ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ชีวิตพระป่า (ต่อ)



    <HR style="COLOR: #d1d1e1; BACKGROUND-COLOR: #d1d1e1" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    หลักสำคัญประการหนึ่ง ซึ่งท่านอาจารย์ในสายของท่านอาจารย์มั่น เน้นอยู่เสมอ คือธรรมะทั้งหลายอยู่ภายในกายของเราเอง ในการพิจารณาให้ส่งจิตเข้าภาย ในกาย ศึกษาภายในกาย ไมให้ส่งออกไปภายนอก นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังจะเกิดการล่องลอยของจิตอีกด้วย

    ระหว่าง เข้าพรรษา เป็นโอกาสที่พระป่า จะได้ศึกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ของตนอย่างใกล้ชิด และได้ผลเต็มที่ เพราะอยู่ด้วยกันถึงสามเดือนเต็ม พอออกพรรษา รับกฐินแล้ว ทั้งพระอาจารย์และศิษย์ ต่างก็ออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาที่สำหรับการภาวนา กฐิจของวัดป่าทอดกันอย่างไม่มีพิธีรีตรองอะไร สิ่งสำคัญมีแต่ผ้าขาวสำหรับ เย็บจีวร และอัฐบริขาร บริวารกฐินจะมากน้อย จะมีอะไรบ้างก็แล้วแต่ศรัทธา การทอดก็มีแต่พระชุมนุมกันบนศาลา ทายกและทายิกา ขนของไปกองไว้ข้างหน้าพระ ประธานยกผ้าขาวขึ้นกล่าวคำถวาย พระรับผ้าไปทำพิธีกรานกฐิน เสร็จแล้วประเคนของที่เหลือเป็นเสร็จพิธี ต่อไปพระท่านก็จัดการตัดและย้อมจีวรตามแบบ กินเวลา ไม่ช้าก็เสร็จ อนุโมทนาแล้วก็หมดธุระ ต่อจากนั้น ต่างก็ออกเดินทางไปสู่จุดหมาย ในป่าในดง หาภูเขาและถ้ำที่วิเวกเพื่อกระทำการ ชำระจิตให้บริสุทธิ์ ตามวิธีที่ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้

    [​IMG]

    การออกธุดงค์ อาจต่างคนต่างไป หรือไปเป็นหมู่ก็ได้ พระที่พรรษายังอ่อน ตัองไปกับอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่ง การ ท่องเที่ยวกัมมัฎฐาน นี้ไม่ใช่เรื่องสนุกอย่าง ทัศนาจร แต่เต็มไปด้วยอันตรายนานาประการ มีพระอาจารย์ไปด้วย ย่อมให้ความอุ่นใจ เพราะมีทั้งคนคอยช่วยและคอยสอน การธุดงค์มีประโยชน์มาก นอกจากจะได้ พบที่สัปปายะเหมาะแก่การปฎิบัติภาวนา ยังได้ฝึกหัดจิตให้มีความอดทน เข้มแข็งและไว้วางใจตนเองด้วย อีกทางหนึ่ง การธุดงค์เป็นการอบรม ให้ยึดมั่นใน ไตรสมรณคมน์ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในกลางป่าดงห่างไกล จากเพื่อนมนุษย์ ล้อมรอบไปด้วยสิงห์สาราสัตว์ ที่พึ่งอื่นใดไม่มี นอกจากพระรัตนตรัย และศีล ที่บริสุทธิ์ อนึ่ง ความหวาดกลัวช่วยให้จิตสงบได้ง่ายขึ้น ดังนั้น พระที่ท่านต้องการก้าวหน้า จึงพยายามไปธุดงค์ในบริเวณที่มีอันตรายมากๆ เช่นจากสัตว์ร้ายต่างๆ ถ้ายังไปไกล ไม่ได้ท่านมักยึดป่าช้าเอาผีเป็นครูไปก่อน ต่อมามีโอกาสจึงไปแสวงหาเสือและช้าง เป็นครูชั้นสูงต่อไป พระอาจารย์แต่ละองค์มักชอบที่สัปปายะ แตกต่าง กัน บางองค์ชอบภูเชาเตี้ยๆ บางองค์ชอบภูเขาสูงๆ ท่านที่อยู่ในป่ามักได้ผจญกับเสือหรือช้าง ส่วนท่านที่ชอบถ้ำมักพบกับงูหรือภูติผี ทุกๆองค์ ได้ต่อสู้กับไข้และ โรคร้าย อื่นๆในป่ามาแล้วอย่างโชกโชน พระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องธุดงค์กัมมัฎฐาน จึงมีจิตใจแข็งแกร่ง มีศรัทธาแน่นหนา ในพระรัตนตรัย และมีความเพียรมาก หลายองค์มีประวัติของการ สู้ตาย มาแล้ว ในการเดินเข้าไปหาเสือหรือช้าง หรือในการนั่งโดยไม่ยอมลุกจากที่ ถ้าไม่สำเร็จผลที่มุ่งหมาย กว่าจะได้รับสมมุติเป็น อาจารย์ธุดงค์กัมมัฎฐาน ก็ต้องสู้อย่างถวายชีวิตมาแล้ว เพราะฉะนั้นอาจารย์ดีๆ จึงหาได้ยากยิ่งนัก ตามประวัติของท่านพระอาจารย์ฝั้น ท่านได้เอาชีวิตเข้าเสี่ยง กับอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งกับคนและกับสัตว์ และเคยยอม นั่งตาย จนเกิดความรุ้ยอดเยี่ยมในเรื่องสังขาร คุณธรรมของท่าน จึงฟุ้งเฟื่องอย่างหาที่เปรียบยาก และท่านได้สามารถใช้อำนาจพิเศษของท่าน ชี้ช่องทางสว่าง และช่วยเปลื้องทุกข์ ให้แก่ผู้มีจิตศรัทธานับเป็นแสนๆคน

    [​IMG]

    ท่าน พระอาจารย์ตื้อ แห่งวัดริม (เชียงใหม่) ซึ่งเป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่น รุ่นใกล้ๆ กับท่านพระอาจารย์ฝั้น และเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากอีกองค์ หนึ่ง ได้สรุปคุณธรรมของพระป่าไว้ดังนี้

    นักธรรมนักกัมมัฎฐาน ต้องมีนิสัย อย่างเสือโคร่ง คือ
    ๑. น้ำจิตน้ำใจต้องแข็งแกร่งกล้าหาญ ไม่กลัวต่ออันตรายใดๆ
    ๒. ต้องเที่ยวไปในเวลากลางคืนได้
    ๓. ชอบอยู่ในสงัดจากคน
    ๔. จะทำอะไรต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย

    http://images.google.co.th/imgres?i...AD%E0%B8%87&start=40&gbv=2&ndsp=20&hl=th&sa=N
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>คำสอนเรื่อง . . .ปฎิบัติบูชา
    <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1>​


    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต



    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>



    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "ปฏิบัติบูชาเป็นบูชาอย่างเลิศสูงสุด" คือ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ เป็นการบูชาอย่างถูกพระทัยและเป็นการสนองพระคุณพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักหัวใจสำคัญที่สุดก็คือ ทางกาย วาจา ใจ ทิฏฐิ ความเห็นด้วยปัญญา

    1. ศีล - คือการฝึกกาย วาจา ให้สุภาพ อ่อนโยน นิ่มนวล ละมุนละไม ไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใครๆ เป็นเหตุให้ผู้ประสบพบเห็นเกิดความรัก ความเอ็นดู ความเมตตา กรุณาปรานีและเกรงใจ ศีลเป็นเสน่ห์สำคัญให้เกิดความรัก ความเอ็นดูกรุณาปรานี ช่วยอนุเคราห์-สงเคราะห์ ให้สำเร็จกิจที่ประสงค์ได้อย่างนี้


    2. สมาธิ - คือการฝึกหัดใจให้อ่อนโยน สุภาพ นิ่มนวลละมุนละไม ไม่อยู่ใต้อำนาจของความอาฆาต พยาบาท โลภ อิจฉาริษยา ความลุ่มหลงมัวเมา ความหดหู่ ซบเซามึนซึม ท้อแท้อ่อนแอ เกียจคร้าน สะดุ้งหวาดกลัว ตื่นเต้น ประหม่า ฟุ้งซ่านรำคาญใจ และความสงสัยลังเลเงอะๆ งะๆ ไม่แน่ใจเหล่านี้ เมื่อจิตมีอำนาจอยู่เหนืออารมณ์ฝ่ายต่ำที่กล่าวมานี้แล้ว เป็นเหตุให้จิตใจสดชื่น แจ่มใส ปลอดโปร่ง เข้มแข็งกล้าหาญเด็ดขาด เป็นเหตุให้เกิดอำนาจทางจิต เป็นเสน่ห์ที่จะดึงดูดใจผู้ที่ได้ประสบพบเห็น ให้เกิดความรัก ความเมตตาเอ็นดู กรุณาปรานี และเกรงใจ ช่วยสงเคราะห์-อนุเคราะห์ เป็นเหตุให้ประสบความสำเร็จกิจที่มุ่งหมาย


    3. ปัญญา - คือการพิจารณาให้เห็นคนทุกชั้น เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย รักสุขเกลียดทุกข์ ร่วมสุขร่วมทุกข์ หัวอกอันเดียวกันทั้งนั้น เป็นเหตุให้เกิดความรักความเอ็นดู ความเมตตา กรุณาปรานี ซึ่งจะแสดงออกมา ทางจิตใจและกายวาจา เป็นเหตุให้ผู้ประสบพบเห็นทุกชั้น วรรณะที่เกี่ยวข้องติดต่อในสังคม เกิดความรัก ความเอ็นดู ความเมตตา กรุณาปรานี ยินดีช่วยสงเคราะห์ให้สำเร็จกิจที่สมประสงค์



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​



    ที่มา : หนังสือ เรียนธรรมะ บูชาพระสุปฎิปันโน





    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2008
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>วิถีทางชีวิต
    <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1>​
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ)
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อใดแกงจึดไม่เป็นรสนั่นแหละ
    เขาจึงรู้ว่าเกลือมีประโยชน์กับเขา
    ในชีวิตประจำวันก็เป็นเช่นเดียวกัน
    ตามปกติที่คนเราทุกคนมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายนั้น
    เพราะเรามีการเดินถูกธรรมอยู่แล้ว
    ถ้าผิดก็ต้องเดือดร้อน
    แต่เพราะขาดการศึกษา...จึงไม่เข้าใจ
    บุคคลใดที่จะให้ชีวิตตนราบรื่น จึงควรสนใจวิถีชีวิต
    ควรเรี่ยนรู้ว่าตนเดินอย่างไรจึงจะปลอดภัยเรียบร้อย
    เหมือนอย่างว่าเราเดินทางไปไหนๆ
    การไปโดยรู้จักเส้นทางอย่างดี...กับ...การเดินไปโดยไม่รู้จักเส้นทางนั้น
    ...อย่างไหนจะสะดวกกว่ากัน...
    คนเราถ้าไม่ได้เอาธรรมะไปใช้ ปัญหาสับสนวุ่นวายก็เกิดมาก
    แต่ถ้าเราเอาธรรมะไปใช้
    ชีวิตเราก็จะดีขึ้น จะมีความสุขในด้านสงบมากขึ้น
    สุขอย่างอื่นมันไม่ถาวร สู้ความสุขที่เกิดขึ้นจากความสงบใจไม่ได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : ธรรมะ พระพรหมมังคลาจารย์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=228
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    รับทราบครับ ผมจะไปโอนเข้าบัญชีคุณโสระวันพรุ่งนี้ช่วงเช้า และจะแจ้งในกระทู้ให้ทราบอีกครั้งครับ..
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอบคุณครับ ช่วงดึกวันที่ 18 ก็ได้ขอคำแนะนำจากพี่ใหญ่ จนเมื่อคืนวันที่ 20 ดูภาพจากอัลตร้าซาวด์แล้ว เซลมีการเปลี่ยนรูป คิดว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นทำให้เขาอยู่ไม่ได้ ราวตี 2 ของวันที่ 21 ก็ทราบผลเป็นไปตามนั้น ทางภรรยาผมเธอได้ตั้งจิตขอทำบุญถวายเลือดสงฆ์อาพาธ และขอร่วมบุญทุกอย่างกับทางทุนนิธิโดยตรง..

    ขอโมทนาด้วยครับ
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ปุจฉา-วิสัชนา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width=350 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width=175 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>หลวงปู่ครับ ขอประทานโอกาสถามปัญหาปู่พอหายกังวลบ้าง ฟังเทศน์ปู่ก็ฟังมามากพอควร แต่ยังไม่เคยถามปัญหาข้อข้องใจใดๆ กับหลวงปู่บ้างเลย จึงขอกราบเรียนถามบ้างว่า ได้ทราบจากเขาเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่เคยสร้างวาสนาบารมีมามากใช่ไหมปู่</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>จะว่าใช่ก็ใช่ ถ้าจะไม่หาแง่หาเรื่องราวว่าปู่คุยโม้นะ ส่วนมากโลกมักแส่หาโทษมากกว่าหาคุณธรรมที่ควรหากัน ปู่จึงไม่อยากคิดและพูดในเรื่องทำนองนี้ กลัวคนเป็นโทษแทนที่จะเป็นคุณ</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>ดังที่กราบเรียนถามแล้วว่า ได้ทราบมาว่าปู่เคยสร้างวาสนาบารมีมามากใช่ไหม</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>ใช่ เชื่อแน่ว่าได้สร้างมามากพอควร ทางโลกเคยเป็นเศรษฐีกระฎุมพีมามากต่อมาก ตลอดเคยเป็นพระราชามหากษัตริย์ ก็เคยเป็นมาหลายชาติจนไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นในความเป็นมาของตนได้ ฉะนั้น การท่องเที่ยวในวัฏสงสารเกี่ยวกับการเกิดการตายปู่จึงไม่สงสัย และเบื่อเต็มประดา จึงได้ออกบวชเพื่อแสวงหาความพ้นจากการเกิด - ตาย อันเปรียบเหมือนเรือนจำขังสัตว์ผู้ต้องโทษ</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>แต่ในชาติปัจจุบันนี้ ทำไมปู่จึงมาเกิดในสกุลชาวนา ที่โลกปัจจุบันถือกันว่าเป็นสกุลต่ำต้อยด้อยศักดิ์ศรี ทั้งหน้าที่การงานตลอดผลรายได้ก็ต่ำต้อยน้อยหน้าไม่ทัดเทียมเขา ไม่สมกับเป็นสกุลที่เลี้ยงหนุนคนทั้งแผ่นดินให้มีชีวิตลมหายใจอยู่ได้ตลอดมาบ้างเลย ทำไมปู่จึงไม่ไปเกิดในสกุลพ่อค้ามหาเศรษฐีมีเงินมากๆ และไปเกิดในสกุลเจ้านายผู้สูงศักดิ์ ทรงอำนาจวาสนา วาจาสิทธิ์ขาด คนขยาดกันทั่วดินแดนเล่าปู่</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>อันสกุลที่ว่าสูงหรือต่ำนั้น บรรดาสัตว์โลกผู้อยู่ใต้อำนาจกฎแห่งกรรมย่อมมีทางเกิดได้ด้วยกัน อย่าว่าแต่ปู่คนเดียวเลย แม้แต่ภพชาติสูงต่ำนั้นเป็นสายทางเดินของสัตว์โลกผู้มีกรรมจำต้องเดินผ่านเหมือนกันหมด คนมีวาสนามากก็ผ่าน คนมีวาสนาน้อยก็ผ่านภพกำเนิดสกุลต่างๆ ดังกล่าวมา เช่นหลานเป็นพระเจ้าฟ้าเจ้าคุณมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หลานจากที่นี่ไปกรุงเทพฯ ด้วยเท้าก็ดี ด้วยรถยนต์รถไฟก็ดี ด้วยเรือเหาะเรือบินก็ดี หลานจำต้องผ่านดินฟ้าอากาศเย็นร้อนอ่อนแข็งที่สูงๆ ต่ำๆ ซึ่งมีอยู่ตามรายทางเรื่อยไป จนถึงจุดที่หมายคือกรุงเทพฯ โดยไม่อาจสงสัย
    การเกิดในสกุลสูงๆ ต่ำๆ ตลอดภพชาติต่างๆ กันนั้น สัตว์โลกเกิดตามวาระกรรมของตนมาถึง แม้จะทรงบุญหนักศักดิ์ใหญ่แต่เมื่อถึงวาระกรรมของตนที่ควรจะเสวยอย่างไร ก็จำต้องเสวยตามรายทางคือภพชาตินั้นๆ เท่าที่ปู่มาเกิดในสกุลชาวนาปู่ก็ไม่เสียอกเสียใจ ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ เพราะปู่ถือว่าปู่มาเกิดตามวาระกรรมของปู่เอง ปู่จึงไม่ตำหนิติเตียนบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ตลอดญาติมิตรพี่น้องที่เกิดร่วมและใกล้ชิดสนิทกันว่ามาให้โทษปู่ มันเป็นกรรมของใครของเราดังธรรมท่านสอนไว้ไม่มีผิด ไม่มีที่คัดค้าน ปู่ยอมรับธรรมท่านอย่างซึ้งใจไม่มีวันถอนเลย

    (มีคนแทรกถามในเวลาเดียวกันอีกเยอะแยะ แต่จะไม่ขอแยกบุคคล)

    </TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>ปู่ ก็โลกเขาว่าสกุลชาวนาเป็นสกุลต่ำนี่ หลานถึงไม่อยากให้ปู่มาเกิด อยากให้ปู่เกิดในสกุลสูงๆ กว่านี้ หลานๆ จะได้ภูมิใจ</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>ภูมิใจบ้าๆ บอๆ อะไร สกุลชาวนานั้นมันต่ำต้อยที่ตรงไหน คนทั้งโลกได้อาศัยข้าวในท้องนาของชาวนาตลอดมา จึงพยุงชีวิตร่างกายมารอดมิใช่หรือ ที่ถูกตามความจริง ควรชมเชยว่า สกุลชาวนาคือสกุลเลี้ยงโลก คือสกุลพ่อสกุลแม่ของมนุษย์ทั้งโลก ด้วยความเป็นคนกตัญญูรู้บุญรู้คุณของสิ่งเลี้ยงดูของผู้เลี้ยงดู แล้วสกุลชาวนานั้นต่ำที่ตรงไหนลองว่ามาซิ งานในโลกนี้ งานอะไรจะทุกข์ลำบากยิ่งกว่างานทำนา คราด ไถ ตกกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยว รักษานาด้วยการเปิดน้ำ ปิดน้ำ ทำคลองส่งน้ำ ไม่ได้หลับ ตื่นลืมตาตลอดฤดูกาลทำนา นับแต่เริ่มลงคราดไถจนถึงตีถึงฟาดนวด ตลอดขนขึ้นใส่ยุ้งใส่ฉางอันเป็นวาระสุดท้ายแห่งมหันตทุกข์ของสกุลชาวนา ใครจะอดจะทน ขยันหมั่นเพียร บึกบึนยิ่งกว่าชาวไร่ชาวนาชาวสวนเล่า งานใดที่ดีเด่นพอจะนำมาคุยอวดงานทำนา ทำไร่ ทำสวน การเพาะปลูกต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นงานที่ต้องใช้ความอดความทนความบึกบึนกว่างานใดๆ ของโลกมนุษย์ หิวก็ยอมทน กระหายก็ยอมทน ทุกข์ขนาดไหนก็ยอมอดยอมทน หลังสู้ฟ้า สู้ฝน หน้าสู้ตมสู้โคลน ทนร้อนทนหนาวทนแดดทนฝนชนิดตกนรกทั้งเป็น กว่าจะได้ข้าวเปลือก เผือกมันมาเลี้ยงคนทั้งโลก ร่างกายแทบบรรลัย จิตใจเหี่ยวห่อชนิดพูดไม่ออกบอกไม่ถูกทั้งสิ้น แล้วจะไปชมใครผู้ใดว่าเก่งกว่าพวกชาวไร่ชาวนาเหล่านี้ จะควรตำหนิว่าชาวนาเป็นสกุลต่ำที่ตรงไหน ถ้าตำหนิว่าเขาต่ำจริง เราคนสกุลสูงและสูงๆ ก็อย่ากินข้าวและเผือกมันของเขาซิ มันจะเสียเกียรติของคนลืมตนเย่อหยิ่ง ปล่อยให้ตายเสียจะได้ไม่หนักโลกของชาวนาที่หาข้าวมาให้กิน กินแล้วไม่รู้จักบุญคุณ ยกย่องส่งเสริมกัน นี่คือมนุษย์ประเภทลืมตัวมั่วความเย่อหยิ่งจองหองลำพองตน อย่าถือมาเป็นอารมณ์ให้หนักใจ จงถือท่านผู้ดีมาเป็นคติตัวอย่าง จะไม่เสียทางเดินเพื่อความเป็นคนดีของโลกที่ยังต้องการคนดีอยู่มากมาย ถ้ามีแต่คนประเภทลืมตัวมั่วสุมกับสิ่งทำลายสังคม โลกต้องโกลาหลวุ่นวายและฉิบหายวายปวงได้ไม่สงสัย</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>เท่าที่ปู่มาเกิดในสกุลชาวนาในชาตินี้ ปู่พอใจอยู่หรือ มองๆ ดูปู่แล้วไม่เห็นทะเยอทะยานกับอะไรนี่ มากราบเมื่อไร ฟังปู่เทศน์โปรดทีไรเห็นมีแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใส เมตตาสงสารลูกหลานตลอดจึงคิดในใจอยากกราบถามบ้างว่า ปู่ยังอยากเกิดในสกุลสูงกว่าสกุลชาวนาอยู่หรือเปล่า</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>คราวเป็นฆราวาสมันก็คิดบ้าๆ เหมือนโลกตื่นลมเขาเหมือนกัน ว่าตนเป็นลูกชาวนา วาสนาน้อย คิดอยากเป็นเจ้าเป็นนายกับเขาเหมือนกัน อย่างน้อยได้เป็นครูสอนนักเรียนก็ยังดี แต่เราคนจนหาเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง พอรู้สึกตัวว่ามีฐานะยากจนไม่มีเวลาเรียนและไม่มีทุนเรียนหนังสือดังนี้แล้วก็หยุดคิด หยุดกังวลใจกับเรื่องนี้ พอมาบวชปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ ความรู้สึกกับธรรมเริ่มซึมซาบเข้าถึงกันวันละเล็กละน้อย ความที่เคยคิดว่าตนเป็นคนอาภัพวาสนาเป็นลูกชาวนาก็ค่อยๆ หายไปๆ จนกลายเป็นความรู้สึกว่า จะเกิดในสกุลใดก็คือสกุลมนุษย์ ที่ต้องตะเกียกตะกายหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเพื่อความอยู่รอดเหมือนๆ กันไปเรื่อยๆ ตราบเท่าทุกวันนี้ซึ่งแก่มากแล้วมันเลยมีความรู้สึกไปคนละโลก และรู้สึกไปในแง่ที่โลกเขาไม่ค่อยคิดหรือไม่คิดกันเสียแล้วทุกวันนี้</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>คิดอย่างไรล่ะปู่ คณะหลานอยากฟัง ปู่เมตตาด้วย</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>เพียงแต่ธาตุขันธ์ซึ่งรับผิดชอบมาแต่วันเกิดรู้เดียงสาภาวะเรื่อยมาแต่ต้นภพชาติ พอมาถึงเดี๋ยวนี้มันก็รับผิดชอบกันไม่ได้อยู่แล้ว ว่าไม่ให้หกให้ล้ม มันก็หกก็ล้มก็ซัดก็เซก็หกคะเมนเทนเท่ให้เห็นอยู่ทุกเวลาต่อหน้าต่อตา ต้องเป็นภาระของคนอื่นช่วยดูแลรักษาตลอดอิริยาบถจนถึงวันสุดท้ายคือแตกสลายของขันธ์นี้ แล้วจะให้ปู่ทะเยอทะยานเหาะเหินเดิมเมฆไปยินดีอยากได้สมบัติเงินทองสวรรค์วิมานที่ไหนอีก ซึ่งล้วนแต่เป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา จะพังทลายด้วยกันทั้งสิ้น ที่ไหนไม่อยู่ใต้อำนาจของกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นี้ปู่ต้องการและยินดีกับที่นั่นเท่านั้นทุกวันนี้ี้</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>ที่ไม่อยู่ใต้อำนาจของกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นั้น มันคือที่ไหนล่ะปู่ หลานก็อยากไปเหมือนกันนี่</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>เพียงแต่บอกให้ไหว้พระสวดมนต์ภาวนาบ้าง อย่างน้อยเวลาจะหลับนอนยังพากันขี้เกียจ ก็ที่ นั่น ที่ไม่มีกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปยึดครองนั้น ไม่ใช่ที่เป็นที่บรรจุคนขี้เกียจ พระเณรเถรชี คหบดี ขี้เกียจนี่ ถ้าหลานๆ ยังขืนขี้เกียจไหว้พระสวดมนต์ ให้ทานรักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาอยู่ ก็จะไปเกิดเรื่องกับสถานที่และผู้คนในที่นั่นเข้าอีกก็จะยุ่งกันใหญ่ ฉะนั้น จงพากันพยายามปรับตัวปรับใจให้เข้าสู่ศีลสู่ธรรม ขจัดความขี้เกียจขี้คร้านออกโดยลำดับก่อนค่อยพิจารณากันใหม่ในขั้นต่อไป</TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>คำว่า ที่นั่น ปู่ไม่เห็นบอกหลาน เห็นบอกแต่จะไปทะเลาะกับที่และคนในที่นั่นอย่างเดียว ส่วนที่นั่นคือที่เช่นไรปู่ยังไม่บอกนี่ หลานกำลังกระหายอยากฟังโปรดด้วยปู่ี่</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>คือ พระนิพพานอย่างไรล่ะหลาน ไม่มีสกุลใดเลิศประเสริฐกว่าสกุลคือพระนิพพานนี้ ปู่จึงต้องการสกุลนี้อย่างหนักเรื่อยมา แต่ตอนนี้ขันธ์ปู่แก่มากแล้ว ใจปู่ก็คงจะแก่ชราเช่นขันธ์กระมัง ใจจึงหมดความอยากความต้องการใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งที่ที่เคยต้องการมากๆ นี้ด้วย ทุกวันนี้ปู่ไม่อยากอะไร ยังมีชีวิตอยู่ปู่ก็ไม่อยาก ตายไปเสียปู่ก็ไม่อยาก ไปนิพพานเสียปู่ก็ไม่อยาก ใจมันหมดความอยากใดๆ เสีย แต่ยังไม่ได้กินได้ดื่มแล้วเวลานี้ จะว่าถูกหรือผิดปู่ก็พูดตามความจริงให้หลานๆ ฟัง จงพากันฟังและพิจารณาด้วยดีนะ
    ปรากฏว่าหลานๆ ของปู่เงียบเชียบไปตามๆ กัน ดูอาการอายปู่มาก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ขึ้นมา อายที่ถามท่านแบบเด็กๆ เกินไป ปู่เห็นท่าไม่สนิทใจ จึงหาอุบายพูดเลียบๆ เคียงๆ ไปทางอื่นเสียบ้างเพื่อเปลี่ยนรสเปลี่ยนชาติ แล้วหลานๆ ก็วกกลับไปสกุลชาวนาของปู่อีกเพราะยังไม่หายข้องใจ ที่ปู่เคยเป็นคนทุกข์ลำบากมาแต่เป็นฆราวาส ไม่น่าจะเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรมอันล้ำเลิศอย่างนี้ แต่ทำไมปู่จึงเลิศประเสริฐเป็นที่เคารพเลื่อมใสของปวงชนมากมายนัก
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD> </TD><TD>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=../pics/6x1gray.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=32>[​IMG]</TD><TD>ถ้าอย่างนั้น คำว่าสกุลสูงหรือต่ำก็ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคกับนิสัยวาสนาบารมีของมนุษย์และสัตว์ทั่วไตรภพซิใช่ไหมปู่</TD></TR><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD>ใช่ คนเป็นคน สัตว์เป็นสัตว์ คนดีเป็นคนดี คนชั่วเป็นคนชั่ว คนบุญเป็นคนบุญ คนบาปเป็นคนบาป หากสับปนระคนกันในหมู่มนุษย์และสัตว์ทั่วไตรภพมาดั้งเดิม ไม่มีใครหรือสิ่งใดลบล้างได้ เพราะนั่นเป็นกฎแห่งกรรมประจำสัตว์โลกมาดั้งเดิม ท่านจึงสอนไม่ให้ประมาทกันและกัน เพราะคำว่า กรรม เป็นสิ่งละเอียดสุขุมมากเกินกว่าสติปัญญาธรรมดาและความรู้วิชาของสามัญชนทั่วๆ ไปจะพิสูจน์ให้ถูกต้องหรือตรงตามความจริงแห่งกรรมนั้นๆ ได้ เรื่องเหล่านี้ลึกลับมากสำหรับสามัญชนทั่วๆ ไป มีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้นสามารถพิสูจน์สาเหตุแห่งกรรมและผลกรรมนั้นๆ ได้ ดังพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์แสดงไว้เป็นแบบเดียวกันอย่างตายตัวตามหลักความจริงว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี นานแสนนานกี่ล้านกัปนับล้านกัลป์เรียงตามลำดับของพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้แต่ละพระองค์เรื่อยมาจนถึงพระพุทธเจ้า สมณโคดม องค์ปัจจุบันของชาวพุทธเรา สัตว์โลกก็ยังไม่มีรายใดยอมรับว่ามีว่าเป็นตามนั้นด้วยการรู้การเห็นประจักษ์ตน ทั้งนี้เพราะถูกกิเลสตัวมืดมิดปิดทวารมันปิดหูปิดตาปิดใจไว้อย่างมิดชิด เหมือนคนตาบอดหูหนวกไม่สามารถสัมผัสรับรู้สิ่งที่มีอยู่ทั้งหลายด้วยตาด้วยหูที่บอดหนวกของตนได้ นอกจากโดนเอาๆ แล้วลูบคลำไปตามประสาของคนตาบอด ไม่มีอะไรรู้และแยบคายไปกว่านั้น ดังคนตาบอดโดนต้นไม้หรือต้นเสา หัวตอ เป็นต้น เจ็บไปเปล่าๆ ไม่มีทางมองเห็นและเข็ดหลาบได้ ต่อไปก็โดนอีกเจ็บอีกอยู่ร่ำไปเพราะตาไม่เห็น จะเอาอะไรมาแก้ไขการโดนนั้นว่าจะไม่ให้โดนอีกในกาลต่อไป สัตว์โลกโดนทุกข์ โดนบาปกรรมทั้งหลายที่ตนเข้าใจว่าไม่มีก็เช่นเดียวกัน ทั้งๆ โดนทุกข์ก็มองไม่เห็นทุกข์ และบาปที่โดนว่ามาจากสาเหตุอันใด เพราะไม่มีปัญญาธรรมมาแก้ให้เห็นและหลุดไปได้ จำต้องยอมรับทุกข์กันอยู่ร่ำไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอขอบคุณ

    http://www.buddhismthailand.com/qa/khao.php
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นั่นล่ะ ถึงได้ก่อตั้งเป็นทุนนิธิฯ ขึ้นมา เพื่อถวายสงเคราะห์รักษาให้กับสงฆ์อาพาธโดยตรงทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาคต่างๆ รวม รพ. แล้วสัก 7 แห่ง พระที่ท่านอาพาธในต่างจังหวัด ตาม รพ.สาธารณสุขแถวชายแดน น่าสงสารมาก รักษากันตามมีตามเกิด งบประมาณที่ได้รับก็น้อย บางรูป เป็นพระที่เดินเท้ามาจากพม่า ลาว ไม่มีบัตร หรือสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น บางรูปโชคดีรักษาหาย พยาบาลก็เรี่ยไรกันให้ท่านนั่งรถกลับ เพราะหากเดินกลับก็เป็นวัน เช่นที่ รพ.แม่สอด หรือ รพ.ปัว โชคร้ายก็มาเสียชีวิตที่ รพ.ในประเทศไทย เช่นพระที่เป็นวัณโรคร้ายแรงที่ทุนนิธิฯ เคยส่งเงินช่วยเหลือท่าน แต่เอากันไม่อยู่ เพราะเชื้อวัณโรคลามจนปอดทะลุ เป็นต้น การช่วยเหลือสงฆ์อาพาธนั้น เป็นการช่วยชีวิตท่านโดยตรงแตกต่างกันกับการสร้างศาสนสถาน เช่นเจดีย์ หรือโบสถ์วิหารต่างๆ สร้างแล้วต้องมีผู้ศรัทธาเข้าไปใช้ แถมยังต้องมีการทะนุบำรุงรักษา ต้องมีกำลังศรัทธาจากญาติโยมเข้าไป ดีก็ดีไป ไม่ดีก็มีการโกงกัน ต้องมีขั้นตอนมาก ช่วยพระสงฆ์ที่ท่านเจ็บป่วยนี่ล่ะ ยิงตรงเลย หายท่านก็กลับวัดไปสร้างคนดีต่อ หรือเป็นเนื้อบุญในศาสนาสืบไป ยิ่งบางองค์บางรูปพอหายกลับไปปฏิบัติธรรม จนบรรลุมรรค บรรลุผล ก็นับว่าพวกเราที่ได้ช่วยนั้นเกิดบุญที่ได้ช่วยท่านให้บรรลุท่านในทางอ้อมนับเป็นเขตบุญอันสุดยากจะประมาณ อย่างที่ในคำบาลีที่แปลว่า "ดั่งอุปัฏฐากตถาคต" ตามรูปข้างล่างนั่นล่ะ ส่วนอาสนิสงค์การช่วยพระสงฆ์เจ็บป่วยนั้นไม่ต้องขยายความให้มากให้สังเกตุตัวเราไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันครับ อาม่า อาซิ้ม หรือคนแก่หลายคนที่มาร่วมกิจกรรมกับทุนนิธิฯ ต้องเดินลงถวายสังฆทานอาหารพระ ตั้งแต่ชั้น 6 ของตึกกัลยาฯ ใน รพ.สงฆ์เดินลงมาชั้นล่าง เดินลงมาก็คุยกันมาหลายคนเพิ่งมารู้จักในในงานแต่ละครั้งเอง ต่างคนต่างแวะถวายสังฆทานอาหารในแต่ละชั้นก็ถวายท่านกับมือตนเอง ดูรู้สึกได้เลยว่ามีกำลังมาก เดินกันไปก็ยิ้มไป บรรยากาศอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ครับ เสร็จแล้วลงมาพักผ่อนกันที่ห้องพักด้านล่าง มาโมทนาและสาธุบุญให้กันต่ออีกครั้งหนึ่ง นี่ล่ะ บุญจากการช่วยสงฆ์อาพาธในแต่ละเดือนเป็นอย่างนี้ ไม่มีกลิ่นธูปควันเทียน ไม่เบียดเสียดเวียนหัว ทำง่ายๆ สบายๆ พี่ใหญ่ท่านก็เชิญเทพเทวาท่านลงมาเป็นพยานบุญให้เรา มาโมทนาให้เรา ทุกครั้งพอแล้วครับ ถึงคราวบ่งอับบ่งรา ขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านก็พร้อมให้การช่วยเหลือกับเราได้เหมือนกันครับ อย่างหลายคนพอเรารู้เรื่อง ว่าไปแล้วหมดอายุแล้ว เรารู้เราก็พอช่วยได้แต่ก็นับเป็นอจินไตยมิอาจบอกได้ คุณเพชรก็รู้เรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้ว ยิ่งสำหรับผมเอง ก็ได้แก่ตัวเองและครอบครัว เช่นกัน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้คุณเพชรหมดห่วง ตั้งหลักใหม่เอากำลังบุญใหม่เป็นตัวตั้ง กระทู้นี้อาจจะแปลกกว่าที่อื่น ไม่มีคุยเล่น ไม่มีแซวกัน คงมีเพียงนำธรรมะตามบล๊อกต่างๆ มาเสนอ เอามาหลายครั้ง หลายหน ก็จะค่อยๆ ซึม โน้มเข้ามาตัวเอง พิจารณาตัวเอง หรือเตือนสติตัวเองได้เหมือนกันครับ หรือบางครั้งได้พระพิมพ์ใหม่ๆ มา พอตรวจกันได้ว่าแรงพอคุ้มตัวกันได้ หรือข้างในเป็นอย่างไร ก็บอกกันให้เก็บไว้ แจกฟรีก็มาก ในกระทู้นี้มีผู้มีตาในดีหลายคน รวมคนมีวิชาไว้หลายคนแบบแกงโฮ๊ะ หรือต้มยำ อะไรเทือกนั้น จึงมักมีสิ่งแปลกๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอๆ ครับ


    สุดท้าย ถึงคุณเพชร และหลายๆ คนที่เฝ้าดูกระทู้นี้อยู่ เรายังไม่รู้หรอกครับว่าบาปบุญเป็นอย่างไร จนเมื่อถึงเวลาเราต้องการความช่วยเหลือ พึ่งใครไม่ได้นั่นล่ะ จึงนึกถึงพระนึกถึงเจ้า นึกถึงบาปนึกถึงบุญ ถ้าไม่ทำบุญใหญ่ไว้ จะเอาเขตบุญที่ใหญ่ หรือจะเอาผู้มีบุญที่ไหนมาช่วยเราครับ ถ้าอยากฝากบุญใหญ่ไว้ให้ตัวเองและครอบครัวแล้ว มาช่วยพระสงฆ์ที่อาพาธกันดีกว่าครับ ช่วยท่าน แล้วสักวันหนึ่ง เราจะเองรู้ว่า บุญนั้นตอบแทนเราอย่างไร



    นับถือ

    พันวฤทธิ์
    23/11/51

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2008
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <!-- END WEBSTAT CODE --><TABLE height="95%" width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="75%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 16:12:47 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๘ | การบังเกิดขึ้นของอัครสาวกเบื้องขวาและซ้าย
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๘ : การบังเกิดขึ้นของอัครสาวกเบื้องขวาและซ้าย

    การบังเกิดขึ้นของอัครสาวกเบื้องขวาและซ้าย
    พระโมคคัลลาน์ และพระสารีบุตร

    ท่านสญชัยเป็นศาสดาปริพาชกที่มีชื่อเสียงมากผู้หนึ่งในแคว้นมคธ มีลูกศิษย์และคนนับถือมาก โมคคัลลาน์ และสารีบุตร เคยอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาหาความรู้ เพื่อทางพ้นทุกข์ แต่ครั้นศึกษาจบแล้วเห็นว่ายังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงลาอาจารย์สญชัยออกแสวงหาความรู้ใหม่ต่อไป แล้วจึงมาพบพระอัสสชิในเมืองราชคฤห์

    พระอัสสชิเป็นรูปหนึ่งในคณะพระเบญจวัคคีย์ ที่พระพุทธเจ้าทรงส่งออกไปประกาศพระศาสนา ท่านทราบว่าเวลานั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ ท่านจึงเดินทางเพื่อมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นั่น ระหว่างทางมาได้พบพระสารีบุตร ซึ่งขณะนั้นยังเป็น "อุปติสสปริพาชก" ที่เห็นกิริยาท่าทางของพระอัสสชิน่าเลื่อมใส จึงสนใจเข้าไปสนทนาถามถึงทางปฏิบัติ และผู้เป็นพระศาสดา เมื่อได้ฟังก็ชอบใจ ภายหลังจากนั้นจึงกลับมาชวนสหาย คือ โมคคัลลาน์ หรือ "โกลิตปริพาชก" ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยปริพาชกบริวาร ที่ติดตามมาอีก ๒๕๐ คน

    [​IMG]


    ท่านสารีบุตรและท่านโมคคัลลานะเป็นชาวแคว้นมคธ มีชื่อเดิมว่า อุปติสสะและโกลิตะ แต่นิยมเรียกท่านว่า พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตามชื่อมารดาของท่านทั้งสอง ในวันหนึ่งอุปติสส ได้พบกับพระอัสสชิเถระ ขณะที่กำลังเดินเพื่อบิณฑบาตอยู่ อุปติสสเห็นกริยาท่าทาง และความสงบ และความมีราศี ของพระอัสสชิเถระ ก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงเดินตามไปห่างๆ เมื่อพระอัสสชิเถระเสร็จจากบิณฑบาตแล้ว อุปติสสปริพาชกจึงเข้าไปหาท่านพระอัสสชิ แล้วได้พูดปราศรัยกับท่านพระอัสสชิ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวกับท่านพระอัสสชิว่า
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    รู้จากการเรียน กับรู้จากการปฏิบัติ

    <!-- Main -->


    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][​IMG]


    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ ที่กระผมจำจากตำราและฟังครูสอนนั้น[/FONT]​


    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จะตรงกับเนื้อหาตามที่หลวงปู่เข้าใจหรือ [/FONT]​


    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]หลวงปู่อธิบายว่า [/FONT]​


    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]​
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ใครสนใจบ้าง เดือนหน้าเราจะถวายเครื่องดูดเสมหะไปที่ รพ.นี้ล่ะ โดยผ่านหลวงปู่แฟ๊บครับ ส่วนเรื่องผ้าป่าตามกำหนดการข้างล่างนี้โอนไปเข้าบัญชีวัดโดยตรงเลยครับ


    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี มอบถวาย พระเดชพระคุณ องค์หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท


    <HR style="COLOR: #d1d1e1; BACKGROUND-COLOR: #d1d1e1" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี มอบถวาย พระเดชพระคุณ องค์หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท
    เพื่อสมทบทุนปรับปรุงอาคารโรงพยาบาลนาหว้า
    อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
    ในวันที่ ๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑
    ความเป็นมาของการสร้างผ้าป่า ฯ เนื่องด้วยโรงพยาบาลนาหว้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดกลาง มีจำนวนเตียงรับคนไข้ ๓๐ เตียง เป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษาพยาบาล ประชาชนทั่วไปในเขตอำเภอนาหว้า และใกล้เคียง มาเป็นระยะเวลานานประมาณ ๒๗ ปีแล้ว ปัจจุบันอาคารโรงพยาบาลมีการชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอย่า งมาก จึงมีความประสงค์ที่จะปรับปรุงอาคารโรงพยาบาลนาหว้า ให้ดีขึ้นดังเดิม เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้เข้ามารับการให้บริการจากทา งโรงพยาบาลฯ
    ประกอบกับพระเดชพระคุณ องค์หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท ได้เมตตามาเยี่ยมโรงพยาบาลนาหว้า ได้เห็นสภาพความเป็นจริงของปัญหาดังกล่าว จึงมีเมตตาที่จะให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือแก่ทางโรง พยาบาล ฯ โดยจะรับเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอ าคารโรงพยาบาล ฯ ดังกล่าว
    โรงพยาบาลนาหว้าจึงได้ร่วมกัน จัดทำผ้าป่าสามัคคีขึ้น เพื่อนำรายได้ สมทบทุนปรับปรุงอาคารโรงพยาบาลนาหว้า ซึ่งการทำบุญในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการสร้างบุญกุศล ครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมกับพระเดชพระคุณ องค์หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท พระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    ทางโรงพยาบาลนาหว้า จึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่ามหากุศลครั้งนี้ โดยทั่วหน้ากัน
    กำหนดการ
    วันที่ ๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑
    เวลา ๑๙.๐๐ นาฬิกา ตั้งองค์ผ้าป่า ณ. โรงพยาบาลนาหว้า
    เวลา ๑๙.๓๐ นาฬิกา พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกา ฟังพระธรรมเทศนา

    วันที่ ๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑
    เวลา ๐๗.๐๙ นาฬิกา รวบรวมองค์ผ้าป่า ณ. โรงพยาบาลนาหว้า
    เวลา ๐๘.๐๙ นาฬิกา ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุ- สามเณร
    เวลา ๑๐.๐๙ นาฬิกา ประธานในพิธีถวายผ้าป่าสามัคคี
    เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ฟังพระธรรมเทศนาจาก พระเดชพระคุณ องค์หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท



    หากท่านผู้มีจิตศรัทธา ไม่สะดวกในการเดินทางไปที่วัดฯหรือสถานที่ตั้งองค์ผ้ าป่า ฯในวัน เวลาดังกล่าว ท่านสามารถร่วมทำบุญได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ บัญชีออมทรัพย์ สาขาอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ชื่อบัญชี วัดป่าดงหวาย (เงินผ้าป่า) เลขที่บัญชี ๖๓๖ – ๐ - ๒๗๗๔๕ – ๐ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โรงพยาบาลนาหว้า โทร.๐๔๒ – ๕๙๗ ๔๘๙
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2008
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ตํ มาตา ปิตา กยิรา
    อญฺเญ วาปิจ ญาตกา
    สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ
    เสยฺยโส นํ ตโต กเร . . . ฯ ๔๓ ฯ

    มารดาก็ทำให้ไม่ได้ บิดาก็ทำให้ไม่ได้
    ญาติพี่น้องก็ทำให้ไม่ได้ แต่จิตที่ฝึกฝนไว้ชอบ
    ย่อมทำสิ่งนั้นได้ และทำได้อย่างประเสริฐด้วย

    What neither mother, nor father,
    Nor any other relative can do,
    A well-directed mind does
    And thereby elevates one.
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ
    สุตฺเตสุ พหุชาคโร
    อพลสฺสํ ว สีฆสฺโส
    หิตฺวา ยาติ สุเมธโส . . . ฯ ๒๙ ฯ

    ผู้มีปัญญา มักไม่ประมาท เมื่อคนส่วนมากพากันประมาท
    และตื่น เมื่อคนส่วนมากพากันหลับอยู่
    เขาจึงละทิ้งคนเหล่านั้นไปไกล
    เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว วิ่งเลยม้าแกลบฉะนั้น

    Heedful among the deedless,
    Wide awake among those asleep,
    The wise man advances
    As a swift horse leaving a weak nag behind.
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นฺทนํ จปสํ จิตฺตํ
    ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ
    อุชุํ กโรติ เมธาวี
    อุสุการโรว เตชนํ . . . ฯ ๓๓ ฯ

    จิตดิ้นรน กลับกลอก ป้องกันยาก ห้ามยาก
    คนมีปัญญาสามารถทำให้ตรงได้
    เหมือนช่างศรดัดลูกศร

    The flickering, fickle mind,
    Difficult to guard, diffucult to control,
    The wise man straightens,
    As a fletcher, an arrow.
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    รญฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย
    เสยฺยํ สทิสมตฺตโน
    เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา
    นตฺถิ พาเล สหายตา . . . ฯ ๖๑ ฯ

    หากแสวงหาไม่พบเพื่อนที่ดีกว่าตนหรือเสมอกับตน
    ก็ควรเที่ยวไปคนเดียว เพราะมิตรภาพ ไม่มีในหมู่คนพาล

    If, as he fares, he finds no companion
    Who is better or equal,
    Let him firmly pursue his solitary career;
    There is no fellowship with the fool.



    ข้อคิดเตือนใจทั้งหลายเหล่านี้นำมาจากเวบเพจข้างล่างนี้ครับ
    http://www.larndham.net/
     
  15. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    เอาใจช่วยส่งใจด้วยคนครับ
    ขออำนาจพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ช่วยบันดาลบุญกุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วและจะได้ทำอีกต่อๆไป ขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านพ้นได้ด้วยดีกลับมาแข็งแรงเร็ววันด้วยเทอญ
    น้องเอ

    ปล.ผมได้มีโอกาสรู้จักหมอท่านนึง ทราบจากพี่ท่านนึงว่าท่านรักษาได้ถ้ายังไงผมขออนุญาตโทรไปหานะครับ
     
  16. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้โอนเงินให้กับพยาบาลที่เป็นผู้จัดซื้อผ้าห่มให้กับโรงพยาบาลที่แม่สอด จังหวัดตาก จำนวน 1500 บาท

    วันศุกร์ที่21ที่ผ่านมาได้โอนเงินให้กับโรงพยาบาลที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน จำนวน 7000 บาท

    และเพื่อนผมได้นำเครื่องดูดเสมหะจำนวน 2 เครื่องและผ้าห่มอีกประมาณ 60 ผืน โดยจำนวน32ผืนเป็นส่วนของที่ได้รับบริจาคโดยทุนนิธิฯ ถวายหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย จังหวัดสกลนคร เพื่อท่านนำผ้าห่มเหล่านี้แบ่งไปตามโรงพยาบาลต่างๆ และที่เหลือเป็นส่วนของที่เพื่อนผมถวายหลวงปู่เพื่อให้กับพระหรือชาวบ้านที่ยากจนครับ

    โมทนา สาธุ กับทุกๆท่านครับ
     
  17. thongdee1

    thongdee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +1,499
    พระพิมพ์ที่เสกโดยหลวงปู่ใหญ่บางพิมพ์แต่เช็คแล้วไม่มีพลังเช่นพิมพ์ซุ้มไทรย้อย
    ให้น้องเค้าตรวจดูดีๆซิครับ มีญานของปู่ใหญ่อยู่ข้างในเป็นองค์เลย
    ถ้าญานในองค์พระไม่ปิดกระแสพลังเอาไว้ก็จะตรวจจับพลังได้ตามปกติ

     
  18. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    อ้างอิง
    จากหนังสือ ปู่เล่าให้ฟัง ฉบับสมบูรณ์ตามที่คุณพันวฤทธิ์ได้บอกไว้ข้างต้นนั้นท่านก็สามารถสั่งซื้อหนังสือ ปู่เล่าให้ฟัง ฉบับสมบูรณ์ ทางไปรษณีย์มาได้ที่ผม ราคาพร้อมค่าจัดส่งประมาณ 350 บาท โดยโอนเงินที่เลขบัญชีดังนี้

    กรุณาโอนเงินเข้าบัญชี นาย เขมชาติ นาคศิลป์ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 034-2-74568-3

    ว้นนี้โอนเงินไปให้ค่าหนังสือแล้วค่ะ 10.32.12 จำนวน 350 บาท

    พรุ่งนี้จะส่งมาร่วมทำบุญอีกค่ะ..
    ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  19. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ขอบคุณครับ ช่วงดึกวันที่ 18 ก็ได้ขอคำแนะนำจากพี่ใหญ่ จนเมื่อคืนวันที่ 20 ดูภาพจากอัลตร้าซาวด์แล้ว เซลมีการเปลี่ยนรูป คิดว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นทำให้เขาอยู่ไม่ได้ ราวตี 2 ของวันที่ 21 ก็ทราบผลเป็นไปตามนั้น ทางภรรยาผมเธอได้ตั้งจิตขอทำบุญถวายเลือดสงฆ์อาพาธ และขอร่วมบุญทุกอย่างกับทางทุนนิธิโดยตรง..

    ขอโมทนาด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่ทุกท่านที่ได้สร้างและได้ร่วมกันทำมา ได้ค้ำจุนให้ภรรยาคุณเพชร
    ดีขึ้นและหายด้วยค่ะ
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสโทร.แจ้ง พยาบาลประจำหอสงฆ์ดังกล่าวให้ทราบเรื่องการโอนปัจจัยการบริจาคทั้งหมดด้วยแล้วครับ ได้รับคำอนุโมทนามาเป็นอย่างดี และรับเป็นธุระให้ด้วยความยินดีจาก รพ. ทั้ง 2 แห่งเช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...