ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มาดูภาพของพยามัจจุราชและนรก ในเวอร์ชั่นมหายานกันครับ

    ตัวอย่าง

    <!--MsgFile=2-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    ส่วนเวอร์ชั่นเต็มๆ ดูตามนี้ได้เลย

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/07/Y6806829/Y6806829.html
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    คำสอนท่านพ่อลี แห่งวัดอโศการาม แม้จะนานกว่า 50 ปี แล้วแต่ยังใหม่เสมอกับผู้ที่ระวังรักษา แม้แต่ตัวผมเองก็ตาม ขนาดระวังแล้วก็ยัง "พลาด" บ่อยๆ เช่นกัน

    ตามปกติท่านพ่อเป็นผู้ที่ประหยัดคำพูด คือ พูดตามเหตุ ถ้ามีเหตุที่จะต้องพูด หรืออธิบายยาว ท่านก็พูดยาวหน่อย ถ้าไม่มีเหตุอย่างนั้น ท่านก็พูดน้อยหรือไม่พูด เอาเสียเลย ท่านบอกว่า ท่านถือคติตามท่านพ่อลีว่า "ถ้าจะสอนธรรมะให้เขาฟัง แต่เขาไม่ตั้งใจฟัง หรือไม่พร้อมที่จะรับธรรมะที่พูดไปนั้น ถึงจะดีวิเศษวิโสแค่ไหนก็ยังนับเป็นคำเพ้อเจ้ออยู่ เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร" ฯ



    • "ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าจะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นแรกในการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร"ฯ
    • เมตตาธรรมของท่านพ่อเป็นสิ่งที่ประจักษ์ใจแก่ลูกศิษย์ทุกคน ถ้าใครมีความทุกข์ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนชาติชั้นวรรณะใดก็ตาม ท่านก็ยินดีที่จะปรับทุกข์ให้ แล้วปลุกใจที่จะต่อสู้กับเหตุการณ์ต่อไป แต่เมตตาของท่านพ่อนั้น มีทั้งเมตตาเย็นและเมตตาร้อน คือ บางครั้งต้องมีดุบ้างเป็นธรรมดาเพื่อให้ลูกศิษย์ที่ทำผิดได้แก้ตัวเองเป็นคนดีขึ้น การดุด่าของท่านนั้น ท่านไม่เคยใช้เสียงดัง น้ำเสียงเผ็ดร้อน หรือคำหยาบคายแต่ประการใด ท่านก็พูดเรียบๆ ธรรมดา แต่ความหมายของท่านเจ็บแสบเข้าไปถึงหัวใจไม่รู้ลืม

      ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์คนหนึ่งปรารภกับท่าน "ท่านพ่อ ทำไมคำพูดของท่านพ่อบางครั้งเจ็บถึงหัวใจเลย ท่านก็ตอบว่า "ดีแล้วจะได้จำ ถ้าไม่ว่าถึงใจผู้ฟังมันก็ไม่ถึงผู้ว่าเหมือนกัน"ฯ
    • การที่ท่านพ่อจะติลูกศิษย์นั้น ท่านก็ดูความตั้งใจของลูกศิษย์เป็นเกณฑ์ ถ้าศิษย์คนไหนตั้งใจปฏิบัติ ท่านจึงจะติ ยิ่งตั้งใจ ท่านก็ยิ่งติใหญ่ เพราะท่านคงถือว่า คนประเภทนี้จะได้ใช้ คำติของท่านให้เกิดประโยชน์

      ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์ฆราวาสคนหนึ่งไม่เข้าใจหลักนี้ ไปช่วยพยาบาลท่านพ่อ ในระหว่างที่ท่านป่วยอยู่ที่กรุงเทพฯ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามปฏิบัติท่านให้ดีที่สุด ก็ไม่วายที่จะถูกติอยู่เรื่อย จนกระทั่งเขาคิดที่จะหนีท่านเลย พอดีมีฆราวาสอีกคนหนึ่ง เข้ามาเยี่ยมไข้ ท่านพ่อจึงพูดกับคนที่มาเยี่ยม "การติของครูบาอาจารย์นั้นมีอยู่สองอย่าง คือติเพื่อให้ไปกับติเพื่อให้อยู่"

      พอคนแรกได้ยินอย่างนี้ก็เข้าใจทันที แล้วยินดีที่จะอยู่ปฏิบัติท่านต่อไปฯ
    • นิทานเรื่องหนึ่งที่ท่านพ่อชอบเล่าให้ฟังเป็นคติเตือนใจคือเรื่อง "หงส์หามเต่า"

      ครั้งหนึ่งมีหงส์สองตัวชอบแวะกินน้ำที่สระแห่งหนึ่งเป็นประจำ ในระหว่างนั้นได้รู้จักกับเต่าตัวหนึ่งที่อยู่ในสระ คุยกันไปคุยกันมาเกิดความคุ้นเคยกันเข้า แล้วต่างฝ่าย ก็ต่างเล่าถึงเรื่องต่างๆ ที่ได้ผ่านมาในชีวิต พอเต่าฟังพวกหงส์เล่าถึงสิ่งต่างๆที่เคยเห็นในระหว่างบินอยู่บนท้องฟ้า ก็รู้สึกเสียดายที่ตนเองบินไม่ได้ ไม่มีโอกาสวาสนาที่จะเห็นโลก อย่างเขาบ้าง แต่หงส์ก็ปลอบใจเต่าว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราจะหาวิธีพาเธอขึ้นบนท้องฟ้าให้ได้ ง่ายนิดเดียว" เขาก็เลยหาไม้ ท่อนหนึ่งมา หงส์สองตัวใช้ปากคาบปลายไม้ไว้คนละข้าง แล้วให้เต่าใช้ปากเกาะไว้ตรงกลาง หงส์สองตัวจึงบินขึ้นฟ้าพาเต่าไปเที่ยวด้วย ฝ่ายเต่าได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยในชีวิตก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจมาก

      พอดีมีเด็กกลุ่มหนึ่งเห็นหงส์พาเต่าเที่ยวบนฟ้าจึงร้องตะโกน "ดูซิ หงส์หามเต่า หงส์หามเต่า หงส์หามเต่า" ฝ่ายเต่าก็เกิดเขินขึ้นมา จึงกะว่าจะตะโกนกลับไปว่า "ไม่ใช่ เต่าหามหงส์" เพื่อแก้เขิน แต่พอจะอ้าปากพูด ก็ตกกระดองแตกตาย

      ท่านพ่อก็สรุปความว่า "เดินดินระวังเท้า เข้าที่สูงระวังปาก"ฯ
    • เย็นวันหนึ่งมีลูกศิษย์สาวๆ ๓-๔ คน ที่เป็นเพื่อนกันได้มาเจอกันพอดี ที่ตึกเกษมฯ ฉะนั้นแทนที่จะนั่งภาวนากับท่านพ่อ เขาก็หามุมไปตั้งวงคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามประสาสาวๆที่ทำงานในกรุงเทพฯ คุยกันจนเพลินไปจนไม่สังเกตว่า ท่านพ่อเดินผ่าน ท่านจึงจุดไม้ขีดไฟ ก้านหนึ่งโยนลงไปในกลางวง ทำให้วงแตกทันที คนหนึ่งก็ร้อง "ว้าย ทำไมท่านพ่อทำอย่างนั้น หนูเกือบโดน" ท่านพ่อก็ยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่า "เผามันซะบ้าง ไอ้ฝอยที่มันกองอยู่ตรงนั้น เผามันซะบ้าง"ฯ
    • หูเราก็มี ๒ หู ปากก็มีปากเดียว แสดงว่าเราต้องฟังให้มาก ต้องพูดให้น้อย"ฯ
    • ศิษย์ที่เป็นคนช่างพูดเคยถูกท่านพ่อเตือนว่า "อย่าให้ลมออกมากนะ ลมออกมากได้อะไรขึ้นมา มีแต่เรื่อง ให้กำหนดลมเข้าจะดีกว่า"ฯ
    • "เรามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างภาวนา เราไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังนอกจาก อาจารย์ของเรา เรามีอะไรจะไปอวดเขาทำไม เป็นกิเลสไม่ใช่หรือ"ฯ
    • "คนชอบขายความดีของตนเอง ที่จริงขายความโง่ของตัวเองมากกว่า"ฯ
    • "ของดีจริงไม่ต้องโฆษณา"ฯ
    • "ให้มีคมในฝัก ให้ถึงเวลาที่จะต้องใช้จริงๆ จึงค่อยชักออกมา จะได้ไม่เสียคม"ฯ
    • ท่านพ่อได้ยินศิษย์สองคนนั่งคุยกัน คนหนึ่งถามปัญหา อีกคนหนึ่งตอบโดย เริ่มต้นว่า "เข้าใจว่า คงจะ..." แต่ท่านพ่อก็ตัดบททันที "ถ้าไม่รู้ก็ตอบว่าไม่รู้ก็หมดเรื่อง เขาขอความรู้ เราก็ให้ความเดา มันจะถูกที่ไหน"ฯ
    • ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งรู้ตัวว่า เป็นผู้ที่พูดจาไม่ค่อยเรียบร้อย จึงถามท่านพ่อว่า ข้อนี้จะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติใจไหม ท่านตอบว่า "อย่าไปข้องใจกับกิริยาภายนอก ให้ภายในใจของเราดีเป็นสำคัญ"ฯ
     
  3. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านพันวฤทธิ์

    ร่วมบุญเพิ่มเติม ครับ

    ฝากที่เคาเตอร์ สาขาเอสพานาด เข้าบัญชี 348-123-245-9

    วันที่ 3/9/2551 เวลา 19:42 น. จำนวน 100 บาท ครับ

    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๔ : ทรงเสวยวิมุตติสุข
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๔ : ทรงเสวยวิมุตติสุข

    ทรงเสวยวิมุติสุข

    หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้เสด็จประทับ ณ ภายใต้ร่มไม้พระศรีมหาโพธิ์ ทรงเสวยวิมุตติสุข (ความสุขเกิดแต่ความสิ้นอาสวะ) เป็นเวลา 7 วัน ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ตามลำดับและถอยกลับ ตลอดยาม 3 แห่งราตรี ทรงเปล่งอุทาน ยามละครั้ง ดังนี้

    [​IMG]

    ปฐมยาม ทรงเปล่งอุทานว่า "เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะมารู้แจ้งธรรมว่าเกิดแต่เหตุ"

    มัชฌิมยาม ทรงเปล่งอุทานว่า "เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้ความสิ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย" (ว่าเป็นเหตุสิ้นแห่งผลทั้งหลายด้วย)

    ปัจฉิมยาม ทรงเปล่งอุทานว่า "เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์นั้น ย่อมกำจัดมารและเสนามารเสียได้ ดุจพระอาทิตย์อุทัยกำจัดความมืด ทำอากาศให้สว่างฉะนั้น"

    จากนั้นเสด็จลงจากบัลลังก์ไปประทับทางทิศอีสานแห่งต้นศรีมหาโพธิ์


    [/SIZE]<!-- End main-->
     
  5. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    910
    ค่าพลัง:
    +4,284

    ตามที่ทางทุนนิธิฯตั้งใจจะแจกพระให้ในเดือนนี้นั้นก็ขอเรียนชี้แจงดังนี้นะครับ
    1.พระที่จะแจกให้ในเดือนนี้เป็นพระสกุลวังหน้าในสมัยอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2145 ในแผ่นดินของพระเจ้าทรงธรรม เพื่อเฉลิมฉลองในการสถาปนาเงินกลมตรายันต์ขึ้นมาใช้ในรัชสมัยของพระองค์ซึ่งมีอยู่หลายพิมพ์ ถ้าจะนับอายุการสร้างจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึง 405 ปีแล้วส่วนพิมพ์ที่จะแจกให้ฟรีนี้เป็นพิมพ์ที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครท่านได้ตั้งชื่อให้ว่า "พิมพ์ซุ้มไทรย้อย" ซึ่งในวงการพระเครื่องกลับเรียกพิมพ์นี้ว่าพิมพ์นาคปรกซึ่งไม่ตรงกับแบบพิมพ์ของพระ พระที่จะแจกให้ฟรีนี้ได้รับความกรุณาจากพี่ชายของผมเองเป็นผู้นำมามอบให้เพื่อเอาไว้แจกฟรี ไม่ต่ำกว่า 50-60 องค์ และโดยส่วนตัวพี่ชายผมเองก็ได้นำครอบครัวมาทำบุญกับทางทุนนิธิฯที่โรงพยาบาลสงฆ์เป็นประจำอยู่แล้วมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือทางทุนนิธิฯจึงมอบพระมาให้แจกกับผู้ที่มาทำบุญฟรีๆ ก็ต้องขอโมทนาบุญในความตั้งใจที่เป็นบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    2.พระพิมพ์ "ซุ้มไทรย้อย" ที่จะแจกให้นี้แบ่งเป็น 2 พิมพ์คือแบบที่ด้านข้างองค์พระเห็นรากของไทรที่ย้อยลงมา และแบบที่ด้านข้างองค์พระเป็นเงินกลมตรายันต์ ดังรูป

    แบบที่ด้านข้างองค์พระเห็นรากของไทรที่ย้อยลงมา

    [​IMG]


    แบบที่ด้านข้างองค์พระเป็นเงินกลมตรายันต์

    [​IMG]

    พระที่จะแจกให้ฟรีนี้อาจจะหย่อนเรื่องความงามไม่เหมือนในรูปที่นำมาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างก็อย่าว่ากันนะครับเพราะพระกรุนี้อายุค่อนข้างมากการตกทอดและเก็บรักษาอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เรื่องอิทธิคุณของพระพิมพ์ "ซุ้มไทรย้อย" นี้ไม่เป็นรองใครแน่ แม้แต่ท่านอาจารย์ประถม ท่านก็กล่าวยกย่องและรับรองให้ผมได้ยินอยู่เสมอๆเรื่องอิทธิคุณของพระพิมพ์ "ซุ้มไทรย้อย" ว่าเป็นมหาอุดอย่างเอกอุ

    ท่านใดที่ต้องการพระพิมพ์"ซุ้มไทรย้อย"ดังที่กล่าวข้างต้นก็ขอมาได้ตามกติกาที่อ้างไว้ข้างต้นนะครับ

    หมายเหตุ ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับทางทุนนิธิฯไม่ได้แจกพระพิมพ์ซุ้มเงินกลมตรายันต์(ซุ้มไข่ปลา)นะครับ มีแจกเฉพาะพระพิมพ์"ซุ้มไทรย้อย" เท่านั้นนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 15.jpg
      15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.8 KB
      เปิดดู:
      1,026
    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.4 KB
      เปิดดู:
      1,165
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    ธรรมะ คือ คุณากร !

    @ ธรรมะคือคุณากรคำสอนสั่ง
    เป็นความจริงทรงพลังคำสั่งสอน
    เป็นหลักธรรมครองตนพ้นนิวรณ์
    เป็นดุจพรอันประเสริฐเลิศปัญญา

    ผู้ปฏิบัติเท่านั้นจะพลันเห็น
    ว่าสุขเย็นเป็นไฉนจึงใฝ่หา
    รู้และเห็นด้วยตนฝึกฝนมา
    ใช่มีคนบอกว่าน่าจะจริง

    การปฏิบัติที่ไหนทำได้หมด
    ล้วนแต่งดงามแท้แน่นอนยิ่ง
    มิต้องยกกาลเวลามาอ้างอิง
    เพราะทุกสิ่งจริงแท้และแน่นอน

    จึงควรเรียกเขามาดูมารู้เห็น
    ว่าพระธรรมนั้นเป็นเช่นคำสอน
    ที่พุทธองค์ทรงตรัสชัดทุกตอน
    ดุจอาภรณ์งดงามอร่ามตา

    จึงควรน้อมเข้าไว้ในดวงจิต
    เป็นหลักธรรมแห่งชีวิตทุกทิศา
    น้อมเข้ามาปฏิบัติพัฒนา
    ดวงวิญญาณ์จะสะอาดปราศมลทิน

    วิญญูชนพึงรู้ผู้ปฏิบัติ
    จะแจ้งชัดแก่ใจได้ทั้งสิ้น
    จะแบ่งปันไม่ได้ในชีวิน
    เหมือนคนกินรู้ซดรสน้ำแกง

    ธรรมะมีคุณค่ามหาศาล
    ผู้แตกฉานมีมากล้นทุกหนแห่ง
    แต่ผู้ที่ปฏิบัติและจัดแจง
    จนรู้แจ้งแก่ใจไม่ค่อยมี

    ผู้มีธรรมเท่านั้นควรสรรเสริญ
    เพราะเจริญกายใจในทุกที่
    มีคุณค่าต่อสังคมเหมาะสมดี
    ธรรมะคือ คุณากรนี้ ดีจริงเอย....

    ขอขอบคุณ

    http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=2121
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>[​IMG]</TD><TD><TR></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE height=45 cellSpacing=20 cellPadding=20 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD>
    ดอกบัว ๕ ยอด


    ณ บริเวณริมทะเลสาบน้ำจืดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย โอกาสนั้นพ่อของลูกคนป่า ได้มาสอนลูกคนป่าข้าง ๆ ริมทะเลสาบน้ำจืดแห่งนั้น ถึงหลักการปฏิบัติและให้เข้าใจโลกนี้ให้มากขึ้น โดยท่านพ่อจะสอนลูกให้เห็นว่าโลกนี้มีแต่ความทุกข์ แล้วเป็นทุกข์อย่างไร? และจะอยู่อย่างไรโดยไม่ทุกข์ ให้พบแต่ สุข สงบ สดชื่น แจ่มใส อย่างผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ลูกเอ๋ย.....เจ้าจงยึดถือเอาดอกบัวที่มีอยู่ ๕ ยอด ไว้ประดับกายและใจของลูก ดอกบัวที่มี ๕ ยอดนี้ เป็นดอกไม้ที่พ่อประทานให้ลูก ยึดเอาไว้เคียงคู่กายเคียงคู่ใจของลูก ดอกบัวโดยทั่วไปที่ลูกมองเห็นได้ จะมีแค่ยอดเดียว แต่ดอกบัว ๕ ยอดเหล่านี้ ไฉนเป็นเช่นนี้จึงมี ๕ ยอด มีความสำคัญยิ่งเช่นไร มีความสำคัญมากน่ะลูก หากลูกยึดถือและปฏิบัติตามนั้น ลูกก็จะสามารถดับทุกข์ได้ พ้นทุกข์ได้ พบสุขอย่างพ่อได้ และอยู่กับพ่อได้อย่างไม่อยากไปอยู่ที่อื่นอีกเลย

    ดอกบัวยอดที่ ๑ นั้น คือ "การรักษาศีล ๕" เพราะการรักษาศีลตลอดชีวิตของลูก จะทำให้ลูกเป็นผู้มากด้วยโภคทรัพย์ มากด้วยความสงบสุข ขณะที่ลูกดำรงชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีวิบากกรรมมากระทบบ้าง ก็สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ เมื่อสิ้นลมหายใจไปในภพนี้ ดังคำที่พระท่านกล่าวว่า สี เล นะ สุข ขะ ติง ยัน ติ สี เล นะ โภ คะ สัม ปะทา สี เล นะ นิพ พุ ติง ยัน ติ ตรัสมา สี ลัง วิ โส ทะ เย

    ดอกบัวยอดที่ ๒ นั้น คือ "การควบคุมดูแลและขจัดนิวรณ์ ๕ ประการ" นิวรณ์ ๕ ประการนั้นเป็นอารมณ์ใจ อยู่ในใจ จนใจของลูกขุ่นมัว นิวรณ์ ๕ นี้เป็นตัวปิดกั้นความดี ทางกาย วาจา และใจของลูกไว้ นิวรณ์ ๕ ประการนั้น เมื่อสิงอยู่ในใจของลูกเวลาใด ใจของลูกก็จะดำเนินเข้าสู่วิถีทางแห่งอกุศลกรรม ลูกจงหยุดและระงับควบคุมไว้ จนถึงทำลายนิวรณ์ ให้ออกไปจากใจของลูกให้สิ้น ให้ได้ทุกขณะจิตที่เกิดขึ้น แล้วลูกจะพบความสุข พร้อม ๆ กับมีสติยิ่ง มีปัญญายิ่ง คุณวิเศษยิ่ง ความรู้ยิ่ง น่ะลูกน่ะ

    ดอกบัวยอดที่ ๓ นั้น คือ "อภิญญา ๕" อภิญญานั้นจัดว่าเป็นปัญญาอันยิ่ง เป็นคุณวิเศษที่ทำให้ลูกใช้หาคำตอบ ของคำว่า " ทุกข์คืออะไร ? มาจากไหน ? ใครเป็นผู้กระทำ ? ใครเป็นผู้รับผล ? และวิธีดับทุกข์ คืออะไร? สามารถทำได้อย่างไร? จึงทำให้พบความสุข
    อภิญญา คือวิชชา หรือเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ ที่ใช้หาคำตอบทำให้ลูกเกิดปัญญา ปัญญาจะทำให้ลูกพ้นทุกข์นั่นเอง

    ดอกบัวยอดที่ ๔ นั้น คือ "ขันธ์ ๕" เหตุแห่งทุกข์ทั้งหลาย ที่แท้แน่นอน หาที่สุดที่ประมาณมิได้ นั้นก็คือ การมีขันธ์ ๕ เพราะขันธ์ ๕ เป็นเหตุ แล้วยังเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอีก ลูกเอ๋ย การแบกขันธ์ ๕ นี้แหละ ทุกข์มหันต์ ลูกรัก จงพิจารณาขันธ์ ๕ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของขันธ์ ๕ ว่ามันไม่เที่ยง มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา แล้วลูกจงวางขันธ์๕ เสีย อย่าติดในขันธ์ ๕ แล้วลูกจะพ้นจากทุกข์ พบความสุขที่สุด จนได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    ดอกบัวยอดที่ ๕ นั้น คือ "พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์" เมื่อลูกตัดขันธ์ ๕ ได้แล้ว เข้าใจขันธ์ ๕แล้ว วางขันธ์ ๕แล้ว ลูกก็จะอยู่ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าได้ทุกลมหายใจเข้าออก จำไว้น่ะลูก อันพระนามของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์คือ
    ๑. พระกกุสันธะ
    ๒. พระโกนาคมน์
    ๓. พระกัสสป
    ๔. พระโคดม
    ๕. พระเมตเตยยะ

    อันพระนามย่อก็ คือ นะ โม พุท ธา ยะ นี้เอง ลูกจงประดับ รักษาดอกบัว ๕ ยอดที่พ่อมอบให้ลูกไว้ทุกลมหายใจเข้าออก หรือตราบเท่าลมหายใจครั้งสุดท้ายของลูกจะมาถึงน่ะลูก แล้วพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ จะมารับลูกของพ่อ จงจำไว้น่ะลูก

    ............สาธุ สาธุ สาธุ

    ที่มาของเรื่องนี้
    เป็นผลมาจากการปฏิบัติพระกรรมฐานของท่านผู้หนึ่ง (ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่) ซึ่งท่านปฏิบัติพระกรรมฐานตามคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี เป็นเวลานานมาแล้ว ท่านได้รับสัมผัสทางจิตจากท่านที่ละสังขารไปแล้ว มาสั่งสอนให้ความรู้นี้แก่ท่าน และท่านได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตจากท่าน เพื่อนำเอามาลงเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ท ท่านก็เมตตาอนุญาต โดยเขียนต้นฉบับมาให้ตามที่ท่านได้รับสัมผัสมาโดยตรงทุกประการ มิได้แต่งขึ้นเองเลย นอกจากจะเปลี่ยนใช้คำพูดที่ง่ายต่อการเข้าใจของท่านผู้อ่านเพียงบางคำเท่านั้น ข้าพเจ้าในฐานะของผู้ที่ยังมีขันธ์ ๕ อยู่ ขอกราบอนุโมทนาต่อท่านผู้มีพระคุณทุกท่านที่ได้เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ด้วยเทอญ......สาธุ......สาธุ......สาธุ
    เชิงดอย



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    รวมธรรมคำสอนของท่านพุทธทาส

    รวมธรรมคำสอนของท่านพุทธทาส
    [FONT=&quot]<!-- Main -->1. พระพุทธเป็นพ่อ พระธรรมเป็นแม่ พระสงฆ์เป็นพี่ [/FONT]
    [FONT=&quot]2. พุทธะเป็นใครก็ได้ ถ้าเป็นผู้รู้ - ตื่น - เบิกบาน [/FONT]
    [FONT=&quot]3. นิพพานในทุกความหมาย ไม่เกี่ยวกับความตาย [/FONT]
    [FONT=&quot]4. นิพพานเป็นของได้เปล่า เมื่อสลัดตัวกูออกไปเสีย [/FONT]
    [FONT=&quot]5. นิพพานในความหมายของชาวบ้าน (นิพฺพุโต) ก็มีอยู่ [/FONT]
    [FONT=&quot]6. นิพพานในปัจจุบัน (เมื่อจิตว่าง) เรียกสามายิกนิพพาน เป็นสิ่งควรสนใจ [/FONT]
    [FONT=&quot]7. นิพพานหาพบได้ที่วัฏฏสงสาร [/FONT]
    [FONT=&quot]8. นิพพานคือ
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    7 วิธีวิปัสสนาที่ง่าย และได้ผลสูงที่สุด

    <!--MsgIDBody=0-->เรามาดูกันว่า พระสูตรหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนวิธีวิปัสสนาที่ไม่ยุ่งยากนัก (แต่ก็ไม่เชิงง่ายเท่าไหร่หรอก) แต่ได้ผลคือการบรรลุพระนิพพาน ทั้ง 7 วิธี มีอะไรบ้าง และได้ผลอย่างไร


    1. อสุภสัญญา
    ะลึกถึงความน่าขยะแขยง น่าเกลียดของอาการ 32 ในร่างกาย สามารถทำลายความรู้สึกทางเพศและการอยากมีเพศสัมพันธ์ได้

    2. มรณสัญญา
    ระลึกถึงความตาย ว่าเรา และคนอื่น ต้องตาย ทำให้ไม่ยึดถือในชีวิต

    3. อาหาเรปฏิกูลสัญญา
    ระลึกถึงความน่ารังเกียจของอาหาร ทั้งอาหารที่กำลังจะกิน และทั้งอาหารที่ถ่ายออกไปแล้ว ทำให้ไม่ติดในรสของอาหาร

    4. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
    ระลึกว่า โลก ทั้งโลกมนุษย์ ทั้งเทวโลกพรหมโลก อายตนะ ขันธ์ ธาตุ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ช่างไม่น่าชื่นชอบ ไม่น่าอยากน่าใคร่ ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลย ทำให้จิตไม่ยื่นไปเกิดใหม่ที่ใดได้อีก เพราะสิ้นความต้องการทุกอย่างในโลกนี้และโลกหน้า ในอดีต ปัจจุบัน อนาคตแล้ว

    5. อนิจจสัญญา
    กำหนดว่า ทุก ๆ สิ่ง ไม่เสถียร ไม่แน่นอน แปรปรวน เปลี่ยนแปลง ไม่ยั่งยืน เมื่อทำได้ดีแล้วจิตย่อมหวลกลับ งอกลับ ถอยกลับ ไม่ยื่นไปรับในลาภสักการะ และความสรรเสริญ อุเบกขาหรือความเป็นของปฏิกูล(น่ารังเกียจ)ย่อมตั้งอยู่

    6. อนิจเจทุกขสัญญา
    สิ่งที่ไม่ยั่งยืน ไม่คงที่ ไม่เที่ยงอย่างในข้อห้านั้นเองนำความทุกข์มาให้ เช่น ความหนุ่มสาวไม่ยั่งยืน พอกำหนดได้ก็จะรู้ตัวว่าต้องแก่ หรือรู้ว่าเวลาไม่ค่อยใคร สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ให้รีบทำสิ่งที่จะต้องทำก่อนที่จะหมดเวลา ทำให้ ภยสัญญา (ความสำคัญเป็นภัย) อย่างแรงกล้าในความเฉื่อยชา ในความเกียจคร้าน ในความท้อถอย ในความประมาท ในการไม่ประกอบความเพียร ในการไม่พิจารณา ย่อมปรากฏ

    7. ทุกเขอนัตตสัญญา
    กำหนดว่า สิ่งที่เป็นทุกข์ นำความทุกข์มาให้นั้นเอง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวตนของเรา ลองคิดดูเอาเองว่า ถ้าสิ่งนั้น ๆ ที่เราคิดถึงอยู่เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราคงสั่งได้ว่า ขอให้สิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ที่ไหนได้ กลับมีแต่เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นในสิ่งเหล่านั้น มีแต่ทุกข์ โศกโรคภัย เกิดขึ้นในสิ่งต่าง ๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อแย่อย่างนี้แล้ว คงไม่ใช่สิ่งที่เราสั่งได้แน่ ๆ จิตย่อมถอยกลับจากความยึดมั่น ในความปรารถนาสิ่งต่าง ๆ ในการเทียบตนเองกับคนอื่น และในความเห็นที่ผิดว่ามีตัวมีตน ทั้งภายในและภายนอกทำให้รักตัวเห็นแก่ตัวมากมาย


    ได้สรุปจาก
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
    สัญญาสูตรที่ ๒


    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=23&A=1076&Z=1220&pagebreak=0

    ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
    http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=46



    ท่านจะสังเกตได้ว่า พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสว่า อนุสสติ แต่เป็นสัญญา เพราะให้เรากำหนด จดจำ จำใหม่ เปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ ที่เคยจำ ๆ มาแบบผิด ๆ ในสิ่งต่าง ๆ <!--MsgEdited=0-->
    [SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 51 14:37:33[/SIZE] <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->SpiritWithin_HolyStream


    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6908341/Y6908341.html


    ตั้งแต่ข้อ 4-7 ไม่เคยกำหนดถึง ตรงๆ เลยครับ เพราะจะไพล่ไปถึง กายคตานุสติภาวนาไปซะหมด ไม่ได้แยกละเอียดตามนี้
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    FOR KHUN TANYA 123



    " IF THERE IS ANY RELIGION
    WHICH IS ACCEPTABLE TO THE
    SCIENTIFIC MIND, IT IS BUDDHISM"

    -Albert Einstein-

    "ถ้าจะมีศาสนาใด
    ซึ่งจะเข้ากันได้
    กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
    ศาสนานั้น คือ ศาสนาพุทธ"

    -อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์-
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ๒๔๐๘ เพื่อการศึกษา (๑) ลักษณะองค์พระใหญ่โตกว่าพระพิมพ์สมเด็จทั่วไป มีทั้งแบบ 2 หน้า และหน้าเดียว แบบ 2 หน้า ก็จะแยกเป็นมีกริ่งในตัว และไม่มีกริ่ง อานุภาพขององค์ผู้เสก แรงและเร็ว แบบจี๊ดจ๊าด เป็นพิมพ์ทรงที่สวยงาม คลาสสิค แขวนใส่กรอบทองไมคร่อน ลวดลายสวยๆ ยังดูสง่าน่าเกรงขาม ท่าน อ.ประถม ตรวจทีไร บอกแรงจนมือชา ใครที่ชอบสะสม พระนอกพิมพ์มาตรฐานสกุลพระวังหน้า สมควรมีเก็บไว้ ลองไปดูในกระทู้สมทบทุนสร้าง รพ.สงฆ์ ที่ จ.พิจิตรในหมวดนี้ได้ คุณ chaipat นำมาลงไว้ให้บูชา พระที่ลงผ่านการตรวจอานุภาพเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

    จาก
    http://www.thaimarketcenter.com/ecommerce/triraj/category.asp

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 24082.png
      24082.png
      ขนาดไฟล์:
      438.6 KB
      เปิดดู:
      1,383
    • 24083.png
      24083.png
      ขนาดไฟล์:
      444.1 KB
      เปิดดู:
      1,330
    • 24084.png
      24084.png
      ขนาดไฟล์:
      451.4 KB
      เปิดดู:
      1,302
    • 24085.png
      24085.png
      ขนาดไฟล์:
      444.8 KB
      เปิดดู:
      1,293
    • 24086.png
      24086.png
      ขนาดไฟล์:
      455.8 KB
      เปิดดู:
      1,331
    • 24089.png
      24089.png
      ขนาดไฟล์:
      440.8 KB
      เปิดดู:
      1,279
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2008
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๕ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ อนิมิสเจดีย์
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๔๕ : ทรงเสวยวิมุตติสุข ณ อนิมิสเจดีย์

    ทรงเสวยวิมุตติสุข ในสัปดาห์ที่สอง
    ณ อนิมิสเจดีย์

    [​IMG]

    เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ และประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ ณ ใต้ต้นมหาโพธิ์ ครบ 7 วันแล้ว ในสัปดาห์ที่ 2 จึงเสด็จลุกจากพุทธบัลลังก์ใต้ร่มไม้มหาโพธิ์ ทรงพระดำเนินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อได้ระยะพอควรกับการทอดพระเนตร ก็ทรงหันกลับมายืนพิจารณาต้นโพธิ์ที่ได้ตรัสรู้นั้น ทรงลืมพระเนตรโดยมิได้กระพริบเลยตลอดสัปดาห์ เพื่อทบทวนความทรงจำต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วโดยลำดับ ความหมุนเวียนผันแปรอันเกิดขึ้นตามอำนาจของสังขารจักรก็มาหยุดลงแค่นี้ ต้นมหาโพธิ์ต้นนี้เป็นที่ให้กำเนิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสัจจธรรมอันบริสุทธิ์ สามารถชำระล้างกิเลสนานาชนิดของสัตว์โลกได้อย่างศักดิ์สิทธิ์ ทรงพอพระทัยในการตรัสรู้นี้เป็นอย่างยิ่ง สถานที่นี้จึงเรียกว่า อนิมิสเจดีย์

    การที่ทรงลืมพระเนตรเพ่งดูพระมหาโพธิ์พฤกษ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรเป็นเวลาเจ็ดวัน ตั้งแต่แรม 8 ค่ำเดือนวิสาขะ นั้นเรียกว่า
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม</CENTER>
    ขอความสุข ความเจริญ จงมีแด่ลูก ๆ ทุกคน
    ที่มาปฏิบัติธรรม ในวันนี้

    เอ้า ช่วยกันตอบเสียงดัง ๆ ซิว่า
    รูปที่อยู่บนจอนี้ คือ รูปใคร?
    รูปในหลวง

    ใช่ รูปในหลวง
    รัชกาลที่ 9 ของเรา
    ทุกคนจำได้ ว่านี่ รูปในหลวง
    ช่วยกันอ่านข้อความที่อยู่ใต้ภาพซิ อ่านว่ายังไง
    อันกษัตริย์ผู้ทรงธรรมนั้น
    สูง กว่า ฟ้า
    กว้าง กว่า พิภพ
    ลึก กว่า มหาสมุทร
    เย็น กว่า พระคงคา

    อันกษัตริย์ผู้ทรงธรรมนั้น
    สูง กว่า ฟ้า
    กว้าง กว่า พิภพ
    ลึก กว่า มหาสมุทร
    เย็น กว่า พระคงคา

    ตอนนี้ เราต้องมาตั้งคำถาม แล้วช่วยกันหาคำตอบ ว่า
    จริงหรือ?
    พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงธรรมนั้น
    สูงกว่าฟ้า กว้างกว่าพิภพ ลึกกว่ามหาสมุทร เย็นกว่าพระคงคา
    จริงหรือ?ฃ
    พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงธรรมนั้น
    สูง ยิ่งกว่าฟ้า

    เคยได้ยินสำนวนที่ว่า
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ภาพของการรักษาผู้ป่วยของ รพ.สงขลานครินทร์ ที่เราเตรียมส่งเงินไปช่วยเหลือ โดยจะเริ่มเดือนนี้เป็นเดือนแรกครับ โดยผมได้รับเมล์มาจากคุณศศิธร พยาบาลของหอสงฆ์ส่งมาให้ครับ เห็นแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอครับ.....สงสารท่านจริงๆ




    เรียน คุณธนพล

    ในแต่ละเดือนมีพระภิกษุ สามเณรอาพาธ และแมชี มารักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลสงขลา เป็นจำนวนมาก เนื่องจากโรงพยาบาลสงขลาให้การรักษาฟรีกับพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี ไม่ว่าจะจำวัดอยู่ที่ไหน จังหวัดใด เมื่อมารักษาที่ รพ.แล้ว ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล
    พระภิกษุ สามเณร และแมชี ส่วนมากที่มารักษาพยาบาลจะเป็นผู้ป่วยนอก ประมาณเดือนละ 30 - 40 รูป ผู้ป่วยในมีเดือนละ ประมาณ 1 - 2 รูป



    ศศิธร กรีโส จนท.มูลนิธิตึกพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลสงขลา






    <HR>


    <HR>
    [​IMG]


    [​IMG]





    [​IMG]



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2008
  16. เทพารักษ์

    เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    ร่วมทำบุญค่ะ

    ขอร่วมทำบุญด้วยนะคะ 2 ท่าน ถ้าโอนเงินเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบทาง pm พร้อมทั้งชื่อและที่อยู่ นะคะ
    *******************************************

     
  17. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เรียน คุณพันวฤทธิ์

    ขอชี้แจงเรื่องชื่อโรงพยาบาลค่ะ เกรงว่าผู้ที่เข้ามาอ่านจะสับสน

    โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นโรงพยาบาลซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    โรงพยาบาลสงขลา เป็นโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองสงขลา เป็นโรงพยาบาลหลักของอำเภอเมืองสงขลา มีผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึงค่ะ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เห็นรูปชัดๆ อย่างนี้สงสารท่านมาก เป็นรูปที่ถ่ายในต้นปีนี้ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งที่ จ.สงขลา ตอนนี้มรณภาพแล้ว โดยสงฆ์อาพาธ ที่ รพ.สงขลา ก็จะมีสภาพอย่างที่เห็นนี้ เพราะเป็น รพ.ของ กระทรวงฯ ที่มีขนาดเล็ก นี่ก็รอรูปถ่ายจาก รพ.มหาราช (รพ.ที่สวนดอก) ส่งมาให้อีกชุด เพราะจะได้บริจาคพร้อมกันในเดือนนี้ให้หมด ส่วนเครื่องดูดเสลดสำหรับพระสงฆ์ที่อยู่อาพาธอยู่ตามวัดไม่สามารถมารับการรักษาตาม รพ.ใหญ่ๆ ได้ วันอาทิตย์นี้นัดประชุมกรรมการฯ ทุนนิธิ พร้อมกับนัดเซลล์มา เดมโมฯ เครื่องให้ดู ถ้าพอใจแล้ว ก็จะซื้อถวายเดือนละเครื่องเช่นเดียวกัน เรื่องความช่วยเหลือสงฆ์อาพาธ รอไม่ได้จริงๆ พอเห็นแล้วต้องรีบทำๆๆ และรีบทำครับ แข่งกับมัจจุราชครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2008
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขอบคุณมากครับที่ชี้แจง เพราะตรงตามวัตถุประสงค์จริงๆ รพ.ไหนที่มีงบประมาณเยอะอยู่แล้ว เราก็คงขอผ่านไป ยิ่งเป็นอย่างที่ รพ.สงขลา นี่ล่ะ ที่ถือว่าเรายิ่งต้องเข้าไปช่วยเหลือใหญ่ครับ ขอบคุณอีกครั้งที่เป็นคนในพื้นที่และส่งข้อมูลมา

    นับถือ

    พันวฤทธิ์
    5/9/51

    ได้ดูเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของคุณศศิธร แล้ว เป็นของ รพ.สงขลา จริงๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2008
  20. เทพารักษ์

    เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    โอนเงินค่ะ

    โอนเงินเรียบร้อยแล้วนะคะ ทำบุญไป 2 บัญชีนะคะ
    1.บัญชี อ.ประถม อาจสาคร จำนวน 300 บาท
    2.บัญชี พลภัทร ตั้งธาราวิวัฒน์ จำนวน 100 บาท

    ถ้าพระหมดแล้วไม่เป็นไรนะคะ
    ชื่อ ที่อยู่ จะแจ้งให้ทราบทาง pm นะคะ

    **************************************

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100.jpg
      100.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      402
    • 300.jpg
      300.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.8 KB
      เปิดดู:
      398

แชร์หน้านี้

Loading...