ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกชน มอง กนง.คงดอกเบี้ย 2.5% ซ้ำเติมเศรษฐกิจขาลง ทำต้นทุนการเงินธุรกิจสูง
    .
    ส.อ.ท.แปลกใจ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.50% รับเศรษฐกิจโลกยังขาลง หลายประเทศทั่วโลกเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว หวั่นเอสเอ็มอี แบกต้นทุนทางการเงินไม่ไหว "หอการค้า" มอง กนง.คงดอกเบี้ยเพื่อรักษาระยะห่างไทยกับสหรัฐ หวังครั้งต่อไป กนง.ยอมลดดอกเบี้ย
    .
    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมวันที่ 21 ส.ค.2567 มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ซึ่งมีการพิจารณาว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามที่ประเมินไว้จากการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศขณะที่การส่งออกโดยรวมฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    .
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี สร้างความแปลกใจให้เอกชนพอสมควร เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในภาวะขาลงอยู่ อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายบ้างแล้ว
    .
    ทั้งนี้ ในมุมเอกชนยังมองว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มกำลังซื้อ และลดต้นทุนด้านการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ก็สำคัญ โดยก่อนหน้านี้ เอกชนได้เคยมีความหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567ต้นทุนทางด้านการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะลดลง
    .
    “เคยคาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังดอกเบี้ยนโยบายจะลดลง กลุ่มเอสเอ็มอียังหวังเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการกู้เงินที่ดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม เพราะส่วนมากยังเผชิญกับปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจในส่วนนี้"
    .
    ดังนั้น เมื่อเอสเอ็มอียังเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นต้นทุนอยู่ขณะนี้ จึงยากที่จะดำเนินธุรกิจแข้งขันกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามามากในปัจจุบัน
    .
    นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ กนง.คงอัตรดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ คาดว่า กนง.ประเมินจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณการฟื้นตัวในหลาย sector แม้จะยังไม่โดดเด่น
    .
    รวมทั้งตั้งใจจะรักษาระยะห่างของอัตราดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐไม่ให้ห่างมากเกินไป จนทำให้ดึงเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจออก ซึ่งสอดคล้องหลายประเทศที่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อรอความชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหากสหรัฐลดดอกเบี้ยลงเชื่อว่าหลังจากนั้นแต่ละประเทศจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสมแต่ละประเทศ
    .
    นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย แม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำ กว่า 1% แต่เป็นผลมาจากนโยบายการช่วยเหลือด้านพลังงาน จึงเห็นว่า กนง.จะมีทิศทางชัดเจนขึ้นหลังจากเฟดลดดอกเบี้ยแล้ว แต่อาจทิ้งช่วงเพื่อดูทิศทางของสถานการณ์เศรษฐกิจให้เหมาะสม
    .
    “เอกชนหวังว่าหากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด กนง. คงจำเป็นจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม เพื่อให้ช่วยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายสนั่น กล่าว
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/2GrSrUpewbbFDrAM/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮุนมาเนตชี้ #กัมพูชา ต้องการการลงทุนจาก #จีน เพิ่มขึ้น
    .
    นายกฯ ฮุน มาเนตย้ำ 'กัมพูชา' ต้องการการลงทุนจาก 'จีน' เพิ่มขึ้น คาดปีนี้เศรษฐกิจโตต่ำเป้าแค่ 6% หลังภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
    .
    สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งร่วมประชุมกับคณะผู้แทนทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทจีนในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า กัมพูชาต้องการการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้น โดยกัมพูชาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านพลังงานสะอาด การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเกษตร อุตสาหกรรม และการเงิน
    .
    ฮุนมาเนตกล่าว สนับสนุนคณะผู้แทนของจีนหารือกับกระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพทางการลงทุนของกัมพูชาเพิ่มเติม ขณะจีนเป็นนักลงทุนและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา
    .
    นีก จันดาริธ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ของกัมพูชา กล่าวว่าผู้ประกอบการที่ใช้เงินทุนของจีนมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกัมพูชาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนท้องถิ่น
    .
    นีกเสริมว่าโครงการขนาดใหญ่ที่จีนลงทุนภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ทางด่วนสายพนมเปญ-สีหนุวิลล์ ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ ถนน และสะพาน ได้มีบทบาทและจะมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชาต่อไป
    .
    กลุ่มโครงการตามแผนริเริ่มฯ ที่สำคัญจะช่วยกัมพูชาบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบนภายในปี 2030 และประเทศรายได้สูงภายในปี 2050
    .
    เศรษฐกิจปี '67 จ่อโตต่ำเป้า
    .
    ก่อนหน้านี้กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของกัมพูชาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโต 6% ในปี 2024 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6.6% เนื่องจากบางภาคธุรกิจเติบโตช้ากว่าคาด โดยเฉพาะการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
    .
    รายงานฉบับกลางปีจากกระทรวงฯ ระบุว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาขับเคลื่อนด้วยการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง รวมถึงการท่องเที่ยว การเกษตร การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
    .
    กระทรวงฯ คาดการณ์ว่าภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง รวมถึงการก่อสร้าง มีแนวโน้มเติบโต 7.9% ในปี 2024 ส่วนภาคการบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว การขนส่งและการสื่อสาร การค้า และอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มเติบโต 5.8% ขณะภาคการเกษตรมีแนวโน้มเติบโต 0.7%
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 เผยว่ากัมพูชายังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของภูมิภาค โดยภาคการก่อสร้างอาจฟื้นตัวช้าลงจนอัตราการเติบโตต่ำกว่าระดับก่อนโรคระบาดใหญ่เพราะภาวะขาลงยิงยาวของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาจชดเชยส่วนนี้
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจGeopolitics

    https://www.facebook.com/share/p/bgvYJCRyqRLZYUBj/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘วิกฤติเหล็ก’ กำลังมา เหล็กจีนล้นโลก ฉุดราคาต่ำสุด 2 ปี
    .
    จากปัญหาการผลิตล้น (Overcapacity) ในจีนที่นำไปสู่ผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรมเช่น แผงโซลาร์เซลล์ ล่าสุดมีสัญญาณมาถึง “อุตสาหกรรมเหล็ก” เป็นรายต่อไป หลังบริษัทผู้ผลิตเบอร์ 1 ของโลกออกโรงเตือนอุตสาหกรรมจ่อวิกฤติรุนแรง ขณะที่ราคาสินแร่เหล็กร่วงต่ำสุดในรอบ 2 ปี
    .
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดแร่เหล็กโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง เมื่อราคาฟิวเจอร์สแร่เหล็กในตลาดสิงคโปร์ร่วงลงสู่ระดับ 92.65 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ “อุปทานส่วนเกินทั่วโลก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่ผู้ผลิตเหล็กของจีนกำลังประสบปัญหาและต้องลดกำลังการผลิตลง
    .
    “ไชน่า เป่าอู่ สตีล กรุ๊ป” (China Baowu Steel Group Corp) ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดเบอร์ 1 ของโลกจากจีน ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับวิกฤติอุตสาหกรรมเหล็กในจีนที่อาจจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก และจะยิ่งฉุดให้อุตสาหกรรมนี้ถดถอยลงไปอีก
    .
    “สถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมเหล็กของจีนเป็นเหมือน ฤดูหนาวที่โหดร้ายที่จะยาวนาน หนาวเย็น และยากที่จะทนเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้" หู หวางหมิง ประธานของบริษัทไชน่าเป่าอู่สตีลกรุ๊ป กล่าวกับพนักงานในการประชุมรอบครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเตือนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นความท้าทายที่เลวร้ายกว่าวิกฤติครั้งใหญ่ในปี 2551 และ 2558
    .
    นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในภูมิภาคและทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของโลก
    .
    เบอร์ 1 อย่างเป่าอู่ สตีล ซึ่งมีปริมาณการผลิตเหล็กมากถึงราว 7% ของโลก ได้ออกมาเตือนถึง “ความเสี่ยง”ที่อาจเกิดขึ้นกับอุปสงค์และราคาเหล็ก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง
    .
    ด้าน "ทิสเซ่นกรุปป์ เอจี” (ThyssenKrupp AG) ยักษ์ใหญ่ด้านเหล็กของเยอรมนีเน้นย้ำถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ หลังจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่
    .
    ข้อความที่ชัดเจนของหู น่าจะเป็นความกังวลสำหรับคู่แข่งทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กจีนต้องเผชิญกับความต้องการภายในประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จีนเร่งการส่งออกเหล็กไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกเหล็กของจีนในปีนี้จะสูงถึง 100 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี เพื่อชดเชยการชะลอตัวภายในประเทศ
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1141317?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/q78i93CWPeak9Y1A/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เด็กจบใหม่ในแคนาดาเตะฝุ่นเพียบ! หางานยาก แรงงานต่างชาติราคาถูกเข้ามาแย่งงานสูงถึง 211%
    .
    ไม่นานมานี้สำนักงานบลูมเบิร์กรายงานว่า วัยทำงานหนุ่มสาว Gen Z ในประเทศแคนาดา กำลังหางานยากขึ้น โดยเฉพาะตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมร้านอาหารและร้านค้าปลีก เพราะ “แรงงานต่างชาติราคาถูก” หลั่งไหลเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ยกตัวอย่างกรณีของ “มิเชลล์ เอซ (Michelle Eze)” บัณฑิตจบใหม่จากสาขานโยบายสาธารณะวัย 22 ปี เล่าว่า หลังเรียนจบเธอก็เริ่มมองหางานอย่างจริงจังในเมืองโตรอนโต ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ในแคนาดาเริ่มเพิ่มสูงขึ้น
    .
    เธอพยายามมองหาตำแหน่งงานสอนหนังสือ และแม้แต่งานบริการในร้านอาหาร เพื่อจะได้มีเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูพ่อแม่ของเธอ แต่ก็ล้มเหลว
    .
    จากกรณีข้างต้น เน้นย้ำถึงปัญหาตลาดแรงงานแคนาดาที่สะท้อนว่า “งานระดับเริ่มต้น” สำหรับผู้ที่กำลังศีกษาและผู้สำเร็จการศึกษาใหม่นั้น หาได้ยากขึ้นมาก เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
    .
    ข้อมูลจากฐานข้อมูลรัฐบาลแคนาดา พบว่าเมื่อ 2 ปีก่อน อัตราการว่างงานของแรงงานอายุ 15 - 24 ปีอยู่ที่ประมาณ 9% แต่ในปัจจุบันอยู่กลับอยู่ที่ 14.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
    .
    สะท้อนภาพชัดเจนว่า จำนวนแรงงานต่างชาติชั่วคราวในอุตสาหกรรมอาหารและค้าปลีกเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนแรงงานต่างชาติที่ได้รับการอนุมัติให้ทำงานใน 2 ภาคส่วนนี้เพิ่มขึ้น 211% ระหว่างปี 2019 - 2023
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1141296?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจWorklife #กรุงเทพธุรกิจ

    https://www.facebook.com/share/p/5gwVv4H3uv1Yrsq5/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘แพทองธาร‘ เครื่องร้อน เรียกเอกชน 3 สถาบัน ถกแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
    .
    นายกฯ "แพทองธาร" เตรียมหารือ "ส.อ.ท.- หอการค้า - สมาคมแบงก์" ร่วมแก้วิกฤติเศรษฐกิจ - เคลื่อนนโยบายประเทศ พรุ่งนี้!
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรุ่งนี้ (23 ส.ค.2567) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย จะเข้าหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันที่ อาคารชินวัตร 3 โดยเวลา 10.00 น. จะเป็นการหารือระหว่าง ประธานหอการค้าไทย และคณะกรรมการฯ
    .
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ขอเข้าพบกับนางสาวแพทองธาร เพื่อร่วมหารือถึงแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดย ส.อ.ท. พร้อมคณะกรรมการบริหารฯ จะเริ่มหารือในเวลา 11.00 น.
    .
    สำหรับ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเร่งด่วน ซึ่งส.อ.ท. ได้เน้นย้ำเสมอ และไม่เปลี่ยนจากเดิม คือ
    .
    1.) นโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยหลักๆ มาจากต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกอย่าง ทั้งวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ค่าไฟ และน้ำมัน รวมถึงค่าแรงที่กำลังจะปรับขึ้น 400 บาททั่วประเทศ วันที่ 1 ต.ค.2567 นี้ สิ่งเหล่านี้ ก็หวังว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรให้ต้นทุนเหล่านี้ต่ำลง และสามารถแข่งขันได้ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งในระบบ และนอกระบบที่ยังคงสูงมาก
    .
    2.) เงินทุน ปัจจุบันเอสเอ็มอีกำลังขาดออกซิเจนคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หลายธนาคารได้ประกาศลดเป้าหมายของการปล่อยสินเชื่อ และมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเม็ดเงินที่จะปล่อยได้ถูกจำกัด และลดลงไปอีก ดังนั้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่มหาศาล รัฐบาลต้องหาเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินเข้าไปให้เอสเอ็มอีได้เข้าถึงแหล่งเงิน ที่นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้วจะต้องมีกลไกอื่นมาเติมให้สู้ต่อไปได้
    .
    3.) สินค้าราคาถูกต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาด ขณะนี้ที่ทราบว่าสินค้าราคาถูกได้ทะลักมาทุกทิศทุกทาง จนท่วมตลาดทั้งในไทย และภูมิภาค ส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยแข่งขันไม่ได้ จนต้องปิดกิจการมากมาย เหมือนช่วง 6 เดือน ม.ค.- พ.ค.2567 ปิดกิจการกว่า 667 แห่ง เป็นขนาดมูลค่ากิจการที่ 20 ล้านบาท เป็นกิจการของคนไทยเกือบ 100% ในขณะที่ โรงงานที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ขอการสนับสนุนจาก BOI และส่วนใหญ่เป็นต่างชาติเกือบทั้งหมดที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 140 ล้านบาท
    .
    ดังนั้น มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจะป้องกันต้องดีพอ และตรวจขันตั้งแต่การนำเข้า มีการตรวจสอบ 100% ทำตามกฎเกณฑ์ที่อยู่ในขอบเขต และต้องทำอย่างเต็มที่ จะต้องระมัดระวังไม่ใช่ไปจ้องทะเลาะ ทำตามมาตรฐานสากลทั่วโลกที่มีเกณฑ์อยู่แล้ว เหมือนเวลาที่ประเทศไทยส่งสินค้าจากไทยไปจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นที่เข้าตรวจในตู้คอนเทนเนอร์ของทางเข้าที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งไทยตรวจต่ำกว่ามาตรฐานมาก
    .
    "ต้องยอมรับว่าสินค้าที่เข้ามาในไทยมีมาแทบจะทุกทิศทุกทาง ดังนั้น การสกัดสินค้าด้อยคุณภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เร่งดำเนินการก่อนจะถูกตัดสินให้พ้นเก้าอี้นายกฯ โดยเรียกกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ที่กำกับดูแล ให้เร่งแก้ปัญหา หวังว่ารัฐบาลจะทำต่อ และต้องรีบเร่งกว่าเดิม
    .
    นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาระยะกลาง และยาวมีหลายเรื่องที่ต้องทำ อาทิ การศึกษา ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม แก้กฎหมายเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น และการสร้างบุคลากร ที่ต้องเดินต่อ เพราะที่ผ่านมาช้าเกินไปแล้ว
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/cS5M3t7WTapnFjL3/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "จีน" เพิกถอนหุ้น 40 บริษัท ออกจากตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น และอีก 9 บริษัท มีแนวโน้มถูกเพิกถอนเช่นกัน เดินหน้าสกัด บจ.ที่มีลักษณะไม่มั่นคง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม : https://moneyandbanking.co.th/2024/125335/

    https://www.facebook.com/share/u2UHMakn9fyPT4ue/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 22, 2024 ไม่ทิ้งงาน! พีระพันธุ์เผยร่างกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน คืบหน้าเกือบ 100% อยู่ระหว่างรอคณะทำงานพิเศษผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพลังงานตรวจสอบ ยันเสนอ ครม. - สภาแน่นอน

    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมคณะทำงานพิเศษซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพลังงาน โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานที่ประชุมและนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบ สำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายภายใต้คณะกรรมการการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซ นายจินตพันธุ์ ทังสุบุตร และนายพัชโรดม ลิมปิษเฐียร ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เคยช่วยทำคดีโฮปเวลล์ เป็นต้น
    เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งขณะนี้ได้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นภารกิจที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชน โดยร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ้นมานี้มีทั้งหมด 90 หน้า 180 มาตรา โดยอยู่ระหว่างให้คณะผู้เชี่ยวชาญไปนำไปตรวจสอบในรายละเอียดและปรับปรุงต่อไป ซึ่งหากแล้วเสร็จจะนำเสนอเพื่อเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และนำเข้าสู่การพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

    “ในระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจและมั่นใจว่า ผมไม่ได้ทิ้งงาน ยังทำอยู่และทำต่อ ในทุกเรื่องที่ได้บอกกับพี่น้องประชาชนไว้ ซึ่งเรื่องกฎหมายนี้เป็นบันไดขั้นที่ 3 ที่กำลังรื้อระบบการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน จากบันได 5️ ขั้นที่จะพลิกโฉมระบบพลังงานไทยเพื่อคนไทย ตามแนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ซึ่งก่อนหน้าได้เสร็จไปแล้ว 2 ขั้น ทั้งเรื่องการตรึงราคาน้ำมัน และออกประกาศรื้อระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 51 ปี วันนี้ขั้นที่ 3 ก็เสร็จแล้ว และมุ่งไปสู่บันไดขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความเป็นธรรมในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซให้กับพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต” นายพีระพันธุ์ กล่าว

    #พีระพันธุ์ #โครงสร้างราคาน้ำมัน #พลังงาน #ราคาน้ำมัน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/ezYqjZLRvdD7w4cE/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักเศรษฐศาสตร์เตือนปัญหาสินค้าจีนทะลัก ดั่งแม่น้ำ 6 สายไหลบ่าท่วมประเทศ
    .
    "สันติธาร เสถียรไทย" หรือ "ดร.ต้นสน" อธิบายปัญหาสินค้าจีนทะลักเปรียบดั่ง "แม่น้ำ 6 สาย 1. Trader คนไทย 2. Crossborder sellers 3. Trader ต่างชาติจำแลง 4. Factory2consumer 5. China +1 โมเดล 6. แพลตฟอร์มต่างชาติ" หวั่นรูรั่วกฎหมายทำไทยเสียเปรียบ ต้องแก้ด้วยยุทธศาสตร์ระดับประเทศ
    .
    ดร.สันติธาร เสถียรไทย ในฐานะนักยุทธศาสตร์แห่งอนาคต อดีตผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีและภาคการเงินระดับโลก ผู้เขียนหนังสือ Twists & Turns เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว Facebook.com/Drsantitarn ถึงมุมมองสถานการณ์สินค้าประเทศจีนราคาถูกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจำนวนมหาศาลว่า
    .
    หากเปรียบปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าไทยเสมือน ‘ปัญหาน้ำท่วม’ การจะแก้ปัญหาอาจต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าทำไม ‘น้ำ’ (สินค้าจากจีน) ถึงล้นและน้ำเหล่านี้ไหลผ่าน ‘แม่น้ำ’ (ช่องทางการขาย) สายไหนบ้างมาที่ไทย
    .
    ในฐานะคนที่เคยทำงานในธุรกิจแพลตฟอร์มและวิเคราะห์การค้า-การลงทุนระหว่างประเทศมานาน วันนี้ อยากชวนแกะประเด็นใหญ่ของประเทศนี้ที่ผมคิดว่ามีความซับซ้อนสูงเพราะมีหลายปัญหาถูกมัดรวมอยู่ด้วยกัน
    .
    เริ่มจาก 6 แม่น้ำที่เป็นเส้นทางสำคัญที่สินค้าไหลเข้าประเทศตามภาพแผนผังประกอบด้านล่างครับ
    .
    1) Trader คนไทย (offline/online) - ผู้ขายไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อขายในร้านค้าทั่วไปในไทยหรือ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee Lazadaและ Tiktok เพื่อขายให้ผู้บริโภคไทย
    .
    ผลกระทบ: อาจมีผลเสียต่อผู้ผลิตในประเทศเพราะต้องแข่งกับสินค้านำเข้าราคาถูก แต่อย่างน้อยรายได้ยังอยู่กับคนไทยที่นำสินค้าเข้ามาขาย
    .
    2) Crossborder sellers - ผู้ขายในต่างประเทศใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคไทยโดยไม่ต้องจดทะเบียนในประเทศ
    .
    ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศอาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ
    .
    3) Trader ต่างชาติแปลงตัวเป็นไทย - ผู้ขายต่างชาติ เปิดธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ในไทย แต่ส่วนใหญ่ขายสินค้านำเข้าจากจีน
    .
    ผลกระทบ: ผู้ขายต่างชาติในร่างไทยเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและมักหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดความได้เปรียบเหนือธุรกิจในท้องถิ่นในหลายมิติ (และปัญหานี้ก็ไม่ได้อยู่แต่ในภาคการค้าเท่านั้นแต่กระทบหลายอุตสาหกรรมเลย)
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1141390?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/pvACdNvXZKrCtYzd/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พิธีขึ้นบ้านใหม่ ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ

    วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 22, 2567



    อย่าลืมทำ พิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสอง ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ

    คนโดยทั่วไปมักจะมีความเชื่อในสถานที่สำคัญต่างๆ เชื่อว่ามีเจ้าที่เจ้าทาง คอยปกปักรักษาคุ้มครอง ใครก็ตามที่เข้าอยู่ จะต้องให้ความเคารพนับถือ อย่างเช่นการทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ เราจะเห็นกันอยู่เป็นประจำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะเล็กจะใหญ่ จะมือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม ขอเพียงทำแค่ตามกำลังทรัพย์ที่มีก็พอ ไม่ต้องมากมาย มีพิธีเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นการกล่าวขอขมา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตไม่ติดขัด ทำดูก็ไม่เสียหาย

    สิ่งของที่ต้องเตรียมเข้าบ้านใหม่ครั้งแรก

    1 พระพุทธรูป

    2 เครื่องบูชาพระ เช่น ธูป เทียน กระถางธูป แจกันดอกไม้

    3 ดอกไม้มงคลที่นำมาไว้โปรยรอบบ้าน

    4 เหรียญ จะเป็นเหรียญบาท หรือสิบบาทก็ได้ค่ะ = เงินทองเต็มบ้าน

    5 ดอกดาวเรือง = ความรุ่งเรือง เจริญรุ่งโรจน์

    6 ดอกกุหลาบ = เส้นทางข้างหน้าต่อไปจะได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

    7 ดอกรัก = ความรัก ความเอื้ออาทรกัน

    8 ข้าวตอก ถั่ว งา = ความเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป

    9 ถังน้ำ ถังข้าวสาร (ใส่เต็มถัง) = ความอุดมสมบูรณ์

    10 หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง กะปิ น้ำปลา น้ำตาลทราย เกลือ = ข้าวปลาอาหารมีกินมีใช้

    11 เงินแบงค์ 900 บาท เงินเหรียญอีก 99 บาท เป็น 999 = มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

    12 กล่องใส่ทอง เพชร หรือเครื่องประดับ อัญมณีมีค่า = ความร่ำรวย มั่งมีเงินทอง

    13 หมากพลู

    14 พวงมาลัยดาวเรือง

    15 น้ำเปล่า

    ของไหว้เจ้าที่เจ้าทางมีผลไม้ 5 ชนิด

    1 มะพร้าว ความบริสุทธิ์

    2 สาลี่ การเรื่องคุณงามความดีเอาไว้อย่างมั่นคง โชคลาภเงินทองมิให้หาย

    3 ทับทิม คุ้มครองกันภัย

    4 กล้วย กล้วยคือผลไม้มงคล ที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งการขย ายสาขา กิจการ การมีบุตรสืบสกุล มีบริวารมาก

    5 ส้ม ความโชคดี เจอแต่สิ่งดีเป็นสิริมงคล

    ขนมมงคล 5 อย่าง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน และขนมถ้วยฟู

    สำหรับพิธีการ มีดังต่อไปนี้

    1. เมื่อไปถึงบ้านก่อนฤกษ์ให้เตรียมสิ่งของที่จะนำเข้าบ้านให้พร้อม ใครเข้าบ้านก่อนถึงฤกษ์ก็เลยต้องเตรียมอุปกรณ์กันที่นอกบ้าน

    2. ก่อนเข้าประตูหน้าบ้าน (เจ้าของบ้าน) หยิบหินขึ้นมา 1 ก้อนกำไว้ในมือแล้วกลั้นหายใจอธิษฐานขอให้จิตใจหนักแน่น และแข็งแกร่งเหมือนหิน มีแต่สิ่งดีเกิดขึ้นนับแต่นี้ไป สิ่งไม่ดีอย่าได้แพ้ แล้ววางหินลงหน้าบ้าน จากนั้นให้คุณพ่อเป็นคนเดินนำอุ้มพระพุทธรูปเข้าบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล ให้คุณป้า (ที่รวยที่สุด) ถือพานเงิน, ทอง ตามเข้าบ้าน คุณแม่ถือข้าวสารอาหารแห้ง และคนอื่นก็ช่วยกันถือของอื่น ตามเข้ามา

    3. นำพระพุทธรูปวางที่ห้องพระที่เราจัดเตรียมไว้ จุดธูปเทียนอธิษฐานจิตให้ท่านคุ้มครอง และอวยพรให้เราประสพพบเจอแต่สิ่งดี

    ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีขึ้นบ้านใหม่ เจ้าของบ้านต้องทำพิธี “เข้าบ้านใหม่” เสียก่อน ซึ่งพิธีจะเริ่มต้นด้วยการให้หัวหน้าครอบครัวหรือเจ้าบ้านเป็นผู้ประกอบพิธีทั้งหมด ที่สำคัญจะต้องมีการอัญเชิญพระพุทธรูปประจำบ้านให้เข้ามาประดิษฐานเพื่อคอยปัดเป่าภูติผีและสิ่งที่ไม่ดี ไม่ให้เข้ามาภายในบ้านได้ ในขณะอัญเชิญให้ทำการจุดธูปเทียนเพื่อเป็นการบูชา จากนั้นจึงตามด้วยอธิษฐานเพื่อบอกกล่าวแก่องค์พระเพื่อให้ท่านได้ปกป้องคุ้มครองบ้านหลังนี้ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ห่างไกลจากสิ่งไม่ดี ให้สมาชิกในครอบครัวมีความปลอดภัยและอยู่เย็นเป็นสุข ในพิธีนี้ สิ่งของที่ไม่ควรตกหล่น คือดอกไม้ธูปเทียน พระพุทธรูป ผลไม้และไม้มลคลต่าง ซึ่งจะนำเอาใช้สำหรับการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในที่นี้อาจจะมีการบวกรวมกับขนมไทที่มีชื่อเป็นมงคลรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด และทองเอก เป็นต้น

    พระสงฆ์ที่นิมนต์มาควรนิมนต์มาก่อนวันทำบุญไม่น้อยไปกว่า 5 วัน โดยให้เลือกระหว่าง 5,6 หรือ 9 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมด้วยการจัดโต๊บูชา มีผ้าขาว กระถางธูปและเชิงเทียน โดยจัดให้โต๊ะอยู่ด้านขวาของพระสงฆ์

    วันต้องห้ามตามคติโบราณ ห้ามขึ้นบ้านวันเสาร เนื่องจากว่าวันเสาร์ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว ถือกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ และ ถือกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ และดาวเสาร์ยังจัดเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์อีกด้วย

    ทั้งนี้ตามหลักความเชื่อแล้ว เพื่อความสบายใจทางใจ ก็ขอให้ทำพิธีให้ถูกต้อง ก่อนเข้าอยู่อาศัย หรือบางคนเข้าพอพักไปเรียน ไปทำงาน ก็ทำพิธีขอเข้าอยู่ให้ถูกต้อง เพราะทุกๆ ที่มีเจ้าของเฝ้าอยู่ แม้เราจะมองไม่เห็นก็ตาม

    ขอขอบคุณ : postsara


    อย่าลืมทำ พิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสอง ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ
    https://www.kubkhao.com/2024/08/blog-post_22.html
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้สึกแย่ เจ็บปวด สะเทือนใจ
    รับมืออย่างมีสติยังไง
    เมื่อได้รับ ‘Bad Feedback’ จากหัวหน้า
    .
    เป็นธรรมดาในชีวิตการทำงานที่จะต้องเจอกับความคิดเห็นอันหลากหลาย ทั้งแบบที่ฟังแล้วรับได้ ไปจนถึงแบบที่ฟังแล้วสร้างความสะเทือนใจ เสียใจ เพราะหีบห่อไว้ด้วยคำพูดรุนแรง-ความหมายทิ่มแทง หรือที่เรียกว่า ‘Bad Feedback’
    .
    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยได้รับ ‘Bad Feedback’ แล้วรู้สึกแย่ นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนปิดกั้น ไม่รับความเห็นต่าง แต่เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ยังมีความรู้สึกและยังแคร์อยู่ว่า ศักยภาพ-ผลงานของตัวเองจะเป็นเช่นไร
    .
    ในทางจิตวิทยาบอกว่า ไม่ต้องรู้สึกแย่เมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านี้ขึ้น แต่จงระลึกไว้เสมอว่า อย่างน้อยที่สุด คุณยังเป็นมนุษย์ทำงานคนหนึ่งที่ไม่ปิดกั้นความคิดเห็น ยังมีความกระตือรือร้นที่อยากจะพัฒนาตัวเองอยู่
    .
    เพียงแต่เราต้องมาหาคำตอบก่อนว่า ความหมายโดยนัยของฟีดแบ็กที่รุนแรงเหล่านี้มีอะไรที่สามารถหยิบมาเป็น ‘Key Takeaway’ ได้บ้าง
    .
    [ ทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง แกะความหมายใต้ความรุนแรง ]
    .
    ผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์ในที่ทำงานให้ความเห็นว่า สิ่งแรกที่ต้องทำหลังได้รับ ‘Bad Feedback’ ไม่ใช่การรับคำวิจารณ์เหล่านั้นใส่ตัวทันที แต่ต้องหาทางแกะอารมณ์ก่อนว่า เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ โกรธ เสียใจ กลัว วิตกกังวล ฯลฯ
    .
    Liz Fosslien ผู้เขียนหนังสือขายดีจาก The Wall Street Journal ที่มีชื่อว่า ‘No Hard Feelings: The Secret Power of Embracing Emotion at Work and Big Feelings: How to Be Okay When Things Are Not Okay’ บอกว่า
    .
    หากคุณเริ่มรู้สึกว่า ตนเองอยู่ในสภาวะที่มีอารมณ์ท่วมท้นไปหมดให้ลองพิจารณาและ ‘ตั้งชื่อ’ ให้อารมณ์เหล่านั้นดู
    .
    เมื่อได้รับคำพูดที่ไม่ดีเรามักติดอยู่ในวังวนของคำพูดเหล่านั้น Liz จึงแนะนำว่า ให้ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นั้นแล้วสร้างพื้นที่ปลอดภัยด้วยการตั้งสติแล้วมี ‘Self-talk’ กับตัวเอง
    .
    เช่น คุณอาจจะพูดกับตัวเองว่า “ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจะอยู่ที่นี่และจะค่อยกลับมาทีหลัง” หรือ “ฉันกำลังมีอารมณ์และปฏิกริยารุนแรงกับสิ่งที่หัวหน้าพูด และต้องการขอเวลานอก”
    .
    จากนั้นให้ประเมินระดับอารมณ์ของตัวเอง จาก 1 ถึง 10 ณ ตอนนี้เราอยู่ในเลเวลไหน และระดับใดที่เป็นเดดไลน์ของตัวเอง (ถ้า 10 คือโกรธมาก ถ้า 4 แปลว่าสงบลงแล้ว เป็นต้น)
    .
    หลังจากนั้นใช้วิธี ‘แยกเมล็ดข้าวออกจากแกลบ’ ความหมายก็คือ ใน ‘Bad Feedback’ ที่ได้รับมา ส่วนไหนคือข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำมาพัฒนาผลงานต่อได้
    .
    เพราะสำหรับบางคนแล้วแม้เขาจะพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ คำพูดไม่น่าฟัง แต่คำพูดรุนแรงเหล่านั้นก็อาจจะช่วยต่อยอดให้คุณประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน หัวหน้าของคุณอาจจะอ่อนด้อยทักษะทางการสื่อสารและไม่สามารถถ่ายทอดฟีดแบ็กออกมาได้ดีพอ
    .
    นี่เป็นอีกขั้นตอนที่ให้ความรู้สึก ‘ท้าทาย’ กับภาวะทางอารมณ์อยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะเป็นกรณีที่เรารู้สึกไม่เห็นด้วยกับการใช้คำพูดและวิธีนำเสนอ แต่ให้ลองท้าทายตัวเองด้วยการค้นหาแง่มุมที่อีกฝ่ายพูดดู
    .
    ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบว่า แม้จะมีแกลบเต็มถังและมีข้าวสารเพียงเมล็ดเดียว แต่ก็คุ้มที่จะลองค้นหาแล้วหยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดดู ไม่แน่ว่า นั่นอาจจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณค่ากับคุณก็ได้นะ
    .
    [ ฟีดแบ็กกลับไป ตัดสินใจว่าจะ ‘ตกปลา’ หรือ ‘ตัดเบ็ด ]
    .
    เมื่อถอดรหัสฟีดแบ็กออกมาได้แล้ว หากคุณเห็นด้วยกับข้อเสนอเหล่านั้นให้หยิบมาทำตามดู จากนั้นอัปเดตให้หัวหน้าของคุณรู้ว่า คุณได้นำคำติชมมาพัฒนา-ปรับปรุงอย่างไรบ้าง หากไม่เห็นด้วยในจุดไหนให้อธิบายด้วยเหตุผลอย่างมีวุฒิภาวะ
    .
    แน่นอนว่า ในจุดที่เป็นคำพูดรุนแรง ‘คุณ’ ในฐานะผู้ฟังและได้รับฟีดแบ็กนั้นโดยตรงก็มีสิทธิที่จะสะท้อนกลับไปให้หัวหน้ารับรู้ด้วยว่า วิธีถ่ายทอดคำพูดของเขาส่งผลกระทบกับคุณอย่างไรบ้าง
    .
    Liz เล่าว่า หนึ่งในผู้เข้าร่วมการเวิร์กชอปของเธอเล่าให้ฟังว่า เคยพูดอย่างตรงไปตรงมากับหัวหน้าที่ชอบพูดเสียงดังและตะคอกใส่บ่อยๆ ว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังอารมณ์เสีย แต่เวลาคุณตะคอกใส่ฉัน ฉันทำงานต่อไม่ได้”
    .
    หลังจากนั้นหัวหน้าของเธอขอโทษและตระหนักได้ว่า เขาทำร้ายการทำงานของเธอโดยไม่ตั้งใจมากขนาดไหน หลังจากนั้นความรุนแรงทางคำพูดและอารมณ์ก็ลดลง สะท้อนให้เห็นว่า การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมามีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
    .
    ในทางกลับกันก็มีหัวหน้าหลายคนที่ไม่สามารถยอมรับฟีดแบ็กได้ แต่การลาออกทันทีไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เราอาจเริ่มจากการเว้นระยะห่าง เพราะหัวหน้าที่ไม่รับฟังและมีกำแพงย่อมสร้างความลำบากใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างลูกน้อง
    .
    แต่ถ้าเว้นระยะห่างและทำงานตามมาตรฐานไปสักพักแล้ว ยังเกิดช่องว่างที่เราและหัวหน้าต่อไม่ติด สื่อสารกันไม่ได้อยู่ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่า เราควรไปต่อหรือพอแค่นี้ เราอาจลองปรึกษาผู้บริหารที่มีอำนาจเหนือกว่าดูว่าจะช่วยกันแก้ปัญหายังไงได้บ้าง
    .
    ถ้าสุดท้ายหัวหน้าไม่สามารถให้คำแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานได้ การมองหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับสิ่งที่ดีที่ใช่มากกว่า
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/tpaqtEQUJdFtav42/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาคมมหาวิทยาลัยแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเตือนว่ามหาวิทยาลัยแห่งชาติกำลังเผชิญหน้าผากับข้อจำกัดสำคัญทางการเงิน เพราะจำนวนคนเข้าเรียนลดลงเรื่อยๆ
    .
    ถทอมหาวิทยาลัยว่าเป็นจุดเปลี่ยนอันใหญ่หลวงของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น โดยการลดลงของจำนวนเด็กนักศึกษาทำให้เกิดการหารือถึงทางออกหลายทางในการรับมือ ตั้งแต่การรวมมหาวิทยาลัย, การลดขนาดมหาวิทยาลัย ไปจนถึง การปิดมหาวิทยาลัย
    .
    อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของสภาการศึกษากลาง ซึ่งให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำลังพิจารณาอนาคตของมหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองต่ออัตราการเกิดที่ต่ำของญี่ปุ่นให้เป็นวาระเร่งด่วน
    .
    ทั้งนี้ มีคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ที่เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย มีจำนวนรวมประมาณ 1.1 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดประมาณ 2.49 ล้านคนในปี 1966
    .
    นอกจากนี้ รายงานฉบับร่างชั่วคราวของคณะทำงานฯ ได้คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ที่มีอายุ 18 ปีจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะเหลือประมาณ 820,000 คนในปี 2040 ส่งผลให้มีตัวเลขประเมินว่า จำนวนผู้เข้ามหาวิทยาลัยจะลดลงตามอย่างแน่นอนจากประมาณ 630,000 คนในปีที่แล้ว เหลือประมาณ 510,000 คนในปี 2040 เท่านัั้น
    .
    ขณะนี้คำแนะนำจากคณะทำงานฯ ชั่วคราว บอกแต่เพียงว่า ให้เพิ่มประสิทธิภาพของหลักสูตรเรียนให้ดีแม้คนเรียนน้อย การคัดกรองและเข้มงวดในการรับสมัครคนเข้าเรียนจำเป็นต้องรักษามาตรฐานเช่นเดิม เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพให้กับประเทศชาติ
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY
    .

    อ้างอิง:

    https://www.japantimes.co.jp/news/2...lk_s4vkgtzthrpqewvy8mnvt24cbcr68n_mpzwxjcydvk

    https://www.facebook.com/share/p/ZkDKm7fcyrPUT7sn/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1724330915081.jpg

    เปิดข้อมูล ‘Mpox’ โรคฝีดาษลิงเกิดจากอะไร ติดต่อหรือไม่
    .
    THE STANDARD ชวนผู้อ่านและผู้ติดตามโรค Mpox (เอ็มพ็อกซ์) สายพันธุ์ Clade 1 หรือชื่อเดิมคือ ‘ฝีดาษลิง’ (Monkeypox) หลังจากที่เมื่อวานนี้ (21 สิงหาคม) กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า มีการพบผู้ป่วยฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1B รายแรกในประเทศไทย ซึ่งโรคดังกล่าวกำลังแพร่ระบาดในพื้นที่ของทวีปแอฟริกา และได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 450 ราย
    .
    ข้อมูลจาก BBC Thai อ้างอิงกรมควบคุมโรค ระบุว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบันพบผู้ป่วยจากสายพันธุ์ 2 หรือ Clade 2 ราว 800 คนในประเทศไทย และจากจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยมากกว่า 140 คน ที่พบเมื่อช่วงต้นปี 2567
    .
    อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคได้เน้นย้ำการป้องกันโรคฝีดาษลิงคือ
    1. ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดหรือคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด และทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วมสม่ำเสมอ
    2. หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และ
    3. ผู้ที่มีอาการต้องสงสัยสามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค
    .
    อ้างอิง:
    https://ddc.moph.go.th/brc/news
    https://www.bbc.com/thai/articles/c4gqzrk447po
    .
    #ฝีดาษลิง
    #TheStandardNews

    https://www.facebook.com/share/p/2SmUiN6k7pC6yMpj/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #สรุป 13 แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทย ในมุม "ทักษิณ ชินวัตร"

    ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน เนชั่นทีวี จัดดินเนอร์ทอล์ก หัวข้อ Vision For Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567

    1.) โจทย์เร่งด่วนดูแลเศรษฐกิจไทย: ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจให้เดินต่อให้ได้ นโยบายการคลังและนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยไปในทางเดียวกัน แต่เคารพความเป็นอิสระแบงก์ชาติ

    2.) โครงการดิจิทัล วอลเล็ต: เสนอให้ใช้ดิจิทัล วอลเล็ต ในเฟสแรกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะยังคงใช้งบประมาณที่เตรียมไว้ 1.45 แสนล้านบาทมาใช้แจกให้กับ 14.5 ล้านคน กลุ่มเปราะบางและคนพิการก่อนคนละ 10,000 บาท และเฟสต่อไปเดือน ต.ค.อีก 30 ล้านคนใช้ระบบดิจิทัล วอลเล็ต ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจใช้ระบบ “บล็อกเชน” ชุ่มฉ่ำทั่วถึง, รากหญ้าเรียนรู้เทคโนโลยี, ประชาชนได้รับบริการภาครัฐ ซุปเปอร์แอป อนาคตอาจขายพันธบัตรรัฐบาลผ่านประชาชนรายย่อย ให้ประชาชนใช้แทนเงินสด เป็นผลมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ

    3.) Entertainment Complex: นายทักษิณมองว่าควรดึงเอกชนมาลงทุนเริ่มแสนล้านบาท สร้าง Entertainment Complex ในกรุงเทพฯ เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเสริมสิ่งที่ประเทศไทยยังขาด เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์และสนามกีฬา ส่วนพื้นที่คาสิโนมีไม่ถึง 10%

    4.) ถมทะเลบางขุนเทียน-ปากน้ำ: เสนอการถมทะเลเพื่อสร้างเมืองใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดความแออัดในกรุงเทพฯ โดยให้ใช้รถไฟและรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางหลัก เพื่อป้องกันน้ำท่วมและเพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยว

    5.) รถไฟฟ้า 20 บาท: ยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทต้องทำให้ได้ โดยอาจต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารมาเป็นของรัฐ แล้วจ้างเอกชนบริหารต่อ

    6.) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการลงทุนในดาต้าเซนเตอร์: แนะนำให้เชิญชวนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม

    7.) ดึงรถ EV พวงมาลัยขวามาผลิตในไทย: เสนอให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV พวงมาลัยขวาจากจีน และรักษาอีโคซิสเตมอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย
    ส่วนประเด็นสินค้าจีนตีตลาดกระทบ SME ไทย แนะเร่งพัฒนาเพิ่มมูลค่า จี้รัฐตรวจสอบสินค้าผิดกม. ยันไม่รังเกียจทุนจีน แต่ต้องแข่งขันเท่าเทียม

    8.) แนวทางการจัดการเขตทับซ้อนทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ: นายทักษิณเสนอให้แบ่งทรัพยากรในเขตทับซ้อนทางทะเลคนละ 50% เช่นเดียวกับที่เคยทำกับมาเลเซียชี้ว่าน้ำมันและแก๊สในพื้นที่นี้อาจหมดความสำคัญในอีก 20 ปี เนื่องจากการหันไปใช้พลังงานสะอาดกำลังให้มีการศึกษาแนวทางของนอร์เวย์ในการแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนทั้งประเทศ แนวทางนี้จะช่วยลดต้นทุนพลังงานถูกลง

    9.) ศูนย์กลางทางการเงิน: ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยศึกษาตัวอย่างจากดูไบและสิงคโปร์

    10.) ขายที่ดินให้ต่างชาติ: เสนอแนวทางขายที่ดินให้ต่างชาติโดยให้สัญญาเช่า 99 ปีให้กรมธนารักษ์ดูแล และจำกัดการใช้ที่ดินเพื่อป้องกันการนำไปทำการเกษตรแข่งขันกับคนไทย

    11.) กองทุนวายุภักษ์: เสนอขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อซื้อหุ้นกลับมาหากราคาต่ำกว่าที่ควร

    12.) ปรับภาษี: แนะให้ปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา พร้อมกับใช้เทคโนโลยีใหม่ในการคืนภาษีอย่างรวดเร็ว

    13.) เศรษฐกิจใต้ดิน: เศรษฐกิจใต้ดินมีขนาดใหญ่กว่า 49% ของ GDP จำเป็นต้องดึงเศรษฐกิจเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน

    https://www.facebook.com/share/p/Ztq8qKki7sLPbNtE/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 23, 2024 เทยกแผง! ตลาดหุ้นสหรัฐหวนปิดดิ่งหนาตา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงกว่า -170 จุด คืนนี้ นักลงทุนรอสัญญาณภาวะดอกเบี้ยระยะสั้นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ

    ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,712 จุด -177 จุด หรือ -0.43% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,570 จุด -50 จุด หรือ -0.89% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 17,619 จุด -299 จุด หรือ -1.67% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดสูงขึ้น +2.9%, +3.9% และ +5.2% ตามลำดับ ทำสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นมา

    สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับทำกำไรรอบใหม่เพื่อรอในวันคืนวันนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ จะขึ้นกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐโดยเฉพาะมุมมองของดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในปัจจุบัน

    ก่อนหน้านึ้เมื่อวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติดัชนีหุ้นตกต่ำเลวร้ายที่สุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2022 นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแดคปิดดำดิ่งกว่า 15% จากสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนกรกฎาคมผ่านมา ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction

    ขณะที่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาครบ 3 วันทำการแรก ยังพบว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงแรง -6.2%, -7.0% และ -8.53% ตามลำดับ ส่งผลในแง่เปอร์เซ็นต์ทำสถิติดัชนีหุ้นดำดิ่ง 3 วันทำการติดต่อกันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2022 และในแง่จำนวนจุดเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) สถานการณ์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างรุนแรง จากในวันที่ 5 สิงหาคมมานั้น ดัชนีหุ้นนาสแดคกลายเป็นดัชนีหุ้นแรกที่เข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -6.5% และ -8.7% เทียบจากสถิติดัชนีหุ้นหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ที่สำคัญ ตลาดหุ้นทั่วโลกใน 3 สัปดาห์ผ่านมา เสียหายรวมกันกว่า 6.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 230.4 ล้านล้านบาท

    ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนกันยายนถึง 0.5% อยู่ที่ 54% จากเดิมที่ 49% และลดดอกเบี้ยดังกล่าวลง 0.25% มีโอกาสอยู่ที่ 77.5% ขณะที่ โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในธันวาคมอยู่ที่ 72% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50%

    สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.1%, +3.5% และ +6% ตามลำดับ ส่งผลให้ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันจากทั้งหมดใน 8 เดือนผ่านมา อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 พบว่า ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นปิดสวนทางกัน -1.7%, +3.9% และ +8.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ สิ้นสุดครึ่งปีแรก หรือนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีสำคัญดังกล่าวปิดเพิ่มขึ้น +3.8%, +14.5% และ +18.1% ตามลำดับ

    ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ทำสถิติทั้งในรายไตรมาส และรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 โดยในรายไตรมาสนั้น ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +7.4%, +10.2% และ +9.1% ตามลำดับ ส่งผลดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019 และดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021 สอดรับกับรายเดือน ปิดเพิ่มขึ้น +2.1%, +3.1% และ +1.8% ตามลำดับ

    #ลงทุน #การเงิน #หุ้น #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ ##btimes #สหรัฐ #ดาวโจนส์ #นาสแดค #เอสแอนด์พี500 #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ

    https://www.facebook.com/share/HVNMQWoxUB7P6ZtG/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 23, 2024 หยุดขาลง! ราคาน้ำมันดิบโลกพลิกปิดขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ หยุดราคาลดรวม 4 วันติดกัน ปิดเหนือ 77 ดอลลาร์ เรือขนน้ำมันดิบถูกโจมตีในทะเลแดง น้ำมันในไทยลดลงอีก 30 สตางค์ รวมลด 8 ครั้งต่อเนื่อง ถูกสุดใน 7 เดือน

    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 73.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ส่งผลหยุดราคาปิดลง 4 วันติดกันรวม -5.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.99% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 77.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.54% ส่งผลหยุดราคาปิดลง 4 วันติดกันรวม -4.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.29%

    สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับการกล่าวปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของประธานธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในคืนวันนี้ ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสูงขึ้น 0.4% พร้อมกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติกรีก ราว 150,000 ตัน ถูกกลุ่มฮูติโจมตีในบริเวณทะเลแดง

    ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดสวนทาง -0.25% และ +0.03% ตามลำดับ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง เพิ่มขึ้น +6.98% และ +3.43% สิ้นสุดมิถุนายนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +5.9% ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ปิดเพิ่มขึ้น +13.8% และ +12.1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งในเดือนกรกฎาคมปิดสุทธิร่วงลง -4% และ -7% ตามลำดับ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

    ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 23 สิงหาคม 2567 โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง -30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งแรกใน 4 วันผ่านมา และเป็นการลดราคาครั้งที่ 8 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม หรือใน 1 เดือน 1 สัปดาห์กว่า รวมลดลงสะสม -2.80 บาท/ลิตร ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมผ่านมา

    #น้ำมันดิบ #สหรัฐ #อังกฤษ #เศรษฐกิจ #ราคาน้ำมันวันนี้ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/6PA7YG3NBgNKA2px/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 23, 2024 ต่างชาติเล่น! สื่อต่างชาติหลายสำนักประโคมไทยพบชายชาวยุโรปสูงวัยติดโรคเคลด(ฝีดาษลิง)พันธุ์เคลดวันบีคนแรกในไทยและในเอเชีย กรมควบคุมโรคสรุปพบติดเชื้อพันธุ์เคลดวันบีรายแรกในไทย แต่เป็นรายที่ 2 นอกทวีปแอฟริกา กัก 43 รายดูอาการนาน 21 วันเข็นมาตรการตรวจเข้มยกชุด ตรวจต่างชาติมาจาก 42 ประเทศในโซนระบาดโรคเคลด(ฝีดาษลิง)

    สำนักข่าวชื่อดังระดับโลกหลายสำนัก เช่น รอยเตอร์ส ซีเอ็นเอ็น บลูมเบิร์ก นิกเคอิ เป็นต้น รายงานข่าวประเทศไทยยืนยันพบผู้ป่วยติดโรคเคลด หรือโรคฝีดาษลิงเป็นคนแรกในประเทศไทย และเป็นคนแรกในทวีปเอเชีย หลังจากผลการตรวจหาเชื้อสายพันธุ์เคลดทูบี (Clade Ib) ในผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวยุโรปอายุ 66 ปี ให้ผลเป็นบวก ส่งผลเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย

    นิกเคอิ รายงานว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวตรวจพบติดเชื้อสายพันธุ์เคลดวันบีเป็นคนแรกในประเทศไทย และเป็นคนที่ 2 ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวนอกทวีปแอฟริกา โดยผู้ป่วยคนแรกที่ติดเชื้อสายพันธุ์นี้อยู่ในประเทศสวีเดน สายพันธุ์เคลดวันบีสามารถติดต่อกันได้ง่ายมากด้วยการสัมผัสใกล้ชิด

    ด้านสเตรทไทมส์ รายงานเมื่อเย็นวานนี้ 22 สิงหาคมว่า ชายชาวต่างชาติยุโรป อายุ 66 ปี แสดงผลตรวจเชื้อเป็นบวก ส่งผลให้ผู้ต้องสงสัยติดโรคเคลด หรือฝีดาษวานรคนดังกล่าวกลายเป็นผู้ติดโรคดังกล่าวเป็นรายแรกที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และกลายเป็นผู้ป่วยรายแรกในทวีปเอเชีย ที่สำคัญเป็นรายแรกในอาเซียนด้วย

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีรายงานออกมา และยืนยันผลพบเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์ clade Ib ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการวินิจฉัยในประเทศไทย ซึ่งต่อจากนี้ต้องรายงานผลไปยังองค์การอนามัยโลกตามมาตรฐาน IHR พร้อมกันนี้ ได้กำชับไปยังกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรคทุกด่าน โดยเฉพาะด่านที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เข้มงวดมาตรการ ในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด และไม่ว่าจะเปลี่ยนเครื่องที่ไหน หากต้นทางเป็นประเทศที่มีการระบาด ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ

    สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายดังกล่าว จำนวน 43 ราย ขณะนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการป่วย ซึ่งกรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 21 วัน หากมีอาการไข้ มีผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่เขตติดโรคไข้เหลือง 42 ประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับการวัดอุณหภูมิร่างกาย สอบถามอาการ และสังเกตผื่นตามร่างกาย หากมีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร จะมีการแยกกักผู้เดินทาง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเพิ่มเติม พร้อมเก็บสิ่งส่งตรวจ เพื่อส่งห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ และส่งผู้ป่วยต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร

    นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เตรียมพร้อมสำหรับการคัดกรองและกักกันโรคเพิ่มเติม ดังนี้
    1. ให้ผู้เดินทางที่เดินทางมาจาก 42 ประเทศเขตติดโรค และประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร ลงทะเบียนระบบ Thai Health Pass ล่วงหน้า ก่อนเข้าสู่ระบบ Check in ของสายการบิน ณ ประเทศต้นทาง
    2. เมื่อผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ จะต้องผ่านการคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย handheld thermoscan หากอุณหภูมิเกิน 36.8 องศาเซลเซียส จะต้องวัดอุณหภูมิทางหูซ้ำอีกครั้ง ซักประวัติ อาการเพิ่มเติม จึงจะผ่านไปยังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และหากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพบเจอผู้โดยสาร ที่มีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร ให้ส่งกลับมารับการตรวจเพิ่มเติม ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ
    3. มีการแจก Health Beware Card สำหรับผู้เดินทางทุกคน จากประเทศเสี่ยง กรณีมีอาการหลังจาก เข้าประเทศ ให้รายงานอาการผ่าน QR code ที่ปรากฏบน Health Beware Card เพื่อให้ทางกรมควบคุมโรคได้ติดตามต่อเนื่อง และเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
    4. กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมความพร้อมสำหรับการกักกัน หากมีการ แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเตรียมอาคารกักกันโรค 4 ชั้น จำนวน 60 ห้อง หากมีการเดินทางแบบครอบครัวจะมีห้องกักกันแบบกลุ่มเตรียมสำรองไว้พร้อม

    #ฝีดาษลิง #ฝีดาษวานร #ไทย #สิงคโปร์ #ยุโรป #แอฟริกาใต้ #โรคติดต่อ #กระทรวงสาธารณสุข #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/5Wjic5ZYL32id9Ev/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วอชิงตันแอบแก้แผนป้องกันภัยคุกคามโจมตีนิวเคลียร์ 3 เท่าจาก “รัสเซีย-จีน-เกาหลีเหนือ” พร้อมกัน "ไบเดน" วิตกหนัก "ปักกิ่ง" เร่งสปีดสะสมเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ - เป็นครั้งแรกที่รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ กลายเป็นภัยที่เชื่ออาจร่วมมือโจมตีนิวเคลียร์ต่อสหรัฐฯและและชาติพันธมิตรรวม “อังกฤษ” เอกสารลับหลุดถึงสื่อชี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เซ็นเปลี่ยนแปลงทางนโยบายเมื่อมีนาคมที่ผ่านมาอย่างเป็นความลับสุดยอดวิตกต่อการเร่งสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในไซโลของปักกิ่ง
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวานนี้(21 ส.ค)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้อนุมัติการเปลี่ยนทางนโยบายของการเตรียมความพร้อมเพื่อการเผชิญหน้าต่อภัยคุกคามการประสานงานโจมตีนิวเคลียร์ต่อสหรัฐฯจาก 3 ชาติฝ่ายตรงข้ามพร้อมกันทั้งรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวันอังคาร(20)
    .
    และเป็นครั้งแรกที่ชาติเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเหมือนภัยคุกคามแบบสอดประสานโจมตีใช้นิวเคลียร์ต่อสหรัฐฯและชาติพันธมิตรรวม “อังกฤษ” เดลีเมลของอังกฤษชี้
    .
    โดยในอีก 10 ปีข้างหน้าเชื่อว่าคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของปักกิ่งคาดจะเป็นคู่แข่งต่อสหรัฐฯและอังกฤษในขณะที่ “เกาหลีเหนือ” ที่ได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซียกำลังหาทางเพื่อเพิ่มความสามารถทางนิวเคลียร์ของตัวเองนั้นถูกมองว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อโลกตะวันตกเช่นกัน
    .
    ซึ่งในเวลานี้เกาหลีเหนือถูกมองว่าเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์เทียบเท่า ปากีสถาน หรือ อิสราเอล แต่ขึ้นกับความสามารถของเปียงยางที่จะพัฒนาให้เหนือประเทศเหล่านี้ อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
    .
    เดลีเมลรายงานว่า เอกสารลับที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาตร์นโยบายนิวเคลียร์สหรัฐฯนั้นเป็นความลับมากที่ไม่มีร่องรอยหลักฐานเอกสารทางอิเลกทรอนิกให้เห็น แต่มีแค่เป็นแผ่นกระดาษเท่านั้นที่ถูกแชร์ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงชั้นความลับ
    .
    VOA ของสหรัฐฯชี้ว่า ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในวันพุธ(21) จะพยายามไม่ให้ความสนใจต่อรายงานที่เปิดเผยว่า วอชิงตันได้เปลี่ยนนโยบายนิวเคลียร์ของตัวเองจากแต่เดิมที่ให้ความสนใจไปที่ “รัสเซีย” เพื่อหันไปหาการรับมือการซ่องสุมอาวุธนิวเคลียร์ของจีน โดยเป็นความวิตกอย่างสูงของทำเนียบขาว
    .
    โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ณอน ซาแวตต์ (Sean Savett) แถลงอ้างว่า “แนวปฎิบัติที่ออกมาเมื่อต้นปีนี้ไม่ได้ตอบโต้ไปที่คนหนึ่งคนใด หรือประเทศ และไม่ใช่ภัยคุกคาม”
    .
    และเสริมว่า “พวกเราได้แสดงความวิตกซ้ำเกี่ยวกับคลังแสงที่เพิ่มขึ้นของรัสเซีย (จีน) และ (เกาหลีเหนือ)”
    .
    และกล่าวต่อว่า “แนวปฎิบัติล่าสุดสร้างขึ้นในสิ่งที่ออกมาจากหลายรัฐบาลก่อนหน้าและเป็นเหมือนความต่อเนื่องมากกว่าการเปลี่ยนแปลง”
    .
    เดอะการ์เดียนนรายงานว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการป้องปรามเกิดขึ้นจากการเร่งสะสมคลังแสงนิวเคลียร์อย่างรวดเร็วของ “จีน” ที่จะแข่งกับขนาดและความหลากหลายต่อคลังแสงของทั้ง “สหรัฐฯ” และของ “รัสเซีย” ภายใน 10 ปีข้างหน้า
    .
    ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เคยข่มขู่ที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนมาแล้ว
    .
    ประธานาธิบดีไบเดนอนุมัติการแก้ไขทางยุทธวิธีที่เรียกว่า “แนวทางการใช้นิวเคลียร์” (the nuclear employment guidance) เมื่อมีนาคมปีนี้ อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส แต่การแจ้งแบบไม่ปิดลับต่อการเปลี่ยนแปลงทางนโนยบายยังไม่ได้ปรากฎต่อรัฐสภาสหรัฐฯ
    .
    ในการรายงานของนิวยอร์กไทม์สได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงทำเนียบขาว 2 คนก่อนหน้าได้รับอนุญาตให้เปิดเผยอย่างเป็นในเกี่ยวกับการแก้ไขนโยบายนิวเคลียร์สหรัฐฯ
    .
    ความวิตกกังวลมากขึ้นหลังทั้งจีนและรัสเซียต่างร่วมมือทวีคูณทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ และเพิ่งเดือนที่แล้วเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลได้บินลาดตระเวนคู่กันใกล้รัฐอะแลสกาถือเป็นครั้งแรกและฝึกยิงแบบใช้กระสุนจริงในการซ้อมรบในทะเลจีนใต้เพื่อแสดงแสนยานุภาพ
    .
    ผู้สนใจสามารถชมคลิปเพิ่มได้...https://mgronline.com/around/detail/9670000077567

    https://www.facebook.com/share/p/kPAk2reqRNhFDJTq/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อึ้ง! ผู้ประกาศชายจีนของ NHK โพล่งเรียก “หมู่เกาะเซ็งกากุ ” เป็นของ "จีน" กลางอากาศ สถานีฉุนขาดรีบขออภัยต่อผู้ชมแทบไม่ทัน
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเจนซีส์ – NHK ของญี่ปุ่นรีบออกมาขออภัยต่อสาธารณะหลังผู้ประกาศชาวจีนวัยราว 40 ปีอย่างคาดไม่ถึงเรียกหมู่เกาะเซ็งกากุเป็นดินแดนของจีนในรายการข่าววิทยุต่างประเทศ NHK เมื่อวันจันทร์(19 ส.ค) เป็นการพูดนอกสคริปต์นานราว 20 วินาที
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันพุธ(21 ส.ค)ว่า สถานี NHK ของญี่ปุ่นต้องออกมาขออภัยต่อสาธารณะหลังจากหนึ่งในทีมงานได้กล่าวว่า "หมู่เกาะเซ็งกากุ" ที่เป็นดินแดนพิพาทระหว่างญี่ปุ่นและจีนในทะเลจีนตะวันออกเป็นดินแดนของจีน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ไมอิจิ ชิมบุน
    .
    ซึ่งหมู่เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนพิพาทระหว่างญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน หมู่เกาะเซ็งกากุมีชื่อว่า หมู่เกาะเตียวหยูในจีน และชื่อ หมู่เกาะเตียวหยูไทในไต้หวัน หมู่เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้และอยู่ในความครอบครองของญี่ปุ่น
    .
    เรื่องเกิดในรายงานข่าววิทยุ "โลกและญี่ปุ่นและรายการวิทยุช่อง 2" (NHK World-Japan and Radio 2 channels) ของ NHK วันจันทร์(19) ผู้ประกาศชายชาวจีนวัยราว 40 ปีซึ่งถูกว่าจ้างโดยบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เขาทำหน้าที่แปลข่าวและอ่านออกอากาศของ NHK มาตั้งแต่ปี 2002 ได้พูดออกอากาศนอกสคริปต์ที่ตกลงเป็นเวลา 20 วินาทีสร้างความตกใจไปทั่ว
    .
    โดยไมอิจิ ชิมบุนรายงานว่า ผู้ประกาศได้กล่าวระหว่างออกอากาศสดว่า หมู่เกาะเซ็งกากุที่อยู่ในการครอบครองของญี่ปุ่นว่า "เป็นของจีน"
    .
    รายการวิทยุออกอากาศในช่วงบ่ายสำหรับผู้ฟังที่พูดภาษาจีนในญี่ปุ่นและในต่างประเทศ ผู้ประกาศชาวจีนแสดงความเห็นเกี่ยวกับหมู่เกาะเซ็งกากุหลังเขาอ่านรายงานข่าวศาลเจ้ายาสุกุนิที่อื้อฉาวโดนมือดีพ่นสีสเปรย์คำหยาบคาย
    .
    สื่อภายในประเทศญี่ปุ่นคาดว่า หลังเหตุที่เกิดขึ้นผู้ประกาศรายนี้อาจถูกสั่งให้ออกจากงาน โดย NHK ได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปยังบริษัทนายจ้างผู้ประกาศจีนรายนี้ทันที
    .
    ในแถลงการณ์ขออภัยจาก NHK มีใจความว่า
    .
    “มันเป็นสิ่งไม่สมควรต่อข้อความนั้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวได้ถูกออกอากาศและทางเราขออภัยเป็นอย่างสูง”
    .
    และ NHK ยืนยันว่าจะใช้มาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต

    https://www.facebook.com/share/p/okcbVZ2fhDKPAvU4/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความเคลื่อนไหวของวอชิงตันในการแพร่กระจายความหวาดกลัวที่มีต่อคลังแสงนิวเคลียร์ของปักกิ่ง เป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง จากเสียงตอบโต้ของ เหมา หยิง โฆณกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเมื่อช่วงกลางสัปดาห์

    ทั้งนี้ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานเมื่อวันอังคาร(20ส.ค.) ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้อัพเดทอย่างลับๆ "แนวทางการใช้นิวเคลียร์ของประเทศ(the nuclear employment guidance)" หันไปมุ่งเน้นที่จีนเป็นพิเศษ

    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในวันพุธ(21ส.ค.) เหมา บอกว่าปักกิ่ง มีความกังวลใหญ่หลวงต่อรายงานดังกล่าว "สหรัฐฯเรียกจีนว่าเป็นภัยคุกคามนิวเคลียร์ และใช้มันเป็นข้ออ้างสำหรับอเมริกา ในการละทิ้งพันธสัญญาของพวกเขาที่มีต่อการปลดอาวุธนิวเคลียร์" เธอกล่าว

    เหมา บอกว่าขนาดคลังแสงนิวเคลียร์ของจีน "ไม่ได้ใกล้เคียงอยู่ในระดับเดียวกับสหรัฐฯ" พร้อมเน้นย้ำว่า "ปักกิ่งทำตามนโยบาย ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อนและคงไว้เสมอซึ่งแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ในระดับต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ และจีนไม่มีเจตนามีส่วนร่วมใดๆกับรูปแบบใดๆของการแข่งขันสะสมอาวุธกับรัฐอื่นๆ"

    "มันเป็นสหรัฐฯเองที่เป็นแหล่งบ่อเกิดหลักของภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ และความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์ในโลกใบนี้" โฆษกหญิงระบุ

    ในปี 2023 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) คาดการณ์ว่า จีน จะมีคลังแสงหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถใช้งานได้ เพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็นกว่า 1,000 หัวรบภายในปี 2030 ในขณะที่ปัจจุบันอเมริกามีหัวรบนิวเคลียร์ 5,550 หัวรบ และรัสเซียมี 6,255 หัวรบ อ้างอิงข้อมูลที่เผยแพร่โดยสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม

    ทำเนียบขาวปฏิเสธความกังวลของจีน โดยทางโฆษกชี้แจงการแก้ไขยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของสหัฐฯ ว่าเป็นการอัพเดทเป็นประจำ "ไม่ได้ตอบโต้องค์กรหรือประเทศไหนๆ หรือภัยคุกคามใดๆ"

    อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้คำจำกัดความจีนซ้ำๆ ว่าเป็น "ภัยท้าทาย" ต่อสันติภาพโลก และกล่าวหาปักกิ่งบีบบังคับทางเศรษฐกิจและด้านการทหาร ในทางกลับกัน จีน กล่าวโทษสหรัฐฯ สำหรับความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตัน ละทิ้ง "แนวคิดแบบสงครามเย็น"

    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)

    https://www.facebook.com/share/p/gBzxmN3y3CfA3wpZ/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,663
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1724413330789.jpg


    20 นาที ที่ลงมือทำดีกว่า 20 ชั่วโมง ที่เอาแต่นั่งคิด

    Mike Tyson กล่าวไว้

    #BizTMR #BusinessTomorrow #QUOTE #QUOTEOFTHEDAY #คำคม #ข้อคิดชีวิต
    https://www.facebook.com/share/p/nxYYNQoYHThUEXAb/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...