งานนิโรธกรรมขั้นอุกฤษฎิ์ ของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย MayBuddhaBlessYou, 3 พฤศจิกายน 2009.

  1. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    สวัสดีค่ะ คุณlagunaram เจอกันทั้ง 2 web เลย ดีใจค่ะ ขอบคุณสำหรับไมตรีจิตค่ะ งานทอดกฐินต่ออายุครูบาเจ้าท่าน วันที่ 14 พ.ย 2553 ค่ะ ที่ลานธรรมค่ะ เชิญนะค่ะ รายละเอียดตาม web ด้านล่างนี้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าพี่จะไปกราบท่านด้วยไหม เพื่อนญาติธรรมจากพลังจิตถามจะไปกันหลายคณะค่ะ วันพรุ่งนี้ไม่แน่ใจว่าท่านจะว่างไหมค่ะ วันที่ 19 อาจจะอยู่ค่ะ อย่างไร เจนจะแจ้งให้ทราบให้ทันการนะค่ะ ต้องได้เจอแน่นอนค่ะ ศรัทธาท่านขนาดนี้บุญเก่าร่วมกันต้องมีไม่มากก็น้อยค่ะพี่

    ��������´�ҹ�ʹ��Թ������ؾ�Ф�ٺ����˹����ǿ�����;�оط���ʹ� [Engine by iGetWeb.com]

    เจนขออนุโมทนาสาธุด้วยประการทั้งปวงค่ะ
     
  2. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า โปรดแสดงธรรมเทศนา วันที่ 14 กันยายน 2553

    [​IMG]

    เจนขอนำเืรื่องราวที่น้องปราญชลี ตอนที่ไปกราบครูบาเจ้าเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ที่ผ่านมานำมาลงค่ะ

    ติดค้างพี่ๆน้องๆที่ตั้งตารอมาถึง 2 วันวันนี้เป็นวันพระด้วยเลยต้องมาพิมพ์ลงให้ทุกท่านได้อ่านกันก่อนที่จะลืม โดยบันทึกนี้จะรวมธรรมะที่พอจะนึกได้ที่ตกค้างมาจากเมื่อวันจันทร์ มารวบรวมไว้ด้วย อาจยาวสักหน่อยเพราะไม่ต้องการตัดส่วนใดออก ขี้เกียจอ่านกันหน่อยนะจ๊ะ

    วันนั้นที่ไปฟังธรรมยอมรับว่าร่างกายและจิตใจไม่ค่อยพร้อมเลยค่ะ เหนื่อยและร้อนที่กลางอกบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ช่วงแรกที่ไปฟังเลยยังไม่ค่อยได้ใจความสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ท่านก็ได้ให้ธรรมที่ดีมากๆ จนมาช่วงหลังจากที่ท่านไปสรงน้ำแล้ว เราได้พักกายและใจสักพักแล้วก็ค่อยๆปรับจิตปรับใจได้ดีขึ้น พอจะจับใจความได้บ้าง งานนี้ผู้น้อยขออาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณของครูอาจารย์และคุณของครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า โปรดช่วยสงเคราะห์เมตตาให้ผู้น้อยสื่อสารในสิ่งที่ครูบาท่านปรารถนาจะให้พวกเราได้รับรู้ หากถ้อยคำใดคลาดเคลื่อนบิดเบือนหรือผิดพลาดพลั้งไป ผู้น้อยขอขมากรรมขออโหสิกรรมให้ผู้น้อยด้วยเถิด
     
  3. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    "มโนกรรมนี่เป็นเรื่องสำคัญนะ เพราะเป็นกรรมที่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด ง่ายที่สุด ลองคิดดูเวลาเธอโกรธเคืองใครไม่ว่าเขาอยู่ไกลแค่ไหน แค่คิดว่าโกรธนี่มันถึงแล้วนะ แต่วจีกรรมเช่นคิดว่าอยากด่า ใจเราเกิดความอยากก่อนแล้วจึงเปล่งเป็นคำด่าออกมาใช่ไหม กายกรรมก็เหมือนกันพอเราคิดว่าอยากชกปากคนใจมันเกิดขึ้นแล้วจากนั้นเราต้องยื่นมือไปชกก่อนมันจึงเกิดเป็นกายกรรมใช่ไหม เห็นไหมว่าใจเรามันเร้วแค่ไหน ดังนั้นเราต้องหมั่นระวังใจเราให้ดีนะ

    โยม-ครูบาครับ การที่เราไปดูว่าใครเคยเป็นอะไรหรือไปบอกให้เขาทำโน่นทำนี่เพื่อไม่ให้เขาต้องรับกรรมนี่รับต้องรับผลนั้นไหมครับ

    ครูบา-รับจ้ะ เราต้องรับเพราะเราไปทำให้กระบวนการของกรรมมันเปลี่ยนแปลง เช่นเจ้ากรรมนายเวรเขากำลังรอให้ นาย ก.ได้รับกรรมที่เขาเคยทำไว้ พอเราไปเห็นแล้วเข้าไปบอกให้นาย ก.รู้ แล้วเขาไปแก้ไขทำให้ได้รับผลแห่งวิบากกรรมนั้นช้าลง เจ้ากรรมนายเวรเขาก็ไม่พอใจใช่ไหม แทนที่เขาจะได้ชดใช้กันก็ไม่ได้ ทีนี้เขาเลยจ้องจะมาเล่นงานเราแทน

    โยม-แล้วเราต้องทำอย่างไรครับ เช่นบางทีพอเรารู้ว่าคนนี้เคยเป็นลูกเรา เราก็อดที่จะห่วงไม่ได้
    ครูบา-เราก็ต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันน่ะจ้ะ เราอาจไปช่วยเขาได้ด้วยการแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนๆนั้นโดยตรง ถ้าเขาใจอ่อน เขาก็รับ ถ้าไม่ใจอ่อนเราก็ต้องวางใจให้เป็นอุเบกขาให้ได้ หรือบางทีเราอาจใช้วิธีแนะนำให้เขาปฏิบัติภาวนาแล้วสัพเพฯให้เจ้ากรรมนายเวรไปก็ได้

    โยม-ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิหากยังไม่ได้รับคำพยากรณ์สามารถขอลาพุทธภูมิได้หรือไม่ครับ
    ครูบา-พุทธภูมิมี 2 อย่างคือผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์แล้วไม่ว่าจะจากผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม คนที่ได้รับพยากรณ์นี้จะต้องบำเพ็ญต่อไปไม่สามารถลาจากพุทธภูมิได้ แต่ผู้ที่ยังไม่ได้รับคำพยากรณ์นั้นยังสามารถลาได้

    การปรารถนาพุทธภูมิเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่โยมลองคิดดูนะจ๊ะว่า คนไทยเรามีทั้งหมดกี่คน(ตอบว่า60กว่าล้านคนเจ้าค่ะ)แล้วโยมลองคิดดูว่าหากคนไทยทุกคนปรารถนาพุทธภูมิเหมือนกันทั้งหมดจะมีพุทธภูมิกี่คนที่รอต่อคิวจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป โยมรอไหวไหมล่ะ จะต้องใช้เวลาในการรอคอยและปรารถนาพุทธภูมิไปอีกนานแค่ไหน มันยาวไกลมากนะจ๊ะโยม เราเองก็เคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน แต่ตอนนี้เราก็ไม่เอาแล้ว แต่นิสัยเดิมของเราก็ยังมีติดมา โยมลองคิดดูว่าหากโยมปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป 10 ชาติสุดท้าย โยมจะต้องมาเสวยชาติเป็นเช่นเดียวกับที่พระพุทธองค์ทรงได้เสวยชาติมาก่อน โยมต้องมาเกิดเป็นใบ้ ต้องตัดแขนตัดขาให้คนอื่น ต้องให้ทาน โยมจะทำได้ไหม แล้วในแต่ละชาติที่เกิดมาก็ไม่ใช่ว่าโยมจะไม่มีกรรมใหม่ โยมก็มีกรรมกันทุกภพทุกชาติทุกวัน สมมติโยมเคยเกิดเป็นคนแล้วเคยฆ่าวัวมาก่อน พอใกล้จะตายจิตไปนึกถึงกรรมนั้นขึ้นมาโยมต้องไปเกิดเป็นวัวอีกนะ ไปชดใช้เวรกรรมนั้นก่อนนะ หรือคิดดูง่ายๆเช่นโยมได้เป็นพระโสดาบัน โยมเกิดผ่านมาแล้ว 6 ชาติ พอชาติที่ 6 โยมดันปรารถนาพุทธภูมิขึ้นมาโยมจะต้องมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่นะโยมจะทนไหวไหม มันยาวนานมากเลยนะโยมลองคิดดู(ผู้น้อยได้ฟังถึงตอนนี้ยอมรับว่าใจมันสลดหดหู่เหลือประมาณ หลับตานึกภาพตามถึงการเวียนว่ายตายเกิด รู้สึกมันช่างน่าสะอิดสะเอียนโดยแท้)


    โยม-แล้วหากเราต้องการจะลาจากการปรารถนาพุทธภูมินี่จะสามารถทำได้หรือเปล่าครับ
    ครูบา-ก็พอทำได้จ้ะ แต่ต้องมั่นใจก่อนนะว่าจะลาจริงๆ อย่าลืมนะว่าเมื่อเรากล่าวคำขอลาไปแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฟ้าดินรับรู้ ดังนั้นเราต้องมันใจก่อนไม่ใช่ว่าเคยบำเพ็ญมาแล้วขอลาไปแล้วอยู่ดีๆนึกอยากปรารถนาใหม่ก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อีก วิธีในการขอลาก็เตรียมเครื่องบูชาเหมือนกันเครื่องบูชาขันธ์ 5 นะ มีดอกไม้ 5 ดอก เทียน 1 คู่ ธูป 5 ดอก หรือจะใช้แบบพานขันธ์5เลยก็ได้ แล้วก็มีน้ำเปล่า 2 แก้วนะ แก้วนึงให้ดื่มจนหมด แก้วนึงให้กรวดน้ำลงดินให้พระแม่ธรณีได้รับรู้ ก่อนอธิษฐานก็ตั้ง นะโม 3 จบ ขอขมาพระรัตนตรัยแล้วก็กล่าวเป็นคำไทยเรานี่แหละว่า ที่ลูกเคยได้ปรารถนาพุทธภูมิมาไม่ว่าจะในภพใดชาติใดก็ดี ลูกขอถอนคำอธิษฐานในการปรารถนาพุทธภูมินั้น แล้วก็เอาน้ำแก้วนึงมาดื่มให้หมด อีกแก้วก็ให้กรวดน้ำให้แม่ธรณีได้รับรู้
    [/COLOR]
     
  4. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    เหนื่อยแล้วอ่ะ ปวดหัวด้วย เดี๋ยวค่อยเล่าตอนต่อไปให้ฟังนะ
    ตอนต่อไปเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากๆทีเดียว ขอเวลาผู้น้อยรวบรวมจิตใจสักนิดก่อนเน้อ เพราะองค์ครูบาเจ้าท่านได้เมตตาสอนเรื่องปฏิจสมุทปบาทให้พวกเราได้ฟัง ที่จริงผู้น้อยตั้งใจจะไม่เล่าเรื่องนี้แต่ได้รับคำท่านไปแล้ว ท่านให้เรารับคำว่าจะจำได้แล้วบอกต่อ --"
    หากข้าเจ้ากล่าวผิดไป ข้าเจ้าจะบาปกรรมปานใดล่ะนี่ ครูบาช่วยข้าเจ้าโตยเน่อะ

    เราจะพยายามเล่าตามที่เราเข้าใจและจากที่ได้รับความเมตตาจากครูบามานะ ที่จริงก็ค่อนข้างยากเพราะเราไม่ค่อยได้ศึกษาธรรมะสักเท่าไหร่กลัวจังเลยว่าจะพลาดไปจากความเป็นจริง ครูบาอาจารย์โปรดเมตตาลูกด้วยเจ้าค่ะ

    ครูบา-ในเมื่อหลวงปู่ดู่กับหลวงปู่ทวดเป็นองค์เดียวกันแล้วทำไมท่านถึงต้องให้เรานึกถึงหลวงปู่ทวด ขอบารมีหลวงปู่ทวดด้วยล่ะ
    โยม-คงเพื่อเป็นการให้เกียรติและเคารพครูบาอาจารย์มั้งคะท่าน(ตอบอย่างไม่กล้าแน่ใจ)
    ครูบา-ใช่ เพื่อเป้นการเคารพบูชาครูบาอาจารย์ น้อมนึกถึงท่าน

    รู้ไหมอะไรเป็นตัวที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา
    เพราะความเข้าใจผิดว่ามีเราไง ลองคิดดูนะเราเริ่มจากการที่เราคิดว่ามีเรา(อวิชชา) ลองมองไปที่แก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้านะ พอเราเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มันก็เกิดเวทนาขึ้นแล้ว(สังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ-ผัสสะ-เวทนา) เวทนาที่นี้คือความ พอใจ ไม่พอใจ พอเราพอใจก็เกิดความอยากและหมายเอาเป็นของๆเราขึ้นมา(ตัณหา-อุปาทาน)ทีนี้ภพ-ชาติก็เกิด ต่อจากนี้มันก็ตามกันมาเป็นพรวนจริงไหม เช่นถ้าวันนึงแก้วใบนี้เก่า หรือแตกไป ก็เกิดทุกข์ต่างๆตามมาเช่นความพลัดพรากจากสิ่งของอันเป็นที่รักและหวงแหน ความไม่สบายกายความไม่ไม่สบายความคับแค้นใจฯลฯ ทุกอย่างมันเกิดต่อเนื่องตามกันมาโดยเริ่มจากความหลงผิดคิดว่ามันมีเรานั่นเอง ดังนั้นหากเราต้องการหยุดวงจรนี้เราต้องมองให้เห็นให้ได้ว่าเรานั้นไม่มี

    ป.ล.ท่านไม่ได้แตกแยกย่อยแบบที่พิมพ์นะคะแต่นำข้อมูลในวงเล็บมาอธิบายประกอบเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจถูกไหม

    ครูบา-จำได้ใช่ไหม(ท่านถามแล้วมองหน้าผู้น้อย)
    ปราญฯ-เจ้าค่
    ครูบา-รับปากแล้ว จำไว้ จำให้ได้แล้วเอาไปพิจารณาแล้วนำไปบอกต่อ เราไม่เคยมานั่งพูดถึงข้อธรรมะให้ใครฟังบ่อยๆนะ เราใช้การ)ฏิบัติเป็นตัวสอนให้เขาดูและประพฤติตาม

    (ผู้น้อยแอบนึกในใจว่า ความรู้อย่างเราจะเอาอะไรไปบอกต่อใครเขาได้ เราเป็นผู้หญิงแถมไม่ได้มีความรู้ทางธรรมอะไรเลย)

    ครูบา-อย่าดูถูกตัวเอง เธอจงภูมิใจที่มีโอกาสได้ฟังธรรมะแห่งการหลุดพ้นเช่นเดียวกับที่ปัญญวัคคีย์ทั้ง 5 ได้ฟังจากพระพุทธองค์

    ครูบาสวนทันควันเหมือนท่านรู้ว่าใจผู้น้อยคิดอะไร กราบเจ้าค่ะ กราบเจ้าค่ะ กราบเจ้าค่ะ
    ผู้น้อยขอไหว้สาครูบาอาจารย์ผู้ซึ่งให้ความรู้และกำลังใจในการปฏิบัติ ผู้น้อยเหนื่อยมากมายกับการต้องเวียนตายเวียนเกิดอย่างหาปลายทางไม่เจอ ยามใดที่นึกถึงการเวียนตายเวียนเกิด ใจผู้น้อยทุกข์ทรมานนัก ครั้งหนึ่งผู้น้อยเคยฝัน ถึงประโยค 3 ประโยค "เพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนั้นเกิดสิ่งนี้จึงเกิด เพราะสิ่งนั้นดับสิ่งนี้จึงดับ" วันนี้ผู้น้อยได้คำตอบ แม้เพียงเป็นความรู้ที่ได้แต่จำเอาไว้ แม้เพียงได้รู้จัก แต่หวังว่าสักวันผู้น้อยจะรู้จริงและรู้แจ้งในธรรมนั้น

    ปราญชลี
     
  5. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    งานนิโรธกรรมขั้นอุกฤษฎิ์

    มันเป็นยังไงหรือครับ ไม่เคยได้ยินครับ พอจะบอกได้มั้ยครับ แล้วต่างจาก นิโรธกรรมธรรมดายังไงครับ
     
  6. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ครับ ผมไม่ได้แยกแยะครูบาอาจารย์ครับ ที่ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆ
    ถ้าทำให้เข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยครับผม

    ยังไงถ้ามีบุญวาสนา ก็คงจะได้ไปกราบ ครูบา ท่าน แน่นอนครับ
    อยากจะไปทำบุญวันที่ท่านออก นิโรธกรรม

    อนุโมทนา ครับที่ pm แจ้งข่าวมาทางผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  7. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    คุณ nuttadet ค่ะ พระครูบาท่านจะเข้านิโรธกรรมอีกทีโน่นค่ะ ปลายปี 2554 เพราะว่าท่านเข้านิโรธ 3 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี ลูกศฺษย์กราบนิมนต์ท่านพักก่อนค่ะ ไว้เจนจะแจ้งข่าวใ้หทราบนะค่ะ ขออนุโมทนา
     
  8. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ขอขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ก่อนอื่นขออธิบายการเข้ากรรมหรือนิโรธกรรมตามที่พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าท่านโปรดแสดงธรรมไว้ ก่อนเข้านิโรธกรรมครั้งที่ 6 ค่ะ โดยจะขอยกคำเทศนาของท่านในวันนั้นมาให้อ่านค่ะ เพื่อความเขาใจก่อนที่จะตอบคำถามที่คุณ GROLY ถามมานะค่ะ

    ความหมายของการเข้ากรรมและนิโรธกรรม

    โดย พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า โปรดเทศไว้ก่อนเข้านิโรธกรรมครั้งที่ 6 ที่วัดโนนสง่าศรัทธาธรรม จ.ชัยภูมิ

    ใน ครั้งนี้จะเป็นการเข้ากรรมปฏิบัติกรรมฐานครั้งที่ 6 ของการอยู่กรรม หรือที่ลูกศิษย์ทั้งหลายเรียกว่า การปฏิบัตินิโรธกรรม การนิโรธกรรมนี้จะคล้ายเคียงกันแต่ว่าจะต่างกันเพียงเล็กน้อย ไปหาความหมายก็พอที่จะเข้าใจเอง แต่การปฏิบัตินิโรธกรรมที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกกันนี้ เป็นการปฏิบัติหลักอายาตนะภายในภายนอก กับอายาตนะชั่วคราวเพื่อดับกิเลสส่วนหยาบและส่วนละเอียดที่มีอยู่ให้เบาบาง ลงให้มากที่สุดด้วยการ โดยเอาธาตุกายขันธ์ของตัวเองเป็นหลักที่จะพิจารณากายธาตุขันธ์ ด้วยทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้วยอริยะสัจสี่ เพื่อให้เกิดดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันตลอด ด้วยจิตใจอันบริสุทธ์ ด้วยจิตใจของตัวเอง โดยพิจารณากายพิจารณาจิตให้บริบูรณ์พร้อม หรือเรียกว่า การ อยู่กรรม นิโรธ หมายถึงการดับทุกข์ กรรมคือการกระทำ อย่างด้วยที่สุดคือดับอายาตนะภายในภายนอกชั่วคราว ไม่มีทุกข์ ทำอย่างไรไม่มีทุกข์ ลดทุกข์ลงก็จะมีแต่ความสุข ความสุขเกิดจากอะไร ความสุขเกิดจากการปฏิบัติธรรม ธรรมคืออะไร ธรรมคือรู้ รู้อะไร รู้จิตรู้ตน รู้อะไร รู้อารมณ์ตัวเอง รู้ตื่น เบิกบาน รู้พุทธ พุทธหมายถึงรู้ตื่น เบิกบาน ถ้าบุคคลใดผู้ใดมีพุทธอยู่ในใจ บุคคลนั้นจะมีความสุข สามารถปล่อยวางจะไม่ยึดมั่นถือมั่น มีว่าบางครั้งบางช่วงจะปรากฏขึ้นมา แต่เราก็รู้เท่าทันนั้น เรียกว่ารู้เท่าทัน ซึ่งทั้งหมดทั้งนั้น เรียกว่านิโรธกรรม นิโรธกรรทคือการดับทุกข์โดยสิ้นเชิงในขณะนั้นๆ แต่นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าเราไม่รู้เท่าทัน ไม่ใช่ไม่ดับทุกข์แต่เราก็ต้องรู้อย่างสม่ำเสมอ รู้จิตของตัวเอง ตลอดถึงอารมณ์ใดที่กระทบเข้ามาในจิต เรารู้เท่าทันแล้วกำจัดอารมณ์นั้น อย่ายินดียินร้ายกับมัน เรียกว่ารู้เท่าทันอย่างสม่ำเสมอ รู้ว่าอารมณ์น้อยกระทบเข้ามา ก็รู้เท่าทันว่านี่คืออารมณ์ร้อน รู้แล้วปล่อยวางลงทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส อารมณ์เย็นกระทบเข้ามาก็พึงรู้ว่านี่คืออารมณ์เย็น รู้เสร็จก็ปล่อยวางลง อย่านำเข้ามาในจิต คิดแล้วเปลืองสมอง อารมณ์ใดสิ่งใดเข้ามากระทบ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เข้ามากระทบเฉยๆ เราไม่รับไม่น้อมเข้ามาในจิต นี่คือการปฏิบัติถูกต้อง

    สำหรับ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อาตมาภาพและเกล้ากระผมเองจะปฏิบัติเพื่อ ให้เห็นเป็นรูปธรรมให้ญาติธรรมญาติโยมลูกศิษย์ลูกหา ได้เห็นว่าการปฏิบัติการเข้ากรรมนั้น หรือการเข้าอยู่กรรมนั้นเป็นการบำเพ็ญเพียรทางจิต ไม่ใช่เป็นการบำเพ็ญทุกขระกิริยา หรือการทรมานตนซึ่งเป็นคนละแนวทางกัน แต่การปฏิบัติอย่างนี้คือการรักษาสัจจะ การรักษาความเพียรและการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง เพื่อให้ญาติโยมได้รู้ได้เห็นว่าปฏิบัติจริง รู้จริง ทำจริง


    องค์พระครูบาเจ้าฯ เอ่ยถึงพระอรหันต์สาวกในสมัยพุทธกาลที่ปฏิบัตินิโรธกรรม

    เพราะสมัยอดีตการพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ก็มีพระอรหันต์และพระเถระเจ้าหลายองค์ที่กระทำ การเข้ากรรมหรือการเข้านิโรธกรรมนี้โดยเฉพาะพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ตลอดถึงพระมหากัสสปะ ก็เป็นแบบที่ดีของการเข้ากรรมหรือการนิโรธสมาบัติ ที่ไม่ใช่มีกิเลสก็ทำหรือใครนึกอยากจะทำก็ทำ ถ้าไม่มีธรรมเก่าหรือถ้าไม่มีบุญเก่าในอดีตชาติสั่งสมไว้ บุคคลผู้นั้นไม่สามารถที่จะเข้ากรรมขั้นอุกฤษฏ์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นอยู่ที่บุญบารมีเก่าด้วยและตลอดถึงพลังศรัทธาว่าจะทำจริงหรือไม่ ด้วยสัจจะบารมี หลายท่านอาจจะสงสัยและไม่คลายความสงสัย บางท่านก็พูดออกมาเลยว่าไม่จริงหรอกไม่เชื่อว่าทำได้จริง อวดเก่งอวดดี จริงๆ แล้วอาตมาภาพไม่เคยที่จะอวดเก่งอวดดี ว่าเกล้ากระผมหรืออาตมาภาพปฏิบัติเก่งกว่าใคร เพียงแต่เราต้องทำเราต้องปฏิบัติเองด้วยเป็นหน้าที่ของเราชาวพุทธ เราเป็นพระสาวกของพระอนุตระสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อเป็นแบบอย่างดีของการประพฤตพรหมจรรย์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามรอยพระอรหันต์และพระเถระเจ้าทั้งหลายในอดีต นี่คือการดับทุกข์ประเภทหนึ่ง การที่ดับทุกข์ประเภทนี้นั้นอยู่ที่คุณธรรมของเราด้วยว่า สัจจะบารมีเรามีมากน้อยเพียงไร

    องค์พระครูบาเจ้าแก้วฟ้าพูดถึงข้อปฏิบัติที่ต้องทำในการเข้านิโรธกรรมขั้นอุกฤษฏ์

    เมื่อ เช้านี้ลูกศิษย์ก็นำป้ายมาถวาย ถามว่าป้ายนั้นเป็นป้ายอย่างไร ก็เป็นป้ายอธิบายให้ญาติโยมเข้าใจว่าการบำเพ็ญแบบนี้ไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่ว่ายากเกินไปหรือง่ายเกินไป อยากทำก็ทำ ไม่แน่จริง ไม่ใช่การหลอกลวงใคร การปฏิบัติการเข้ากรรมขั้นอุกฤษฏ์นั้น ต้องบริบูรณ์ด้วยเหตุผล 9 ประการ ต้องอยู่ในหลัก 9 คือ

    ข้อที่ 1 ตั้งสัจจะว่า ใน 7 วันนี้จักบ่อฉันอาหารสักอัน ด้วยการเคี้ยว การกลืนหรือวิธีการต่างๆ ที่ทำให้อิ่ม
    ข้อที่ 2 ใน 7 วันนี้จักบ่อฉันน้ำสักอัน ด้วยวิธีการมดก็ตามที่ทำให้อิ่ม
    ข้อ 3 จักบ่อถ่ายอุจจาระ จักบ่อถ่ายหนัก ด้วยวิธีการใดทั้งปวง
    ข้อ 4 จักบ่อเบา ด้วยวิธีการใดทั้งปวง
    ข้อ 5 จักบ่อลุกจากอาสนะที่นั่ง โดยกำหนดขอบเขตที่นั่ง
    ข้อ 6 จักบ่อหลับทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยสัจจะบารมีนี้
    ข้อ 7 จักบ่อพูดจาหรือสื่อสารกับบุคคลใด ด้วยวิธีการทั้งปวง
    ข้อ 8 จักอยู่สันโดษอยู่ลำพังบนแพกลางน้ำ ปฏิบัติกรรมฐานแบบสมัยพุทธกาลและ
    ข้อ 9 ปฏิบัติกรรมฐานอยู่ในสมาธิภาวนาอยู่เสมอ มิออกจากสมาธิภาวนาแม้แต่นิดเดียว
     
  9. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ทีนี้มาตอบคำถามนี้กันค่ะ

    โดยปกติเราจะเห็นข้อความเชิญชวนให้ไปร่วมงานเข้านิโรธกรรม ออกนิโรธกรรมของพระครูบาหลายๆ องค์ อยู่ตลอดเวลา การเข้านิโรธกรรมหรือการเข้ากรรมของพระครูบาหลายองค์ ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของการตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ในการเข้านิโรธกรรมในแต่ละครั้งนั้น ท่านจะตั้งสัจจะบารมีว่าจะกระทำการใดๆ มีความหมายอย่างไร และกระทำกี่ข้อ ยกตัวอย่างค่ะ


    [​IMG]

    ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านทำการเข้านิโรธกรรมเป็นการปฏิบัติตามแบบโบราณาจารย์ในสายของครูบาเจ้าศรีวิชัย คือ
    1.ท่านให้ขุดหลุมลึก 1 ศอก กว้าง 2 ศอกพอดีเข่า แล้วสร้างซุ้มฟางครอบให้มีความสูงแค่เลยหัว 1 ศอก โดยจะยืนไม่ได้
    2.ไม่ถ่ายหนัก
    3.ไม่ถ่ายเบา
    4.ฉันแต่น้ำ 1 บาตร ที่นำเข้าไปด้วย
    มีผ้าขาวปู 4 ผืนรองนั่งแทนความหมายคือ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีเสาซุ้ม 8 ต้น แทนความหมายมรรค 8 ยอดซุ้มปักธงฉัพพรรณรังสี อันมีความหมายถึงปัญญา ราชวัตรล้อมซุ้มมี 9 ชั้น แทนความหมายของโลกุตรธรรม 9 คือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 รวมเป็น 9 ซึ่งการทำนิโรธกรรมของครูบาอริยชาติจะเข้าในสถานที่สัปปายะห่างไกลผู้คน โดยมีชาวบ้านจัดเวรยามรักษาในรัศมี 100 เมตร เพื่อป้องกันการรบกวน ซึ่งก่อนที่จะทำการนิโรธกรรมนั้นจะต้องมีพระสงฆ์ 5 รูปรับรองความบริสุทธิ์


    [​IMG]

    พระครูบาวิฑูรณ์ ชินวโร ท่านเข้านิโรธกรรมตามแบบโบราณาจารย์ สืบทอดแบบอย่างมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัยและครูบาชุ่ม โพธิโก ในการเข้านิโรธกรรม ณ สถานปฎิบัติธรรรมธาราศัย อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ โดยสถานที่ในการเข้านิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ เป็นกระท่อมมีขนาดกว้าง ๕ ศอก ยาว ๕ ศอก มุงด้วยฟาง อยู่ในเขตราชวัติ ๗ ชั้น เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืนโดยฉันน้ำบาตรเดียว

    [​IMG]

    ครูบาน้อย เตชะปัญโญ ท่านเข้านิโรธกรรม ถือแนวทางมัชฌิมาปฏิปทา ขึ้นไปตามน้ำ ทำไปตามตัว น้ำขึ้นอย่างไร บัวก็ขึ้นอย่างนั้น กล่าวคำขมาพระแก้วเจ้า 5 จำพวก ให้อาบน้ำ ปลงผมเสียแล้ว ให้ศรัทธาทายกผู้มีศีล 5 กับตัวเองมาแต่งสร้างยังตูบซึ้งขนาดของ ( กระท่อม )กว้าง 5 วา ยาว 5 วา ล้อมด้วยราชวัต ตามกำลังวันที่เข้า และมีประตูปิดเปิดไว้ดีงามแล้วตักเอาน้ำบ่อสักสิทธิ์จากวัดที่เป็นมงคล มาใส่ไว้ในบาตรเหล็ก กรองด้วยผ้าขาว 7 ชั้น และเตรียมที่ถ่ายหนัก ถ่ายเบาไว้ด้วย ให้ตั้งจิตให้มั่นคงดีแล้วอธิฐานว่า ภายใน 3-5-7-9 วันนี้ข้าพเจ้าจักไม่ฉันอาหารสักอัน ข้าพเจ้า จักฉันแต่ อุททะกัง ( น้ำ ) ฉันอยู่ในบาตรเดียว

    ไม่มีคำจำกัดความ ถึงคำว่าการเข้า-ออกนิโรธกรรมธรรมดาหรือขั้นอุกฤษฏ์ ขึ้นอยู่กับพระแต่ละรูปว่าท่านจะใช้ความหมายอะไรมาสื่อให้สาธุชนได้รู้ได้เข้าใจว่าที่ท่านทำการเข้านิโรธกรรมว่าท่านเข้าเพื่ออะไรและท่านจะปฏิบัติอย่างไร


    [​IMG]

    ส่วนเรื่องที่พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าท่านดำริให้ใช้คำว่านิโรธกรรมขั้นอุกฤษฏ์นี้เป็นเพราะว่า พระครูบาท่านที่ทำการเข้านิโรธกรรม 7 วัน 7 คืน โดยตั้งสัจจะอธิษฐาน ไว้ว่าจะกระทำการ 9 ข้อเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จริยบูชา มาตะปิตุบูชา บูชาคุณธรรมต่างๆ ของพระรัตนตรัย ตลอดถึงเทพเทวาต่างๆ ที่พระครูบาเจ้าท่านให้ความเคารพนับถือ และเป็นหน้าที่ที่พระครูบาเจ้าท่านที่จะปฏิบัติ เพื่อสัจจะบารมี ขันติบารมี และอยู่ในบารมี 30 ทัศด้วย ทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งท่านจะต้องเข้านิโรธกรรมทั้งหมด 9 ครั้ง ในชีวิตของท่าน
    โดยการเข้านิโรธกรรมครั้งนี้ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าจะเป็นการบำเพ็ญนิโรธกรรมขั้นอุกกฤษฎ์ ซึ่งเป็นการบำเพ็ญนิโรธกรรมชั้นสูง 9 อย่างตามแบบอย่างครูบาเจ้าศรีวิชัย อันประกอบด้วย
    1. งดฉันอาหารทุกประเภท
    2. งดฉันน้ำทุกชนิด (ท่านพิจารณาดูแล้วว่าท่านสามารถปฏิบัติข้อนี้ได้ ท่านจึงตั้งสัจจะแม้กระทั่งน้ำก็จะไม่ฉันท์)
    3. งดถ่ายหนัก (อุจจาระ)
    4. งดถ่ายเบา (ปัสสาวะ)
    5. งดการนอนหลับ (ทั้งกลางวันและกลางคืน)
    6. งดการลุกจากอาสนะ (ที่นั่ง)
    7. งดการพูดจา (ปิดวาจา)
    8. อยู่ลำพังบนแพลอยน้ำ
    9. ปฏิบัติกรรมฐานและอธิษฐานจิตให้สาธุชนทุกท่านที่ไปขอพรหน้ากุฎิ

    ท่านดำริว่าท่านไม่ได้ทำเพื่อใคร ท่านทำเพื่อความหลุดพ้นของท่านเอง การเข้านิโรธกรรมขององค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ท่านทำไปแล้ว 7 ครั้ง (ใน 3 ครั้งหลังนั้น ท่านเข้าติดต่อกันในระยะเวลาไม่ถึงปี สานุศิษย์จึงขอกราบนิมนต์ท่านได้พักก่อนท่านพระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ยังเหลืออีก 2 ครั้งเท่านั้นจะครบ 9 ครั้ง โดยครั้งต่อไป คือครั้งที่ 8 นี้ พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ท่านจะเข้านิโรธกรรมปลายปี 2554 ค่ะ โดยหมายกำหนดการยังไม่แน่นอนค่ะ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
  10. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ขออนุโมทนาค่ะด้วยค่ะคุณ Heureuse ที่เข้ามาอ่านนี้ก็ถือเป็นเกียรติมากค่ะ เจนก็ไม่ทราบค่ะว่าพลังแรงที่ว่านั้นเป็นอย่างไร แต่คงจะเป็นแรงที่ดีค่ะ คุณคงมีบารมีเก่าติดมาถึงได้รู้สึกถึงพลังนั้นค่ะ ต้องถามองค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าท่านค่ะ ท่านอาจจะตอบให้นะ บางคนไปถึงไม่ต้องถามท่านบอกให้เลย บางคนไปหลายเที่ยว ท่านไม่ตอบให้ก็มีค่ะ วันนี้เพื่อนๆ ที่พลังจิตไปกัน 20 กว่าคนได้ แต่ต่างคนต่างไปนะค่ะ เจนประสานงานให้เท่านั้นเอง รู้สึกได้ค่ะว่าทุกคนปิติมากที่ได้ไปกราบท่าน น้องปราญชลีนี่ไป 3 ครั้งเลย น้องแอ้ไป 2 ครั้ง ยิ้มไม่หยุดเลย น่าปลื้มใจมากค่ะ ท่านยังอยู่ที่กรุงเทพค่ะ แต่งดรับแขกแล้วค่ะตอนนี้ เพราะท่านต้องทำงานที่ค้างไว้และติดกิจนิมนต์ค่ะ จึงขอแจ้งมาในที่นี้เลยนะค่ะ และขออนุโมทนาบุญด้วยทั้งหมดทุกประการกับเพื่อนๆ พลังจิตทุกท่านที่ไปกราบองค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าในวันนี้ค่ะ
     
  11. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    เรื่องหนึ่งที่บางท่านอาจะยังไม่รู้ องค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต และ พระครูบาวิฑูรณ์ ชินวโร ท่านเป็นสหธรรมมิกกันค่ะดังรูปที่แสดงนะค่ะ

    [​IMG]

    ภาพนี้องค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าท่านไปที่วัดแสงแก้ว โพธิญาณของพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ค่ะ ภาพด้านซ้ายมือคือพระอาจารย์ปรีชา เจ้าอาวาสวัดสุราลัย จ.ชัยภูมิ


    [​IMG]

    [​IMG]

    ส่วนสองภาพนี้เป็นภาพที่องค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าและพระครูบาวิฑูรณ์ ชินวโร วัดวังมุย จ.ลำพูน ท่านทั้ง 2 ไปร่วมงานออกนิโรธกรรมของพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต(พระขี่ม้าบิณฑบาตร)


    และในวันที่ 25 กันยายน 2553 นี้ ทางองค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ท่านจะไปงานออกนิโรธกรรมของพระครูบาวิฑูรณื ที่ จ.นครสวรรค์ร่วมด้วย เจนจะไปร่วมงานด้วยค่ะ ท่านเพิ่งดำริเมื่อวานนี้เอง แล้วจะเอาบุญมาฝากทุกคนค่ะ
     
  12. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ขอเชิญบูชาล็อกเกตพระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า รุ่น “หนุนดวงเศรษฐี” (ไตรมาสปี ๒๕๕๓)

    ขอเชิญบูชาล็อกเกตรุ่น “หนุนดวงเศรษฐี” (ไตรมาสปี ๒๕๕๓)
    อธิษฐานจิตโดยครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า
    ลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้าโพธิญาณ
    บ้านหนองหญ้าขาว ต.หนองบัว อ.คง จ.นครราชสีมา


    ขอเชิญสาธุชนและคณะศิษยานุศิษย์ร่วมบูชาล็อกเกตรุ่น “หนุนดวงเศรษฐี” (ไตรมาสปี ๒๕๕๓) เพื่อสมทบทุนจัดสร้างและบำรุงเสนาสนะต่าง ๆ ภายในลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วโพธิญาณ เช่น อาคารปฏิบัติธรรม อาคารที่พักสงฆ์ โรงครัว เป็นต้น ซึ่งยังขาดทุนทรัพย์อีกจำนวนมาก ทางคณะกรรมการดำเนินงานจึงได้ขออนุญาตองค์พระครูบาเจ้า จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหนึ่งรุ่นคือ ล็อกเกตรุ่น “หนุนดวงเศรษฐี” (ไตรมาสปี ๒๕๕๓) เป็นกรณีพิเศษเพื่อหนุนดวง หนุนชะตา หนุนโชคลาภ หนุนการงาน ทำมาค้าขายคล่องตัว จะได้เป็นเศรษฐีในวันหน้า เพื่อมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาที่ประสงค์จะร่วมสร้างบารมีกับองค์พระครูบาเจ้าท่านในครั้งนี้

    ** วัตถุมงคลทุกรุ่นมีจำนวนจำกัด


    ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดมงคลในการดำเนินชีวิต และเป็นการเสริมชะตาหนุนดวง องค์พระครูบาเจ้าท่านได้ดำริ ให้คณะกรรมการดำเนินงานจัดเตรียมพิธีสืบชะตาแบบล้านนาเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้สาธุชนที่ร่วมสร้างมหาบารมี ได้รับอานิสงส์สูงสุด เพื่อเป็นการหนุนดวงและเสริมดวงชะตา ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงขอเชิญชวนสาธุชนทั้งหลายได้เดินทางมาร่วมงานออกพรรษาในวันเสาร์ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ณ ลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้า (รายละเอียดงานออกพรรษาดูได้จากลิ้งค์นี้ครับ) และรับมอบล็อกเกตที่ได้สั่งจองและโอนปัจจัยมาแล้วจากมือองค์พระครูบาท่าน ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสสำคัญ ครั้งหนึ่งในชีวิต

    ผู้มีจิตศรัทธาประสงค์ร่วมบูชาสามารถสั่งจองล็อกเกตได้ที่คุณมณฑล (๐๘๑-๘๒๒-๒๕๐๐) โดยโอนปัจจัยเข้าบัญชีธนาคารดังต่อไปนี้


    ชื่อบัญชี : พระเจษฎา โชติปญฺโญ และนายมณฑล พจน์พรวัฒนา
    ธนาคาร : กรุงเทพ
    สาขา : ทองหล่อ
    ประเภท : ออมทรัพย์
    เลขที่ : ๒๐๖-๐-๘๕๔๐๐-๓



    กรุณาแฟกซ์สำเนาเงินฝากพร้อมข้อมูลต่าง ๆ ในการสั่งจองล็อกเกตมาที่ ๐๒-๘๐๕-๕๓๐๘ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่คุณมณฑล (๐๘๑-๘๒๒-๒๕๐๐) โดยแจ้งข้อมูลดังนี้

    1. ชื่อและนามสกุล

    2. ที่อยู่

    3. เบอร์โทรศัพท์ที่สะดวกให้ติดต่อกลับ

    4. รายละเอียดและจำนวนของล็อกเกตที่สั่งจอง

    5. จำนวนเงินทั้งหมดที่โอน

    6. แจ้งความประสงค์ว่าจะมารับเองในวันออกพรรษาหรือไม่ (หากไม่สะดวกมารับเองในวันออกพรรษา ทางคณะทำงานจะจัดส่งไปให้ไปรษณีย์ EMS รบกวนช่วยค่าส่งเพิ่มเติม 50 บาท ภายใน 1 สัปดาห์หลังวันออกพรรษา)



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 199.jpg
      199.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.9 KB
      เปิดดู:
      161
    • 499.jpg
      499.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.1 KB
      เปิดดู:
      214
    • 999.jpg
      999.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.9 KB
      เปิดดู:
      127
    • 4999.jpg
      4999.jpg
      ขนาดไฟล์:
      196.7 KB
      เปิดดู:
      148
  13. watchayun

    watchayun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +54
    อย่าพึ่งด่าผมนะ รูปที่ท่านเห็นเป็นวงกลมๆ นั่น จากที่ผมเคยเล่นกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาก็นานพอสมควร ลูกกลมๆที่ท่านถ่ายได้นั้น มันเป็นฝุ่นละอองในอากาศครับ ใครมีกล้องลองถ่ายตอนกลางคืนเล่นดูนะครับ ได้วงกลมๆๆนั่นแน่ๆครับ
     
  14. watchayun

    watchayun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +54
    รูปที่บอกว่าเล็บเป็นพระธาตุ นั้น พวกท่านลองพิจรณาดูหรือยังครับ พวกท่านไม่รู้หรอกหรือว่า ท่านโดนแหกตา อยู่นะครับ รูปแรกที่เป็นเล็บนั้น ถ่ายด้วยกล้อง SONY DSC-H20 รูปที่ N448282.jpg ถ่ายเมื่อวันที่ Date Taken: 2010:03:18 09:47:05
    รูปสุดท้ายที่เป็นพระธาตุโดยสมบูรณ์ ถ่าย โดยกล้องโชนี่ ตัวเดียวกัน รูปที่ 6. jpg
    ถ่ายเมื่อวันที่ Date Taken: 2010:03:18 09:59:32 ผ่านไปกี่นาทีครับ เล็บเป็นพระธาตุไปเลย แต่ อย่าพึ่ง ครับ ยังไม่หายโง่ครับ ลองมาดูรูป กลางครับ ตอนที่กำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นพระธาตุครับ รูปที่ 4 .jpg ถ่ายเมื่อวันที่ Date Taken: 2010:03:23 23:37:09
    ลองคิดพิจรณาแบบชาวพุทธครับ อย่าไปหลงงมงาย ครับ อย่าโง่ให้เขาหลอกกัน :boo:
     
  15. watchayun

    watchayun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +54
    รูปขึ้นใหมนะ เนตเต่าๆๆ
     
  16. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ขอบคุณที่ให้ข้อมูล เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล คุณไม่เชื่อห้ามกันไม่ได้ค่ะ เอาวิชาการเทคโนโลยีที่คุณชำนิชำนาญ มาคอยจับผิดคนนั้นคนนี้ เอาเวลาไปสำรวจดูจิตใจของตนเองจะดีกว่าไหม และขอแนะนำอีกอย่างหนึ่ง ให้ไปทำการขอขมากรรมด้วย อย่าปรามาสใคร โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รู้ไหมว่าบาปกรรมตามทันเร็วมากนะคุณ บอกได้ก็เท่านี้แหล่ะ
     
  17. MayBuddhaBlessYou

    MayBuddhaBlessYou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,419
    ค่าพลัง:
    +9,538
    ขอแนะนำอีกอย่างนะ watchayun ให้ไปดูที่ website ของท่านได้ว่าคนเขาเคารพศรัทธาท่านมากแค่ไหน ภาระกิจทางศาสนาที่ท่านทำมากน้อยเพียงใด คิดแล้วก็สงสารคุณบอกตามตรงนะ watchyun นี่่ website

    http://www.larndhamkruba.net/
     
  18. watchayun

    watchayun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +54
    ผมไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมาจับผิดกันนะครับ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่นับถือศาสนาพุทธ นะครับ แต่อย่า อวิชามาบดบังปัญญานะครับ การที่เอารูปที่อ้างว่า เล็บตัวเองกลายเป็นพระธาตุนี่ มันเป็นอวดอุตตริ นะครับ ท่านก็คงรู้นะว่ามันผิดสิกขาบทร้ายแรงขนาดไหนครับ รูปมันฝ้องครับ ว่าใช้กล้องยี่ห้อและก็รุ่นของกล้อง และวันที่ที่ถ่ายรูปนะครับ ถ้าจะให้พิจรณาตามคววามเป็นจริง เล็บกลายเป็นธาตุได้ แล้วทำไมเส้นผมที่อยู่ในร๊อกเก๊ตไม่กลายเป็นพระธาตุด้วยล่ะครับ ถ้าท่านยังเชื่อเรื่องดวง เชื่อเรื่องหมอดู ก็แสดงว่าท่านยังไม่ชาวพุทธแท้ๆที่เข้าใจถึงธรรมของพระพุทธเจ้าครับ เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ว่า ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างล้วนเกิดจากกฎแห่งกรรม
     
  19. watchayun

    watchayun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +54
    วันนี้ผมลองกลับมาอ่านดูคำพูดที่ พระท่านกล่าว ยิ่งอ่านดู แล้วคิดพิจรณา ยิ่งรู้ว่าแหกตา เข้าไปอีก web master อย่าพึ่งล๊อกกระทู้นะครับ เพราะท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล ต่างๆได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • N448282.jpg
      N448282.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.7 KB
      เปิดดู:
      230
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      141.9 KB
      เปิดดู:
      166
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.1 KB
      เปิดดู:
      133
  20. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว ย่อมมีผลตามมา เพียงแต่ผลที่ตามมานั้น กาลเวลาที่ผ่านไปนานแสนนาน ทำให้ไม่สามารถจดจำได้ว่า สร้างเหตุอะไรมา

    สิ่งที่ทำในวันนี้ ย่อมส่งผลในวันหน้า............ อนิจจา....
     

แชร์หน้านี้

Loading...