ขอบพระคุณทุกท่านครับ สาธุ...

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย จิตตานุปัสสนา, 2 ธันวาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ผมเองครับ รายละเอียดทาง pm นะครับ
     
  2. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ส่งให้พี่ท่านรวยๆๆๆๆ แล้วครับ..
    รหัส EH 724 868 948 TH
    สาธุครับ...
     
  3. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระศรีอาริย์ หลวงปู่ทองทิพย์
    มาใหม่ 2 องค์ ซ้ายหรือขวา
    องค์ละ 950.-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05114.jpg
      DSC05114.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      417
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2011
  4. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    รายการคงเหลือ...(รออัพเดทนิดนึงครับ..)

    หน้า 1


    - หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ทองแดงรมดำ รุ่น 1 - 450.- บาท
    - สมเด็จ หลังหลวงพ่อแพ องค์จ้อย (ฉลองอายุ ปี 38) - 200.- บาท
    - หลวงพ่อฤาษีลิงขาว ฉลองอายุ 72 ปี สร้างถวายโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ - 150.-
    - หลวงปูทวด-หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ - 250.-


    หน้า 2

    - เหรียญสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี วัดราชบพิธฯ - 150
    - เหรียญพระครูบุญศรี วัดใหม่สุทธาวาส นครสวรรค์ - 250
    - เหรียญหลวงปู่คำมี พุทธสาโร วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี - 250
    - ตะกรุดแม่ชีณัฐทิพย์ มวลสารเป็นพันชนิด พิธีเดียวกับจตุคามที่ พระอาจารย์เล็ก เมตตาอธิษฐานจิต - 550
    - ปูหนีบทรัพย์ หลวงปู่จักร แก่ว่านสุดๆ หอมมากๆ คุณ อาณัติ จองแล้วครับ..สาธุ (แต่ยังอยู่)

    หน้า 3

    - เหรียญหลวงปู่ท่อน รุ่นเหลือกินเหลือใช้ 250.-

    หน้า 4

    - พระสมเด็จ ท่านเจ้าคุณนรฯ ออกวัดศีลขันธาราม ปี 13 เนื้อผงใบลาน ยันต์นูน คุณ w.สุรพล จองครับ (ยังอยู่นะครับ)
    "องค์บดินทร์" เพียบพร้อมอิทธิฤทธิ์-บุญฤทธิ์ พระที่หลวงปู่แหวน เมตตาเสก 3 เดือน 450.-
    - หลวงพ่ออุตตมะ เลี่ยมพร้อมใช้ มีพระธาตุเสด็จ..คุณล้อมเดช จองครับ...(ยังอยู่ครับ)
    - เหรียญหลวงปู่ครูบาอิน อินโท 250.-
    - หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ 250.-
    - หลวงปู่ืทิม วัดพระขาว พระพิิมพ์หลวงพ่อปาน ทรงไก่... 150.-
    - เหรียญ "หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว" ปี 2524 แท้ดูง่าย ๆ แต่หายาก 450.-

    หน้า 5

    - พระพิมพ์หลวงปู่ศุข วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ 550.-
    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ราคาพิเศษ pm ครับ..
    - ปิดตานะมิ หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ 250.-
    - พระปิดตานอโม หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน ว่านสบู่เลือด 450.-

    หน้า 10

    - พระกำแพงเปิดโลก หรือ ยืนตอ พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพิกุล จังหวัดกำแพงเพชร 8,500.-
    - นางพญา กรุวังหน้า (โชว์) อยากได้ pm นะครับ..

    หน้า 11

    - ขุนแผนหน้าค่าย หลวงพ่อโหน่ง 3000.-
    - พระสรรค์ยืน ลีลา หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม 1,500.-
    - ตะกรุดหลวงปู่เจียม ออกในงานฉลองอายุครบ 83 ปี ครับ สภาพเก่าเก็บบนหิ้งครับ...950.-
    - หลวงปู่หุน วัดบางผึ้ง...เหรียญรุ่นมหาเศรษฐีเสริมบารมี...93 ปี เนื้อตะกั่ว มีจาร..400.- (เอา 6 เหรียญ จาก 2,400 เหลือ 2,000 ตอนนี้เหลือ 10 เหรียญ)


    หน้า 13

    - พระผงจัมโบ้ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม สามโคก ปทุมธานี สวยๆๆๆๆ เนื้อว่าน มีพระธาตุ มวลสารสะใจ (น่าจะเป็นเกศา และอังคารธาตุหลวงปู่) เหลือ 6 องค์ องค์ละ 450.-
    - เหรียญคอน้ำเต้า หลวงพ่อทบ ออกวัดช้างเผือก รุ่น ๑ พ.ศ.๒๕๑๗ เนื้ออัลปาก้าชุบนิเกิล สภาพสวย 2,000.-
    - หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป เกศาเพียบครับ..รุ่นนี้สีเขียว สวยมากมาย..450.-
    - เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต...ออกปี 2510 สวยงามมากมายๆๆๆๆ ตัวหนังสือคมชัด 950.-
    - พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม รุ่น 100 ปี สวยๆๆๆ ครับ สีออกน้ำผึ้งเลยครับองค์นี้.. 3,500.-
    - พระขุนแผน พลายคู่ (หน้ากลม) กรุวัดบ้านกร่าง 4,000.-
    - พระศรีอาริย์ หลวงปู่ทองทิพย์ มี 2 องค์ๆ ละ 950.-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  5. วาตานาเบ้

    วาตานาเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +2,283

    [​IMG]

    จอง องค์ (ซ้าย) องค์สีดำ ครับผม:cool:
     
  6. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    รับทราบการจองครับ
    รวยๆๆๆ :cool:
     
  7. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    หลวงปู่พิบูลย์ ออกวัดดอนกลอย หลวงปู่โชติเสก พิมพ์บล็อกกลาก..
    ถือเป็นรุ่นที่่ 4 ในวงการครับ...

    ปิดให้พี่นอกเว็บครับ..

    [​IMG]

    ประวัติหลวงพ่อพิบูลย์ผู้ก่อตั้งบ้านแดงและวัดพระแท่น

    หลวงปู่พิบูลย์ นามเดิมว่า พิบูลย์ แซ่ตัน เกิดที่บ้านพระเจ้า ตำบลมะอึ (ปัจจุบันตำบลพระเจ้า) อำเภอธวัชบรี
    จังหวัดร้อยเอ็ด บิดาซื่อนายสา แซ่ตัน มารดาซื่อนางโสภา แซ่ตัน มีอาชีพค้าขาย และทำนา เคยรับราชการทหารอยู่หลายปี และเคย แต่งงานแต่ไม่ปรากฏชื่อภรรยา ได้ครองเรือนอยู่ด้วยกันหลายปีแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน จึงไปขอบุตรสาวของนายจันทีมาเลี้ยงจนบุตรสาวโต และได้แต่งงานกับชายมีฐานะทัดเทียมกัน ปกติวิสัยของหลวงปู่ตั้งแต่เป็นฆราวาส เป็นคนชอบทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ชอบทำบุญฟังธรรมและสนทนาธรรมอยู่เป็นประจำ ต่อมาเห็นว่าบุตรสาวและบุตรเขยอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขแล้ว จึงปรึกษากับภรรยาและบุตรว่าอยากจะบวชภรรยาและบุตรก็ตกลงให้บวช โดยภรรยามีข้อแม้ว่าจะขอบวชถือศีลแปด เหมือนกัน แต่จะไปคนละทิศ จึงได้ตกลงแยกกันบวชกับภรรย และยกทรัพย์สินทั้งหมดให้บุตรสาวและบุตรเขย หลังจากนั้น 7 วัน หลวงปู่พิบูลย์ก้ได้ชวนนายฮวดซึ่งเป็นเพื่อนรักกันออกบวชกับสำนักพระอุปัชฌาย์ ในขณะนั้นที่มีอายุได้ 45 ปี (ไม่ปรากฏชื่ออุปัชฌาย์ ) บวชอยุ่ได้หนึ่งพรรษา จึงได้แยกกับหลวงปูฮวด และเดินธุดงค์ไปยังประเทศลาว โดยไปที่ภูอากและภูเขาควาย เพื่อบำเพ็ญสมณธรรมอยู่หลายพรรษา ต่อมาหลวงปู่ก็ได้พบอาจารย์ วิเศษซึ่งมีไม้เท้าหนักหมื่น (12 กิโลกรัม ) จึงได้เรียนกรรมฐาน และปฏิบัติธรรมอยู่กับลูกศิษย์รูปอื่น ๆ ของพระอาจารย์ 7 รูป เป็นเวลา 3 ปี
    ต่อมาพระอาจารย์จึงได้เรียกลูกศิษย์ทั้ง7 รูปมาทดสอบ โดยส่งลูกสมอให้คนละลูก ซึ่งถ้าผู้ใดได้บรรลุธรรมวิเศษแล้วขอให้อมลูกสมอแตก หลวงพ่อพิบูลย์จึงอมลูกสมอปรากฏว่าแตกเหมือนกับลูกศิษย์ของอาจารย์อีก 2 รูป อาจารย์จึงส่งให้กลับมาประกาศพุทธศาสนายังประเทศไทย ให้หลวงปู่พิบูลย์ประกาศศาสนาที่ภาคอีสาน ส่วนอีก 2 รูป ให้ประกาศพระพุทธศาสนาที่ภาคเหนือและภาคใต้ หลวงปู่จึงได้เดินทางข้ามลำน้ำโขงมาทางนครพนม และนมัสการพระธาตุพนมแล้วเดินทางมาถึงอำเภอกุมภาปี จังหวัดอุดรธานีมาตั้งวัดอยู่เกาะแก้วเกาะเกศ ที่วัดแห่งนี้เดิมที่เป็นสถานที่อาถรรพณ์ผู้คนไม่กล้าเข้าไปใกล้ พอหลวงปู่พิบูลย์ไปแผ้วถาง ไม่มีอันตรายชาวบ้านจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา และที่ท่าน้ำบริเวณวัดแห่งนี้มีจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่งชอบขึ้นมาลักลอบเอาสุนัข และสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านไปกินเป็นประจำ ชาวบ้านจึงไปปรึกษาหลวงปู่ ท่านหลวงปู่ก็บอกว่าไม่ต้องกลัวมันบ่ยากดอก (ภาษาอีสาน แปลว่า ไม่ยาก ) แล้วบอกให้ชาวบ้านเอาเทียนเวียนหัวคนละเล่มชาวบ้านทำตามที่หลวงปู่ก็นั่งบริกรรมอยู่สักครูก็บอกชาวบ้านว่า ให้คอยดูจะเอาแส้ (ไม้เรียว ) ลงไปไล่ตีมันให้หนีจากวังน้ำนี้ สักครู่หลวงปู่พร้อมด้วยเทียนที่ถืออยู่กับไม้เรียวก็ลงไปในน้ำชาวบ้านเห็นน้ำขุ่นมัวไปหมด ประมาณ 2 ชั่วโมง หลวงปู่ก็กลับขึ้นมาซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่เทียนในมือของหลวงปู่ถือลงไปดำน้ำก็ยังไม่ดับ และสบงจีวรก็ไม่เปียก หลวงปู่บอกชาวบ้านว่า มันยอมแพ้แล้วจะหนี้ไปภายในใน 7 วัน หลวงปู่จึงเรียกจระเข้ขึ้นมาให้ชาวบ้านดู จระเข้ก็ขึ้นมานอนนิ่งที่ฝั่ง หลวงปู่ก็บอกอีกว่า ให้หนีจากลำห้วยแห้งนี้ภายใน 7 วัน(ลำน้ำปาวในปัจจุบัน) ภายใน 7 วัน จระเข้ก็คลานลงไปในน้ำหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีจระเข้ในลำน้ำปาวอีกเลย จึงยิ่งทำให้ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาหลวงปูเป็นอย่างมากยิ่งเป็นทวีคูณ หลวงปู่ได้สร้างวัดพอสมควรแล้ว จึงเดินธุดงค์ขึ้นไปหาพระอาจาร์ที่ที่ประเทศลาว พอไปถึงอาจารย์ก็บอกว่าวัดที่สร้างไม่ใช่วัดที่ข้าบอกวัดที่ข้าบอกอยู่ทิศเหนือชองหนองหานติดกับห้วยหลวงหลวงปู่จึงเดินธุคงค์กลับมา เพื่อบอกลาพ่ออกแม่ออก (ญาติโยม ) ทำให้ ญาติโยมเสียดายเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นหลวงปู่ก็เดินทางเพื่อหาวัดที่พระอาจารย์บอกไปสร้างต่อ พอมาถึงบ้านเชียงงาม (ปัจจุบันอยู่ติดกับอำเภอหนองหาน ) หลวงปู่ได้พบกับโยมคนหนึ่งชื่อโยมเวียง จึงถามหาห้วยหลวง โยมเวียงบอกว่า วันนี้คงเดินทางไปไม่ถึงห้วยหลวงขอให้จำพรรษาที่วัดนี้ก่อนเพราะวันนี้เป็นวันเข้าพรรษา หลวงปู่จึงรับนิมนต์แล้วจำพรรษาที่วัดเชียงงาม โยมเวียงจึงพาหลวงปู่เข้าบ้าน หลวงปู่จึงถามโยมเวียงว่า มีโครเอาอะไรมาฝากไวไหม ทางโยมเวียงตอบว่าเมื่อ 10 ปีก่อนมีคนเอาไม้เท้ามากฝากไว้ บอกว่าจะมีคนมาเอาเอง โยมเวียงจึงได้นำมาถวายหลวงปู่ หลวงปู่จึงคลี่ผ้าขาวออกมีตัวหนังสือเป็นตัวยันต์เต็มไปหมด ใจความว่า หลวงปูพิบูลย์ โยมเวียงจึงถามว่าผู้ที่นำไม้เท้ามาฝากนี้เป็นใคร หลวงปู่บอกว่าเป็น เทพบุตรอยู่ในสรวงสวรรค์มาฝากไว้
    ในขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเชียงงาม มีหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อเถิกเป็นคนหัวดื้อ เรียนวิชาอาคมมา (เดียรฉานวิชา) คือ
    วิชาควายธนู เป็นคนเกะกะระรานชาวบ้าน หลวงปู่จึงได้ว่ากล่าวตักเตือน นายเถิกเกิดความไม่พอใจจึงโกรธจัด
    ครั้นหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ นายเถิกได้ปลอยควายธนู หวังจะฆ่าหลวงปู่เพราะความโกรธแค้น ควายธนูของนายเถิกได้วิ่งรอบตัวหลวงปู่แต่ทำอะไรไม่ได้หลวงปู่จึงเอากระโถนครอบควายธนูนายเถิกไว้ ต่อมาวันรุ่งเช้า หลวงปู่ออกบิณฑบาตก็เห็นชาวบ้านกำลังทำโลงศพใส่นายเถิก ซึ่งชาวบ้านบอกว่าไหลตายตั้งแต่ตอนตีสองเมื่อคืนนี้ หลวงปู่จึงบอกว่าไม่ต้องทำโลงศพหรอก ให้นายเถิกกินน้ำมนต์หลวงปู่ก็ฟื้น แต่ต้องให้หลวงปู่ ฉันภัตตาหารก่อน ให้เอาขัน 5 ขัน 8 มาให้ พอหลวงปู่ได้ขันดอกไม้และเทียนเป็นขัน 5 ขัน 8 แล้วหลวงปู่จึงทำน้ำมนต์ แล้วให้ชาวบ้านเอาไปกรอกปากนายเถิก นายเถิกจึงฟื้นขึ้นมาและได้ขอบวชกับหลวงปู่และเป็นผู้ติดตามหลวงปู่ ออกพรรษาแล้วหลวงปู่ก็ได้เดินทางไปยังทิศเหนือของอำเภอหนองหาน จนถึงห้วยดาน ได้พบจารย์มีเป็นคนแรก จึงถามว่าอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านไท และจารย์มีจะไปไหน จารย์มีตอบว่าอีกไม่ไกลหรอก ตอนนี้กำลังออกตามหาควาย เพราะควายหายไปหลายวันแล้ว หลวงปู่ก็บอกว่า บ่ต้องไปหามันดอก สีนวดเอามันก็แล่นตาม (ภาษา อีสานใจความว่า ไม่ต้องไปตามหาหรอกสีนวดเอาควายก็จะวิ่งตามาเอง ) ให้มารับเอาบริขารหลวงปู่ไปทีบ้านไท จารย์มีก็เลยพาหลวงปู่ไปที่บ้านไท ซึ่งก็เป็นที่อัศจรรย์เมื่อหลวงปู่กับจารย์มีเดินข้ามห้วยหลวงมาถึงห้วยมันปลา ก็ปรากฏว่าฝูงควายที่พ่อจารย์มีตามหาอยู่หลายวัน วิ่งตามมาจริง ๆ หลวงปู่ก็เลยบอกว่ามันตามมาแล้ว จารย์มีจึงเริ่มเห็นอภินิหารของหลวงปู่ พอไปถึงบ้านไท หลวงปู่จึงได้ถามชาวบ้านว่ามีวัดเก่าไหมแถวละแวกนี้ ชาวบ้านก็บอกว่า มีแต่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้คนเข้าไปไม่ได้แม้แต่จะปัสสาวะก็ไม่กล้าหันหน้าไปทางนั้น ถ้าใครไม่เชื่อจะมีอันเป็นไปถึงตาย หลวงปู่บอกว่าไม่เป็นอะไรหรอกเพราะเจ้าของมาแล้ว จากนั้นหลวงปู่จึงได้ชักชาวบ้านเข้าไปดูในวัด ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดอกไม้สีแดง มีซากปรักหักพัง ของโบสถ์วิหาร ภายในวิหารมีแท่นพระใหญ่ แต่ไม่มีพระพุทธรูป มีต้นแดง ต้นใหญ่อยู่ใกล้ ๆ หลวงปู่จึงตั้งชื่อว่า วัดพระแท่น ตามแท่นพระใหญ่ และชาวบ้านไทแผ้วถางได้ประมาณ 6 ไร่ และชาวบ้านได้พากันบริจาคหญ้าสำหรับมุงหลังคา เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้หลวงปู่เมื่อวันอังคาร แรม 8 ค้ำ ปีชวด พ.ศ. 2443 ( 16 ตุลาคม 2443 ) ด้วยไพหญ้าคา 34 ไพ หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ได้พาชาวบ้านไทพัฒนาวัดพระแท่น และได้วางผังเมือง ใหม่แล้วชักชวนชาวบ้านไทให้มาอยู่ที่แห่งใหม่ โดยตั้งชื่อว่า บ้านแดง ตาม นามต้นไม้แดงใหญ่และหนองแดง หลวงปู่ได้พาชาวบ้านพัฒนาทั้งวัดและบ้านใครมีเรื่องเดือดร้อนอะไร หลวงปู่ก็จะช่วยเหลือหมด จนกระทั้งชื่อเสียงของหลวงปู่เลื่องลือไปไกล มีราษฏรจากหลายจังหวัด อพยพครอบครัวมาอยู่ กับหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านสร้างศาลาใหญ่ขี้น โดยเลือกเอาเฉพาะไม้แดง ไม้ตะเคียน ไม้ปะดู่ ไม้เต้ง หลวงปู่พาชาวบ้านสร้างศาลาใหญ่ทั้งวันทั้งคืนกลางวันก็ผลัดคนแก่ กลางคืนคนหนุ่มสาวช่วยไปลากไม้โดยหลวงปู่ทำเป็นเกวียนหลังใหญ่ ให้หนุ่มสาวไปลากไม้มาทีละ 4-5 ท่อน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่พาชาวบ้านไปตัดต้นตะเคียนยักษ์ ที่ริมห้วยหลวงแต่ไม้กลับล้มลงไปในห้วยหลวง น้ำลึกประมาณ 3-4 เมตรไม่มีใครกล้าลงไปตัดหลวงปู่จึงดำน้ำลงไปตัดคนเดียว ประมาณ 2 ชั่วโมง หลวงปู่ก็เอาไม้ตะเคียนใหญ่ขนาดวัดรอบ 3 วา 2 ท่อน ยาวท่อนละ 12 ศอก โดย ที่ผ้าสบงจีวรไม่เบียกน้ำ ต่อมาสร้างวัดเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็พาชาวบ้านสร้างที่พักอาศัย ให้ชาวบ้านมาขออยู่รอบวัดทางทิศตะวันออกหลังใหญ่ 1 หลัง ทำมีด ทำจอบ ทำเสียม ไว้เป็นกองทุนคอยแจงจ่ายชาวบ้านที่มาขอพึ่งใบบุญ และทำธนาคารข้าว ธนาคารโคกระบือไว้คอยแจกจ่ายแก่คนยากจนและได้บอกกับชาวบ้านว่า บ้านแห่งนี้จะเห็นเมืองในอนาคต จึงชักชวนชาวบ้านวางผังเมือง โดยแบ่งสถานทีราชการในอนาคตไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่ ส่วนที่อยู่บ้านก็แบ่งเป็นคุ้ม ๆ ให้อยู่อย่างมีระเบียบจนถึงปัจจุบัน และการห่มจีวรของพระภิกษุสามเณร ให้ห่มเหมือนพระอุปัชฌาย์บวชให้ ( นิกายเดิม) จนทำให้ทางราชการบ้านเมือง คณะสงฆ์เข้าใจผิดคิดว่าหลวงปู่เป็นกบฏซ่องสุมอาวุธ จึงได้จับหลวงปู่นำไปถ่วงน้ำที่เกาะสีชัง จังหวัดภูเก็ต นานถึง 7 วัน 7 คืน คิดว่าคงมรณ
    ภาพแล้วจึงได้นำขึ้นมา แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะหลวงปู่ยังไม่มรณภาพและผ้าสบงจีวรที่หลวงปู่นุ่งก็ไม่เปียกน้ำ จึงทำให้ทางราชการเกิดความศรัทธาจึงนิมนต์ให้อยู่ที่นั่นนานถึง 3 ปี จึงส่งหลวงปู่กลับวัดพระแท่น บ้านแดง ด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่กลับมาก็พากันดีอกดีใจ จึงขอบวชชีพราหมณ์ให้ ฝ่ายพระสงฆ์บอกว่าผิดกฏหมายของสงฆ์จึงนำตัวหลวงปู่ไปอีกครั้ง โดยนำไปไว้ที่วัดโพธิสมภรณ์เจ้าคณะมณฑลอุดร ขณะที่อยู่วัดก็ถูกบังคับให้สึกไม่ให้บิณฑบาต แต่หลวงปู่ไม่ทำตามและยังมีราษฏรที่มีความศรัทธา นำเอาเงินทองไปถวายไม่ขายระยะ ขณะอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ 15 พรรษา ได้สร้างกุฏิ 55 หลัง และฉางข้าว 2 หลัง เงินที่ได้รับบริจาคยังให้ลูกศิษย์ คือหลวงโชติ (ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว อายุได้85 ปี ) ได้ซื้อโคกระบือ แจกจ่ายชาวบ้านอยู่ตลอดเวลาครั้นหนึ่ง ที่กุดแห่บ้านนานกหงส์ ได้มีฝูงจระเข้เข้าอยู่อาศัยในหนองน้ำมีมากมาย จนชาวบ้านไม่กล้าลงไปทำมาหากินในหนองน้ำ จึงนิมนต์หลวงปู่ไปปราบให้ หลวงปู่จึงพาชาวบ้านไปถึงกุดแห่ ก็ทำพิธีกรรม เสร็จแล้วก็ถือเทียนและแส้ลงไปในน้ำ หลวงปู่บอกชาวบ้านว่าอยากเห็นเรือทองคำไหมเมื่อชาวบ้านบอกว่าอยากเห็น หลวงปู่ก็ล้วงมือลงไปในน้ำแล้วจับเรือทองคำยาวปะมาณ 3 เมตร ขึ้นมาเมื่อชาวบ้านเห็นเรือทองคำแล้วก็ปล่อยลงไปในน้ำเหมือนเดิม แล้วหลวงปู่ก็ดำน้ำลงไปนานประมาณ 1 ชั่วโมง ชาวบ้านเห็นน้ำขุ่นมัวไปหมด พอหลวงปู่ขึ้นมาก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะเทียนที่หลวงปู่ถือดำน้ำลงไปยังไม่ดับและสบงจีวรก็ไม่เปียก หลวงปู่บอกว่าอีก 7 วัน ก็ให้ชาวบ้านลงไปหาปลาได้ ซึ่งตั้งแต่นั้นมาหนองน้ำแห่งนี้ไม่ปรากฏว่ามีจระเข้อีก ในครั้งที่เกิดสงครามอินโดจีน ฝรั่งเศสมาทิ้งระเบิดที่นาเกลือ หลวงปู่สามารถบอกได้ว่าวันนี้จะมีการทิ่งระเบิดที่ไหน กี่ลูก หลวงปู่ก็รู้หมด แต่หลวงปู่บอกว่าอย่าตกใจ เพราะลูกระเบิดไม่ระเบิด ก็เป็นจริงดังหลวงปู่ว่าทุกประการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 หลวงปู่ก็อาพาธด้วยโรคชราภาพ มีลูกศิษย์ คอยดูแลรักษาปรนนิบัติ เป็นต้นว่า หลวงปู่หนู หลวงปู่โชติ พร้อมญาติโยมตอนที่หลวงปู่จะมรณภาพนั้นก็บอกให้ลูกศิษย์ออกไปข้างนอกและให้ปิดประตูเวลา 5 ทุ่ม ปรากฏว่าได้มีแสงสว่างเหนือกุฏิ ลูกศิษย์จึงได้เปิดประตูเข้าไปและพบว่าท่านมรณภาพแล้ว หลวงปู่พิบูลย์ได้มรณภาพในท่า สหไสยาสน์ สิริรวมอายุได้ 135 ปี บรรดาลูกศิษย์ เมื่อทราบข่าวจึงพากันมาขอรับศพกลับคืนวัดพระแท่นบ้านแดง แต่เกิดปัญหาก็เลยต้องขอความร่วมมือทางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านช่วย ชาวบ้านและลูกศิษย์จึงได้นำศพคืนโดยชาวบ้านนำเกรียนมา 100 เล่ม แห่ศพหลวงปู่คืนที่วัดพระแท่นและได้บรรจุศพหลวงปู่ไว้นานหลายปี ต่อมาเจ้าอธิการคำพันธ์ คันธะโร ได้พาชาวบ้านสร้างเจดีย์เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2504 จึงได้ทำพิธีเผาศพ เมื่อปี พ.ศ. 2504 และในพิธีเผาศพก็ได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ เช่น ไฟไหม้กงเกวียนที่บรรจุศพของท่านต้องใช้น้ำรดตลอด เป็นต้น แสดงว่าคำทำนายของหลวงปู่ถูกต้องหมดทุกอย่างตามที่ทำนายและวางผังไว้ทุกประการ
    มรณะเมื่อวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๓ พ.ศ. ๒๔๘๙ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จังหวัดอุดรธานี
    พ.ศ. ๒๕๐๔ เผาศพจึงเก็บอัฐินำมาบรรจุที่เจดีย์
    พ.ศ. ๒๕๐๗ หลวงพ่อชม ได้พาชาวบ้านหล่อรูปเหมือนท่านมาประดิษฐ์ไว้ในพระวิหาร พร้อมสร้าง
    เหรียญรุ่นแรก ( ห้าเหลี่ยม มีรูปฝ่ามือฝ่าเท้า ) รุ่นแรก จำนวน ๔,๐๐๐ เหรียญ เป็นเหรียญทองแดง ๒,๐๐๐ เหรียญ เป็นเหรียญทองเหลือง ๒,๐๐๐ เหรียญ

    คัดลอกจากหนังสือดังกล่าวข้างต้น หน้า ๓๕


    เบาๆ 2,000 บาท สายนี้ราคานี้ ไม่แพงครับ บอกเลย..

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228

    กรุณาช่วยค่าจัีดส่ง 50 บาทครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05115.jpg
      DSC05115.jpg
      ขนาดไฟล์:
      967.6 KB
      เปิดดู:
      148
    • DSC05118.jpg
      DSC05118.jpg
      ขนาดไฟล์:
      838.3 KB
      เปิดดู:
      156
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  8. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    สมเด็จคะแนน หมออวย - อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่ขาว อนาลโย
    ปิดใหู้ผู้สนใจทาง pm ครับ สาธุ...

    [​IMG]

    สวยๆๆๆ มวลสารจัดๆๆๆๆ องค์ครูเลยครับ เนื้อแบบนี้
    เห็นคำหมาก และมวลสารบางขุนพรหมชัดเจน
    คงไม่ต้องบรรยายมาก ผู้มีบารมีเกี่ยวข้องจะมาเอาเอง
    ถามกันมาเยอะทั้งโทรศัพท์ ทั้ง pm

    สาธุครับ..

    เบาๆ 4,500 บาท มวลสารแจ่มมากมาย..
    (รายการนี้จัดส่้งฟรี)

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228

    ลดกันเต็มที่ครับพี่น้อง 3,500 บาท ใครเร็วก็ได้ไป
    เชิญนิมนต์ครับ..
    โอกาสสุดท้าย!!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05120.jpg
      DSC05120.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      122
    • DSC05122.jpg
      DSC05122.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      115
    • DSC05123.JPG
      DSC05123.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      140
    • DSC05124.JPG
      DSC05124.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      106
    • DSC05127.JPG
      DSC05127.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      110
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  9. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    พระพิทักษ์โลก หนึ่งในตำนานของหลวงปู่ทองทิพย์ วัดป่าสีดาำพระรามลักษณ์รัตนโคตร
    ลูกศิษย์ลูกหาเห็นเก็บหมดครับพี่น้อง..

    ปิดให้คุณ pikarzo ครับ...

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพนี้ คือ ภาพกวางทอง ครับ ...
    หน่อเนื้อเชื้อพุทธางกูรอนาคตวงศ์องค์ต่อไป
    กราบ กราบ กราบ...


    คำสอนองค์หลวงปู่...

    ตัดความโลภจะเป็นผู้มีลาภ
    ตัดความโกรธจะเป็นผู้มีศีล
    ตัดความหลงจะเป็นผู้มีปัญญา
    จำไว้นะลูก อย่าหลงตัวเอง และอย่าลืมตัวฯ



    ชีวประวัติ หลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร (ทองทิพย์ พุทธปัญโญ)
    อดีตประธานสงฆ์ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร
    ตำบลสีกาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย

    ชาติภูมิ
    พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ (ทองคำศรี รัตนโคตร) เดิมชื่อว่า ทองคำศรี จันทะคัต บิดาชื่อ นายประเสริฐ จันทะคัต มารดาชื่อ นางลุนณี จันทะคัต ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับปีฉลู ณ จังหวัดร้อยเอ็ด เดิมประกอบอาชีพทำนา จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี โดยมีพระสมุพิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

    การอุปสมบท
    พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ได้เข้ารับการอุปสมบทเมื่อ อายุครบ ๒๐ ปี ในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๗ ณ วัดศรีจันทร์เขืองใหญ่ ตำบลหมูม้น อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระสมุพิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “พุทธปัญโญ" แปลว่า ปัญญาแห่งอันประเสริฐแห่งพุทธะ” ตามลายมือชื่อของท่านว่า “พระทองคำศรี รัตนโคตร” อันปรากฏอยู่ในหนังสือสุทธิ และนามว่า “ทองทิพย์ พุทธปัญโญ” นั้น เป็นนามเรียกที่เป็นที่รู้จักมักคุ้นโดยทั่วกันในหมู่ศิษยานุศิษย์ นั้นคือ "หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ”

    การออกธุดงค์จาริก
    พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ได้เข้าพำนักศึกษาฝึกฝนการปฏิบัติกรรมฐาน อยู่ในสำนักของพระอาจารย์กรรมฐาน แล้วได้ผ่านการบำเพ็ญธุดงค์ ณ สถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิเช่น จังหวัดนครพนม รวมถึง ภูมิภูเขาควาย เป็นต้น จนได้พบสถานที่อันเหมาะสมแห่งการก่อร่างสร้างฐานการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนตามแนวทางขององค์สมเด็จ
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร (เดิมชื่อ วัดดอนพิพวย) ตั้งอยู่ที่ บ้ายฝายแตก หมู่ ๘ ตำบลสีกาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ร่วมกับกับคณะศิษย์และโยมอุปปัฏฐาก แล้วได้พำนักประจำอยู่ ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รตนโคตร เรื่อยมาตั้งแต่ ปีพ.ศ.๒๕๐๐ จวบจนกาล ที่ได้ได้ล่วงละสังขารไป ในวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

    พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ เป็นพระกรรมฐานาจารย์ พระมหาเถระ ผู้เป็นเนื้อนาบุญ องค์บรมครูหน่อพุทธางค์กูรนี้ ผู้มีคุณูปการณ์อย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา ด้วยจริยาวัตรอันงดงาม และน่าเลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ทั้งบรรพชิต พระภิกษุสงฆ์ สามเณร อุบาสกอุบาสิกา จากทั่วทุกสารทิศได้หลั่งไหลเข้ากราบสักการะ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ อย่างต่อเนื่อง
    เสมอมา นับตั้งแต่ครั้งที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ยังมีชีวิต จวบจนถึงปัจจุบัน ในกาลที่ท่านฯ ได้ละสังขารล่วงไปแล้วนั้น ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน ทั้งหลายเหล่านั้น ที่ยังมีความศรัทธาต่อ องค์คุณูปการณ์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และด้วยการเก็บรักษา ร่างสังขารของท่านไว้ในโลงแก้วปรับอากาศ เพื่อน้อมสักการะบูชา และโดยการสรงร่างสังขารของพระเดชพระคุณท่านฯ ด้วยหัวน้ำหอมอย่างดี และเปลี่ยนชุดไตรจีวรถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ อย่างต่อเนื่องเสมอมา ตามความน้อมเคารพสักการะ ในองค์คุณของท่านฯ

    ปฏิปทาของท่านนั้น กอปรด้วยพระวิสุทธิคุณอันสูงส่ง มีมโนปณิธานอันพร้อมด้วยพระเมตตาและมหากรุณาธิคุณ ในความมุ่งหมายที่จะยังสัตว์โลกให้ได้รู้ธรรม ด้วยทาน ศีล และภาวนา อีกทั้งท่านยังได้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี วจีคำสอนอันไพเราะงดงามและครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยอรรถะ และพยัญชนะ และหลายครั้ง หลายคราวที่ท่านฯ นำเรื่องราวในพุทธประวัติ และพุทธชาดกของพระบรมโพธิสัตว์ที่จะมาเลี่ยงลัดตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลมาบอกกล่าว และเทศน์สอนลูกศิษย์

    พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ ได้ล่วงละสังขาร ในวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร โดยก่อนมรณภาพ ท่านได้มอบหมายต่อลูกศิษย์ ว่ามิให้ฌาปณกิจสังขารของท่าน ให้ใช้ผ้าไหมพันสรีระสังขารไว้แล้วสรงบูชาด้วยหัวน้ำหอม

    [​IMG] [​IMG]

    พระพิทักษ์โลกหลวงปู่ทองทิพย์ ประวัติของหลวงปู่ ไม่มีใครรู้รายละเอียดและเปิดเผยได้ เพราะขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ให้สัมภาษณ์ ห้ามถ่ายรูป และลงเรื่องราวต่างๆ ของท่านในนิตยสารใดๆ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม

    นักรบธรรมได้รายละเอียดจากอาจารย์ว่า ท่านคือพระเถระโพธิสัตว์เจ้าองค์หนึ่ง ท่านลงมาทำงานด้านศาสนาและเชื่อมแผ่นดินสองฝั่งโขงให้คนมีความเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน ก่อนที่จะพ้นคำสาบแช่งของนายศรีโคตรท่านได้ให้ความช่วยเหลือและประสานงานให้ ชายคนหนึ่งกับกลุ่มชาวพระยานาคในโลกบาดาลแถวลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีหลวงปู่ศรีสุทโธเป็นหัวหน้า เพื่อฟื้นฟูศาสนาและศิลธรรมในดินแดนล้านช้างหลังจากการเข้าครอบงำของลัทธิ สังคมนิยมในปีพ.ศ.2518 เป็นต้นมา จนกระทั่งเมื่อพ.ศ.2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเปิดสมานมิตรภาพไทย-ลาวเป็นปฐมฤกษ์ บ่งบอกถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องลงมือปฏิบัติงานตามหน้าที่แต่ละคน ซึ่งรู้กันเองโดยไม่ต้องมีใครคอยบอก นอกจากจะทำให้รัฐบาลสังคมนิยมของ ส.ป.ป.ลาว ยอมรับในพิธีกรรมทางด้านศาสนา เช่นการตักบาตร การบวช ประเพณีงานบุญในฤดูการต่างๆ แล้วท่านยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้กลุ่มลัทธิ อนุตรธรรม เข้าไปเผยแผ่ลัทธิคำสอนที่บิดเบือนในแผ่นดินของลาวได้และขณะเดียวกันก็ยัง ช่วยเหลือนักโทษสงคราม MIA หรือกลุ่มนักบินอเมริกันในสมัยสงครามเวียดนามที่ถูกขังในถ้ำแห่งหนึ่งแถบ แขวงเชียงขวาง ให้ออกมาและกลับคืนสู่มาตุภูมิได้ 2 คนในปี พ.ศ.2539 อีกด้วย จากที่มีจำนวนมากถึง 650 คน ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่

    ก่อนที่หลวงปู่เราจะมรณะภาพนั้น ท่านได้สละวิชาทั้งหมด ทิ้งฤทธิ์เดชทั้งหมด มีลูกศิษย์ที่เป็นมาร เมื่อไม่ได้วิชาจึงทำของใส่หลวงปู่ ครั้งแรกหลวงปู่รอดได้เพราะเพื่อนพระที่เป็นผู้ถอดกายพันปีเหมือนกัน อยู่ที่วัดบ้านเหล่าใหญ่ คือหลวงปู่อ้อยวัดภูน้อยเทพนิมิต อ.กุฉินารายณ์ กาฬสิน หลวงปู่ทองทิพย์ทราบด้วยฌาน จึงให้ลูกศิษย์ไปนิมนต์มาพบ เมื่อมาพบแล้วด้วยหลวงปู่อ้อยมียาลักษณะเหมือนเขากวางปะการังไปเหน็บในเอว ของ หลวงปู่ทองทิพย์ ของที่ทำมาครั้งแรกจึงออก หลวงปู่อ้อยนิมนต์ให้หลวงปู่ทองทิพย์กลับ มาใช้ฤทธิ์เหมือนเดิม แต่หลวงปู่ทองทิพย์ไม่รับนิมนต์ ครั้งสุดท้ายหลวงปู่ทองทิพย์ มีลูกศิษย์พระคนเดิม คนที่อยู่หนองคายนั่นแหละเอาไอติมให้ฉัน หลวงปู่ทองทิพย์ เองก็รู้ว่าไอ้นี่ใส่ของให้กูกินอีกแล้ว แต่ก็ฉันด้วยความปลงในกรรมเวรนี้ พอฉันเสร็จ ท่านก็เรียกลูกศิษย์คือหลวงพี่สอน หรือผมเรียกว่าหลงปู่เหมอ มารับไปอยู่ที่วัดบ้าน นาบั่ว อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนมาท่านบอก "สอน..ไปหาเรือมา..พ่อจะนอนในเรือ." หลวงปู่เหมอจึงนั่งคิดว่าเอ..แล้วเราจะไปหาเรือมาจากไหน มาให้พ่อเรานอนกันหนอ.. จึงไปติดต่อซื้อเรือมาจาก อ.ธาตุพนม ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร จะขอซื้อ ลำหนึ่ง 10,000 บาท แต่ชาวประมงไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย หลวง ปู่เหมอจึงกลับมาที่วัด จุดธูปบอกหลวงปู่ทองทิพย์ว่าคงไม่ได้เรือเพราะเขาไม่ขาย และโทรบอกหลวงปู่ทองทิพย์ตอบเที่ยง หลวงปู่ทองทิพย์หัวเราะแล้วบอก.. "พรุ่งนี้มันก็เอามาให้เอง..." รุ่งเช้าอีกวันเป็นวันที่หลวงปู่ทองทิพย์จะมาวัดแล้ว หลวงปู่เหมอยิ่งร้อนใจ..ประมาณเที่ยงๆ ชาวประมงค์นั้นได้ขี่รถมาบอกให้หลวงปู่เหมอไปเอาเรือเลย ให้ฟรีๆ หลวงปู่เหมอแปลกใจมาก จึงถามว่าทำไม? ชาวประมงบอกว่าผูกเรือล่ามโซ่เอาใว้ แต่หลุด เรือแล่นทวนน้ำโดยไม่มีคนนั่งเลย.. แล่นทวนน้ำมาจาก อ.ธาตุพนมทวนน้ำโขงขึ้นมาจนถึงสามแยกหน้าทางเข้า อ.เรณูนคร เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ขณะนี้ลอยอยู่กลางน้ำโขงไม่กล้าเข้าไปเอา.. หลวงปู่จึงจ้างรถไปจุดธูปบอกกล่าว เรือนั้นก็หันหัวเข้ามาหาฝั่งเอง พอมาถึงวัด พอดีกับหลวงปู่ทองทิพย์มาวัดพอดี เรือกลับไม่ยอมลงจากรถ เอาคนลาก 6-7 คน ก็ไม่ขยับ จึงเดินไปบอกหลวงปู่ทองทิพย์ที่รถตู้ หลวงปู่จึงให้จุดธูปบอกอีก คราวนี้พอดึงเรือ เรือนั้นก็ไหลลงจากรถ แล้วไถลยาวมาประมาณ 20 เมตรมาจอดตรงกลางศาลาเลย เป็นที่น่า อัศจรรย์กับลูกศิษย์ที่มาช่วยกันยกมาก เนื่องด้วยหลวงปู่ทองทิพย์ไม่เดินเหยียบดิน หลวงปู่เหมอจึงอุ้มท่านลงมานอนใว้ที่เรือ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านรู้วาระตัวเอง จึงบอกเป็นนัยๆว่า ถ้าหลวงปู่เหยียบพื้นดินตรงไหน ตรงนั้นจะ มีของวิเศษแปลกๆ ออกมามาก บ่อเงิน บ่อทองของหลวงปู่ก็จะไหลมารวมกันตรงนั้น หลวงปู่เหมอก็ไม่ขอซักทีจะวันที่ 7 วันสุดท้าย หลวงปู่เหมอนึกได้ว่าท่านเคยบอกใว้ว่าแม้แต่ อุจจาระของท่านก็จะกลายเป็นทองคำ หลวงปู่เหมอจึงนิมนต์หลวงปู่ทองทิพย์ว่าขออุจจาระ เพราะหลวงปู่ทองทิพย์ท่านไม่ถ่ายมานานแล้วประมาณ 4 เดือนไม่รูท่านอยู่ได้ยังไง จึงอยากขอดู หลวงปู่ทองทิพย์ท่านจึงให้ไปเอาถังเหลือง สังขทานมาถ่ายให้ ปรากฎว่าถ่ายได้เกินครึ่ง ของถัง สังข ทาน แต่ไม่เหม็นเลย ย้ำไม่มีกลิ่นเหม็นเลย พอถ่ายเสร็จหลวงปู่เหมอจึงประคองท่านลงมาจากเรือมาทำความสะอาด หลวงปู่ทองทิพย์จึงเหยียบดิน ณ.ที่ตรงนั้น หลวงปู่เหมอจึงพูดยิ้มๆ ว่า พ่อหลงกลผมแล้ว พ่อเหยียบดินของผม หลวงปู่ทองทิพย์ก็หัวเราะ.. วันที่ 8 ท่านกลับวัดที่ หนองคายจึงมรณะภาพไปด้วยความสงบ ...เพราะไอติมนั้น... ผมจึงเล่ามาจากเรื่องจริงที่อยากบอกว่า ...ลูกศิษย์คิดล้างครูเป็นอย่างนี้เอง.. ..ผู้เป็นอริยะท่านไม่ใช้ฤทธิ์หนีเวรกรรมอย่างนี้เอง.. ((คัดลอกจากชีวประวัติปฏิปทาของหลวงปู่ทองทิพย์))


    เบาๆ 12,000 บาท ราคาจริงๆ ก็ 25,000 up แถมหายากอีกต่างหาก..
    (รายการนี้จัดส่้งฟรี)

    กรุณาโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ทหารไทย สาขาย่อย ม.ราชภัฏอุดรธานี
    ชื่อบัญชี ณรงค์ ขันดีศรีไพบูลย์
    เลขที่บัญชี 516-202-8020
    โทรศัพท์ 083-284-9228

    ลดกันสุดๆๆๆ ไปเลยครับ 7,000 บาท สาธุ
    เจ้าของจะมาเอาเอง..
    พิมพ์นี้เรื่องภัยพิบัติโดยเฉพาะครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05131.jpg
      DSC05131.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      183
    • DSC05133.jpg
      DSC05133.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      141
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2011
  10. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ปิดรายการปูหนีบทรัพย์ให้ผู้สนใจทาง pm ครับ...
    (ต้องขออภัยท่านที่จองล่วงหน้านะครับ
    เพราะว่านานพอสมควร)
     
  11. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    สมเด็จงามๆๆๆๆ สักองค์ ของผมแท้ ปล่อยถูก เดี๋ยวหาว่าเก๊ อิอิ...

    หลักการดู พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม

    1. จำพิมพ์ของ พระสมเด็จบางขุนพรหม ให้แม่น มีจำนวนพิมพ์มากกว่า สมเด็จวัดระฆัง 4 พิมพ์ คือ เส้นด้าย ฐานคู่ สังฆาฏิ และอกครุฑ
    2. ดูจากของจริง และเปรียบเทียบกับ พระพิมพ์สมเด็จอื่นๆ เพื่อดูจุดต่าง
    3. ดูเนื้อ และมวลสาร เนื้อของพระสมเด็จบางขุนพรหม จะละเอียดกว่า แน่นกว่า มีมวลสารมงคลน้อยกว่า และมีคราบกรุ อันเกิดจากปฏิกิริยาเคมี มีคราบดิน คราบเหล็กจับ
    4. ซุ้มของสมเด็จบางขุนพรหม จะเล็กกว่าซุ้มของ สมเด็จวัดระฆัง


    องค์งามๆๆๆๆๆ แบบนี้ 30,000 ครับ
    องค์นี้มีรักเดิมอยู่ด้วยครับ สภาพเนื้อหนึกนุ่มสวยงามมากมาย
    พระมีน้ำหนักกำลังพอดี มีมิติสวยงาม ข้างนอกสูงกว่าข้างใน องค์พระสูงเท่ากับข้างนอก
    โบราณวัตถุร้อยปี เนื้ออย่างงี้ สบายใจ
    ข้างๆ ก็สวย หน้าก็สวย สวยทุกมุมมอง
    โอ๊ยๆๆๆๆๆ แท้ๆๆๆๆๆ
    สนใจต่อรองได้ครับ
    มีองค์เดียว..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05137.jpg
      DSC05137.jpg
      ขนาดไฟล์:
      520.6 KB
      เปิดดู:
      174
    • DSC05138.jpg
      DSC05138.jpg
      ขนาดไฟล์:
      548.7 KB
      เปิดดู:
      116
    • DSC05141.jpg
      DSC05141.jpg
      ขนาดไฟล์:
      291 KB
      เปิดดู:
      174
    • DSC05143.jpg
      DSC05143.jpg
      ขนาดไฟล์:
      170.4 KB
      เปิดดู:
      105
    • DSC05148.JPG
      DSC05148.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      143
    • DSC05149.JPG
      DSC05149.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      116
    • DSC05150.JPG
      DSC05150.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      107
    • DSC05151.JPG
      DSC05151.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      130
    • DSC05155.JPG
      DSC05155.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      106
    • DSC05161.JPG
      DSC05161.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      106
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  12. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +7,050
    ขอจองบูชาครับผม

    ขอจองบูชาครับผม โอนเเล้วจะเเจ้งให้ทราบครับ
     
  13. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    [​IMG][​IMG]

    ลดท้าลมหนาว อิอิ...
    สาธุ รวยๆๆๆ
    เจ้าของมานิมนต์ไปด่วนเลยครับ
    555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  14. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    จองพระผงหลวงปู่เจี๊ยะ 1 องค์ ครับ มี2สีใช่ไหมครับ ขอสีเทา นะครับ โอนแล้วจะเข้ามาแจ้งครับ
     
  15. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    มีสีเดียวครับ น้ำตาล มวลสารเยอะๆๆๆ
    เดี๋ยวคัดให้องค์สวยๆๆๆ
     
  16. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    เรื่องเล่าของ หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
    พ่อพระอินทร์เอายามาให้รักษาหลวงปู่
    ที่มา เรื่องเล่านี้ ศิษย์ผู้อุปัฏฐากใกล้ชิดพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ฯ ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสเล่าให้ฟัง
    ......................................................................................................................
    ในครั้งที่หลวงปู่ทองทิพย์เคยรับกรรม ที่ท่านเคยตาบอดนั้น เป็นอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ท่านก็ไม่ได้ไปหาหมอที่ไหน ก็อยู่แต่ในกุฏิ แต่ท่านก็รู้ได้หมดชัดเจน ว่าใครไปใครมา รู้ทุกเรื่องได้เหมือนตอนที่ตาไม่บอด
    ส่วนอุบาสกคนหนึ่ง เป็นศิษย์ผู้ปฏิบัติธรรม ได้ไปนิมิตฝันเห็นชีปะขาวท่านหนึ่ง นำเอายาเป็นแท่งมาให้ บอกว่าให้เอายานี้ไปฝนและให้หลวงปู่ฉัน อุบาสกก็รับไว้ จนเมื่อตื่นขึ้นก็พบว่ามียาแท่งนั้นในมือ จึงดีใจคิดว่าคงเป็นพระอินทร์นำยามาให้
    จากนั้นจึงทำตามที่ชีปะขาวบอกในฝัน คือนำยาแท่งนั้นไปฝนแล้วผสมน้ำเป็นยา ให้หลวงปู่ฉัน จากนั้นระยะหนึ่ง ปรากฏว่าอาการตาบอดของหลวงปู่ที่เคยเป็น ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ยาแท่งนั้นเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว จู่ๆ ก็หายไปหาไม่พบอีกเลย
    ...บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ต่างเล่ากันต่อมาว่า นอกจากตาท่านจะหายบอดแล้ว ยังได้ตาทิพย์อีกด้วย รู้เห็นไปหมดจนแจ้งโลกทุกอย่าง
    ......................................................................................................................

     
  17. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    เรื่องเล่าของ หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
    มนุษย์กายสิทธิ์

    ......................................................................................................................
    หลวงปู่ท่านเมตตาเล่าสอนว่า...
    “คนเรานั้น มีที่โดดขึ้นโดดลงสวรรค์โดยบ่อต้องใช้จ้อง(ใช้ร่ม) นั้นก็มีไม่น้อย ที่ยังมีชีวิตเป็นๆ อยู่เนี่ยนะ แต่เขาเหล่านั้นมีนิสัยไม่ยุ่งเกี่ยวกับนิสัยมนุษย์ คือไม่ข้องอยู่ในโลกธรรม ๘
    ให้ลูกทำดีเข้าไว้นะ ทาน ศีล ภาวนา เป็นคนดีอย่างนั้นเนี่ยหนา ถึงจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ผู้กายสิทธิ์ หรือเป็นมนุษย์ที่ศักดิ์สิทธิ์”
    ......................................................................................................................
    ที่มา คำสอนเรื่องนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ฯ ได้เล่าสอนให้กับลูกศิษย์ท่านหนึ่งที่เพิ่งผ่านการกระโดดร่มลงมาจากเครื่อง บินมาเล่าให้ท่านฟัง ท่านจึงให้ข้อธรรมสำคัญประการหนึ่งที่สอดคล้องกัน ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ในปลายเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๔๒
     
  18. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    เรื่องเล่าของ หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ

    ให้ทำทานดุจพระเวสสันดร
    ที่มา คำสอนเรื่องนี้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ฯ ได้เล่าสอนให้กับลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร
    ......................................................................................................................
    หลวงปู่ท่านสอนลูกศิษย์ท่านนั้นว่า
    “นะลูกนะ...
    ในการทำทาน ให้มีจิตเป็นปรมัตถ์แบบพระเวสสันดรเป็นตัวอย่าง ที่ทำทานมาก จนถูกขับไล่ออกนอกเมือง ไปกับพระนางมัทรี กับกัณหา ชาลี แม้จะทุกข์ยากลำบากกายเพียงใดก็ไม่ย่อท้อ จนเมื่อเสด็จเข้าไปในป่าหิมพานต์แล้ว พ่อพระอินทร์จึงให้พระวิษณุกรรมเทพบุตร มาสร้างอาศรมถวายให้แด่พระเวสสันดร”
     
  19. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ....ด่วนครับ นาทีทอง....

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  20. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ปิดให้พี่นอกเว็บครับ สาธุ...
    :cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...