จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ตอนนี้จริงจังมากเลยเครียดครับ

    เคยเป็นเหมือนกันช่วงก่อนจิตยก รู้ตัวว่าเป็นกิเลส จะมาดึงไว้อีกเหรอ
    ไม่ยอมหรอก เลยพิจารณาไตรลักษณ์ ของความเครียด ความอยาก ซะเลย ก็ดีขึ้น

    สุดท้ายถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็อาราธนาท่านพ่อช่วย แล้วนั่งสมาธิ ก็จะพบกับความอัศจรรย์ใจ

    เดี๋ยวจะหาที่เคย post ไว้ ก่อนจิตยกมา post ให้ใหม่นะคะ

    ขอให้ทุกท่านที่จ่อคิวอยู่ ยกจิตได้ในเร็ววัน เพี้ยง
    :cool:
     
  2. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    เอาแหล่ะ.. พอหอมปากหอมคอกันทั้งคู่แล้วเน้อออ..
    ปะ..ไป.. กลับไปส่องจิตตนเองกันต่อนะครับ ไม่ต้องไปส่องจิตของชาวบ้านนะครับ..

    อึดจัมอึด.. อึดจัมอึด.. ทำทำทำ ทำทุกที่ แล้วก็ทำทำทำ.. โร้ดดด..
    เดี๋ยวยกเป็นคู่ พร้อมกันไปเลยทั้งupline+downline...สาธุครับ
     
  3. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ไหนพี่ภู บอกว่าจะไปนอนไง แล้วทำไมยังออนไลน์อยู่
    ตอนนี้คุณแม่น้องพีพีคงจะยั้งปลื้มจิตไม่หาย
    ป่านนี้คงทำไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าลูกชายฟลุ๊กขึ้นมาได้ไง ฮ่าๆๆ
    ได้บารมีคุณแม่สุมาลีช่วยชีวิตไว้แท้ ๆ เลย
    คุณยายดันก้นหลานจนได้ดี อิอิ
    หนูก็ปลื้ม เพราะนี่คือจิตบุญตัวอย่างของรุ่นจิ๋ว
    บ้านเกิดเมื่อไรตำราจิตเกาะพระจะได้ฤกษ์ออกตามมาเมื่อนั้น
    ลูกหลานจิตบุญจะได้ยกจิตกันเป็นเส้นเป็นสาย
    เพราะคูณพ่อคุณแม่แข่งบารมีสร้างพระ
    แต่อย่าไปกดดันลูกหลานนะพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย
    เด็กนี้ต้องใช้อุบายหลอกล่ออย่างเดียวเลย
    แล้วก็ต้องใจเย็นใจดีมีเมตตาพูดกับเขาเพราะ ๆ
    เขาไม่ทำก็อย่าไปบังคับ แต่ผู้ใหญ่ฉลาดกว่าต้องรู้จักหาอุบายไปจูงจิตเด็ก
    ไม่เชื่อถามคุณแม่พีพีจิ ^^
     
  4. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    เมี่อกี้ไปหาภาวะก่อนจิตยกจะมา post ให้ดูใหม่ ไปเจอคำสอนสมเด็จองค์ปฐมที่ เคย post ไว้ เลยเอามา post ใหม่ค่ะ
     
  5. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    เย้หาเจอแล้ว อันนี้ค่ะที่พูดถึงไปใน post #4324

    คืนก่อน จะยก รู้สึกไม่สบาย ใจก็รู้สึกไม่ค่อยไหวแล้ว (ตอนนั้นรู้สึกไม่ไหวจริงๆ)ก็อาราธนาท่านพ่อช่วย แล้วนั่งสมาธิ

    รู้สึกกำลังใจ การวางอารมณ์ดีขึ้นมาก ตื่นเช้ามาก็ดีต่อเนื่อง อย่างที่เล่าไปข้างต้นแหละค่ะ ;aa41

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  6. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและขอโมทนาบุญด้วย......นะค่ะ
     
  7. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    อัญญะมณี, มาเล่าซะดีๆ คุณน้อง คนกำลังสนใจยาหอม รีบมาโฆษณาจิตเกาะพระให้ไวไว อิอิ
     
  8. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ภูทยานฌาน2 โห๋ พี่ภู จะมาราธอนไปถึงไหนเนี่ย สงสัยครูดัชไม่อยู่เลยคึกคักใหญ่ เพราะไม่มีคนจัดไม้เรียวให้ ไปนอนได้แล้วนะจ๊ะท่านพี่ที่รัก ชิ้วๆ^^
     
  9. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีค่ะคุณหมอ พี่เพ็ญมีเรื่องโลกกลมจะมาเล่าให้คุณหมอทราบ ลูกศิษย์คนหนึ่งของพี่เพ็ญอยู่ที่กระบี่เป็นเพื่อนกับครูดัช พอเอ่ยมาถึงคุณหมอ เขาบอกว่าสงสัยจะเป็นเพื่อน พี่เพ็ญก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่านะ แต่ก็ให้เบอร์คุณหมอไปแล้วค่ะ บอกให้เขาไปโมทนาบุญกับคุณหมอ เพราะเราเป็นสายบุญสมเด็จพ่อองค์ปฐมเหมือนกัน ตอนนี้ท่านปฏิบัติจิตบำเพ็ญชั้นที่ 14 ค่ะ ถ้าใช่ก็โมทนาบุญด้วยค่ะ ถ้าไม่ใช่เพ็ญต้องกราบขออภัยคุณหมอเป็นอย่างสูงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  10. ทิวลิปขาว

    ทิวลิปขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +1,555
    สาธุ อนุโมทนา
    ล้านๆๆครั้งค่า

    หน่อย
     
  11. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    การบ้านของคุณหน่อย เป็นธรรมทานแก่ท่านจิตบำเพ็ญทั้งหลาย

    ------------------------------------------------
    สรุปว่า วันนี้พยายามใช้สติมากๆดูจิต ดูกายไป
    พิจารณา ได้แบบพลิกแพลงเรื่อนไหลไปจบลงที่ไตรลักษณ์
    แต่สติยังช้าอยู่หนึ่งก้าว ที่ว่าให้มีสิ่งเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยสังเกตุเห็นมัน
    แต่บอกตัวเองนะว่าสติต้องไวกว่านี้ จะต้องเห็นขบวนการก่อตัวที่มันจะเกิดรูป


    นี่กะจะให้สติเห็นก่อนในสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น เลยหรือ..555
    เอาแค่ให้รู้เท่าทันก็พอแล้วนะครับ.. คือสติตามรู้ตามดูตามเห็น ณ.ขณะที่มีปัจจัยเริ่มเข้ามากระทบ
    กระทบตั้งแต่ที่อายะตนะทั้ง6 ของกายคือ
    ตา --> รูป
    หู --> เสียง
    จมูก --> กลิ่น
    ลิ้น --> รสชาด
    ผิวหนัง --> สัมผัส
    ใจ --> ธรรมารมณ์หรืออารมณ์
    เมื่อปัจจัยเหล่านี้ถูกรับรู้เข้ามาเป็นวิญญานรู้ส่งต่อมาที่"จิต"
    คราวนี้แหล่ะ จิต มันก็จะนำไปเปรียบเทียบกับ"สัญญา"(ความทรงจำ) จากนั้นจิตมันก็เริ่มที่จะ"สังขารา"(อุปทานปรุงแต่ง) เป็นไปต่างๆนาๆ สุดแล้วแต่หลากหลายรูปแบบ จนก่อให้เกิดเป็นธรรมารมณ์(อารมณ์)ที่จิตมันเสวยอารมณ์นั้นๆอยู่ นี่คือกะบวนการเริ่มของ"มโนกรรม"แล้วนะครับ 
    หากสติเผลอน่ะ จิตมันก็จะสั่งการให้กายแสดงออกเป็น "วจีกรรม" และ "กายกรรม" ออกมาหมดสิ้นเลย (ปี๊ดแตก+กระจาย)
    หากสติมาสายแต่ตามมาทัน สตินี้ก็จะยังช่วยให้ยับยั้งชั่งใจ ไม่แสดงออกทาง วจีกรรมและกายกรรม แต่ว่าภายในมโนกรรมหรืออารมณ์ที่จิตมันเสวยอยู่นั้น มันยังคงคุกรุ่นของมันอยู่ภายใน..
    อันนี้คือกระบวนการในการทำงานของมัน(อธิบายภาษาแบบบ้านๆคร่าวๆให้พอเข้าใจ ความจริงแล้วมันซับซ้อนพอสมควรเลย) ก่อทั้งรูปและนาม ทั้งหมดนี่จะใช้เวลาแป๊บเดียวในการที่จิตมันทำงาน (เห็นบางท่านว่า ความเร็วของจิตนี้ไวกว่าความเร็วของแสงหลายเท่าตัวนัก.. นึกไปก็แล้วกันว่ามันไวขนาดไหน..555)
    แม้นคุณหน่อยจะมี"สติที่รวดเร็ว"ปานใดก็แล้วแต่ ถึงจะรู้ได้เท่าทันกระบวนต่างๆตั้งแต่รับรู้ปัจจัยกระทบเข้ามา จนถึงที่สุดแสดงออกไปอย่างดีที่สุดคือ อุเบกขา, วางเฉย, อดทน, ขันติ, เย็นไว้ๆลูก, หรือจะอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าจิตเรามันเสวยอารมณ์โกรธ(สมมุติว่าโกรธนะ) ไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว..555 (too late..)
    แล้วอย่างงี้ จะทำยังไงง่ะ? นี่ขนาดสติไวโคตรๆแล้วนะ..
    ตอบ: ก็คงจะมีแต่"ปัญญาวิมุติ" เท่านั้นแหล่ะที่จะไป"หยุด"ในระหว่างกระบวนการทำงานของจิตได้..
    แล้วไปหยุดตรงไหน?
    ตอบ: หยุดตรงที่ "อุปทานสังขาราปรุงแต่ง" ยังไงหล่ะ.. 
    หยุดอย่างไร?ล่ะ ในเมื่อจิตมันมีความเร็วยิ่งกว่าแสงเสียอีก..
    ตอบ: โดยการสอนให้จิตมี"ปัญญาวิมุติ" แล้วตัวจิตมันเองนั่นแหล่ะมันจะเป็นตัว"หยุด"ของมันเอง เป็นอัตโนมัติ.. โดยมันก็ไม่ไปปรุงแต่งต่อยอดออกไปแถมไปด้วย มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรม..
    แล้วทำยังไงถึงจะมีปัญญาวิมุติและเป็นอัตโนมัติ?
    ตอบ: จิตก็ต้องมี"ปัญญาญาณ"
    แล้วทำไงให้จิตมันมี"ปัญญาญาณ"?
    ตอบ: ก็ต้องทำให้มันมี"วิปัสสนาญาณ"ก่อน แล้วทำไปบ่อยๆมันก็จะเกิด"ปัญญาญาณ"เอง..
    แล้วทำงัยถึงจะมี"วิปัสสนาญาณ"?
    ตอบ: วิปัสสนาญาณนั้นก็คือ การที่จิตมันทำการวิปัสสนาพิจารณาสิ่งต่างๆเป็นไปอย่างอัตโนมัติ(คือจิตมันทำของมันเองโดยไม่มีการไปบังคับหรือกำหนดมันอีกแล้ว) ส่วนที่ว่าทำอย่างไรนั้น ก็คือ
    1. ต้องมีสติระลึกรู้ตื่นตัวอยู่เสมอๆ ตามดูตามรู้ รู้ๆๆๆๆๆๆ รู้ซึ่งปัจจัยที่เข้ามากระทบทุกๆเรื่องเห็นเกิด-ดับ พิจารณาไตรลักษณ์..
    2. ต้องมีกำลังบาตรฐานจาการที่จิตจะต้อง"ทรงฌานสูง+ต่อเนื่องตลอด"ทุกเวลานาที..
    3. ต้องหมั่นทำการ"วิปัสสนึก"หรือพิจารณาในขันธ์5อยู่เนืองๆ เพื่อไปกำหนดหรือบังคับอบรมสั่งสอนให้จิตมันมีปัญญารู้แจ้งในสรรพสิ่งต่างๆ.. 
    เมื่อองค์ประกอบทั้งสามดังกล่าวมาบรรจบกัน (จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้หรือให้น้ำหนักอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ไม่ได้อีกเช่นกัน..ต้องพอดีๆ..ทางสายกลาง..) ปฎิบัติอย่างต่อเนื่องมันก็จะเกิด"วิปัสสนาญาณ" ขึ้นมาได้เองนะครับ..
    หมายเหตุ: นี้คือหัวใจของการเดินมรรคขั้นสูง สำคัญมากๆและจะต้องจดจำเอาไว้ให้ดีๆนะครับ..

    ------------------------------------------------

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  12. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    สวัสดีค่ะครูเพ็ญ ดิฉันได้ส่งการบ้านแรกให้ครูเพ็ญแล้วนะคะ และจะเริ่มฝึกปฏิบัติแล้วค่ะ
     
  13. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ โอ้ เป็นอนาคต ของชาวพุทธจริงๆ ปกติลินดาไม่ค่อยขนลุก นี่ขนลุกเลยค่ะ ปลื้มที่มีท่านตัวเล็กตัวแค่นี้เข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า สู้ลำบากเผยแผ่โปรดแก่เหล่าเวนัยสัตว์ แต่เราสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังไม่วายเข้ารกเข้าพง เร่งออกจากรกจากพงกันเถอะท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  14. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดดลบันดาลให้คุณแม่ของคุณสุชาดา ก้าวพ้นความเจ็บป่วยโดยพลัน และเราขออุทิศบุญที่ได้ทำมาทั้งหมดแก่ คุณแม่ของคุณสุชาดาค่ะ
     
  15. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุ โมทนาสาธุการกับน้องพีพี
    จิตบุญน้องใหม่ที่อายุน้อยที่สุดของกลุ่มจิตบุญ
    โมทนาบุญคุณน้องหนู คุณแม่สุมาลี พี่เพ็ญและ
    ครอบครัวจิตบุญ สุดยอด :cool: :cool: :cool:
     
  16. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุคะพี่เพ็ญ......

    แอ๋วขอกราบอาราธนาคุณพระรัตนตรัย และสมเด็จพ่อองค์ปฐมช่วยคุ้มครองและปกปักษ์รักษาคุณแม่ของคุณสุชาดาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเร็วพลัน
    และขอแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลทั้งหมดของข้าพเจ้าไปยังเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่ของคุณสุชาดาหากท่านได้สำเร็จบุญแล้วขอจงอโหสิกรรมให้ทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ สาธุ.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    เรื่องเล่าจากคุณแม่จิตบุญ ๔

    ยังงงกับการขึ้นพระนิพพานของลูกอยู่เหมือนกันค่ะ ขอเล่าประสบการณ์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ

    สิ่งที่ทำประจำคืออุทิศบุญให้พีพี เทวดารักษาตัวพีพี และเจ้ากรรมนายเวรพีพีค่ะ
    โดยพื้นฐานแล้วพีพีเป็นเด็กช่างถาม เจ้าปัญญา จอมพลัง แต่ว่าขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเอง และเป็นจอมอาละวาดให้ปวดหัวอยู่เสมอ เค้าคือบททดสอบประจำบ้านค่ะ

    ประมาณ 3-4 ขวบ สอนเค้้าว่าศีล 5 มีอะไรบ้าง แล้วก็ไล่ถามทีละข้อ ทดสอบว่าเค้าจำได้มั้ย พอเห็นว่าเริ่มจำได้แล้วก็ถามไม่เรียงตามข้อค่ะ เช่น ข้อ 3 ห้ามอะไร ข้อ 1 ห้ามอะไร ก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่ทุกครั้งที่ถามจะทำเหมือนเล่นเกมส์ทายปัญหากันน่ะค่ะ บางครั้งเห็นเค้ากำลังจะตีมด ก็จะรีบบอกว่าไม่ได้นะพี ถ้าฆ่ามดจะผิดศีลข้อไหน เค้าก็จะคิดตาม คราวหลังก็ไม่ทำอีกค่ะ เค้าจะมีวิปัสนามาเรื่อยๆ ตามความคิดของเค้าค่ะ เช่น ข้าไ่ม่อยากตาย
    ฯลฯ

    น่าจะเริ่มให้พีพีดูภาพพระประมาณเดือนเมษายนปีนี้ (ไม่แน่ใจ) เปิดกระทู้จิตเกาะพระนี่หล่ะค่ะให้เค้าดูภาพ แล้วก็ถามเค้าว่าชอบภาพไหน เค้าบอกว่าชอบภาพพระวิทสุทธิเทพที่เป็นแก้วใส ก็เลย save เป็น wallpaper ในคอมฯ ชวนเค้าดูภาพ พีจำภาพนี้ได้มั้ย เค้าก็บอกว่าจำได้ แล้วก็เล่นเกมส์ทายปัญหาเหมือนเดิม พระใส่เข็มขัดหรือเปล่า มีสร้อยมั้ย มีชฎามั้ย ชฎาเป็นยังงัย รองเท้าเป็นยังงัย ใส่เสื้อหรือเปล่า ฯลฯ แล้วก็จะถามเค้าเรื่อย ๆ ประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ว่ายังจำภาพพระได้หรือเปล่า เวลาถามก็ทำให้น่าสนใจ เช่น พระคิดถึงพีนะ พีนึกถึงพระบ้างหรือเปล่า, แม่จำไม่ได้แล้วว่าพระใส่เสื้อหรือเปล่า พีจำได้มั้ย, แล้วรองเท้าหล่ะ ใช่ปลายแหลมหรือเปล่า, พระใส่กำไลหรือเปล่า

    ก่อนนอนก็จะพุทโธทุกวัน เค้าจะออกแบบเองว่าท่องแบบไหน
    พุทโธ 3 ครั้งติดกันแล้วหยุด พุทโธ 3 ครั้งติดกันแล้วหยุด พุทโธ 3 ครั้งติดกันแล้วหยุด
    กราบย่า 1 ครั้ง กราบปู่ 1 ครั้ง แล้วถึงจะนอน พอกราบย่าแล้ว ย่าต้องให้พรว่า "บุญรักษา" ถ้าไม่พูดต้องมีทวงกันด้วย ถ้าวันไหนปู่ไม่อยู่ก็จะกราบหมอนปู่แทน

    ตั้งแต่เดือนสิงหามานี่ลูกไม่สบายบ่อยมากค่ะ พอเริ่มพลบค่ำจะหายใจไม่ออกเหมือนแพ้อากาศพอเริ่มดีขึ้นสัก 2-3 วันก็เป็นใหม่ จนเมื่อ 3 คืนที่ผ่านมานอนละเมอทุกคืน เหมือนต่อสู้กับใครไม่รู้ ทั้งถีบ ทั้งทุบ ทั้งดิ้น ร้องอาละวาดเสียงดังมากๆ เลยฝากแม่สุมาลีดูให้เมื่อวาน เมื่อวานนี้อาละวาดหนักกว่าทุกคืน พ่อพีพีนั่งสมาธิดูก็เห็นเป็นผู้หญิงใส่สไบสีเหลือง โจงกระเบนสีเขียวยืนโน้มตัวไปบีบจมูกพีพีอยู่ พอเค้ามาเล่าให้ฟังก็ขนลุกไปทั้งตัว แฟนก็ไปเล่าให้แม่เค้าฟัง ขณะเล่าแม่แฟนก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะอยู่ข้างๆ พอพีพีสงบลงก็เลยกำหนดถามเค้าว่าเป็นใคร ต้องการอะไร เท่านั้นแหละ พีพีก็ร้องออกมาดังๆ ดิ้นไปดิ้นมา ก็เลยอาราธนาสมเด็จพ่อองค์ปฐมมาซ้อนเค้าไว้ เห็นท่านชัดมากๆค่ะ เป็นประกายพรึกสวยมากค่ะ นึกว่าจะดีขึ้น พีพีกลับร้องหนักยิ่งกว่าเดิมอีก ก็เลยต้องเข้าไปปลุกให้ตื่น หลังจากนั้นก็กำหนดจิตอุ้มเค้าเข้ามานอนบนตักหนู ซ้อนอยู่ในสมเด็จพ่ออีกทีค่ะ

    ตอนประมาณ เที่ยงคืนครึ่งแม่สุมาลีก็โทรมาค่ะ บอกว่าไปดูที่วิมานพีพีมีทั้งเจ้ากรรมนายเวร วิญญาณมาขอส่วนบุญล้อมรอบวิมานเป็นชั้นๆ เต็มไปหมดเลย เยอะมาำกๆ แม่ก็เลยอุทิศบุญให้ เค้าก็รับแล้วก็ไปกัน ระหว่างที่คุยกับแม่พีพีก็เริ่มร้องอีกแล้ว ยิ่งคุยก็ยิ่งอาละวาดหนักดังขึ้น จนแม่สุมาลีบอกว่าเดี๋ยวไปดูให้ใหม่ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น คราวนี้แม่กำหนดดูที่ตัวพีพีเลย
    ก็เลยรู้ว่าเป็นเจ้าที่ที่บ้าน เค้าอยากให้เลี้ยงอาหารเค้าบ้างค่ะ ก็ทำการตกลงกัน ว่าวันนี้จะทำให้

    ตอนเช้าวันนี้แม่สุมาลีก็ขึ้นไปที่วิมานของพีพีอีกว่าเป็นอย่างไร พร้อมทั้งอาราธนาท่านพ่อไปด้วย วิมานเค้าใสสวยงาม แล้วอยู่ดีๆ พีพีพร้อมทั้งวิมานก็ลอยตามสมเด็จพ่อไปเฉยเลย แม่สุมาลีก็ถามว่าพีพีจะไปไหน พีพีก็ไม่หยุด จนถึงแดนพระอนาคามีก็ยังไม่ยอมหยุด แม่ก็เลยอุทิศบุญให้ วิมานพีพีก็ไปหยุดอยู่ที่พระนิพพาน ท่านพ่อบอกว่า ท่านชอบเด็กคนนี้ บารมีเค้าเยอะ ปล่อยไว้ข้างล่างไม่ได้ มารเยอะเหลือเกิน ขนาดสามจิตบุญอยู่ด้วยยังช่วยไม่ได้เลย เอาไว้ข้างบนนี่หล่ะ ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวเค้าจะปรับตัวได้เอง

    เมื่อทราบเรื่องแล้วก็เลยทำบุญกับพีพีเป็นคนแรกค่ะ :)
    บ้านนี้จะทำบุญเป็นคนแรกเวียนกันอยู่ในบ้านเนี่ยล่ะค่ะ
    ตอนหนูยกจิต สามีก็ทำบุญเป็นคนแรก
    แม่สามียกจิต พ่อสามีก็ทำบุญเป็นคนแรก
    สามียกจิต พีพีก็ทำบุญเป็นคนแรก
    พีพียกจิต แม่พีพีก็ทำบุญเป็นคนแรก 5555555
    รอพ่อสามีอยู่ค่ะ แม่สามีคงจะจองเป็นคนแรกค่ะ 55555

    วันนี้อัศจรรย์ใจเรื่องอารมณ์ของพีพีมากๆ ค่ะ เค้าไม่โวยวาย และไ่ม่โมโหเลย พูดและรับฟังด้วยเหตุผล ผิดจากทุกๆ วันที่ผ่านมามากๆค่ะ โมทนาสาธุกับพีพีค่ะ

    น้องหนู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  18. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    คุณเมธญาใช้ชื่อในอีเมลว่าอะไรคะ พี่เพ็ญหาไม่เจอค่ะ ในจดหมายขยะก็ไม่มี :'(
     
  19. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ใจ เป็นสภาวะเดิม ชื่อว่ามโน ,จิตตะก็ว่าได้ ,ภูตะก็ว่าได้ หรือพรหมะก็ใช่ใจอันเป็น ของเดิมนี้แล เป็นธรรมชาติผ่องใส มีปกติผ่อง มีรัศมี มีความใสสว่าง แต่เศร้าหมองแล้วเพราะอารมณ์ และสรรพกิเลสที่จรเข้ามา อริยสาวกของพระตถาคตเจ้า ได้สดับแล้ว ย่อมทำจิตแยกใจ ของตนปล่อยวางความคิดให้หลุดพ้นจากอารมภ์ และกิเลสทั้งหลายที่จรเข้ามานั้นได้ ให้ใจใสเป็นประดุจน้ำนิ่งบริสุทธิ์สะอาด หลุดพ้นตะกอนที่ขุ่นมัว เป็นพุทโธที่รอคอยเราๆท่านๆอยู่ฝั่งอมตะนิพพาน ใจคือพุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ไม่ตาย เมื่อแยกตัวออกจากอารมภ์แล้ว ใจก็อยู่เหนือสังขารโลก พ้นสิ่งที่เกิดดับไม่ต้องอาศัยอะไรอยู่ เหมือนฟ้าไม่ต้องอาศัยดินอยู่ รู้แล้ววาง วางแล้วว่าง ว่างแล้วอยู่ อยู่แล้วพุทธะ

    ท่านพระคุณเจ้า ดาบส สุมโน
    อาศรมไผ่มรกต
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เมื่อถึงคราวอับจนสิ่งใดเป็นที่พึ่งที่อาศัย​


    จะขอกล่าวถึงท่านพระอาจารย์มั่น เมื่อครั้งท่านไปนั่งสมาธิที่เมืองลาว ที่นี้ก็เมื่อถึงตอนกลางคืน ท่านก็ไปนั่งอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เพราะท่านเห็นว่าเป็นที่สงัด เงียบสงัดดีไกลผู้คน ใครไม่มารบกวน ถึงแม้ว่าจะมีเสือสางนางร้าย จะเข้ามาในที่นั่น แต่ท่านก็ไม่กลัว คือสละชีวิตแล้ว เดินธุดงองค์เดียว ก็ไปบำเพ็ญอยู่ที่นั่น ทีนี้พอตอนบ่าย ประมาณสักสองโมง ท่านก็นั่งสมาธิอยู่ พอนั่งสมาธิจนจิตใจเคลิ้มๆ หรือสงบลงหน่อยหนึ่ง ก็เห็นชีปะขาวหรือพ่อขาวแก่ๆ นุ่งขาวห่มขาวเป็นผู้ชายเดินเข้ามา นิมนต์ว่า หลวงพ่อขึ้นไปอยู่เชิงเขานู้นเถอะ เพราะว่าน้ำป่าจะมา จะมีอันตรายให้โยกย้าย ขึ้นไปอยู่บนเขานู้นเถอะ แล้วหลังจากนั้น พ่อขาวชีปะขาวก็หายไป ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ท่านพระอาจารย์มั่นก็สงสัย เอ๊ะอะไรกัน มีคนมาบอก ว่าน้ำป่าจะมา ฝนจะตกใหญ่ ทีนี้ก็ลองถอยสมาธิออกมา ลืมตาออกมาดูทั่วๆ รอบๆ ฮืม! ยังเห็นเดือน ยังแจ่มแจ๋วอยู่ บนท้องฟ้าไม่มีเมฆหมอก ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง มันจะมีอะหยั๋ง ฝนที่ใหนจะมา น้ำที่ใหนจะมา มันจะมาจากทางใหน ถ้าฝนจะตกตามธรรมดา มันต้องตั้งเค้า ท้องฟ้าจะต้องมืดครึ้ม
    ทีนี้ท่านก็ไม่เชื่อ เพราะไม่เห็นจะมีอะไร แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ลองหยั่งดูด้วยญาณของเราเองดูก่อน อันนี้ก็คล้ายๆกับพระพุทธเจ้าของเรา ที่เทวดามาบอกอันนั้น มาบอกอันนี้ ท่านก็ไม่เชื่อ ต้องรู้ด้วยตนเอง จึงจะกระจ่างในความคิด ความเชื่อ
    เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ คิดจะไปโปรดท่านอารามดาบส อุทกดาบส แล้วมีเทวดามาบอกว่าท่านตายแล้ว เมื่อวานนี้เอง พระพุทธเจ้าก็ยังไม่เชื่อ ก็เลยเข้าญาณของตัวเอง แล้วเห็นว่าเป็นจริงอย่างที่เทวดามาบอก ทีนี้ส่วนท่านอาจารย์มั่น ก็เข้าญาณดูว่าจะจริงหรือจะเท็จ ท่านก็ตรวจดูว่ามันจะเป็นอย่างไร จะจริงอย่างที่เทวดามาบอกจริงหรือ ท่านก็นั่งสมาธิจิตใจเข้าที่ ก็ปรากฎนิมิตรเห็นว่า ฝนเกิดขึ้นทางเหนือแล้วก็มีน้ำใหญ่มารุนแรงมากทีเดียว แต่ท่านก็ไม่คิดว่าเป็นความจริง ท่านคิดว่ามันยังอยู่ไกล ท่านพระอาจารย์มั่นก็ยังอิดๆออดๆ เพราะฮักอยู่ในทีนั้น มีความอิ่มใจ ก็นั่งทบทวนอยู่ในที่นั้นแม้เทวดามาบอกให้รีบไป แต่สักประเดี๋ยว ท่านก็เอะใจ เสียงอะไรอู้ๆ มาเหมือนกับหูจะแตก เหมือนกับมีรถไฟ ๓-๔ ขบวนมาชุมนุมกัน และท่านก็นึกทบทวนได้ว่า อ๋อนี่น้ำป่ามาแล้วนี่ พอนึกได้อย่างนั้น ว่าเป็นจริงตามที่เทวดามาบอก ก็รีบเก็บกลดบาตร อัฐบริขาร พอเก็บกลดเสร็จจะออกเดินเท่านั้นเอง น้ำป่าก็เข้ามาถึงตัวท่าน ก็ชนปั้ง!เข้าให้ เหมือนกับรถที่มาแรงๆ แล้วก็ชนท่านกระเด็นไปเลย เมื่อท่านกระเด็นไปแล้ว ก็ขาดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ต่อเมื่ออยู่บนก้อนผาสูงแห่งหนึ่ง ไปอยู่บนก้อนผาสูงแห่งหนึ่ง ท่านก็นึกทบทวนดูว่า เรามาอยู่บนนี่ได้อย่างไร น้ำป่ามาปะทะตัวเรา ชนกระเด็นไป แล้วเรามาอยู่บนโขดหินผาได้อย่างไร ท่านผู้ฟังทั้งหลาย ก็เป็นอันตัดสินรู้ได้ว่า เทวดาที่มาบอกเรานั่นเอง ท่านช่วยไว้
    นี่ก็คือถึงเวลาอับถึงเวลาจน พุทธบริษัทคนไทยเรา ก็หั่นไปพึ่งเอาสิ่งที่เป็นวัตถุก็ดี วิญญาณก็ดี เทพเจ้าทั้งหลายก็ดี ก็มักจะหันไปเอาสิ่งเหล่านั้น มายึดเหนี่ยว เวลาเกิดภัยพิบัติขึ้นมา สิ่งที่มาใกล้ตัวเรา หรือสิ่งที่คนอันมากหลาย กล่าวกันบ่อยๆ พูดกันหนาหูว่าปีค.ศ.๑๙๙๙เขาทำนายกันว่าจะมีภัยพิบัติ เกิดขึ้นแก่โลก ความพินาศจะบังเกิดขึ้นแก่โลกมนุษย์เรานี้ คำทำนายที่ใช้กันทั่วไป ก็เป็นภัยที่มาจากนอกโลก ภัยพิบัติจะมาในรูปแบบใหน อันนี้ก็เล่าลือกันไปในแบบต่างๆ เป็นต้นว่าเมืองกรุงจะทรุด จะจมลงในแม่น้ำ หรือเมืองชายทะเลจะจมใต้น้ำหมด เมืองไทยถึงจะไม่จมไปหมด แต่บางส่วนก็ถูกภัยคุกคาม เช่นแผ่นดินไหว แผ่นดินทรุด ก็พูดต่อๆกันไป ปากคนยาวกว่าปากกา ก็กลายเป็นข่าว ทีนี้พวกที่มีความรู้ก็ผสมผสานกันไป พวกที่มีความรู้เป็นต้นว่า นักดาราศาสตร์ นักโหราศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ มาจนถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ชุมนุมกัน จนถึงกับพิมพ์หนังสือออกแจกจ่าย ถึงเรื่องการเตรียมตัวที่จะป้องกันภัย หาที่คุ้มครอง ภัยอันตรายที่จะมาถึง อันนี้ก็มาพูดถึงมนุษย์ต่างดาว เขาจะมาอย่างไรก็ไม่รู้ จะมาออกในทีวี เขาก็เชิญออกทีวีทั่วๆไป ก็มาเตือนถึงเรื่องภัยต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมานี้เหมือนกัน ว่ามันจะมีจะเกิดขึ้นในระยะที่กล่าวมานั้น ทีนี้จะเป็นจริงหรือไม่แค่ใหน ก็ย้อนมากล่าวถึงท่านหลวงปู่ธรรมเทพโลกอุดร หลวงปู่ธรรมเทพโลกอุดรนี้ ก็คนไทยเกือบครึ่งเมือง นับถือว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นพระสำเร็จอภิญญา เป็นผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่ใกล้ชิดท่านหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็คือหลวงปู่หลุ่น ท่านอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง มีอะไรท่านก็ติดต่อกันได้ กับหลวงปู่เทพโลกอุดร และท่านก็เคยพบกัน แล้วทีนี้สิ่งที่สำคัญ คือท่านว่าปากคนยาวกว่าปากกานั่นแหละ ดังที่ว่าโลกจะแตกจะเติกอะไรกันนั่น โลกมันไม่แตกอะไรหรอก ก็หลักสำคัญมันอยู่ในตัวคนเรานี้เอง และอีกประการหนึ่งก็คือบ้านเมืองในระยะนี้เศรษฐกิจมันจะพัง เศรษฐกิจจะพังแล้วคนเราจะยากจน จะผิดจะเถียงกันคนครัวเรือนเดียวกัน ก็จะแตกแยกเหินห่าง คนที่เคยอยู่ด้วยกันมีความสุขก็จะลาจากกัน ไอ้คนที่เคยรักกันก็จะแตกแยกกัน ผัวเมียก็จะทุบตีผิดเถียงกัน ไม่สมัครสมานสามัคคีกัน แต่ท่านเตือนไว้ว่า อย่างไรก็ดี ขอให้มีศีล ยึดมั่นในศีลในภาวนา ในคุณงามความดีทั้งมวล
    มันไม่เป็นอะไรหรอก และท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรสั่งมาทุกปี ให้สืบชะตา เมื่อถึงคราวอับจนขึ้นมา ก็ย่อมปลอดภัยเสมอ อย่างน้อยก็อยู่ดีมีสุข เมื่อมีข่าวขึ้นมา ท่านว่าความจริงแท้จะเป็นอย่างไร เราก็อย่าพึ่งไปเชื่อเสียทั้งหมด และก็อย่าไม่เชื่อเสียทั้งหมด แต่หลักสำคัญที่ท่านสอน ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้ตั้งอยู่ในคุณงามความดี ตั้งอยู่ในศีลภาวนาเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามถึงเวลา ฉุกเฉินขึ้นมาก็ย่อมจะถึงความสวัสดีทุกเมื่อ ขอยุติเนื้อความย่อๆลงแต่เพียงเท่านี้

    เมื่อถึงคราวอับคราวจน
     

แชร์หน้านี้

Loading...