ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ผมเข้ามาlikeให้พี่ชยุตโดยเฉพาะเลยล่ะครับอิๆ(โดนหัวใจผมจัง อ่า)

 

...ผมก็เหมือนกันครับ :boo::boo::boo:

 

ข้อความที่คุณชยุตหยิบมาให้นี้ไม่ว่ามนุษย์จะมีต่อไปอีกกี่ร้อยปีกี่พันปี ข้อความนี้ก็ยังเป็นกุญแจที่ใช้ไขรหัสให้มนุษย์ได้เป็นอิสระได้ทุกครั้งที่มีคนได้อ่านมัน ขอบคุณครับคุณชยุต

พอดีผมเห็นข้อความนึงในรูปภาพข้างล่างนี้ สั้นๆกระชับๆ แต่ถ้าเข้าใจข้อความที่คุณชยุตพึ่งลงให้อ่านไปแล้ว พอมาอ่านข้อความในรูปนี้ก็จะถึงบางอ้อเลย




ปัญญา คือการรู้ว่า ฉันไม่มีตัวตนอยู่เลย

ความรัก คือการได้รู้ว่า ฉันคือทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง

และท่ามกลางสองอย่างนี้ ชีวิตของฉันก็ได้ขับเคลื่อนไปได้

(ปล. คำว่า Move ในประโยคสุดท้าย น่าจะหมายรวมถึงการเลื่อนระดับสู่มิติที่สูงกว่า เพื่ออยู่นอกเหนือกฎของกาลเวลาและระยะทางด้วยนะครับ)





ที่มา : http://higherdensity.wordpress.com/2014/03/17/love-is-wisdom/

 

ผู้แปล : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อความแปลข้างล่าง

ที่มา : The Power of Equinox - March 21, 2014 > Shanta Gabriel


(รูปภาพจากเวป goldenageofgaia.com)

The Power of Equinox - March 21, 2014

อานุภาพแห่งวัน Equinox - March 21, 2014

[วันที่มีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ(Spring) :ผู้แปล]

ในช่วงของวัน Equinox ที่จะมีการระเบิดของพลังงาน Equinox เพื่อซึบซาบเข้าสู่อณูแห่งการตื่นรู้, ช่วงเวลาที่คุณสามารถพบเจอความสมดุลในตัวคุณเองได้คือ เวลาที่คุณโฟกัสอยู่กับเวลา ณ ปัจจุบันขณะ, คุณโชคดีเหลือเกินที่กำลังจะได้มีส่วนร่วมกับรูปธรรมชีวิตต่างๆที่มาช่วยโอบอุ้มโลกใบนี้ไว้ เพื่อการเลื่อนระดับในการตื่นรู้ครั้งใหม่นี้, ขั้นตอนนั้นได้ถูกเตรียมไว้แล้ว, และมีความเป็นไปได้ต่างๆมากมายสำหรับคุณ ที่จะร่วมประสบการณ์ด้วยกันครั้งนี้ในชีวิตของคุณเอง, ตอนนี้โลกกำลังเร่งสปีดของเธอให้เข้าสู่การตื่นรู้ที่สมบูรณ์ของชีวิตใหม่, คุณทั้งหลายที่กำลังค้นหาเสถียรภาพของการได้อยู่กับเวลา ณ ปัจจุบันขณะของคุณ จะเกิดแรงขับเคลื่อนขึ้นมาก, เพราะเมื่อคุณอยู่กับปัจจุบันขณะ คุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง, เกิดการเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดของพลังงานอีกครั้ง, เพื่อปรับโครงสร้างใหม่ให้ชีวิตได้เกิดการขยายตัวของการตื่นรู้และอิสรภาพ, มันจะทำให้เกิดความรู้สึกสว่างที่มาพร้อมกับความสามารถใหม่ ที่ทำให้คุณสามารถเคลื่อนที่และลื่นไหลไปกับเส้นต่างๆของความเป็นจริงที่สวยงามได้.

คุณกำลังมีโอกาสที่จะดื่มด่ำอยู่กับพลังงานแห่งความสมดุล, และเปิดโอกาสให้มันได้ปรับรูปแบบของอตอมต่างๆที่ใจกลางของรูปธรรมชีวิตที่คุณเป็น, ความรู้สึกของการได้อยู่กับเวลาปัจจุบันขณะนั้นก็คือ, รู้สึกได้ถึงความรักและอิสรภาพ, มันคือตัวตนที่แท้จริงของคุณที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับอดีตหรืออนาคต, และสามารถเคลื่อนที่ด้วยวิธีการต่างๆอย่างเสรี, คุณสามารถนำสิ่งต่างๆเหล่านี้กลับคืนมาสู่ตัวคุณ ในช่วงเวลาแห่งความถี่ที่บริสุทธิ์ของวัน Equinox ที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความสมดุลและอิสรภาพ.

เราอยากจะพูดเชิงอุปมาเปรียบเทียบ เพื่ออธิบายให้คุณได้พอจะนึกภาพถึงความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาของ Equinox. ให้คุณลองนึกภาพว่าตัวเองกำลังอยู่ในสนามแข่งม้า ซึ่งคุณกำลังนั่งควบอยู่บนอานม้า และรออยู่ในคอกประตู ในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น, คุณสามารถสัมผัสได้ถึงพละกำลังของกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของม้าซึ่งอยู่ข้างล่างคุณ, และเมื่อกระดิ่งดังขึ้น และการแข่งขันเริ่มขึ้น, คุณมองเห็นลู่วิ่งของม้าอย่างชัดเจนอยู่ข้างหน้า, การจดจ่อทั้งหมดของคุณอยู่ที่อานม้าและการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างอิสระเสรี พร้อมทั้งการทรงตัวด้วยความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ. รวบรวมสติของคุณ และอย่าให้ความสนใจของคุณแกว่งไปแกว่งมาไปกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ, เมื่อคุณสามารถทำให้เกิดความสมดุลโดยปราศจากการโอนเอนไปมา, มันก็จะง่ายสำหรับคุณที่จะควบอยู่บนหลังม้า, ที่กำลังวิ่งควบด้วยพลังงานที่หนาแน่นของม้าแต่ละตัวรอบตัวคุณ.

คุณสามารถปล่อยให้ตัวคุณถูกพาไปด้วยม้าชั้นดี, และยังได้รับแรงสนับสนุนจากเหล่าเทพทั้งหลาย ที่คอยเชียร์คุณขณะที่คุณกำลังอยู่บนเส้นทาง, คุณสามารถสร้างสรรค์โลกต่างๆในแบบที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อน, คุณกำลังถือบังเหียนของตัวเองที่เชื่อมโยงกับความปราถนาที่กระจ่าง สำหรับชีวิตในแบบที่คุณต้องการจริงๆ.

เส้นทางได้เปิดให้คุณได้เลือกแล้ว, "การรู้สึกถึงความสมดุลคือกุญแจสำคัญ".

Shanta Gabriel for
Archangel Gabriel

(แปลคร่าวๆนะครับ : ผู้แปล)

 

ARCHANGEL GABRIEL 2014
Daily Message ,Mon 17/3/ 2014
วันที่โพสท์ _Tue ,18/3/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

“ความสุข”ได้บังเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้ว่า
ประสบการณ์ของขบวนการเลื่อนระดับอันหนักหน่วง
และขั้นตอนของการชำระล้างที่ใช้เวลานานแสนนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว...

ลำดับต่อไปที่เราให้ความสำคัญคือ “การขัดเกลา”
ให้เกิดความว่องไวและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพื่อการใช้งานกับประสบการณ์ของการขยายตัวและพัฒนา
พลังงานใหม่ในตัวคุณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
ดังนั้น…การค้นหาพลังงานที่เบาสบาย
และคบหาเพื่อนผู้เป็นกัลยาณมิตรไว้
จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคุณอย่างยิ่ง…

มีความเป็นไปได้ที่ “ความเจ็บปวด”
มันอาจจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง
แต่คราวนี้คุณจะสามารถจัดการกับมันได้ง่ายขึ้น
เพราะความช่ำชองในการทำงานร่วมกันกับพลังงานใหม่
ในการจัดการกับประสบการณ์นั้นๆ...
ทั้งตัวคุณเองก็เร่ิมเอาจริงเอาจัง
กับการก้าวไปพร้อมกับพลังงานใหม่
ที่จะนำคุณไปสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า…....

...“ความเปลี่ยนแปลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”...…...

Archangel Gabriel
http://trinityesoterics.com/2014/02/05/daily-message-tue-february-05-2014/

 

เลื่อนขึ้น 1 ตกลง 1 "สมดุลจักรวาล"


ทุกครั้งที่มีการเลื่อนระดับขึ้น ๑ ก็จะมีการตกระดับลง ๑ เสมอครับ
เพราะนี่คือ "สมดุลของจักรวาล" ที่ต้องมีทุกอย่าง ทุกส่วนครบ จึง
ต้องมีทั้งผู้ที่อยู่ข้างบนและผู้ที่ิอยู่ข้างล่าง เมื่อคนๆ หนึ่งเลื่อนระดับ
ไปได้ ก็ต้องมีคนอีกคน ตกระดับลงมา จักรวาลจึงสมดุลได้ดังเดิมฯ


ก็เลือกเองครับ ว่าคุณจะเป็นคนที่เลื่อนขึ้น หรือคนที่ตกระดับลงมา

 

เมื่อคืนลืมขอบคุณครับ555555 ขอบคุณสำหรับบทแปลที่โดนนใจแบบนี้ อืมม.แปลแม่นดั่งจับวาง หมายถึงว่าแปลเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากเลยล่ะครับ อ่านแล้วเหมือนท่านบอกตัวเราเองยังไงยังงั้นเลย อิๆ ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงเชื่อว่าข้อความต่างมิติเป็นความจริงระดับจักรวาล และท่านก็เสมือนจะอ่านใจพวกเราออกซ่ะด้วยว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร? เจ๋งมากๆเลยครับ.

 

ใครว่างช่วยแปลข้อความนี้หน่อยสิครับ
น่าสนใจดีครับ.เป็นข้อความจากชาวดาวลูกไก่

Arcturian Ascension Tools: The Pleiadians: Equinox Portal and Conscious Contact

สรุปย่อๆก็คือ..ในช่วงฤดู Equinox ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วันนี้
มันจะมีระดับพลังงานสูงขึ้นมากเป็นพิเศษ และจะทำให้หลายคน
ที่เป็น Gate keeper และ Ground Crew มีความพร้อมที่จะได้รับการติดต่อ
จากพวกเขาด้วย ซึ่งจะเป็นการติดต่อแบบส่วนบุคคลก่อน และการติดต่อที่ว่านี้
ก็อย่าไปคาดหวังว่ามันจะจำกัดอยู่แต่เพียงในรูปแบบของการเห็นด้วยตาเนื้อเท่านั้น
เพราะพวกเขาจะมาปรากฎ หรือ มาอยู่ในสนามพลังงานของเราได้ในหลายรูปแบบ
อาจจะมาให้เห็นด้วยตาในของเราก็ได้ ฯลฯ

ลองลุ้นกันดูนะครับ..ฮิฮิ..

......................

 

........................................................................

 

ข้อความนี้ก็น่าแปลครับ ใครว่างช่วยหน่อยนะครับ
มันเป็นข้อความที่อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะเลย

Joy and Clarity: March Equinox: "The Storm Passed Over, The Calm Returns" - Saint-Germain Channeling

...............

 

ผมกำลังจะแปลให้นะครับ ซักบ่ายๆน่าจะเสร็จนะครับ

 

ผู้แปล : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อความแปลข้างล่าง

ที่มา : Joy and Clarity: March Equinox: "The Storm Passed Over, The Calm Returns" - Saint-Germain Channeling


(ภาพจากเวป Higher Density Blog | Love Is Always The Answer)

March Equinox: "The Storm Passed Over, The Calm Returns"

Equinox ในเดือนมีนาคม: "พายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว, ความสงบกำลังกลับคืนมา"

A Saint-Germain Channeling
By Alexandra and Dan

ด้วยพลังงานต่างๆที่มาพร้อมกับช่วงเวลาแห่ง Equinox ในปีนี้, จะทำให้คุณเริ่มละทิ้งความอลหม่านต่างๆที่พึ่งผ่านพ้นไป, และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตัวเองให้เข้าสู่ความสงบอีกครั้ง, ขณะที่หลายเดือนที่ผ่านมากับความเข้มข้นของความยากลำบาก, อีกไม่นานคุณจะรู้สึกชุ่มชื่นและมีแรงบันดาลใจเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับไอเดียใหม่ๆ, และลองดูสิว่าสุดท้ายแล้วแผนงานต่างๆของคุณนั้นจะทำให้เกิดผลสำเร็จได้อย่างไร.

คุณกำลังเปิดฉากของเวลาที่คุณจะเพิ่มขีดความสามารถในความเข้าใจว่า ทุกๆความหวานชื่นและน้ำตาที่คุณให้กับโปรเจ๊กท์ต่างๆของคุณ, และให้กับชีวิตของคุณ, มันจะคุ้มค่ากับความพยายามของคุณ. ถึงแม้ว่าคุณจะได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็น และคำแนะนำที่คุณต้องการ เพื่อที่จะก้าวต่อไปในทุกๆสิ่งที่คุณทำ.

แก่นสารที่สำคัญต่างๆของ Equinox ในเดือนมีนาคมนี้ก็คือ, ความต่อเนื่องต่างๆที่โชคร้ายเพราะความกลัวที่เคยมี, ภายใต้แรงขับของอีโก้ของคุณ, มากกว่าที่จะใช้ชีวิตด้วยมุมมองจากศูนย์กลางของวิญญาณ. คุณจะได้มีโอกาสได้เห็นว่าอีโก้ของคุณนั้นมีส่วนบังคับคุณและผูกคุณอยู่กับสิ่งต่างๆที่คุณเชื่อว่ามันจะทำให้คุณมีความสุข, แต่กระนั้น มันก็ยังรู้สึกว่ายังถูกเติมไม่เต็มและยังไม่พอใจอยู่ดี, คุณจะเห็นความกลัวของตัวเองที่เกิดขึ้น เมื่อคุณไม่ได้ในสิ่งที่จำเป็น, หรือสูญเสียบางสิ่งที่คุณเคยเป็นเจ้าของ และคิดว่าคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้น. มันจะเติมเชื้อให้กับความทุกข์ของคุณ และคุกคามความรู้สึกของความเข้าใจของคุณในขณะที่คุณอยู่บนโลกนี้. คุณจะมีโอกาสสำคัญในการเห็นตัวเองถูกชักจูงด้วยจิตใจของตัวเองที่คุณควบคุมไม่ได้. ซึ่งจะทำให้คุณได้รู้ว่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตคุณนั้นมันไม่ได้อิงอยู่กับความจริงเลย, แต่อิงอยู่กับความไม่รู้เท่านั้นเอง.

โปรดเข้าใจว่าตอนนี้คือโอกาสอันดีที่คุณจะโผล่ออกมาจากความมืดและภาพลวงตา, ที่บดบังรัศมีแห่งความสามารถของคุณที่จะรู้ถึงความปิติ, ความจริงและแสงสว่าง. คุณจะมีโอกาสได้เห็นว่าอะไร ที่มาดึงความสนใจของคุณไปจากเป้าหมายทางวิญญาณของคุณ. อันที่จริง, คุณอาจจะพบว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นที่คุณคิดว่ามันจำเป็นหรือมีความต้องการหรือความกลัวอะไรก็ตามในชีวิตนั้น, ล้วนทำให้ความประสงค์ทางวิญญาณของคุณไขว้เขว, และตอนนี้แล่ะที่ภาพลวงตาเหล่านั้นมันไม่สามารถที่จะยึดครองคุณเหมือนที่เคยทำได้, เมื่อคุณเชื่อมต่อกับความประสงค์ทางวิญญาณ, เมื่อนั้นคุณจะถูกนำโดยสัญชาตญาณของคุณเอง, ไม่ใช่ถูกนำโดยความกลัว หรือความต้องการต่างๆ หรือความจำเป็นต่างๆ, มันจะทำให้คุณเห็นความกระจ่าง และทำให้คุณกลับไปสู่แก่นสำคัญของคุณ.

ขณะที่คุณเกิดความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับความประสงค์ทางวิญญาณของคุณ, ชีวิตของคุณก็จะสับสนน้อยลง, ขึ้นอยู่กับการเข้าสู่ความเรียบง่ายกว่าต่างๆด้วย.

การตอบรับและเข้าใจต่อการได้ฟังเสียงจากภายในตัวคุณที่กำลังนำคุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง, และเมื่อคุณเปิดโอกาสให้มันได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่างๆของคุณ, คุณจะมีประสบการณ์ที่แท้จริง, และคุณควรจะรู้สึกถึงอารมณ์ของชัยชนะและความยินดีปรีดาในชีวติของคุณในเร็วๆนี้.

คำแนะนำของเสียงจากภายในของคุณจะเป็นเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดของความปิติสุข, อบอุ่นและเป็นความรู้สึกที่เจียระไนแล้ว. ซึ่งจะนำพาคุณไปสู่ความสะดวกสบายและเสถียรภาพในช่วงเดือนต่อๆไป, มันจะนำมาซึ่งความรู้สึกของการได้อยู่บ้านและมีความสุขกับชีวิตของคุณ.

ถ้าคุณจะประสบกับการสูญเสียใจช่วงเวลานี้, มันจะเป็นเพียงชั่วคราว; และในสุดท้ายแล้ว, มันจะมองเห็นได้เพียงว่า "ปล่อยให้มันผ่านไป" กับเส้นทางเก่าๆที่ไม่ทำประโยชน์ให้กับชีวิตของคุณ. สิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำให้สมบูรณ์และปลดปล่อยออกมานั้นสุดท้ายแล้วมันจะโผล่ขึ้นมาให้คุณสังเกตได้, และคุณจะเข้าใจมันผ่านการปลดปล่อยนี้ ว่าคุณสามารถรู้สึกถึงสิ่งที่มีค่ามากขึ้นกับตัวเองและหัวใจของตัวเอง.

คุณกำลังอยู่ตรงขอบของการย่างเข้าสู่การค้นหาความหวังใหม่ และความเข้าใจเกี่ยวกับว่าชีวิตของคุณนั้นต้องให้ข้อเสนอกับคุณ, ความเศร้าใจท้อใจที่อ้อยอิ่งที่เกิดจากความเสียใจของคุณใจอดีตจะจากไปแล้วเร็วๆนี้, แต่ถึงแม้มันจะมีช่องทางให้มองไปในทางที่ดีแล้ว, คุณก็ยังจะคงมองหันไปหาอดีตเพื่อคร่ำครวญถึงความสงสัยต่างๆของคุณ หรือการตำหนิตัวเองถึงการพลาดโอกาสบางอย่างในอดีต และความผิดหวังต่างๆในอดีต.

เมื่อใดที่คุณปล่อยให้คุณเป็นอิสระ, คุณจะสามารถเคลื่อนผ่านเดือนต่อๆไปอย่างกล้าหาญ, และเมื่อใดที่ความกลัวเกิดขึ้นอีกครั้ง, คุณจะรู้ว่าคุณสามารถเผชิญกับมันด้วยการอยู่บนเส้นทางของความประสงค์แห่งวิญญาณ, โปรดรู้ว่ารางวัลชีวิตของคุณนั้นจะงดงาม ถ้าคุณทำมัน.

ถ้าคุณเผชิญกับความสงสัยหรือความกลัวต่างๆในระหว่างทาง, จงให้มันรับใช้คุณโดยเป็นเพียงสิ่งเตือนใจว่าอะไรบ้างที่คุณได้ปลดปล่อยไปแล้ว, ให้โอกาสให้มันได้กระตุ้นคุณเพื่อให้คุณได้ไปอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง, ให้โอกาสมันได้เตือนใจคุณ ว่าอะไรที่เป็นความจริงสำหรับคุณ, เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตคุณดูเหมือนไม่สามารถก้าวเดินไปอย่างเรียบง่ายอย่างที่คุณคาดหวังให้มันเป็น, โปรดอย่าลืมสังเกตความกลัวนั้นด้วยวิธีการนี้, โดยยังคงเดินตามสัญชาตญาณที่ให้แรงบันดาลใจอย่างแท้จริงของคุณ, มันจะเปิดโอกาสให้คุณได้เห็นล่วงหน้าถึงความสำคัญของเหตุการณ์ต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตของคุณ, โดยปราศจากความกังวลเกี่ยวกับมัน, และทำให้มันง่ายขึ้นเพื่อคุณจะได้ก้าวไปข้างหน้าต่อไป.
Indeed, I AM Saint-Germain.

 

ผู้แปล : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อความแปลข้างล่าง

ที่มา : Living in Two Worlds > Kuthumi School of Wisdom


(รูปภาพจาก illuminations2012.wordpress.com)

a message from Master Kuthumi channeled by Lynette Leckie-Clark
Friday, 21 March, 2014

Living in Two Worlds

การอาศัยอยู่ในสองโลก

ฉันมาในวันนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อจะบอกข้อความนี้. ในปีนี้ซึ่งเป็นเวลาที่ภายในตัวคุณจะถือกำเนิดอย่างแท้จริง, เราได้สังเกตดูหลายๆคนนั้นกำลังรู้สึกว่ายังไม่สามารถตั้งหลักได้ และรู้สึกไม่ปลอดภัยในบางเวลา. โปรดเข้าใจว่าคุณได้เข้ามาสู่ขั้นตอนแห่งการรื้อฟื้นความทรงจำแล้ว, ซึ่งเป็นเวลาที่จะทำให้ความทรงจำทางวิญญาณที่เป็นตัวคุณเองนั้นตื่นขึ้น, อีกทั้งจะรู้ได้ว่าคุณคือรูปธรรมชีวิตที่สง่างามด้วยแสงสว่างที่แท้จริงที่อยู่ภายในตัวคุณ, การดิ้นรนของมนุษย์ในแต่ละวันได้คุกคามคุณ, คุณถูกดูดกลืนเข้าไปสู่ชีวิตแต่ละวันของคุณ, เพียงเพื่อ "เอาชีวิตให้รอด"

ใช่, แต่ฉันต้องถามก่อนว่า ความพึงพอใจและความดิ้นรนนั้นคือสิ่งที่คุณอยากจะเห็นเพียงเท่านี้ในชีวิตของคุณหรือ? มันยังมีสิ่งที่สร้างสรรขึ้นมาทางกายภาพ, เกี่ยวกับขุมทรัพย์ที่เรียงรายอยู่บนเส้นทางภายในตัวคุณ. วิญญาณที่สว่างไสวของคุณ และประกายไฟที่มีค่าจากพระเจ้าซึ่งมีกำลังมหาศาลที่อยู่ในคุณแต่ละคนนั้น, สามารถถูกจุดให้เจิดจ้าด้วยตัวคุณเองผ่านการตอบสนองและความตั้งใจของคุณ, เมื่อใดที่ประกายไฟแห่งพระเจ้าในตัวคุณได้ถูกจุดขึ้น และเปิดโอกาสให้คุณสามารถจดจำตัวตนจริงๆของคุณได้, คุณจะสามารถตอบสนองกับวิญญาณของคุณเพื่อขยายการตื่นรู้ของคุณให้สูงขึ้น, ผ่านการเรียนรู้ต่างๆ, เพื่อความเข้าใจที่แท้จริงของวิญญาณที่สว่างไสวในตัวคุณ.

แต่ละคนบนโลกนี้ได้เก็บประกายไฟแห่งพระเจ้าไว้ภายในตัวเอง, มันคือสิ่งที่ทำให้คุณทั้งหมดสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน, แม้ว่าแต่ละคนสามารถเลือกเดินไปในแบบของตัวเองก็ตาม. แต่เมื่อใดที่คุณสามารถจุดประกายไฟแห่งพระเจ้าในตัวคุณได้ เมื่อนั้นคุณจะสามารถมีประสบการณ์อยู่กับทั้งสองโลก, โลกนึงนั้นแน่นอนว่าเป็นโลกทางกายภาพในชีวิตประจำวันของคุณ, ส่วนอีกโลกนึงคือโลกแห่งแสงสว่าง, แห่งความสุขสงบ, ความรัก, การไหลบ่าของการสร้างสรรค์แห่งความสงบสุขที่คุณสามารถจะรู้สึก และสิ่งนี้สามารถช่วยคุณปลดปล่อยความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายที่คุณประสพพอเจอในแต่ละวัน.

ผู้ช่วยเหลือด้านความรู้ทั้งหลายจากมิติแห่งปัญญาที่สูงกว่าต่างๆ, ได้มามีกายเนื้ออยู่บนโลกนี้เพื่อเวลานี้, ซึ่งเป็นปีของการตื่นรู้ของโลก รวมไปถึงทุกๆชีวิตบนโลก, เราได้เตรียมการมาหลายปีแล้ว ผ่านช่องทางต่างๆอย่างเช่นช่องทางนี้และอื่นๆ, การสอนของเราได้มอบให้เพื่อช่วยเหลือกระบวนการของการตื่นรู้, คุณหลายคนกำลังอยู่ในกระบวนการที่ภายในตัวคุณกำลังจะเกิดใหม่อย่างแท้จริง. ซึ่งตอนนี้มันกำลังชำระสิ่งต่างๆที่ผ่านมาที่ครอบงำคุณ, สิ่งที่ควบคุมคุณ, ความโหดร้ายทารุณต่างๆ, วิธีการต่างๆของฝ่ายมืด, รวมถึงแนวคิดและอารมณ์ต่างๆ...ที่ได้มาจากฝ่ายมืดทั้งหลาย,

ฉันอยากจะกระตุ้นคุณทั้งหลายที่กำลังตื่นตัวกับพลังงานแสงสว่างที่อยู่ในตัวคุณ, ผ่านความตั้งใจของคุณ. โปรดช่วยกันโอบล้อมโลกด้วยอนุภาคแห่งแสงสว่างที่คุณแต่ละคนมีในทุกๆวัน, คุณจะเริ่มเห็นว่ามีจำนวนของผู้คนที่สนใจเรื่องนี้และเริ่มที่จะทำกิจกรรมเพื่อแสงสว่างมากขึ้น, ดาวเคราะห์โลกจะท่วมท้นไปด้วยอณูของแสงสว่างมากมาย ที่จะซึบซามลงสู่แต่ละประเทศและผู้คนที่อาศัยอยู่. ฝ่ายมืดไม่สามารถเจาะทะลุแสงสว่างได้. โปรดจำไว้ว่า, มันคือพลังงานแห่งแสงสว่างที่มีอานุภาพสูงสุงจากพระเจ้าด้วย, ทุกส่วนกำลังทำงานร่วมกัน, โอบกอดแสงสว่างของคุณไว้, ใช้มันเพื่อห้อมล้อมตัวคุณด้วยแสงสว่างในทุกๆวัน, เมื่อความวุ่นวายเข้ามาสู่ชีวิตของคุณไม่ว่าทางโลกกายภาพหรือโลกวิญญาณ, โปรดระลึกถึงแสงสว่างที่คุณถือไว้ภายในตัวคุณ, หลับตาของคุณ และเข้าสู่ออร่าของแสงสว่างที่ห้อมล้อมหัวใจที่สูงกว่าของคุณ.

ขั้นตอนนี้ยังสามารถจุดประกายลงไปถึงก้นบึ้งของความเชื่อและความศรัทธาของคุณ, มันมีประโยชน์มากสำหรับมนุษยชาติที่ภายในตัวพวกเขากำลังเกิดใหม่อีกครั้ง, หลายคนกำลังเผชิญกับความยุ่งเหยิง, แม้แต่ความยากลำบากของมนุษยชาติที่กำลังต่อสู้กับฝ่ายมืดเพื่อจะได้เข้าสู่มิติที่สูงกว่า, และปรับตัวกับวิถีชิวิตใหม่ๆที่เหมาะสม, สิ่งเก่าๆกำลังจะผ่านไปและสิ่งใหม่ๆก็จะเข้าไปแทนที่, นี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงใช้คำว่าเร่งด่วน ในการมาให้ข้อมูลในวันนี้. เราปราถนาที่จะช่วยเหลือคุณให้ผ่านปีที่ยิ่งใหญ่ในปีนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในของแต่ละคน ซึ่งจะก้าวหน้าไปมาก, มันจะถูกเฉลิมฉลองเมื่อคุณเปิดโลกทางวิญญาณของคุณและจดจำมันได้, ปีนี้จะทำให้คุณพัฒนาโลกภายในของคุณไปได้ไกล, และมีพลังงานแสงสว่างที่สูงขึ้น, มีสติปัญญาที่สูงขึ้น, และมีความสุขสงบภายในมากขึ้น.

เราอยากจะกระตุ้นคุณทั้งหลายอีกครั้ง, ว่าให้สละเวลาในทุกๆวันซักสองสามนาทีหรือมากกว่านั้น, เพื่อมีส่วนร่วมกับพี่น้องแห่งแสงสว่างทางวิญญาณของคุณที่กำลังอยู่รอบๆโลกในขณะนี้, เพียงคุณรู้สึกถึงการแผ่กระจายของแสงสว่างของคุณ, หรือการหลับตาและนึกถึงแสงสว่างในตัวคุณ, เพื่อร่วมกับกองกำลังแห่งแสงสว่างน้อยๆทั้งหลายที่มีอยู่ทั่วโลก, โปรดรู้ว่าคุณกำลังมอบของขวัญด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้กับรูปธรรมแสงอื่นๆอีกหลายล้านรูปธรรม, โปรดรู้ว่าเพียงสองสามนาทีของเวลาที่เดินเป็นเส้นตรงบนโลกก็สามารถต่อเข้าร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว.

Peace to each of you in Light

Kuthumi

แปลโดย : Nununo

 

ARCHANGEL GABRIEL 2014
Daily Message , Sat 22/03/ 2014
วันที่โพสท์ _Sun ,23/3/2014
ผู้แปล: อจิตตะ...

เรารู้ว่าหลายๆคนกำลังมีความพยายามที่จะปรับตัวเข้าสู่ความสมดุลย์
ที่ให้เป็นไปในแนวทางของการมีสุขภาพที่ดี…

เรามีคำแนะนำง่ายๆสำหรับคุณ…
แค่ถามตัวเองว่า…ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม
"ฉันยินดีที่จะ”รับ” ให้มากที่สุดเท่าที่ฉันได้ ”ให้ไป" หรือไม่?
หรือ "ฉันยินดีที่จะ”ให้” มากที่สุดเท่าที่ฉัน ”ได้รับ” ได้หรือไม่?"

นอกจากนี้…คุณอาจต้องหยุดคิดสักนิด และถามตัวเองอีกว่า...
"สิ่งนี้ได้ออกมาจากหัวใจที่เต็มไปด้วยพลังของศักยภาพที่แท้จริงเพื่อสรรพสิ่งหรือไม่ ?”
และ “มันมีคำว่า ”ไม่พอใจ” อยู่ไม๊? “

...นี่คือจุดมุ่งหมายที่นอกเหนือไปจากที่”ผู้อื่น”ทำ…
เพราะนั่นคือสิ่งที่เก็บไว้ให้”คุณทำ” ต่อทุกๆสถานะการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับคุณ…

และแน่นอนที่สุด…
“ทุกๆการเปลี่ยนแปลงที่คุณตามหานั้น ต้องเริ่มต้นจากภายในของคุณเอง…”


Archangel Gabriel
http://trinityesoterics.com/2014/03/22/daily-message-saturday-march-22-2014/

 

พอดีว่า ในข้อความล่าสุดของท่าน Hilarion มีพูดถึง
การจ้องมองดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกด้วยหนะครับ
ผมก็เลยจะขอเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องตรงนี้มาแปะให้อ่านก่อนซักหน่อย
ในระหว่างที่เรารอคุณอจิตตะมาแปลและโพสต์ให้พวกเราอ่านหนะนะครับ

...................................................................

จากกระทู้นี้นะครับ

http://palungjit.org/threads/inelia...่ยวกับปี-2012-และการ-ascension-ของโลก.293099/

........................................

การเลื่อนระดับขึ้น และ DNA – เราจะสามารถเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นได้หรือไม่?

บทความโดย: Inelia Benz
ตุลาคม 2010

ที่มา:
Ascension and DNA - Can we accelerate the process?

October 2010


ตั้งแต่เล็กจนโต จนกระทั่งถึงเมื่อเร็วๆนี้ ฉันเคยคิดว่า DNA เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
นั่นคือไม่ว่าพวกเราจะมาพร้อมกับมันที่เป็นแบบไหนก็ตาม มันก็จะเหมือนกับโครงสร้างที่เป็นของแข็งทั่วๆไป
ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

และในที่สุดแล้ว เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างทางกายภาพของเราได้จริงๆ ใช่ไหมหละ?
ไม่ว่าจะเป็น ทำให้มันสูงขึ้น เตี้ยลง เปลี่ยนสีผมหรือสีของนัยตา

ดังนั้น ฉันจึงเคยคิดว่า DNA ก็คือสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วแบบตายตัว
ดังนั้น เมื่อฉันได้ยินว่ามีบางคนที่ป่วยเพราะว่ามีเชื้อไวรัสบางชนิดไปเปลี่ยน DNA ของพวกเขาเข้า

มันอะไรกันเนี่ย??

ฉันเคยคิดแต่ว่า DNA ของเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นภพชาติเลยไม่ใช่เหรอ??

เพราะว่า คุณเห็นไหมว่า ฉันเคยคิดว่าการที่ DNA
จะเปลี่ยนแปลงหรือผ่าเหล่าไปได้ ก็เฉพาะจากชนรุ่นหนึ่ง
ไปสู่อีกรุ่นหนึ่งโน่นแหละ แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นเลย!

แล้ว..ถ้างั้น ถ้าไวรัสก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลง DNA ของพวกเราได้เลย
แล้วอย่างอื่นหละ ก็จะไม่สามารถทำได้เหมือนกันหรอกเหรอ?

ดังนั้น เมื่อฉันค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ฉันจึงได้พบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการกระตุ้น DNA
และพบว่า “DNA ขยะ” มีแหล่งที่มาจากนอกโลก และข้อมูลอื่นๆอีกมากมาย

มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันสนใจมากก็คือ เรื่อง “การผ่าเหล่าอย่างเป็นธรรมชาติ”
(spontaneous mutation) ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาสำหรับสิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์บนโลกใบนี้
และฉันก็ได้รู้ว่า ความจริงแล้วการผ่าเหล่าแบบข้ามรุ่น ไม่ได้เป็นวิธีการผ่าเหล่ารูปแบบหลักแต่อย่างใด

จากนั้น ฉันจึงนึกขึ้นมาได้ว่า Hira Ratan Manek
ก็ได้ศึกษาเรื่องการจ้องมองพระอาทิตย์ขึ้น/ตก (Solar gazing) เอาไว้แล้ว

เขาได้ใช้วิธีการนี้เปลี่ยนแปลงร่างกายเนื้อของเขา
ให้สามารถดูดซับเอาสารอาหารทุกชนิดที่เขาต้องการเข้าไปได้
โดยการยืนเท้าเปล่าบนพื้นดิน แล้วจ้องมองดูดวงอาทิตย์
ตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก


(Hira Ratan Manek)

จนเดี๋ยวนี้ เขาไม่ต้องรับประทานอาหารเพื่อให้ได้พลังงานมา
สำหรับใช้เพื่อการดำรงชีวิตอีกต่อไปแล้ว น่าทึ่งไหมหละ!!

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Vv1VPQr7GZ4&feature=related"]YouTube - ‪Sun Gazing‬‏[/ame]

ดังนั้น ประเด็นหลักที่ฉันสนใจก็คือเรื่องการเลื่อนระดับขึ้นของสายพันธุ์เหล่านั้น
วิธีการจ้องมองดูพระอาทิตย์นี้อาจจะช่วยให้เราเข้าไปใกล้เป้าหมายนี้ได้มากขึ้นจริงๆก็ได้
เพราะว่าผลพลอยได้ของมันที่ Hiran Ratan Manek ได้รับก็คือ การพบกับความปิติสุข,
การรู้แจ้ง และการมีสุขภาพจิตที่ดี


พวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ดวงอาทิตย์ไม่ได้เป็นแค่แหล่งพลังงานที่ไหลบ่ามาสู่โลกเท่านั้น
แต่ฉันยังเชื่ออีกว่าระบบสุริยะของเรากำลังเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในเขตของจักรวาล
ที่มีระดับคลื่นความถี่ของพลังงานสูงมากๆอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่ว่าเขตนี้มันจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราเอง
หรือว่ามันจะอยู่นิ่งๆแต่เราเป็นฝ่ายเคลื่อนที่ผ่านมันไป ในช่วงระยะเวลาอีกไม่กี่พันปีนี้ก็ตาม
ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เราได้เข้าไปอยู่ในเขตนั้นแล้ว

ฉันยังรู้อีกว่าสนามพลังงานที่พิเศษนี้ คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเรา
ที่จะได้วิวัฒน์ขึ้นอย่างใหญ่โตมโหราฬ ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล
และ ในระดับเผ่าพันธุ์ด้วย

นั่นแหละคือสิ่งที่มันผุดขึ้นมาให้ฉันได้รู้ว่า ถ้าพวกเราสามารถกระตุ้น DNA ของพวกเรา
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างตั้งใจ (เหมือนกันที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว จากวิธีการ Sun gazing)
เพื่อให้ DNA ของเราสามารถเข้ากันได้กับสนามพลังงานใหม่นี้มากขึ้น,
หรือเพื่อให้สามารถดูดซับมัน หรือใช้ประโยชน์จากมัน ได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
เมื่อนั้นพวกเราก็จะก้าวกระโดดได้จริงๆแล้วหละ

แต่แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่แต่อย่างใดเลย เพราะว่าการกระตุ้น DNA
เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในวงการ “การเลื่อนระดับขึ้น” (Ascension) อยุ่แล้ว
และก็หลายๆวัฒนธรรมก็มีการพูดถึงเรื่อง “ร่างกายแห่งแสงสว่าง” หรือกายทิพย์
ซึ่งจะเป็นร่างกายที่พวกเราจะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นในช่วงขณะที่เราเลื่อนระดับขึ้นไปนี้อยู่แล้ว


และต่อไปนี้คือสิ่งที่ฉันอยากจะนำเสนอ ก็คือว่า เหมือนวิธีการ Sun gazing
ที่เราสามารถที่จะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของ DNA แบบนั้น ในตอนนี้ได้เลย
เพื่อให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในระนาบที่สูงขึ้น
หรือเพื่อให้มีระดับความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น

ทำไมจะต้องรอด้วยหละ ใช่ไหม๊?

ดังนั้น ถ้าเราทำตามหลักการณ์ของ Sun gazing แล้วหละก็
ทั้งหมดที่เราจะต้องทำก็คือ เปิดตัวเราเองออกมา
แล้วมองดูที่ใจกลางของกาแล็กซี่ หรือที่ “ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเรา”
หรือ “พระเจ้า” หรือ “ทวยเทพ”

เพราะว่าโดยทั่วไปแล้ว เราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า
พลังงานนี้จะผ่านเข้ามาทางจักระที่ 7 ของเรา
ดังนั้น ถ้าเราเปิดตัวเองขึ้นไปให้ถึงพลังงานนั้น
ถ้าพวกเรา “มองดู” พลังงานนั้นด้วยตาที่ 3 ของเรา
และยอมให้มันแทรกซึมผ่านเข้ามาในร่างกายแห่งพลังงานของพวกเรา
(จักระทุกๆจักระ และ ออร่าทุกๆออร่า)

ซึ่งมันจะช่วยได้มาก ถ้าจินตนาการว่า มันเป็นลำแสงสว่างสีขาวพวยพุ่งเข้ามา
และทำให้ตัวเราเองสว่างไสวขึ้นดุจหลอดไฟที่เปิดแล้ว

พวกเราไม่จำเป็นต้องมีภาพของ DNA ที่เราต้องการหรอก
เพราะว่าในตอนนี้ พวกเรายังไม่สามารถที่จะเข้าใจ
ถึงศักยภาพทั้งหมดของมันได้

ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด ถ้าจิตของคุณไม่นิ่งจริงๆ ก็คือ
การจินตนาการว่ามีแสงสว่างอยู่ในช่องว่างระหว่างความคิด,
ช่องว่างระหว่างโมเลกุล, และช่องว่างระหว่างอะตอม

และจงลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
จงเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นด้วยแสงสว่างที่สว่างไสวและสวยงาม

................................

ปล.เนื้อหาเรื่องเกี่ยวกับ Sun Gazing นี้
คุณ kindred ได้แปลและโพสต์เอาไว้แล้วนะครับ
ในกระทู้ข้างล่างนี้ครับ

http://palungjit.org/threads/sungazing-เพื่อความสมดุลแห่ง-กาย-ใจ-และจิตวิญญาณ.293844/

......................................

 

และก็..คำนี้ได้ยินได้ฟังบ่อยมากๆ จากข้อความต่างมิติทั้งหลาย
จงดำรงอยู่ใน"ศูนย์กลางหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์" ของพวกคุณ

แล้วมันคืออะไร และ อยู่ตรงไหนหละ?

.......................................................
http://palungjit.org/threads/inelia...ปี-2012-และการ-ascension-ของโลก.293099/page-3

.........................................

การดำรงอยู่ในศูนย์กลางหัวใจ – มันหมายความว่าอะไร?
(Stay Heart Centered – what does that mean?)

บทความโดย : Inelia Benz
กุมภาพันธุ์ 2010

ที่มา:

Stay Heart Centered - what does that mean?

เทคนิคหลักอย่างหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้ในงานเพื่อการเลื่อนระดับขึ้นก็คือ
การดำรงอยู่ในศูนย์กลางหัวใจ (stay heart centered) แต่จริงๆแล้วมันหมายความว่าอย่างไร?

อืม..มันไม่ได้หมายความว่า “ให้อยู่ในคุณงามความดี” หรือ “อยู่ในความรัก” หรือ “ให้อภัย” หรอกนะ
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเอง เมื่อเราอยู่ในศูนย์กลางหัวใจก็ตาม แต่มันก็เป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น
การดำรงอยู่ในศูนย์กลางหัวใจ มันเป็นเรื่องของการกระทำทางกายภาพจริงๆ
มันก็เหมือนกับการที่เราใช้สายพานวิ่งออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายเราฟิตนั่นแหละ

การปฏิบัตินี้ ถูกออกแบบมาเพื่อย้ายความตระหนักรู้ของเรา จากศูนย์กลางศีรษะ ซึ่งเป็นส่วนของ ego
ให้มาอยู่ที่ศูนย์กลางหัวใจ ซึ่งเป็นส่วนของตัวตนที่สูงส่งกว่า (higher self) ของเราแทน



สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ การหาที่ตั้งของศูนย์กลางหัวใจให้ได้ซะก่อน
ซึ่งมันก็คือบริเวณพื้นที่ใต้กระดูกหน้าอก (Sternal angle)
เรื่อยขึ้นไปจนถึงร่องคอ (Jugular notch – ดูภาพประกอบนะครับ – ผู้แปล)
และอ้อมไปด้านหลังจนถึงระหว่างกระดูกไหล่



บริเวณทั้งหมดนี้ คือ “ศูนย์กลางหัวใจ” ของคุณ
มันจะครอบคลุมถึงบริเวณที่เรียกว่า “จักระหัวใจ” หรือ “จักระที่ 4”
หรือ “จักระแห่งเทพ” หรือ “จักระกระดูกไหล่”
มันคือบริเวณที่เป็นที่ตั้งของแก่นแท้ของคุณเอง


ศูนย์กลางนี้ มันบรรจุความมีตัวตนทางกายภาพของคุณเอาไว้อยู่
ไม่ว่าจะเป็นกายแห่งอารมณ์ (emotional body), กายเนื้อ และ ego
และรวมถึงมีความเชื่อมต่อกับตัวตนที่สูงส่งกว่า หรือ กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนอยุ่ที่นี่ด้วย

หลังจากที่คุณหาที่ตั้งของศูนย์กลางหัวใจได้แล้ว คุณจะตระหนักรู้ถึงมัน
บริเวณที่มันตั้งอยู่ในขอบเขตทางกายภาพนั่นแหละ แล้วหายใจเอาอากาศเข้าไปในนั้น

ในขณะที่คุณหายใจเข้า ลมหายใจของคุณจะบรรจุไปด้วยพลังชีวิต
เมื่อคุณหายใจออก พลังชีวิตจะขยายตัวออกไปสู่บริเวณอื่นๆของร่างกายของคุณ
รวมถึงพื้นที่ความสั่นสะเทือนที่อยู่รอบๆตัวคุณด้วย

อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ให้ย้ายมุมมองของคุณ
จากที่ปกติความนึกคิดของคุณจะไปอยู่ในร่างกาย หรือในส่วนหัวของคุณ
ให้ไปอยู่ในศูนย์กลางหัวใจของคุณแทน

ง่ายๆใช่ไหมหละ (smile)

เมื่อคุณเริ่มทำแบบฝึกหัดนี้ คุณอาจจะรู้สึกว่ามีอารมณ์ด้านลบที่รุนแรงต่างๆผุดขึ้นมา
พวกมันผุดขึ้นมาก็เพื่อให้คุณปลดปล่อยมันออกไป จงขอบคุณพวกมัน แล้วปลดปล่อยมันไป
แล้วในที่สุดคุณก็จะสามารถอยู่ในศูนย์กลางหัวใจได้ด้วยความสุข และความรักล้วนๆ

…………………………………..

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
March 23-30, 2014
วันที่โพสท์ Tue 25/3/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

มีผู้คนมากมายที่กำลังตื่นตัวกับการค้นพบว่า
โลกกำลังอยู่ในสภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาได้มองไปรอบ ๆ และเห็นเพื่อนบ้านนำแนวคิด
ที่พวกเขาไม่เคยเปิดรับมาก่อนมาใช้ด้วยความประหลาดใจ…

พลังงานของการตื่นรู้ที่เกิดขึ้นในทุกๆที่ ณ.ขณะนี้
ได้ถูกชะล้างสิ่งเก่าๆที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงออกไป
ด้วยจิตสำนึกของมวลมนุษยชาติ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกับการผ่านกระบวนการนี้…

เช่น…ความอึดอัดขัดข้องกับการดูเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก
พร้อม ๆ กับดูโลกภายในของตัวเองในเวลาเดียวกัน…
…เหล่า”ปัจเจก”ทั้งหลายจึงต้องพากันดิ้นรน
ที่จะเริ่มต้นสร้างและรักษาความสมดุลย์ภายในให้แก่ตนเอง…
และนั่นทำให้เกิดความกดดันและความตึงเครียด
ในการใช้พลังงานของจิตสำนึกโดยรวม
ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่ไวต่อการเลื่อนไหลของพลังงาน
ที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวพวกเขาในขณะนี้

ความตึงเครียดที่น่าวิตกกังวลนี้
จะรู้สึกได้ ที่บริเวณช่องท้องของร่างกายมนุษย์
ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณว่า…
ถึงเวลาที่ต้องออกไปคบหาสมาคมกับธรรมชาติได้แล้ว…
โดยการไปยืนหรือนั่งสบายๆใกล้ๆต้นไม้
แล้ววิงวอนขอให้ความเครียด และความกังวลเหล่านี้
จงแปรเปลี่ยนเป็น “ความรัก” ก่อนที่มันจะละลายหายไปจากภายในของคุณ…

เหล่ามวลพฤษชาติเหล่านี้ล้วนมีความเชี่ยวชาญ
ในการให้บริการเช่นนี้แก่ทุกผู้ทุกนาม
ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ตามเส้นทางแห่งวิวัฒนาการของตัวมันเอง
ซึ่งก็จัดให้เป็นหนึ่งในบริการของพระเจ้าด้วยเช่นกัน…

มวลสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมกันรอบๆตัวคุณ
จะมีประโยชน์มากมายมหาศาลหากคุณให้ความสนใจ
โดยเฉพาะในช่วงที่พลังงานยังอยู่ในสภาพแปรปรวนอยู่นี้
สิ่งที่ดีที่สุด คือการทำชีวิตให้ง่ายขึ้น…อยู่ง่ายขึ้น
ตัดความซับซ้อนในเรื่องต่าง ๆ ออกไปให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
ซึ่งก็ด้วยการฝึกให้”จิต”อยู่ในความสงบ
ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความซับซ้อน
หรือเที่ยวไปรับการกระตุ้นจากระบบสื่อสารที่มีอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน
มาสร้างรูปแบบของความคิดให้เกิดเป็นนามธรรมขึ้นมา
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกของการถูกครอบงำ
ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากผู้คนที่ถ่ายเทมาให้
หรือจากพลังงานที่สูงกว่าก็ตาม
นั่นก็คือ…การจัดห้องหรือจัดสนามหน้าบ้านใหม่…
หรือให้เวลากับการออกไปพักผ่อนให้มากขึ้น
“ปล่อยวาง” ซะบ้าง……นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเลย
หรือแค่พักเท้าของคุณสักครึ่งชั่วโมง
ก็จะสามารถเติมชีวิตให้เต็มไปด้วยชีวาได้เหมือนกันนะ

หรือไม่ก็ลองค้นหาความงามในทุกรูปแบบที่ชวนให้น่าประหลาดใจ
และจงลงมือทำด้วย “ความรัก” จากหัวใจที่แท้จริงของคุณ
หาโอกาสในการชมพระอาทิตย์ขึ้น และ ตก
มองดูการก่อตัวของปุยเมฆ,
ตามหาดวงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน
เดินชมนกชมไม้และชื่นชมกับดอกไม้นานาพันธุ์
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นสรรพสิ่งที่มีความเจริญงอกงาม
และเป็นความเริงร่าของธรรมชาติ ดั่งของขวัญอันล้ำค่า
ที่พร้อมจะปรากฏให้คุณได้ชื่นชมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อคุณเริ่มทำตัวเป็นผู้สังเกตการณ์.

”ความสงบเงียบ”เป็นสิ่งที่คุณต้องการเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้
เพื่อเปิดทางให้ตัวตนที่สูงกว่าและคำแนะนำจากภายในคุณ
ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้แก่คุณ…
และด้วยวิธีการฝึกหายใจลึก ๆ แล้วกลั้นไว้สักครู่ จึงขับลมหายใจออก
จนรู้สึกได้ว่าพลังงานที่คั่งค้างทั้งหมดได้รับการปลดปล่อยออกไปหมดแล้วนั้น
ก็เป็นวิธีหนึ่งของการเติมพลังงานให้แก่ต้นธาตุจักระของคุณเช่นกัน…

ส่วนการเคลื่อนไหวให้มากในแต่ละวัน
เช่น…การเดิน…ก็เป็นการย้ายพลังงานในรูปแบบหนึ่ง
ที่สามารถทำให้ไม่เกิดการอุดตันและหย่อนยาน
หรือตึงเครียดในเส้นสาย(Meridians)ของคุณได้เหมือนกัน...

หรือการทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า ,โรงรถและพื้นที่อื่น ๆ ในบ้านของคุณ
หรือไม่ก็ขจัดสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ออกไปซะบ้าง
ซึ่งในการทำเช่นนี้ มันจะทำให้คุณรู้สึกโล่ง โปร่งสบาย
ทั้งยังเป็นการสะสมพลังงานของการสร้างสรรค์ในเชิงบวก
สู่ภายในตัวคุณเพิ่มขึ้นอีกด้วยนะ…

…ห้องใหม่ ,ร่างกายแข็งแรงกระฉับกระเฉงด้วยรูปลักษณ์ใหม่
และเติมพลังให้แก่จิตวิญญาณด้วยจิตที่สดใหม่
อึม…มันช่างเหมือนกับการได้เกิดใหม่เลยนะนี่…

เมื่อใดก็ตามที่แกนของโลกถูกเปิดใช้งาน
และสามารถยืนหยัดตั้งมั่นอยู่ได้ด้วยแสงสว่างที่ทรงพลังของจักรวาล
ที่อยู่ในระดับพลังงานที่แข็งแกร่งแล้วละก็…
เมื่อนั้น…คุณ… ก็จะทำการลำเลียงและเก็บพลังงานที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น
เพื่อนำมาขยายออกสู่โลกได้ทุกๆวัน…
เพราะนั่นคือ “หน้าที่ของคุณ”…

จะมีการปฏิบัติการเช่นนี้หลายๆครั้งต่อวัน
ด้วยความช่วยเหลือของผู้คนมากมายเกินกว่าที่คุณจะคาดคะเนได้
เพื่อทำให้พลังงานของโลกมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
และนั่นก็เท่ากับคุณได้มีส่วนช่วยให้โลกได้พลังงานเพิ่ม
จากจิตวิญญาณที่ค้ำจุนโลกด้วย”ความรัก”ที่สวยงาม
ด้วยการยกระดับและเพิ่มแสงสว่างอันบริสุทธิ์แก่จิตสำนึกของคุณ
ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกต้องการมากที่สุดในขณะนี้…
ส่วนตัวคุณเองก็จะค้นพบว่า…
ทุกความต้องการของคุณที่ยังติดขัดอยู่นั้น
บัดนี้…ภาพได้เริ่มคมชัดขึ้นจนคุณสังเกตุได้
และรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของ”การเป็นที่รัก”(You are loved)
ว่ามันมีค่าเกินกว่าที่จะวัดได้…จริงๆนะ...

โลกได้เคลื่อนย้าย ไปสู่ความมีโลกทัศน์ใหม่อย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังความรักของพระเป็นเจ้า
ซึ่งยังคงทวีความรุนแรงจากคลื่นความถี่ที่ส่งมา
แต่เมื่อผู้คนยังคงอยู่ในสภาพติดสุขอยู่อย่างนี้
ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าว
ให้พวกเขามารับรู้เรื่องราวที่พูดกันมานานแสนนานเหล่านี้ได้…
(เฮ้อ…ท่อนนี้สงสัยคุณ ฮิล...บ่นดังๆว่า เบื่อ ...=ผู้แปล)

โลกได้เคลื่อนสู่ยุคทองที่เผยถึงศักยภาพของความเป็นไปได้ในเชิงบวกที่ไร้ขีดจำกัดแล้ว
ดังนั้น…”หากมีสมาชิกคนใดในครอบครัว
ได้มีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นภายในแล้วละก็
ย่อมส่งผลให้ทุกคนในครอบครัวได้รับอานิสงฆ์นี้ด้วยเช่นกัน…”


Until next week…
I AM Hilarion

©2014 Marlene Swetlishoff/Tsu-tana (Soo-tam-ah) Keeper of the Symphonies of Grace
Permission is given to share this message as long as the message is posted in its entirety
and nothing has been changed, or altered in any way and Scribe's credit, copyright and websites are included.
WELCOME! - The Rainbow Scribe
MOVING INTO LUMINOSITY
Thank you for including the above website link when posting this message.

 

Nununo : ต้องขอบคุณคุณชยุตที่ช่วยเรียบเรียงให้ใหม่นะครับ ข้างล่างนี้จะเป็นที่เรียบเรียงใหม่โดยคุณชยุตนะครับ ขอบคุณครับ

With the energies of the March Equinox this year, you will begin to leave behind your recently turbulent times, and start exchanging them for a renewed sense of calm in your life. While the previous months may have been intense and difficult, you will soon find yourself inspired and invigorated ทำให้กระปี้กระเปร่า ทำให้มีชีวิตชีวา again by new ideas, and see how your plans will finally come to produce results.

ด้วยพลังงานต่างๆที่มาพร้อมกับช่วงเวลาแห่ง Equinox ในปีนี้ จะทำให้คุณเริ่มหลุดออกมาจากความสับสนอลหม่านต่างๆที่คุณเพิ่งเจอมาเมื่อเร็วๆนี้ได้ และจะทำให้คุณเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตัวเองให้เข้าสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่งได้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น มันอาจจะเป็นช่วงเวลาแห่งความเข้มข้นและยากลำบากสำหรับคุณ แต่อีกไม่นานนี้ คุณจะรู้สึกถึงความชุ่มชื่นและมีแรงบันดาลใจใหม่อีกครั้งหนึ่ง อันเกิดจากไอเดียใหม่ๆ และการเฝ้าคอยดูว่าสุดท้ายแล้วแผนงานต่างๆของคุณ จะประสบผลสำเร็จอย่างไร.

You are inaugurating เริ่มเป็นทางการ, เปิดฉาก a time when you will increasingly realize that all the sweat หยาดเหงื่อ and tears that you've put into your projects – and into your life – will have been worth your effort. Even more ยิ่งไปกว่านั้น, you will receive the necessary help and guidance you require to move forward in everything that you do.

คุณกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่คุณจะได้ประจักษ์ชัดมากขึ้นเรื่อยๆว่า ทุกๆหยาดเหงื่อและหยดน้ำตาที่คุณได้ทุ่มเทไปกับโปรเจ๊กท์ต่างๆของคุณ และกับชีวิตของคุณนั้น มันจะคุ้มค่ากับความพยายามของคุณมากเพียงไร ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังจะได้รับความช่วยเหลือที่จำเป็น และได้รับคำแนะนำที่คุณต้องการ เพื่อที่จะก้าวต่อไปในทุกๆสิ่งที่คุณทำอีกด้วย

One of the dominant themes of this March Equinox is about the unfortunate consequences ผลลัพธ์,ผลที่ตามมา,ผลที่เกิดขึ้นภายหลัง of living your life fearfully, under the authority of your ego, rather than living from a Soul-centered perspective. You will have a chance to observe how your ego compulsively binds you to the things you believe you want in order to be happy, but that nevertheless remain unfulfilled and unsatisfied.

สิ่งสำคัญหลักอย่างหนึ่งของ Equinox ในเดือนมีนาคมนี้ก็คือ ผลลัพธ์ด้านลบต่างๆ อันเป็นผลพวงมาจากการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความกลัวของคุณ และดำรงชีวิตอยู่ภายใต้แรงขับดันของอีโก้ของคุณ แทนที่จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยมุมมองที่ยึดเอาจิตวิญญาณเป็นหลัก ดังนั้น คุณจึงมีโอกาสที่จะได้สังเกตการณ์ดูว่า อีโก้ของคุณนั้น มันบีบบังคับคุณและผูกมัดคุณให้ยึดติดอยู่กับสิ่งที่คุณเชื่อว่า คือสิ่งที่คุณต้องการ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข แต่กระนั้น ก็ยังรู้สึกว่ายังเติมไม่เต็มและยังไม่พอใจอยู่ดี ได้อย่างไร

You will see how your fears of not having what you desperately need, or losing something you already possess that you believe you cannot live without, only fuel your unhappiness and sense of apprehension ความหวาดวิตก สับสน, ความหวาดหวั่น and threat while living in the world. You will have an important opportunity to see and understand how you let yourself be seduced ล่อลวงให้ไปเสียตัว,ดึงดูดใจ,ยั่ว-ยวนใจ by your uncontrolled mind, which tells you stories about your life that are not based upon truth, but reside only in ignorance.

และคุณจะได้เห็นว่า ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ได้ในสิ่งที่คุณโหยหามาครอบครอง หรือความกลัวที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียบางสิ่งที่คุณเคยเป็นเจ้าของไป และคิดว่าคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้นนั้น รั้งแต่จะเติมเชื้อไฟให้กับความทุกข์ และความหวาดวิตกของคุณให้มีมากขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง และยังเป็นภัยคุกคามคุณในขณะที่คุณอยู่บนโลกใบนี้อีกด้วย คุณจะมีโอกาสสำคัญที่จะได้เห็น และได้เข้าใจ ว่าตัวคุณเอง ยอมปล่อยให้จิตใจที่ขาดการควบคุมของตัวเองมาล่อลวงอยู่ได้อย่างไร ซึ่งมันคอยแต่จะป้อนเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณ ซึ่งไม่ใช่เรื่องราวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงเลย แต่มาจากความไม่รู้เท่านั้น มาให้กับคุณ

หมายเหตุ: ตรงท่อนภาษาอังกฤษที่เป็นตัวอักษรสีแดงข้างบนนี้ which ตรงต้นประโยค น่าจะหมายถึง mind มากกว่านะครับ เพราะคำว่า tells มีเติม s ด้วย ดังนั้น จึงน่าจะแปลออกมาได้ตามประโยคสีส้มนี้ครับ

Please understand that now is a good time to emerge from this place of darkness and illusion that overshadows your capacity to know joy, truth and light. You will have an opportunity to look at what pulls your focus away from your Soul's purpose for you. In fact, you may discover that the things you thought you needed, or wanted, or feared in life were actually distracting you from your Soul's purpose, and that now they no longer have the same hold on you as they did before. When you connect with your Soul's purpose, then you are lead by your intuition, and not by your fears, your wants, or your needs. This increases your clarity, and helps you get back to your core.

โปรดจงเข้าใจว่าตอนนี้คือโอกาสอันดีที่คุณจะได้โผล่พ้นออกมาจากความมืดและภาพลวงตาแล้ว ซึ่งมันได้บดบังรัศมีแห่งความสามารถของคุณ ในอันที่จะรับรู้ถึงความปิติสุข, ความจริงและแสงสว่างเอาไว้อยู่ คุณจะมีโอกาสได้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่มาดึงความสนใจของคุณไปจากเป้าหมายทางจิตวิญญาณของคุณ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คุณอาจจะได้พบว่าสิ่งที่คุณเคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณ หรือเป็นสิ่งที่คุณเคยต้องการ หรือเป็นสิ่งที่คุณเคยกลัวในชีวิตของคุณนั้น ล้วนเป็นสาเหตุให้วัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณของคุณไขว้เขวไปทั้งสิ้น และคุณก็จะได้พบว่า ตอนนี้ พวกมันทั้งหมดนั้น ไม่สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อคุณได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะว่าเมื่อใดที่คุณสามารถเชื่อมต่อกับวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณของตัวเองได้แล้ว เมื่อนั้นคุณก็จะใช้สัญชาตญาณหยั่งรู้ของตัวคุณเองเป็นผู้นำทาง ไม่ใช่ถูกชักนำโดยความกลัว หรือความอยาก หรือความจำเป็นต่างๆอีกต่อไปแล้ว มันจะช่วยให้คุณมีความกระจ่างชัดมากขึ้น และจะช่วยให้คุณกลับคืนไปสู่แก่นแท้แห่งความเป็นตัวตนของตัวคุณเองได้

หมายเหตุ: Soul = จิตวิญญาณ (จิตของวิญญาณ วิญญาณ หนะ ยิ่งใหญ่กว่าจิตวิญญาณครับ), Spirit = วิญญาณ, แต่ Spiritual กลับแปลว่า “ทางจิตวิญญาณ” นะ เพื่อจะได้เป็นที่เข้าใจกันในแบบภาษาไทยหนะครับ อิอิ

As you come to a greater understanding of your Soul's purpose, your life will become less complicated. And upon entering this simpler place, you will be better able to witness and acknowledge the guiding force behind your happiness, no matter what your perceived successes or failures may be.

และเมื่อใดที่คุณมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณของตัวเองมากขึ้นแล้ว ชีวิตของคุณก็จะมีความยุ่งยากน้อยลง และเพราะว่าชีวิตมีความราบรื่นมากขึ้นกว่าเดิมนี้เอง คุณจึงจะสามารถคอยเฝ้าดู และ คอยตอบรับ แรงพลังที่เป็นผู้ชี้นำทางและอยู่เบื้องหลังความสุขของคุณได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย ไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่ว่านั้นจะคืออะไรก็ตาม

Acknowledge and understand that listening to your inner voice guides you in the right direction, and when you give it the opportunity to take the lead in the decisions you are making, you will have a truly liberating ปลดปล่อย,ปลดเปลื้อง,ทำให้มีเสรีภาพ experience, and you should soon feel a sense of victory and triumph ชัยชนะ,การฉลองชัย in your life.

จงยอมรับและจงเข้าใจว่าการรับฟังเสียงจากภายในของตัวคุณเอง จะนำคุณไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องเสมอ และเมื่อคุณเปิดโอกาสให้มันมาทำหน้าที่เป็นผู้นำในการตัดสินใจเช่นนี้แล้ว คุณก็จะได้พบกับประสบการณ์แห่งความมีเสรีภาพอย่างแท้จริง แล้วอีกไม่นาน คุณก็น่าจะรู้สึกถึงการมีชัยชนะในชีวิตของตัวเองตามมาอีกด้วย

The guidance that your inner voice is offering will be a source of joy, warmth and emotional grounding มั่นคงหนักแน่น, that will lead you to a certain comfort and stability during the next months. This will bring with it a feeling of being home and happy with your life.

การชี้นำทางที่เสียงจากภายในของตัวคุณเองกำลังมอบให้อยู่นี้ จะออกมาในรูปแบบของความปิติสุข, ความอบอุ่น และความหนักแน่นมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งจะนำพาคุณไปสู่ความสะดวกสบายและความมีเสถียรภาพในระดับใดระดับหนึ่ง ในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ไป และสิ่งที่จะมาพร้อมกันกับมันก็คือ ความรู้สึกของการได้อยู่บ้าน และความรู้สึกเป็นสุขกับชีวิตของตัวคุณเอง

If you are experiencing any loss at this time, it will only be temporary; and in the end, it will only be seen as a “letting go” of old ways that just weren't working out for you in your life. What needs to be completed and released will finally become obvious to you, and you will understand that through this release you can place greater value on yourself and upon your heart.

ถ้าในช่วงเวลานี้คุณกำลังประสบกับการสูญเสียอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่หละก็ มันก็จะเป็นการสูญเสียเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว มันก็จะถูกมองว่าเป็นการ "ปลดปล่อยสิ่งเก่าๆออกไป" เท่านั้นเอง เพราะว่าวิถีเก่าๆเหล่านั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตของคุณอีกต่อไปแล้ว และเพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่จำเป็นจะต้องเสร็จสิ้นลง และสิ่งใดก็ตามที่จำเป็นจะต้องถูกปลดปล่อยออกไป ก็จะโผล่ขึ้นมาให้คุณได้เห็นอย่างชัดเจน และคุณก็จะได้เข้าใจว่า ด้วยการปลดปล่อยดังกล่าวนี้ คุณจะสามารถนำเอาสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่ามาใส่ไว้ในชีวิตและในหัวใจของตัวเองแทนได้

You are on the verge ใกล้จะ ขอบ of finding new hope and understanding about what your life has to offer you, and any lingering ยังเหลืออยู่ grief about your past regrets will soon be gone. But even with this optimistic outlook, you will still need to watch out for any tendency to hold onto the past by dwelling upon your doubts or needing to blame yourself for any missed opportunities or any past disappointments.

คุณกำลังอยู่ตรงจุดที่ใกล้จะได้พบกับความหวังใหม่แล้ว และคุณก็กำลังอยู่ตรงจุดที่ใกล้จะได้เข้าใจแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่ชีวิตจะต้องนำเสนอมาให้กับคุณ และคุณก็ยังอยู่ตรงจุดที่ความเศร้าใจเสียใจที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกผิดเมื่อครั้งในอดีต ที่ยังหลงเหลืออยู่ของคุณ ใกล้จะจากไปแล้วในเร็วๆนี้อีกด้วย แต่ว่า..ถึงแม้ว่าคุณจะมีทัศนคติในการมองโลกในแง่ดีแบบนี้แล้วก็ตาม คุณก็ยังจำเป็นจะต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ตัวเองมีแนวโน้มใดๆที่จะไปยึดติดอยู่กับอดีตอีก เช่น โดยการไปจมอยู่กับความลังเลสงสัยของตัวเอง หรือ โดยการเฝ้าโทษตัวเองที่ได้เคยพลาดโอกาสต่างๆไป หรือ ที่ได้เคยผิดหวังมา เมื่อครั้งในอดีต

Once you let yourself be free, you will be able to move through the next months with courage. And if your fears should show themselves again, you will know that you can still หยุดนิ่ง them by staying focused upon a path that is aligned with your Soul's purpose. Know that your rewards will be great, if you do.

และเมื่อใดที่คุณสามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้แล้ว คุณก็จะสามารถเคลื่อนผ่านเดือนหลายเดือนต่อจากนี้ไปได้อย่างกล้าหาญ แต่ถ้าหากว่า ความกลัวของคุณกลับปรากฎขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งหละก็ คุณก็จะรู้ว่า คุณสามารถที่จะหยุดพวกมันได้ ด้วยการมั่นคงจดจ่ออยู่กับเส้นทางสายใดสายหนึ่ง ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณของตัวคุณเอง และ โปรดจงรู้ไว้เถิดว่า ถ้าคุณทำเช่นนั้นแล้ว รางวัลชีวิตของคุณนั้น จะยิ่งใหญ่งดงาม

If you encounter doubts or fears along the way, let them serve you only as reminders of what you have released. Allow them instead to motivate you and keep you on the right track. Allow them to remind you only about what is true and real for you. Not about what is false, fearful and unreal, when your life doesn't seem to be working as smoothly as you would like it to be.
Remember to observe your fear this way, but to always follow your truth-inspired intuition. This will allow you to anticipate ลงมือกระทำล่วงหน้า คาดหวัง the important events that are coming into your life, without being worried about them, and make it easier for you to move forward.
ถ้าคุณได้เผชิญกับความลังเลสงสัย หรือความกลัวต่างๆในระหว่างเส้นทางสายนี้ ก็จงยินยอมให้พวกมันมารับใช้คุณ ในฐานะของเครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่คุณได้ปลดปล่อยไปแล้ว เท่านั้นก็พอ และจงใช้พวกมันเป็นตัวสร้างแรงผลักดันให้กับตัวคุณเองแทน และจงใช้พวกมันเพื่อทำให้คุณได้ไปอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแทน จงยินยอมให้พวกมันมาช่วยเตือนสติคุณ ให้คุณระลึกได้ว่า อะไรคือสัจธรรมและความจริงสำหรับคุณเท่านั้นก็พอ แต่จงอย่ายอมให้พวกมัน มาทำให้คุณระลึกถึงสิ่งที่เป็นเท็จ, ความกลัว และ ความไม่จริงได้ และจงอย่ายอมให้พวกมัน มาทำให้คุณระลึกถึงช่วงเวลาที่ชีวิตของคุณดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปอย่างราบรื่นตามที่คุณคาดหวังได้
โปรดอย่าลืมสังเกตการณ์ดูความกลัวด้วยวิธีการนี้ แต่ก็จงเชื่อในสัญชาตญาณหยั่งรู้ที่จะบอกแต่ความจริงเท่านั้น ของตัวคุณเองเสมอด้วย ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้ มันจะทำให้คุณสามารถคาดหวังถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่กำลังจะเข้ามาสู่ชีวิตของคุณได้ โดยปราศจากความกังวลเกี่ยวกับมัน และจะทำให้คุณสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ่น

Indeed, I AM Saint-Germain.

Would you like to know your Soul's plan and purpose in 2014?
We are offering to you important channeled guidance from Saint-Germain about your Soul’s purpose in 2014.

 

Understanding 5D | The Galactic Free Press
Submitted by will on Sun, 03/16/2014 - 10:08

Understanding 5D
ผู้แปล: อจิตตะ

ก่อนอื่นฉันจะขออธิบาย ในเรื่องที่ ไม่ควรทำเกี่ยวกับ 5D…สักหน่อยนะ
… 5D ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเข้าใจได้โดยผ่านการศึกษาหาความรู้
หรือผ่านทางกายภาพด้วยระบบประสาทสัมผัสของ รูป รส กลิ่น เสียง หรือ การมองเห็น
ดังนั้น…นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่แม้แต่จะเริ่มต้นทำความเข้าใจใน 5D…ก็ยากแล้ว

มนุษย์มีทัศนวิสัยในการมองเห็น
ที่สามารถใช้งานได้ดีในขอบเขตทางกายภาพ ,
แต่มันกลับกลายเป็นเครื่องกีดขวางสำหรับ 5D ไปซะนี่
เพราะไม่ว่ากระบวนการจินตนาการของคุณจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใด
แต่จะไม่เกิดผลอะไรเลยกับความพยายามที่จะใช้การจินตนาการกับ 5D

เพราะ5D ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยจิตใจที่ยังคงอยู่ในสภาวะคับแคบ
และถึงแม้ว่า 5D จะรับรู้ได้โดยผ่านสติ สัมปชัญญะด้วยก็เถอะ
แต่จิตใจที่คับแคบคือจิตที่ถูกจำกัดให้อยู่แค่ 4D เท่านั้น
เพราะนั่นคือคุณลักษณะของตัว 4D เอง...
และมันก็ไม่สามารถจะไปไกลเกินกว่านั้นได้

ทั้ง 5D ก็ไม่สามารถเก็บไว้ในความทรงจำได้
เนื่องด้วยความทรงจำที่มีต่อประสบการณ์นั้น
ก็ยังเป็นคงเป็นผลงานของ 4D อยู่นั่นเอง...
ซึ่งในการเชื่อมโยงกับ 5D นั้น
จะต้องเป็นความรู้สึกที่แท้จริงกับการอยู่กับ”ปัจจุบันขณะ”
ซึ่งความรู้สึกนั้นก็จะส่งผลถึงกล่องเก็บความทรงจำเบาบางมากๆ…

มีผู้สื่อข้อความ (Channelers) หลายคน(ส่วนหนึ่งคือ 4D)
ที่สับสนกับดินแดนสวรรค์ ( 5D )
คล้ายกับว่าดวงดาวที่สื่อผ่านเขาเหล่านั้น
ได้สร้าง”สวรรค์”ให้เป็นอาณาจักรและเป็นศาสนา
เพื่อตอบสนองให้แก่ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องเหล่านี้
หรือสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นเพื่อให้เหมือนที่ Akashic records ได้บันทึกไว้
(Akashic records คือ บันทึกเก่าแก่ที่กล่าวถึงความลึกลับของ มนุษย์ พระเจ้า สวรรค์ ฯ=ผู้แปล)

ซึ่งถ้ามันยังมีเรื่องของดินแดน หรือ ตัวตนที่ยังมิได้ถูกจัดการออกไป
และยังมีจิตที่ติดสุขอยู่ละก็...นั่นต้องไม่ใช่ 5D อย่างแน่นอน…

แล้วถ้างั้น 5D คืออะไร?...
5D ไม่ใช่ทั้ง “อะไร” หรือ “ที่ไหน”
5D ไม่ใช่สิ่งของ… และฉันก็ไม่แนะนำให้มอง 5D เป็นแบบนั้นด้วยนะ…
5D อยู่เหนือกาลเวลาและความว่าง…
ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเข้าใจ
สำหรับมนุษย์ ผู้ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ต่อสรรพสิ่ง
โดยมีข้อกำหนดในเรื่องของเวลาและความว่าง

ฉันได้พยายามที่จะอธิบายเรื่อง 5D ที่เกี่ยวกับเวลาและความว่างนี้
(และ ในเรื่องของความเป็นคู่ )ด้วยการใช้คำพูดธรรมดา ๆ ที่สุด…
ดังนั้น…ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ…
หากจะมีการเข้าใจผิดพลาดไปบ้าง
กับความพยายามของฉันที่จะอธิบายในเรื่อง 5D …
ยังไง ๆ ก็ระมัดระวังและพิจารณากันให้ดีด้วยละกัน...
ก็อย่าเถรตรงเกินไปนักกับสิ่งที่ฉันพูด...

...เราได้พูดถึง”ความรัก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ
แต่ดูเหมือนมันยังไม่มากพอและยังให้เหตุผลไม่เพียงพอ
ที่จะทำให้ใครหลายยอมรับได้ว่า
เรื่องนอกเหตุเหนือผล เช่นความรักที่ปราศจากเงื่อนไข(Unconditional Love)
จะเป็น “ความรัก" ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ 5D ได้...
“ความรักที่แท้จริงนั้นมันลุ่มลึกนัก” (True Love is a deep)
และจุดเริ่มต้นของการที่จะเข้าใจใน 5D ได้ก็คือ
“ต้องเชื่อมโยงจิตทุกดวงที่อยู่ภายในให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว”...เท่านั้น
หรือที่พูดกันมากในเรื่องความแตกต่างของคำว่า...
”เป็นอยู่”กับ”ทำอยู่” (Being and Doing)
ซึ่ง 5D คือ “เป็นอยู่” (Being)…เท่านั้น...

5D ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยจิตใจ
แต่จะรับรู้ได้โดยผ่านจิตวิญญาณ
และใช้ความคิดน้อยที่สุดและรับรู้ (รู้สึก) ได้มากที่สุด
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่จิตสงบ… คุณจึงจะสัมผัสถึง 5D ได้
เพราะ5D ไม่ได้แยกจากคุณเลย
และมันก็ไม่ได้เป็นบางสิ่งที่สมบูรณ์
หรือเป็นมิติที่แตกต่างกันเกินกว่าที่คุณจะสมควรได้รับ...
5D …แทรกอยู่ในธรรมชาติของความตระหนักรู้ในหลากหลายมิติของคุณอยู่แล้ว
และ5D ก็ได้เชื่อมโยงผ่านจิตวิญญาณสู่ก้นบึ้งภายในตัวคุณอยู่แล้วด้วย…
ซึ่งนั่นก็เท่ากับคุณสามารถนำเสถียรภาพและความสุขสงบที่ 5D มีให้…
ไปใช้ในทุกแง่มุมของชีวิตคุณได้ทันที...

The Galactic Free Press...
No copyright, share/edit freely

***ความเห็นของผู้แปล...
5D ของผู้พูดนั้นอยู่เหนือกาลเวลา เหนือความเป็นคู่ เหนือคำว่ามีและไม่มี...
ส่วนคำว่า “Being & Doing”
ใจจริงอยากใช้คำว่า “มันเป็นอยู่ของมันอย่างนั้น”กับ
“มันทำอยู่ของมันอย่างนั้น” แต่ดูยาวไป...
จึงจำกัดคำไว้แค่นั้นดูจะดีกว่า...

ส่วนเรื่องของคุณลักษณะและระดับต่าง ๆของ 4D และ 5D ....
(จำได้ว่าคุณชยุตเคยแปลไว้ แต่หาไงก็ไม่เจอ)
งั้นเดี๋ยวรอคุณชยุตนำลิงค์มาแปะละกันนะ...

 

อยู่นี่ครับ

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ๆ-และ-โลกคู่ขนาน-มิติคู่ขนาน-และอื่นๆ.492683/

...............................