ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ก็อยากนอนอยู่หรอก แต่มันนอนไม่หลับ จะให้ทำไงล่ะ กว่าจะง่วงจริงๆ นานมาก
ตีหนึ่ง ตีสอง หรือ ตีสาม โน่นแหล่ะ บางทีค่อยหลับ เพราะ มันไม่มีอะไร

 

ยานพ่อ ไม่ว่างเหรอครับ ไม่มียาน่ะสิ แกล้งทำเอา ได้เปล่า ว่ากินยา แล้วนอน ยานอะไร ลำนิดเดียว ลำแค่แท่นนั่งเอง ขอลำใหญ่กว่านั้น ได้ป๊ะ

ยาไม่มี มีแต่วอสก้า เอาแทนกันได้เปล่า อ่ะ เห็นว่า กินเป็นยาก็ได้นะ ยานพ่อ ยานพ่อ แก่แล้วหรือเปล่า ขอยานลูก ได้ป๊ะ

 

นอนๆ ไปและ ^^

 

นี่ก็นอน พิมพ์ อยู่ จ้า บาย หลับไม่ต้องฝัน ก็ดีนะ
ยานแม่นา ไม่ไช่ แม่ยานๆ อิอิ ยานพ่อด้วย ไม่ไช่ พ่อยานๆ ส่วนลูกจะยานไม่ได้นา เพราะ ไม่สมควร อิอิ

 

__คุณวงกลมก็ใครจะกล้ายืนยันแบบตรงๆละจ่ะ..เรือ่งนี้มันเป็นเรื่องละเอียดออ่นระดับชาติ..ทั้งที่เข้าใจอย่างเต็มอกว่ามันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน..ขนาดนี้ยังตอ้งมีฝ่ายคา้นเพื่อถว่งดุล..เรื่องลูกหลานจะเข้ามาอ่านนั้น..แนะนำให้พาเข้าวัดฟังธรรมก่อนเข้ามาอ่านกระทู้นี้เพื่อความเข้าใจยิ่งๆขึ้นไป..สำหรับศาสนาพุทธนั้นไม่ว่าท่านจะหว่งหรือไม่หว่ง..ศาสนาพุทธก็จะอยู่ถึง 5000ปี ตามพุทธทำนายและจะเสื่อมไปตามกฏ..อนิจจัง..และก็จะเป็นยุคของพระศรีอารยะ..อยู่อีกกี่หมื่นปีไม่รู้ก็จะเสื่อมไป..ตามกฏ..อนิจจัง..จากนั้นก็จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์อื่นวึ่งจะเห็นได้ว่ามีพระโพธิ์สัตว์รอมาตรัสรู้ต่ออีกจากนั้นเป็นรอ้ยเป็พัน..จนกว่าโลกนี้จะแตกสลายตามกฏอนิจจัง..พระพุทธเจ้าตรัสว่า..อย่าเชื่อแม้พระองค์เป็นตรัส..อย่าเชื่อเพราะบอกต่อๆกันมา..ให้เชื่อเพราะได้พิสูจน์ดว้ยตนเองแล้ว..จึงเป็นดว้ยณ.ประการลฉะนี้..เจ้าของกระทู้และผู้แปลจะได้รับแต่กรรมดีตอบแทนเท่านั้นแหละจ้า..เพราะไม่มีกระทู้ไหนบอกให้ไป..ฆ่า..โกหก..ขโมย..9ล9...จึงขอเสนอแนวคิดอีกแง่มุมหนึ่งในการพิจารณาเพื่อตัดใน..หว่ง..ทั้งปวง...(kiss)(kiss)(kiss)(f)

 

ปล่อยวางมันเถอะ อย่าไปยึดติดมัน บางที ความเห็นต่างที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ มันอาจจะถูกกำหนดไว้แล้ว และอาจจะได้เปิดเผยสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของศาสนาทุก ๆ ศาสนา เพราะจุดกำเนิดของการแตกแยกเป็นหลาย ศาสนา หลาย ลัทธิ มันเกิดจากการเห็นต่างกัน

 

Print advertising : คุณติดอยู่กับงานผิดประเภทหรือไม่?

 

เอ่อ..ทุกๆท่านครับ..ใครเขาจะคิดอย่างไรนั้น
มันก็ไม่ได้สำคัญสำหรับเราขนาดนั้นหรอก
อย่าไปพยายามอธิบายอะไรอีกเลย..

ผมก็เห็นพวกท่านพยายามอธิบายกันมามากพอแล้ว
จนน่าจะเหนื่อยแล้วมั๊ง..ช่างเขาเถอะครับ

ไม่ใช่ว่าพวกท่านไม่มีจิตใจเมตตา แต่เขามาแบบดีๆหรือเปล่าหละ
แล้วพวกท่านได้พยายามอธิบายกันไปแล้วหรือยังหละ
ผมก็เห็นว่า พวกท่านได้พยายามกันมามากพอแล้ว
จนถึงจุดที่น่าจะ "วางลง" ได้แล้วหนะครับ..ช่างเขาเถอะ

ปล.สำหรับท่านที่ยังติดใจอยู่ หรือสงสัยอะไรอยู่ เกี่ยวกับเนื้อหาพวกนี้
ผมมีเคล็ดไม่ลับที่จะทำให้ท่านหายสงสัยได้
นั่นก็คือ ตั้งใจอ่านดูดีๆครับ มันมีเนื้อหาส่วนอื่นๆในอีกหลายกระทู้มาก
"เปิดใจ" คือ key word อีกคำหนึ่ง
และอย่าทำตัวเป็น "ชาล้นถ้วย" หรือ "เถรใบลานเปล่า"
ก็เป็นอีก key word คำหนึ่งด้วยนะครับ

มันไม่ใช่ว่าผู้แปลคนนี้ และรวมถึงคนอื่นๆด้วย
จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เกี่ยวกับคำสอนในศาสนาพุทธหรอกนะครับ
เชื่อเถอะ ว่าผมก็รู้มากพอสมควร..แต่ที่ผมไม่โยงไปถึง
ก็เพราะว่า ท่านก็น่าจะรู้ดีแก่ใจอยู่ว่า มันมีคนจำพวก "ถือครองลิขสิทธิ์"
ในศาสนาของตัวเองอยู่ ซึ่งใครจะนำเอาคำศัพท์ของตัวเองไปใช้ไม่ได้
อะไรแบบนั้นหนะครับ

แล้วก็..พูดตามความจริงเลยนะครับ ซึ่งอาจจะทำให้ท่านสะเทือนใจอยู่ซักหน่อย
ก็คือ ตามความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมรู้สึกว่าข้อความจากต่างมิติพวกนี้
มันเป็น "ความจริงระดับจักรวาล" เปรียบเสมือนภาพรวมของความจริงทั้งหมด
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่ามันจะถูกสื่อสารมาจากรูปธรรมไหน และเมื่อไหร่ก็ตาม
ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว มันก็จะตรงกันหมดเสมอ
และก็..เนื้อหาของเรื่องราวอื่นๆที่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ
มันก็จะสอดรับกันแบบลงตัว เป็นเหตุเป็นผลดีเสมอซะด้วย
ไม่มีจุดสะดุด เหมือนคำสอนในศาสนาต่างๆเลย

ตัวอย่างที่ผมบอกว่าเนื้อหามันสะดุดในศาสนาต่างๆก็เช่น
ในศาสนาคริสต์ ที่สอนให้เรารักพระเจ้า มอบชีวิตให้พระเจ้า
วางใจในพระเจ้า อะไรแบบนั้น แต่พระเจ้าของพวกเขา
กลับเป็นคนที่ขี้โมโห เจ้าคิดเจ้าแค้น อีโก้สูง คอยแต่จะลงโทษมนุษย์อยู่เรื่อย
อะไรแบบนั้นหนะครับ แล้วแบบนี้ ใครจะไปรักลงหละครับ
พระเจ้าที่มีนิสัยแบบนั้นหนะ มันเป็น "บุคลิก" ที่มนุษย์ในศาสนานั้นๆ
สร้างกันขึ้นมาเองต่างหากหละ เขาถึงบอกว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์
แต่มนุษย์ต่างหากหละ ที่เป็นคนสร้างพระเจ้า ยังไงหละครับ

คำสอนที่มีอยู่ในศาสนาต่างๆ ที่ทุกวันนี้ ผมเห็นจริงตามที่ต่างมิติบอกแล้ว
ว่ามันน่าจะมีส่วนที่ "ถูกเติมแต่งเข้ามาภายหลัง" โดยผู้ที่อยู่ในศาสนานั้นๆเองจริงๆด้วย
และมันก็น่าจะมีส่วนที่ "ถูกตัดทิ้งไป" โดยผู้ที่อยู่ในศาสนานั้นๆเองอีกด้วย
เพราะว่าพวกเขาไม่มีความเข้าใจที่ถ่องแท้
พวกเขาจึงแปลความหมายตามความเข้าใจที่ผิดๆของตัวเอง
ก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะใช่แบบนี้ แบบนั้น อะไรแบบนั้นหนะครับ
และรวมถึง มันน่าจะยังมีส่วนที่ "ถูกบิดเบือนไป" จากคำสอนดั้งเดิม อยู่อีกด้วยจริงๆ
ไม่ยกเว้นศาสนาใดเลย

ดังนั้น "ภาพ" ที่เราเห็นของคำสอนในแต่ละศาสนา มันจึงไม่ใช่ภาพจริง
ดังนั้น ถ้าทุกๆศาสนานำเอาส่วนที่ถูกตัดทิ้งไป กลับเข้ามาใส่ไว้ใหม่
และนำเอาส่วนที่ถูกสอดแทรกเข้ามาภายหลัง ออกไป
และนำเอาส่วนที่ถูกบิดเบือนไป มาแก้ไขให้ถูกต้องซะใหม่
ผมคิดว่า และเชื่อว่า คำสอนในทุกๆศาสนา จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมด
หรือมีส่วนที่สอดคล้องโยงใยไปถึงกันและกันหมด อย่างไม่มีจุดสะดุดเลย

ตัวอย่างของจุดที่สะดุดในศาสนาพุทธก็คือ เช่น จุดที่ท่านพุทธทาสวิจารณ์ไว้
ซึ่งท่านพุทธทาสนี่ ท่านอ่านพระไตรปิฎกมาจนพรุนหมดแล้ว
ท่านถึงมองเห็นแม้จุดที่คนทั่วไปมองไม่เห็น หรือสังเกตไม่ได้
ท่านว่า ทั้ง 48 เล่มนี้ มันเหมือนถูกเขียนขึ้นมาจากคน 3 คน
เพราะว่าสำนวนมันต่างกันถึงสามแบบ อะไรแบบนั้นหนะครับ
ท่านเลยพูดเอาไว้ว่า เนื้อหาจริงๆของพระไตรฯนั้น มีแค่ 30% เท่านั้นเอง
ที่เหลือเป็นส่วนที่ท่านเรียกว่า "เฝือ" คือไม่มีสาระสำคัญอะไร

แล้วก็อีกจุดหนึ่ง ก็คือ จุดที่กลุ่มของ "คุณเอกอิสโร" แห่งเวปพลังจิตแห่งนี้
ได้ให้ข้อสังเกตและคอมเมนต์เอาไว้ จนออกมาเป็นงานวิจัย
และเขียนออกมาเป็นหนังสือได้ทั้งเล่มเลยทีเดียว
ว่าบางที เรื่องราวในพระไตรฯนั้น มันน่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทยมากกว่า
ไม่ใช่ที่อินเดีย หรือพูดสั้นๆว่า ศาสนาพุทธน่าจะเกิดขึ้นในไทยมากกว่า

ที่ผมยกตัวอย่างมาให้อ่านนี่ ไม่ใช่ว่าผมเชื่อตามที่ท่านกล่าวอ้างมานี้หรอกนะครับ
แต่ผมแค่อยากจะชี้ให้เห็นจุดที่สะดุด และทำให้มีคนไทยผู้เชี่ยวชาญพระไตรฯหลายคน
จับพิรุดได้ หรือหาข้อผิดพลาดได้ หรือพบเห็นความไม่สอดคล้องได้ เท่านั้นเองครับ

แล้วก็..เรื่องนรก-สวรรค์ตามหลักการของแต่ละศาสนานั้น
ก็ไม่ได้ตรงกับที่ข้อความจากต่างมิติบอกเอาไว้หรอกนะครับ
ซึ่งผมเคยโพสต์กระทู้หนึ่งเอาไว้แล้ว ชื่อว่า
"ข้อความจากต่างมิติ-หรือว่านี่จะคือนรกและสวรรค์ตามความเชื่อของบางศาสนานะ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...นรกและสวรรค์ตามความเชื่อของบางศาสนานะ.502598/

ส่วนเรื่องของ "เทพ" และ "เทวดา" จากเนื้อหาของข้อความต่างมิตินี้
ก็ไม่ได้มีส่วนใกล้เคียงกับความหมายของคำว่า "เทพ", "เทวดา"
ตามนิยามของแต่ละศาสนาเลย ด้วยนะครับ ซึ่งคุณเดรดก็เคยโพสต์ไว้แล้ว
ในกระทู้ที่ชื่อว่า "ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron"

http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron.282385/

และมันก็ยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง ที่ "คำสอนในศาสนา"
มิอาจทำให้เราเข้าใจกระจ่างแจ้งได้ แต่ข้อความจากต่างมิติ อธิบายได้หมด
เช่น เรื่องการ "ลืม" เรื่องราวในภพชาติที่แล้วของมนุษย์เป็นต้น
เรื่องเกี่ยวกับจักรวาล โลก มิติ โลกคู่ขนาน เป็นต้น
เพราะว่าไม่มีคำสอนไหนศาสนาไหนเลย ที่บอกว่าโลกกลม
และบอกว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก
เห็นไหม๊ แบบนี้เราก็ยังเชื่อกันมาได้ แต่พอเจอข้อความจากต่างมิติ
เรากลับบอกว่ามันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ มันเป็นไปไม่ได้ น่าขำดีไหมหละครับ

และก็เรื่องของ "ญาณหยั่งรู้ต่างๆ" ก็ด้วย ..รวมถึง โอ้..ฯลฯ อธิบายได้ไม่หมด
จนผมรู้สึกว่า พอแล้ว จบที่นี่ ได้คำตอบจากที่นี่ทั้งหมดแล้ว อะไรแบบนั้นหนะครับ

ผมถึงบอกไงครับว่า key word ก็คือ การเปิดใจ และ อ่านให้มากๆ
อย่าเอาแต่วิพากวิจารณ์อย่างเดียว เพราะว่ามันยังมีเนื้อหาส่วนที่ท่านยังอ่านไม่ถึง
และรู้ไม่ถึงอยู่อีกมากมาย ผมก็เรียนสายวิทย์มาเหมือนกับหลายๆท่านนี่แหละ
แต่สำหรับผมแล้ว ข้อความจากต่างมิติพวกนี้ มันเป็นข้อมูลที่ล้ำหน้าไปมากกว่า
ศาสตร์ใดๆที่มนุษย์โลกเราวิวัฒน์ไปถึงในตอนนี้ซะอีก
และแม้ว่าเร็วๆนี้ สิ่งที่ต่างมิติบอกไว้ มนุษย์เราจะเริ่มค่อยๆค้นพบความจริง
ว่ามันเป็นไปตามนั้นจริงๆบ้างแล้วก็ตาม เช่น เรื่องเกี่ยวกับ DNA เป็นต้น

ลองค้นหากระทู้อื่นๆที่ผมเคยแปลและโพสต์ไว้ ทั้งในแง่ของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ที่ได้จากการวิจัยของนักวิจัยหลายๆคน เกี่ยวกับ DNA และเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ
รวมถึงข้อความจากต่างมิติด้วย ได้จาก tag ที่ชื่อ chayutt นะครับ
ผมทำ tag ลิงค์เอาไว้ให้หมดแล้วครับ ข้างล่างนี้

แล้วท่านจะรู้ว่าที่ท่านอ่านแล้วไม่เข้าใจ
หรือเห็นว่ามันไร้สาระ หรือ เป็นไปไม่ได้นั้น
แท้ที่จริงแล้ว นั่นอาจเป็นเพราะว่า
"ความรู้ที่มีอยู่ในหัวของท่านในตอนนี้หนะ
มันยังไปไม่ถึงสิ่งที่เขาพูดถึงต่างหากหละ"
ไม่ใช่เหตุผลอื่นใดเลย

chayutt - chayutt

.......................................

 

มันอาจจะเป็นเรื่องของ "ความกลัว" ก็ได้นะ กลัวว่าลูกจะบ้า กลัวว่าเยาวชนจะหลงผิด กลัวว่าสิ่งที่ตนนับถือจะเสื่อมคลาย สารพัดจะกลัว
คนกลัวนี่แหละที่มักจะเรียกร้องหาความรับผิดชอบ เรียกร้องหาการรับประกัน
ดูเหมือนว่าความรู้ที่เขาอ้างมาจะเป็นเปลือกไข่ห่อหุ้มความกลัวเอาไว้ ระวังอย่างยิ่งไม่ให้มันแตก บางทีข้อความแปลของพวกเราอาจจะทำให้เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับจริงๆก็ได้ แต่จะให้เราหยุดแปลนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เค้าต้องหัดแก้ปัญหาชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เรียกร้องเอาจากคนอื่นอยู่ร่ำไป

 

นี่ เลย นี่เลย ที่ต้องการให้ พูดถึง มันต้องกล้าพูดแบบนี้ ไม่ไช่ ทำตัวเหมือน เล่นซ่อนแอบ ฮึ คนอย่ามผม มีอะไรต้องกลัว ที่ผมอ้างโน่นอ้างนี่ ก็แค่ แอ๊บเล่น เท่านั้น เพราะ แท้จริงคือ พวกคุณ กลัวอะไร เมื่อกล้า เปิดเผยข้อมูล ทำไมไม่กล้า ยอมรับว่า ตนเอง คิดเช่นนี้ ก็เท่านั้นแหล่ะ ไม่ไช่ อ้างแต่ แค่แปล แค่แปล อ้างมาทำไม ในเมื่อ แท้จริง พวกคุณก็รู้ว่า อะไรคืออะไร

แล้วทำไม ผมจะไม่รู้ ทีนี้ ผมอยากบอกต่ออีกว่า เรื่องระดับจักรวาลหรืออนันตจักรวาลน่ะ มันไม่แปลกอะไรเลย เพียงแค่คุณเข้าใจใน ไตรลักษณ์ จริงๆ เชื่อผมสิ เพราะ ไตรลักษณ์นี่แหล่ะ คือ ตัวที่ไขข้อข้องใจที่มีทั้งหมด ของอนันตจักรวาล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องพระพุทธเจ้า พระเจ้า เทพ มิติ ถ้าเข้าใจในไตรลักษณ์จริง (มันไม่เพียง แค่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)ไม่ไช่แค่นี้ การเข้าใจไตรลักษณ์คือ ต้องเข้าใจ ก่อนจะเกิด(เหตุปัจจัยหรืออวิชชา)และเข้าใจหลังดับไป(คือเข้าใจว่า อวิชชามันนำพะาไปเกิดใหม่ได้ยังไง หรือไม่มีอวิชชาแล้วไปเกิดใหม่ไม่ได้คือยังไง) นี่คือสิ่งที่เรียกว่าไตรลักษณ์ ถ้าเข้าใจ ดังที่ผมว่า คุณก็จะหมดสิ้นสงสัยใน เรื่อง อนันตจักรวาล เรื่องพระเจ้า เรื่องพระพุทธเจ้า

นั่นเพราะ ปัญหาของสัตว์โลกที่แท้จริง ไม่ไช่เรื่องนอกโลก ไม่ไช่เรื่องอนันตจักรวาล ไม่ไช่เรื่องพระเจ้า ไม่ไช่เรื่องของพระพุทธเจ้า แต่ปัญหาของสัตว์โลกที่แท้จริงก็คือ โลก การใช้ชีวิตร่วมกันในโลก นี่แหล่ะ

 

ไร้สาระน่า อย่าเอาที่คิดได้เพียงแค่นี้ มาแสดงเลย เขาคิดลึกว่านี้เยอะ เรื่องพวกนี้ แค่ หน้าฉาก เล่นๆ เด็กๆ น่ะ อย่าเอามาเป็นประเด็นเลย กลับไปนอนคิดใหม่ อีกร้อยปี แล้่วค่อย กลับมาพูด อย่าตายก่อน แล้วกัน

ดูเหมือน อยากแสดงความฉลาดอ่ะนะ แต่ ก็นั่นแหล่ะ

 

ข้อความสื่อสารประจำวันจากท่านมหาเทพ Gabriel
ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธุ์ 2014

ที่มา:
Daily Message ~ Monday February 3, 2014 | Trinity Esoterics


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


สิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด และ เป็นประโยชน์มากที่สุด
ที่พวกคุณจะสามารถทำเพื่อคนอื่นได้..ก็คือ
การสนับสนุนให้พวกเขา เชื่อมต่อกับภูมิปัญญาภายในของตัวเองให้ได้
เพื่อรับฟังหัวใจของพวกเขาเอง เพื่อยอมรับบทบาท
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในชีวิตของพวกเขาเอง

เพราะว่ามนุษย์ทุกๆคนบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ต่างก็มี “ระบบนำทางจากภายใน” (inner guidance system)
เป็นของตัวเอง และมีทีมผู้ช่วยเหลือเป็นของตัวเอง,
มีการเชื่อมต่ออยู่กับแหล่งกำเนิด,
มีภูมิปัญญาภายในของตัวเอง และมีวาระแห่งชีวิต
ที่บรรจุไปด้วยความปราถนาและความสนใจของพวกเขาเองเอาไว้
เป็นของตัวเองด้วยกันหมดทั้งสิ้น

ดังนั้น การหลงคิดว่าตัวคุณเอง รู้ดีกว่าระบบเหล่านั้นของพวกเขา
หรือทำให้พวกเขาคิดว่า คนอื่นๆสามารถนำทางพวกเขาได้ดีกว่าตัวรู้
และทีมผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาเอง จึงเป็นอันตรายอย่างมาก
เพราะว่าไม่มีใครเลย ที่จะมีความสามารถนำทางจิตวิญญาณดวงนั้นๆ
ได้ดีเท่ากับจิตวิญญาณดวงนั้นๆเอง

และด้วยการสนับสนุนให้พวกเขาค้นพบคำตอบสูงสุด
ที่อยู่ภายในของตัวพวกเขาเอง และช่วยให้พวกเขายอมรับบทบาทหน้าที่
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญบนวิถีชีวิตของตัวพวกเขาเองแล้ว
ก็เท่ากับว่าพวกคุณได้ช่วยให้พวกเขามีความเครียดน้อยลง
มีความผิดหวังน้อยลง มีความกังวลน้อยลง
และมีความขุ่นเคืองน้อยลงอย่างมากแล้ว
เพราะว่าทุกๆการตัดสินใจของพวกเขา
จะมาจากสิ่งที่จิตวิญญาณของพวกเขาเอง
ต้องการที่จะมีประสบการณ์จริงๆเท่านั้น

Archangel Gabriel

..................................

 

ไม่มีใครกลัวที่จะพูดหรืออธิบายอะไรหรอกครับ
แต่ที่ผมไม่พูดหรืออธิบายให้ "คุณ" ฟัง ก็เพราะว่า
ผมได้เคยพูด และ อธิบายแบบนี้มาแล้ว
หลายสิบครั้งแล้วครับ ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีมานี้

ดังนั้น ผมเลยบอกยังไงหละครับ..ว่า
ให้อ่านให้มากๆ แล้วจะได้คำตอบเอง โดยที่ไม่ต้องถามเลย

ขอความกรุณาเห็นใจคนที่แปล และโพสต์
และคอยตอบคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

ปล.และที่คุณสาธยายมานั่น เพราะว่าคุณก็ยังไม่ได้อ่านอยู่ดี
เพราะถ้าคุณอ่านแล้ว คุณอาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้

อ่านครับ ถ้าอยากรู้ ผมช่วยได้แค่นี้แหละ
...............................

 

เห็นไหม๊?? ก็เพราะแบบนี้สิหน่า
ผมถึงเบื่อที่จะพูดและอธิบายซ้ำไปซ้ำมาเหลือเกิน
เพราะว่าคนถามหนะ ไม่ได้มาถามหรอก
แต่มากระแนะกระแหน หรือบางคนก็มาด่าเสียๆหายๆซะด้วยซ้ำไป

จะด่ากันไปทำไมนะ คุยกันดีๆไม่ได้หรือไงนะ
ผมดูแล้ว ก็ไม่มีใครวิเศษไปกว่าใครหรอกครับ
อีโก้สูง และ ภูมิจิต-ภูมิธรรม พอๆกันนั่นแหละครับ
อันนี้รวมถึงตัวผมเองด้วยนะครับ

เพราะฉะนั้น อย่าว่าแต่คนอื่นเลย นะครับ
หันมาดู "ภายใน" ของตัวเองดีกว่า
ถ้าสูงส่งดีงามแล้ว ก็ขอให้รู้จักใช้คำพูดที่สร้างสรรค์กว่านี้หน่อย
อย่าทำแบบนี้อีกเลย ท่านผู้เจริญทั้งหลาย

......................................

 

ก็ที่ตอบมา มันไม่ไช่คำตอบที่ถูกต้องไงครับ ถ้าคุณตอบถูก ตอบหมด ใครล่ะจะมาเทียวถาม เชื่อผมสิ ว่า คุณไม่เคยตอบด้วยความเต็มใจ และจริงใจเลยสักครั้ง โดยเฉพาะคำว่า จริงใจ ที่ผมหมายถึง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง และทำไมผมต้องเห็นใจคนแปลด้วย ก็ในเมื่อไม่มีใครบังคับพวกคุณให้ทำ พวกคุณเลือกที่จะทำและเต็มใจที่จะทำ แล้่วจะต้องมาร้องขอความเห็นใจ จากใครกันทำไม
นี่ก็คือ แสดงถึง ความไม่จริงใจ เพราะจิตใจ ที่ ยังดีไม่พอ แต่ จะมาแปลข้อความดีดี สุดท้าย มันเลยไม่ได้ผลที่ดี เต็มที่ ไง คุณต้องพัฒนาจิตใจตนเองด้วย ไม่งั้น คุณนั่นแหล่ะ ที่เป็นตัวทำให้ ข้อความ แปดเปื้อน ผมก็พูดในสิ่งที่ผมรู้

 

นี่คุณชยุด คุณอย่าเอาข้อความที่ผมพูดกับคนอื่น มาเป็นเหมือนคำพูดที่ผมพูดกับคุณสิ อย่ามั่วได้เปล่า ให้คิดและรู้ตัวเองด้วยว่า เวลาที่ผมคุยกับคนอื่น คือผมสื่อสารกับเขาคนนั้นอยู่ คุณไม่เกี่ยวเลย นี่ไง สิ่งที่คุณไม่เข้าใจ

ก็คนอื่น เขามากระแนะกระแหนผม ผมก็กระแนะกระแหนตอบเขาไป เกี่ยวอะไรกับว่า ผม ไปกระแนะกระแหนคุณ ล่ะ คิดได้ยังไงครับ อย่ามั่วสิครับ

 

คุณบอกผมว่าให้ผมอย่าดูภายในของคนอื่น แล้วทำไม ไม่บอกตนเองบ้างล่ะ
หัดรู้ตัวให้มากกว่านี้ แยกแยะให้เป็น นะครับ อย่ามั่วนิ่ม ครับ
เขาพูดกับผม ผมก็พูดกับเขา แต่คุณกลับเอาคำพูดที่ผมพูดกับเขา มาคิดว่าพูดกับคุณ นี่คุณคิดอะไรอยู่ครับ

 

"ก็ที่ตอบมา มันไม่ไช่คำตอบที่ถูกต้องไงครับ ถ้าคุณตอบถูก ตอบหมด ใครล่ะจะมาเทียวถาม เชื่อผมสิ ว่า คุณไม่เคยตอบด้วยความเต็มใจ และจริงใจเลยสักครั้ง โดยเฉพาะคำว่า จริงใจ ที่ผมหมายถึง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง และทำไมผมต้องเห็นใจคนแปลด้วย ก็ในเมื่อไม่มีใครบังคับพวกคุณให้ทำ พวกคุณเลือกที่จะทำและเต็มใจที่จะทำ แล้่วจะต้องมาร้องขอความเห็นใจ จากใครกันทำไม
นี่ก็คือ แสดงถึง ความไม่จริงใจ เพราะจิตใจ ที่ ยังดีไม่พอ แต่ จะมาแปลข้อความดีดี สุดท้าย มันเลยไม่ได้ผลที่ดี เต็มที่ ไง คุณต้องพัฒนาจิตใจตนเองด้วย ไม่งั้น คุณนั่นแหล่ะ ที่เป็นตัวทำให้ ข้อความ แปดเปื้อน ผมก็พูดในสิ่งที่ผมรู้ "

ผมว่าคำตอบไม่ถูกใจคุณมากกว่า ถ้าคุณติดตามมาตั้งแต่ต้น คุณจะทราบถึงความก้าวหน้า
ของความรู้สึกของคุณ ผมถามว่าคุณรู้อริยสัจจ์สี่ไหม ถ้ารู้แล้วตรัสรู้หรือยัง ผมก็รู้แต่ผมก็
ยังไม่ตรัสรู้ เลยต้องมาอ่านจากพวกต่างมิตินี่ละครับ

 

จะพูดแบบนี้ก็ได้นะ ว่า ยังไม่ถูกใจผม แต่ ถ้า แค่ไม่ถูกใจผม แล้วพวกคุณจะเดือดร้อนไปทำไม ก็แค่ ไม่ถูกใจผม ซึ่งความจริง มันไม่ไช่ว่าถูกใจผม เท่านั้น แต่มันต้องถูกต้องและถูกใจต่อทุกสิ่งไง ความถูกต้อง ต่างหาก ไม่ไช่ ความถูกใจ

 

ถึงคุณฮากาแมนนะครับ ถ้าจะสื่อสารอะไรกับผม ได้โปรด Post ผ่านกระทู้เปิดนะครับ เพราะผมไม่ได้เปิดดูข้อความส่วนตัวที่คุณส่งมานะครับ คุยกันตรงนี้ดีกว่านะครับ