ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 14 เมษายน 2014.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    ยอดรวมผู้ร่วมบุญ ถวายเก้าอี้สวดมนต์ 9 วัด 108 ชุด ณ วันที่ 24 เมษายน
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เป็นที่ยืนยันแล้วว่า
    การถวายเก้าอี้สวดมนต์ 9 วัด 108 ชุด
    สำหรับภาคเหนือ....คือ วัด ถ้ำเมืองนะ....เชียงใหม่....บทสวดจักรพรรดิ์....นู๋พายุ และ แม่ชีหนูนา เป็นตัวแทนถวาย หลวงตาม้า
    ภาคกลาง....คือ วัด ท่าซุง....อุทัยธานี....พระคาถาเงินล้าน...คุณเครือวัลย์ และ แม่ชีทัศนีย์ เป็นตัวแทนถวาย หลวงพี่อนันต์
    ภาคใต้....คือ วัด พุทธภูมิ ..ยะลา...คุณ bob13 และทหารหาญ เป็นตัวแทนถวาย ท่านเจ้าอาวาส
    กรุงเทพฯ....คือ วัด ระฆัง...พระคาถาชินนะบัญชร...คุณอำภา และ ผม เป็นตัวแทนถวาย ท่านเจ้าอาวาส
    คาดว่า 4 วัดแรก จะสามารถถวายได้ภายในสัปดาห์ที่3ของเดือนพฤษภาคม....

    ค่อยๆทำแบบ สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย ... ไม่ได้รีบร้อน เพราะยังต้องรอหมู่คณะฯ อยู่อีกหลายคนครับ....

    เหลือภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคอีสาน ประเทศลาว และ ประเทศพม่า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2015
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วันนี้ได้ไปฟังพี่ที่เคยบวชอยู่วัดท่าซุง 8 ปี เล่าให้ฟังเกี่ยวกับหลวงพ่อฤษี พระในวัด ช่วงเวลาที่หลวงพ่อโดนใส่ร้ายว่าลวนลามผู้หญิง ช่วงที่โดนปองร้ายหมายชีวิตจาก รัสเซีย(ตอนที่รัสเซียยังไม่ล่มสลาย) เรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กหญิงที่ได้อภิญญา จากเชียงใหม่ แล้วเหาะมาหาหลวงพ่อ..กับเด็กหญิงที่หยิบรถสปอร์ตออกมาจากแคตตาล็อค ชวนกัน 3 คนขับมาหาหลวงพ่อฤษีที่วัด

    เรื่องราวของพระจิตดำ 4 รูป ที่ต้องออกไปอยู่นอกวัด แต่ก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหานับถือบูชาอยู่เป็นจำนวนมาก มรณะภาพไปแล้ว 1 รูป อีก 3 รูป เอ่ยชื่อไม่ได้ จะตกใจหนักมาก...(ปล. ไม่ต้องมาอินบ็อคถามเลยนะ...)

    เรื่องพระอริยะ ที่หลวงพ่อฤษีเคยทำนายเอาไว้ ตอนนี้ก็ปรากฎขึ้นแล้ว...

    ความสงสัยเรื่องคำทำนายหลวงพ่อ ที่บอกว่าไทยจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จะเจอน้ำมันมาก ภาษาไทยจะเป็นภาษาสากลของโลกฯ มันมองไม่เห็นหนทางจะเป็นไปได้เลย...

    เรื่องคำทำนาย รัชกาลที่10 และเรื่องเล่าที่รู้กันเฉพาะพระที่บวชอยู่กับหลวงพ่อ...
    เรื่องโดนหลวงพ่อดุ ซึ่งดูเหมือนพระทุกรูปจะกลัวมาก...ท่านดุหนักมาก...

    พี่คนนี้บวชปี 2530 ปีเดียวกับที่ผมเริ่มเข้าวัด...เจอกันแล้วได้ฟังเรื่องราวในยุคสมัยเดียวกันก็สนุกดีนะครับ...ถ้าพี่ท่านนี้ไม่โดนโคเขาอ่อนขวิดตายเสียก่อน ป่านนี้ก็คงจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสแล้วนะเนี่ย...

    พี่ท่านนี้เคยอธิษฐานในใจว่าอยากจะขอให้ได้บวชตลอดชีวิต...รุ่งขึ้นเดินผ่านหลวงพ่อเรียกว่า"โยมๆ" พระอีกสองรูป เดินตามหลังมา หลวงพ่อก็เรียกอีก "โยมๆ" ทั้งๆที่เป็นหลวงตาแก่ๆแล้ว แก่พรรษาที่สุด หลวงพ่อก็เรียก "โยมๆ" ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายแล้ว ทั้งสามท่านก็สึก ดังคำเรียกของหลวงพ่อจริงๆ...
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]

    แปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน : ความหมาย ปิดทองหลังพระ คือ แปลว่า ...

    ปิดทองหลังพระ ความหมาย คือ (สํา) ก. ทําความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า.;
    .......................................................................

    การปิดทองหลังพระ เป็นการทำความดีที่น่าสรรเสริญมากอย่างหนึง น่าโมทนากับผู้ที่ได้ทำลงไป แต่ทั้งนี้ก็อยากจะขอให้ระมัดระวังใจของตนเอาไว้สักหน่อยหนึ่ง คือทำความดี ปิดทองหลังพระแล้ว อย่าหลงตัวเองว่าดีกว่าคนที่ปิดทองหน้าพระ การทำความดีนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การหลงดี อวดดี อันนี้เป็นความเลว...คือปิดทองหลังพระเพื่ออวดว่า ฉันนี่แน่กว่าแก ... ฉันดีกว่าแก...แบบนี้ไม่ดี แต่เป็นความเลว อันนี้ต้องระวังใจของตนให้ดี...

    เอาแบบนี้ดีกว่าไหมครับ...
    เรามาปิดทองพระทั้งองค์ ทั้งหน้า ทั้งหลัง ซ้าย ขวา บน ล่าง ปิดให้หมด ปิดให้ทั่วทั้งองค์เลยดีกว่าไหมครับ ไม่ต้องเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องปิดทองที่หลังพระแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ปิดหมดทั้งองค์นี่แหละครับ ปิดแล้วก็ปิดเลย ไม่ว่าใครจะชม ใครจะด่า ใครจะสนใจ ไม่สนใจ ใครจะยกย่อง หรือใครไม่ยกย่อง จะมีใครรู้ หรือไม่มีใครรู้ ใครจะเห็นค่า ใครจะไม่เห็นค่า...เราไม่ต้องไปกังวล สนใจ...คิดเสียว่าเราจะทำความดี เพื่อความดี...
    คือทำความดี ให้ยังคงมีความดี หลงเหลืออยู่บนโลกนี้ เพราะหากว่าโลกนี้ไม่หลงเหลือความดีเสียแล้ว ก็ย่อมไม่อาจจะเกื้อกูลต่อการประพฤติปฏิบัติธรรมใดๆได้อีก...

    เป็นอันว่า ในการทำความดีนั้น ก็ขอให้ทำให้ถ้วนทั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถึงพร้อมในทาน ศีล ภาวนา และบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้ครบถ้วน โดยไม่หลงดี หรืออวดดี...
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    หลายคนคงรู้จัก จุนโกะ ฟุรุดะ เหยือที่น่าสงสารในคดีฆ่าข่มขืนที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศ


    ทะเลหฤโหด...จิตใจคนยิ่งหฤโหด...
    ................................................................................................
    ประสาทไม่แข็ง ห้ามอ่าน....
    เพราะอ่านแล้วจะหลอนมาก...อาจจะจิตตกไปหลายๆวัน...
    .

    เป็นด้านมืดของจิตใจ ที่แสดงออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
    ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า เบื้องลึกอันดำมืดของจิตใจคนนั้น...เลวร้ายได้มากมายเพียงใด


    อ่านแล้วให้สงสารเธอผู้นี้ อย่างมาก....
    แล้วก็อดนึกไปไม่ได้ว่า คนจริงๆไม่น่าจะเรียกกว่าคนอีกแล้ว...พวกที่กระทำอำมหิตต่อเธอนั้น จะต้องได้รับผลกรรมอะไรบ้าง?
    ทำไมวิญญาณเธอ ไม่ผูกอาฆาต ตามล้างแค้น ???
    หรือผลของวิบากกรรมอะไรที่ทำให้เธอต้องประสบกับชะตากรรมเช่นนี้....ยาวนานถึง 44 วัน????


    อย่าลืมแผ่เมตตา...ให้มากๆ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2015
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    http://youtu.be/mi5fWyL8D5o


    อ่านเรื่อง จุนโกะ เสร็จแล้ว ก็ได้รับวีดีโอนี้จากครูติง
    กงกรรมกงเกวียน เวียนหมุนผ่าน ไม่รู้จบสิ้น น่าสลดใจยิ่งนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2015
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,550
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    -----------------------------
    คนเรานี่จิตใจมันทําด้วยอะไรกันหนอ วันก่อนก็ดูวิดีโอที่ครูติงลงไว้เกี่ยวกับปลาหมึก ทําสมาธิก็ฟุ้งไปด้วยความสงสารสัตว์:'(
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Sosad.jpg
      Sosad.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.9 KB
      เปิดดู:
      47
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]

    [​IMG]

    วัดแรกที่เริ่มถวายเก้าอี้สวดมนต์ ตามโครงการ ถวายเก้าอี้สวดมนต์ ๙ วัด ๑๐๘ ชุด คือ วัดท่าซุง ซึ่งพระครูปลัดอนันต์ท่านได้อนุญาตเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
    วันอาทิตย์ที่ 24 นี้ หากใครอยู่ใกล้ๆ สามารถเดินทางไปร่วมถวายได้ โดยมี แม่ชีทัศนีย์ เป็นผู้นำถวาย และน้องๆที่ร่วมบุญในธรรมทานครั้งนี้...

    ส่วนคำอธิษฐานนี้ เป็นความตั้งใจของผมเองที่อธิษฐานไว้ แต่ครั้งเริ่มต้นทำเก้าอี้สวดมนต์ถวายวัด เพื่อหวังสืบทอดพระพุทธศาสนา ได้ช่วยส่งเสริมจรรโลงพระศาสนา
    ด้วยการที่ทำให้ผู้ที่นั่งสวดมนต์ลำบากนั้น ได้สามารถสวดมนต์ได้นานขึ้น มีสมาธิจิตมากยิ่งขึ้น ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดปัญญาได้มากขึ้น ซึ่งปัญญาทางธรรมนี้ เป็นสิ่งที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระอริยะสงฆ์ ตลอดจนครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนมา มุ่งหวังให้เกิดขึ้นกับเหล่าพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนหน้า...

    วัตถุมงคลใดๆที่มีฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ก็จะสามารถปกป้องคุ้มครองร่างกายของเราได้ ตราบเท่าที่มีลมหายใจอยู่เท่านั้น
    หากแต่การสวดมนต์ ภาวนา จะสามารถปกป้องคุ้มครองจิตวิญญาณของเราได้นับแต่เริ่มต้นสวดมนต์ภาวนา ตราบจนกระทั่งตายไปแล้ว และไปบังเกิดในภพภูมิใหม่ ก็ยังคงส่งผลต่อเนื่องต่อไป...ในความเห็นส่วนตัวของผม จึงรู้สึกว่า เก้าอี้สวดมนต์นี้แหละ คือวัตถุมงคล ที่จะช่วยส่งเสริมพุทธศาสนิกชนให้เข้าถึงธรรมได้ และช่วยคุ้มครองจิตวิญญาณของผู้ที่สวดมนต์ภาวนาแม้ในชาตินี้และชาติหน้า...

    หากคุณความดีครั้งนี้จะมีเพียงใด ผมขอถวายไว้แต่พระรัตนตรัยอันควรบูชายิ่งโดยส่วนเดียว ขอพระพุทธศาสนาอันประเสริฐ ได้เจริญรุ่งเรืองสถิตย์สถาพรต่อเนื่องไปจนสิ้นพุทธกาล
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ประมาณ 10 ปีก่อน พี่สาวท่านนึง เป็นสหธรรมิกที่ประเสริฐมาก พี่คนนี้เลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่มาก ลุกเดินไม่ได้ ต้องคอย ป้อนน้ำ ป้อนข้าว เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยว เช็ดตัว กลางคืนต้องนอนเฝ้า กลางวันไปทำงานสอนหนังสือ จ้างเด็กๆมาช่วยไม่นานก็หนีหมด เพราะว่าเป็นเรื่องยากลำบากมาก ส่วนพี่น้องคนอื่นๆก็ส่งเงินมาช่วย แต่ไม่เลี้ยงดู ดูแล เพราะเป็นเรื่องยากลำบากมาก....

    การฝึกกรรมฐานของพี่สาวท่านนี้ก็ทำได้ดีมาก มีทิพยจักขุญาณแจ่มใสดี...ทั้งที่ต้องทำงานสอนหนังสือไปด้วย และต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไปด้วย...

    ระยะเวลากว่าสิบปีนับว่ายาวนานและยากลำบากมาก หากกำลังใจไม่เข้มแข็งยิ่งยวดจริงๆ ก็คงทำไม่ได้
    แน่นอนว่า อานิสสงค์ของพี่สาวท่านนี้ย่อมสูงตามไปด้วย...

    แต่...ความฉิบหายแห่งความดีก็มาเยือน...
    นี่เป็นเรื่องกฎของกรรม
    เป็นกรรมที่สลับซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจได้...
    เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วันหนึ่ง เมื่อผมแวะไปเยี่ยมหาพี่สาวท่านนี้ที่บ้าน ก่อนจะกลับ พี่ท่านนี้ถามผมด้วยสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงว่า...
    "....เธอว่า ตากะยาย แกจะตายเมื่อไหร่...พี่ว่าพี่ดูแลไม่ไหวแล้ว...พี่เหนื่อยเหลือเกิน..."
    อาศัยว่าเคยเจริญกรรมฐานมาพอสมควร พอได้ยินคำถามเพียงเท่านี้ สิ่งที่ปรากฎขึ้นมาก็บอกว่า ตากับยาย (คือพ่อกับแม่ของพี่สาว) จะเสียชีวิตภายใน 3 เดือน...

    ผมก็ตอบพี่สาวท่านนี้ไป ว่า ภายในไม่เกิน 3 เดือน ท่านจะหมดอายุขัย...
    พี่ท่านนี้ก็ถามว่า ตากับยาย ใครไปก่อน
    ก็บอกว่าท่านว่า ตาไปก่อน ...จากนั้นยายก็จะตามไป...
    พี่สาวก็ถามว่า นานไหมกว่าที่ยายจะตามไป...
    ก็ตอบไปว่า ไม่นาน...ไม่ถึงเดือน...

    ผมได้แต่รู้สึกสลด ปลงธรรมสังเวชยิ่งนัก...มีบางคำตอบที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าออกไป...ผมเดินทางกลับบ้าน...
    ประมาณไม่ถึง 2 เดือนให้หลัง พี่สาวท่านนี้โทรมาบอกว่า ตาเสียแล้วนะ หนทางไกล ไม่ต้องเดินทางมาร่วมพิธีก็ได้...
    หลังตาเสียได้ไม่กี่วัน ยายก็เสียชีวิต ตามไป พี่สาวก็โทรมาแจ้ง...ผมก็ได้แต่บอกว่าท่านไปดีแล้วนะ...

    น้ำเสียงพี่สาวท่านดีแสดงความรู้สึกดีใจ พร้อมกับบอกว่า ตากับยาย ทั้งสองท่านได้เข้าสู่นิพพานไปแล้ว ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว พี่นำถวายสังฆทานอยู่บ่อยๆ อ่านธรรมะให้ท่านฟังบ่อยๆ ชวนคุยเรื่องธรรมะ นี่ทำให้ท่านทั้งสองนี้ตายแล้วไปอยู่นิพพานแล้วในเวลานี้...

    ผมได้ฟังแล้วก็ให้รู้สึก สลดสังเวชใจ หลายๆประการขึ้นมา...พี่สาวท่านนี้ สมัยก่อนนั้น กรรมฐานดีมาก ทิพยจักขุญาณแจ่มใสมาก มีความรวดเร็วและทรงตัวได้ดี แต่ทว่าเป็นที่น่าเสียดาย พี่สาวท่านนี้ได้คลายความกตัญญูกตเวฑิตาลงเสีย เกิดโมหะชั่วขณะ จริงๆก็ไม่ใช่ชั่วขณะ พี่สาวท่านนี้คิดในใจมาหลายระยะแล้ว แต่พึ่งจะเอ่ยปากถามผมเป็นครั้งแรก...พอเอ่ยปากเท่านั้น ความดีที่เพียรทำมาตลอดสิบปีมันคลายตัวลง...

    จะว่าไปแล้วถ้าความดีของพี่สาวท่านนี้ไม่คลายตัวลง ตากับยายก็ยังตายไม่ได้...ด้วยมีกรรมเกี่ยวเนื่องกันมานาน ให้ต้องทรมานด้วยกันทั้งสองฝ่าย ครั้นพอความดีคลายตัวลงเท่านั้น ท่านทั้งสองก็ตายลง ... กฎของกรรมนี่ทำกันมาเป็นแบบนี้...ถ้าจะถามว่า พี่สาวท่านมีทิพยจักขุญาณที่ดีมาก่อน ทำไมไม่รู้...ก็นี่แหละครับ กฎของกรรม เวลาเข้ามาสนอง อะไรก็ขวางไม่ได้ เอาไม่อยู่ จำจะต้องเป็นไปตามกฎของกรรมที่เขากำหนดมา...เหตุนี้เอง ที่แม้ผมได้รู้ได้เห็นในเวลาที่พี่สาวท่านนี้ถามออกมา ก็ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ออกไปได้เช่นกัน...ได้แต่สลดปลงสังเวชว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

    เรื่องตากับยายไปนิพพานแล้วนั้น ผมกลับเห็นว่า ยังเป็นวิญญาณอยู่ในภพภูมิเดียวกับพระภูมิเจ้าที่ทั่วไป มีความเป็นอยู่สุขสบายกว่า แต่ไม่เห็นว่าจะเข้านิพพานได้อย่างไร เพราะกิเลสยังอยู่ครบ สังโยชน์10ประการยังมีครบถ้วน จะนิพพานได้อย่างไร?
    การที่พี่สาวท่านนี้ไปเห็นว่าตากับยายเข้านิพพานไปแล้ว ก็ด้วยความดีที่พี่ท่านทำได้คลายตัวลงไปแล้ว โมหะก็เข้ายึดคุมจิตใจเอาไว้ อุปทานก็มาสิงใจไปหมดสิ้น....

    กรรมเก่าก็สืบเนื่องกันมา...
    กรรมใหม่ก็เกิดขึ้นต่อไป...
    กรรมใหม่ที่ว่านี้คือ จิตที่คิดว่า "เมื่อไรพ่อแม่เราจะตายเสียทีนะ.."
    มโนกรรมเกิดก่อน...วจีกรรมเกิดตามมา...กายกรรมจึงเกิดในภายหลังสุด...
    ความคิดที่ว่า เมื่อไรพ่อแม่เราจะตายลงเสียทีนะ เพราะอยู่ไปก็ลำบากด้วยกันทั้งสองฝ่าย นี่คือกรรมปิตุฆาต เป็นกรรมหนัก...
    เมื่อวจีกรรม ได้เอ่ยถามผมออกมา ว่า "เมื่อไรตากับยายจะตายเสียที" ด้วยจิตที่เศร้าหมองว่า"พี่เหนือยเหลือเกิน พี่จะไม่ไหวแล้ว" นี่คือกรรมปิตุฆาตทางวจีกรรม...
    ผลของความดีทั้งหลายที่พี่สาวท่านได้ทำมาจึงถึงกาลฉิบหายสิ้น
    กรรมฐานใดๆที่ทำไว้ไม่อาจให้ผล มรรคผลนิพพานไม่อาจหวังได้อีกต่อไป...

    เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์สอนใจแก่นักปฏิบัติทั้งหลาย...
    แนวทางแก้ไข ทำยังไงดี?

     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    พี่สาวท่านนี้ ทำงานอยู่อีกไม่นานก็ลาออก มาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว...
    เวลาผมเจอพี่ท่านนี้ก็จะบ่นว่า เบื่อร่างกายนี้แล้ว เวลาทำสมาธิก็อธิษฐานขอให้ตายในปีนี้...
    บางทีก็บอกว่า ภายในปีนี้ก็ขอให้ตายเสียทีแล้ว ขอไปนิพพานแล้ว เบื่อร่างกายนี้มากแล้ว ไม่เอาอะไรอีกแล้ว...

    ผมก็ได้แต่ยิ้มๆเข้าไว้ แล้วบอกกับพี่สาวว่า พี่ยังอยู่อีกนานครับ ไม่ตายง่ายๆหรอก ยังได้อยู่ทนุบำรุงพระศาสนา ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมอีกนานครับ...
    ผมหวังว่าวันนึงพี่สาวจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แต่ผ่านไปหลายปี ท่านก็ยังยืนยันว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์เหลือเกิน มันไม่มีอะไรดีเลย อยากจะให้มันหลับไปคืนนี้แล้วไม่ต้องตื่นอีกเลยได้ยิ่งดี นั่งทำสมาธิเสร็จก็อธิษฐานขอให้ตายไวๆ ตายแล้วจะได้ไปนิพพาน...

    กับสิ่งที่ผมเห็น ว่าถ้าหากพี่สาวท่านนี้ ตายลง ณ ขณะนี้ จะไปเกิดอยู่ที่ไหน...เรื่องแบบนี้ก็ต้องถามพระสิครับ กำลังสมาธิผมเองมันยังไม่เอาไหน ทุกครั้งก็ได้แต่อาศัยถามเอาจากพระท่านเป็นหลัก...
    สิ่งที่ปรากฎก็คือ ถ้าพี่สาวท่านนี้ตายลงไปในขณะนี้ จะไปเกิดเป็นเปรต มีร่างกายสีขาว สวยงาม มีแสงออกรอบๆกายอยู่น้อยๆ ที่อยู่อาศัยไม่มีวิมานใดๆ อยู่ในที่มืดๆ รอบๆกายท่านมืดไปหมด ...
    ผมเองก็แปลกใจว่า พี่สาวท่านนี้ตั้งแต่ผมรู้จักมา พี่เป็นคนมีจิตใจดี ถวายสังฆทานมานับไม่ถ้วน ทำบุญทำทาน เจริญกรรมฐานมาไม่ใช่ธรรมดา ทำไมตายลงไปถึงไปเป็นเปรตได้...
    คำตอบก็ปรากฎขึ้นเพียงว่า "จิตเศร้าหมอง ย่อมมีอบายภูมิเป็นที่ไป"
    จิตเศร้าหมองอย่างไร?
    ก็รู้มาว่า การที่คิดอยากตายไวๆ เบื่อชีวิตนี้
    การคิดว่า เบื่อชีวิตนี้แล้ว อยากจะตายไวๆ ทำไมไม่เป็น มรณานุสติกรรมฐาน...

    "การคิดว่า เบื่อชีวิตนี้แล้ว อยากจะตายไวๆ จิตย่อมเศร้าหมอง ต่างจากมรณานุสติกรรมฐาน ที่เจริญแล้ว ทำให้จิตผ่อนคลายความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆลงได้ "

    ได้คำตอบแบบนี้แล้วผมก็ต้องจำเอาไว้ครับ เพราะหลายคนก็ไม่เข้าใจคิดว่า การอยากตายไวๆ การเบื่อชีวิตนี้ เป็นการทำที่ถูกต้องแล้ว แต่ว่าตอนเด็กๆผมเจริญมรณานุสติ มันก็ทำได้ถูกทางอยู่นะครับ ทำแล้ว โกรธบรรเทาลง โลภบรรเทาลง ส่วนที่หลงบรรเทาลงนิดนึง แต่ว่าผมอธิบายไม่ถูก เป็นจำพวกที่กินอิ่มได้แต่เรียกชื่ออาหารยังไม่ถูก มาได้คำอธิบายแบบนี้ผมจึงต้องขอจดจำเอาไว้ด้วยนะครับ...

    เป็นอันว่าเรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้ ยังไม่ได้เล่าให้พี่สาวท่านนี้ฟัง เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเล่า ได้แต่เพียงบอกกับพี่สาวท่านนี้ว่า "วันใดที่ผมได้รู้ธรรมเห็นธรรมแล้ว ผมสัญญาว่าจะมาแสดงให้พี่ได้รับรู้รับฟัง" เรื่องที่รับปากไว้นี้ ผมไม่ลืม เพราะพี่ท่านนี้เป็นกัลยาณมิตรที่ประเสริฐสุด ในภพชาตินี้ท่านนึง...

    เวลาที่จะแสดงธรรมให้พี่สาวท่านนี้ฟังใกล้เข้ามาแล้ว ธรรมที่จะไปให้ถึงทางพ้นทุกข์ได้ ตามที่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนมา ธรรมอันเป็นเฉพาะตัวบุคคล เพื่อแก้ไข มรรคจิต ให้พ้นไปจากภาวะการติด ยึด หลง หน่วงเหนี่ยว...จะได้สงเคราะห์ต่อพี่สาวที่แม้ไม่ได้เกิดตามกันมา แต่ก็มีความเคารพรักเยี่ยงเดียวกับคนในครอบครัวเดียวกัน
    ธรรมที่สงเคราะห์นี้ เป็นไปเฉพาะบุคคล ย่อมเผ็ดร้อน อ่อนหวาน แข็งกระด้าง ชุ่มเย็น แตกต่างกันตามแต่วิสัยของบุคคลนั้นๆ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ความรู้ความสามารถของผมอีกนั่นแหละ เป็นด้วยพระท่านสงเคราะห์ด้วย ครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ด้วย...
    ลำพังตัวผมเอง ยังต้องตะกายหนีนรกต่อไป...หนทางยังอีกยาวไกล เพราะจิตใจยังหลงรักในนรกภูมิเป็นอันมาก...ยิ่งลำบากยิ่งรู้สึกสนุก สะใจ...ยิ่งไม่รู้ ก็ยิ่งค้นคว้า...ยิ่งโดนดูถูก ก็ยิ่งพยายาม...ยิ่งโดนทำร้าย ก็ยิ่งอดทน เข้มแข็ง...นี่แหละครับ..พวกโง่นานก็จะมีลักษณะแบบผมนี่เอง...อ่านจบแล้วใครรู้สึกสงสารผมก็ช่วยลุกขึ้นยืนไว้อาลัยให้กับความโง่ของผมสักแพล็บสินะครับ....
    .........
    ขอบคุณ...:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2015
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ชอบครับ ป๋ามิงค์

    บทเรื่องนี้..ชอบ โดนใจ
    ให้แนวทางวิถีจิตวิญญาณได้ดีมั่ก..ขอบอก

    ก็ได้เกิดมาทั้งทียังเอาดีไม่ได้...
    เบื่อๆแล้ว รีบๆอยากจะตายเบื่อสังขาร รูปธรรมอันหนักหน่วง
    จะรีบๆตายไป..ให้ได้ดี..ทั้งที่ยังไม่เข้าใจในพระธรรมขั้นสูง
    ขาดความเพียรธรรม ทางปัญญา...ทางโลกก็วุ่นวน ..ถอยไม่เป็น...แล้วจะดีได้อย่างไร...

    ไม่ได้บอกใครนะจ๊ะ..บอกตัวเอง..ไปล่ะ!!!
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,550
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    น่าจะมีใครสักคนที่เก่งทางศาสนาภาษาอังกฤษ แวะๆไปดูYoutube มีชาวต่างชาติที่ไม่รู้อะไรเลยหาว่า "พระพุทธเจ้าFreak เพ้อเจ้อ ตอนเข้าป่า ว่าอะไรจะว่างไปได้อย่างไร เราดูเพลง เราได้ยิน เห็นคนร้อง จะไปว่า ว่าง ว่างได้อย่างไร" อ่านแล้วตัวอารมณ์โกรธมันขึ้นนะ:mad:
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,550
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    แวะมาบ่นระบายอารมณ์ ขออภัยที่มาลง ถ้าจะลบก็ตามใจค่ะ
     
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ภาษาอังกฤษผมอ่อนแอ ได้แค่ไว้ติดต่อธุรกิจทำมาหากินไปวันๆ กะขี้โม้อีกนิดหน่อย
    ดูหนังฟังเพลงนี่ไม่รู้เรื่องเลย เล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อ...
    เรื่องด่าพระพุทธเจ้ามีมานานแล้วครับ ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
    ชาวเมืองยกพวกกันมาด่าก็มี ด่าไม่พอใส่ร้ายพระองค์ท่านก็มี
    แต่ว่าพระองค์ไม่ทรงตอบโต้...แม่ต้อยอ่านมาเยอะ ก็ย่อมทราบสาเหตุดีอยู่แล้ว...

    คำด่านี่ถ้าเราใช้ให้เป็นมันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ มันเป็นครูให้เราได้ ให้เราได้เห็นความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนบุคคลเราเขานี่แหละครับ...
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,550
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    สมัยก่อนตีกันก็เพราะคนมาว่าพ่อแม่บรรพบุรุษของเรานะ "นิ่งเสียโพธิสัตว์"นี่ยังทําไม่ได้ค่ะ เราก็ไม่โต้ตอบหรอกค่ะแต่....แจ้งความ

    ***แล้วก็แซวๆๆอีกเรื่องหนึ่งตามที่ตั้งกระทู้ไว้ว่า"ทําไมคนเราใส่บาตรเดี๋ยวนี้ มีแกงหรือกับข้าวครึ่งถุง เป็นลมป่องๆอีกครึ่งถุง " ดูสวยก็จริงแต่จะกินเนื้อที่ในบาตรเพราะมีแต่ลม"พระท่านไม่ฉันท์ลมนะ เจริญธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2015
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,550
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ไปฟังเรื่องกบใต้กอบัวของหลวงพ่อชาที่ว่าไทยจะรํ่ารวยใช้ตะแกรงร่อนทองมีความหมายไปอีกอย่าง ลองฟังดูนะคะ(พักนี้บ่นเยอะหน่อย)

    กบเฒ่านั่งเฝ้ากอบัว เสียงอ่านพระธรรมเทศนาพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง
    https://www.youtube.com/watch?v=lh9CrJJtis8&list=PLa_0rl-N6O8gAQC0t7U4f0TtJrKIwz_xQ&index=46
     
  18. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    ขอเข้ามาติดตามอ่านด้วยคนคะ แต่ยังไม่มีอะไรจะแซวเจ้าของกระทู้นะคะ:cool:
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มีเรื่องผ่านมาแซวอยู่เรื่องนึง...
    ว่าด้วยเรื่องอนัตตา...สัญญาอนัตตา...
    อนัตตา เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมาก...
    แล้วก็เลยไปว่า ถ้าบรรลุธรรมขั้นสุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา...

    เสร็จแล้วก็มาเถียงต่ออีกว่า ถ้ายังมีอนัตตาอยู่ก็แสดงว่ายังไม่ถึงที่สุด เพราะยังมีอนัตตา...
    อีกพวกนึงก็เถียงอีกว่า ถ้าสัญญาอนัตตาแล้ว ผู้บรรลุธรรมก็จำอะไรไม่ได้ด้วยสิ...
    ปรากฎว่าเถียงกันไปไม่จบ...
    แต่ผมสังเกตว่า คนที่เถียงนี่ นั่งนึกๆคิดๆเอาเอง...ไม่ยอมฝึก...
    แล้วพอพวกที่เขาตั้งใจฝึก...พวกนี้เขาไม่เถียง...เพราะเขารู้เขาเห็นแล้ว...
    เพียงแต่ว่า เขาไม่อธิบายเรื่องเหล่านี้ให้ใครฟัง จะด้วยรำคาญพวกลูกอีช่างเถียงก็เป็นได้...หรือจะว่าไป ต่อให้อธิบายไปยังไง ถ้าไม่ฝึกเอง ก็ไม่มีวันรู้ได้เห็นได้อยู่ดี...ดังนั้นอธิบายไปก็เสียเวลาเปล่าๆ...

    ทีแรกว่าจะไปอธิบายในกระทู้หลงทาง....เราหรือก็ปิดกระทู้เสียแล้ว....

    ว่ากันถึงอนัตตา...สัพเพสังขารา อนัตตา....สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน...
    อนัตตา ในที่นี้หมายถึง การไปเสียแล้วจากการยึดมั่นถือมั่นในสังขาร...แต่ไม่ใช่ว่าสังขารไม่มีอยู่....
    สัญญา อนัตตา...สัญญาไม่ใช่ตัวตน...คือ การไปเสียแล้วจากการยึดมั่นถือมั่นในสัญญาว่า เป็นเราเป็นของเรา...ไม่ใช่หมายถึงว่า ความจำได้หมายรู้นี้ สลายหายสูญไปแบบเงินในกระเป๋า อย่างนั้นไม่ใช่...
    สัญญา ก็ยังอยู่ ยังเป็นสัญญาอยู่อย่างเดิม เพียงแต่เราไม่มีในสัญญานี้อีกต่อไป...สัญญาก็เป็นสักแต่ว่าสัญญา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา...
    อาการมันแยกออกจากกันแบบนี้...แต่ว่า กว่าจะทำไปถึงตรงนี้ได้ มันก็ต้องฝึก...ไม่มีประโยชน์จะมานั่งเถียงกันเลย...ถ้าไม่ฝึกอย่างหนัก ต่อเนื่องยาวนาน...จะให้รู้พระไตรปิฎกแต่เพียงใดก็ตาม...จะเห็นธรรมแท้เหล่านี้ไม่ได้เป็นอันขาด...
     
  20. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ว่าด้วยเรื่องของศีล....
    ศีล แปลว่า ปกติก็ได้ แปลว่าข้อห้ามก็ได้
    หิริ โอตตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป นี่ก็อยู่ในศีลเหมือนกัน...
    หิริ โอตตัปปะ เป็นศีลของคนโง่....

    โง่ยังไง.....
    คือ คนโง่ ถ้าจะให้รักษาศีล คือไม่ละเมิดข้อห้าม จะบอกให้เข้าใจด้วยปัญญา ก็ยังไม่ได้ เหมือนเด็กๆ ที่จะไปในที่มืด พ่อแม่กลัวว่าจะเป็นอันตราย ก็หลอกว่า ระวัง ไอ้หง่าวจะมาจับตัวไปนะ...เด็กกลัว ก็วิ่งหนีออกมาจากที่มืดๆ มาอยู่ในที่สว่างๆ มาอยู่ใกล้พ่อใกล้แม่ นี่คือไม่ไปในที่มืดเพราะว่ากลัว ...
    กลัวอะไร ... กลัวไอ้หง่าวมันจะมาจับตัว...ไอ้หง่าวคือตัวอะไร? เด็กมันไม่รู้ แต่ว่าผู้ใหญ่หลอกไว้ให้กลัว...การไม่รู้นี่เรียกอีกอย่างนึงว่า โง่...

    ต่อเมื่อโตแล้วจึงรู้ว่าไอ้หง่าวคือแมวตัวผู้ แล้วมันมาจับตัวไม่ได้หรอก ผู้ใหญ่เขาไม่ให้เด็กๆไปที่มืดๆ เพราะกลัวว่าจะไปสะดุดหกล้มบ้าง ไปชนเอากับของแข็งบ้าง หรือไปเหยียบเอาของมีคมบ้าง ฯลฯ ก็เท่านั้นเอง...

    เวลาเด็กขโมยของ ผู้ใหญ่จับได้ คาหนังคาเขา ก็เอามาแสดงให้คนหมู่มากดู ให้เด็กอาย ต่อไปจะได้ไม่กล้าขโมยอีก...

    ดังนั้นการที่เด็กไม่ทำ เพราะ 1. กลัว และ 2. อาย... ไม่ใช่ด้วยปัญญาเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นโทษ แต่เพราะกลัว กับเพราะอาย นี่แหละคือ หิริ โอตตัปปะ...ศีลของคนโง่...เป็นแบบนี้เอง...

    หิริ โอตตัปปะ นี้ ก็ยังดีอยู่ เพราะช่วยระงับยับยั้งไม่ให้คนทำชั่ว แม้จะไม่มีปัญญาก็ตาม
    ต่อเมื่อได้ภาวนาไป จนเห็นคุณขององค์ศีลแล้ว มีความซาบซึ้งใจในศีล เห็นประโยชน์ว่าน่ายกย่อง น่าอาศัยอยู่ เป็นเหตุให้ชุมชน สังคม และตัวเราเองนี้ เป็นสุข...เมื่อนั้นบุคคลจึงได้ชื่อว่ามีปัญญาในศีล...ศีลแบบนี้จึงจะเป็น สีเลนะ สุขะติงยันติ...ศีลทำให้เป็นสุข...สีเลนะ โภคสัมปทา...ศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์...

    ทำไมศีลจึงทำให้เกิดโภคทรัพย์...
    ศีลแบบไหนจึงจะเป็น สีเลนะ นิพพุติงยันติ คือเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานได้...

    คนที่รักษาศีล ก็แบบหนึ่ง...
    คนที่มีศีล ก็แบบหนึ่ง....
    คนที่เป็นศีล ก็แบบหนึ่ง...

    ต่างกันยังไง?
     

แชร์หน้านี้

Loading...