"คำทำนายเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3" ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะการมาของดาวเนบิรุ ?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 3 กันยายน 2012.

  1. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    ความจริง คือ ดาวนิบิรุ ไม่มีอยู่จริง
     
  2. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ศาสนาจะตั้งอยู้5000 เพราะฉะนั้น จะไม่มีโลกแต่หรืออะไร เพียงแต่จะมีภัยพิบัดหนักขึ้นเรื่อยๆ และคนมีศีลนั้นน้อยลงทุกที
     
  3. bhodhithas

    bhodhithas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +591

    เท่าที่ผ่านมาก็เห็นเลื่อนกันไปได้เรื่อยๆ แล้วแต่จะยกเหตุผลมาอ้าง
    หรือต้องมีผู้คอยทำหน้าที่เตือนไปเรื่อยๆ.... จนกว่าจะถึงวันนั้น ....????
     
  4. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    [​IMG]
    นิบิรุ หมายถึง ดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ??

    ๒. สัตตสุริยสูตร
    ว่าด้วยดวงอาทิตย์ ๗ ดวง

    [๖๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อัมพปาลีวัน เขตกรุงเวสาลี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย” ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็นข้อกำหนดควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    ภิกษุทั้งหลาย ขุนเขาสิเนรุ ยาว ๘๔,๐๐๐ โยชน์ กว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์หยั่งลงในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงจากมหาสมุทรขึ้นไป ๘๔,๐๐๐ โยชน์ มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว ฝนไม่ตกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี เมื่อฝนไม่ตก พีชคาม ภูตคาม และติณชาติที่ใช้เข้ายา ป่าไม้ใหญ่ ย่อมเฉา เหี่ยวแห้ง เป็นอยู่ไม่ได้ ฉันใด
    สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็นข้อกำหนดควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ปรากฏ เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ ปรากฏ แม่น้ำน้อย หนองน้ำทุกแห่ง ระเหย เหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฏ เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฏ แม่น้ำสายใหญ่ๆ คือ คงคา ยมนา อจิรวดี สรภู มหี ทุกแห่ง ระเหย เหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๔ ปรากฏ
    เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๔ ปรากฏ แหล่งน้ำใหญ่ๆ ที่เป็นแดนไหลมารวมกันของแม่น้ำใหญ่ๆ เหล่านี้ คือ สระอโนดาด สระสีหปปาตะ สระรถการะ สระกัณณมุณฑะ สระกุณาลา สระฉัททันต์ สระมันทากินี ทุกแห่ง ระเหย เหือดแห้ง ไม่มีน้ำ ฉันใด
    สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ
    เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรลึก ๑๐๐ โยชน์ก็ดี ๒๐๐ โยชน์ก็ดี ,... ๗๐๐ โยชน์ก็ดีงวดลงเหลืออยู่เพียง ๗ ชั่วต้นตาลก็มี ๖ ชั่วต้นตาลก็มี ๕ ชั่วต้นตาลก็มี ๔ ชั่วต้นตาลก็มี ๓ ชั่วต้นตาลก็มี ๒ ชั่วต้นตาลก็มี ชั่วต้นตาลเดียวก็มี เหลืออยู่เพียง ๗ ชั่วคน, ... ๒ ชั่วคน ชั่วคนเดียว ชั่วครึ่งคนเพียงเอว เพียงเข่า เพียงแค่ข้อเท้า ภิกษุทั้งหลาย น้ำในมหาสมุทรยังเหลืออยู่เพียงในรอยเท้าโคในที่นั้น ๆ เปรียบเหมือนในฤดูแล้ง เมื่อฝนเม็ดใหญ่ ๆ ตกลงมาน้ำเหลืออยู่ในรอยเท้าโคในที่นั้น ๆ ฉะนั้นเพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๕ ปรากฏ น้ำในมหาสมุทรแม้เพียงข้อนิ้วก็ไม่มี ฉันใด
    สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๖ ปรากฏ
    ............. (ทรงกล่าวคล้ายด้านบน ดูเพิ่มเติมลิงค์ที่มาด้านล่าง)

    มีสมัยที่เวลาผ่านไปยาวนาน บางครั้งบางคราว มีดวงอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏ
    เพราะดวงอาทิตย์ดวงที่ ๗ ปรากฏ แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุ เกิดไฟลุกโชนมีแสงเพลิงเป็นอันเดียวกัน เมื่อแผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาผลาญอยู่เปลวไฟถูกลมพัดขึ้นไปจนถึงพรหมโลก เมื่อขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาไหม้ กำลังพินาศถูกกองเพลิงใหญ่เผาทั่วตลอดแล้ว ยอดเขาแม้ขนาด ๑๐๐ โยชน์ ,... ๕๐๐ โยชน์ ย่อมพังทะลาย เมื่อแผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาผลาญอยู่ ขี้เถ้าและเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเนยใสหรือน้ำมันถูกไฟเผาผลาญอยู่ ขี้เถ้าและเขม่าย่อมไม่ปรากฏ ฉันใด เมื่อแผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาผลาญอยู่ ขี้เถ้าและเขม่า ก็ย่อมไม่ปรากฏ ฉันนั้น
    สังขารทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นสภาวะไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นชม นี้เป็น
    ข้อกำหนดควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง

    ในข้อนั้น ใครเล่า ชื่อว่าเป็นผู้รู้ ใครเล่า ชื่อว่าเป็นผู้เชื่อว่า ‘แผ่นดินใหญ่นี้ และขุนเขาสิเนรุถูกไฟเผาผลาญ พินาศ ไม่เหลืออยู่’ นอกจากอริยสาวกผู้มีบทอันเห็นแล้ว(๑)

    ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ครูชื่อสุเนตตะ(๒) เป็นเจ้าลัทธิผู้ปราศจากความกำหนัดในกามทั้งหลาย มีสาวกหลายร้อยคน ได้แสดงธรรมแก่สาวกทั้งหลายเพื่อความเป็นผู้เกิดร่วมกับเทวดาชั้นพรหมโลก และเมื่อครูสุเนตตะแสดงธรรมเพื่อความเป็นผู้เกิดร่วมกับเทวดาชั้นพรหมโลก เหล่าสาวกผู้รู้ชัดคำสอนอย่างดียิ่ง
    เชิงอรรถ :-
    (๑) ผู้มีบทอันเห็นแล้ว ในที่นี้หมายถึงพระอริยสาวกผู้เป็นโสดาบัน (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๖๖/๑๙๙)
    (๒) ดู องฺ.ฉกฺก. (แปล) ๒๒/๕๔/๕๒๙


    หลังจากตายแล้ว ได้ไปเกิดในสุคติพรหมโลก ส่วนเหล่าสาวกผู้ไม่รู้ชัดคำสอนอย่างดียิ่ง หลังจากตายแล้ว บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับเทวดาชั้นนิมมานรดี บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับเทวดาชั้นดุสิต บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับเทวดาชั้นจาตุมหาราช บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับขัตติยมหาศาล บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับพราหมณมหาศาล บางพวกได้ไปเกิดร่วมกับคหบดีมหาศาล[๑]

    ครั้งนั้นแล ครูสุเนตตะได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ‘การที่เรามีคติในสัมปรายภพ เสมอเหมือนกับเหล่าสาวก ไม่สมควรเลย ทางที่ดี เราควรเจริญเมตตาให้ยิ่งขึ้น’ ต่อจากนั้น ครูสุเนตตะได้เจริญเมตตาจิตตลอด ๗ ปี แล้วไม่มาสู่โลกนี้ตลอด ๗ สังวัฏฏกัปและวิวัฏฏกัป

    ภิกษุทั้งหลาย เมื่อโลกเสื่อม ครูสุเนตตะเข้าถึงพรหมโลกชั้นอาภัสสระ เมื่อโลกเจริญครูสุเนตตะเข้าถึงพรหมวิมานอันว่างเปล่า ภิกษุทั้งหลาย ในพรหมวิมานนั้น ครูสุเนตตะเป็นพรหม เป็นมหาพรหม เป็นผู้ครอบงำ ไม่ใช่ถูกใครๆ ครอบงำ เป็นผู้เห็นแน่นอน มีอำนาจ ครูสุเนตตะได้เป็นท้าวสักกะ ผู้เป็นจอมเทพถึง ๓๖ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรมเป็นธรรมราชา มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นผู้ชนะสงคราม มีชนบทที่ถึงความมั่นคง ประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ ตั้งหลายร้อยครั้ง ครูสุเนตตะเคยมีบุตรมากกว่าพันคน ล้วนแต่เป็นคนกล้าหาญชาญชัย ย่ำยีข้าศึกได้ ครูสุเนตตะนั้นปกครองแผ่นดินนี้อันมีมหาสมุทรเป็นขอบเขต โดยธรรม โดยไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศัสตรา

    ภิกษุทั้งหลาย ครูสุเนตตะนั้นเป็นผู้มีอายุยืนนานอย่างนี้ เป็นผู้ดำรงอยู่ได้นานอย่างนี้ แต่ก็ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เราจึงกล่าวว่า ไม่หลุดพ้นจากทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดธรรม ๔ ประการ
    ธรรม ๔ ประการ[๒] อะไรบ้าง คือ
    ๑. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยศีล
    ๒. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยสมาธิ
    ๓. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยปัญญา
    ๔. เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอดอริยวิมุตติ
    ภิกษุทั้งหลาย เราได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยศีล เราได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยสมาธิ เราได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยปัญญา เราได้รู้แจ้งแทงตลอดอริยวิมุตติ เราถอนภวตัณหาได้แล้ว ภวเนตติ(๑*)สิ้นไปแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก”

    พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ได้ตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัส
    คาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    พระโคดมผู้มียศตรัสรู้ธรรมเหล่านี้ คือ
    ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติอันยอดเยี่ยม
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกธรรม
    แก่ภิกษุทั้งหลายเพื่อความรู้ยิ่ง
    พระศาสดาผู้มีพระจักษุ
    (๒*)ทรงทำที่สุดแห่งทุกข์ ปรินิพพาน(๓*)แล้ว
    __________________

    เชิงอรรถ :
    [๑] มหาศาล หมายถึงผู้มีทรัพย์มาก คือ ขัตติยมหาศาลมีราชทรัพย์ ๑๐๐-๑,๐๐๐ โกฏิ พราหมณมหาศาล มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ คหบดีมหาศาลมีทรัพย์ ๔๐ โกฏิ (ที.ม.อ. ๒/๒๑๐/๑๙๓)
    [๒] ดู องฺ.จตุกฺก. (แปล) ๒๑/๑/๑-๒, อภิ.ก. ๓๗/๒๘๑/๑๐๘


    (๑*) ภวเนตติ เป็นชื่อของตัณหา หมายถึงเชือกผูกสัตว์ไว้ในภพ (ภวรชฺชุ) (องฺ.จตุกฺก.อ. ๒/๑/๒๗๙)
    (๒*) จักษุ ในที่นี้หมายถึงจักษุ ๕ คือ (๑) จักษุ (ตาเนื้อ) (๒) ทิพพจักษุ (ตาทิพย์) (๓) ปัญญาจักษุ (ตาปัญญา) (๔) พุทธจักษุ (ตาพระพุทธเจ้า) (๕) สมันตจักษุ (ตาเห็นรอบ) (องฺ.สตฺตก.อ. ๓/๖๖/๑๙๙)
    (๓) ปรินิพพาน ในที่นี้หมายถึงดับกิเลสได้สิ้นเชิง (ที.ม.อ. ๒/๑๘๖/๑๖๙, องฺ.จตุกฺก.อ. ๒/๑/๒๗๙)

    ................

    สัตตสุริยสูตรที่ ๒ จบ

    ที่มา พระไตรปิฎกภาษาไทย
    ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม
    (ปกสีฟ้า)
    ลิงค์ http://www.geocities.ws/tmchote/tpd-mcu/tpd23.htm

    _____________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กันยายน 2012
  5. ทำไมทำไม

    ทำไมทำไม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +13
    มีอยู่ 2 อย่างที่คนเราหนีไม่พ้น
    1 คือ ความตาย
    2 คือ ภาษี

    ถึงมันจะแตกเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ใช้ชีวิตในทุกวันมีค่ามีความสุข และหมั่นทำความดีกันดีกว่า อย่าไปคิดอะไรมากมาย มันจะเครียดเฉยๆ กลายเป็นปล่อยพลังงานด้านลบออกมาโดยไม่รู้ตัว เสพข่าวมากๆ ระวังจะเป็นบ้าตายก่อนตายเพราะโลกแตกนะ อิอิ
     
  6. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ผมไม่ได้ต่อว่าท่านครับ
    มันเป็นอย่างนี้ทั้งบอร์ด แทบทุกที่แล้วหาอะไรแท้จริงไม่ได้
    คนอ่านข่าวแนวนี้ มีสติก้อดีไป ไม่มีก้อวิตกมากมายบางคนเสียทรัพย์ต่างๆ

    บางอย่างมันก้อเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลคือ ยากที่จะเชื่ออยากให้ทำนทำใจสบายๆ
    ใครไม่เชื่อก้อช่างเขา ท่านจะเชื่อก้อเชื่อไป เศร้าใจไปใยเล่าครับ
     
  7. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741

    ความจริงจะปรากฎตอนสิ้นปีนี้ครับ
    แต่กลัวอยู่อย่าง พอถึงสิ้นปีแล้วไม่มีอะไรปรากฎ ไม่มีพระอาทิตย์ 2 ดวง ไม่มีดวงดาวประหลาด หรือไม่มีภัยพิบัติใหญ่

    กลัวว่าจะเบี่ยงเบนประเด็นกันไปอีก เช่น ภัยใหญ่ได้เลื่อนไป, ดาวได้เลื่อนการมา, เกิดการคำนวณผิดพลาด 1ปี, ให้รอจนถึงสิ้นปี 2013 ฯลฯ หรือมีภัยธรรมชาติที่เกิดตามปกติ ก็มาบอกว่า นั่นไง เกิดแล้ว แต่เบาลงเพราะมีคนช่วยไว้...



    แทนที่จะยอมรับความจริงว่า มันไม่มีหรอก ภัยพิบัติล้างโลก
     
  8. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    ดาวนิบิรุมันไม่มีจริงๆครับ ผมขอยืนยัน ไม่ต้องหาหลักฐานต่างๆนาๆมา
    ให้รอดูสิ้นปีก็พอ ความจริงจะปรากฎ และขอให้รับความจริงให้ได้
     
  9. saychl anusonthi

    saychl anusonthi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +350
    จริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้แต่ที่รู้คือทำใจ หนูว่าทุกๆๆข้อมูลล้วนมีประโยชน์แก่ผู้ที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญทุกวันนี้หลายอย่างเริ่มปรากฎให้เห็นแล้วว่าโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมมันนรุนแรงขึ้น มีอย่างเดียวที่ทำได้คือทำใจและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะทุกวันนี้ชีวิตของคนเราเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้ายต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น ขอบคุณอาเกษมที่นำข้อมาให้อ่านเป็นวิทยาทานคะ ขออนุโมทนาด้วยคะ
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ตอนนี้เปลือกโลกเราปูดไปปูดมา เเทบทุกวันเดี๋ยว 3เดี๋ยว4เดี๋ยว5เดี๋ยว6.5ริค
    นี่มันปูดเพราะเเรงดันภายในโลกล้วนๆ หรือมีเเรงดูดจากภายนอกด้วยถ้าใช่ก็น่า....มีส่วนด้ย
     
  11. ปลายธาตุ

    ปลายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +225
    คำทำนายก็คือคำทำนาย

    คงเหมือนหนังเหมือนละคร ที่ตรงจริงบ้างไม่จริงบ้าง พระท่านพูดไว้ สิ่งที่เห็นนั้นเราเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเราเห็นไม่จริง ผมเคยถามท่านว่าทำไมเราไม่ทราบล่วงหน้าท่านว่าจิตเราโง่ คือละเอียดไม่พอรู้ เราหยาบก็เห็นแต่สิ่งหยาบๆ คือเห็นตอนกำลังเกิดวิบัตินั่นแหละ เหมือนเด็กอนุบาลไม่เข้าใจถึงวิชาระดับปริญญาเอก แม้จะมีดอกเตอร์มานั่งพรรณาอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ต้องใด้เด็กอนุบาลที่จบดอกเตอร์มาอธิบายให้กันฟังถึงเข้าใจ แล้วมันจะมีไหมล่ะ:':)'(
     
  12. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    ลองดูข้อมูล ย้อนหลังเปรียบเทียบดูนะครับ ว่าแนวโน้มมากขึ้นปล่าว

    Earthquake Facts and Statistics

    dlindquist.com - Research - Earthquake Project - Historical Quakes
     
  13. JedIza

    JedIza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +28
    NIBIRU ..............
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    บทความนี้ รายละเอียดว่าเขาเขียนอะไรไว้ ให้เข้าลิงค์ไปอ่าน จะดีกว่า และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ รึไม่เชื่อตามข้อมูลที่เขาว่ามา ทำใจเป็นกลางๆ ไว้ อย่าไปฟูอย่าไปแฟ่บตาม อย่าเพิ่งไปตัดสินชี้ผิดชี้ถูก เพราะมันจะจริงเท็จขนาดไหน ยังไม่รู้

    ประเด็นความเป็นไปของโลก ภพภูมิมนุษย์นี่ มันอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรื่องโลกียะยังงี้ มันวนเวียนเกิดขึ้นซ้ำซากมาตั้งกะสมัยไหน

    เรื่องไหนๆ ก็เหอะ รู้แล้วเห็นแล้ว ก็วางใจกลางๆ ไว้ มองมันเหมือนมองกอสวะ ที่ลอยตามน้ำ ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ต้องเก็บมาเป็นขยะในใจ ให้จิตตก หม่นหมอง


    [​IMG]


    "ยุค ศรีอาริยะ" แฉเบื้องลึก 11 กันยา

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000112178

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>12 กันยายน 2555 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ความว่าง

    เรื่องความว่าง ถือเป็นหัวใจหรือแก่นของพระพุทธศาสนา

    ความว่างตามหลักพระพุทธศาสนาคือความว่างจากกิเลส (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) ว่างจากตัณหา (ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น) ว่างจากสุข ว่างจากทุกข์ ว่างจากความรู้สึกว่ามีตัวเรา ของเรา

    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักมองดูโลกโดยความเป็นของว่าง

    "สุญญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต"

    มีใจความว่า "เธอจงมองดูโลกโดยความเป็นของว่าง มีสติอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อ และเมื่อเธอมองเห็นโลกอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ความตายก็จะค้นหาตัวเธอไม่พบนี้อย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งมีใจความว่า ถ้าใครเห็นโลกโดยความเป็นของว่างอยู่แล้วผู้นั้นจะอยู่เหนือ อำนาจของความทุกข์ ซึ่งมีความตายเป็นประธาน"

    "นิพฺนานํ ปรมํ สัญญํ"

    "นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ"

    ว่างอย่างยิ่งคือนิพพาน นิพพานคือเครื่องนำมาซึ่งความสุขอย่างยิ่ง -อธิบายเป็นภาษาชาวบ้าน-

    *นิพพาน* ที่แปลว่า ดับไม่เหลือทุกข์นั้น มีความหมายลึกลงไปว่า **ว่างอย่างยิ่ง**

    สภาวะนิพพาน ไม่สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ (มีเพียงผู้ปฏิบัติเท่านั้นรู้ได้ด้วยตนเอง) นิพพานอยู่เหนือทุกข์เหนือสุข

    สรุปแบบโลกๆ ว่า
    พระพุทธองค์ทรงสอนให้มนุษย์ทำความเข้าใจความจริงของชีวิตว่า ขันธ์๕ มีลักษณะเป็นกฎไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ไม่จีรัง มีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น จนเกิดอัตตายึดว่านี่ตัวกู-ของกู

    ปุถุชนอย่างเรา ที่ัยังต้องทำงานเลี้ยงชีพ การปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็มีความสุขเพียงพอแก่ฐานานุรูป ส่วนหนทางดับทุกข์ หรืออริยมรรค มีอุบายวิธี คือ สติปัฏฐาน๔ ค่ะ

    [​IMG]


    ลองศึกษาความว่าง
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    ที่มา http://www.dhammajak.net


    [​IMG]

    เข้าใจทุกข์..เข้าใจธรรม

    การเข้าใจทุกข์...ให้รอบด้านไม่ใช่เรื่องง่าย คนทั่วไปเขาก็เข้าใจทุกข์ไปตามสติปัญญาอย่างโลกๆ ของเขา คือ..เข้าใจว่า ถ้าเมื่อ
    ใด..'เรา'..ได้รับอารมณ์ที่เลวก็เป็นทุกข์

    ถ้าเมื่อใด..'เรา'..ได้รับอารมณ์ที่ดีก็เป็นสุข

    ส่วนนักปฏิบัติในเบื้องต้นจะเห็นว่า..ความสุขและความทุกข์ทั้งหลายยังเป็นของที่แปรปรวน..เอาเป็นเครื่องให้ความสุขที่ถาวรไม่ได้

    ต่อเมื่อใดผู้ปฏิบัติสามารถคุ้มครองจิตได้ด้วยสติปัญญา จิตไม่เกิดความอยาก ไม่เกิดความยึดถือ และไม่เกิดความดิ้นรนทางใจ เมื่อนั้น จิตจะไม่ทุกข์..

    แต่เมื่อใดจิตเกิดความอยาก เกิดความยึดถือ และเกิดความดิ้นรนทางใจ เมื่อนั้น จิตจะเป็นทุกข์..

    ผู้ปฏิบัติในขั้นนี้จึงพยายามรักษาจิตอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ต่อเมื่อปฏิบัติมากเข้าจึงจะเข้าใจ..'อริยสัจจ์'..ได้อย่างลึกซึ้งหมดจด..

    คือ..ได้เห็นความจริงว่า ขันธ์ทั้งปวง แม้แต่จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานนั่นแหละ เป็นตัวทุกข์ เข้าใจได้อย่างนี้..'จิตจะเกิดปล่อยวางจิต'..แล้วได้พบกับสภาวะธรรม
    แห่งความสิ้นตัณหา หรือวิราคะ..

    และสิ้นความดิ้นรนทางใจ หรือวิสังขาร..นี่เอง คือความเข้าใจ..'อริยสัจจ์'..อย่างแจ่มแจ้งถึงที่สุด..

    สรุปแล้ว....ไม่ว่าจะเจริญวิปัสสนา ด้วยการรู้อารมณ์รูปนาม อย่างใดในสติปัฏฐาน ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติ..มีสติระลึกรู้ สภาวะของรูปนามและมีปัญญา

    เข้าใจ ความเป็นจริงของรูปนามว่า..มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ได้ทั้งสิ้น..

    และในที่สุด..

    'จิตจะเห็นแจ้งอริยสัจจ์ แล้วปล่อยวางความถือมั่นในรูปนาม ได้ทั้งสิ้น' ....ฯ

    ~พระปราโมทย์ ปาโมชโช~

    ขอนอบน้อมแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

    http://www.chonburiguide.com/4109/ธรรมะวันนี้/หลักธรรมคำสอน/เข้าใจทุกข์เข้าใจธรรม.html

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012
  15. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    รูปถ่ายที่เขาเห็นว่าเป็นนิบิรุ มีจริงนะ ....... ( รูปถ่ายนะมีจริง)

    บางที มันก็อยู่ด้านขวาของ ดวงอาทิตย์
    บางที มันก็อยู่ด้านซ้าย ของดวงอาทิตย์

    นิบิรุ มัน ดริฟได้น่ะ พิเศษมากๆ สุดๆ
     
  16. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ผมคิดว่าสงครามโลกครั้งที่สามมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าจะมีดาวอะไรมชนโลกครับ

    เพราะหลักๆคือแย่งทรัพย์กรนี่แหละครับ

    คนมากขึ้นๆทุกวันแต่ทรัพย์ยากรร่อยหลอลงทุกวัน ( เติบโตไม่กันกิน ไม่ทันใช้ )

    มาถึงวันนี้ผมคิดว่า ภัยธรรมชาติ+จำนวนคนที่มากขึ้น >> ส่งผลกับแหล่งผลิตอาหาร >> ขยายเขตการหาอาหาร >> ไม่ต้องการซื้อ >> ปล้นเอา ( ทำสงคราม )

    ผมคิดหยาบๆนะครับไม่ได้คิดลึกซึ้ง ผิด-ถูกโปรดอภัย
     
  17. llilliilliiill

    llilliilliiill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    589
    ค่าพลัง:
    +2,741
    สิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็น แต่กลับคิดว่ามันเป็น เกิดจากการเข้าข้างความคิดของตัวเอง
    ดาวนิบิรุ ไม่ต่างอะไรจาก70%ของปรากฎการณ์UFOที่เป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือปรากฎการณ์ตุ๊กแกห้อยหัว

    เรื่องราวของ ความจริง บางทีมันก็ต้องใช้เวลา

    แต่.... อีก 20-30 ปี หากมีคนบังเอิญพบเห็นตุ๊กแกห้อยหัวอีก มันก็จะกลับมาเป็นข่าวแบบเดิมอีกร่ำไป แล้วก็ต้องลำบากให้คนเลี้ยงตุ๊กแกมาอธิบายความจริงให้ฟัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ไทยโชคดี ตั้งอยู่บน “เส้นศูนย์สูตรสนามแม่เหล็กโลก”

    http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000112179

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>12 กันยายน 2555 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>ภาพจำลองแสดงขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ และขั้วแม่เหล็กโลก (Smithsonian National Museum of Natural History)

    [​IMG]

    ในขณะที่เราใช้ชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายของสารพัดปัญหาบนโลก หลายคนอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังได้รับการปกป้องจาก “สนามแม่เหล็กโลก” ที่กันไม่ให้อนุภาคที่มีประจุรุนแรงลงมาทำลายชีวิตบนโลกได้

    และโชคดีกว่าใคร ที่ไทยตั้งอยู่บน “เส้นศูนย์สูตรแม่เหล็กโลก” ที่มีพลังปกป้องเข้มข้นกว่าใคร

    ข้อมูลจาก ดร.เดวิด รูฟโฟโล อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกล่าวไว้ในงานเสวนาวิชาการหลายครั้ง ระบุว่า แม้ในทางภูมิศาสตร์ไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร แต่ในแง่สนามแม่เหล็กโลกนั้น ไทยตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรสนามแม่เหล็กโลก

    ซึ่งทำให้ มีสนามแม่เหล็กเข้มที่สุด และปกป้องไม่ให้อนุภาคมีประจุผ่านลงมาได้ง่ายๆ หรือได้รับผลกระทบน้อยสุด เมื่อเกิดพายุสุริยะ หรือรังสีคอสมิคตรงมายังโลก โดย จ.ชุมพรมีความเข้มของสนามแม่เหล็กสูงสุด

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. gijjij

    gijjij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +346
    <TABLE id=post6659259 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>07-09-2012, 03:52 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #[​IMG]
    หากเชื่อในสิ่งเหล่านี้ ก็จะไม่ใช่ผู้เชื่อในศาสนาพุทธ และพระพุทธเจ้าที่แท้จริง
    เพราะคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า คือ

    1. พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงทศพลญาณ
    2. ไม่มีคำตรัสใดของพระพุทธองค์ผิดจากความจริง เป็นอกาลิโก
    3. เมื่อมีพุทธพยากรณ์ จะไม่มีการเลื่อน ระงับ เปลี่ยนแปลง เป็นอื่น

    แต่ในทุกวันนี้ ที่เราได้เห็นคำทำนาย ความเชื่อ หลักฐานโบราณ ที่อ้างกันไปต่างๆนาๆ บ้างก็อ้างเป้นพุทธทำนาย จากศิลาจารึก คัมภีร์เก่าแก่ ฯลฯ ก็ยังเป็นที่น่าสงสัยว่า ใช่เป็นพุทธพยากรณ์ที่แท้จริงหรือไม่ หรือสร้างกันขึ้นมาเองในภายหลัง

    ตามพุทธประวัติ พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์เหตุการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชีวิตมนุษย์ ที่พบชัดเจนที่สุดก็คือ "พระสุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล 16 ประการ" เวลาผ่านไป 2,600 ปี แต่ละข้อก็ปรากฎชัดแจ้งเป็นจริงขึ้นตามลำดับ ยังเหลืออีกหลายข้อในเวลาที่เหลือในพุทธกาลนี้อีก 2,400 ปี ก่อนจะถึงภัยขนาดล้างโลกล้างสิ่งมีชีวิตบนโลกจนเกือบหมด ซึ่งมนุษย์ตอนนั้นจะมีอายุขัยเพียง 10 กว่าปีก็ตายแล้ว ที่น่าสนใจคือ จะมีใครออกมาเตือนเรื่องภัยพิบัติในเช่นทุกวันนี้อีกหรือไม่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เท่าที่ผ่านมาก็เห็นเลื่อนกันไปได้เรื่อยๆ แล้วแต่จะยกเหตุผลมาอ้าง
    หรือต้องมีผู้คอยทำหน้าที่เตือนไปเรื่อยๆ.... จนกว่าจะถึงวันนั้น ....????<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6659259")</SCRIPT> [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นั่นซิครับมีใครเคยได้ยินจากปากของพระพุทธิเจ้าจริงๆๆๆมั่งครับมีแต่เขาบันทึกมาสืบมาแล้วมันจะไม่เพี้ยนเหรอครับ ปากต่อปากจนมดกลายเป็นช้างๆไปแล้ว5555555555
     
  20. gijjij

    gijjij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +346
    เทอะเลอะ แล้วครับหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปยังงี้จนกว่าจะตายดีกว่า แล้วอีกคนก็ฝันจริ้งๆๆๆๆๆๆๆ ฝันอยู่นั่นแหละหน่วยเหนือ คำก็หน่วยเหนือสองคำก็หน่วยเหนือ ชิวิตเลยติดอยู่กับความฝัน ถามจริงเถอะใครมันจะฝันอยู่ได้ทุกวันฟุ้งซ่านแล้วไปหาหมอเถอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...