ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. casper_jeed

    casper_jeed Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +46
    การที่น้องมี สิ่งพิเศษในตัว ถือเป็นเรื่องที่ดีคะ

    แต่อย่างที่เรารู้ สิ่งพิเศษที่ดี ที่มีไม่เหมือนคนอื่น ย่อมเปรียบเหมือนดาบสองคมคะ

    เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีสิ่งพิเศษเหนือคนอื่น แล้วนำมาใช้ในทางที่ถูกที่ควร

    ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของสังคมไทย ที่จะมีคนดีๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดที่ไม่ควร ก้อคงไม่ดีเท่าไหร่คะ

    แต่ดิฉันเชื่อว่า น้องต้องนำสิ่งพิเศษ นี้ ไปใช้ ในทางที่ดีอย่างแน่นอน

    และต้องขอ อนุโมทนา กับน้องและคุณแม่ด้วยนะคะ
     
  2. uwws

    uwws Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +62
    นิดหน่อยครับ เล่นกล้องครับ

    คุณcasper_jeed ครับ ถ้ากลับไปอ่านตั้งแต่ต้นไล่มาเรื่อย ๆ จะเห็นว่าไม่มีตรงไหนที่คุณน้องและคุณศิใช้สิ่งที่มีไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรเลยน่ะครับ มีแต่จะทำให้หลายคนมีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรมมะยิ่ง ๆ ขึ้นมากกว่า ลองกลับไปอ่านดูน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2009
  3. mampea

    mampea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    สวัสดีค่ะ...พี่ๆน้องๆและทุกๆคนในบอร์ดนี้ค่ะ.....
    แหม่มเองค่ะพี่ศศิ..ฝากสวัสดีน้องด้วยนะค่ะ....ดีใจ...ได้เจอตัวน้องเป็นๆด้วย
    ตัวจริงขอบอกว่าน้องน่ารักมาก..(จริงๆนะค่ะไม่โกหก)
    ส่วนแหม่มเป็นช่างคอมซะป่าวต้องให้น้องมาสอนเข้าเน็ตอีกเศร้าเลย(cry)เสียฟอร์ม...
    อยากคุยอีกเยอะแยะเลยแต่แหม่มเขิน...ถ้าพี่ไม่เกริ่นคุยมาก่อนแหม่มก็ไม่กล้านะพี่..กลัวน้องเขินแต่กลับเขินเอง
    แหม่มเข้ามาอ่านเรื่องพ่อช้างแล้วค่ะ...และกำลังจะอ่านเรื่องต่อๆไปนะค่ะ.....ต้องตาแฉะอีกแน่ๆเลย
    และจะกลับมาโพสใหม่ค่ะ.....

    ขอบคุณมากนะค่ะมาซ่อมคอมให้เงินแหม่มแถมซื้อขนมให้หม่ำกันอีก....ใจดีมากค่ะ...(ping)

    ปล.แล้วอย่าลืมชวนน้องมาร้านแหม่มอีกนะค่ะ...........


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2009
  4. pinkdemon

    pinkdemon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +157
    เรียน คุณน้อง/ ถึง คุณศิ / สวัสดีทุกคน

    ก่อนอื่นขออ้างอิงถึงคุณพี่ชายตัวเล็ก ที่อ้างถึงสมาชิกท่านหนึ่งที่ใช้คำว่า หมัก และบอกว่า คุณเองก็ภาษาไทยไม่แข็งแรง อันนี้ไม่ว่ากันค่ะ เกิดเป็นคนไทยภาษาไทยอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ก็เสียดายที่เป็นคนไทยค่ะ ที่ต้องเขียนให้ชัดแจ้งแจ๋มชัดกันไป ก็เพราะบังเอิญพอดีว่า ดิฉันเพิ่งเขียนคำนั้นไปเมื่อไม่กี่กระทู้ที่ผ่านมา และก็เพราะดิฉันกัดและเหน็บคนไม่เป็น จะว่าอะไรก็ว่ามากันตรงๆ ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก นิสัยหยุมหยิมคอยหาเรื่องจับผิดคนอื่นตลอดเวลาดิฉันทำไม่เป็นค่ะ จึงขอเรียนให้ทราบว่า หากอยากจะสมทบว่าอะไรดิฉัน เอ่ยชื่อกันตรงๆ ดีกว่านะคะ ขอบคุณค่ะ

    เรียน คุณน้อง / ถึง คุณศิ
    ทราบดีค่ะว่า ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ของคุณน้อง คุณน้องจึงต้องการให้ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ตรงนี้รับทราบและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีข้อขัดแย้งค่ะ

    แต่ขออนุญาตอธิบายนิดนึงนะคะว่า ป้าแน๊ตไม่ได้ตั้งใจและมีเจตนาใช้ภาษาไทยผิดๆ ครั้งแรกที่เริ่มเข้ากระทู้ก็งงเหมือนกันว่า เอ๋ ทำไมคนท่องเน๊ต ใช้ภาษากันผิดๆ เช่น เธอ ก็ใช้ว่า เทอ, มัน ก็ใช้ว่า มาน หรือ มาง ป้าแน๊ตก็ไปถามหลานสาว เขาก็บอกว่า วัยรุ่นเขาใช้กันอย่างนี้ ใช้กันในเน๊ต แต่จริงๆ เขาก็ไม่ได้เอาไปใช้กันในเวลาเรียน ป้าเดาว่าคงจะเหมือนพวก chat ใน yahoo หรือ aol เช่น ใช้ Hey, waz up man / wanna /gonna อะไรทำนองนี้ ตัวป้าแน๊ตเองก็ไม่เคยใช้ภาษาเน๊ตในชีวิตประจำวันค่ะ

    ถึงตรงนี้ขออนุญาตเรียนให้ทุกท่านทราบว่า การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องนั้น นอกจากต้องคำนึงถึงคำสมาส สนธิ แล้วยังต้องคำนึงถึงวรรณยุกต์ที่ใช้กับ อักษรเสียงสูง กลาง ต่ำด้วย เช่น ไม้ตรี จะผันได้ครบทุกเสียงเฉพาะอักษรเสียงกลางเท่านั้น อักษรเสียงกลาง คือ ก จ ด ต บ ป อ

    ตัวอย่าง กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า อักษรเสียงสูงและเสียงต่ำไม่สามารถผันให้ครบห้าเสียงได้ เช่น คา ข่า ข้า ค๊า ขา (ข เป็นอักษรเสียงสูง ค เป็นอักษรเสียงต่ำ)

    สวัสดีทุกคน
    ป้าแน๊ต ช่วงนี้ยุ่ง ยุ่งตั้งแต่คุณแม่ไม่สบาย ได้กำลังใจจากคุณศิมาตลอด ถึงไม่ได้เจอกัน แต่เธอก็ส่งความปรารถนาดีมาให้เสมอ ที่ไม่ได้เข้ามาพูดคุยมากมาย เพราะไม่อยากทำให้คุณศิไม่สบายใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อีกทั้งป้าแน๊ตเองก็เป็นคนสนุกสนานเฮฮา เพราะคำสอนของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อพระอาจารย์ที่ป้าแน๊ตเคารพมากว่าที่ท่านสอนเสมอว่า "ของจริง นิ่งใบ้" ขืนมาพูดเล่นในกระทู้นี้บ่อยๆ ภาพพจน์ของกระทู้เสียกันพอดี

    คิดถึงทุกคนที่ "รู้" ว่า สิ่งใด "ควร" และ "ไม่ควร"

    บุญรักษาค่ะ
    ป้าแน๊ต

    ปล. ขออนุญาตนำข้อความนี้ไปโพสที่กระทู้ของข้าพเจ้าเองด้วยเจ้าค่ะ
     
  5. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    หวัดดี ครับ
    มาอ่าน
    และ เห็นด้วย กับ ป้าแน๊ต ครับ

    ใน แวดวงเพื่อนฝูง
    การใช้ ภาษา บางที ก็ ตามสมัน ครับ
    แต่ ในชีวิต คงไม่มีใครใช้ ครับ

    ผม
    รู้จัก ป้าแน๊ตมาร่วมปี
    ขอบอกว่า
    ท่าน
    รู้ อันไหน ควร ไม่ควร ครับ
     
  6. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    ขออาราธนาบารมีพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้คุณแม่ของป้าแน็ตหายจากการเจ็บป่วยมีอาการครบสามสิบสองโดยเร็วค่ะ

    บุญรักษาค่ะ
     
  7. บุญหืด

    บุญหืด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +50
    สมาชิกใหม่

    สวัสดีครับคุณ เอาะ 2012 ผมเป็นคนโคราชครับ แต่ตอนนี้อยู่กรุงเทพๆหาเช้ากินบ่ายอยู่นี่แหละครับ ยินดีที่ได้รู้จักคนบ้านเดียวกันแล้วเจอกันในกระทู้นะครับ.สวัสดีครับ
     
  8. Aonkan_wanlanid

    Aonkan_wanlanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +106
    ตุ้ม...ขอให้คุณแม่..คุณป้าแน๊ตหายไว ๆ นะเจ้าค่ะ...พรใดในเลิศหล้าที่สุขสม ขอให้พรนั้น ๆ จงบังเกิดแด่คุณป้าแน๊ต ด้วยนะเจ้าค่ะ...
     
  9. Apinya13

    Apinya13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +10
    การที่น้องเข้ามาเขียนรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
    หากทำให้ผู้ใดขุ่นข้องหมองใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
    และหากเป็นที่ไม่พอใจ นับจากนี้เป็นต้นไป
    น้องจะไม่เข้ามาเขียนที่กระทู้นี้อีกค่ะ
     
  10. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    เท่าที่จินได้รับความช่วยเหลือจากคุณน้อง
    และรู้จักพูดคุยกับพี่ศิมาปีกว่าๆ...

    พี่ศิเป็นน่ารักค่ะ เหมือนพี่สาวคนหนึ่ง
    น้องอภิญญามีความรู้ทางธรรม
    มีความคิดอ่านสูงกว่าคนทั่วไป
    บางครั้งเหมือนมีความเป็นผู้ใหญ่
    เกินอายุค่ะ...

    จนจินเองก็รู้สึกทึ่งในบางครั้ง

    สิ่งที่น้องเตือนก็เป็นหนึ่งใน
    ความคิดอ่านที่เกินวัยของเธอ
    ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับผู้ใด

    จินยืนยันค่ะ...
     
  11. Aonkan_wanlanid

    Aonkan_wanlanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +106
    สวัสดีค่ะ คุณน้องอภิญญา
    .....ดีใจจังวันนี้ได้เจอที่เรือนใหญ่ พี่ชื่อ "พี่ตุ้ม" เจ้าค่ะ
    ด้วยความศรัทธาในตัวคุณพี่ศศิฯ และคุณน้อง และสมาชิกอีกหลาย ๆ ท่านในเรือน
    จึงทำให้พี่พยายามหาเวลาอย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งของวัน มาหาความรู้แลความอบอุ่นที่เรือนแห่งนี้.....

    .....พี่ตุ้มหวังว่า พี่ตุ้มจะได้เห็นกระทู้ของคุณน้องเรื่อย ๆ นะเจ้าค่ะ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2009
  12. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    สวัสดีค่ะคุณศิ และคุณน้อง

    ดีใจมากกกกกค่ะที่วันนี้คุณน้องได้เข้ามาเรือนใหญ่ ดิฉันชื่อ Kcsn นะคะ สมัครเป็นแฟนคลับเรียบร้อยแล้วค่ะตั้งแต่วันแรกที่รับสมัคร และอยู่ในเรือนหลังเล็ก ใช้ชื่อเดียวกันค่ะ

    ทุกคำพูดที่คุณน้องได้กล่าวเตือน แนะนำ และ สอน ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์อย่างมาก
    ทำให้เกิดความอบอุ่นใจ และมีกำลังใจในการปฎิบัีติธรรม ขออย่าให้มีสิ่งใดทำให้คุณน้อง
    ไม่สบายใจเลยนะคะ ขอให้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกเราทุกคนในเรือนหลังใหญ่และหลังเล็กด้วยค่ะ ได้โปรด....Pleaseeeeeeeeee

    ได้เห็นคุณศิ กับคุณน้องเข้ามาโพสกระทู้ครั้งใด เมื่อได้อ่านก็ได้ข้อคิด และสุขใจทุกครั้งค่ะ
     
  13. pinkdemon

    pinkdemon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +157
    คุณน้องค๊า ไม่มีผู้ใดหมองใจเลยนะค๊า คิดมากเดี๋ยวแก่เร็วเหมือนป้าแน๊ตนา ป้าแน๊ตไม่เคยไม่พอใจคุณน้องนา ถามคุณแม่ศิได้ มีแต่ชื่นชมว่า คนอาไร๊ สวยวันสวยคืน

    การรณรงค์ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ป้าแน๊ตก็โพสอยู่นาว่า เห็นด้วย สนับสนุน ชูจั๊กแร้สองข้าง

    ป้าแน๊ตแอบดีใจตั้งหลายทีเวลาเห็นคุณน้องมาโพสในกระทู้ เพราะทำให้คุณแม่ศิมีกำลังใจมากขึ้นอีกหลาย ทำให้คนหลายคนได้เห็นแสงสว่างอีกมากมาย


    ป้าพอใจ ภูมิใจ และมีความสุข ที่เห็นคุณน้องรักภาษาไทย เพราะนี่คือหน้าที่ของคนไทยทุกคน

    ที่ป้าโพสจุดประสงค์หลักคือ คุณพี่ชายตัวเล็ก ที่อะไรกันนักกันหนากับป้าก็ไม่ทราบ ตั้งแต่คราวก่อนเรื่องฌาน ญาณ รายละเอียดคุณแม่ศิทราบดีค่ะ ขอไม่พูดถึงอีกครั้งเพราะช่างไร้สาระมากมายนัก

    คุณน้องคะ อย่าให้เรื่องไร้สาระทำให้สมาชิกท่านอื่นขาดที่พึ่งทางใจเช่น คุณน้องและคุณศิเลย

    ป้าแน๊ตค่ะ
     
  14. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    เมื่อใดที่เรามองว่าใครเป็นปัญหา ให้ระวังว่าเราอาจจะเป็นปัญหาไปเสียเอง

    พระไพศาล วิสาโล เขียนบทความเรื่อง "เพ่งนอก ลืมใน"
    อยู่ในวารสาร "ธรรมมาตา" ฉบับใหม่ ตอนหนึ่งว่า...


    คนเราเมื่อจ้องมองคนอื่นมากเท่าไร ก็มักจะลืมมองตัวเอง
    เลยเผลอทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากจะเตือนว่า เมื่อใดที่เรามองว่า
    ใครเป็นปัญหา ขอให้ระวังว่าตัวเราเองอาจจะกลายเป็นปัญหา
    ไปเสียเอง เพราะเมื่อเรามองเห็นคนอื่นเป็นปัญหา เราก็จะเริ่ม
    สะสมความไม่พอใจเอาไว้ เมื่อสะสมมากเข้า ก็กลายเป็นความ
    โกรธโดยไม่รู้ตัว โกรธมากเท่าไหร่ก็ลืมตัวมากเท่านั้น จึงเผลอทำ
    ในสิ่งที่ไม่สมควรทำ ซึ่งกลายเป็นปัญหากับส่วนรวม
    บางทีก่อปัญหามากกว่าคนที่เราไม่พอใจเขาเสียอีก.....


    บังเอิญอ่านเจอบทความนี้ในเนชั่น สุดสัปดาห์ ฉบับใหม่
    เลยนำมาฝากทุกท่านในที่นี้ค่ะ...
     
  15. pinkdemon

    pinkdemon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +157
    เห็นด้วยมากๆ ค่ะ คุณจิน เห็นด้วยทั้งสองโพส :cool::cool:
     
  16. mampea

    mampea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอโทษพี่ศศิและน้องและทุกๆท่านด้วยนะค่ะ

    เรื่องการเขียนภาษาให้ถูกต้องค่ะ...แหม่มเพิ่มเริ่มอ่านแค่หน้า 343 เองค่ะเลยไม่ทราบ...เพราะพอแหม่มอ่านเรื่องช้างเอราวัณเสร็จ แหม่มก็มาโพสเลย ยังไม่ได้อ่านหน้าต่อๆไป...วันนี้ว่างเลยแวะมาอ่านหน้าหลังๆ..เลยทราบ..
    แหม่มแก้ไขข้อความใหม่แล้วนะค่ะ.....ขอให้น้องเขามาเขียนกระทู้ต่อๆไปนะค่ะ


    ..ขอโทษนะค่ะ..
     
  17. orchidme

    orchidme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +2,956
    สวัสดีค่ะ น้องอภิญญา fairy3

    ได้อ่านที่น้องเขียนถึงอนุรักษ์การใช้ภาษาไทย แอบชมอยู่ว่าน้องเรียนรร.อินเตอร์และเป็นวัยรุ่นยังรู้จักใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง

    เห็นจากบางเวปบางกระทู้ที่มีคนใช้ภาษาไทยแบบแปลกๆ อ่านแล้วปวดหัว ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที

    มาสนับสนุนข้อคิดดีๆ ของคุณน้องค่ะ อย่าเพิ่งหายไปไหน กลับมานะคะ chearr
     
  18. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    น้อง...อย่าคิดมากไปเลยนะคะ การที่น้องมาเตือนเรื่องการใช้ภาษาไทยให้ถูกเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งคนเราก็ต้องการหาความบันเทิงเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ภาษไทยวิบัติหรอกค่ะ ภาษาเขียนที่ออกมามันเลยดูอ่านอยาก เพราะคนสมัยนี้ชอบเอาภาษาพูดมาใช้ซะมากกว่าภาษาเขียน แต่มันทำให้คนที่อ่านมีอารมณ์ขัน ซึ่งเป็นสิ่งดีพี่ว่า แต่เด็กสมัยนี้ก็เหลือเกิน ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ เขียนอะไรออกมาแต่ละทีต้องให้แก้ใหม่ นี่เรื่องจริงค่ะน้องสาวพี่เอง เขียนผิดเขียนถูก หรือเป็นเพราะว่าภาษาอังกฤษตัวอักษรมันจำง่ายกว่าอักษรไทย พี่ว่าน้องพี่ไปเหมือนกันว่าถึงหนูจะเรียนอินเตอร์แต่ภาษาไทยมันเป็นของคนไทย เขียนให้มันถูกๆหน่อย
    น้อง...อย่าเข้าใจพี่ผิดนะ พี่นับถือหนูในหลายๆเรื่อง แต่พี่แค่มองในมุมของสังคมปัจจุบันเท่านั้นค่ะ;aa31
     
  19. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
  20. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,664
    อโหสิกรรม (กรรมที่ตามไม่ทัน )
    เขียนโดย กรรมลิขิต

    กรรมที่ได้กระทำลงไปแล้ว แต่ไม่มีโอกาสให้ผล เรียกว่า “อโหสิกรรม"
    คนเราเกิดมามักกระทำทั้งกรรมดี และกรรมชั่วสลับกันไป
    กรรมหลายอย่าง ที่เป็นกรรมชนิดที่ให้ผลในชาตินี้ เป็นกรรมทันตาเห็น ซึ่งเป็นผลหนักเบาต่างกัน เมื่อได้กระทำลงไปแล้ว กรรมทันตาเห็น ประเภทหนักสุด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดี หรือฝ่ายชั่ว ย่อมให้ผลก่อน แต่ให้ผลไปจนกระทั่งเราตายจากชาตินี้ไป กรรมทันตาเห็นประเภทรองๆ ลงไป ซึ่งเป็นกรรมที่ต้องให้ผลในชาตินี้เหมือนกัน เมื่อชาตินี้หมดไปแล้ว กรรมเหล่านี้ก็กลายเป็น อโหสิกรรม
    อย่างเช่น พระเทวทัต ได้ทำกรรมหนักไว้หลายอย่าง ที่ต้องให้ผลในชาติปัจจุบัน แต่เมื่อถูกธรณีสูบไปอย่างปัจจุบันทันด่วนเสียก่อน กรรมประเภทต้องให้ผลในชาติอย่างอื่น ก็เป็นอันไม่ได้ส่งผล เลยกลายเป็น อโหสิกรรม
    หรือ บางคนอาจจะสร้างความดีหลายๆ อย่าง ซึ่งจะค่อยๆ ให้ผล แต่ได้รับโชคดี เลื่อนฐานะยากจนกลายเป็นเศรษฐีอย่างทันตาเห็นในชั่วระยะเวลาข้ามคืน เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว กรรมอื่นๆ ประเภทต้องให้ผลชาตินี้ ก็กลายเป็น อโหสิกรรม
    กรรมหลายอย่าง ที่กระทำไว้ในชาตินี้ แต่เป็นกรรม ชนิดที่ให้ผลในชาติหน้า และได้กระทำไว้หลายอย่างด้วยกัน เมื่อกรรมชนิดหนักที่สุดให้ผลก่อนแล้ว จนกระทั่งหมดสิ้นชาติหน้าไปแล้ว กรรมที่ให้ผลชาติหน้า ชนิดที่รองลงไปก็ไม่มีโอกาสให้ผล กรรมเหล่านี้ก็กลายเป็นอโหสิกรรม
    อย่างเช่น อนันตริยกรรม ซึ่งมีกรรมสังฆเภท มีโทษหนักสุดเมื่อชักนำให้ไปเกิดเป็นสัตวนรก ในนิรยภูมิ (ซึ่งมีอายุยืนยาวมาก) แล้วอนันตริยกรรม ประเภทมีโทษรองลงไป หรือกรรมประเภทให้ผลชาติหน้าอื่นๆ ก็ไม่มีโอกาสให้ผล จนตลอดอายุชาติหน้า กรรมเหล่านี้จัดเป็น อโหสิกรรม คือ ไม่มีโอกาสให้ผล
    หรือผู้ที่ได้ฌานต่างๆ ตั้งแต่ ฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3 ฌาน 4 ฌาน 5 ฌาน 6 ฌาน 7 และฌาน 8 เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า คือตายแล้วไปเกิดเป็น พระพรหมผู้วิเศษ ซึ่งเป็นชั้นที่มีอานิสงส์มากที่สุด ส่วนอานิสงส์ของชั้นอื่นๆ ตั้งแต่ชั้นฌาน 1 ถึง 7 ไม่มีโอกาสให้ผล เพราะเสวยชั้นสูงสุดอยู่แล้ว อานิสงส์หรือกรรมของ ฌาน 1-7 นี้ก็กลายเป็น อโหสิกรรม
    สำหรับกรรมชนิดที่ให้ผลตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป จนกว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ถึงซึ่งพระนิพพานนั้น มีผลยืนยาวมากกว่ากรรมชนิดให้ผลในชาติปัจจุบัน และชนิดที่ให้ผลในชาติหน้า จึงไม่กลายเป็นอโหสิกรรม ได้ง่ายๆ ย่อมติดตามไปอย่างเหนียวแน่น และยาวนาน
    ในสมัยพุทธกาล ณ กรุงราชคฤห์ มีสาวโสภา บุตรเศรษฐีคนหนึ่งพอได้เห็นหน้าโจรที่ถูกจับประหารผ่านหน้าบ้าน ก็ให้เกิดอาการหลงรัก แล้วเจ็บป่วยอย่างกระทันหัน เศรษฐีผู้เป็นพ่อจึงไปซื้อโจรประหารมาให้เป็นสามี
    เมื่ออยู่กินเป็นสามีภริยา กันได้ระยะหนึ่ง สันดานโจรก็กำเริบจึงได้ลวงธิดาเศรษฐีขึ้นไปบนภูเขา เพื่อจะฆ่าให้ตายแล้วชิงทรัพย์ แต่ด้วยปัญญาไม่ทันเท่า จึงถูกธิดาเศรษฐีผลักตกลงหน้าผาถึงแก่ความตาย
    ธิดาเศรษฐีรู้สึกเบื่อหน่ายและกลัวบาปที่ตนได้ฆ่าสามี จึงไปบวชอยู่นอกศาสนาพุทธ แล้วก็เจนจบมีวิชา มีปัญญา ที่ใครๆ ก็ไม่อาจตอบปัญหา 1,000 ข้อ ของนางได้
    แต่เมื่อมาพระสารีบุตรได้แถลงไขในปัญหาเหล่านี้ได้ นางจึงได้ขอบวชเป็นพระภิกษุณี แล้วก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
    เมื่อนิพพานไปแล้ว กรรมที่ได้ฆ่าสามีไว้ จึงตามไม่ทันกลายเป็นอโหสิกรรม
    เพราะฉะนั้น การตัดกรรม การหนีกรรม จะกระทำได้ ก็ด้วยวิธีเหล่านี้ทั้งนั้น
    การตัดกรรมของหลวงพ่อคง จัตตมโล แห่งวัดเขาสมโภชน์ ก็ดี การตัดกรรมของหลวงพ่อธรรมรส (หลวงพ่อคล้าย ฐิตธัมโม) แห่งสำนักสงฆ์น้ำตกธรรมรส อ. วังจันทร์ จ.ระยอง ก็ดี หรือการสวดมนต์เจริญภาวนาตามแบบของหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ. สิงห์บุรี ก็ดี หรือวิธีการตัดกรรมของอาจารย์ฤาษีสมพิศ ก็คือการสร้างทาน ศีล ภาวนา เพื่อตัดกรรม หนีกรรม นั่นเอง

    อปราปริยเวทนียกรรม (กรรมที่ให้ผลชาติที่ 3 เป็นต้นไป)

    กรรมหรือการกระทำไม่ว่าดี หรือชั่ว ที่มีพลังอำนาจส่งผลแก่ผู้กระทำ ตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป (ชาติปัจจุบันนับเป็นชาติที่ 1 ชาติหน้านับเป็นชาติที่ 2) ไม่ว่าจะเป็นชาติใด เมื่อกรรมประเภทนี้มีโอกาสเมื่อใดย่อมให้ผลเมื่อนั้น ดุจสุนัขล่าเนื้อ ตามทันเมื่อไรย่อมกัดเมื่อนั้น ไม่มีการลดละ ไม่มีการเป็นหมัน หรือกลายเป็นอโหสิกรรม จนกว่าจะได้ชดใช้กรรมนั้นแล้ว หรือจนกว่าผู้กระทำจักได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ และดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานแล้วเท่านั้น จึงจักหมดฤทธิ์ไม่อาจติดตามต่อไปได้ เพราะท่านไม่เกิดอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะสำเร็จอรหันต์แล้วแต่ยังไม่ดับขันธ์ ก็ยังคงต้องมีโอกาสรับกรรมประเภทนี้อยู่อีกนั่นเอง
    กรรมชนิดนี้เรียกว่า “อปราปริยเวทนียกรรม” เป็นกรรมที่มีพลังแรงและมีอายุยืนยาวกว่ากรรมใดๆ
    ในสมัยพุทธกาลได้มีพระภิกษุจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ในแดนไกล เมื่อถึงกาลออกพรรษา จึงได้โดยสารเรือข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาเฝ้าพระพุทธองค์ที่พระเชตวันมหาวิหาร ใกล้กรุงสาวัตถี เมื่อเรืออยู่กลางทะเลหลวง ก็ให้เกิดขัดข้องและไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในสมัยนั้นก็มีความเชื่อกันว่า ต้องมีบุคคลอันเป็นกาลกิณีอยู่บนเรือ จึงได้ใช้วิธีจับฉลากหาบุคคลไม่พึงประสงค์ จึงจับฉลากกันอยู่สามครั้งเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า “ไม่ผิดตัวแน่”
    ในที่สุดนายเรือ ก็ได้จับหญิงกาลกิณี ซึ่งเป็นภริยาของตนถ่วงน้ำลงทะเล ตามมติความเชื่อ เพราะเป็นผู้จับ ฉลากกาลกิณี ได้ถึงสามครั้ง
    เรือก็แล่นต่อไปได้
    เหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อให้เกิดความสลดหดหู่ใจแก่พระภิกษุเหล่านั้นมาก เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วจึงได้สอบถามถึงกรรม ของหญิงสาวนั้น ซึ่งพระองค์ก็ทรงเล่าให้ฟัง
    อดีตกาลนานมาแล้ว นางได้เกิดเป็นหญิง และแต่งงานกับมานพหนุ่มผู้หนึ่ง นางเป็นคนขยัน ทำหน้าที่แม่บ้านได้เป็นอย่างดี
    วันหนึ่งได้สุนัขพเนจรมาตัวหนึ่ง จึงชุบเลี้ยงไว้ในบ้านด้วยใจอารี จนสุนัขนั้นมีความรักใคร่ในตัวนางยิ่งนัก ไม่ว่านางจะไปไหนมักติดตามไปด้วยเสมอ เวลาทำงานอยู่ที่บ้านมันก็จะนอนเฝ้าดูนางอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาแห่งความภักดีเป็นหนักหนา
    ขณะนำข้าวไปส่งสามีที่ไร่นา หรือไปเก็บผัก หักฟืนในป่า เจ้าสุนัขแสนรู้นี้จะวิ่งตามหลังนางไปทุกครั้ง จนเป็นที่รู้กันในหมู่บ้าน
    แต่ก็มีเด็กหนุ่มวันรุ่นปากเปราะคึกคะนองล้อเลียนนาง เป็นที่บัดสีใจอยู่เสมอ นางจึงไม่อยากให้สุนัขจอมซื่อสัตย์ติดตามนาง แต่ก็ทำยังไงได้ สุนัขก็คือสุนัข ถึงแม้นางจะไล่ตีไม่ให้มันตามหลายครั้งหลายหน มันก็ยังคอยติดตามระวังภัยอยู่เหมือนเดิม
    ด้วยความโกรธและความละอาย นางจึงขาดสติ และได้วางแผนอุบาทว์ โดยการเอาหม้อใส่ ทรายผูกคอสุนัขแล้วผลักตกน้ำจนตาย
    เมื่อนางตายไปก็ไปเกิดในอบายภูมิ แล้วต่อมาได้มาเกิดเป็นภริยาของนายเรือ จึงได้รับผลแห่งกรรมที่ตามมาทันในชาติปัจจุบันนี้
    สำหรับตัวอย่างกรรมฝ่ายดีนั้นก็มีดังนี้
    ยังมีอำมาตย์ข้าราชการคนหนึ่ง ได้เดินทางผ่านพระเจดีย์ใหญ่แห่งหนึ่ง เรียกว่า มหาเจดีย์ขณะนั้น ก็ให้รู้สึกมีจิตเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงไปเที่ยวหาดอกมะลิ แล้วน้อมนำไปบูชาพระมหาเจดีย์ พร้อมทั้งอธิษฐานว่า
    “ด้วยอนิสงส์ที่ได้บูชาพระมหาเจดีย์นี้ด้วยดอกมะลิอั นขาวบริสุทธิ์ ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบแต่ความสุขความเจริญ และขออุทิศส่วนกุศลนี้แด่พญายมราช หากมีตัวตนจริงก็จงได้อนุโมทนาในส่วนกุศลที่อุทิศให้ ในครั้งนี้ด้วยเถิด”
    อำมาตย์ผู้นี้ทำการบูชาและอุทิศส่วนกุศลชนิดแปลกประห ลาดไม่เหมือนใคร ชนิดเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า พญายมราชมีจริงหรือไม่ แต่ก็มีจิตผ่องแผ้วในการบูชามหาเจดีย์ครั้งนี้
    จากนั้นอำมาตย์ก็เดินทางต่อไป แล้วก็ลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะตนเข้าใจว่าคงมีผลเล็กน้อย
    อำมาตย์นี้ก็เหมือนกับผู้คนในยุคปัจจุบันคือตั้งหน้า ตั้งตาทำมาหากิน เลี้ยงดูครอบครัว บุตรภริยาไปตามประสาที่เห็นว่าโลกนี้น่าอยู่ ไม่เอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ รักษาสิทธิของตนตามกฏหมาย เรียกว่า “บุญไม่ทำ กรรม(ชั่ว) ไม่สร้าง” ไม่ชอบเข้าวัด มองว่าพระเป็นผู้เอาเปรียบสังคม ตัวเองเป็นนายของตัวเอง เชื่อมั่นในตนเอง หาความสุข ชื่อเสียง เกียรติยศเฉพาะชาตินี้เท่านั้น ไม่สนใจชาติหน้า ผีสาง เทวดา เรื่อง อภินิหารต่างๆ ของจิต มองเป็นเรื่องงมงาย
    กาลเวลาล่วงไป ชีวิตอำมาตย์ผู้นี้ก็ถึงกาลจบสิ้นลง
    ธรรมดาคนที่ตายนั้น หากเป็นคนทำบาปไว้มาก ทำบุญไว้น้อย ขณะที่ขาดใจตายบาปที่ทำไว้มาก จึงมีโอกาสปรากฏได้ชัดเจน จึงไปอุบัติเกิดในขุมนรก
    แต่ถ้าเป็นคน ทำบุญไว้มาก ทำบาปน้อย บุญก็จะปรากฏชัดเจนในขณะจะตาย ซึ่งย่อมนำไปเกิดในโลกสวรรค์
    ส่วนคนที่ทำบุญและบาปไว้พอๆ กัน และทั้งบุญและบาปนั้นก็ไม่ใช่มีน้ำหนักมีความสำคัญมาก จึงไม่ปรากฏให้เห็นในขณะใกล้ตาย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องไปเกิดใน ยมโลกนรก ซึ่งพญายมราช จะได้ไต่สวนหรือพิพากษาตามการกระทำของคนๆ นั้น
    เมื่อได้สอบถามวิญญาณอำมาตย์ก็ตอบและจำไม่ได้ว่าทำบุ ญและทำบาปอะไรไว้บ้าง
    เมื่อเตือนความจำขึ้น อำมาตย์จึงระลึกได้
    เท่านั้นแหละ ผลบุญก็ปรากฏขึ้น พาไปเกิดเป็นเทพยดาในสรวงสวรรค์ทันที

    ขออนุโมทนากับคุณกรรมลิขิต กับข้อความนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...