คนไทย มาจาก อินเดีย?????หรือ พระพุทธเจ้า อยู่ที่ สุวรรณภูมิ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 20 มิถุนายน 2007.

  1. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    หลักฐานที่เป็นวัตถุเช่นสิ่งก่อสร้างสถานที่ต่างๆ
    ในอินเดียถุกสร้างขึ้นใหม่ จำลองทั้งนั้น ไม่ใช่ของจริง


    ของจริงพังราบไปมาก เหลือแค่เศษน้อยมาก
    มีคนไปซ่อมเศษเหล่านั้นไว้พอมีบ้าง แต่ไม่ใช่ที่อินเดีย
     
  2. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    ทัวร์พุทธพาณิชย์ที่อินเดีย...


    เดี๋ยวนี้พระนักเรียนทั้งหลายจะมีเงินสะสมเยอะ คนทำบุญให้มาก
    เขาจะมีคนพวกหนึ่ง เล่นเส้นสายกัน ชักชวนให้พระไปเที่ยวอินเดีย
    เป็นกลุ่มๆ สร้างค่านิยมว่าบวชเรียนแล้วต้องไปอินเดียสักครั้ง


    จากนั้น พวกนี้ก็นั่งนับเงิน...
     
  3. คิกขุ

    คิกขุ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +29
    คนไทยมาจากลุ่้มแม่น้ำคงคาค่ะ(อย่างน้อยก็ความเป็นไทยในหลายๆด้าน)

    จากนั้นก็อพยพไปทางตะวันออกซึ่งก็คือจีนตอนใต้และกระจายลงมาทางใต้

    ซึ่งก็คือประเทศไทย แนวคิดนี้ยังสอดคล้องกับเส้นทางการแพร่ถิ่นมนุษย์โบราณ

    จากต้นกำเนิดที่แอฟริกามายังไทยอีกด้วย คือกว่าจะมาถึงไทยก็จะผ่าน ตะวันออก

    กลาง อินเดีย จีนตอนใต้ และไทย ตามลำดับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2010
  4. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ขออนุโมทนา สาธุครับผม<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ค้นหากันไปนะ เรื่องอดีตที่น่ารู้
     
  5. ครูเรือง

    ครูเรือง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +686
    พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ยืนยันโดยหลวงปู่มั่น
    เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์ที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทานฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมายการค้า รูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ) ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป พอท่านฯ เหลือบมาเห็น ถามว่า “ นั่นอะไร ” “รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม ” ท่านกล่าว “ ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ” แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า “ ให้บรรจุเสีย ” ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า บรรจุ จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา ท่านพูดซ้ำอีกว่า “ บรรจุเสีย” “ ทำอย่างไรขอรับกระผม ” “ ไหนเอามาซิ ” ยื่นถวายท่าน ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า “ หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้ว ก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำจะเป็นบาป” ผู้เล่าเลยพูดไปว่า “ พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม ” ท่านฯตอบ “ หือ! คนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้ ” ท่านฯ กล่าวต่อไปว่า “ อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล ๕ เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้นและชาวพม่า คือ รัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตาย จากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่า ในปัจจุบัน” “ ส่วนรัฐสักกะนั้นใกล้กับรัฐมคธ ก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิ ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว”
    ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า “ปัจจุบัน พอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหม ขอรับกระผม” “ไม่รู้สิ อาจเป็นชาวเชียงใหม่ ชาวเชียงตุงในพม่าก็ได้” ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ตอนท้ายก่อนจบท่านเลยสรุปว่า “ อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น” ผู้เล่าพูดอีกว่า “แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหน ขอรับกระผม” ท่านบอก “พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเรานะซิ” “ถ้าเช่นนั้นศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เจ้าแม่กาลี การลอยบาปแม่น้ำคงคา ทำไมจึงยังมีอยู่ รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย” “ อันนั้นเป็นของเก่า เขาเห็นว่าดี บางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนพวกเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้ว เราหนีมาอยู่ทางนี้ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม ” ท่านยังพูดคำแรงๆว่า “ คุณตาบอด ตาจาวหรือ เมืองเราวัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ ” (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า) “ แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฏหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั้นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด ” “ ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธเจ้า จะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้” “ พระพุทธเจ้าทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดี สุญญกัปป์ก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็คงขาดแต่ผู้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่างจาก บรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่ ” ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการละฉะนี้แล ฯ คัดลอกจาก หนังสือ "รำลึกวันวาน" โดยกองทุนแสงตะวัน วัดปทุมวนาราม หมวดรำลึกพระธรรมเทศนา หน้าที่ ๒๒๗ (เป็นหนังสือรวบรวมเกร็ดประวัติ ปกิณกธรรม และพระธรรมเทศนา แห่งองค์หลวงปู่มั่น จากบันทึกความทรงจำของหลวงตาทองคำ จารุวณโณ ในสมัยที่ได้อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๗-๒๔๙๒)
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เขียนเดาเอาครับ

    พระสัมมาสัมโพธิญาณ เกิดที่อินเดีย
    พระธรรมมิกราชโพธิญาณ เกิดที่เมืองไทย...


    ..
     
  7. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +324
    ผมศึกษาเรื่องพระพุทธเจ้าเป็นคนไทยหรือเปล่า และตรัสรู้ที่เมืองไทยหรือเปล่า
    ศึกษาทั้งทางด้านตำรับตำราทั้งในระบบและนอกระบบ ทั้งจากการฝึกสมาธิวิชาสางใส
    พอสรุปได้ดังนี้

    คนไทย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์แรกๆของโลก กำเนิดมาจากพรม คนแรกชื่อปู่สรวง คนที่สองชื่อย่าสาง เกิดมาประมาณ 4000 ล้านปีมาแล้ว ตอนที่โลกเริ่มเย็นตัวใหม่ๆ ลงมากินง้วนดินแล้วกลายร่างเป็นมนุษย์เหาะกับวิมานไม่ได้
    คนไทยสืบเชื้อสายมาเรื่อยๆผ่านยุคใหญ่ๆสี่ยุค ตามยุคพระพุทธเจ้า

    ยุคแรกเรียกว่าเมืองแถน โปรดเข้าใจว่าในยุคแรกๆคนมีจำนวนน้อย เมืองก็เป็นเมืองเล็กๆประมารหนึ่งอำเภอในตอนปัจจุบันนี้เท่านั้นเอง เมืองแถนปัจจุบันคือบริเวณจังหวัดราชบุรี ปราณบุรี เพชรบุรี ในยุคนี้มีพระพุทธเจ้าองค์แรกมาตรัสรู้คือพระกกุสันธพุทธเจ้า
    ต่อมาคือสิ้นยุคอารธรรมทั้งหลายหายไปหมด คนตายไปเกือบหมดคนที่รอดคือคนที่ไปแอบหลบอยู่ในป่าตามถ้ำ พอศีลธรรมเริ่มดีก็จะเริ่มยุคใหม่

    ยุคสองคือยุคเมืองแผน พระพุทธเจ้าที่ลงมาตรัสรู้คือพระโกนาคมนพุทธเจ้า คนไทยก็ยังอยู่ในบริเวณนี้เหมือนเดิม ต่อมาสิ้นยุคคนก็ตายไปกันเกือบหมด

    ยุคสามคือยุคเมืองแมน พระพุทธเจ้าที่ลงมาตรัสรู้คือพระกัสสปพุทธเจ้า คนไทยก็ยังอยู่บริเวณนี้ จริงๆแล้วคนไทยเป็นชาติพันธุ์ที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้ามาทุกยุคทุกสมัย และพระพุทธเจ้าเองก็ตรัสรู้อยู่ในบริเวณแถบนี้มาโดยตลอด จึงนับได้ว่าคนไทยเป็นอริยวงค์ อริยวาส คือเป็นคนที่มีความเจริญ สามารถบรรลุธรรมได้พระคนดีๆส่วนใหญ่ก็จะมาบำเพ็ญบารมีโดยเกิดเป็นคนไทยกัน ต่อมาสิ้นยุคคนก็ตายไปอีกมาก ในยุคนี้เกิดน้ำท่วมโลกด้วย ตรงกับทุกๆคัมภีร์ทางศาสนาอื่นๆเช่นคริสต์ อิสลาม

    ยุคสี่คือยุคปัจจุบัน เมืองไทยก็เรียกว่าเมืองทอง หรือในภาษาสันสกฤติคือ สุวรรณภูมิ แต่เดิมมาในยุคที่พระธรรมสูญหายไปคนไทยนับถือผีบรรพบุรุษ มีการทรงเจ้าเข้าทรงให้ผีบรรบุรุษมาพูดคุยสื่อสารกันรู้เรื่องด้วย ส่วนใหญ่คนทรงจะเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเลยได้การเคารพนับถือว่าสามารถติดต่อกับผีได้จึงได้รับการเคารพในอีกมิติหนึ่งคือเป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาน คนไทยที่อาจนับว่าเป็นขุนคนแรกชื่อว่าขุนอิน ชื่อเต็มคือขุนอินเขาเขียว อยู่บริเวณจังหวัดกาญจนบุรีในปัจจุบัน มีเมียชื่อว่านางกวัก ชื่อเต็มคือกวักทองมา ก็ถ้านับปีจากปัจจุบันก็ถอยหลังไปได้กว่า 8000 ปีแล้ว ปีที่ขุนอินได้นางกวักมาเป็นเมียนับเป็นปีอินที่หนึ่ง ก็สืบลูกหลานกันมาเรื่อยจนกระทั่งถึงขุนที่ชื่อขุนโลลายละว้า ก็เปลี่ยนศักราชเป็นปีโล ต่อมาถึงยุคพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันคือพระสมนโคดม ก็เปลี่ยนจากปีโลเป็นปี พ.ศ. กัน ในยุคพระพุทธเจ้านั้นตรงกับขุนที่ชือว่าพระเจ้าทับไทยทอง ครองเมืองทอง (คือบริเวณคูบัวราชบุรีในปัจจุบัน) ในยุคสมัยตั้งแต่ขุนอิน จนถึงพระเจ้าทับไทยทองคนไทยมีลูกหลานมากก็ขยายการทำมาหากินออกไปทั้งแต่ทางเหนือไปจนถืงมนฑลกว่างสีจ้วงของจีน ทางตะวันตกก็ไปจนถึงเมืองอินเดีย ทางตะวันออกก็ไปจนถึงเวียดนาม ทางใต้ก็ไปจนถึงอินโดนีเซีย คนชาติพันธุ์ไทยจึงกระจายไปทั่วบริเวณแถบนี้ แต่ชาติพันธุ์อื่นก็มีนะไม่ใช่มีแต่ไทย มีจีน มีอินเดีย มีเวียดนาม มีคนแขกอินโด ทุกๆชนชาติเกิดขึ้นมาเกือบพร้อมๆกันจากพรหมเหมือนกัน คนไทยก็ทำมาหากินแซมๆไปกับชาติพันธุ์อื่น บางคราวก็ดีกัน บางคราวก็รบกันตามธรรมดาของมนุษย์

    วงค์พระพุทธเจ้าคือวงค์ไทยพวกหนึ่งที่อพยพทำมาหากินไปทางอินเดีย ญาติพระพุทธเจ้าพูดภาษาไทย พระเจ้าสุทโธทนะพูดภาษาไทย ตระกูลศากยะพูดภาษาไทยและแต่งงานกันเองในหมู่ญาติวงค์ตามธรรมเนียมไทยแต่โบราณ คนไทยแต่เดิมจะแต่งงานกันเองในหมู่พี่น้องตั้งแต่ลูกของปู่สรวงนางสางแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกพิศดารอะไร คนไทยเป็นคนที่จิตใจเหี้ยมหาญแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเมตตา เรียกว่าถ้าร้ายมาก็ร้ายมากกว่าตอบ ถ้าดีมาก็ดีมากกว่าตอบ จึงรบเก่งคนไทยรบเก่งจึงครองแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์แถบนี้ได้มาอย่างยาวนาน

    อย่างตัวอักษร (ตัวสือ) คนไทยก็คิดค้นมาได้นานแล้วไม่ใช่เพิ่งมาค้นพบสมัยพ่อขุนราม ขุนที่คิดได้คือขุนสือไทย เลยตั้งชื่อตัวหนังสือตามชื่อท่าน วิธีการคิดตัวสือของท่านก็ไม่ต้องใช้สมองมากใช้วิธีเข้าทรงจากเมียของท่านให้ผีบรรพบุรุษมาช่วยสอน เมียของท่านชื่อขุนหญิงไทยงาม หลังจากคิดลายสือไทยได้แล้ว น้องของท่านขุนสือไทยชื่อขุนขอมไทยก็คิดลายสือขอมมาได้อีกโดยให้มีลวดลายที่สวยงามกว่าลายสือไทย ดังนั้นลายสือขอมจึงสวยกว่าแต่ก็เขียนได้ยากกว่าจึงเหมาะที่จะให้เขียนสลักในเรื่องที่สำคัญๆเช่นจารึก หรือคัมภร์ทางศาสนา

    คนไทยไปตั้งเมืองแถบตอนเหนือของอินเดียก็มีหลายเมืองเช่นกรุงกบิลพัสดุ์ กรุงเทวทหะ กรุงโกลิยะ ปัจจุบันก็ยังมีคนหน้าตาคล้ายคนไทยยังอยู่แถวนั้นอยู่เลย ล่าสุดผมไปอินเดียมาไปนวดแล้วเจอคนหน้าตาคล้ายคนไทยมาก ลองถามเค้าดูว่าคนไทยหรือเปล่าเขาบอกว่าเป็นคนมาจากเมืองมณีปุระ แต่เชื่อเถอะไม่บอกว่าไม่ใช่คนไทยคนไทยเห็นต้องพูดภาษาไทยเข้าใส่แน่นอน

    สรุปง่ายๆ พระพุทธเจ้าเป็นคนไทยแต่ตรัสรู้ที่บริเวณตอนเหนือของอินเดีย เกิดที่ตอนใต้ของเนปาลนั้นแหล่ะถูกแล้ว ในสมัยโน้นคนไทยก็กระจายอยู่ในอินเดียตอนเหนือ แต่ก็อพยพครั้งใหญ่กลับบ้านตอนหนีพวกมุสลิม ส่วนคนอินเดียหรือแขกอิสลามก็ยังนับถือศาสนาเดิมคือพราหม์ฮินดู และอิสลามคนถือพุทธก็อพยพหนีตายมาทางนี้หมดแล้ว ศาสนพุทธจึงหมดจากอินเดีย
     

แชร์หน้านี้

Loading...