างโน้นอย่างนี้สารพัดจะพูดจะกล่าว


    สรุปเราปฏิบัติเเล้วเราได้อะไรจากการปฏิบัติ
    มีความสุขมีความพอดีหรือไม่
    อย่าไปพูดกันถึงนิพพานเลย(สำหรับผม)ให้ดูว่านำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือเปล่าถ้าปฏิบัติได้ดีจริงชีวิตของฆราวาสวิสัยย่อมเป็นสุขเเละเเก้ไขปัญหาชีวิตด้วยปัญญาจากการปฏิบัติ
     
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    พระที่ขลัง......เป็นอย่างไร

    บางคนคิดว่าพระขลังต้องมวลสารดี พิธีเด่น เกจิเเน่ในที่นี้ทุกคนคงคิดว่าพระจะขลังเป็นเเน่เเท้เเต่ผมว่าไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเเม้มวลสาร การอธิษฐานจิตจากพระ...เเล้วคิดว่าสูงเเล้วเเต่พระที่สำคัญที่สุดหาใช่วัตถุดังกล่าวไม่เพราะพระสำคัญที่สุดคือพระจิตพระใจโดยมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพระบิดาคุณพระมารดาเเละคุณครูอุปฌาอาจารย์ นี่ต่างหากที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เเละสรรเสริญคนที่กตัญูเเละรู้คุณคนทำอย่างไรที่เราเสกตนให้เป็นพระทำอย่างไรให้ใจเราสูงเหมือนวัตถุมงคลที่เราได้รับที่เราใฝ่หาทำอย่างไรเราจะได้วิญญาที่มีจิตถึงพระรัตนตรัยคนที่เสกพระดีที่สุดคือคนห้อยหรือคนรับพระคนห้อยต้องเสกพระเองเสกทุกวันตลอดเวลานั่นคือเสกตนให้เป็นพระให้มีใจเป็นพระนั่นเอง


    ฝากไว้ให้คิดพิจารณา
     
  9. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    ความอ่อนน้อมถ่อมตน
    (เอ็งเก่งข้าเก่ง......)

    ท่านเคยมีอาการนี้หรือไม่

    เห็นนิมิตเเล้วดีใจเเล้วคุยไปอีกสิบวันเเต่หลังจากนั้นไม่เห็นอีกเลย


    ชื่นชมครูบาอาจารย์อย่างมากเเล้วนำมาเปรียบกันว่าสายนี้ดีกว่าสายนั้นดีกว่า

    ท่านเคยหรือไม่
    ที่บอกว่าศิษย์เก่าศิษย์ในศิษย์ใกล้ชิด ส่วนเเกศิษย์ใหม่ศิษย์นอก
    ส่วนฉันศิษย์เอก ศิษย์..............เเต่จะมีใครรู้บ้างว่าหลวงพ่อทวดท่านบอกว่าเอ็งไม่ต้องเป็นศิษย์เอกศิษย์วงในใกล้ชิดข้าหรอกข้าสอนให้เอ็งเป็นอาจารย์คนสอนให้เป็นผู้นำไม่ได้สอนให้เอ็งเป็นลูกน้อง


    บางคนประมาทเนื่องจากสามารถจับพลังพระได้เเทนที่จะศรัทธาเเล้วปฏิบัติกับนำไปจับพลังพระเเบบไร้สาระเเห่งธรรมเเทนที่จะศรัทธาเเล้วเกิดวันหนึ่งจับพระเเล้วไม่มีพลังจะจิตตกหรือไม่หลวงพ่อดู่ท่านให้จับเพื่อเพิ่มศรัทธารู้เเล้วละวาง

    อย่าได้หยิ่งยโสหากท่านปฏิบัติไปเเล้วมีเจโตรู้ใจคนเพราะนั้นยังเป็นโลกียฌาณมีได้เสื่อมได้

    หากทำได้คุณวิเศษอะไรบางอย่างเเต่เที่ยวไปวิจารณ์เพ่งโทษคนอื่นอยู่โปรดได้สติเเล้วคิดว่าได้พิจารณากายเเละจิตตนเเล้วหรือยัง

    อย่าอวดดีจึงได้ดีจำไว้ให้เเม่น คนเก่งเเล้วอวดตนยกตนข่มท่าน คงไม่มีใครชอบหรอก

    เราต้องนอบน้อมครูบาอาจารย์

    อาจารย์ที่ดีของผมไม่ต้องเก่งเเต่ต้องเป็นคนดี<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    ศิษย์วงใน.........ศิษย์วงนอก

    มีคำกล่าวคำว่าศิษย์วงใน ในหมู่ศิษย์เองที่สถาปนาตนเองที่มีโอกาสดีที่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ของเขาเหล่านั้น ทำให้หลายคนเกิดความคิดในเรื่องเเบ่งชนชั้น ซึ่งใครๆหลายคนรับรองว่าคงอยากเป็นศิษย์วงในกันทั้งนั้นเพราะดูเหมือนคำๆนี้จะเป็นที่ถูกจริตกับบรรดาคนที่เป็นเเฟนพันธ์เเท้ของอาจารย์ตนเองทั้งหลาย เเละเกจิอาจารย์หลายท่านก็มีเลขาส่วนตัวซึ่งหน้าที่ปกติควรจะอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ศรัทธาเสมอภาคกันเเต่หลายท่านกลับกีดกันกันท่าก็มี

    กลับมาถึงเรื่องสมัยพุทธกาลคงทราบดีว่าพระพุทธองค์มีพระเลขาคือพระอานนท์ซึ่งพระพุทธเจ้าเองทรงตรัสสรรเสริญว่าพระอานนท์เป็เลิศด้านการอุปฐากเเละรู้กาลเวลา


    เเต่สมัยนี้ทำไมเราถึงไม่ค่อยเห็นอย่างพุทธประวัติ

    หลวงพ่อทวดท่านเคยบอกกับบรรดาคนที่เคารพรักท่านว่าค่าไม่มีศิษย์วงในวงนอกหรอกทุกคนที่เชื่อฟังปฏิบัติตามธรรมที่ท่านสอนท่านบอกว่านั่นเเหละศิษย์ท่านเเละท่านยังบอกอีกว่า ท่านสอนให้เราเป็นครูคนไม่ได้สอนให้เราเป็นลูกน้อง หมายความว่าท่านอยากให้เราสามารถสอนสิ่งดีกับคนอื่นได้

    บางคนเเบ่งสายครูบาอาจารย์ ฉันสายหลวงพ่อ..ฉันสายหลวงปู่.. ฉันสาย...
    บางคนบอกว่าอาจารย์ฉันเก่งสุดเก่งกว่าใคร
    บางคนบอกฉันนี่เเหละสายตรง...ทางอื่นๆผิดหมด

    ท่านปัญญาชนทั้งหลายคงจะรู้คำตอบเเล้วโปรดทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932
    :cool::cool::cool:
     
  12. พุทโธ ภควา

    พุทโธ ภควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    559
    ค่าพลัง:
    +1,764
    ชอบประโยคนี้จัง
    ท่านปัญญาชนทั้งหลายคงจะรู้คำตอบเเล้วโปรดทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ
    :cool:
    โดยเฉพาะสถานะการณ์บ้านเมืองตอนนี้
     
  13. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,932

    ไว้จะนำมาลงให้อ่านอีกนะครับ
     
  14. night_club

    night_club เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    710
    ค่าพลัง:
    +1,134
    :cool::cool::cool:
     
  15. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พระปิดตาวังหน้าแจกฟรีสำหรับทุกท่านที่มาร่วมงานเสาร์ ๕ นี้..........ได้เป็นตำนานไปแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. kaewmongkol

    kaewmongkol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +286
    เป็นตำนานแล้วนี่หมายถึงหมดแล้วใช่ไหมครับ
    ถ้าใช่ อนุโมทามิด้วยครับ

     
  17. kaewmongkol

    kaewmongkol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +286
    อยากบอกว่า....
    พระกริ่งที่ผมได้ร่วมบุญกับคุณหมอ วันนี้ผมนำมาชมอีกครั้ง รู้สึกว่าเริ่มกลับดำ อย่างที่คุณหมอบอกไว้ในคราววันรับพระแล้วครับ เสียดายจังที่ไม่ได้ถ่ายภาพตอนที่ได้มาตอนแรกๆ ไว้

    สวยงามมากๆๆๆ
    - พระกริ่งมหาสุรสิงหนาถ จากเหลืองอ่อนบรอนซ์ทอง เป็นบรอนซ์คล้ำเหลือบกลับดำ ตามซอกจะออกสีนาคอยู่
    - ส่วนพระกริ่งพุทธสโร ก็เริ่มกลับดำเช่นกัน งามยิ่งนัก งามมากๆๆๆๆ
    - พระกริ่งพระยาเสือที่มารับกับมือคุณพ่อหมอก็เริ่มเปลี่ยนสีจากทองแดงเป็นคล้ำเหลือบดำแล้ว สวยงามมากๆๆ ครับ

    อิ่มอกอิ่มใจอิ่มบุญ เมื่อได้นำมาชมครับ

     
  18. lekso

    lekso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พระปิดตาชุดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อแจกในพิธีเสาร์ ๕ นี้เป็นการเฉพาะไม่มีแล้ว.....ครับ:cool::cool::cool:
     
  19. หมาน้อย50

    หมาน้อย50 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +162
    ได้รับพระกริ่งแล้วครับ....กราบขอบพระคุณมากๆครับ...

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ...สาธุ...
     
  20. PeJune

    PeJune เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +554
    พระกริ่งพุทธสโร (หลวงพ่อเดิม) หมายเลข 218
    โอนปัจจัยร่วมบุญสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์
    จำนวน 5000.00 บาท
    ต้องขออภัยด้วยค่ะที่จำสับสน จริงๆควรจะโอน 5002.18 บาท พอดีไม่ค่อยสบายเป็นไข้หวัดค่ะ SLIP ดังแนบนะค่ะ

    กรุณาจัดส่ง
    ผศ.ดร.ภญ.จุลรัตน์ คนศิลป์
    คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
    ถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002

    ขออนุโมทนาสาธุในกุศลที่คณะของคุณหมอฟอร์ดได้ทำทุกประการ ขอให้เป้าหมายของงานบุญสำเร็จโดยเร็วพลัน เทอญ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...