@ คชสีห์/เทพพระพิฆเนศ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ งาแกะ เรื่มเปิดที่เบาๆ @

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 7 พฤศจิกายน 2010.

  1. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ขอบใจมากครับ หูนไอซื ทีี่่เข้ามาเยี่ยมอา
     
  2. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ผู้ที่ประมูลได้ครับ

    1. หนุมาน หลวงปู่สุ่น วัดศาลากุน สูง 1 นิ้ว (ขนาดเล็กมาก) 4,599.99 ครับ

    พี่ สุรพล ได้รับไว้บูชาครับ

    2. พุทธนางกวักหลวงพ่อเิดิม วัดหนองโพ 3613 ครับ

    ท่าน kajit ได้รับไว้บูชาครับ


    ขอบพระคุณทั้ง 2 ท่านมากครับ
     
  3. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    [​IMG]

    อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสขลังเวท 5 แผ่นดิน

    อาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ

    ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือจ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อาจารย์เฮง ท่าน รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่ สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ

    โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๕ การย้ายครอบครัวในครั้งนั้น ท่านซื้อเรือต่อ หรือเรือข้าวขนาดย่อมลำหนึ่ง ติดเครื่องยนต์แล่นขึ้นไปเป็นการสะดวกในการสัญจร ขณะนั้นที่ถนนหนทางอยู่ในสภาพกันดาร การคมนาคมทางน้ำดูจะมีความสำคัญมาก ภายในเรือของท่านใช้เป็นที่อาศัย ซึ่งพร้อมมูลไปด้วยปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่างมีความสุขสบาย นึกจะโยกย้ายหรือท่องเที่ยวไป ณ ที่แห่งใด ก็ย่อมได้ตามความประสงค์ เขาว่าท่านเป็นคนร้อนวิชา อยู่ไม่เป็นที่ จึงชอบท่องเที่ยวไปในถิ่นที่ต่างๆ และจะวนเวียนมาจอดที่ต้นสะตือ วัดสะแก เป็นประจำ เป็นสถานที่ที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านจะไปพบหาท่านได้ที่นั่น อาจารย์เฮง อุปสมบท ๒ ครั้ง ครั้งแรกที่วัดสุวรรณคาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าใจว่าท่านคงจะอุปสมบทเมื่ออายุครบบวชตามประเพณี แต่ในครั้งหลังท่านมาบวชอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ท่านบวชที่ วัดพระญาติการาม โดยมี หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาศิลปะวิทยายุทธมาจากหลวงพ่อกลั่นหลายแขนงเหมือนกัน เช่น วิชาฝังเข็ม สำหรับวิชา สักยันต์ ๙ เฮ ชาตรีนั้น ทราบมาว่าเมื่อท่านท่องเที่ยวอยู่ทางภาคใต้ เคยศึกษามากับแขกก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อาจจะมาเรียนเพิ่มเติมกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อีกก็เป็นได้ การอุปสมบทของท่านอาจารย์เฮงกับหลวงพ่อกลั่นนั้น เข้าใจว่า ท่านบวช
    "เพื่อประสงค์จะศึกษาวิทยายุทธพุทธาคมกับหลวงพ่อกลั่น"

    วัดพระญาติการาม ในยุคนั้น หลวงพ่อกลั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยปกติท่านปรมาจารย์ด้านพุทธาคมนั้นมักจะมีอุปนิสัยห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่โลเล จึงทำด้านอาคมขลัง สำหรับท่านอาจารย์เฮง นอกจากท่านจะมีอุปนิสัยดังกล่าวแล้วอย่างพร้อมมูล ท่านยังมีความเป็นอัจฉริยะ ในด้านการช่างอย่างอัศจรรย์หลายประการ อาทิ การวาดเขียนภาพต่างๆ การแกะสลักงา การกลึง เป็นต้น



    ประวัติในตำนานเทพพระพิฆเนศ

    ตำนานที่ 1.

    พิฆเนศวรปราบอสูรและรากษส
    อสูรและรากษสได้ทำการบวงสรวงพระศิวะจนได้คำพรจากพระศิวะหลายประการ ยังให้เหล่าอสูรกลุ่มนี้ฮึกเหิมก่อ ความเดือดร้อนเป็นอันมาก พระอินทร์จึงทรงนำเทวดาทั้งหลายไปเข้าเฝ้าอ้อนวอนต่อพระศิวะ ขอให้พระองค์สร้างเทพแห่งความขัดข้องขึ้น เพื่อขัดขวางความพยายามของอสูรและรากษส พระองค์จึงทรงแบ่งส่วนกายหนึ่งให้เกิดบุรุษร่างงามจากครรภ์ของพระนางปราวตีและตั้งพระนามว่าวิฆเนศวร เพื่อทำหน้าที่ขวางทางอสูร รากษส และคนชั่วมิให้ทำการ บัดพลีเพื่อขอพรจากพระศิวะ ทั้งยังเป็นผู้เปิดทางอำนวยความสะดวกต่อเทวดาและคนดีเพื่อเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ


    ตำนานที่ 2.

    ปาราวตีนำเหงื่อไคลปั้นเป็นลูก
    ครั้งหนึ่ง ชยาและวิชยา พระสหายของนางปาราวตีได้แนะนำว่าปกติพระนางมักจะต้องใช้บริวารของพระศิวะอยู่เป็นประจำ ถ้าหากพระนางจะมีบริวารเป็นของตนเองก็คงจะดีไม่น้อย พระนางเห็นด้วย จนวันหนึ่งขณะที่ทรงสรงน้ำอยู่ตาม ลำพังก็ทรงนึกถึงคำพูดของพระสหายจึงได้นำเอาเหงื่อไคลออกมาสร้างบุรุษรูปงาม สั่งให้ไปยืนเฝ้าทวาร มิให้ใครเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอย่างนี้มาหลายเพลา จนวันหนึ่งพระศิวะได้เสด็จมา ฝ่ายลูกก็ป้องกันแข็งขัน โดยไม่รู้ว่านั่นคือ พ่อพระศิวะโกรธก็เลยสั่งให้ภูติและคณะของตนเข้าสังหารทวารบาลพระองค์นั้น บ้างก็ว่าพระศิวะพุ่งตรีศูลตัดเศียรลูก บ้างก็ว่าพระวิษณุเทพที่มาช่วยรบนั้นใช้จักรตัดเศียร ความทราบถึงพระนางปราวตีจึงเกิดศึกใหญ่ระหว่างเทพและเทพี ขึ้นบนสวรรค์ฝ่ายฤาษีนารอดอดรนทนไม่ได้ จึงได้เป็นทูตสันติภาพขอเจรจากับนางปราวตีเพื่อสงบศึก นางบอกว่าจะสงบศึกก็ต่อเมื่อลูกของนางฟื้นเท่านั้น
    พระศิวะจึงสั่งให้เทวดาเดินทางไปทิศเหนือ ให้เอาศีรษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่พบมาต่อกับโอรสของนางปราวตี ปรากฏว่าเทวดาได้เศียรของช้างซึ่งมีงาเพียงข้างเดียวมา เมื่อพระคเณศฟื้นขึ้นมา ทราบความจริงว่า พระศิวะคือพระบิดาก็ตรงเข้าไป ขอโทษเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระศิวะพอใจมากประสาทพรให้พระคเณศมีอำนาจเหนือภูติผีทั้งหลายและทรงแต่งตั้งให้เป็นคณปติ
    ตำนานที่ 3.

    ขวางทางคนชั่วไปเทวาลัยโสมนาถและโสมีศวร
    พระนางปาราวตีทรงเอาน้ำมันที่ใช้ในการสรงน้ำมาผสมกับเหงื่อไคลปั้นเป็นรูปคนแต่มีเศียรเป็นช้างจากนั้นได้เอาน้ำจากพระคงคาปะพรมให้มีชีวิตขึ้น เพื่อทำการขัดขวางแก่คนชั่วที่จะไปบูชาศิวะลึงค์ที่เทวาลัยโสมนาถและเทวาลัยโสมีศวรเพราะคนเหล่านี้หวังจะไปล้างบาปเพื่อมิให้ตกนรกทั้งเจ็ดขุม ด้วยเหตุนี้ การที่วันคเณศจาตุรถี นิยมเอารูปปั้นพระคเณศมาจุ่มน้ำหรือนำเทวรูปปูนชิ้นเล็ก ๆมาทิ้งตามแม่น้ำคงคา ชะรอยจะมาจากความเชื่อที่ว่าน้ำจากแม่พระคงคาจะทำให้ พระคเณศมีชีวิตขึ้นมานั่นเอง
    ตำนานที่ 4.

    พระคเณศ กฤษณะอวตาร พระนางปาราวตีมเหสีของพระศิวะไม่มีโอรส พระศิวะจึงทรงแนะนำให้พระนางทำพิธีปันยากพรต (พิธีบูชาพระวิษณุเทพ ในวันขึ้น 13 ค่ำเดือนมาฆะ) มีระยะเวลากำหนด 1 ปีเต็มและเมื่อครบกำหนด พระนางจะได้โอรสซึ่งเป็นพระกฤษณะ อวตารไปจุติ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามคำตรัสของพระศิวะ ทวยเทพทั้งหลายมาร่วมอวยพรในกลุ่มเทพเหล่านี้มีพระศนิ (พระเสาร์) รวมอยู่ด้วย เมื่อพระศนิเหลือบมองพระกุมารทันใดนั้นเศียรกุมารก็ขาดจากพระศอกระเด็นไปยังโคโลกซึ่งเป็นวิมานของพระกฤษณะพระวิษณุจึงเสด็จไปยังแม่น้ำบุษปุภัทรเห็นช้างนอนหัวไปทางทิศเหนือจึงตัดเศียรช้างกลับมาต่อให้กับเศียรกุมารที่หายไปนานนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่สร้างโดยกลุ่มที่นับถือพระกฤษณะเป็นใหญ่
    ตำนานที่ 5.

    ศิวะ-อุมาแปลงกายเป็นช้างเข้าสมสู่ ครั้งหนึ่งพระศิวะและพระนางปราวตีได้เสด็จมายังแถบภูเขาหิมาลัยได้เห็นช้างสมสู่กันก็บังเกิดความใคร่ พระศิวะจึงได้แปลงเป็นช้างพลายส่วนนางปาราวตีแปลงกายเป็นช้างพังร่วมสโมสรจนมีลูก

    ตำนานแห่งการเสียงาของพระพิฆเณศวร์

    ตำนานแรก ปรศุรามใช้ขวานจาม
    ปรศุรามนั้นเป็นอวตารของวิษณุเทพ กล่าวว่า ปรศุรามได้ยืมขวานจากพระศิวะไปทำลายเหล่ากษัตริย์ เมื่อเสร็จภารกิจจะเข้าเฝ้าที่เขาไกรลาส ระหว่างนั้นบริเวณพระที่นั่งชั้นใน พระศิวะมหาเทพกำลังสนทนาอยู่กับนางปราวตี พระคเณศไม่ยอมให้ปรศุรามเข้าพบ ปรศุรามโมโหเลยใช้ขวานของพระศิวะขว้างไปยังพระคเณศ พระองค์จำใจต้องใช้ใช้งาข้างซ้ายรับขวานนั้น ด้วยเหตุที่ท่านทรงมีความกตัญญูเป็นอย่างยิ่งในบิดา ครั้นจะต่อสู้กันไปก็อาจทำได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการทำลายฤทธิ์เดชของอาวุธซึ่งเป็นของบิดาตนเอง
    ตำนานสอง ได้เศียรช้างงาเดียว
    เมื่อคราวที่พระศิวะได้ทำพิธีโสกัต์และพระวิษณุเทพพลั้งเผลอเปล่งวาจา ยังผลให้เศียรของกุมารหายไปนั้น ได้มีเทวโองการให้หาเศียรของมนุษย์ที่เสียชีวิตมาต่อให้ แต่ปรากฏว่าในวันอังคารนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดถึงฆาต มีเพียงช้างงาเดียวที่นอนตายอยู่ทางทิศเหนือ จึงตัดเศียรมาต่อให้
    ตำนานสาม โดนพระศิวะใช้ขวานจาม
    เมื่อคราวที่กุมารน้อยถือกำเนิดใหม่ ๆและเฝ้าปากทวารห้องสรงน้ำของพระแม่ปราวตีนั้นพระศิวะไม่ทราบว่าเป็นลูก เลยเกิดการต่อสู้กันพระศิวะโมโหจึงใช้ขวานขว้างไปโดนงาของพระคเณศหัก
    ตำนานสี่ งาถอดได้เองตามธรรมชาติ
    เมื่อคราวที่พระคเณศต่อสู้กับอสูรอสุรภัค พระคเณศแสดงเดชโดยการถอดงาของตัวเองขว้างไป



    เทพพระพิฆเนศ ปางเอกขเนก อาจารย์เฮง ไพรวัลย์
    สูงที่ 6 ซ.ม กว้าง 2*3 ซ.ม



    ภาพที่ 1. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก องค์นี้มีความเก่าแก่มากเป็นฝีมือแกะชั้นครู อ.เฮงไพรวัลย์ ที่บรรจงกำหนดการแกะอัดด้วยพลังอำนาจแห่งพุทธคุณที่ท่านได้ศึกษามา ลงในเทพพระพิฆเนศศาสตร์สายพุทธคุณแห่งความมีอำนาจและความสำเร็จ

    เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก องค์นี้ท่านจะได้เห็นถึงความเก่าแกที่ได้อายุ ดูจากในซอกแขนและชอกต่างๆเผยให้เห็นการแห้งของงาที่เก่ามากๆครับ และ รอยจารย์บางๆที่สึกจากการสัมผัสที่ แขน/ขา/ส่วนต่าง


    [​IMG]


    ภาพที่ 2. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก ด้านหลัง

    เผยให้เห็นรอยจารย์ตรงกลางแผ่นหลัง ที่ผ่านการสัมผัสมาช้านานจากรอยจารย์สึกไปเองตามธรรมชาติแต่ยังให้เห็นได้บางๆครับ


    [​IMG]


    ภาพที่ 3. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก ค้านข้าง

    จะเห็นได้ถึงความสมส่วนที่สวยงามในฝีมือ อ.เฮง ครับ


    [​IMG]


    ภาพที่ 4. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก ด้านข้างมุมเต็ม

    [​IMG]


    ภาพที่ 5. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก

    เป็นภาพที่เปรียบเทียบขนาดของเทพพระพิฆเนศ สูง 6 ซ.ม กว้าง 2*3 ซ.ม

    [​IMG]


    ภาพที่ 7. เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก

    ภาพใต้ฐานจะมีรอยจารย์หลายตัวครับ แต่ด้วยความเก่าและเกิดการเสียดสีพื้นในการวางขององค์พิฆเนศ ทำให้รอยที่จารย์สึกเลือนรางไปต้องใช้แว่นส่องจึงจะเห็นได้ และรอยรานของงาที่เป็นธรรมชาติที่เกิดจากความเก่าและได้อายุ

    [​IMG]


    เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก ที่ พลังชาตรี บรรยายมาต่อไปท่านที่ดูไม่เป็นผมว่านำไปเป็นบรรทัดฐานในการดูได้เลยนะครับไม่มากก็น้อย

    เทพพระพิฆเนศ ปรางเอกขเนก เปิดประมูลในราคาเบาๆ (ทุน)



    เปิดประมูลเริ่มต้นที่ 6513 บาท

    บิดขึ้นแล้วแต่สะดวกครับผมเท่าไรก็ได้ครับ

    ปิดประมูลวันที่ 21 เวลา 21.30 น

    ผู้ให้ราคาสูงที่สุดเป็นผู้รับไว้บูชาครับ

    ถ้าให้ราคาเท่ากันผู้ให้ในเวลาอันดับแรกเป็นผู้ชนะครับ

    ขอบพระคุณมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  4. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    [​IMG]

    อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสขลังเวท 5 แผ่นดิน

    อาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ

    ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือจ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อาจารย์เฮง ท่าน รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่ สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ

    โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๕ การย้ายครอบครัวในครั้งนั้น ท่านซื้อเรือต่อ หรือเรือข้าวขนาดย่อมลำหนึ่ง ติดเครื่องยนต์แล่นขึ้นไปเป็นการสะดวกในการสัญจร ขณะนั้นที่ถนนหนทางอยู่ในสภาพกันดาร การคมนาคมทางน้ำดูจะมีความสำคัญมาก ภายในเรือของท่านใช้เป็นที่อาศัย ซึ่งพร้อมมูลไปด้วยปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่างมีความสุขสบาย นึกจะโยกย้ายหรือท่องเที่ยวไป ณ ที่แห่งใด ก็ย่อมได้ตามความประสงค์ เขาว่าท่านเป็นคนร้อนวิชา อยู่ไม่เป็นที่ จึงชอบท่องเที่ยวไปในถิ่นที่ต่างๆ และจะวนเวียนมาจอดที่ต้นสะตือ วัดสะแก เป็นประจำ เป็นสถานที่ที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านจะไปพบหาท่านได้ที่นั่น อาจารย์เฮง อุปสมบท ๒ ครั้ง ครั้งแรกที่วัดสุวรรณคาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าใจว่าท่านคงจะอุปสมบทเมื่ออายุครบบวชตามประเพณี แต่ในครั้งหลังท่านมาบวชอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ท่านบวชที่ วัดพระญาติการาม โดยมี หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาศิลปะวิทยายุทธมาจากหลวงพ่อกลั่นหลายแขนงเหมือนกัน เช่น วิชาฝังเข็ม สำหรับวิชา สักยันต์ ๙ เฮ ชาตรีนั้น ทราบมาว่าเมื่อท่านท่องเที่ยวอยู่ทางภาคใต้ เคยศึกษามากับแขกก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อาจจะมาเรียนเพิ่มเติมกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อีกก็เป็นได้ การอุปสมบทของท่านอาจารย์เฮงกับหลวงพ่อกลั่นนั้น เข้าใจว่า ท่านบวช
    "เพื่อประสงค์จะศึกษาวิทยายุทธพุทธาคมกับหลวงพ่อกลั่น"

    วัดพระญาติการาม ในยุคนั้น หลวงพ่อกลั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยปกติท่านปรมาจารย์ด้านพุทธาคมนั้นมักจะมีอุปนิสัยห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่โลเล จึงทำด้านอาคมขลัง สำหรับท่านอาจารย์เฮง นอกจากท่านจะมีอุปนิสัยดังกล่าวแล้วอย่างพร้อมมูล ท่านยังมีความเป็นอัจฉริยะ ในด้านการช่างอย่างอัศจรรย์หลายประการ อาทิ การวาดเขียนภาพต่างๆ การแกะสลักงา การกลึง เป็นต้น



    คชสีห์ อาจารย์ เฮง ไพรวัลย์

    พิจารณาความฉ่ำงาแห้งและเก่า ศิลปอาจารย์เฮง ไพรวัลย์

    [​IMG]


    [​IMG]


    จารที่ฐานล่าง

    [​IMG]

    ขนาดเล็กครับ ฐาน 1.5 ซ.ม สูง 2 ซ.ม


    เปิดประมูลเริ่มต้นที่ 3513 บาท

    บิดขึ้นแล้วแต่สะดวกครับผมเท่าไรก็ได้ครับ

    ปิดประมูลวันที่ 21 เวลา 21.30 น

    ผู้ให้ราคาสูงที่สุดเป็นผู้รับไว้บูชาครับ

    ถ้าให้ราคาเท่ากันผู้ให้ในเวลาอันดับแรกเป็นผู้ชนะครับ

    ขอบพระคุณมากๆครับ
     
  5. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    สวยๆทั้งนั้นเลยครับพี่.....................................
     
  6. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851

    ขอบคุณครับคุณอ๋อง ถึงจะสวยอย่างไรพิมพ์อินเดียของคุณอ๋องก็สวยกว่าครับ

    อิอิอิอิอิ
    (ping-love(ping-love(ping-love(ping-love(ping-love
     
  7. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342



    อันนี้เก๊เเบบสนามเลยครับ เจ้าของใหม่ไม่เชื่อ เอาไปให้สายตรงดูก็ได้อย่าง อ วันชัย ลูกชาย อ ลำไยศิษย์อาจารย์เฮง หรือ สารวัตรใหญ่ ไม่ก็พวกกรรมการเครื่องรางอย่าง หมู วัดนาค มล เชือกคาด เเจ้ เสนา อะไรเเบบนี้ก็ได้

    เเต่จริงๆเเล้วพวกเด็กเล่นใหม่ ก็ดูได้ เพราะมันดูง่ายเหลือเกิน โพสต์ถามในห้องวิธีดูพระก็ได้ ถ้าคิดว่าผมมากล่าวใส่ร้าย

    ในนี้มีของเก๊มากมายหลายชิ้นเหลือเกิน จาระไนไม่หมด

    สงสัยคุณชาตรีเคยมีอาชีพเเต่งนิทานหรือป่าว ผมชอบอ่านครับ เพลินๆดี
     
  8. blackeye

    blackeye เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +744
    จุดจบมันมาแล้ว เวปนี้มันมีหลายชื่อ

    ผมมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมคับ

    เวปโหลดบิท CZ ชื่อ Tun

    เวปG-praหรือการันตีพระ ชื่อ หนิงพระบาืท

    ระวังไว้ด้วยคับ
     
  9. blackeye

    blackeye เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +744
    จุดจบมันมาแล้ว เวปนี้มันมีหลายชื่อ

    ผมมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมคับ

    เวปโหลดบิท CZ ชื่อ Tun

    เวปG-praหรือการันตีพระ ชื่อ หนิงพระบาืท

    ระวังไว้ด้วยคับ ผมเห็นมานานแล้วเจตนาของบุคคลนี้ แต่พูดไม่ออกเพราะพูดไปคนเข้าใจก็ดีไป คนไม่เข้าใจคนด่าผมจมดิน ณ ตอนนี้บอกได้เลยพี่ jin ถุกต้องแน่นอน ข้อมูลที่ให้ ถูกต้อง และ ของจริง คนดูเครื่องรางเป็นหนะเค้าดูออกง่ายๆหละคับ ว่าเจตนาคนขายเป็นเช่นไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...