ปิดรับบริจาค คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์รับเงินร่วมบุญอุปกรณ์เครื่องมือกู้ชีพกู้ภัยหรือเครื่องมืออาสากู้ชีพกู้ภัยแล้ว

รอคำตอบคุณสักการะค่ำนี้ครับ หากดีแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะแพ๊คส่งครับ

 

รุ่นแรกหน้าตัก 3 นิ้ว สมเด็จพระญาณสังวรทรงประทานปางให้กรมบัญชีกลางปี พ.ศ. 2533 ต่อมาปี พ.ศ. 2553 ได้มีการสร้างรุ่นและปางเดียวกันแต่ขยายหน้าตักเป็น 5.9 นิ้ว

นับเป็นปางคันธารราฐที่สมส่วนสวยงามถึงที่สุด และตามความคิดเห็นของผม ยังสามารถทำให้พิศดารได้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย เช่น มวยผมอาจมีการขดก้นหอยเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่เปลี่ยนมวยผมให้กลายเป็นก้นหอยล้วน ( ตรงนี้ต้องอาศัยช่างปั้นที่เก่งมาก ๆ ) อย่างไรก็ดี หากมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่เล็กน้อย ก็จะไม่ใช่ปางของสมเด็จพระญาณสังวรซึ่งอาจเป็นการไม่เคารพพระองค์ท่าน

การสร้างพระแก้วคริสตัลตันหน้าตัก 3 นิ้วนั้น ได้ใช้องค์ทองเหลืองเป็นหุ่น นำมาถอดแม่พิมพ์ยาง แล้วจึงหล่อด้วยแก้วคริสตัลด้วยวิธี Lost Wax Casting ซึ่งวิธีนี้ผมเห็นว่า ยังมีจุดอ่อนคือจุดอ่อนอยู่ที่ไม่สามารถใช้ช่างม้วนแก้วด้วยวิธีดั้งเดิมของยุโรปที่ต้องฝึกช่างม้วนนานถึงเกือบ 7 ปี ( อ้างอิง Lalique เอกสารการเปิดเผยเคล็ดลับการสร้าง Lalique Grand Buddha ) ตัวแก้วเองยังคงมีฟองบ้างไม่มากก็น้อย

ทุกบริษัทเครื่องแก้วดังของโลก จึงเลือกใช้วิธีขึ้นรูปองค์พระแก้วด้วยวิธี Pressed Glass ซึ่งต้องฝึกหัดช่างม้วนนานมาก และเทคนิคอื่น ๆ อีกมาก ต้องฝึกทีมช่างทั้งทีมนานประมาณ 7 ปีจึงจะสร้างได้ แต่ผมกลับมีความเห็นแย้งว่า ช่างแก้วในสามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะโรงงานแก้วที่ขึ้นรูปชิ้นงานด้วยวิธีนี้มีมานาน 60 กว่าปี และถนัดงานนี้ เอาไว้จะมาเล่าถึงงานพวกนี้ว่า ที่เขาว่ายาก ผมมองว่า ง่าย และช่างเราทำได้อยู่แล้วในขนาดหน้าตักไม่เกิน 4 นิ้ว ถ้าถึง 5 นิ้วก็อาจต้องเพิ่มขบวนการอบลดอุณหภูมิเข้ามาช่วยให้คุณภาพดีขึ้น

เอาไว้มีโอกาสครับ ผมจะมาเปิดเผยวิธีสร้างซึ่งช่างไทยเก่งอยู่แล้ว มีช่างเป็นพันหรือเกือบหมื่นคนที่เคยผ่านงานนี้และเก่ง ทำไมเราจึงไม่สร้าง ปล่อยให้ฝรั่งมังค่าสร้างพระแก้วจนเลื่องชื่อลือชาทั่วโลกและกวาดเงินเข้าประเทศเขาไปหน้าตาเฉย เช่นองค์ Lalique Grand Buddha หน้าตัก 8 นิ้วเศษองค์ละ 430,000.- บาทเป็นต้น และ Lalique Buddha หน้าตัก 3 นิ้วเศษขายในฮ่องกงองค์ละ 200,000.- บาท ( แต่รายการหลังนี้เป็นการหาเงินเพื่อการกุศล ได้เงินเข้าทำบุญประมาณ 38 ล้านบาท ) ก็ถือว่าเขาเก่งและดีครับ

 

Lalique Grand Buddha พระแก้วคริสตัลตันหน้าตัก 8.3 นิ้ว ขึ้นรูปด้วยวิธี Pressed Glass องค์ละ 450,000.- บาท


Lalique Grand Buddha

 

Lalique Grand Buddha พระแก้วคริสตัลตันหน้าตัก 8.3 นิ้ว แก้วใสทำสีฝ้า ขึ้นรูปด้วยวิธี Pressed Glass องค์ละ 430,000.- บาท

 

Lalique Buddha หน้าตักเกือบ 4 นิ้ว เพ้นส์สีจีวรเป็นลายทอง หารายได้ทำบุญจำนวน 388 องค์ ได้เงินทำบุญประมาณ 38 ล้านบาท

องค์ละประมาณ 200,000.- บาท

 

แต่จุดอ่อนในการขึ้นรูปพระแก้วด้วยวิธี Pressed Glass คือตลอดระยะเวลาที่เปิดแม่พิมพ์เหล็กออก จนถึงผ่านขบวนการอบลดอุณหภูมิที่ใช้เวลาอันยาวนานมากนับร้อยชั่วโมงนั้น คออาจจะเอียงได้ เนื่องจากตรงคอมีเล็กและน้ำหนักพระเศียรกดลงได้

อย่างไรก็ดี หากผู้สร้างที่รู้ซึ้งจริง ๆ ถึงความเสี่ยงที่คออาจเอียงได้ นักหลอมแก้วที่มีประสบการณ์สูงมากจริง ๆ และถูกโจทย์นี้ ก็อาจเลี่ยงไปใช้วิธีการวางในเตาอบด้วยท่านอน หรือหากการวางนอนก็อาจเกิดรอยด้านหลังได้อีก ก็อาจใช้วิธีที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อนเลย คือการใช้สูตรผสมทรายในเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น กล่าวคือ ปกติการหลอมแก้วคริสตัลหรือแม้แต่แก้วอย่างอื่น ๆ นั้น สัดส่วนที่มากขึ้นของทรายในเนื้อแก้วจะเป็นตัวทำให้แก้วคงรูปขณะอบได้ดีกว่าสัดส่วนแก้วที่มีทรายน้อยกว่า

เช่น การ soak พระแก้วที่อุณหภูมิ 450 C ในแก้วปกติธรรมดา คอมักไม่เอียง แต่เมื่อเกิดปัญหา ไฟดับไปนานมาก ต้องโหมอุณหภูมิกลับมาที่ 650 C นั้น ช่วงนี้คอพระจะเอียงได้ แต่ถ้าใช้สูตรสัดส่วนที่มีทรายมากในเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูง ( วิธีนี้แม้แต่ช่างหลอมแก้วน้อยคนที่จะรู้ หากไม่เคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาก่อน ) เมื่อเราโหมไฟให้ร้อนถึง 650 C นานเท่าที่จะแก้ไขปัญหาได้ ช่างเฝ้าเตาอบไม่ต้องรีบด่วนในการลดลงเหลือ 560C หรือ 450C ตามสูตร เช่น โหมเพียง 5 นาทีต้องรีบลด หากเปอร์เซ็นต์สูงได้ส่วน เขาสามารถโหมได้นานถึงครึ่งหรือหนึ่งชั่วโมงก่อนการลดลงมาให้ถึงจุด Strain Point ได้ คือ 485C มักเป็นจุด Strain และค่อยลดลงตามลำดับตารางการอบได้

ตัวอย่าง

พระแก้วของ Swarovski ที่ขึ้นรูปด้วยระบบ Pressed Glass ที่คอตรง

ตัวอย่างพระแก้วของ Swarovski ที่ขึ้นรูปวิธี Pressed Glass แต่คอเอียง ซึ่งอาจเกิดจากตอนเปิดแม่พิมพ์ ไปถึงขณะการผ่านการอบลดอุณหภูมิและเกิดเอียงในระหว่างนั้น ส่วนมากเกิดตอนต้น ๆ ของการอบ

หมายเหตุ
แต่ทำไมนักสร้างพระแก้วเก่ง ๆ ของโลกจึงยังคงใช้วิธี Pressed Glass เป็นเพราะสามารถเลือกแก้วที่ใสสนิทได้ด้วยช่างม้วนแก้วที่ผ่านการฝึกงานนานหลายปี ซึ่ง Lalique อ้างว่า ของเขาทั้งทีมต้องผ่านเกือบ 7 ปี

 

ที่ไต้หวัน มีหน่วยงานกุศลแห่งหนึ่งเขาอ้างว่า เขาจ้าง Swarovski สร้างพระแก้วหน้าตักประมาณเกือบ 3 นิ้ว แล้วจำหน่ายองค์ละประมาณ 1 หรือ 2 แสนบาท เพื่อนำส่วนต่างไปทำบุญทำทาน ซึ่งทำให้งานบุญของเขาผ่านไปได้ด้วยดีมาโดยตลอด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในงานบุญที่พระแก้วเข้ามามีบทบาทหารายได้

พระแก้วที่องค์กรกุศลแห่งหนึ่งของไต้หวันบอกว่า จ้าง Swarovski สร้าง ( คาดว่าต้นทุนคงไม่เกิน 20,000.- บาท ) แต่องค์กรให้บูชาองค์ละ 1 หรือ 200,000.- บาท ( เคยจำได้ว่าเขาบอกว่า สองแสนบาท ) เพื่อหาส่วนต่างไปทำบุญ วิธีนี้ก็เป็นการหาเงินที่ดี การสร้างพระแก้วของ Swarvoski แต่ละครั้งไม่ใช่ง่าย ๆ เขาจะรับสร้างจำนวนมากจึงจะคุ้มค่าคิดวิธีการสร้าง เหมือนอย่าง Lalique ที่เป็นแชมป์โลกอยู่แล้ว ยังต้องคิดและฝึกพัฒนาฝีมือนานถึง 7 ปีก่อนการสร้างจริง

 

แจ้งเลข EMS คุณสักการะครับ

ER696894879TH

กรุณาเปิดแกะกล่องด้วยความระมัดระวังนะครับ
น้ำยารักษากระจกวินเด็กซ์คือคำตอบที่ดีที่สุดครับ น้ำยาอื่น ๆ ที่ว่าล้างคริสตัลสู้ไม่ได้ เช็ดผ่านหมาด ๆ ไม่ต้องเปียกครับ

ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ

ยังคงได้รับสิทธิการเปลี่ยนได้จนกว่าจะพอใจและคืนได้ภายใน 1 เดือนนะครับ

 

ชุดพระแก้วคริสตัลตันหน้าตักประมาณ 3 นิ้วของไต้หวันที่จ้าง Swarovski สร้างนั้น น่าจะเป็นการนำองค์พระแก้วพร้อมฐาน มาวางไว้บนไม้ของไต้หวันเอง พร้อมกับการใช้หลอดไฟ Par36 หรืออาจเรียกว่าหลอดฮาโลเจนที่มาพร้อม Dimmer Switch เพื่อการนำพกติดตัวไปบูชาได้ทุกที่ เมื่อต้องการทำสมาธิก็อาจใช้แสงจากหลอดฮาโลเจนส่องแสงน้อย ๆ ที่เรียกว่า ดิม พอแค่ทำสมาธิได้

.....................................................


แต่ชุดที่ผมสร้างนั้นเป็นพระแก้วคริสตัลตันหน้าตัก 9 นิ้วที่ผมสร้างเอง น่าจะถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะใส่หลอดไฟไว้ในฐานโลหะทึบแสง ปล่อยให้แสงจากหลอดชนิดใดก็ได้ แล้วแต่ท่านต้องการ เพราะฐานใหญ่พอใช้หลอดอะไรก็ได้ แสงสว่างออกมาจากองค์พระแก้ว ซึ่งพระแก้วนั้นผมมีหลายชนิด เช่นพระแก้วกลวงเป่าด้วยปอดสีใส สีฝ้าและสีอื่น ๆ รวมทั้งพระแก้วคริสตัลตันด้วย

ผมเห็นว่าพระแก้วองค์ที่ผมสร้างนั้น น่าจะถือว่าออกแบบได้เหนือว่าของไต้หวัน ตรงที่แสงออกเป็นรัศมีจากภายในองค์พระออกมาครับ

 

องค์นี้คือพระแก้วคริสตัลตันหน้าตัก 9 นิ้วที่ผมสร้าง ใส่หลอดฮาโลเจนชนิดใหญ่มาก เกือบเท่า Par38 ที่หลอดสร้างความร้อนมากกว่า 200C เมื่อใส่หลอดในฐานไม้ เปิดไฟส่องอยู่นานตั้งแต่ 08.00 น. - 12.00 น. ( เปิดไฟ 15 นาที ปิด 1 - 2 นาทีเพื่อไม่ให้ความร้อนสูงเกินไปตลอดงานกฐินปี 52 ของวัดสระแก้วศรีสรรเพชร ) พระแก้วคริสตัลตันมีความร้อนขึ้นบ้าง แต่ไม่มีความเสียหายใด ๆ เลย ทุกวันนี้ยังประดิษฐานอยู่วัดสระแก้วศรีสรรเพชร

 

พระแก้วกลวงเป่าด้วยปอดหน้าตัก 9 นิ้วที่สร้าง 500 องค์ ถวายไว้ในพระพุทธศาสนาและแจกหมด

 

พระแก้วของ Swarovski กัดน้ำยาเฉพาะบางส่วนให้เป็นสีฝ้า แต่ไม่ทิ้งส่วนที่เป็นสีใสซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขา ที่เขาจะต้องเจียรนัยเป็นเหลี่ยมมุมคล้ายเพชร

ท่านที่สนใจพระแก้วหน้าตัก 3 นิ้วสีฝ้า โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

 

งามมากครับ ขนาดนี้ตอนทำให้บูชาแพงไหมครับพี่

 

...........................

ผมน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาครับ ทั้งหมดที่เป็นแก้วคริสตัลตันมีประมาณ 8 องค์ ที่สร้างเป็นแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าตันมี 1 องค์ ที่เป็นแก้วกลวงเป่าด้วยปอดมีประมาณ 500 องค์

ทั้งโลกนี้มีผมที่ทำแบบนี้เพียงคนเดียว คือไม่ได้ทำไว้จำหน่าย ผมยังคิดเลยว่า ทำไมไม่มีคนทำตาม ทั้ง ๆ ที่การทำไม่ได้ยากเย็นจนเกินไป เพียงแค่เดินทางไปโรงงานแก้วต่าง ๆ ที่เขาถนัดอยู่แล้ว ไปคุยกับเขาว่า รับไหม ? งานนี้รับไหม ? ถ้ารับจึงค่อยร่วมกันสร้างแม่พิมพ์เหล็ก ( อย่าเพิ่งสร้างแม่พิมพ์เหล็กก่อนเหมือนผมนะครับ ) [ บทเรียนจากการที่ผมสร้างแม่พิมพ์เหล็กก่อน เพราะผมรู้มากเกินไป แต่ใจมันทุ่ม มันรู้ว่าสร้างได้ แต่ยาก แต่โรงงานแก้วอื่น ๆ เขาไม่ได้คิดเหมือนผม เขาคิดว่า ขอทำงานง่ายกว่านี้หน่อย งานยากกำไรจะน้อย ]

ผมรู้อยู่แล้วว่าสร้างได้ เพราะผมผ่านงานนี้มาจากโรงงานแก้วของคุณพ่อผมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 - 2520 โดยประมาณ ผมได้รับการฝึกสอนจากปรามาจารย์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของไทยในการสร้างพระแก้ว ดังนั้นผมรู้ว่า ยากขนาดนี้สร้างได้ แต่โรงงานแก้วทั่วไปเขาเลือกที่จะเป่าแก้วด้วยปอด หรือ ปั๊ม pressed glass ด้วยแม่พิมพ์ที่ง่ายกว่าของผม เขาจึงปฏิเสธงานแม่พิมพ์ของผม

ถ้าท่านใดสนใจอยากสร้างขอเชิญติดต่อโรงงานแก้วทั่วไปได้ครับ เช่น โรงงานแก้วบูรพา โรงงานนี้มีแนวโน้มท่าทีว่า ต้องการสร้างยากให้สวย โรงงานแก้วเจษฏาเป็นโรงงานที่เคยสร้างพระแก้วเป่าด้วยปอดให้ผมมาแล้ว ( โรงงานนี้เก่งทีเดียว ) โรงงานแม่น้ำไทย โรงงานแก้วศรีอยุธยาก็เป็นโรงงานที่เคยสร้างพระแก้วมาแล้วในอดีตคือพระแก้ว ๒๕ พุทธศตวรรษ อีกโรงงานที่ผมอยากแนะนำคือโรงงานแก้วหยงชินซึ่งเป็นลูกศิษย์ร่วมอาจารย์ของผมเอง นอกจากเก่งมากก็ยังสามารถเชิญอาจารย์แก้วใหญ่จากไต้หวันมาช่วยงานในไทยได้อีกแรง

ทั้งหมดผมพูดหมดเปลือก ไม่เคยเก็บงำ ใครสร้างบารมีพระแก้วไม่ยากหรอกครับ ไม่ต้องมีโรงงานเอง เข้าไปคุยกัน ราคาก็ไม่แพง แก้วกลวงเป่าด้วยปอดหน้าตัก 9 นิ้ว 450.- บาท ถ้าแก้วตันหน้าตัก 4 นิ้วองค์ละแค่ 3 - 400.- บาท ( ไม่รวมแม่พิมพ์คือแยกค่าสร้างแม่พิมพ์ออก ) สร้างแม่พิมพ์ละ 9,999 องค์ จะเฉลี่ยค่าแม่พิมพ์ได้ครับ แม่พิมพ์ชุดนึงหน้าตัก 9 นิ้วประมาณ 4 - 500,000.- บาท เฉลี่ยถ้าสร้าง 9,999 องค์องค์ละแค่ 50.- บาทเท่านั้นครับ

 

อะไรเรียกว่างานยากสำหรับช่างเป่าแก้วด้วยปอดและช่างแก้วปั๊ม ยกตัวอย่างเช่น พระพักตร์ ( ใบหน้า ) ที่ยื่นออกมายาว เรียว สอบ เวลาช่างเขาบริหารแม่พิมพ์คือตอนที่แก้วร้อน ๆ เป่าลงไป ช่างอีกคนต้องเปิดแม่พิมพ์ออก ถ้ายาว เรียว สอบ แม่พิมพ์จะเปิดได้ยากหน่อยนึง แต่ทำไมช่างเดี๋ยวนี้ใจเสาะผมไม่เข้าใจ งานยากจึงจะสวย งานง่ายจะสวยได้อย่างไร เพราะถ้าพระพักตร์แบน ตื้น เขิน พระพักตร์ก็จะสวยน้อยลง

มุมอื่น ๆ ก็เช่นกันครับ หลักการณ์เดียวกันทั้งหมดคือ การเปิดแม่พิมพ์เหล็กนั้นถ้าเปิดง่าย ช่างแก้วเขาเรียกว่างานหมู ถ้าเปิดยากเขาเรียกว่างานหิน แต่ทำไมเราไม่นึกถึงผลงาน แทนที่จะนึกถึงว่า โอ้เจองานยาก ทำไมฝรั่งแทบทุกประเทศจึงมีผลงานติดอันดับโลก ก็เพราะเขาไม่กลัวงานหิน เขามองไปที่ผลงานเลย เหมือนผมที่มองไปที่ผลงาน แต่ลืมไปว่า นี่ไม่ใช่โรงงานของผมแล้ว ถ้าเป็นช่างแก้วของผมนี่ลุยทุกคน งานยากแค่ไหนก็ลุย มันต่างกันตรงช่างปัจจุบันไม่ลุย หางานง่าย ๆ แต่ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายโรงงานแก้วที่เขาพร้อมจะลุย เพียงแต่ผมยังหาไม่พบเท่านั้นครับ

 

ด้านบนที่เขียนนั้นคือวิธีการสร้างพระแก้วแบบ แก้วกลวงเป่าด้วยปอดและแก้วตันปั๊มระบบ pressed glass ซึ่งฝรั่งแทบทุกประเทศยกย่องว่า เป็นงานที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์อย่างแท้จริง

แต่ถ้ายากเกินไป สำหรับประเทศไทย ก็อาจหันไปใช้วิธีอื่นที่ง่ายขึ้น เช่น วิธีสร้างพระแก้วในระบบ Lost Wax Casting ซึ่งก็จะมีความง่ายเรื่องแม่พิมพ์ เนื่องจากใช้แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์แทนแม่พิมพ์เหล็ก แต่ก็จะมีปัญหาอื่นเข้ามาแทน คือเรื่องฟองอากาศที่ควบคุมได้ยากกว่า แต่ถ้าปริมาณการสร้างมีจำนวนมาก ก็ควบคุมได้ เช่น สั่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อเข้ามาสร้างเลย ก้อนแก้วนี้ทางนิวซีแลนด์เขาขายครั้งละไม่ต่ำกว่า 300 ก.ก. ต่อสีต่อครั้ง ถ้ายอดการสร้างเรามี ก็สามารถใช้ก้อนแก้วของเขามาหลอมได้โดยส่วนมากจะไม่มีฟองครับ