ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ธรรมโอวาทเพื่อพระนิพพาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)
พ่อสอนลูก
๑. ขอลูกรักจงรักษากายไว้ด้วยดี อย่าเอากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามและจงรักษาวาจาไว้ให้ดี อย่าพูดปดมดเท็จที่ไม่ตรงความจริง อย่าพูดคำหยาบหรือด่าคนอื่น อย่าใช้วาจาเป็นเครื่องทำลายความสามัคคี คือยุให้คนแตกร้าวกัน อย่าใช้วาจาเหลวไหลไร้ประโยชน์ ด้านใจจงรักษาใจไว้ด้วยดี คือไม่อยากได้ของๆ ใครที่เขาไม่เต็มใจให้ ไม่โกรธแค้นอาฆาต พยาบาทใคร ไม่เมาใจจนเห็นผิด คิดว่าตัวเป็นคนประเสริฐ อารมณ์เหล่านี้เป็นพื้นฐานที่จะให้เข้าถึงพระนิพพาน เมื่อรักษากายใจได้ดังนี้แล้ว ต่อไปใจจะสะอาดขึ้นทีละน้อยจนไม่ต้องระวังทั้งกาย วาจา ใจ จะทรงไว้แต่ความดีอย่างเดียว ในที่สุดก็ถึงนิพพาน
๒. ลูกรักทั้งหลาย จงจำไว้ว่าท่านกับเรามีสภาวะเหมือนกัน คือมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนไปในท่ามกลาง และก็มีการสลายตัวไปในที่สุด ท่านกับเราก็เสมอกันเสมอกันโดยไตรลักษณ์ คืออนิจจังหาความเที่ยงไม่ได้ ทุกขัง เมื่อมีความเป็นอยู่ต้องทำมาหากินทางอาชีพทำการงานเลี้ยงชีพ สุขบ้างทุกข์บ้าง ไปตามสภาพของคนที่มีชีวิต ในที่สุดชีวิตก็สลายตัวไป จงจำไว้ว่าอย่ายึดมั่นถือมั่นในร่างกายจนเกินไป อย่ายึดถือในทรัพย์สินมากเกินไป จงจำไว้ว่าเราจะต้องตายถ้าเรายังไม่ดีพอ ตายแล้วเราก็ต้องเกิดอีก เกิดแล้วเราก็มีทุกข์ เกิดเป็นคนมีทุกข์อย่างคน เกิดเป็นสัตว์มีทุกข์อย่างสัตว์ เกิดเป็นอสุรกายเป็นทุกข์อย่างอสุรกาย เกิดเป็นเปรตเป็นทุกข์อย่างเปรต เกิดเป็นสัตว์นรกเป็นทุกข์อย่างสัตว์นรก เกิดเป็นเทวดาสุขอย่างเทวดา เกิดเป็นพรหมสุขอย่างพรหม แต่สุดท้ายไม่นานผลที่สุดก็ละความสุขนั้นมาหาความทุกข์ สู้ไปพระนิพพานไม่ได้ นิพพานมีความสุขที่เป็นเอกันตบรมสุข เป็นความสุขที่ยอดเยี่ยม
พิจารณาตน
๑. ถ้าบุคคลใดไม่สนใจจริยาของบุคคลอื่น ไม่เพ่งเล็งบุคคลอื่น ไม่ยากตนข่มท่าน ไม่มีความประมาท มีจริยาดี มีความสงบใคร่ครวญเฉพาะความประพฤติของตัว อย่างนี้ชื่อว่าเข้าถึงสะเก็ดความดีที่ตถาคตสอน แล้วบุคคลใดไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้คนอื่น ทำลายศีล ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว สามารถระงับนิวรณ์ ๕ ได้ตามต้องการ จิตทรงฌาน มีอารมณ์ทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ ชื่อว่าเป็นผู้ทรงฌานโลกีย์ อย่างนี้ถือว่าเข้าถึงเปลือกความดีที่พระองค์ทรงสอน ถ้าบุคคลใดทำความดีดังนี้ตามลำดับมาครบถ้วนทรงตัว สามารถทำจิตให้ระลึกชาติได้โดยไม่จำกัด อย่างนี้เข้าถึงกระพี้ความดีที่พระองค์สอน ถ้าบุคคลใดทำจุตูปปาตญาณให้เกิดขึ้นเห็นคนและสัตว์รู้ได้ทันทีว่าคนและสัตว์นี้ก่อนเกิดมาจากไหน คนตายแล้วไปอยู่ไหน อย่างนี้ถือว่าเข้าถึงแก่นความดีที่พระองค์สอน แต่เป็นแก่นขั้นฌานโลกีย์ ต่อไปทบทวนความดีนี้ให้ทรงตัว ทำวิปัสสนาญาณ ถ้ามีบารมีแก่กล้า จะตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาน ได้ภายใน ๗ วัน ถ้าบารมีอย่างกลางจะตัดกิเลสได้หมดภายใน ๗ เดือนถ้าบารมีอย่างอ่อนจะตัดได้หมดภายใน ๗ ปี
๒. ดีหรือชั่วมันอยู่ที่การควบคุมกำลังใจ ถ้าใจของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอย่างเดียว ใครจะว่าดีหรือชั่วไม่มีความสำคัญ เขาจะประมาณว่าเลว มันก็เลวไม่ได้ มันก็ต้องดีอยู่ตลอดเวลาถ้าจิตของเราชั่วเขาจะสรรเสริญว่าดี มันก็ดีไม่ได้เหมือนกัน นี่เป็นอันว่า พระพุทธเจ้าทรงให้รักษากำลังใจเป็นสำคัญ ควบคุมกำลังใจให้ดีไว้แล้วมันดีเอง ไม่ต้องไปฟังคำชาวบ้านเขา การที่เราดีเพราะรอให้ชาวบ้านสรรเสริญ นั่นมันเป็นอารมณ์ของความชั่ว

ศีล
๑. ท่านพร่องในศีลด้วยเจตนาเพียงนิดเดียว ท่านไม่มีหวังที่จะทรงสมาธิ เพื่อฌานสมาบัติได้เลย เพราะเพียงศีลมีการรักษาแบบหยาบ ๆ ท่านยังรักษาไม่ได้ ท่านจะเป็นผู้ทรงสมาธิที่มีอารมณ์ละเอียดกว่านี้ได้อย่างไร ผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานมาเป็นเวลาหลายสิบปีที่ไม่สำเร็จผลใด ๆ แม้แต่ฌานโลกีย์ไม่ได้ ก็เพราะพร่องในศีลเป็นสำคัญ
๒. ศีลทั้ง ๕ ข้อนี้จะเป็นข้อหนึ่งข้อใดก็ตามถ้าเราละเมิดนั่นก็หมายความว่าเราเปิดช่องของอบายภูมิหรือเปิดทางเดินไปสู่อบายภูมิ มีเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกายเป็นสัตว์เดรัจฉาน การเจริญกรรมฐานของบรรดาพุทธบริษัทก็ไม่มีผล เพราะฉะนั้นญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่คิดว่าจะเจริญพระกรรมฐานให้มีผลวันนี้และตลอดไปในชีวิต จงตั้งจิตคิดว่านับแต่นี้เป็นต้นไปเราจะเป็นผู้ทรงศีล ๕ บริสุทธิ์ตลอดชีวิต บางวันข้างหน้าอาจจะเผลอไปบ้างก็เป็นของธรรมดา ถ้าบังเอิญรู้ตัวว่าเผลอไปเราก็ยับยั้งมันเสีย และตั้งใจต่อไปเราจะไม่ทำผิดอีกและจงเข้าใจว่า ศีล ๕ ประการนี้ ถ้าจะขาดได้ก็ต้องอาศัยความตั้งใจทำ อย่างปาณาติบาตสัตว์เล็ก ๆ เราเดิน ๆไปเราไม่เห็นบังเอิญเหยียบตาย อันนี้ศีลไม่ขาด หรือสัตว์เล็ก ๆ มียุงเป็นต้นมาเกาะกินเลือดเรา ถ้าไม่คิดจะฆ่ามันแต่มันเกาะนานเกินไป เราจะเอามือลูบให้มันหนีไป บังเอิญมันหนีไม่ทัน ถูกมันตาย อันนี้เราไม่บาป ศีลไม่ขาดเพราะเราไม่มีเจตนาจะฆ่า

 

"โอวาทธรรม"
.............สมัยก่อนๆ คนไม่มีความรู้มากขนาดนี้ ก็เป็นพระอริยเจ้ากันได้มากมาย พระพุทธเจ้าสอนประโยคสองประโยค ท่านเอาไปปฏิบัติ
สมัยนี้รู้มาก ลังเลมาก เรียกว่ารู้มากยากนาน เหมือนอาหารมากเครื่องปรุงมากกลับไม่อร่อย เพราะเครื่องปรุงไม่สมบูรณ์แบบ
หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ
วัดป่าบ้านค้อ จ.อุดรธานี


............พระบรมศาสดาสอนให้พิจารณาความตายเพราะมันละกิเลสได้ มันหมดความทะเยอทะยาน หมดความเห็นแก่ตัว ความตายนั้นเป็นอารมณ์อันเป็นสิริมงคลชนิดหนึ่ง คนระลึกถึงความตายก็หมดปัญหาที่จะไปคิดฆ่าใคร คิดเข็ญคนอื่น คิดเบียด เบียนคนอื่น คิดอิจฉาพยาบาทคนอื่น มันก็หมด หมดความที่เป็นบาป เรียกว่ากุศลกรรม
หลวงปู่คำพอง ติสฺโส
วัดถ้ำกกดู่ จ.อุดรธานี


..............การประดับตกแต่งไม่มีสิ่งใดที่จะงามเท่าการประพฤติธรรม เรียกว่า ธรรมลังการ เครื่องประดับ คือ ธรรม ประดับกายให้เรียบร้อย ประดับวาจาให้เรียบร้อย ประดับจิตให้มั่นคง หนักแน่น สงบเสงี่ยม เรียบร้อย ผ่องใส สะอาด
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
วัดป่าเขาน้อย จ.บุรีรัมย์

 

โอวาทธรรม ( ต่อ )
............ในทางพุทธศาสนาท่านว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่น แต่เราฟังไม่จบไม่ตลอด ที่ว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่นนั้น คือว่าท่านให้ยึดอยู่แต่อย่าให้มั่น เช่นอย่างนี้ อย่างไฟฉายนี่น่ะ นี่คืออะไร ไปยึดมันมาแล้วก็ดู พอรู้ว่าเป็นไฟฉายแล้วก็วางมัน อย่าไปมั่นยึดแบบนี้
หลวงพ่อชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี


.............พรุ่งนี้มีไหม พรุ่งนี้ไม่มี มีแต่วันนี้ มีใครเห็นพรุ่งนี้ไหม เห็นเดี๋ยวนี้ ปัจจุบัน..ปัจจุบันดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันดี อดีตก็ดี ชีวิตก็มีเท่านี้ นาทีนี้ วินาทีนี้ เราจะทำอย่างไร เราอยู่ที่ไหนกัน อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงความรู้สึกตัว สมมติเรายืนอยู่ที่นี่แต่ใจเราไปอยู่กับลูกชายลูกสาว ไปถึงกรุงเทพฯ ไปถึงลูกสาว ลูกชาย มีประโยชน์อะไร เขารู้ว่าเราคิดถึงเขาไหม เขาไม่รู้หรอก เขาสนุกสนาน เราก็เป็นบ้าไปคิดถึงเขา ห่วงเขา เขาไม่รู้ว่าเราคิดถึง
หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ
วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ


.............เมื่อใจของเราสงบแล้ว ความสุขความสบายก็เกิดที่นั่น ไม่ได้เกิดที่อื่น ไม่ได้สุขสบายเพราะวัตถุข้าวของทั้งหลายต่างๆ ใจเราสบายเท่านั้นแหละ ความสุข เมื่อใจเราสบายแล้ว ทำอะไรก็สบาย ทำมาหากิน ค้าขาย การอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง เราก็สุขก็สบาย ธรรมนั้นก็นำความสุขความสบายให้
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร


............ในรูปร่างกายของพวกเรามันมีอยู่อย่างนี้ นี่เราเรียกว่าเป็นภูต ร่างกายของเราท่านว่าเป็นมหาภูตรูป ว่ากันง่ายๆก็คือ มหาภูต ภูตก็คือผี ร่างกายของเรานี้แหละ มันเป็นผีอยู่ มันจะต้องรบเร้า ทำความเดือดร้อนให้แก่ตัวเราอยู่ตลอดกาล ต้องได้เลี้ยงได้เซ่นได้สรวงมันอยู่ตลอดกาลเวลา เราเซ่นสรวงผีอันนี้ เราก็ว่าบริโภคอาหาร อาบน้ำนุ่งผ้า ประดับประดาตกแต่งร่างกาย เราก็ว่าไปอย่างนั้น ความจริงการเซ่นสรวงผีอันนี้ เราหาของมาเซ่นมัน มา บวงสรวงบูชามัน แต่ขนาดนั้นมันก็ไม่กรุณาเราเลย มันมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
วัดถ้ำอภัยดำรงค์ธรรม จ.สกลนคร


.............เวลาคิดสร้างปัญหาทำไมขยันคิด แต่เวลาแก้ปัญหาทำไมไม่ขยันแก้ เวลาคิดสร้างปัญหาทำไมไม่ปวดหัว แต่เวลาคิดแก้ปัญหาทำไมปวดหัว
หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ
วัดป่าบ้านค้อ จ.อุดรธานี

 

สวัสดีครับ เพื่อนกัลยาณธรรมทุกท่าน
วันนี้ผมมีสาระธรรมมาฝากหลายเรื่อง ลองอ่านและนำไปปรับใช้ดูนะครับ ผมหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกท่าน ( ลองอ่านดูนะครับว่าวันนี้เราเป็นคนที่น่ารักตามหลักพระพุทธศาสนาหรือยัง 5555 ) อย่าคิดมากนะครับ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ปรับไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะดีเองนะครับ อนุโมทนาบุญกับเพื่อน ๆ ทุกท่านนะครับ

 

เ่ล่าต่อ...เล่าต่อ ตอน 2..

วันก่อนเล่าถึงคุณศศิได้ร่วมทำบุญกันที่วัดปากน้ำ
เธอยังพาทัวร์ไปที่วัดใกล้ๆ ..คือวัดนาคปรก..
เธอบอกว่า เธอเคยมานั่งสมาธิที่นี่บ่อยๆ
เมื่อเข้าไปในอุโบสถ..พี่ดีีดี ก็รู้สึกเกิดศรัทธา
ที่นี่อีกเช่นกัน ก็ได้ทำบุญกันตามอัธยาศัย..

บุญกุศลใดที่บังเกิด ขอมวลมิตรในเรือนทุกท่าน
พร้อมใจกันอนุโมทนาและได้รับสิ่งดีดีโดยทั่วถึงกัน

เราได้คุยกันแลกเปลี่ยนแง่คิดในเรื่องกฏแห่งกรรม
เรื่องแห่งธรรมะจัดสรร ก็ไม่มีอะไรมาก บางสิ่งก็
เห็นต่างกันบ้างเล็กน้อย...
เนื่องจากคุณศศิเป็นคนอ่อนหวาน ...นุ่มนวล....
ส่วนพี่ดีดีเป็นคนแข็ง(แกร่ง),และ แรง(ดุ)
มีความเชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเองสูง

จึงมีความคิดที่รุนแรง เช่นมีความพยายามที่
จะผลักดันผู้คนที่หลงทาง..หลงผิด..ให้เกิดจิตสำนึก
สู่หนทางที่ถูกที่ควร แม้จะต้องเหนื่อยสักเท่าไร
ก็ยอม เพราะพี่ดีดีคิดว่า คนเราไม่มีใครที่ทำถูกได้ตลอดเวลา
หรืออีกนัยหนึ่งคือ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด.....
เพราะคนที่ไม่เคยทำผิดคือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย!!!

ฉนั้น ก็ไม่เป็นสิ่งแปลกประหลาด ที่ใครจะทำผิด
(แต่จะเป็นสิ่งแปลกประหลาดมาก หากรู้ทั้งรู้ว่าทำผิดแล้ว...
ก็ยังดื้อรั้นดันทุรังอ่ะ 555+++)

ส่วนคุณศศิเธอเตือนว่า เราต้องประเมินว่า
หากผู้ใดทำผิดเป็นนิจ(นิสัย) ไม่คิดฟังใคร
อันนี้ยากเกินแก้ ...(แก่เกินแกง..555 อันนี้พี่ดีดีต่อเอง..)

แล้วถ้าเราพร่ำชี้แนะนำทางให้เขา...แล้วเขาเกิดแรงต่อต้าน
มันจะเป็นบาป....บาปเพราะทำให้เขาทำผิดมากยิ่งขึ้น
(ในการไม่สำนึกอ่ะ) อืมมมม....ก็มีเหตุผล!!

ก็น่าคิดนะ..ดูเหมือนคุณศศิก็พูดถูก?!?!?

แต่พี่ดีดีคิดต่อว่า (ด้วยความที่เป็นคนแข็งและดื้อ555)
ถ้าเรามัวแต่กลัวบาป ในการที่จะสร้างคนให้เป็นคน ...
แล้วโอกาสของคนที่ควรจะเป็นคน...จะเกิดขึ้นได้อย่างไร...
เอาน่า..บาปก็บาป ...
มันก็แค่บาปชั่วคราว พูดนำให้เค้าคิด ด้วยเหตุด้วยผล
ด้วยกลกุศโลบายวันนี้ไม่ได้ผล พรุ่งนี้..มะรืนนี้...
เค้าก็คงจะคิดได้สักวัน ดีกว่าไม่มีใครนำ..
และเค้าก็จะถลำไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเค้าคิดได้..
กลับเนื้อกลับตัวได้ มองเห็นทางสว่างได้
เค้าก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ตกอยู่ในบ่วงกรรม
ที่น่าเวทนาอีกต่อไป ก็น่าจะดีกว่ามิใช่หรือ?!?!?!

แล้วเราจะรักตัวกลัวบาป..ไปใย !?!?!
จะไปสนใจอะไรกะบาปตรงนั้น?!?!?!

อิ๊กคิวซัง..คร๊าบบบบบผม...
ช่วยตอบหน่อยสิคร๊าบบบบ....

อิ๊กคิวซังเกาหัวแก๊กๆ (ในใจคงนึก ช่างยุ่งจริงหนอๆ)
ขอผมคิดก่อนนะคร๊าบบบบ55555

นี่เป็นข้่อธรรมะหนึ่งที่เราถกกันในวันนั้นค่ะ

ไม่มีอะไรในกอไผ่ คุยกันไป คุยกันมา...
อย่างสนุกสนาน... ได้อรรถรสมากมาย
ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน

ก็ถือเป็นวันที่ดีนะคะ ที่ คุณศศิเธอนำพี่ดีดีทัวร์
ตั้ง 2 วัด (555 กระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว)
ดีกว่า นัดไปทานข้าวไข่เจียวค้างปีเป็นไหนๆ อิ อิ อิ

มาแถมเรื่องคุณน้องหน่อย...
ใครยังไม่เคยพบเคยเห็นคุณน้อง..
มาค่ะ ...ตามมา พี่ดีดีจะบรรยายให้ฟัง..

คุณน้องเธอเป็นวัยรุ่น...สวยใส
หน้าตาละม้ายคล้ายดาราวัยรุ่นญี่ปุ่น
รูปร่างสูงเพรียว ผมยาวตามสไตส์วัยรุ่น
ยุคไฮเทค (ไม่ใช่สไตส์แม่นาคนะ อย่าคิดมาก)
เป็นเด็กอารมณ์ดี มีรอยยิ้มที่สดใสบริสุทธิ์

รู้จักคำว่า สวย ใส บริสุทธิ์ผุดผ่อง มั๊ยคะ
ยังไงยังงั้นแหละ เธอเป็นคนพูดน้อย
แต่ยิ้มเยอะค่ะ แถมใจดีอีกต่างหาก
เชื่อว่าใครเห็นเธอก็คงจะรักเธอทุกคน

โอ..เขียนมาำไกลตั้งหลายไมล์ทะเล
เดี๋ยวคุณศศิมาเห็นเข้า..ว๊ากกกก แน่เลย
เดี๋ยวพี่ดีดีคงถูกต่อว่า ทำให้สิ้นเปลือง
งบประมาณแผ่นดิน ?!?!?

สำหรับวันนี้ เอาแค่นี้ก่อนดีกว่า

ขอให้ทุกท่านจงมีความสุข ปราศจากทุกข์ใดๆ นะคะ

พี่ดีดี สวัสดีค่ะ

 

วิญญาณ....ใครว่าไม่มีจริง

หลายวันก่อนศิกับน้องก็ได้ไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านบางนา
พอเข้าไปถึงห้องผู้ป่วย สักพักน้องก็บอกอยากย้ายห้องไม๊
ทำไมต้องย้ายล่ะ....ก็มีคนมาช่วยเฝ้าไข้อีกแรงไง ชอบมะ ชอบมะ 5555
ไม่เสียเงินค่าจ้างด้วยนะจะบอกให้

แถมเขาบอกน้องว่า...ไม่ชอบให้ใครมาคุยเสียงดังหนวกหูเขาในห้องนั้นด้วยนะ
ตอนแรกก็ชักไม่ค่อยมีมิตรไมตรีมา
น้องบอก ไม่ใช่ผมยาวสลวยสวยเก๋เหมือนใช้ออด๊าส
บุคคลิกก็ไม่เย็นยะเยือกใจดีดุจแม่นาคนะคะ
แต่นี่...ขอบอก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
ท่าทางผอม หน้าตาดุตาขวางเอาเรื่องทีเดียว
สาวเจ้างานนี้
ศศิริยะเลยต้องอุทิศกุศลให้ก่อนเป็นการผูกไมตรี
เพราะสั่งอาหารมากินยังไม่ได้ไปถึงไหนแค่สามคำน้องก็พูดเอา ๆเสียแล้ว
ขืนไม่ผูกไมตรี มีหวัง เสียค่าอาหารฟรีไม่ได้นั่งกินแน่ในนั้น
ได้ผล ๆ เล็กน้อย เขารับรู้และยอมหยุดตาขวาง หยุดบ่นว่า
ก็ได้กินจนหมดล่ะ พอหมดก็เผ่นก่อนล่ะนะ คนป่วยก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน 55

ปรากฏพอขึ้นรถขับกลับบ้าน
แม่จ้าว เธอติดใจในผลบุญ หรือตัวน้องรึไร ที่คุยกันรู้เรื่อง
ส่งกระแสจิตตามมาคุยต่อกะน้องอีกในรถ กำหนอ คุยก็คุย
น้องก็บรรยายใหญ่ว่าเธอบอกว่า
ผู้ชายมันเลว มันชั่ว เธอว่างั้นนะ
ก็เลยให้น้องถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น
เธอบอกว่ารู้ไหมว่าเธอต้องเสียชีวิตเพราะอะไร(ตามมาระบายความแค้นตั้งยาว สนุกเขาเลย เห่อเห่อ)
เพราะคนรักของเธอ มันเป็นผู้ชายที่เลวมาก (เอาคำพูดวิญญาณเลยนะ พี่ศิไม่ได้พูดหยาบคายนะจ๊ะ)
เธอบอกต่อว่า มันทำตัวเลว มันชั่ว มันทำร้ายเธอ
ติดยาด้วย พอเธอรู้จะตีตัวจาก มันก็มาทำร้ายจนบาดเจ็บ
จนญาติต้องนำมารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้
พออาการดีขึ้น มันก็ตามมาทำร้ายจนถึงโรงพยาบาลอีก
ความที่เธอตกใจสุดขีด เลยช๊อคไปอีก
ครานี้อาการตอนที่เธอช๊อคน๊อคไปนั้น
สภาพร่างกายเกิดไปทำปฏิกริยากับยาที่หมอให้
ร่างกายเกิดการแอนตี้ยาอย่างฉับพลัน ทำให้เธอต้องเสียชีวิตในขณะนั้นนั่นเอง
เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเสียชีวิตมาสี่ปีแล้ว
ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นอายุสามสิบสอง
ตอนที่เธอเสียชีวิตจิตเธออาฆาตแค้นสามีเลว ๆ คนนี้ รอคอยที่จะเฝ้าล้างแค้นผู้ชายคนนี้ เลยทำให้เธอต้องติดวาระกรรมอยู่ที่จุดที่เธอเสียชีวิต ก็คือที่โรงพยาบาลนั่นแหล่ะ ญาติก็เอาไปได้แต่ร่าง ไม่สามารถนำดวงวิญญาณเธอออกไปได้

น้องบอกเธอผู้นั้นต้องติดวาระกรรมอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะถึงวาระนั่นแหล่ะ
ถึงจะหลุดออกมาได้ เพราะแรงจิตที่อาฆาตสามีไว้ตอนสิ้นใจคือกรรมที่เขาต้องรับนะ แม้ตอนนี้วิญญาณเขาจะไม่ลำบากมาก แต่ก็ไม่สบายเลย เนื่องจากญาติ ๆ พอตอนเธอเสียชีวิตก็ทำบุญให้ แล้วก็เลิกทำ บุญที่เธอได้รับจึงน้อยนิดนัก ไม่สามารถทำให้วิญญาณหลุดพ้นได้เร็วขึ้นและสภาพไม่สวยงดงามอย่างที่น้องเห็น เราอุทิศให้เขา เขาก็ได้น้อยนิด ไม่สามารถทำให้หลุดพ้นจากวาระกรรมตรงนั้นได้ เพราะต้องให้กุศลที่ต่อเนื่องและมากพอกับแรงกรรมของเธอนะ ถึงจะพ้นได้ ต้องญาติ ๆ เธอนั่นแหล่ะสถานเดียวเลยที่ต้องทำให้อย่างต่อเนื่องและมากพอ
ตรงนี้นี่หลายท่านอาจงง เพราะเคยรับรู้แต่ตำราว่าคนมีอภิญญาความสามารถน่าจะให้บุญเขาช่วยเขาหลุดพ้นได้ ขอบอกว่าความจริงเป็นอย่างที่ศิกล่าวมานั่นแหล่ะ เพราะหากเป็นไปได้ตามความเข้าใจผิด ๆ ที่เคยเข้าใจกันมา ป่านนี้ทุกโรงพยาบาลคงไม่เนืองแน่นไปด้วยวิญญาณแล้วล่ะค่ะ บางครั้งผู้ที่สามารถก็มิอาจฝืนชะตากรรม วาระกรรมของใครได้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ฉะนั้นใครที่บอกสามารถอุทิศบุญช่วยส่งวิญญาณได้ ให้วิญญาณหลุดพ้นได้ ช่วยเชิญไปอุทิศให้ครบทุกโรงพยาบาลทั่วไทยทีนะคะ ทำได้ดั่งคุย ศศิริยะจะขอแสดงความนับถือเลยจริง ๆ ค่ะ 5555

ที่ศิเขียนเล่ามานี้ ก็เพราะอยากให้ทุกท่านพึงระลึกนะคะ
ว่าท่านใดที่เคยมีญาติเสียชีวิตไปแล้ว
ขอให้ท่านทำบุญสร้างกุศลให้เขาให้ต่อเนื่อง
ไม่ใช่เผาเสร็จจบกัน
เพราะหากดวงวิญญาณเขาเป็นแบบเธอผู้นี้
ใครเล่าจะรู้ได้ว่าญาติของท่านต้องทุกข์ทรมานอยู่ในมิตินั้นเพียงใด
และอีกนานแค่ไหนที่เขาต้องติดวาระกรรมแบบนั้นตรงนั้นที่ ๆ เขาตาย เพราะบุญไม่มากพอ
เป็นเรื่องที่ท่านคงไม่อาจทราบได้
ฉะนั้นท่านใดที่หลงลืมญาติกาที่ล่วงลับไปแล้วทั้งหลาย
โปรดทราบ ขอให้ท่านหมั่นทำบุญอุทิศไปให้เขาด้วยอย่างสม่ำเสมอนะคะ
นี่มิใช่เรื่องแต่งขึ้นมาพูดเล่น ๆ
แต่นี่คือเรื่องจริงที่วิญญาณเธอผู้นี้มาบอกเล่าพูดคุยคุยกับน้อง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองค่ะ





หนังสือ ปาฏิหาริย์ แรงบุญ แรงกรรม...ใครว่าไม่มีจริง โดย ศศิริยะ
http://palungjit.org/showthrea...129821&page=31

 

วันนี้ ป้าดีดี ขอแ้ก้คำผิดนะคะ
คำว่า สะกิิด และ กาละเทศะ
เป็นคำที่ถูกต้องค่ะ

 

ขอบคุณค่ะพี่ศิ หนูเข้าใจแล้วว่า......
ห้ามสะดุดต้องทำแบบต่อเนื่อง...เพระอะไร....
ต้องขอขอบคุณพี่ศิอย่างยิ่ง..ที่พี่ศิไขข้อข้องใจให้ว่า...
ทำไมต้องทำแบบต่อเนื่อง...ห้ามขาด...ค่ะ

 

หวัดดี และ ขอบคุณ ครับ
ที่
นำเรื่องที่ หลายคน ไม่รู้ มา
เล่า และ แนะนำ

;38fishh_

 

ห่วงหนอห่วงรัก ห่วงผัวนักห่วงลูกน้อย
ห่วงผูกแสนรัก ก็คิดหนักมิใช่น้อย
ห่วงอีกทั้งบริวาร ญาติมิตรก็หลายร้อย
ห่วงเบื้องหน้า จะเหลืออีกมากน้อย
ห่วงนี้คิดแล้ว แสนระทมทุกข์ใจนัก

.........................................................................................................................................................

ตัวหนูจิ๊บเองก็คิดอยู่เช่นกันค่ะพี่เจนนี่ ว่าในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้จิ๊บใจชื้นขึ้นมาได้จวบจนทุกวันนี้ค่ะ
คือ พี่ศิ คุณน้อง ป้าแน๊ต ป้าคัดเค้า ป้าดีดี โกเม้ง โกชาติ
พี่เจี๊ยบ พี่จิน พี่ปอนด์ พี่กุ๊ก พี่เมย์ พี่เจนนี่ พี่เอ๋ คุณโดโด้
น้องเอ๊าะๆ น้องบอย น้องลักษ์ และอีกหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยนามค่ะ
เพราะทุกท่าน ที่สามารถเข้ามาอยู่ในเรือนของพี่ศิและน้องแล้ว
จิ๊บเชื่อว่า ทุกคนล้วนเป็นคนดีมีเมตตาด้วยกันทั้งนั้น(เป็นผู้มีบุญค่ะยิ่งได้เจอพี่ศิและน้องตัวเป็นๆ ยิ่งเป็นบุญวาสนาของผู้พบเห็นนั้นทีเดียว)
เพราะมีแต่ความปราถนาดีดี ให้แก่กันเสมอมา
เพราะฉะนั้น พี่ศิเค้าไม่ทิ้งเราแน่นอนค่ะ
ขอให้เชื่อมั่นในคำสั่งสอนของพี่ศิ
และเร่งสร้างแต่กรรมดีไม่ช้า เดี่ยวธรรมะจัดสรรเองค่ะ
...............................................................................

;aa43ฝันดีนะค่ะทุกๆ ท่าน ราตรีสวัดิ์ค่ะrabbit_sleepysleeping_rb

 

ซึ่งใจ

 

หวัดดีเจ้าค่ะคุณ gentenaar
นานๆ มาทีแบบคัดเค้าเลยเจ้าค่ะ
ในรอบสัปดาห์นี้ ทำบุญทำทานอะไรมาบ้าง
เล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ...

หนูจุ๊บจิ๊บไปวัดกลับมาแล้วหรือจ๊ะ
โมทนาด้วยจ้า...

หนุ่มเอ๊าะแอ๊ะ แถวบ้านมีวัดอะไรบ้าง
ที่จะแนะนำให้เพื่อนไปทำบุญหากได้ผ่านไป

โมทนากะหนุ่มพ่อลูกอ่อน...อ้างว้างจากกิเลส
แต่ไม่อ้างว้างจากธรรม...
แนะนำวัดให้น้องๆ ได้ไป วัดป่านานาชาติ
กับวัดหนองป่าพงก็อยู่ในแพลนเหมือนกันเจ้าค่ะ
เอ...แล้ววัดดอนธาตุล่ะเจ้าคะ ไกลไหม
ที่หลวงปู่เสาร์เคยอยู่...

 

สวัสดีครับ คุณ Aodzilla

มาแต่ละครั้ง นำคติธรรม มาฝากล้นแก้วเลยนะครับ

โมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ก่อนอื่นอีกครา...ขอโมทนาอย่างแรง
กะหนุ่มน้อยอ๊อดซิลล่า ให้ธรรมทานทุกเพลา
บุญรักษานะเจ้าคะ...สาธุ

แลหวัดดีกะคุณเจนนี่ลีด้วยเจ้าค่ะ
ดูแลระวังรักษาสุขภาพอย่าให้เป็นหวัด
หรือเจ็บไข้อันใดนะจ๊ะ.....

หวัดดีเจ้าค่ะคุณป้าดี๊ดี
คัดเค้าโมทนาสาธุการกับบุญของคุณป้า
คุณศิแลคุณน้องครานี้ทั้งหมดเลย
คัดเค้าพลอยยิ้มอิ่มบุญไปด้วยเวลาอ่าน
เห็นหน้าของคุณน้องในจินตนาการไปต่างๆ นานา

...ความงดงาม ใดๆ รูปภายนอก
หางามเท่า ความงาม ภายในได้
มีเมตตา มิประมาณ ทั้งใกล้ไกล
จากฟากฟ้า สุราลัย สู่แดนดิน...

...มันเกี่ยวกันไหมนี่......../\...สาธุ

 

เรียนคุณศิเจ้าค่ะ
คัดเค้าลองไปตามลิ้งค์หนังสือของคุณศิหน้า 31 แล้ว
มันไปที่หน้าโฮมเพจของเว็บพลังจิตเลยเจ้าค่ะ

แลขออนุญาตเก็บข้อความธรรมต่างๆ
ที่คุณศิกะคุณน้องบอกเล่าไปไว้ในไฟล์เวิร์ด
บอกเล่าต่อสู่ลูกหลาน แลเพื่อนร่วมงานต่อไปเจ้าค่ะ
...สาธุ...

คัดเค้าทำตามที่คุณศิแนะนำแล้ว
นำขวดน้ำดื่มขวดโตพอประมาณ
ไปอธิษฐานจิตตั้งไว้บนโต๊ะบูชา
บอกท่านปู่...ท่านย่า...แล้วเจ้าค่ะ
ตั้งไว้เมื่อคืน ตอนเช้ามากราบท่าน
อธิษฐานอีกครั้ง แล้วใส่กระเป๋า
ของน้องปิงปองไปโรงเรียนด้วย
อีกส่วนจะผสมน้ำให้น้องอาบด้วยเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณอีกครั้งนะเจ้าคะ...

เอ...อีกนิดนึงเจ้าค่ะ
ในบ้านเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพกราบไหว้
ตลอดจนเจ้าที่เจ้าทางพระภูมิต่างๆ
แล้วเขามารบกวนเราได้เยี่ยงใดเจ้าคะ
มาทางได้ได้อีก เราจักป้องกันมิให้มีสิ่งแปลกปลอม
อันมิพึงประสงค์นี้ประการใดบ้าง
ขอเป็นความรู้เพิ่มเติมอีกเรื่องเจ้าค่ะ

ด้วยความเคารพ
คัดเค้า

 

วันนี้คัดเค้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ
ขอให้มีความสุขในกุศลทั่วกัน...

 

สวัสดียามสายๆ ค่ะ ทุกๆ ท่าน
ยังมิได้ไปบวชค่ะป้าคัดเค้า แต่ คัมมิ่งซูม ค่ะ
แล้วที่พิษณุโลกมีวัดใดบ้างค่ะป้าที่รับบวชค่ะ
หนูจิ๊บอยากเดินทางไปบวชหลายๆ ที่ค่ะ
ป้าคัดเค้าช่วยลองบอกชื่อวัดและทางไปด้วยนะค่ะ
ด้วยความเคารพรักอย่างสูงค่ะ

 

:z12

ขอบพระคุณ "คุณศิ" มากค่ะ !!!

ที่กรุณาบอกเล่าเรื่องนี้
จะได้เป็น "ข้อคิด/ข้อเตือนใจ"
ในการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ

ขอบพระคุณ "คุณศิ" มากๆค่ะ !!!!
;38
รักและคิดถึงคุณศิเสมอ
ทิพ
;aa19