** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

โมทนาสาธุด้วยครับพี่ตุ้ย และพี่ ๆ ทุก ๆ ท่าน อยากไปด้วยจัง...

 

อนูโมทนาด้วยครับ.......สาธุ

 

คนไทยเชื้อสายจีน เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และหน้าที่การงานธุรกิจ เท่าที่ทราบในเขตจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ จะนิยมเลือกไปกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 3 แห่ง คือ 1. รอยพระพุทธบาท สระบุรี 2. วัดพนัญเชิง อยุธยา และ 3 วัดหลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา (เฉพาะข้อที่ 3. ไม่ทราบรายละเอียดว่าเปิดให้ไหว้ตอนกลางคืนในคืนวันเทศกาลตรุษจีนหรือไม่ )

เฉพาะข้อ 1 และ 2 จะนิยมไปไหว้ 3 ช่วงเวลาคือ ช่วงที่ 1: 23.00 น. / ช่วงที่ 2: 01.00 น และช่วงที่สาม : 05.00 น. (ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นการถือเคล็ดฤกษ์ยามหรือเกี่ยวกับเจ้าองค์ต่างๆที่คนจีนนับถือ ลงเวลานี้หรือไม่..? )

แต่สำหรับพวกเรา รู้แต่ว่า ไหว้ตอนตี 1 ดีกว่าตอนกลางวันเยอะ ไม่ร้อน อากาศเย็นสบายๆ ลมโชยๆ คนไม่แน่น ที่สำคัญรอยพระพุทธบาทเปิดไฟตอนกลางคืนสวยงามมากเลยครับ

ลงมาด้านล่าง เจอวิหารเก่า (วิหารยกช้างเสี่ยงทาย) แต่ก่อนเอาไว้เป็นที่เฉพาะเก็บของเก่าต่างๆ เช่น พระพุทธรูปสมัยอยธุยา และยอดฉัตรคลุมวิหารอันเก่า (อายุประมาณ 300 กว่าปี ) พากันเข้าไปกราบสักการะ กลับเจอเรื่องประหลาดใจ

ในวิหารเดี๋ยวนี้มีรูปพระบูชา รูปหลวงปู่ทวด สมเด็จพุฒจารย์โต และที่แปลกใจก็คือ มีรูปพระบูชาหลวงปู่ดู่ เราวางอยู่บนพาน หน้ารูปหลวงปู่ทวดด้วย พากันปิติ มาเจอหลวงปู่ท่านที่นี่อีกจนได้...

ภายในบริเวณเดี๋ยวกัน เดินออกมาด้านนอกอีกสักนิด จะเห็นโรงเจพระพุทธบาท ที่นี้คนจีนจะนิยมมาไหว้กันมาก มีแม้กระทั้งเดินทางตรงมาจากสิงคโปร์ มาเลเซีย เพื่อมาไหว้เป็นการเฉพาะ ภายในโรงเจมีวิหารปู่โสมเป็นไฮไลท์ (ขอโชคลาภ ขอความมั่งมี มั่นคง ศรีสุข) / มีวิหารไต๋ฮงก้ง (ขอสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ไม่ตาย) และวิหารเจ้าแม่ทับทิม (เทพเจ้าทางน้ำ มักนิยมขอโชคลาภทางการค้าขาย พวกเราอ่านภาษาจีนไม่ออก ก็ไหว้ตามอาแป๊ะ อาโก่ง อาม่าเค้า เสร็จก็ร่วมกันทำบุญโรงศพ ก็สบายใจดี

ถัดออกถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายไปสักนิด จะเจอโรงทาน จะเป็นสถานที่สงเคราะห์คนยากไร้ ท่านใดมีโอกาสอยากทำบุญกับคนแก่ผู้เฒ่า คนจนยากไร้ เชิญได้ที่นี้เลยครับ

 

ผมได้รับขุนแผนเสด็จกลับ หลวงปู่สุภา ที่จะมาร่วมสนุกหาผู้โชคดีจากพี่โจแล้วครับ จึงนำภาพมาฝากเพื่อนสมาชิกครับ(เห็นมวลสารแล้วอยากได้เลยครับ)

ส่วนเรื่องเปิดให้เลือกหมายเลขเมื่อไหร่ให้พี่โจ(เจ้าของพระ) จะเป็นผู้เปิดเองครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยผมจะแจ้งให้ทีหลังครับ ขอบคุณครับ

 

อยากได้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...

 

อิจฉาลุงๆๆ จัง เอ้ย!!พี่ๆๆจริงๆเลย นัดรวมกลุ่มกันเที่ยว กันเข้าวัดตลอดเลย

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 24/01/2012 เวลา 08:45:57
คุณสุวรรณ์ RF 7226 8040 6 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธรรมศักดิ์ EI 1219 8319 1 TH ขอบคุณมากครับ
คุณจิรวัฒน์ EI 1219 8321 4 TH ขอบคุณมากครับ
คุณสรรชัยทิพย์ EI 1219 8320 5 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธรรมนันท์ EI 1219 8322 8 TH ขอบคุณมากครับ
คุณจงเกษม EI 1219 8323 1 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธวัชชัย EI 1219 8324 5 TH ขอบคุณมากครับ
คุณนฤมล EI 1219 8325 9 TH ขอบคุณมากครับ
คุณแม็กซ์ EI 1219 8326 2 TH ขอบคุณมากครับ

(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)

 

คาดว่ากระทู้นี้จะว่างไปอีก 2 วันใครมีพระสวยๆมาให้ชมกันบ้างดีกว่านะ ของเสียงเจ้านิวส์ พี่SKTC พี่Max สมาชิกทุกท่านเลยครับเอามาแบ่งให้สมาชิกชมกัน ได้ศึกษากัน จะได้ไม่เหงานะครับ

 

เรียน พี่ตุ้ย
ผมส่งเงินให้แล้วครับ ธ.กรุงเทพ สาขาสุขุมวิท 77 วันที่ 24 มค. 55
จำนวนเงิน 987 บาท
รายการ 1004 จำนวน 3 องค์ครับ
กรุณาส่งพระให้ผมที่
สิทธิวัชร์ ภูวพัชรีรัตน์
449/172 ถนนสวนตะไคร้
ต.สนามจันทร์ อ.เมือง
จ.นครปฐม 73000
ขอบคุณครับ
สิทธิวัชร์ (ภูวพัชร์59)
อัพโหลดรูปใบโอนไม่ได้ครับ

 

รูปไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าสาเหตุนี้หรือป่าวพี่อิฐมอญ

 

นั่นสิ ไว้ค่อยอัพใหม่ล่ะกัน ^^

 

ประวัติโดยย่อ <O</O​

หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape style="WIDTH: 262.5pt; HEIGHT: 288.75pt" id=_x0000_i1025 alt="หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\HI-END~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" o:href="http://www.kohtaotoday.com/monk/supa_01.jpg"></v:imagedata></v:shape><O</O​

หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ท่านได้ถือกำเนิด ที่บ้านคำบ่อ ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2439 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก (มีอายุมากกว่าหลวงปู่ดู่ 8 ปี)
<O</O
เมื่อหลวงปู่สุภามีอายุได้ 9 ขวบ บิดามารดาได้นำท่านบวชเป็นสามเณร โดยมีพระอาจารย์สอน เป็นพระอุปัชฌาย์ สามเณรสุภาได้ใช้เวลาศึกษามูลกัจจายน์อยู่ที่วัดไพรใหญ่ เป็นเวลาหลายปี เมื่อเรียนจบแล้วได้กราบลาอาจารย์เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม ที่สุดจึงได้หลวงปู่สีทัตต์ ที่วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เป็นพระอาจารย์
<O</O
หลวงปู่สีทัตต์ ท่านเป็นพระป่า มีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน และทรงวิทยาคมคาถาอาคมเป็นที่สุด ว่ากันว่าหลวงปู่ฯท่านได้วิชาอาคมด้านต่างๆ จากสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว จนครบครัน
<O</O
สมเด็จลุน ท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์ของประเทศลาว พระเกจิอาจารย์ทางภาคอีสาน แถบลุ่มแม่น้ำโขง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังล้วนฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านทั้งสิ้น สมเด็จลุนท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมาย เหลือจะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ จะขอกล่าวไว้พอเป็นสังเขป สมเด็จลุนท่านสามารถเดินข้ามแม่น้ำโขงด้วยเท้าเปล่า และบางครั้งท่านจะไปนั่งสรงน้ำกลางแม่น้ำโขง นี่คืออิทธิปาฏิหาริย์ของท่าน
<O</O
ในบรรดาลูกศิษย์ของสมเด็จลุน หลวงปู่สีทัตต์ ถือเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการถ่ายทอดตำราวิทยาคม จากสมเด็จลุนจนหมดสิ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกไม้จะหล่นไกลต้น เมื่อสามเณรสุภา ได้กราบนมัสการหลวงปู่สีทัตต์แล้ว ได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สีทัตต์ได้รับสามเณรสุภาเป็นศิษย์ด้วยความยินดี
<O</O
นับว่าหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานองค์แรก ของสามเณรสุภา
<O</O
สามเณรสุภาได้เริ่มฝึกรรมฐาน และออกธุดงค์กับหลวงปู่สีทัตต์ ซึ่งท่านได้พาสามเณรสุภาธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว หลวงปู่สีทัตต์ได้พาไปที่ถ้ำเร้นลับแห่งหนึ่ง เรียกว่า ถ้ำภูเขาควาย เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีความสวยงามน่าอยู่
<O</O
“ ต่อจากนี้ไป เป็นการปฏิบัติจริงในป่าเขาลำเนาไพรอันอุดมไปด้วยสิงสาราสัตว์และภูตพรายทั้งปวง อมนุษย์และพวกหมอผีนักล่าชีวิตมนุษย์ด้วยคุณไสย มนต์ดำ สิ่งที่เรากล่าวมา อบรมมา พึงนำมาใช้ให้ยิ่งยวดเพราะเธอจะต้องพึ่งตนเองมากกว่าพึ่งเราในการเดินทาง ”
<O</O
ถ้ำภูเขาควายเปรียบเสมือนถ้ำสำนักตักศิลา ที่มีพระสงฆ์ลาวและไทย ไปจำพรรษาและแลกเปลี่ยนวิชาอาคม หนทางที่จะไปถ้ำถูเขาควายลำบากมาก เต็มไปด้วยสิ่งเร้นลับ พระธุดงค์ที่เดินทางไปถ้ำภูเขาควาย ถ้ามีวิชาอาคมไม่แก่กล้าพอ มักจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียไว้เป็นจำนวนมาก
<O</O
สามเณรสุภา ได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์ไปธุดงค์จนอายุครบอุปสมบทในปี พ.ศ. 2459 หลวงปู่สีทัตต์จึงได้อุปสมบทให้สามเณรสุภา ภายในถ้ำภูเขาควาย โดยมีหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเถระที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดถ้ำภูเขาควายเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กนฺตสีโล”
<O</O
พระสุภา กันตสีโล ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอยู่กับ หลวงปู่สีทัตต์ เป็นเวลานานถึง 8 ปีจนเมื่อปี พ.ศ. 2463 หลวงปู่สุภา ได้กราบลา หลวงปู่สีทัตต์ออกจากถ้าภูเขาควาย เพื่อเดินทางออกธุดงค์วัตรตามที่หลวงปู่สีทัตต์แนะนำ ท่านยังได้บอกว่า จะได้พบกับพระอาจารย์ที่เก่งมากอีกองค์หนึ่งรับท่านเป็นลูกศิษย์ไว้
<O</O
พระภิกษุสุภา เดินทางรอนแรมเรื่อยมาตามทิศทางที่พระอาจารย์สีทัตต์แนะนำ ถามไถ่หาพระอาจารย์ที่ว่าเก่งทางวิชาคาถาอาคมขลัง รวมถึงวิชาปฏิบัติภาวนากรรมฐานเก่งที่สุดในสมัยนั้น ที่สุดดั้นด้นถึงวัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านได้คลานเข้าไปกราบหลวงปู่ศุข แรกเมื่อพบหลวงปู่ศุขท่านได้เอ่ยทักขึ้นก่อนว่า “เรารอเจ้าอยู่ อาจารย์เจ้า เขาฝากฝังเราไว้แล้ว ) ท่านจึงรู้ได้ทันทีว่า มาถึงที่หมายตามที่ตั้งใจไว้แล้ว
<O</O
หลวงปู่สุภา ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จาก หลวงปู่ศุข เป็นเวลานานแรมปี และได้รับการถ่ายทอดวิชา ด้วยความเมตตาต่อลูกศิษย์เป็นอย่างมาก และถึงแม้หลวงปู่สุภาจะบวชเป็นพระภิกษุนานถึง 4 พรรษาแล้วก็ตาม แต่หลวงปู่ศุข ก็ยังคงเรียกท่านว่า “เณรน้อย” ในขณะที่ หลวงปู่สุภา ได้มอบตัวเป็นศิษย์ และปฏิบัติอุปัฏฐากดูแลครูบาอาจารย์ท่าน ท่านเล่าว่าหลวงปู่ศุข แม้เมื่อท่านมีอายุชราภาพมากแล้ว แต่ท่านยังปฏิบัติธรรมกรรมฐาน และนั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ ทุกวันนี้หลวงปู่สุภา ให้ความเคารพนับถือหลวงปู่ศุข อย่างสูงยิ่ง และนับหลวงปู่ศุขเป็นพระอาจารย์องค์ที่สองของท่าน ต่อจาก หลวงปู่สีทัตต์ <O</O

หลวงปู่สุภา ท่านได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคม ทั้งจากการอ่านตำรับตำราที่ท่านจดเขียนไว้บ้าง ดูจากกรรมวิธีที่ หลวงปู่ศุข ทำให้ดูบ้าง เรียนถามท่านบ้างท่านก็แนะนำให้พอสมควร ใครสนใจมากก็ได้มาก ใครไม่สนใจก็ไม่ได้เลย แต่ส่วนใหญ่ หลวงปู่ศุข ท่านจะเน้นเรื่องการรักษาศีล และการกฏิบัติมากกว่า ท่านสอนว่า ถ้าศีลบริสุทธิ์ คุณวิเศษจะมีมาเอง
<O</O
หลวงปู่สุภา ได้ศึกษาธรรม และวิทยาคมต่างๆ มากมายโดยเฉพาะความรู้ในทางธรรม และวิทยาคมต่างๆ ในครั้งนั้นมีพระภิกษุไปปฏิบัติธรรม และเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่ศุข ด้วยกันหลายรูป ซึ่งปัจจุบันมรณภาพกันไปหมดแล้ว เท่าที่ทราบในเวลานี้ มีเพียง หลวงปู่สุภา เพียงรูปเดียวในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ที่ยังมีชีวิตอยู่นับถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่สุภา ท่านมีอายุยืนยาวถึง 108 ปี (ปัจจุบัน 117ปี )

<O</O
ท่องไปในโลกกว้าง
<O</O
หลวงปู่สุภาท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชากับหลวงปู่ศุขนานแรมปี จากนั้นจึงขอลาเพื่อออกแสดงหาความวิเวกธุดงควัตรต่อไป โดยเดินธุดงค์ขึ้นทางภาคเหนือ ทะลุสู่พม่า ผ่านเข้าสู่อินเดียดินแดนแห่งพุทธภูมิ ท่านต้องรอนแรมอยู่ในทะเล ผจญคลื่นทะเลอยู่ ๑ เดือน ๒๕ วันเรือจึงจอดเทียบท่าที่ประเทศอินเดีย เมื่อลงจากเรือ ก็ธุดงค์ต่อไปเรื่อย ๆผจญความยากลำบากแสนเข็ญ เพราะคนอินเดียส่วนใหญ่เป็นฮินดู ที่เป็นชาวพุทธมีอยู่น้อยต้องแสวงหาสัปปายะด้วยความยากลำบาก ได้ฉันบ้าง อดบ้างไปตามแกนแต่ดีที่ท่านไม่เจ็บป่วยถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อจึงทำให้ท่านสามารถผ่านเส้นทางอันทุรกันดารไปได้จนตลอดรอดฝั่งในที่สุด
<O</O
จากดินแดนอันแผดเผาด้วยเปลวแดดสู่ดินแดนอันเหน็บหนาวของหิมพานต์ที่ชาวอินดูเชื่อว่า เป็นที่สถิตของเทพผู้มีพระนามว่า “ องค์ศิวะมหาเทพ ” ซึ่งในประเทศไทยเรียกว่า “ พระอิศวร ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของมหาเทพของฮินดู ภูเขาหิมาลัยสูงเสียดฟ้ายอดปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี ตลอดชาติ เป็นแหล่งรวมของฤๅษีจากทั่วสารทิศจะมาชุมนุมกันที่นี้ เรียกกันว่า “ เมืองฤๅษีเกษ ” อยู่ชานภูเขาหิมาลัยเมืองนี้เป็นเมืองของฤๅษีที่ล้วนมีฤทธิ์อย่างถึงที่สุดของอำนาจต่าง ๆเป็นนานาประการ ความหนาวเหน็บ ทำให้หลวงปู่สุภาได้รับทุกขเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ต้องอาศัยเตโชกสิณในการช่วยสร้างความอบอุ่นเวลาออกบิณฑบาต ก็ต้องเดินทางระยะไกล กว่าจะเจอบ้านที่มีอัธยาศัยในการทำทานก็ต้องเดินกันกว่า ๘ กิโลเมตร ฝ่าความหนาวไปบิณฑบาตเพียง ๓ วันครั้ง บางครั้งถึง ๗วัน แต่ท่านก็อดทน
<O</O
สามปีในแดนพุทธภูมิ ท่านได้แวะนมัสการสังเวชนียสถาน จนพบกับอาจารย์วงศ์ได้พูดคุยกันในเรื่องธรรมะและวิชาอาคม ในที่สุดท่านก็บอกว่า ท่านอยู่ในอัฟกานิสถาน (ตอนยังไม่มีสงครามกลางเมือง) อยู่กับพวกศาสนิกชนที่นั่นให้ตามไปแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นั่น ท่านจึงเดินทางผ่านช่องแคบไคเบอร์เข้าสู่อัฟกานิสถาน จนพบพระอาจารย์วงศ์ และได้แลกเปลี่ยนความรู้กันพอสมควรจึงเดินทางผ่านช่องแคบไคเบอร์กลับอินเดีย และเดินทางต่อไปที่ประเทศจีนตามเส้นทางสำคัญจากอินเดียด้วยท่านได้รู้จากพุทธศาสนิกชนชาวจีนท่านหนึ่งที่มีรกรากเดิมอยู่ปักกิ่งเขาบอกกับท่านว่า
<O</O
“ ที่ซิมซัวเป็นภูเขาสูง เป็นที่อยู่ของอาจารย์ตัน ฮกเหลียงพระอาจารย์รูปนี้เชี่ยวชาญในการเดินลมปราณรักษาโรค เพื่อกำหนดจิตใจการเข้าฌานชั้นสูง หากต้องการศึกษาต้องไปที่นั่น ”
<O</O
ความรักชอบในการศึกษาวิชาแขนงต่างๆ ที่สุด หลวงปู่สุภา จึงได้ธุดงค์ข้ามจีนไปจนถึงปักกิ่ง ได้ค้นหาซิมซัวจนพบ และขึ้นไปหาอาจารย์ตัน ฮกเหลียงเพื่อขอเรียนวิชาลมปราณ ท่านอาจารย์ตัน ฮกเหลียงได้เมตตาสอนให้ทั้งที่สังขารของท่านไม่สมบูรณ์นัก พอจบหลักสูตรท่านอาจารย์ตันฮกเหลียงก็ถึงแก่กรรม รวมเวลาการเรียนได้ ๓ เดือนเต็ม จากปักกิ่งท่านได้เดินทางรอนแรมไปจนถึงยุโรป ได้ไปอยู่ที่มหานครปารีสระยะหนึ่งและเดินทางข้างไปฝั่งยุโรปตะวันออกหลายประเทศเป็นการหาประสบการณ์ในโลกใบใหม่ที่สมณะอย่างท่านต้องการจะเรียนรู้ ท่านย้ำว่า
<O</O
“ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ธุดงควัตรของท่านไม่เคยบกพร่อง บิณฑบาตทานสัปปายะจนได้ไม่เคยละเว้นแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถือว่านั่นคือกฎระเบียบและหัวใจของพระธุดงค์ ”
<O</O
จากยุโรปตะวันออก ท่านกลับทางเส้นทางเดิม ผ่านจีน ผ่านอินเดีย ผ่านพม่าเข้าไทยทางภาคเหนือ แล้วตัดเข้าสู่อีสานโดยข้ามจากเขตประเทศลาวเข้าสู่ดินแดนไทย
<O</O
เรื่องราวอันเกี่ยวกับหลวงปู่สภา กันตสีโล นับว่าเป็นเรื่องราวชวนมหัศจรรย์ยิ่ง หลวงปู่ฯใช้ชีวิตในสมณเพศตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ ออกธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพรตั้งแต่อายุยังน้อย และรอนแรมไปทั่วสารทิศไกลรอบโลก ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของครูบาอาจารย์องค์สำคัญระดับปรมาจารย์ทุกแขนง ทั้งหลวงปู่สีทัตต์ หลวงปู่ศุข หลวงปู่มั่น เป็นต้น ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชา ได้รับการอบรมธรรมกับพระอรหันต์องค์ต่างๆ ณ สถานที่วิเศษที่ท่านดั้นดนธุดงค์ไปพักอยู่ ได้พบได้รับการอบรมจากพระเร้นลับอายุหลายร้อยปี ได้ศึกษากับฤาษีอายุเป็นพันปี ฯลฯ

ประวัติชีวิตของหลวงปู่ท่านช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์ จนเหลือจะกล่าว เกินกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาๆอย่างเราจะเข้าใจได้ (หาอ่านได้จากประวัติท่านโดยละเอียด)

หลวงปู่สุภา นับได้ว่าเป็นพระอริยสงฆ์เจ้า ที่ธุดงค์วัตรได้ไกลและกว้างขวางที่สุด กินระยะเวลาการรอนแรมด้วยความลำบากยากเข็ญนานกว่า 60 ปี ทั้งยังเป็นผู้ทรงความรู้วิชาแขนงต่างๆกว้างขวางที่สุด ครบทั้งวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งคาถาอาคม ทั้งตำรับตำราแพทย์สมุนไพรจากชนชาติต่างๆทั่วโลก ทั้งเรื่องมวลสาร ดอกไม้ ว่าน ธาตุ และสิ่งวิเศษสุดจากธรรมชาติเร้นลับที่หายาก ที่น้อยคนจะรับรู้มากมายอันสุดจะคณานับ


<O</O
ปัจจุบันหลวงปู่ฯท่านยังทรงสังขารอยู่ ด้วยอายุยืนยาวถึง 117 ปี จำพรรษาอยู่ ณ วัดสีลสุภาราม ต.ฉลอง ภูเก็ต นับได้ว่าเป็นพระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดินที่หาได้ยากยิ่งโดยแท้ สมควรที่เหล่าสาธุชนจะได้หาโอกาสไปกราบมนัสการท่านเป็นมิ่งขวัญโดยแท้..<O</O
<O</O

 

(deejai) เนื่องจากทางขอปิดบริการให้ upload รูปและfiles ต่างๆอยู่

(kiss) ถ้าพรุ้งนี้ผมสามารถupload รูปได้จะลงรายการในช่วง 19:00น.ครับ

 

ขอมา.....ก็จัดให้

 

พระกลางลานองค์นี้ ดูแล้วคลาสสิกเดิมดีครับ เจ้าของเดิมจับขอบด้วยเงินแต่ไม่ได้ใช้ ทำให้เราได้เห็นคราบเบ้าเดิมๆ

 

โอนเงินให้แล้วครับ

 

สวยมากครับพี่....ถ่ายภาพชัดมากเลยครับ สอนวิธีถ่ายให้หน่อยได้ไหมครับ ทำอย่างไรให้ถ่ายได้แบบนี้

 

พระสวยคับพี่MAX

 

พี่ตุ้ยครับ ผมสนใจพระเครื่องหลายองค์ ไม่ทราบพี่ยังมีอีกหรือไม่ครับ
#990 พระสามสมัยพิธีจุตรพิธพรชัย
#1027 พระสมเด็จเนื้อซีเมนท์เทา
#1028 พระพิมพ์หลวงปู่ทวดเนื้อโขลก
#1021 พระพิมพ์หลวงพ่อโตพิมพ์เล็ก
#966 เหรียญพรหมปัญโญ 84ปี
#1006 พระจุ่มผงพุทธคุณ พิมพ์สมเด็จและพิมพ์นางกวัก
#1005 หล่อลอยองค์จิ๋วเนื้อเงิน
ช่วยกรุณาบอกด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ภาพไหนชัดๆ พี่จะจ้างเขาถ่ายให้ครับ