ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

มีภาพละอองหมอกสีขาว -ละอองหมอกสีดำ -พระอาทิตย์ (ส. 24 ม.ค. เวลา 08.35 น.) มาฝาก แต่คงจะลงได้วันอังคาร ที่ 27 ม.ค.52
เมื่อกลับจากราชการต่างจังหวัดแล้ว
....เป็นภาพที่จะบอกให้ทราบว่า มีความเปลี่ยนแปลงแปลกใหม่เพื่มขึ้น พอดูอยู่พักหนึ่ง จึงเข้าใจ คำว่า "กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยฯ" เป็นรูปธรรมขึ้น ผ่านมา 2 วัน จากการเงยหน้าขึ้นมอง กลุ่มละอองสีดำที่เกืด ทั้งช่วง เช้า บ่าย ค่ำ 2 วัน (เสาร์-อาทิตย์) แน่ใจว่า มีความผิดปกติ เพราะ จะรู้สึก ปวดแสบตามาก จนทนไม่ได้ มองอยู่ได้ไม่นาน (2-3 นาที) ทั้งกลางวันกลางคืน (คืนวันเสาร์)
....และเช้าวันนี้ เขาก็มาเตือนอย่างเป็นรูปธรรมอีกเช่นกัน จาก ยานบิน ที่ทิ้งหางคล้ายไอพ่น ระยะทางยาวมาก และ มีคลื่นมาบอกว่า "มาเตือน" หลังจากนั้น เกือบ ครึ่งชั่วโมง ก็เห็นเมฆแผ่นดินไหว เต็มท้องฟ้า (ปกติก็เห็นบ่อยอยู่แล้ว อีกทั้งท้องฟ้าแดงโร่ ตอนกลางคืน ...แต่ไม่รู้ว่า ครั้งนี้มีอะไรพิเศษ หรือเปล่า) สงสัยว่า "ละอองดำ" ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นี้ "จะมีพิษ" ...ลุกกะตา จึงปวดแสบปวดร้อน นกบินอยู่ยังเมาหัวทิ่มพยุงตัวอยู่บนท้องฟ้า ตีลังกาไปมา น่าสงสารมาก...
อีกอย่าง ......เครื่องบินประหลาด ก็บินกันอย่างประหลาดจริง ๆ ...ทั้งเสียง ...ทั้งภาพ ...ทั้งชนิดของเครื่องยานบิน ที่ใช้ช่วงนี้

เชื่อแล้วว่า "เขามาช่วยเหลือประเทศไทยจริง ๆ
และการที่ มนุษย์ ทำลาย ธรรมชาติ และสมดุลย์ ของ จักรวาล ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่วหน้า ...หากเขาไม่มาช่วย จะยิ่งทำให้สมดุลย์ ของธรรมชาติ และระบบต่าง ๆ ใน จักรวาล วิกฤตยิ่งขึ้น "

นี่คือ ความจริง ที่เกิดขึ้น และ ถ้าใช้หลัก "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" รักเพื่อนมนุษย์ และรักทุกสรรพสิ่ง ที่อยู่ร่วมจักรวาล ก็คง ไม่เกิดช่องโหว่ ทั้ง.....จากพื้นพิภพ และ ชั้นบรรยากาศ มากมายอย่างนี้.

 

ขอต้อนรับคุณ โออิชิ จริงๆๆน่ะ ครับ
;aa37<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1826981", true); </SCRIPT>

 

รอชมภาพของพี่เทพกัญญา ครับ

 

รอชมภาพของพี่เทพกัญญา ครับ
MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1827779", true); </SCRIPT>

เมื่อครู่นี้ ลองเปิดดู แล้ว (เพิ่งซื้อสาย Data link มา) แต่มีปัญหาเรื่องการจะบันทึกส่ง เลยคง ต้องรอวันอังคาร ตามเดิม เพราะ วันจันทร์ ไปชลบุรี แต่เช้า - กลับดึก

ภาพออกมาแปลกอธิบายไม่ถูกเลย คนถ่ายก็....งง คล้าย ๆ เหตุการณ์ที่ เขากะลา สงสัย อาจมีผู้ช่วยถ่าย หรือ จัดภาพให้ ตอนถ่าย สามีมายืนข้าง ๆ ดูท้องฟ้า ในเช้าวันนั้นแล้ว อึ้ง ๆ ทั้งสองคน ภาพออกมาเหมือนการถ่ายด้วยจิต มากกว่าจะเป็นถ่ายด้วยกล้อง
(ไม่รู้กล้องผิดปกตื หรือเปล่า) สงสัย ว่า ....คงเป็นงานหนึ่งที่ต้องทำ นั่น คือ ประสานงานเพื่อการเตือนภัยฯ

เรียนเชิญทุกท่าน.... ฟังเรื่อง ต่างดาว ของ พระอาจารย์ สิงห์ทน วันศุกร์ ที่ 30 ม.ค. 52 ที่ In house และ พบ คุณ SApa ช่วงบ่าย

 

สองวันที่ผ่านมานี้ มีสิ่งเข้ามากระทบ ทำให้เกิดความรู้สึกเดิมๆ
เช่นได้ยินได้ฟัง ก็เกิดการปรุงแต่งว่า ไม่ชอบไม่พอใจ
ซึ่งเป็นการปรุงแต่งของจิตเอง ผ่านขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่ได้เกี่ยวข้องเลย
ขันธ์ห้า มันทำหน้าที่ดำเนินไปตามกลไกของมันอย่างนั้นเองเป็นปกติมานาน

จึงต้องดึงจิตตัวรู้ด้วยปัญญา ออกมาสกัด
ด้วยวิธี รู้ให้ทัน ว่าให้แรง
ว่ามันไปเลย ว่า มาอีกแล้ว ปรุงแต่งอีกแล้ว ฟุ้งซ่านไปในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่โกรธ ไม่โมโห อีกแล้ว ไม่ขอติดกับดักแกอีกแล้ว ขอออกจากกรรมที่เคยทำมาแล้วซ้ำซาก ไม่เกิดประโยชน์ในการนำพาชีวิตให้พ้นจากทุกข์ได้เลย

การกระทำ ที่เกิดจากจิตตัวรู้ แต่ยังขาดปัญญา ที่เราเคยทำมาแล้วจนช่ำชอง ทำให้จิตขุ่นข้องหมองใจ มีอารมณ์คล้อยตามไปกับการปรุงแต่งผ่านกลไกขันธ์ห้า เกิดความพอใจ ไม่พอใจ รักคนโน้น เกลียดคนนี้ ติดฝังอยู่ในจิตที่ขาดปัญญา จึงต้องขวนขวาย หาจิตที่อุดมปัญญา เข้ามาเป็นเพื่อน เพื่อร่วมด้วยช่วยแก้ไข

ถ้าเรายังขาดการขวนขวาย ศึกษาตามหาจิตที่อุดมปัญญาแล้ว
ชีวิตเราก็จะจมอยู่กับจิตที่ขาดปัญญา จิตที่หาความหมายของตัวตน เราเขา ไม่เจอ


ตรุษจีนปีนี้ ขอให้ทุกท่าน ได้ค้นพบ จิตที่อุดมไปด้วยปัญญา
กันทุกท่านเทอญ

 

ขออนุโมทนาครับ

 

รอชมด้วยครับ

 

พี่เมาท์ต้องชี้แนะอีกแล้วครับ....
...จิตปรุงแต่ง...คิดว่าเข้าใจครับ
...จิตตัวรู้ด้วยปัญญา...ถ้าเป็นสิ่งเดียวกับ "ตัวรู้" ก็คิดว่าเข้าใจครับ
...จิตที่อุดมไปด้วยปัญญา...ถ้าความหมายใกล้เคียงกับ "ตรัสรู้" ก็ยังคิดว่าพอเข้าใจครับ (เป็นความเข้าใจแบบ คิด เทียบเคียง)

จิตที่ว่านี้ ถ้ามันยังไม่เคยเกิด ยังไม่เคยรู้สึก หรือรับรู้ หมายถึงปัจจุบันนี้ จะทำให้เกิดได้อย่างไร
จิตที่ว่านี้ ถ้าเคยเกิด เคย รับรู้ว่ามีอยู่ แต่ว่าไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จะทำให้เกิดต่อเนื่องได้อย่างไร

 

เมื่อเช้าวันอาทิตย์ Joypor เห็นเมฆแผ่นดินไหวกระจายเต็มท้องฟ้าเหมือนกัน ในช่วงเดือนมกราคม ในบางคืนก็ได้ยินเสียงบอกเรื่องแผ่นดินไหวเหมือนกัน ในใจก็คิดว่าเราคงคิดมาก กังวลมาก แต่ทุกครั้งทีมีเสียงบอกก็เกิดขึ้นจริงๆ
คงต้องฝึกเตรียมจิตให้มากขึ้นแล้วคะ

 

เห็นพี่สุดใจเงียบไปนาน ไม่ทราบทำภาระกิจอะไรอยู่ จะกรุณาเพิ่มเติม "ขยายระบบ" สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ไปเชื่อมระบบ รวมทั้งผู้อาวุโส และท่านอื่นๆด้วยนะครับ

 

ดีนะครับ พอหมดกิจกรรม ว่างๆ เราก็มาสนทนาธรรมกัน ก็ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยจริงๆ เลยนะครับ อาจจะเป็นสิ่งที่น่าแปลกสำหรับหลายๆ ท่านที่เพิ่งได้เข้ามาพบเจอกระทู้นี้ก็คือ กระทู้นี้มันน่าจะเป็นเรื่องราวหลุดโลกที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวซะละมากกว่า แต่พออ่านไปอ่านมากลับกลายเป็นเรื่องพ้นโลกคือโลกุตรธรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่มีค่าและประเสริฐที่สุดสำหรับมนุษย์เราที่ได้เกิดกันมาแล้ว ก็คงมีแต่สิ่งนี้แหละครับ พระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่รู้แจ้งทั่วทั้งโลกธาตุ ต่างก็ทรงนำธรรมเพื่อการดับทุกข์ โดยมีที่สุดคือการหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ มาตรัสสอนเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายอย่างเหมือนๆ กันโดยทุกพระองค์
<O</O
มนุษย์ต่างดาวซึ่งก็คาดว่าเขาจะมีอายุราวๆ ปู่ย่าตาทวดของเรา ถึงแม้ว่าเขาจะมีเทคโนโลยี และมีปัญญาที่สูงกว่าเรามากแล้วนั้น การที่เขาเตรียมการเพื่อที่จะมาช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติในโลกของเรา และฝึกบุคคลที่จะต้องเป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนี้ เขาก็ยังไม่ได้มาฝึกไม่ได้มาสอนเรื่องอะไรอื่นเลย นอกเสียจากมาฝึกมาสอนให้ผู้ที่จะต้องทำงานทั้งหลายได้รู้ธรรมะ ให้ปฏิบัติธรรม ซึ่งก็ไม่ได้สอนให้ฝึกจิตนะครับ แต่เน้นที่การปล่อยวาง ปล่อยวางจากตัวตน ของตน จากขันธ์ทั้งห้า แม้แต่คำว่า “จิต” ก็ยังไม่อยากจะให้เรียกกันว่าจิตกัน เพราะเกรงว่าเดี๋ยวนักเรียนจะไปเห็นว่าจิตเป็นตัวเป็นตน หรือเป็นดวง เป็นกลุ่ม เป็นก้อน เป็นพลังงานอะไรต่อมิอะไรต่อไปกันอีก
<O</O</O
ก็อย่างที่พี่สุดใจเคยกล่าวไว้ในกระทู้นี้(รึเปล่าผมก็จำไม่ได้) แล้วว่า ขันธ์ทั้งห้าก็เปรียบเสมือนนิ้วมือทั้งห้า ที่เวลาไปหยิบจับสิ่งของ ก็จะใช้นิ้วมือทั้งห้าหยิบจับสิ่งของนั้น หรือแม้แต่เอานิ้วไม่กี่นิ้วไปเกี่ยวเกาะ สิ่งของนั้นก็ติดมือเราไปได้ พอบอกให้ปล่อยวางสิ่งของนั้นก็ไม่ยอมหลุดจากมือซักที เพราะว่าไม่ได้วางทั้ง 5 นิ้ว ซึ่งก็คงเป็นเพราะมีนิ้วไหนนิ้วนึง หรือหลายนิ้วไปเกาะเกี่ยวมันอยู่
<O</O</O
การปล่อยวางขันธ์ห้าก็เช่นกัน เราก็ต้องเข้าใจว่าขันธ์ทั้งห้านั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ต้องทำความรู้จักกับมัน และเข้าใจกลไกการทำงานของมัน เช่น มานั่งนับเงินอยู่ที่บ้านแล้วก็คิดว่าตรุษจีนปีนี้มีเงินเยอะแยะจังเลย เอาไปซื้อเพชรซื้อทองก็แล้ว ซื้อที่ดินก็แล้ว เงินก็ยังไม่ยุบเลย เครียดๆๆ จะฆ่าตัวตายซะดีมั๊ยเนี่ย! อะไรอย่างนี้เป็นต้น
<O</O</O
จากตัวอย่างนี้เราลองมาดูกันว่ามีอะไรของขันธ์ห้ามันกำลังทำงานของมันอยู่บ้าง โดยเรียงลำดับตามกลไกการทำงานของมันดังนี้ คือ<O</O

รูป ได้แก่ มือของเราที่ใช้นับเงิน<O</O

วิญญาณ ได้แก่ การรับรู้ทางมือสัมผัส คือกายวิญญาณ, ตามองเห็นเงิน คือ จักขุวิญญาณ<O</O

สัญญา ได้แก่ จำได้ว่านี่คือเงิน จำได้ว่าการบวก ลบ คูณ หารเลข มันทำยังไงฯลฯ<O</O

สังขาร ได้แก่ ความคิดปรุงแต่งว่าจะทำอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับเงินพวกนี้ดี<O</O

เวทนา ได้แก่ ถ้าพอใจชอบใจก็รู้สึกยินดี หรือเฉยๆ หรือถ้าไม่ชอบใจก็รู้สึกเป็นทุกข์<O</O

ตัวรู้ หรือธาตุรู้เท่านั้นเองที่พอมันไปตามรู้เข้า ก็ไปยึด ไปจับ ไปร่วมหัวจมท้ายด้วย ว่าทั้งหมดนี่แหละคือของๆ เรา คือตัวตนของเรา และคือเรา ซึ่งก็คือคำว่า “อุปปาทานขันธ์ห้า” นั่นเอง
<O</O</O
เห็นไหมล่ะครับว่าถ้าเข้าใจกลไกการทำงานของขันธ์ห้าจริงๆ แล้ว เราก็จะมีสามารถที่จะค่อยๆ ง้าง ค่อยๆ ปล่อยนิ้วมือทั้ง 5 ของเราที่เห็นว่าจับ ถือ เกาะ เกี่ยวสิ่งของต่างๆ ให้หลุดร่วงลงจากมือทั้งมือของเราไปได้ในอีกซักวันข้างหน้านี้ได้อย่างแน่นอนครับ
<O</O</O
สุขสันต์วันปีใหม่จีนครับ

แต่เมื่อเห็นว่าเงินทองไม่ใช่ของๆ เราวันใดแล้ว เอามาให้ผมก็ได้นะครับ.. <O</O

 

ขอบคุณ คุณno.9 ครับ เผื่อมีใครเพิ่งเข้ามาอ่านจะได้ชัดเจนกับเป้าหมายหลัก และสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวสอน นั่นก็คือ การ ลด ละ เลิก พิจารณาเพื่อปล่อยวางขันธ์ 5 ให้ได้ ซึ่งผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากทำได้จริง จะเป็นประโยชน์ตน แม้ภัยพิบัติอาจถูกเลื่อนไป ประโยชน์ตรงนี้ก็ไม่ได้สูญหายไปไหน

 

คุณ ceta64 เข้าใจได้ถูกต้องแล้วครับ

จริงๆแล้วจิตที่ว่ามันยังไม่เคยเกิด ยังไม่เคยรู้สึก หรือรับรู้ หมายถึงปัจจุบันนี้ หรืออาจเคยเกิดมาแล้ว แต่ไม่รู้ไปไหนแล้ว
มันก็ยังคงมีอยู่ แต่กำลังจิตของมันยังไม่เพียงพอ จึงต้องหมั่นป้อนความรู้ที่ถูกต้อง ถูกตรง ให้มันเสมอๆ จนเกิดกำลัง เป็นวิถีจิตที่มีปัญญาแรงกล้า เมื่อนั้นจิตที่ขาดปัญญา ก็จะอ่อนแรงไปเพราะถูกจิตที่มีปัญญากว่ากลบทับไม่ให้ฟื้นกลับคืนมาอีก

เราจำเป็นต้อง เอาจิต มาเกี่ยวข้อง ดูเหมือนไปยึดติดกับจิต
แต่ความเป็จจริงแล้ว เป็นเพียงการสร้างสมมุติขึ้นมา เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ใช้สมมุติให้เป็นประโยชน์ และในที่สุด ต้องปล่อยวางสมมุติครับ.

 

คุณmead ถ้าไม่รบกวน ขออีเมลหน่อยได้ม่ะคับ

อยากคุยกะพี่มากเลย

 

เมื่อวานนี้ยังคิดถึงท่านอาวุโส โนนาย อยู่เลย วันนี้มาปรากฎตัวในกระทู้นี้ ก็ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่เข้ามาให้ธรรมะ แก่พวกเด็กๆ อย่างป้า และพวกเรา เท่าที่เคยสนทนากับท่านอาวุโส โนนาย แล้ว ก็ต้องขอบอกว่า ท่านเป็นปรมาจารย์อีกท่านหนึ่งที่รู้เรื่อง ขันธ์ ๕ อยากแตกฉาน ฉะนั้นไปเมืองไทยคราวนี้ขอฟังเรื่อง ขันธ์ ๕ ซ้ำอีกสักครั้งนะคะ

 

............ตั้งใจจะส่งก่อนอังคาร แต่ส่งเสร็จ ตี 1 พอดี (เวลา หน้าจอ) ส่งภาพให้ดูเพียง 5 รูป มีทั้งหมด....11 รูป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็น 11 นอกจากนี้ ....มีเรื่องบังเอิญ ที่ไม่ใช่บังเอิญอีก พบ ดร.เทพพนม ในงานที่ไปราชการ มาร่วมงานเดืยวกันซะงั้น

เลยได้อะไรมากมาย...ซึ่งทำให้อะไร ๆ เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ ได้เทคนิค..จากอาจารย์ ต่อไป ต้องฝึกถ่ายรูป และ ทำคอม ฯ ให้มาก ทุกอย่างจะได้เป็นหลักฐาน พอย้อนมาดูภาพที่ถ่ายเล่น ๆ เมื่อปลายปี 51 ยิ่งน่าสนใจ ไม่รู้ว่าเป็นที่กล้องหรือเปล่า

ถ้างานไม่ยุ่งเกินไป....บ่าย ๆ วันอังคาร อาจจะได้เห็นภาพ แปลก ๆ ของ "สุริยุปราคา" ตอนหันไปเห็น (17.10 โดยประมาณ) ยืนดูอยู่พักหนึ่ง เพราะ .....งง ว่า ทำไม พระอาทิตย์ จึงแหว่งไป เหมือน โดยงับ ....กว่าจะรู้ตัวก็เกือบสาย รีบเอาโทรศัพท์..มาถ่ายได้มาหลายรูป แต่ อนิจจา... ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พระอาทิตย์ อยู่ครบ ทั้ง ๆ ที่ ตลอดเวลาที่ถ่ายรูป พระอาทิตย์แหว่งจริง ๆ และแหว่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเกินที่แถมมา .....กลับหาคำอธิบายไม่ได้ แต่ตกลงกับ ดร.เทพพนม ไว้ว่า จะส่งภาพ พระจันทร์ รูปจานบิน + จานดาวเทียมสีแดง ที่เขากะลา ไปให้วิเคราะห์ และงานนี้ คงต้องส่งภาพ ให้อาจารย์ วิเคราะห์ พระอาทิตย์ เพิ่มขึ้น (พูดถึง ตรงนี้ ชัก...ยังไง ๆ อยู่ เอะ/. ทำไม ต้องเป็น พระอาทิตย์ และพระจันทร์ ด้วยหว่า)

ส่วนที่แถมมา ก็เหมือน รูปพระจันทร์ ที่เขากะลา นั่นแหละ "จานดาวเทียมสีแดง" แต่งานนี้ขัดเจนกว่า

อ้อ/. คลื่นพลังงาน จากสนามแม่เหล็กของโลก ในค่ำวันจันทร์ ที่ 26 ม.ค. 52 แรงมาก ไม่รู้เกี่ยวกับ สุริยุปราคาหรือเปล่า ยิ่งถ้านอนบนพื้นหญ้า จะสัมผัสได้ชัดเจนมาก(ปูเสื่อก่อนน๊ะจ๊ะ) ให้เอาศรีษะไปทิศเหนือ จิตไว้ศูนย์กลางกาย ตามที่ คุณ Mead แนะนำ

คุณ Mead มาเขากะลา วันนั้น (10 ม.ค.52) สงสัยถูกส่งให้มาถ่ายทอดวิชา ให้ พี่ Thep เพราะหลังจากได้ความรู้ พี่จะเอาใจใส่ในการไปนั่งสมาธิ-นอนสมาธิ ที่สนามหญ้า มากขึ้น คนข้างเคียง ก็พลอยตั้งใจทำไปด้วย อนุโมทนากับ คุณ Mead และสมาชิกทุกท่านด้วย

 

มิบังอาจครับพี่วรรณ ผมความรู้แค่หางกบหางเขียด ไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย ที่พอพูดได้ก็เพียงแต่จำๆ มาจากพี่สุดใจเท่านั้นเองละครับ และต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งด้วยซ้ำที่หลายๆ ครั้งพี่วรรณมาสนทนาธรรมกับผม แต่ผมกลับอธิบายได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ถ้าพี่วรรณมาเมืองไทยเมื่อไร อย่างดีผมก็คงได้แต่เพียงขออนุญาตเลี้ยงต้อนรับเท่านั้นเองแหละครับ มิบังอาจให้คำชี้แนะพี่ได้เลย

 

ขออนุโมทนากับธรรม ของ อาจารย์ โน.นาย ด้วยครับ