ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886

    รับทราบครับ เงินอีก250บาทจะนำเข้าทุนนิธิฯ เรื่องบริจาคเครื่องดูดเสมหะยังทำได้อยู่ เพราะเดือนธันวาคมทางทุนนิธิฯมีโครงการบริจาคเครื่องดูดเสมหะให้กับทางโรงพยาบาลอีกเช่นกัน

    โมทนาครับ
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าน้อยจะถอยจม <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    ไม่ว่าจะประมาทในการคิด
    หรือประมาทในการพูด
    หรือประมาทในการฟัง


    มีโทษอย่างยิ่งทั้งนั้น ความประมาทในทั้งสามประการเป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องถึงกัน ประมาทอย่างหนึ่งอย่างใดก็เป็นเหตุให้ประมาทพร้อม เกิดโทษพร้อมได้จริง ดังเช่นแม้มีความคิดเชื่อถือในเรื่องหนึ่งเรื่องใด ความคิดเชื่อนั้นก็ย่อมไม่หยุดอยู่เพียงที่ความคิดเท่านั้น

    ย่อมจะสืบต่อไปเป็นคำพูดด้วยเป็นธรรมดา ถ้าประมาททำให้เกิดความเชื่อที่ไม่ถูกไม่จริง แต่เป็นความเชื่อที่ผิดที่ไม่จริง เมื่อสืบต่อเป็นคำพูด ก็ต้องเป็นคำพูดที่ผิดจากความจริงด้วย ผู้พูดจะมีเจตนาร้ายหรือไม่มีเจตนาร้าย ผลร้ายก็ย่อมเกิดแน่นอนเป็นธรรมดา

    อย่าลืม คำพูดของคนนั้นมีอิทธิพลแรง มีอิทธิพลสูง ทั้งในทางทำลาย และทั้งในทางสร้างสรรค์ นั้นก็เพราะเกิดจากการฟังเป็นสำคัญ เสียงพูดที่ไม่มีการได้ยินได้ฟัง เสียงก็ไม่มีความหมาย แต่แน่นอน เสียงพูดต้องมีผู้ได้ยินได้ฟังเป็นธรรมดา

    จึงต้องมีความหมายเสียงนี้แหละ ที่ทำให้เกิดความเชื่อนี่แหละ ที่ทำได้ ให้คนดีถูกกดให้ต่ำต้อย คนชั่วเลิศลอยด้วยถูกยก อะไรที่เกิดตามมาจะเป็นผลดีได้หรือ ถึงยุคเช่นนี้เมื่อไร เมื่อนั้นก็ใช่ยุคมืด

    “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
    ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน”


    คำพยากรณ์แต่โบราณนานมานี้ น่าจะบอกว่ายุคมืดจะมาถึง คือยุคที่คนดีจะถูกเหยียบย่ำ คนชั่วจะได้รับยกย่อง ซึ่งต้องเป็นผลของกรรม ที่ได้ทำกันมา ทั้งกรรมชั่ว และทั้งกรรมดี กรรมที่เอื้อมมือมาถึงแล้ว

    อย่างไรก็ตาม เราทุกคนพึงหลีกให้พ้นการเป็นมือแห่งกรรมชั่ว ที่จะเหยียบย่ำคนดี และหลีกให้พ้นจากการเป็นมือแห่งกรรมดี ที่จะยกย่องคนชั่ว เพราะจะเป็นการร่วมสร้างบ้านเมืองของตนให้สิ้นความงดงาม ที่จะเกิดจากกำลังใจของคนดี ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนดี

    บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยความเลวร้ายที่เกิดจากกำลังใจของคนชั่ว ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนชั่ว พึงรอบคอบในการดูให้รู้จริง ว่าใครดี ใครชั่ว รอบคอบ ในการฟังเสียงบอกเล่า จึงจะช่วยประเทศชาติให้สวัสดีได้ และช่วยตนให้พ้นบาปได้

    การพูด กับ การฟัง สองอย่างนี้ยากจะชี้ลงไปได้ ว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากัน พูดแล้วต้องมีการฟัง เช่นนี้ก็เห็นได้ชัดว่า ต้องเกี่ยวเนื่องกันมีความสำคัญเสมอกัน แต่โดยมีความเชื่อเข้าเป็นเรื่องใหญ่ พูดแล้ว ฟังแล้ว เชื่อแล้ว เป็นเรื่องหนึ่ง ที่ความเชื่อมีความสำคัญที่สุด สำคัญกว่าการพูดและการฟัง

    พูดได้ ฟังได้ เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ความเชื่อมีความสำคัญตรงนี้ ตรงที่ฟังแล้ว เชื่อเลย ไม่พิจารณาให้เห็นความถูกผิด ความจริงความเท็จ ที่ได้ยินได้ฟัง เชื่อเพียงเพราะได้ยินได้ฟัง เชื่อก็คือเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่ได้ยินได้ฟัง จากเสียงบอกเสียงเล่า

    ความจริงเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผู้พูดอาจรู้ แต่ผู้ฟังไม่น้อยนักที่เชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังคนนั้นบอกคนนี้เล่า เป็นเรื่องจริง

    น้อยนักที่ฟังแล้วไม่เชื่อ ไม่สนใจ ฟังแล้วก็แล้วกันไป ผู้ฟังประเภทหลังนี้โชคดี ที่ไม่ก่อความเสียหายให้แก่ผู้ตกเป็นเหยื่อของเสียงบอกเล่า นับว่าไม่ทำบาปแก่บางชีวิตของบางผู้บางคน ที่อาจไม่ควรต้องรับบาปเป็นความสกปรกจากปากคนใจสกปรก ที่ในโลกมีมากมายนัก เพราะกิเลศยังไม่เบาบาง

    ความเชื่อเป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ พึงมีสติให้เสมอเมื่อจะเชื่อข่าว หรือเชื่อคำบอกเล่าของผู้ใดผู้หนึ่ง ตราบใดที่กิเลสยังครอบงำใจคนอยู่เกือบทุกถ้วนหน้า เสียงบอกเล่าก็หาอาจเชื่อได้เสมอไปไม่

    เป็นผู้ฟังต้องรอบคอบให้อย่างยิ่ง มีสติ ใช้ปัญญา ให้เต็มที่ ให้สมกับที่มีบุญนักแล้ว ได้เกิดเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนา อัญเชิญพระธรรมคำทรงสอนไว้ในหัวใจ ในชีวิต ให้เป็นผู้มีกายวาจาใจ ไม่ก่อให้เกิดทุกข์โทษภัย ทั้งแก่ตนเอง และทั้งแก่ใครๆ ทั้งนั้น

    ซึ่งเป็นไปได้ที่แม้เริ่มต้นแล้วย่อมแผ่ขยายยิ่งใหญ่ไปเป็นธรรมดา ให้เป็นความทุกข์ความร้อนของประเทศชาติ และของพระพุทธศาสนา ก็เป็นไปได้ เริ่มที่ความเชื่อที่เกิดแต่ความชั่วร้ายนานาประการ จากบุคคลนานาชนิด ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งใกล้ตัวเราทั้งไกลตัวเรา

    สติในความเชื่อจึงจำเป็นอย่างยิ่งแก้ไขความเชื่อ ที่อาจผิดไปแล้ว ให้ถูกได้ด้วยกันทุกคน แม้มีความจริงใจที่จะช่วยบรรเทาทุกข์ อันเกิดจากคนมากมีกิเลส ทุกข์ที่ครองบ้านครองเมืองที่รักของเราอยู่ อย่างน่าสะพรึงกลัวนัก


    : แสงส่องใจ วันมหาจักรี-วันเถลิงศก ๖ เมษายน-๑๓ เมษายน ๒๕๔๙
    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    : ณ วัดญาณสังวรารามฯ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : http://www.dhammajak.net

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนากับบุญทั้งปวงด้วยครับ จะครบ ๑ ขวบปีแล้วนะครับ สำหรับกระทู้ทุนนิธิอาจารย์ปู่ประถม อาจสาครเพื่อสงฆ์อาพาธนี้ พี่ น้อง เพื่อน ได้ช่วยกันนำสิ่งดีมีสาระๆมาเผยแผ่ และขอแสดงความยินดีด้วยครับที่กระทู้นี้ได้รับการปักหมุด เพื่อผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้ากระทู้ได้รวดเร็วขึ้น นั่นก็เกิดจากเจตนาที่ดีร่วมกัน ขอโมทนา...

    ขอสอบถามเรื่องของการสมทบเงินทำบุญนะครับ

    1)ร่วมทำบุญ server อภิญญาใหญ่ 500 บาท

    2)ร่วมบุญทุนนิธิอาจารย์ปู่ประถม อาจสาครเพื่อสงฆ์อาพาธประจำเดือน ธันวาคม 500 บาท

    3)ร่วมบุญผ้าห่ม 1 ผืน

    4)ร่วมบุญเครื่องดูดเสมหะ 250 บาท

    สืบเนื่องจากวันที่ 18 พ.ย.จนถึงวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านเวลาติดธุระอยู่ที่โรงพยาบาล จึงรีบ post แจ้งความประสงค์ไปที่ 2 กระทู้คือกระทู้ทุนนิธิ และกระทู้พระวังหน้าฯ เพิ่งจะมีเวลาสบายๆเมื่อครู่นี้เอง แต่ก็ไม่สามารถโอนเงินในระหว่างนั้นได้ ก็จะดำเนินการในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย. นะครับ โดยอยากทราบว่าบัญชีที่จะโอนเงินแต่ละจำนวนนี้ต้องโอนไปที่ใดบ้าง เพราะไม่ได้อ่านรายละเอียดจริงๆ เห็นว่าสามารถช่วยได้ก็รีบ post ไปก่อน คิดว่าจะกลับมาอ่านรายละเอียดในภายหลังก็ไม่สามารถจะทำได้ ขอรบกวนช่วยแจ้งในรายการที่ 2-4 ด้วยครับ ส่วนรายการที่ 1 ช่วยเหลืออภิญญาใหญ่ server นั้น ทางคุณหนุ่มได้โอนเงิน 500 บาทไปให้ทางทีมงานพลังจิตแทนผมไปก่อนเมื่อวานซืนนี้แล้ว รายการนี้จึงต้องโอนคืนทางคุณหนุ่มครับ ดังนั้นจึงขอสอบถามว่ายอดเงินจำนวน 1,000 บาทนี้จะสามารถโอนไปที่เดียวได้หรือไม่ และเป็นที่ใดจึงจะสะดวก
     
  4. teerins

    teerins เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,796
    วันนี้เวลา 20.45 น. ผมได้โอนเงินผ่านบัตร ATM
    เข้าบัญชีคุณ พลภัทร (กสิกรไทย) จำนวนเงิน 509 บาท
    เพื่อร่วมบุญบริจาคผ้าห่ม 2 ผืนแล้วนะครับ

    อนุโมทนาบุญครับ


     
  5. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    เงินทำบุญ1000บาทค่าผ้าห่ม สมทบทุนนิธิฯและ ค่าเครื่องดูดเสมหะ สามารถโอนที่ผมได้ครับแล้วจะแจกไปตามจุดประสงค์ให้ครับ
    กรุณาโอนเงินเข้าบัญชีพลภัทร ตั้งธาราวิวัฒน์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยเซ็นทรัลพระรามที่2 บัญชีออมทรัพย์เลขที่743-2-88602-0
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขอเอาใจช่วยด้วย เรื่องของคุณเพชรผมทราบอยู่ตลอดเวลา ไม่เป็นไร เอากำลังบุญเข้าสู้ วัดใจกันช่วง 2-3 วันนี้ ที่จริงหลวงปู่แฟ้บนี่ก็ไม่ใช่ย่อย สายเดียวกันกับหลวงปู่ใหญ่ บอกท่านทางอากาศไปเลยก็ได้ ระดับท่านความเร็ว 4g ยังชิดซ้ายไม่เห็นฝุ่น ที่สำคัญก็คือเอากำลังสงเคราะห์สงฆ์อาพาธเข้าช่วยท่านกำลังสร้างโรงพยาบาลด้วย กุศลแรงครับ แถมท่านยังเป็นต้นสายอีกหลายองค์ที่กำลังจะตามมาด้วยครับ อย่างที่บอกข้างต้น ต้องรีบเพิ่มกำลังบุญให้อาซ้อ..ด่วน ขอให้ประสบความสำเร็จดั่งใจหวังครับ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ ตัวแทนทุนนิธิฯ 2 คน สามี-ภรรยาเพื่อนคุณโสระ จะลุยความหนาวขึ้นไปถวายเครื่องดูดเสมหะ 2 เครื่อง ผ้าห่มหนาว ราว 2-3 ผืน ที่เหลือหากซื้อได้ในตัวเมืองสกลนครก็จะซื้อไปถวาย หากซื้อไม่ได้จะมอบปัจจัยให้กับท่านไว้ในวงเงิน 32 ผืน เพื่อฝากลูกศิษย์ท่านให้ทยอยหาซื้อเพิ่มอีก ขากลับ น่าจะนำรูปถ่ายของท่าน พร้อมผ้าอังสะที่ผ่านการอธิษฐานจิต แบบขอให้พบพานแต่สิ่งที่ดีตลอดชีวิต ขอให้พบความแต่ความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองตลอดไป สุดท้ายก็คือขอให้ห่างไกล ทุกข์โศกโรคภัยและอุปัทวอันตรายทั้งหลายอย่าแผ้วพาน พร้อมกับจะนำอรหันตธาตุบางส่วนที่ผมขอไว้กลับมาเผื่อพวกเราด้วย เอาไว้เดือนหน้าค่อยนำมาแจกจ่ายในวันที่เจอกันที่ รพ.สงฆ์ในวันที่ 21/12 นี้ ตอนนี้พระพิมพ์ที่แจกฟรี นายสติบอกพร้อมแล้ว เป็นร้อยองค์ ของผมประเภทที่แขวนแล้วเพิ่มความรวยอีกเกือบร้อยองค์ นิรันตรายอีก เกือบร้อยองค์ แจกฟรีให้หมด เอาไปเก็บกันเอาไว้ ตั้งสัตย์ไว้ว่า มีต้องแจกให้หมด อันไหนมีต้นทุนก็บอกให้ทราบ ในไห เหลืออีก 400 องค์ ไว้รออีก 1 ปี รอแจกอีก ตอนนี้รอขอบารมีเสกสักปี ดูซิว่ารุ่นนี้จะเป็นยังไง ตัวเองแขวนไม่เกิน 2 องค์พอแล้ว ส่วนของ รพ.ปัว พร้อมโอนเงินแล้ว ของ รพ.แม่สอด สัปดาห์หน้าได้เลขบัญชีมา ก็เรียบร้อย หนังสือมีคนจองแล้ว 6 เล่ม ขาดอีก 1 เล่ม โอนบริจาคซื้อ server ได้เลย จบในสัปดาห์หน้าเช่นเดียวกันครับ

    พันวฤทธิ์
    22/11/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2008
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สำหรับผู้ที่ชอบศึกษาทางจิต ตามแนวคิดสมัยใหม่ ลองอ่านดูไม่เลวนัก


    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 6:35:56 น.-->การฝึกจิต
    <!-- Main -->
    [​IMG]




    พระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลที่เกิดในยุคสมัยที่มีการค้นคว้าทางจิตวิญญาณอย่างกว้างขวาง โลกเต็มไปด้วยครูอาจารย์นับแสนๆคน ศาสตร์สมัยนั้นมีความก้าวหน้าทั้งทางโลก และทางธรรมเท่าที่ยุคสมัยจะมีได้ แต่ตรงกันข้าม จิตใจผู้คนกลับถูกกักขังอยู่ในคำสอนเหล่านี้ และเต็มไปด้วยทุกขเวทนาแสนสาหัส พวกพราหมณ์เป็นพวกมากที่ยึดกุมวิถีชีวิตของผู้คน คำสอนที่
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <!-- END WEBSTAT CODE --><TABLE height="95%" width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="75%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 20:48:31 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๗ | พระเจ้าพิมพิสารทรงบำเพ็ญกุศล ให้พระญาติที่เกิดเป็นเปรต
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๗ : พระเจ้าพิมพิสารทรงบำเพ็ญกุศล
    ให้พระญาติที่เกิดเป็นเปรต


    พระเจ้าพิมพิสารทรงบำเพ็ญกุศลให้พระญาติที่เกิดเป็นเปรต
    เปรตทั้งหลายต่างโมทนารับส่วนบุญ

    ในคืนนั้น หลังจากที่พระเจ้าพิมพิสาร ทรงถวายเวฬุวันนาราม แด่พระพุทธเจ้าแล้ว ถือเป็นการหยั่งรากฐานของพระพุทธศาสนา ลงบนพื้นพสุธาเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นมหากุศลทีเดียว แต่พระเจ้าพิมพิสาร กลับไม่ได้ทรงอุทิศส่วนกุศลใดๆเลย ในครั้งนั้น

    ปฐมสมโพธิบรรยายว่า ในคืนวันนั้นพวกเปรตซึ่งเคยเป็นพระญาติของพระเจ้าพิมพิสารได้ส่งเสียงดังอื้ออึงขึ้นในพระราชนิเวศน์ ที่แสดงกายให้เห็นก็มี ตามนิยายธรรมบทเล่าว่า เปรตเหล่านี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เคยลักลอบ (หรือจะเรียกอย่างทุกวันนี้ว่าคอรัปชั่นก็ได้) กินของที่คนเขานำมาถวายสงฆ์ ตายแล้วตกนรก แล้วมาเป็นเปรต และมาคอยรับส่วนบุญที่พระเจ้าพิมพิสารอุทิศให้ แต่เมื่อผิดหวังจึงมาประท้วงดังกล่าว

    [​IMG]

    พระเจ้าพิมพิสารจึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันรุ่งขึ้น ทูลถามทราบความแล้ว จึงทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายอาหาร และจีวรแก่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ในวันรุ่งขึ้นอีกต่อมา แล้วทรงหลั่งน้ำอุททิโสทกว่า

    อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ

    แปลว่า "ขอกุศลผลบุญครั้งนี้จงไปถึงญาติพี่น้องของข้าพเจ้าด้วยเทอญ" เปรตเหล่านี้จึงต่างได้รับกุศลผลบุญกันทั่วหน้า และพ้นจากความทุกข์ทรมานที่ได้รับอยู่

    คำว่า "อิทัง โน ญาตีนัง โหตุ" ได้กลายเป็นบทกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คนตายที่คนไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน

    วิธีการที่พระเจ้าพิมพิสารทรงหลั่งน้ำจากพระเต้าลงบนพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าเมื่อตอนถวายพระอารามเวฬุวัน หรือการหลั่งน้ำในที่นี้ เรียกตามภาษาสามัญว่า "กรวดน้ำ" หรือเรียกเป็นคำศัพท์ว่า "อุททิโสทก" แปลว่า กรวดน้ำมามอบถวาย ใช้ในกรณีเมื่อถวายของใหญ่ที่ไม่อาจยกประเคนใส่มือพระได้ เช่น ที่ดินและวัด เป็นต้น

    ส่วนการกรวดน้ำของพระเจ้าพิมพิสารที่ให้แก่เปรตนั้น เรียกว่า "ทักษิโณทก" แปลว่า กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลแก่คนตาย ใช้ในกรณีที่จะมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่ผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งเป็นผู้รับอีกเหมือนกัน ผิดแต่ว่าสิ่งที่ให้มองไม่เห็นตัวตน เพราะเป็นบุญกุศล ผู้รับก็มองไม่เห็น เพราะเป็นคนที่ตายไปแล้ว พิธีนี้เป็นที่นิยมกันอยู่ในเมืองไทยเวลาทำบุญทุกวันนี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมทำบทกรวดน้ำให้เป็นตัวใหญ่เป็นพิเศษไว้ จะได้ไม่ลืมกัน ท่องให้ได้ ใช้ให้เป็น เค้าจะได้ไม่ร้องไห้กันครับ สงสารเค้ายืนรอเรา ใส่บาตรเสร็จ สะบัดก้นแน๊บ หรือกลับมาถึงบ้าน อ้าวลืมกรวดน้ำอีก เฮ้อ..ผมเองบางครั้งก็ลืม อ่านแล้ว ตั้งใจว่าไม่ลืมล่ะคราวนี้ ไม่งั้นถ้าญาติมาประท้วงถึงบ้าน ตัวใครตัวมันล่ะคราวนี้..
     
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ท่านใดที่จองหนังสือ ปู่เล่าให้ฟัง ฉบับสมบูรณ์ เพื่อช่วยซื้อ Server ของเว็บพลังจิตกับผมไว้แล้วช่วยแจ้งการโอนเงินทางหน้ากระทู้หรือPM มาให้ทราบด้วยนะครับจะได้แยกเงินในบัญชีที่โอนมาได้ถูกต้องครับ
    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
     
  11. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านนายสติ
    โอนผ่าน ATM วันที่ 22/11/2551 เวลา 10:45 น.
    acc : 0342745683 จำนวน 350.72 บาท
    (300 บาท + ช่วยค่าส่ง 50.72 บาท)

    ส่งที่
    ชาญสิทธิ์ ขจายศรสิทธิ์
    33 ถนนบูรพา แขวงวังบูรพา
    เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  12. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านพันวฤทธิ์
    ขอร่วมบุญผ้าห่ม 1 ผืน ครับ
    ฝากที่เคาเตอร์ดิโอสยาม วันที่ 22/11/2551 เวลา 11:xx น.
    acc : 7432886020 จำนวน 250.72 บาท
    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  13. hanada9

    hanada9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +9,853
    หนังสือ ถ้ายังเหลืออีก 1 เล่ม ผมขอจองเลยน่ะครับ
    และจะโอนเงินไปให้ ก่อน 25/11/51 ครับ

    โมทนา สาธุ
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    หนังสือเหลือ 70 เล่ม ขายทั้งปี ครับ สั่งมาเหอะ เอาไปดูเป็นความรู้กัน หมดแล้วก็หมดเลย ไม่อยากพิมพ์อีก เพราะพิมพ์น้อย ก็ไม่สามารถทำได้ คราวนี้พิมพ์แค่ 200 เล่ม แบ่งเฉพาะศิษย์อาวุโส เอาไปแล้ว เกือบร้อยเล่ม หมดแล้วก็หมดเลย รออีกนา.......น กว่าจะพิมพ์ใหม่ครับ
     
  15. BD

    BD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +419
    ผมโอนเงินค่าหนังสือ2เล่มให้แล้วครับวันนี้ 700บ. เวลาประมาณ 10.15น.<O:p</O:p
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เดือนหน้าธันวามาเยือนพร้อมกับความหนาว อีกครั้งกับ บอร์ดสวย เพลงเพราะ สำหรับบล๊อกแนะนำยามเช้าๆ หรือยามเย็นๆ ฟังไม่รู้เบื่อ สำหรับเธอ เพรง-เพยีย


    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=praingpayear&month=03-2008&date=27&group=5&gblog=15



    ครั้งแรก...เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2550

    ฉันเลือกไปช่วงนั้น...เพราะกำลังอากาศหนาวที่สุดในรอบปี

    ก็การเดินชมดอกไม้ป่า...ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
    แล้วฟังเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพเก็บไว้ชื่นชม
    มันช่างน่ารื่นรมย์สักแค่ไหน...สำหรับคนเมือง
    ที่หายใจได้ไม่เต็มปอดเวลาเดินบนท้องถนนอย่างฉันนะ


    แต่ครั้งนั้น...ออกจะผิดหวังอยู่บ้าง
    เพราะพบเอื้องบานอยู่เพียงไม่กี่ชนิด ไม่กี่ดอก
    เรียกว่า...พอเจอซักดอก...ก็ดีใจกันใหญ่
    พอนึกถึงบรรยากาศตอนนั้น...ก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

    เจ้าหน้าที่แนะนำให้มาอีกครั้งในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม
    เอื้องจะบานมากที่สุด...ในช่วงเริ่มเข้าฤดูร้อน
    ฉันจึงตั้งใจว่า...จะกลับไปอีกครั้ง




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    มีนาคม 2551...ฉันกลับไปอีกครั้ง

    และครั้งนี้ที่เราโชคดี ได้พบ "พี่บัณฑิต"
    เป็นเจ้าหน้าที่คนเก่งคอยนำทาง และให้ข้อมูล

    พี่บัณฑิต คงเห็นแววตามุ่งมั่นของพวกเรา
    (เห็นแววว่า...สิบกว่ากิโล...คงจะเดินกันไหวนั่นแหล่ะ)

    จึงบอกว่า...เดี๋ยวจะพาเดินอ้อมเข้าไปในดงกุหลาบขาวด้วย
    กำลังบานเต็มที่เลยตอนนี้

    พี่คนที่นำทริปเรา...เข้ามากระซิบบอกว่า

    "พี่มาเป็นสิบครั้งแล้ว
    ยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่คนไหน พาเดินเข้าเส้นนี้เลย
    แสดงว่าต้องมีอะไรดี...ถึงปิดไว้
    ไม่อย่างนั้น โดนขโมยขุดหมด"




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>






    <CENTER>[​IMG]</CENTER>






    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    เราเดินผ่านเข้าไปดงกุหลาบขาว...
    ที่กำลังแข่งกันบาน...สีขาวสะพรั่งเต็มไปหมด

    บางครั้ง...มีสายลมอ่อนๆ พัดพาเอาสายหมอกบางๆ
    ละไล้...คลอเคลีย อยู่รอบๆ ตัว

    แค่นี้...ก็เพียงพอแล้วกับการเดินทาง
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สาธุหลวงปู่ทวด หากวันจัดกิจกรรมในเดือน ธ.ค. ใครสะกิดผม เพื่อขอพระองค์น้อยๆ ไปฝากลูก ผมก็จะให้ท่านไว้ 1 องค์ เป็นของขวัญปีใหม่ มีไม่มาก แต่หากตรวจได้ แรงมาก อายุพระพิมพ์สัก ร้อยกว่าปีมั๊ง ท่านองค์นี้ล่ะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>...ละได้ย่อมสงบ... <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    หลวงปู่ทวด
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น
    ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ



    คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ หลวงปู่ทวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=483</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หลักธรรมท่านธรรมชาติมาก...อ่านแล้วสบายๆ กับอริยาบทสบายๆ ของท่านไม่ต้องตีความให้มากเรื่อง เพราะชื่อเรื่องก็บอกแล้ว....

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD background=../../pic_rec/m11.gif></TD><TD width=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=12 background=../../pic_rec/m44.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>
    <TABLE width=700 border=0><TBODY><TR class=thai><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>...มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร... <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    พระอาจารย์อํานาจ โอภาโส
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    การเดินบนเส้นทางธรรมที่ไม่ผิดไม่หลงนั้น
    อาจจะมีปัญหาอุปสรรคนานับประการ โดยเฉพาะสำหรับเยาวชน
    เพราะทุกวันนี้สังคมล้มเหลว
    คุณอนุรุธและคุณพจนาก็มาปรารภว่า
    พวกเราไม่มีตัวอย่างที่ดีให้เห็นเท่าใดนัก
    อันที่จริงพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
    พวกเธออย่าอยู่อย่างไม่มีที่พึ่ง
    จงอยู่อย่างมีเราเป็นกัลยาณมิตร
    มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร

    เรายังมีเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรของเราอยู่นั่น คือ หลักคำสอนที่ถูกต้อง
    ดังนั้นขอให้เรากลับมาหาหลักของความเป็นจริง
    คือคำสอนที่ดีงาม คำสอนที่ถูกต้อง เป็นเพื่อนร่วมทางของเราก่อน
    เราอย่าใช้ชีวิตที่เป็นเหยื่อของมาร
    ตั้งแต่ การปรุงแต่งภายนอกที่ยั่วเย้า
    เมื่อกี้หลวงพ่อเห็นบอร์ดมีคำคำหนึ่งที่เด็กคนหนึ่งเขียนไว้
    ...ขอบคุณมากที่ชี้แผนที่ให้กับผม...
    นี่แหละคือ ผู้ใหญ่ทำหน้าที่ของกัลยาณมิตร

    ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนเคยผ่านความเป็นเด็กมาก่อน
    เคยล้มลุกคลุกคลาน เคยเดินผิดพลาด
    แต่นำประสบการณ์เหล่านั้นมา บอกพวกเราว่า
    หนทางอันนี้มีอันตราย อย่าไปนะ มันจะพาให้เราตกต่ำ
    หนทางนี้นะเป็นหนทางอันประเสริฐ จึงชี้หนทางที่ดีให้แก่เรา
    และบอกแผนที่ที่ดีให้แก่เรา
    เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการหมกมุ่นในเรื่องที่ไร้สาระ

    สรุปว่าพวกเราสามารถจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนได้ว่า
    เป้าหมายของเราคืออะไร ถึงจะมีจุดเริ่มต้น
    เราต้องรู้เท่าทันหนทางแห่งความเสื่อม
    เราต้องรู้ว่า ถ้าสิ่งนี้เข้ามาเราจะไม่ไปถึงจุดหมายแน่นอน
    จะกลายเป็นเหยื่อเป็นทาสของมาร
    การเชื่ออย่างมีเหตุผล และก็ศรัทธานี่ ทำให้เราเกิดความเพียร
    เราจะทดลองดู เราจะตามดูที่พระพุทธองค์สอนเรื่องกรรมนี่มีจริงหรือเปล่า
    ดูจากตัวเราเลย พระพุทธองค์บอกว่า กรรม คือ เจตนาเป็นที่ตั้งของเวทนา
    ถ้าเราคิดดี เจตนาคืออารมณ์ของเรา เราก็จะมีความสุขจริงได้
    เวลาเราคิดจะให้เรามีความสุขไหม
    เวลาที่เราคิดจะเบียดเบียนเขา ไปด่าเขานี่เรามีความทุกข์ไหม
    ผลมันเกิดขึ้นให้เห็นในขณะนั้นอยู่แล้ว


    ถ้าเราเห็นอย่างนี้ เราจะเกิดความเชื่อที่มีเหตุผล
    เราจะไม่คิดเบียดเบียนใคร ความละอายใจจะเกิดขึ้น เรียกว่า หิริโอตัปปะ
    อย่างน้อยชีวิตของเราก็ไม่ตกต่ำ
    เป็นมนุษยเทโวเพราะมีธรรมะอยู่ในใจ มีความละอายใจ
    เพราะรู้ว่าถ้าคิดไม่ดี จิตมันจะเศร้าหมองและไม่คุ้มกับเวลาที่เสียใน 1 วัน
    แต่ถ้าเราคิดเรื่องดีเมื่อไร จิตใจเราจะมีความสุข
    แล้วเราได้ให้รางวัลตัวเอง ให้ของขวัญตัวเองกับสิ่งที่ได้มาฟรีๆ นะ
    ลมหายใจฟรีนะ มาจากใบไม้หลายล้านใบ
    แสงตะวันให้ความอบอุ่นนี่ฟรีไหม
    ต้องไปจ้างใครทำปฏิกรณ์ปรมาณูอยู่กลางจักรวาล
    แล้วส่งพลังมาสู่เราไหม เราได้ของฟรีตลอดกาล
    แต่ถ้าเราใช้ของฟรีนี้ไม่เป็น จะเกิดโทษอย่างมหาศาล

    เราเอาร่างกายที่ได้ฟรีๆ นี้จากพลังงานของแสงตะวัน
    พลังงานลมหายใจ สายน้ำ
    พลังงานของแผ่นดินที่นำเอาความหอมหวานของแผ่นดิน
    มาทำให้กลายเป็นผลไม้ และสรรพสัตว์
    เพื่อให้หล่อเลี้ยงเป็นร่างกายมนุษย์
    เรากินปลาไปกี่ตัวแล้วตั้งแต่เกิดมา
    ปลาซิว ปลาเล็กๆ เป็นๆ ล้านตัว กินผลไม้ไปเท่าไร
    ลองคิดซิว่าผลไม้แต่ละต้นแต่ละลูก เกิดมาจากต้นไม้น้อยใหญ่
    หลังสงครามทุกครั้งจะมีซากศพของมนุษย์
    อันเกิดจากการฆ่าฟันกันเกลื่อนกลาด
    ต้นไม้ก็เอาซากศพมาเปลี่ยนใหม่กลายเป็นใบไม้สดชื่น
    กลายเป็นดอกไม้ที่หวานหอม
    กลายเป็นผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ใช้กับมนุษย์รุ่นต่อไป
    ได้เรียนรู้และเฝ้าคิดว่า สักวันหนึ่งมนุษย์คงจะเข้าใจความจริงข้อนี้

    ต้นไม้เป็นพี่ใหญ่ของธรรมชาติ
    สามารถเปลี่ยนแปลงเอาซากศพ เอาหยาดน้ำตา เอาคราบเลือด
    ภัยพิบัติต่างๆ มาเป็นสิ่งใหม่
    เป็นความอุดมสมบูรณ์ ความหวานหอม
    ความเปล่งปลั่งมอบให้กับชีวิตใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
    เพื่อให้เราเรียนรู้ว่า ชีวิตคืออะไร
    เป้าหมายของเราคืออะไร
    การเดินทางของเราคืออะไร
    การเดินทางที่ยาวเหยียดที่เราเดินทาง ผ่านวัฏฏะสงสารที่นานแสนนานนั้น
    เราควรจะทำอย่างไร เป็นคำถามที่ควรใคร่ครวญ
    เพื่อให้ใช้ชีวิตบนเวทีโลกที่ผ่านมา
    ถึงช่วงเวลาของเรานั้นได้อย่างเต็มคุณ 2 ค่า
    เพื่อน ความรัก และการตัดสินใจแห่งชีวิต



    คัดลอกจาก...หนังสือ หยดน้ำแห่งแรงบันดาลใจ
    (พระอาจารย์อํานาจ โอภาโส จำพรรษาอยู่ที่พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์) </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : http://www.ruendham.com/

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>อยู่อย่างมีปิติ <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    พระพยอม



    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>คนเรานะควรได้ปิติในชาติหนึ่งถึงจะเหมาะกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ปิติคือความปลาบปลื้มซาบซึ้งดีใจต่อสิ่งหนึ่งที่ได้ทำจนสำเร็จที่มีความสุข อย่างเช่นนักเรียนที่ได้มีความสำเร็จในการเรียนก็เกิดปิติ พระท่านได้ปฎิบัติธรรมจนสำเร็จก็ได้ปิติชาบซึ่งในนพระธรรม ปิติมี2อย่าง คือ มีปิติที่ดีและชั่ว ปิติที่ชั่วตัวอย่างเช่น ถ้าจะถามว่าโจรมีปิติกับการที่ได้ลักขโมยของหรือเปล่า มีปิติกับการได้ว่าวันนี้วันนั้นได้ลักมากเยอะ แต่ปิติที่ได้เป็นปิติที่ผิด ไม่เหมาะ ต่อไป ปิติที่ดีเช่นได้สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิเป็นต้น แต่จะอย่างไรก็ควรที่จะมีปิติในทางที่ดีสักครั้งให้มาก ถ้าไม่มากก็ให้เกิดขึ้นน้อยแต่เป็นประจำจะดีมาก</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาประกอบ
    http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=198
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ชีวิตพระป่า

    <!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]


    ภาวนา

    ใน วัดป่าการไหว้พระสวดมนต์ รวมกันนั้นมีน้อย โดยมากกระทำเฉพาะวันพระที่มีสวดปาฎิโมกข์ ในวันธรรมดาต่างองค์ต่างสวดในกุฎิ ของตนตามความพอใจ การสวดมนต์มีผลให้ใจสงบลง เป็นการเตรียมสำหรับการภาวนาต่อไป ตามธรรมดาพอฉันเสร็จ จัดการเรื่องบาตรเรียบร้อยแล้ว กลับถึงกุฎิพระป่า ท่านก็ลงมือภาวนา ส่วนมากมักเริ่มต้นด้วยการเดินจงกรม เพื่อแก้อาการง่วง ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายหลังอาหาร ใกล้ กับกุฎิทุกหลังมีทางเดินจงกรมสร้างไว้กว้าง ประมาณ ๑ เมตรเศษ และยาว ๑๐ ถึง๑๕ เมตร ต้องทำทางเดินให้ตรงและรักษาให้สะอาด มีหลักสำหรับแขวน หรือตั้งโคมในเวลากลางคืน เพื่อจะได้ไม่เหยียบสัตว์ตายหรือถูกงูกัด พระสายท่านอาจารย์มั่น นิยมเดินจงกรม เหมือนกับเดินไปธุระอย่างธรรมดา ไม่เดินย่องย่าง หรือจ้ำพรวดพราด ระหว่างเดินอาจบริกรรมคาถา หรือพิจารณาเกี่ยวกับสังขารร่างกาย จุดประสงค์ เพื่อให้เกิดความสงบ เกิดสมาธิหรือปัญญา จะเดินนานเท่าไรแล้ว แต่บุคคล บางคนเดินหนึ่งหรือสองชั่วโมง บางคนเดินสามสี่ชั่วโมง หยุดเดินก็เข้าที่นั่ง ภาวนา พอเมื่อยหรือง่วงก็ออกมาเดินอีกสลับกันเรื่อยไปจนถึง เวลาดื่มน้ำร่วมกันใน ตอนบ่าย

    น้ำดื่มอาจเป็นกาแฟดำ น้ำหวาน หรือน้ำอัฎฐบาน( น้ำผลไม้คั้น) อย่างใดอย่างหนึ่ง ดื่มแล้วกวาดวัด กวาดเสร็จสรงน้ำ ซักสบงและอังสะแล้วเอาไปตาก ต่อจาก นั้น เป็นอาหารว่าง ใครจะทำอะไรก็ได้ ผู้ที่กำลังพากเพียรมากก็เข้าที่ภาวนาต่อ บางวัดท่านอาจารย์ขึ้นศาลาเทศน์สั่งสอนในตอนหัวค่ำทุกคืน อย่างที่วัดท่านอาจารย์ฝั้น สมัยที่ท่านแข็งแรงอยู่ สอนเสร็จ แล้วก็นั่งภาวนาพร้อมกันอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว จึงแยกย้ายกลับกุฎิ และปฎิบัติต่อไปตามลำพัง โดยมากเดินจงกรมสลับกับนั่ง สมาธิ เช่นในตอนกลางวัน จนถึงห้าทุ่มหรือสองยามจึงนอน ประมาณตีสาม ตื่นขึ้นนั่งจนเกือบสว่าง หลังจากนั้นก็เตรียมออกบิณฑบาต เป็นจบรอบกิจวัตรประจำวัน อย่างกลางๆ

    บางองค์ที่กำลัง เร่งความเพียรมากอาจไม่นอนเลย นั่งกับเดินตลอดคืนตอนกลางวัน หลังจังหันแล้ว จึงลงนอนสองสามชั่วโมงแล้วปฎิบัติต่อ บางองค์ถือธุดงค์เนสัชชิกังคะ ไม่ลงนอนเลย กระทำแต่อิริยาบทสาม คือ นั่ง ยืน เดิน ไม่นอน ถ้าง่วงก็นั่งหลับ เป็นวิธีหัดให้จิตมีกำลังเข้มแข็ง การฝึกอย่างอื่นก็มีอีก เช่นอดอาหาร ซึ่งได้ผลสองต่อ คือจิตเข้มแข็งและจิตเบาด้วย ภาวนาได้ผลดีกว่าธรรมดา พระบางองค์อดอาหารเสียจนผ่ายผอมเพราะเห็นว่าอดแล้วไม ่ง่วง จิตปลอดโปรง พิจารณาปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าธรรมดา

    ในการภาวนา พระป่าสายท่านพระอาจารย์มั่น ส่วนมากใช้บริกรรม พุทโธ บางทีก็รวมกับอานาปนัสสติ เช่นหายใจเข้านึก พุท หายใจออกนึก โธ สองวิธีนี้ใช้กัน ทั่วๆไป พระอาจารย์บางองค์อาจกำหนด อารมณ์ ให้เฉพาะพระองค์หนึ่งๆไปก็ได้ เพื่อให้เหมาะสม จริต อาจารย์ทุกองค์ คอยติดตามการดำเนินของการปฎิบัติอยู่ เสมอโดยการซักถามปรากฎการณ์ทางจิตของศิษย์ ดังนั้น จึงสามารถดัดแปลงแก้ไข การปฎิบัติให้เหมาะกับภาวะของแต่ละคน ช่วยให้ได้ผลดีขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าหากมี อะไรแทรกแซงเข้ามา เช่นนิมิตเห็นภูติผีปีศาจ หรือเห็นยักษ์ ๆลๆ อาจารย์ก็ชี้แจงให้ทราบความหมาย ของนิมิตนั้นๆ และบอกวิธีที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป

    [​IMG]

    <!-- / message --><!-- sig -->

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...