ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ขออนุโมทนากับทุกความดี

    ขอบุญนี้จงถึงแด่สมาชิกเว็บพลังจิตทุกท่าน

    -/\-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2008
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ขออนุโมทนา กับคุณ เมทิกา ที่ได้พูดจริงทำจริงในการอุตสาห์ออกค่าใช้จ่าย
    ด้วยตัวเองเป็นเงินเกินหลักร้อย เงินหนึ่งพันสมัยนี้จะเอาไปเลี้ยงชีวิตก็ช่าง
    น้อยนิดลงทุกทีเพราะข้าวของแพงไปหมด เงินหนึ่งพันจึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

    นอกจากนี้ ก็ขอนุโมทนาในมุทิตาจิต ที่พึงกระทำแจ้งขอวิธีแก้กรรมไปแล้ว
    แต่ไม่ได้สนใจว่า เจ้าของกรรม จะน้อมนำไปปฏิบัติหรือไม่ เพราะแน่นอนละ
    ว่า เขาไม่ใช่ผู้เต็มใจที่จะรับแก้กรรมเสียเอง จึงอาจจะไม่ให้ความสำคัญ จึง
    อาจไม่ได้ปฏิบัติตาม

    นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจะปฏิบัติอย่างไรไป คุณแม่ลูกวัย 13 ก็แจ้งแล้วว่า ก็ขึ้น
    กับเจ้ากรรมนายเวรด้วยว่าจะพอใจหรือไม่ ถ้าเขาไม่พอใจ(อันเป็นวิสัยของ
    สรรพสิ่งที่ยังติดตังในสังสารวัฏจะพึงมี) ก็อาจจะไม่ส่งผล

    ผมเคยได้ยินเรื่องแก้กรรมจากคำเทศนาของพระ มีผู้หญิงคนหนึ่ง สมัยโบราณ
    เธอไปอาบน้ำริมคลอง แล้วคนรับใช้ในบ้านซึ่งเป็น ทาส สมัยนั้นได้มาแอบดู

    พอเธอพบเข้า ก็หยุดอาบน้ำ แล้วตรงไปหาที่ทาสแอบมอง ทาสก็คงออกมา
    รับผิด แต่ทว่า เธอได้เอาจอบแถวนั้นฟาดลงไปที่เขาจนตาย ถึงแม้จะมีการ
    ขอโทษขอโพยแล้วก็ตาม เมื่อตายแล้ว เธอก็ขุดหลุมฝังกลบเกลื่อนไว้ตรงนั้น

    กาลต่อมาที่ตรงนั้นกลับถูกสร้างเป็นวัด แล้วหญิงคนนี้ก็กลับชาติมาเกิด แล้วไป
    ทำบุญที่วัดนั้น ทำให้ ทาส จำได้ และสิงเล่นงานทันที แถมยังตามรังควาน
    จนถึงบ้าน ร้อนถึงพระต้องช่วยตรงจให้(ไม่เสียตังค์) แน่นอน ทาสก็เสนอวิธี
    แก้กรรมผ่านพระไป เธอก็ทำโดยดี แต่ทำเท่าไหร่ ก็ไม่หยุด

    พระทราบทีหลังว่า ไม่ใช่เขายังไม่พอใจต่อการขอโทษ แต่เขากลับยินดีที่จะ
    แกล้งเธอต่อไป หมายความว่า กรรมได้แก้แล้ว แต่ทว่า ทาส ประสงค์จะกลั่น
    แกล้งเล่นๆ(เพราะทาสไม่ใช่คนใจบุญอะไร ซึ่งเป็นปรกติเหมือนคนร้อยละ 99.99)

    ก็อย่างที่คุณแม่ลูก 13 กล่าว หากเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ได้มีธรรม ทำอะไรไป
    ก็ใช่ว่าจะแก้ได้

    ดังนั้น เมื่อจ่ายเงินค่าดูกรรมไปแล้ว เราก็ไม่ควรยึดติดในทรัพย์นั้นอีก ให้กำหนดเป็น
    เพียงเงินที่จะเข้าไปจุนเจือผู้มีบุญทั้งสองนั้น ก็จะทำให้มีมุทิตาจิต และอุเบกขาจิต ไม่
    สร้าง กรรมเวรจองเวรกันเอง ซึ่งอาจจะเผลอเกิดขึ้นในแว๊บของความคิด ก็ขอให้ระวัง
    ไว้

    อย่าลืม ก่อนที่จะส่งเงินเป็นค่าใช้จ่ายไปนั้น อย่าลืมวางจิตวางใจให้ถูก อย่าได้คิดไปว่า
    นั้นคือ ค่าใช้จ่ายในการแก้กรรม เพราะกรรมอาจจะไม่หายไปด้วยเหตุที่มาจากผู้แก้กรรม
    เอง และ เจ้ากรรมนายเวร เงินนั้นถ้าส่งไปด้วยกริยาจิตเมตตา อนุเคราะห์ตรงแก่บุคคล
    ผู้รับ ผู้มีบุญ ถือว่า เป็นการทำจาคะแก่ผู้มีบุญทั้งสอง ก็จะทำให้ได้อนิสงค์ที่ดีกว่า

    ดั่งเช่น คุณ เมทิกา

    และเนื่องจาก เด็กอภิญญา 13 เป็นผู้มีบุญ ดังนั้น ไม่จำเป็นเลยที่ จะต้องไปเอาเรื่อง
    การแก้กรรมมาเป็นเหตุ หากท่านผู้ใดศรัทธา ก็จงทำการละ จาคะทรัพย์ให้แก่ผู้มี
    บุญตามแต่กำลังศรัทธาเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2008
  3. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ในเว็บนี้มีแต่ผู้มีบุญบารมี อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์

    จึงขออนุโมทนาทุกความดี


    แม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันไป แต่ก็มาจากดวงจิตที่เปี่ยมด้วยกุศลเหมือนกัน
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ปัจจัยประการหนึ่งของฐานะ ผู้ได้รับทรัพย์จากการจาคะเพื่อบุญ

    เมื่อบุคคลหนึ่ง เป็นผู้มีบุญ ย่อม ต้องมีผู้ศรัทธา และยินดีทำการ จาคะทรัพย์แก่
    ผู้มีบุญนั้นได้ตามอัธยาศัย ผู้ที่มีบุญไม่ควรปฏิเสธเพราะว่า ทรัพย์ที่เขาให้มานั้น
    ก็เพื่อยังกิจ จรณะ ของตน อุปถัมภ์ตนให้สามารถยังกิจแห่งบุญที่เลิศยิ่ง ให้เจริญ
    ขึ้นไปอีก เพื่อให้อนิสงค์นั้นๆคืนกลับไปยังผู้บริจาคทรัพย์ พึงไม่ปฏิเสธเพราะ
    เห็นว่า จะไม่มีกุศลใดๆตกถึงเขาหากเราเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    หากผู้มีบุญยังกิจการปฏิบัติให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ไม่จมอยู่แค่วาระ หรือ คุณธรรมเดิมๆ
    ย่อมเป็นผู้มี วิชชา จรณะ สัมปันโน เขาย่อมเป็นเนื้อนามบุญแก่ปุถุชนได้

    ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำสิ่งอื่นๆ อันนอกเหนือจากการเจริญคุณธรรมในตนของผู้มี
    บุญเพื่อการตอบแทนแก่ผู้ศรัทธาเหล่านั้น เว้นเสียแต่ จะไม่ได้บำเพ็ญเพียรภาวนา
    ให้กุศลอันยิ่งๆได้เจริญขึ้น

    หากกุศลอันยิ่งได้เจริญแก่ผู้มีบุญจนถึงขีดสุดแล้ว ถึงเวลานั้น ความปราถนาของผู้
    บริจาคทรัพย์แก่ผู้มีบุญนั้นๆ จะมีผลยิ่ง หากในตัวเขามีเงินอยู่ 10 บาททั้งเนื้อทั้งตัว
    แล้วประสงค์จะยกให้เป็นทรัพย์ของผู้มีกุศลอันยิ่งแล้ว เขาควรได้รับการตอบสนองผล
    ของการอธิษฐานได้ทุกๆกรณี

    จงศรัทธา และใช้ศรัทธา อย่าได้ใส่เงื่อนไขใดๆไปในการทำบุญ

    จงมั่นใจว่า ผู้รับทรัพย์ไปนั้น จะหมั่นเจริญธรรมเพื่อเป็นอนิสงค์ส่งถึงแก่เราภายหลัง

    ยิ่งผู้มีอภิญญาแล้ว อย่าได้สงสัย
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    มีตำนานหนึ่งอยากเล่าสู่กันฟัง

    เรื่องพระพุทธบาท 4 รอย ที่เชียงใหม่

    มีตำนานเล่าขานกันว่า หิน ที่เป็นที่ประทับพระบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์
    นั้น มีที่มาจาก อุบาสก หรือ อาจจะเป็น พระ ที่ได้ศึกษา มีวิชชาติดตัวดีเยี่ยม
    ท่านหนึ่ง หรือ องค์หนึ่ง

    แต่เนื่องจาก เห็นทรัพย์อันควรเป็นของกลาง เพราะเป็นทัรพย์ที่ได้จากผู้มีจิตศรัทธา
    นำมาบริจาคแก่พระ หรือ ญาติธรรมที่ปฏิบัติธรรมอยู่ เพื่ออนุเคราะห์กิจแห่งศาสนาที่
    พระ หรือ ญาติธรรมกำลังบำเพ็ญเพียรทำกุศลอันปุถุชนยากจะทำได้ เนื่องจากมันเป็น
    ของกลาง เมื่อใครได้มา ก็จะนำมาวางไว้กองกลาง เพราะแต่ละท่านไม่ได้ประสงค์จะ
    เอาไปใช้แต่อย่างใด การได้มาทรัพย์นั้นเพราะเหตุอันใดก็ดี ก็แทงตลอดไปถึงที่มา
    ของวิชชา และคุณธรรมที่ตนได้รับ และปฏิบัติอยู่นั้น เพราะองค์ศาสดาเป็นแน่แท้

    อุบาสก หรือ พระองค์นั้นกลับมองเห็นว่า ทรัพย์นี้ไม่มีใครต้องการ และเจ้าของก็ได้ทำ
    การตั้งจิตละความเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นแล้ว พระในบริษัทก็ไม่มีผู้ใดแจงการเป็นเจ้าของ
    จึงสำคัญไปว่า หากเราตั้งจิตนำเอาไปใช้แล้วก็จะไม่มีผลกรรมอันใด เพราะใช้แล้วก็กลาย
    เป็นโภคทรัยพ์ที่ใช้แล้วหมดไป ความเป็นทรัพย์ก็สูญเทียบเท่ากับการไม่มีเจ้าของ ผู้เอา
    ไปใช้ก็ถือได้ว่าไม่ได้เอาไป เพราะไม่มีอะไรอยู่ที่ตน แต่ได้แปรเปลี่ยนเป็นของๆคนอื่นบ้าง
    เป็นอาหารจุนเจือชีวิตตนบ้าง

    ด้วยเหตุที่เอาทรัพย์ของกลางไปใช้เพราะแทงไม่ตลอดซึ่งปัญญา ทำให้ ต้องไปเกิดเป็น
    หินเปรต และต้องรอพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์มาประทับฝ่าพระบาทเพื่อการปลดปล่อย
    ก็เทียบเท่ากับต้องข้าม ภัทรกัปป นี้ไป ช่างเป็นเวลายาวนานยิ่งเสียกว่าการเจริญธรรม
    ของพระพุทธเจ้าเพียงหนึ่งพระองค์ ยาวนานกว่าการเจริญธรรมเพื่อเป็นสาวกที่ใช้เวลา
    ประมาณเพียง 1 ในพันส่วนของการเกิดพระพุทธเจ้า (น้อยกว่ามาก)

    ก็ขอจบนิทาน ตำนานไว้เพียงเท่านี้
     
  6. Siamese Wizard

    Siamese Wizard Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +42
    โห อายุ13มีอภิญญา

    เรา15แล้วยังนั่งสมาธิไม่เป็นเลย-*-

    อนุโมทนากับน้องเขาครับ บุญบารมีสูงจริงๆ
     
  7. bumbimnick

    bumbimnick เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +160
  8. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    รักใคร ชอบใคร ก็สนทนากันตามอัธยาศัยนะคะ
     
  9. ป.วิเศษ

    ป.วิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +411

    ถะ ถะ ถูก แล้วคร๊าบพี่น้อง คร๊าบ..
     
  10. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,201
    ค่าพลัง:
    +235
    วันนี้ผู้อ่านได้เข้ามาอ่านกระทู้ที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ แต่ไม่ทราบว่าทำไมผู้เขียน จึงไม่เขียนต่อ ผู้อ่านรอให้ผู้เขียนมาเขียนต่อนะครับ แล้วผู้อ่านจะรออ่านบทความของผู้เขียนต่อไปเรื่อยๆ ครับ
     
  11. dremkung

    dremkung สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอนนี้คุณศศิริยะเงียบไปไม่ทราบไปไหนกรุณากลับมาด้วยนะคะ
     
  12. แม่ลูกตาล

    แม่ลูกตาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +1,206
    ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่น้องได้ช่วยเหลือมา ซึ่งดิฉันก็ได้ลงมือทำมาทันทีที่ได้รับคำตอบจากคุณศศิริยะ และดิฉันเองก็ไม่ได้เสียเงินทำบุญมากมายเลย คุณศศิริยะแจ้งมาว่าแล้วแต่ศรัทธาค่ะ
    บอกตามตรงเลยนะคะว่า ดีใจมาก ๆ ซึ้งใจค่ะ ที่ได้มาเจอเวปพลังจิตและเข้ามาเจอกับคุณศศิริยะ คิดได้ทันทีเลยว่า เจ้ากรรมนายเวรคงเปิดโอกาสให้เราได้ชดใช้เขาอย่างถูกวิธีแล้ว หรือไม่ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลให้มาเจอะเจอกับคนคนนี้และได้มีโอกาสที่จะได้ชดใช้ในกรรมที่ตัวเองได้กระทำมา :z12
    เป็นกำลังใจให้คุณศศิริยะ ตลอดไปค่ะ
    เข้าใจค่ะ ว่า มารไม่มี บารมีไม่เกิด
    ทำดีต้องได้ดีแน่นอน ทำชั่วได้ดีมีที่ไหน มีแต่จะชั่วตลอดไป ;17
     
  13. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ว่าแต่คุณศศิริยะ หายไปเลยจริงๆด้วยแหละ


    อืม.... หรือว่าเตรียมอพยพกันแล้วเหรอ ^^"
     
  14. umatevie

    umatevie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +410
  15. warunee1981

    warunee1981 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +16
    ส่วนใหญ่เค้าติดต่อทางอีเมลน่ะค่ะ ก็เคยถามวิธีแก้กรรมกับคุณศศิริยะว่าต้องทำอย่างไร
    พี่เค้าก็บอกวิธีมานะค่ะ แต่ทางเรายังไม่มีปัจจัยที่จะทำ แต่ใจจิงแล้วก็ยังอยากดูอยู่ ถ้าใครเคยดูก็รบกวนมาบอกเล่ากันบ้างนะค่ะ
     
  16. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +3,472
    เรียน คุณศศิริยะ
    กรุณาติดต่อกลับที่ pasit_ok@msn.com
    ชอบคุณครับ
     
  17. แม่หมูอ้วน

    แม่หมูอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +6,061
    เพิ่งกลับจากการไปเข้ากรรมฐานเป็นครั้งที่2 จากการได้รับคำแนะนำของน้อง ซึ่งได้ผลดี ที่ลูกเริ่มมีความอ่อนโยน เชื่อฟัง และผลพลอยได้ก็คือตัวเราเองที่ได้รับความสุขทางใจ คลาย
    จาำกความทุกข์ที่มีมากว่า2ปีแล้ว ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณศศิริยะแล้ว ก็คงไม่รู้จักที่จะ ไปทำในทางนี้ เรียกว่าเส้นผมบังภูเขา ความจริงถ้าเขาจะเรียกเงินมากกว่านี้เราก็พร้อมจะให้อยู่แล้วเพราะมีความทุกข์มาก แต่เธอก็
    ไม่ทำแถมยังลดราคาให้อีก รู้ว่าโชคดีที่ได้พบกับผู้ที่ช่วยได้จริง และเต็มใจช่วย แต่ก็เสียใจกับคนที่มาอ่านทีหลัง เพราะตอนนี้น้องเขาเปิดเทอมแล้ว ก็ไม่มายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว
    ตามที่บอกไว้ตั้งแต่หน้าแรกว่าจะมาช่วยเฉพาะช่วงปิดเทอม2เดือนเท่านั้น คุณศศิริยะก็คงจะไม่เข้ามาแล้วเพราะมีพวกคนที่ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำมาก่อกวนจน คนที่มีทุกข์จริงก็หมดโอกาสไ้ด้พบคนที่ช่วยด้วยความจริงใจไปด้วย
     
  18. สายสร้อย

    สายสร้อย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอเป็นกำลังใจในเจตนาดีของคุณศศิริยะ

    เมื่อเจตนาของเราบริสุทธิ์ ผลที่เกิดก็เป็นกุศลแล้วครับคุณศศิริยะ มีเวลาก็อยากคุยกับหลานบ้าง monnyman@hotmail.com
     
  19. ฤษีเหิร

    ฤษีเหิร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +76
    ผมได้รับการปรึกษาเรื่องโรคที่รักษาไม่หายของภรรยาผมจากคุณศศิริยะและบุตรี
    ภรรยาผมเป็นโรคปวดศรีษะข้างเดียวเป็นเวลาเกิน30ปี ผ่านการรักษามาทุกๆแบบทั้งตะวันตกและตะวันออก
    รวมถึงระบบการรักษาด้วยพลัง ทุกวันนี้มีสิทธิรักษาโรคฟรีจากจากสวัสดิการของหน่วยงานที่ทำงานด้วย
    คือให้เลือกโรงพยาบาลแบบเลือกเอาได้ว่าสมิติ..หรือบํารุง...แต่ผมเบื่อที่รักษามาจะเป็น10ปีก็ไม่หายสักที
    ผมเองก็เบื่อที่จะต้องขับรถพาภรรยาไปโรงพยาบาลประจำ เนื่องจากผมไม่ชอบความวุ่นวายแบบสังคมเมือง
    เข้าเมืองคนเยอะรถติดนี่ทำให้ผมเหนื่อยมากๆครับ
    ในเคสของภรรยาผมนั้น คือผมเป็นผู้ไปทําพิธีเองคุณศศิริยะไม่ได้เอาเงินหรือข้าวของเรา
    หรือพูดง่ายๆว่า..ไม่มีการหากินแบบพวกหมอดูนอกครูคือทำตัวรับจ้างเป็นหมอผี
    รับจ้างแก้รับจ้างทำพิธีกรรมแบบธุระกิจครบวงจรนะครับ
    การทำบุญนั้นถึงไม่หายผมก็ยังถือว่า ผมได้ทำบุญด้วยตัวของผมเองนะครับ
    ภรรยาผมในอดีตชาติชาติหนึ่งนั้นเป็นคนที่มีโทสะจริตสูง เวลาโกรธนั้นจิกผมบริวารไปโขกศรีษะกับกำแพง
    เขาอาฆาตจองเวรมาหลายพบหลายชาติ การจะไปใส่บาตรกรวดนํ้าแล้วขออโหสิแบบจองเวรมาหลายพบ
    หลายชาติแล้วเรามาบอกเขาว่า ไอ แอม ซอรี่ เพียงครั้งเดียวคุณว่าเจ้ากรรมจะยอมคุณง่ายๆหรือครับ
    แล้วถ้าจะเอาแบบทำนายมั่วใครก็ทำนายได้ทำนายได้ถูกนะครับ คนเราเกิดมากี่ร้อยกี่พันชาติแล้วละครับ
    ทุกชาติย่อมมีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ถ้าเอาความชั่วที่สะสมในแต่ละชาติมาทำนาย
    คนเราทุกๆคนมีความชั่วแบบทุกชนิดอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นครับ ทายยังไงก็ทายถูกครับ
    ส่วนในกรณีของเงิน1000บาท ส่วนหนึ่งคุณศศิริยะบอกจะเอาไปซื้อข้าวสารถวายวัดนั้น
    ถ้าคุณศศิริยะไม่ได้ทำมันก็เป็นเรื่องของคุณศศิริยะต้องรับบุญหรือบาปไป
    เพราะว่าบุญผมได้ตั้งแต่วันที่ผมได้โอนเงินให้กับคุณศศิริยะไปแล้วครับ เคสของภรรยาผมต้องทำทุกๆวันเป็นเวลา5สัปดาห์ ผมทำสังฆทานสัปดาห์ละ6วัน
    รวมแล้วผมทำสังฆทานไป45ชุด มีการนั่งปฎิบัติด้วย นาทีนี้เวลานี้ในยุคข้าวยากหมากแพงคนชั่วเป็นนักการเมือง เงินที่ทำบุญไปรวมค่านํ้ามันรถตกหมื่นมันน้อยซะเมื่อไรในช่วงที่เงินหาได้ยาก
    ระหว่าง5สัปดาห์ที่ผมตามที่บุตรีของคุณศศิริยะแน๊ะนำ ช่วงสัปดาห์ที่2กว่าๆในวันที่7ของสัปดาห์ซึ่งเป็นวัน
    ที่ผมจะต้องปฎิบัติสมาธิแผ่เมตตาให้กรรมเจ้ากรรมของภรรยาผมในช่วงบ่ายๆ บังเอิญเช้านั้นผมได้ใส่บาตรแล้วไปเดินออกกำลังรอบทะเลสาปในหมู่บ้านโดยมิได้แว๊ะเข้าบ้านกรวดนํ้าในทันที่
    ภรรยาของผมนั่งทานอาหารอยู่ดีๆรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาหวดที่ศรีษะปังเกิดอาการปวดแบบรุนแรงขึ้นมา
    ผมนั่งอยู่เห็นเข้าแต่ไม่พูดแต่รีบเดินออกจากตัวบ้านพร้อมนั้าแก้วนํ้าออกไปทำการกรวดนํ้าในทันที
    พอผมเดินกลับเข้ามาในบ้านปรากฏว่าอาการปวดศรีษะของภรรยาผมได้หายไปสนิท
    ก่อนที่จะครบ5สัปดาห์นั้นภรรยาผมก็ยังมีอาการปวดศรีษะอยู่ หลังจากนั้นมาถึงขณะนี้เป็นเวลาราว10วันภรรยาผมยังไม่มีอาการปวดศรีษะครับ เราจะทำอะไรมากกว่านี้ก็คงไม่ได้เนื่องจากภรรยาผมเป็นชาวคริสต์
    และเป็นคนต่างชาติต่างภาษาด้วยครับผมจึงต้องเป็นผู้ปฎิบัติแทน เนื่องจากกรรมของภรรยาผมเป็นผลกรรมที่สืบเนื่องมากระทบผมด้วยครับ
     
  20. mc

    mc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +5,633
    ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ลูกสาวคุณศศิริยะได้ช่วยแนะนำให้ทราบถึงกรรมที่ได้ทำมาในอดีตและผลที่รับในปัจจุบัน ผมทำตามที่น้องเขาแนะนำด้วยความตั้งใจและสำนึกในความผิดนั้นอย่างจริงใจ ระยะเวลาที่บอกมานั้นคือ 4-6 เดือนถึงจะพ้น แต่ ผมทำมาเกือบ 2 เดือน ก็เริ่มรู้สึกว่า มันผ่อนคลายลง ผมคงทำต่อไปอีกจนกว่าจะครบกำหนด แล้วจะแจ้งให้ทราบผลนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...