ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse and Tatoott1009

    [​IMG]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rE7QRrVdUB0&feature=player_embedded]4MIN News November 26, 2013 COMET ISON MOVIE UPDATED - YouTube[/ame]

    4MIN News November 26, 2013 COMET ISON MOVIE UPDATED - YouTube

    Update - November 26, 2013

    Jakub Černý:

    No good news from STEREO-A.
    ข่าวไม่ดีจาก STEREO-A

    Matthew Knight has sent me his photometry of spacecraft images to 15UT 25. Nov. คุณ Matthew Knight
    ได้ส่งผลการวัดระดับความเข้มแสงของภาพจากยานอวกาศ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 เวลา 22.00น.

    They well corresponds to latest visual observations. After strong fade, comet has started to gaining brightness again.
    จากการสังเกตภาพล่าสุด หลังจากที่ความสว่างของดาวหางได้ลดลงไปเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดาวหางได้เริ่มต้นที่จะสว่างขึ้นอีกครั้ง

    Unfortunately with speed far bellow (n=0.66) brightening for simple reflecting body (n=2). เป็นสิ่งที่ไม่ดีนักที่ Speed far bellow (n=0.66) สำหรับ simple reflecting body (n=2)


    If we assume that all brightness coming from dust cloud, there is nothing inside coma that can resupply dust to coma at least on same level.
    ถ้าเราสมมุติว่าความสว่างทั้งหมดมาจากเมฆฝุ่นละอองของดาวหาง ไม่มีสิ่งใดภายในกลุ่มเมฆล้อมรอบส่วนหัวของดาวหาง. ก็ควรที่จะมีการชดเชยฝุ่นให้กลุ่มเมฆล้อมรอบหัวของดาวหางอย่างน้อยก็ควรจะในระดับเดียวกัน

    What is worst, deviation from average activity level keep growing. อะไรเป็นสิ่งที่ผิด ความเบี่ยงเบนจากระดับการดำเนินการเฉลี่ยที่ควรเป็นยังคงเพิ่มขึ้น

    Such characteristic more corresponds to slowly scattering dust cloud, then intact comet.อย่างมากซึ่งลักษณะดังกล่าวสอดคล้องกับการกระจายตัวออกของเมฆฝ่นของดาวหางอย่างช้าๆ. ช้ากระจายเมฆฝุ่นดาวหางครบถ้วนแล้ว ดังนั้นดาวหางก็ไม่บุบสลายเลย
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    ใครๆ ก็หลีกทางให้ดาวหาง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ถ้าข้าฯ เป็นรัฐบาลจะไม่สลายการชุมนุมที่กระทรวงการคลังเป็นอันขาด เพราะนี้คือความผิดพลาดของพรรค ปชป.ต่อข้าราชการทั้งประเทศ คุณรู้ไหมที่ประเทศไทยเดินไปได้ทุกวันนี้ก็เพราะข้าราชการตั้งใจปฏิบัติงานตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประเทศชาติ การที่ประเทศไทยมีความวุ่นวายมีความขัดแย้งแต่ประเทศก็เดินไปได้ ก็เพราะข้าราชการ ทีตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่มาจากนักการเมือง
     
  4. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    คนที่ไปร่วมชุมนุมไม่ได้ไปเพราะปชปครับ แต่ไปเพราะทนเห็นควาทุเรจของรัฐบาลและสสพรรคเพื่อไทยไม่ไหว ถ้าคุนสุเทพถูกจับได้อันนี้รัฐบาลโง่สนิทเพราะคนที่ร่วมชุมนุมมีคนที่พร้อมขึ้นเป็นแกนนำเยอะมาก ระดับปวช ปวส ตรี โท เอก เต็มไปหมด แล้วถ้ามีคนตายจากการที่ตำรวจใช้ปืนเถื่อนยิงผู้ชุมนุม อันนี้ยิ่งโง่หนักกว่า เพราะคนจจะเปลี่ยนวิธีการใหม่ประเทศจะเสียหายหนักหุ้นทุกตัวตกกราวรูดเศรษฐกิจพังแน่นอน แต่รัฐบาลนี้พร้อมที่จะทำอะไรๆแบบโง่ๆอยู่แล้วเหมือนที่เคยทำมา ความคิดอ่านมีได้แค่นี้เอง
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เผยหลักฐานใหม่ ไขความลับช่วงเวลาประสูติพระพุทธเจ้า
    วันนี้(26 พ.ย.) เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค รายงานว่าที่มหาวิหารมายาเทวี ในสวนลุมพินี ทางภาคใต้ของเนปาล ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า นักโบราณคดีนานาชาติได้ขุดค้นพบเจดีย์ไม้โบราณที่อยู่ภายใต้ซากมหาวิหารที่สร้างขึ้นจากอิฐ

    รูปทรงของเจดีย์ไม้ดังกล่าวคล้ายกับวิหารของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ถูกอิฐครอบไว้ โดยภายในมีช่องว่างพื้นที่โปร่ง คล้ายจะเป็นเจดีย์ที่ครอบต้นสาละ ต้นไม้ที่พระนางสิริมหามายาให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ

    หลักฐานดังกล่าวสันนิษฐานว่าจะช่วยยืนยันช่วงเวลาการประสูติของพระพุทธเจ้าตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ โดยทีมวิจัยเชื่อว่า พระพุทธเจ้าอาจประสูติก่อนหน้ายุคสมัยตามความเชื่อถึง 200 ปี เนื่องจากเทคนิควิทยาศาสตร์ระบุว่า เจดีย์ไม้ดังกล่าวสร้างขึ้นก่อนคริสตกาลถึง 600 ปี

    รายละเอียดของการค้นพบและงานวิจัยครั้งนี้จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีชื่อ “Buried Secrets of the Buddha” หรือ “ความลับของพระพุทธเจ้าที่ฝังไว้” เปิดเผยพร้อมกันทั่วโลก ในปีหน้า
    MthaiNews (รูปภาพ 4 รูป)
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อ้างอิง
    เผยหลักฐานใหม่ ไขความลับช่วงเวลาประสูติพระพุทธเจ้า
    วันนี้(26 พ.ย.) เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค รายงานว่าที่มหาวิหารมายาเทวี ในสวนลุมพินี ทางภาคใต้ของเนปาล ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า นักโบราณคดีนานาชาติได้ขุดค้นพบเจดีย์ไม้โบราณที่อยู่ภายใต้ซากมหาวิหารที่สร้างขึ้นจากอิฐ

    รูปทรงของเจดีย์ไม้ดังกล่าวคล้ายกับวิหารของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ถูกอิฐครอบไว้ โดยภายในมีช่องว่างพื้นที่โปร่ง คล้ายจะเป็นเจดีย์ที่ครอบต้นสาละ ต้นไม้ที่พระนางสิริมหามายาให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ

    หลักฐานดังกล่าวสันนิษฐานว่าจะช่วยยืนยันช่วงเวลาการประสูติของพระพุทธเจ้าตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ โดยทีมวิจัยเชื่อว่า พระพุทธเจ้าอาจประสูติก่อนหน้ายุคสมัยตามความเชื่อถึง 200 ปี เนื่องจากเทคนิควิทยาศาสตร์ระบุว่า เจดีย์ไม้ดังกล่าวสร้างขึ้นก่อนคริสตกาลถึง 600 ปี

    รายละเอียดของการค้นพบและงานวิจัยครั้งนี้จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีชื่อ “Buried Secrets of the Buddha” หรือ “ความลับของพระพุทธเจ้าที่ฝังไว้” เปิดเผยพร้อมกันทั่วโลก ในปีหน้า
    MthaiNews

    *********************************************************************************

    ขณะนี้การตีความเพื่อหาปี พ.ศ.ที่แท้จริง ได้มีการพูดกันว่ามีการคลาดเคลื่อน และจากข้อมูลเดิมที่มีการวิเคราะห์ เพื่อหาปี พ.ศ. ที่แท้จริง ตามพุทธทำนายที่เราได้อ่านกันมา ได้บอกว่าปัจจุบันได้มีการบอกปี พ.ศ.ล่าช้าไป 48 ปี แต่จากข้อมูลที่ได้ค้นพบใหม่ ที่ทางทีมวิจัยเชื่อว่า “พระพุทธเจ้าอาจประสูติก่อนหน้ายุคสมัยตามความเชื่อถึง 200 ปี “ แสดงว่าปี พ.ศ.ควรจะบวกเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 200 ปี ไม่ใช่ 48 ปี ปี พ.ศ. ในขณะนี้ควรเป็น 2756

    *********************************************************************************
    ข้อมูลเพิ่มเติม
    เรื่องที่ 1
    พุทธทำนาย
    (วันล้างโลกอธรรม พ.ศ. 2556 ค.ศ. 2013)
    พุทธทำนายที่นำมาลงที่เวบ metteya.org นี้เป็นต้นฉบับ แต่จะไม่ถือว่าถูกหรือถือว่าผิด ขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะพิจารณากันเอง

    ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เมื่อ พ.ศ. 2540 มีท่านเจ้าคุณฯ วัดบวรนิเวศวิหาร หรือ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และผู้ใหญ่ระดับสูงหลายท่าน และอาจารย์ที่จุฬาฯ ได้จัดทำตามฉบับที่ไปคัดลอกมาจาก ประเทศอินเดีย และ metteya.org จะแสดง พ.ศ. ตามด้วยปี ที่แก้ไขแล้วกำกัับไว้ด้วย

    สำหรับการแปลความหมายในตัวบทพุทธทำนาย อาจไม่เหมือนของท่านอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจของทาง metteya.org ในการจัดทำเอง ซึ่งท่านใดนำข้อมูลไปใช้ ขอได้ทบทวนตามอัธยาสัย

    การทำความเข้าใจพุทธทำนาย จำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่สมัยที่พระพุทธองค์ยังมีพระชนชีพอยู่ และเหตุการณ์ในปัจจุบันตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสช่วงเวลาต่างๆ ที่จะเกิดเหตุกาณ์นั้นๆขึ้น แต่สิ่่งหนึ่งที่ท่านผู้อ่านควรยอมรับข้อเท็จจริงในเรื่องภาษาที่ใช้ เขียนในสมัยพระพุทธเจ้าอยู่นั้น เป็นภาษาเก่าที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาหลายทอดหลายสมัย กว่าจะมาถึงปัจจุบัน ความชัดเจนของการแปลความอาจ ไม่ตรงทีเดียวกับความเข้าใจดั้งเดิม ซึ่งความจริงนี้จะเห็นได้ว่า แม้แต่การแปลความจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งในปัจจุบันด้วยกัน ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้

    นอกจากนี้ พระผู้มีพระภาคยังตรัส ถึงช่วงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ขึ้นในปัจจุบันนี้ โดยนับจากเวลาที่ี่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว (พ.ศ.) ฉะนั้น จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อนว่า ที่องค์การวิชาการทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์หลายแห่ง ทำไมบ่งว่า พ.ศ. ไทยยังไม่ถูกต้อง ฉะนั้นจะต้องหาความเป็นจริงว่า พ.ศ. ไทยผิด-ถูกอย่าไร แค่ไหนก่อน

    เพื่อให้เห็นความชัดเจนในเรื่อง พ.ศ. จะนำเอาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ยกมาเป็นตัวอย่างว่า ไม่มีความตรงกันดังนี้
    1. UNESCO agrees with the fact that Siddhartha Gautama was born in 623 B.C (์Nirvana 543 BCE)
    2. The Cambridge and Oxford histories of India accept 483 B.C as the date of Buddha’s nirvana. He was 80 years old when he died, so this puts his birth year at 563 BCE
    3. In January 2006 an Indian historian challenged the historical assertion that Buddha was born between 560-624 BCE. He cites evidence that Buddha was born in 1887 BCE
    อ้างอิง: http://harshaindrasena.blogspot.com/2010/03/date-of-birth-of-lord-buddha.html

    การวิเคราะห์พุทธศักราช ไทยว่าผิด-ถูกอย่างไร
    การที่ พ.ศ.ไทยใช้ 543 + กับปี ค.ศ. นั้นมีหลักฐานปรากฏอยู่ในสีหฬภาษาไหม่จริง แต่ไมมีปรากฏในสีหฬภาษาเก่า เรื่องนี้อาจเป็นข้อมูลหนึ่งที่องค์การวิชาการด้านพุทธศาสนาและประวัติ ศาสตร์นั้นๆ ยกขึ้นเป็นประเด็นไม่ยอมรับ พ.ศ. ไทย ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีหลักฐานอื่นๆ ที่ขัดแย้งกับ พ.ศ. ไทย

    สำหรับเรื่อง พศ. ที่เวบ metteya.org มี ปธ.๙ และ อาจารย์หลายท่าน ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในพระไตรปิฎก เรื่องราวในพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์อินเดียและกรีก หลักฐานโบราณคดีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว สรุปงานการวิจัยว่า พ.ศ. ที่ควรมีความถูกต้องเป็นเช่นไร และได้ทดลองนำไปใช้ในพุทธทำนาย เห็นว่ามีความสอดคล้องกันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันจริง มีความเป็นเหตผล นอกจากนี้ยังมีความสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของมายันและอเมริกันอินเดียนเมื่อ ประมาณ 3000 ปีมาแล้ว และยังสอดคล้องกับคำทำนายโลกอื่นๆ เกี่ยวกับการมาปรากฏของพระธรรมมิกราช ทำให้เกิดศรัทธาในพุทธทำนายยิ่งขึ้น แต่เรื่องนี้ใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

    การวิเคราะห์ พ.ศ. ไทย มีหลายวิธี จะขอยกตัวอย่างการวิเคราะห์์โดยหา พ.ศ. ที่แท้จริงด้วยการใช้นับจากเวลาของการสังคยานาดังนี้

    ขอเริ่มด้วยการสังคายนาครั้งที่ 3 กระทำหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ไปแล้ว 234 หรือ 235 ปี หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช ขึ้นตรองราชแล้ว 16 - 17 ปี หรือสรุปว่า 218 ปี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน จากประวัติศาสตร์ของอินเดียและกรีกและในช่วงพระเจ้าอโศกมหาราช สรุปได้ว่าพระเจ้าอโศกมหาราชขึ้นครองราชประมาณ 269 BCE ฉะนั้นสรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานเมื่อ 487 BCE. โดยประมาณ

    และถ้าจะมีพุทธทำนายฉบับอื่นใดที่แตกต่างไปจากพุทธทำนายต้นฉบับนี้ เวบ metteya.org ไม่ขอแสดงข้อคิดเห็นใดๆ

    เนื้อเรื่องพุทธทำนาย*
    โดยที่คณะธรรมทูตไทย ผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ( ไม่ต้องปรับแก้ ) ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้ "สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ไกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

    ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่ตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ ( คือ ก่อนปี ๒๕๐๐ ปี หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง ( สิ่งนี้ถ้าจะเดา น่าจะหมายถึง ก่อนปี พ.ศ. 2548 มาแล้ว ผู้คนครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง )

    พ.ศ. 2533 – 2563 : ช่วงในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป ( คนไม่ดี มีจิตใจเช่นยักษ์ ) ให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะรบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต
    ( อธิบาย : ผูู้้มีพระภาคตรัสเกี่ยวกับก่อนกึ่งพุทธกาล หรือปี 2500 หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ผู้คนนอกศาสนาพุทธ ได้สู้รบกัน และที่รู้จักดีคือทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้การต่อสู้ทางอากาศ มีลูกระเบิดจากเครื่องบินทำให้เกิดเป็นเพลิงเผาพลานไปทั่ว ทางพื้นน้ำก็มีการสู้รบกันทางเรือ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นอันมาก และแล้วก็เลิกรากัน )

    ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิม วัจนะของตถาคต ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และ กาสาวพัสตร์จะได้รับวิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น ( พระผู้มีพระภาคตรัสถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า มนุษย์ต้องเผชิญภัยพิบัติต่อไป )

    เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี ( พ.ศ. 2533 ) เป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม ( อธิบาย : พระสงฆ์ ครูอาจารย์ทางพุทธศาสนาเสื่อมลงตามทีพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศาสนาและลัทธิอื่นเข้ามาเผยแพรในแดนพระพุทธศาสนา่ เดียรถีย์เพิ่มพูล ) สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ( จากการวิเคราะห์ อาจเดาว่า พระผู้มีพระภาคน่าจะตรัสถึง สมณชีพราหมณ ที่ประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะอดยากยากเข็ญ เพราะไม่มีผู้นิยม ) คนบ้านจะเข้าป่า ( อธิบาย : คนในเมืองบุกรุกป่า มีทั้งจับจองที่ดิน และหาผลประโยชน์จากป่า ) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง ( สัตว์ป่าไม่มีทีหากิน เข้ามาหากินตามไร่สวนรบกวนผู้คน ) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ ( เกิดมลพิษต่างๆ )

    สงครามจะทั่วทิศ ( สงครามในรูปแบบต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ) ศึกจะติดเมือง ( สงครามนั้นๆ อยู่ในเมืองนี่เอง ) ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ( คอร์รัปชั่นจักเกิดมาก ) ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ( คนดีมีวิชาความรู้ไม่มีปากเสียง ) ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาต ( อธรรมจะได้รับการยกย่อง เชื่อถือ )

    ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง ( แต่ผู้ยึดถือพระธรรมะจะเป็นใบ้ ) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก ( ลูกและพ่อแม่จะแยกกันอย ู่) โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่งผีเสื้อแสนหนึ่งมาปล่อยแสนหนึ่งมาปล่อย ไข้เป็นไฟผลาญ ( สรุปว่าเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยสิ่งไม่ดีต่างๆ นาๆ )

    ( ในส่วนต่อไปนี้ ได้สรุปมาจากการศึกษาพระสูตรและเรื่องราวเกี่ยวกับพระศรีอาริยเมตไตรย [ พระศรีอารย์ ] และคำพยากรณ์ต่างๆ ซึ่งกล่าวไว้ตรงกัน ซึ่งการวิเคราะห์สรุปได้ว่าเป็นทางสองแพร่ง ซึ่งตรงกับการทำนายของโลก ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว )

    ทางสองแพร่งเป็นอย่างไร ที่ได้มาจากการวิเคราะห์วิจัยตามหลักฐานและวิชาการ สรุปคือ

    1. ทางที่หนึ่งเกิดสันติสุขขึ้น โดยการนำของพระศรีอารย์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในส่วนต่อไป พระศรีอารย์เป็นพระจักรพรรดิ ไม่ใช่ศาสดา ศาสนาพระศรีอารย์จึงไม่มี พระ ศรีอารย์จะมานำผู้คนสร้างสันติสุข และช่วยให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ทุกคนจักมีกินมีใช้ มีที่อยู่อาศัยไม่ลำบาก กิจการงานก็ไม่ต้องแข่งขัน มีการชวยเหลือซึ่งกันและกันตามพรหมวิหาร 4 เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนก็จะทำอะไรไม่รีบร้อน ไม่ต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ( ตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า "คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน" ) ทุกคนมีสติ มีสมาธิ เกิดปัญญากันทั่วหน้า เพื่อการปรับเข้าสู่ยุคทองที่มีคนดีทั้ง 4 ส่วน เหตุการณ์นี้จักเกิดอย่างช้าสุดในปี พ.ศ. 2555 ถ้าสิ่งดีงามไม่เกิดในปีนี้ ปี พ.ศ. 2556 ก็จะเกิดโลกาวินาศ ซึ่งคำทำนายโลกต่างๆ และมายันยังทำนายละเอียดถึงวันโลกาวินาศไว้ที่ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งคงไม่ได้ต่างอะไรมากนักกับปี พ.ศ. 2556 ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เรื่องนี้ไม่สนับสนุนให้ใครเชื่อ แต่นำมาแสดงไว้ตามข้อมูลของพุทธทำนาย

    2. ทางที่สอง ถ้าผู้้คนไม่สนใจการมาปรากฏของพระศรีอารย์ ก็จะเกิดโลกาวินาศขึ้นบนโลก ในปี พ.ศ. 2556
    ( ทำไมถึงต้องเกิดโลกาวินาศ การเป็นเช่นนี้เพราะคนในปัจจุบัน มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ของประชากรโลก ดังนั้นโลกาวินาศทจะเกิดขึ้นเพื่อล้างโลก ล้างคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม และคัดเฉพาะคนดีเข้าสู่ยุคทอง นอกนั้นจะถูกส่งไปนรกภูม [ เรื่องดังมีกล่าว มีในพยากรณ์ของโลกที่สามารถค้นหาเองได้ ทั้งทั้งของมายัน และของศาสนาต่างๆ ที่ได้กล่าวไว้ตรงกัน จนเป็นที่น่าสังเกตุว่า ทำไมคำทำนายเหล่านี้ต่างทั้งเวลาและสถานที่ ถึงได้กล่าวเป็นคำทำนายไว้ตรงกัน ] )

    เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๐๗ ( ปีมะโรง พ.ศ. 2555 ) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน ( ดังได้อธิบายไว้เบื้องต้นแล้ว )

    ล่วงได้ ๒๕๐๘ ( ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556 ) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ( น่าจะเกิดโลกาวินาศ ถ้าผู้คนไม่สนใจพระศรีอารย์ และมนุษย์ยังถูกซ้ำเติมต่อไปในปี พ.ศ. 2560 ผู้มีศีลธรรมจะอยู่รอด )

    ล่วงได้ ๒๕๑๒ ( ปีระกา พ.ศ. 2560 ) เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคตจะพ้นภัยพิบัติ
    ให้ เจริญภาวนาดังนี้ "หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติ โหตะถิ โหคะหะคะเน" ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ ให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาวปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศรีษะไว้ สารพัดภัยพินาศ สันติประสิทธิ์

    ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้นที่มีอายุขัยอยู่ได้ไกล้ยุคกึ่งยุคลลาย

    เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๑๒ ( ต่อจากปลายปีระกา ปีจอ พ.ศ. 2560 ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ ( ปีชวด พ.ศ. 2563 ) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี ( จาก พ.ศ. 2533 - 2563 ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ( เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2563 )

    ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ( ตรงกับพยากรณ์อื่น เช่นในระหัสลับดาวินซี ) ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก

    ส่วนนี้พระผู้มีพระภาคตรัสถึง พระมหาเถรโพธิิสัตว์ และพระธรรมมิกราช ดังมีความดังนี้

    มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์ องค์หนึ่งจะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ( การตีความ แสดงว่า พระธรรมมิกราช นั้นอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหาเถรโพธิสัตว์ ) ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคต ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" ( ตรงคำทำนายโลกอื่นๆ และสมเด็จพุทฒาจารย์ [ โต ] พรหมรังสี )

    พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิดในสมัยของตถาคตล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี (พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแสดงถึงความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ และในเวลาปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 และในเวลาปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหาเถรโพธิสัตว์โดยสมบูรณ์)

    เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ ( พ.ศ. 2515 - 2534 ) พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิด (ท่านอินทรา คนไทยในพุทธศาสนา มีถิ่นฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อธิฐานบุญอันแรงกล้าในปี พ.ศ. 2534 และท่านอินทรารู้อมตธรรมด้วยตนเอง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 หลังค้นหามากว่า 40 ปี จึงนับว่าพระธรรมมิกราช ได้เกิดขึ้นแล้ว )

    ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศ ( อธิบาย : พระโพธิสัตว์สองพระองค์จะอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชณิมประเทศ หรือกล่าวได้ว่าเป็นไปในภาคกลางของประเทศเขตชมพูทวีป หรือทวีปของพระพุทธศาสนา มาทางทางตะวันออกที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมืองที่ประทับดังกล่าวคือ กรุงเทพมหานครฯ ของประเทศไทย )

    ระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ( พ.ศ. 2561 – 2562 เหล่าประชาราษฎรขอถวายพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จงพระองค์จงทรงพระเจริญ ทรงมีพระพลามัยที่แข็งแรงขึ้นเป็นพระประมุขของแผ่นดิน ยิ่งยืนนานตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ ) ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้สมณชีพราหมณ์ จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

    ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที ( ยกของเดิมมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 - 2563 = 30 ปี ) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก ( นี่ี่คือคำตอบ "เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที" เพราะพวกไม่มีศีลธรรมได้หมดไปจากโลกหมดแล้ว )

    คำทำนายของตถาคตนี้ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ใน ความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ หรือไม่เชื่อ ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อ ๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ ให้รักษา ศีลห้าประการหนึ่ง ยำเกรงบิดามารดา รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณหนึ่ง ให้เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพหนึ่ง คาถาว่าดังนี้

    พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา นโมสัพพราชา ขัตติโย อิติ ปารมิตา ตึสา อิติ สัพพัญญุมาคตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จ เต นโม"

    เรื่องที่ 2
    พระศรีอารย์ ที่ศาสนาและลัทธิสำคัญๆของโลกยอมรับ มีพระองค์จริง จะปรากฏในปัจจุบัน เพื่อสันติสุขและเสรีภาพที่แท้จริงของมนุษยโลก โปรดดูวีดีโอตอนท้าย ท่านจะเข้าใจตามหลักฐานว่าพระศรีอารย์ควรมีจริง ขอบคุณ
    สรุปที่มาของเรื่องพระศรีอารย์ (พระจักรพรรดิ) ด้วยข้อเท็จจริง มีที่มาที่ไป
    ผู้เขียนใช้เวลากว่า 16 ปี ศึกษาเรื่องพระศรีอารย์หรือพระศรีอาริยเมตไตรย์ตามความเชื่อของพุทธศาสนา ศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกด้วยหลักฐานและเหตุผล ไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เกี่ยวข้อง และยังได้ศึกษาคำทำนายของผู้มีญาณวิเศษ เช่น นอสตราดามุส (นอสตระดามัส) สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นต้น ข้อมูลส่วนใหญ่ค้นคว้าจากตำราของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ คำภีร์ต่างๆ และหนังสือที่มีคุณค่าต่อการศึกษา เป็นต้น แล้ววิเคราะห์ความคล้ายกัน การสนับสนุนกัน ความต่อเนื่อง ความเป็นไปได้ของแต่ละข้อมูลและเรื่องราว เพื่อสรุปให้ผู้อ่านเข้าใจได้
    พระศรีอารย์ หรือพระจักรพรรดิ ที่ชนชาติอื่นๆรู้จักตามภาษาของตนของตน

    ท่านพุทธทาสภิกขุผู้ที่องค์การยูเนสโกให้การยกย่อง ได้กล่าวถึงพระศรีอารย์ไว้ว่าเป็นที่ยอมรับของทุกๆศาสนาได้ชัดเจน คำว่าพระศรีอารย์หรือพระศรีอาริยเมตไตรย หรือจะเขียนอ่านอย่างไรตามความถนัดของคนไทย ก็เป็นคำที่มาจากพระไตรปิฎก คือ "พระเมตไตรย" (คำสันสกฤตว่า Maitreya แปลว่าผู้เป็นเพื่อนแท้) ถ้าเป็นภาษาบาลี ตามภาษาเขียนจะเป็น เมตเตยฺย (Metteyya) ถ้าเป็นภาษาอ่านคือ เมตฺเตย (Metteya)

    เรื่องพระศรีอารย์ในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นเมื่อไร
    ในครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงพำนักอยู่ใกล้ริมฝั่งน้ำโรฮานิไม่ห่างจากกรุงกบิล พัสดุ์ พระสารีบุตรได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคโดยอยากทราบเกี่ยวกับพระจักรพรรดิ ที่จะปรากฏในอนาคต ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสตอบถึงภัทรกัปหรือกัปอันประเสริฐในปัจจุบันของมนุษยโลก ซึ่งมีพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์ โดยก่อนหน้าตถาคตมีมาแล้ว 3 พระองค์คือ กกุสันธะ โกนาคมน์ กัสสปะ และขณะนี้คือตถาคตที่เป็นพระพุทธเจ้าโคตมโดยสมบูรณ์ ต่อไปจะเป็นไมเตรยะ (สันสกฤต) หรือพระศรีอารย์ (คนไทยรู้ัจัก) ที่อยู่ในกัปเดียวกันนี้และพระพุทธศาสนาจะอยู่ไปจนสิ้นสุดของกัป (สรุปมาจากอนาคตวงศ์)

    คำถามและคำตอบที่ผู้มีเหตุผลควรเข้าใจได้
    เรื่องของพระจักรพรรดิมิใช่มีเฉพาะแค่ที่พระผู้มีพระภาคตรัส แต่มีอยู่ในตำนานของศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก คำถามว่า ทำไมทุกศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกมีเรื่องราวของพระจักรพรรดิเหมือนๆกัน ทั้งๆที่แต่ละศาสนาและลัทธินั้นๆมีคำสอนด้านธรรมะต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ยึดในพระผู้เป็นเจ้า หรือไม่ยึดถือ ล้างบาปได้ หรือล้างบาปไม่ได้

    คำตอบที่ควรเข้าใจได้ง่ายๆก็คือ เมื่อพระศรีอารย์พระองค์จริงเป็นที่ยอมรับของผู้คนในศาสนาหรือลัทธิที่ สำคัญๆของโลกปรากฏพระองค์ขึ้น ผู้คนทั่วไปย่อมยอมรับและเชื่อฟังการกระทำดีมีศีลธรรมที่มีความถูกต้อง ยุติธรรมของผู้คนทั้งโลกและสวรรค์ เกิดเป็นมาตฐานเดียว ไม่เหมือนในปัจจุบันที่ต่างคนต่างเชื่อ ทำกันไปคนละทิศทางโดยไม่ทราบว่าอะไรถูกผิดอย่างไร ฉะนั้นเรื่องเช่นนี้ผู้ที่จะตอบคำถามและพิสูจน์ความจริงได้ ก็ควรเป็นพระศรีอารย์ สำหรับความรู้ของเราๆที่มีอยู่ขณะนี้ ควรเป็นการคาดการเท่านั้น
    เรื่องพระศรีอารย์ละเอียดอ่อน ควรมีการวิเคราะห์เรื่องราวที่สามารถนำมาพิสูจน์กับหลักฐานความจริงได้ ซึ่งสรุปเป็นตัวอย่างดังนี้

    พระจักรพรรดิ
    เป็นเรื่องที่มีที่มาที่ไป มีมาก่อนพุทธกาลในต่างสถานที่ที่ห่างไกลกัน และไม่น่าจะลอกเรียนแบบกัน เช่น
    พุทธประว้ติ: อสิตะดาบสทำนายพระกุมาร ว่าถ้าออกผนวชจักเป็นศาสดาเอกพระองค์หนึ่งของโลก แต่ถ้าไม่ออกผนวชจักเป็นพระจักรพรรดิ ในวันต่อมา พราหมณ์แปดนายซึ่งได้รับเชิญจากพระเจ้าสุทโธทนะ เจ็ดนายได้ทำนายเช่นคำประกาศของฤๅษีอสิตะ เว้นแต่พราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะกล่าวว่าพระกุมารจะเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น ในพระราชพิธีนี้ พระกุมารทรงได้รับพระนามว่า "สิทธัตถะ" มีความหมายว่า "ผู้ที่สำเร็จตามปรารถนา" ต่อมาเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จึงยังมีพระจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่งที่จักปรากฏบนโลกนี้
    ก่อนพุทธกาล: ศาสนายูดา (Judaism) ซึ่งเป็นแม่บทของศาสนาคริสต์และอิสลาม มีความเข้าใจว่าโลกนี้มีผู้นำโลกอยู่สองพระองค์คือศาสดาพระองค์หนึ่งและมี พระจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่ง

    พระจักรพรรดิเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
    จากตำราทางพุทธศาสนา ลัทธิขงจื้อ ศาสนาอิสลาม และคำภีร์ไบเบิล เป็นต้น ได้ชี้ชัดว่า พระจักรพรรดิถึงแม้จะเป็นฆาราวาส แต่เป็นพระพุทธเจ้า (ผู้รู้เองโดยชอบ) โดยเฉพาะ อิสลาม (Nahjul Balagha, Sermon 141 and 187) บ่งไว้ตอนหนึ่งว่า "ถ้ามีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง พระจักรพรรดิจะป้องกันตนเองด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความรู้ที่สูงส่ง" สำหรับคำภีร์ไบเบิล บ่งถึงพระจักรพรรดิจะพิพากษามนุษยโลก

    พระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์ เป็นผู้ตัดแล้วซึ่งกามกิเลส เป็นผู้ไม่ยึดในโลกธรรม เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความสุขของผู้อื่น ไม่มีสาวก ลูกศิษย์ หรือไม่มีสมาชิก และสามารถสละชีวิตตนเพื่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริงแก่ผู้คนทั้งหลายได้
    ช่วงชีวิตของพระศรีอารย์
    200 ปีก่อนพุทธกาล Isaiah 53 ได้บ่งไว้ตอนหนึ่งว่า "ใครเล่าจะเชื่อเรื่องนี้ เพราะเขา (พระศรีอารย์) ไม่มีอะไรเป็นที่น่าสนใจ เขาถูกดูหมิ่นถูกปฏิเสธ เราไม่ได้ประเมินคุณค่าของเขา การที่เขามีทุกข์ร้อนก็เพราะพวกเรา (มนุษยโลก) มีบาป การที่เขามีมลทินมีความผิด ก็เพราะความไร้ศีลธรรมของพวกเรา เขาเป็นทุกข์ เสียใจ แต่เขานิ่งเฉยเสมือนลูกแกะที่ถูกนำมาบูชายัญ (ผู้รู้ทุกข์ย่อมรู้หนทางแก้ไข โปรดสังเกตุพระพุทธเจ้าโคตมก็ทรงทรมารพระองค์แทบเอาชีวิตไม่รอดก่อนที่จะ ตรัสรู้ได้) เขาต่อสู้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับผู้กระทำผิด โดยไม่ใช้ความรุนแรงแต่จะประวิงเวลาเพื่อความจริง ความสันติสุขของเราขึ้นอยู่กับเขา"

    นอสตราดามุส บ่งว่าพระศรีอารย์มีเวลาเหลือไม่นานที่จะสอนเราทั้งหลายผู้ช่วยเผยแผ่เรื่องพระศรีอารย์ หรือช่วยให้มีการพิสูจน์ความจริงทางทีวี ที่จะหลอกลวงไม่ได้ในเรื่องพระศรีอารย์ขึ้นเพื่อสันติสุขโลก เป็นผู้ต้องการทำดีเพื่อตนเองและผู้อื่น ย่อมเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ซึ่งผลการกระทำดีนี้จะเป็นมหากุศลแก่ตนในการสร้างบุญและบารมีที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดๆ

    สำหรับผู้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องพระศรีอารย์ผิดไปจากข้อเท็จจริงด้วยความ ตั้งใจ หรือเพื่อปกป้องความเชื่อของตน หรือเพราะไม่รู้จริง ย่อมได้รับบาปกรรมที่ตนกระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ความจริงจะถูกเปิดเผยเมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องพระศรีอารย์)

    พระศรีอารย์มีจริงหรือไม่
    พระพุทธเจ้าโคตมตรัสกับพระอานนท์ว่า พระธรรมมิกราช (ผู้ใช้ธรรมะชนะอธรรม) หรือพระศรีอารย์จะปรากฏในกึ่งพุทธกาลเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่ไปตลอด กัป หรืออยู่ถึง พ.ศ. 5,000 ก่อนโลกจะแตกสลาย ตามศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกก็มีคำทำนายต่างๆที่คล้องจองกัน ได้บ่งบอกว่าพระศรีอารย์มีพระองค์จริงในปัจจุบันนี้ แต่จะไม่ปรากฏพระองค์หรือแสดงตนต่อผู้คนทั่วไป การที่จะให้พระศรีอารย์ปรากฏได้ก็มีวิธีเดียวคือ ผู้คนทั้งหลายจะต้องพิสูจน์หาข้อเท็จจริง อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสในกาลามสูตร คือไม่ให้เชื่อไม่ว่าแบบไหนทั้งสิ้น นอกจากสิ่งนั้นจะเป็นกุศลกรรม ซึ่งการพิสูจน์หลักฐานความเป็นจริง นับว่าเป็นความยุติธรรมที่ดีที่สุดแก่ทุกๆฝ่ายและประชาชนทั่วไป
    สำหรับมีผู้กล่าวว่าพระศรีอารย์จะปรากฏในปี พ.ศ. 5,000 บ้าง เมื่อนั้นเมื่อนี้บ้าง ขอให้ศึกษาหาข้อเท็จจริงกันบ้าง ไม่ควรเชื่อ ไม่ควรกล่าวไปโดยขาดการศึกษา ขาดการวิเคราะห์พิจารณาด้วยหลักฐานความเป็นจริง

    สิ่งที่ควรคิดคือพระศรีอารย์ของทุกชาติศาสนานั้นเป็นบุคคลเดียวกัน และมีเพียงพระองค์เดียวที่จะปรากฏในปัจจุบัน สิ่งสำคัญยิ่งที่พระศรีอารย์จะต้องทำคือการเปลี่ยนจากกลียุคที่มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ส่วนให้เป็นคนดีทั้ง 4 ส่วน ฉะนั้นถ้ามีพระศรีอารย์อีกพระองค์หนึ่งที่เป็นที่หวังของชนบางกลุ่มที่จะ ปรากฏในเวลาที่แตกต่างไป ก็ย่อมไม่ควรเป็นเช่นนั้น ท่านใดที่สอนให้ผู้อื่นเชื่อโดยปราศจากความเป็นจริงที่มีประโยชน์ ย่อมขัดกับคำตรัสสอนของพระผู้มีพระภาคในเรื่องกาลามสูตร 10 ประการ ซึ่งในข้อ 10 พระพุทธองค์ตรัสไม่ให้เชื่อไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์ซึ่งรวมถึงพระพุทธองค์ ด้วยเช่นกัน ยกเว้นแต่จะเห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นกุศลกรรมถึงค่อยนำไปยึดถือปฏิบัติ

    พระศรีอารย์กับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
    เมื่อกล่าวถึงพระศรีอารย์เป็นพระโพธิสัตว์ตามความเข้าใจของเถรวาทคือเป็น มนุษย์ผู้รู้ชอบด้วยพระองค์เองเช่นพระพุทธเจ้าโคตม สำหรับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระโพธิสัตว์ผู้คอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ใน ภัทรกัปเช่นกัน ที่ต่างกันตรงที่พระอวโลกิเตศวรเป็นเทพที่อวตารหรือเทพผู้แบ่งภาคมาเกิดเป็น มนุษย์ เช่นพระศรีอารย์ก็คือพระนารายณ์อวตารเป็นภาคสุดท้ายหรือภาคที่ 10 มาเป็นเกากี ผู้ขี่ม้าขาวถือดาบเป็นอาวุธ เพื่อมาสร้างสันติสุขให้เกิดบนโลกมนุษย์ (Vishnu Purana) ตลอดไป

    พระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ก็คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ชายที่ปลอมเป็นพระโพธิสัตว์หญิงเพื่อมาช่วยเจ้าหญิง พระองค์หนึ่งให้พ้นจากโรคภัย (ได้ยินมาจากพระพรหมคุณาภรณ์ - ประยุทธ์ ปยุตฺโต) สำหรับความเชื่อของคนถิ่นอิสานเมื่อพันปีหลังพุทธกาล เชื่อว่าพระศรีอารย์ก็คือพระนารายณ์อวตารมาช่วยมนุษย์ (ดูหน้า Metteya/Metteyya พระศรีอารย์ ความจริงที่หนีไม่พ้น ภาพที่สองจากซ้าย - Ancient Thai Esan)

    สรุป ไม่ว่าจะเป็นพระศรีอารย์หรือพระอวโลกิเตศวร ก็เป็นพระองค์เดียวกันที่จะมาสร้างสันติสุขที่แท้จริงให้กับโลกมนุษย์นั่นเอง

    ตัวอย่างคำทำนายที่เรามองข้าม
    ในเรื่องพระศรีอารย์นั้นมีข้อมูลอยู่มากที่เป็นเหตุผล มีที่มาที่ไป ยกเป็นตัวอย่าง เช่น
    พระศรีอารย์เกิดที่ไหน
    เรื่องนี้สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงตรัสชื่อกรุงเทพมหานคร ไว้ตอนหนึ่งคือองค์เทพผู้ที่จะมาปราบยุคเข็ญหรือพระศรีอารย์นั้น ได้ให้พระวิษณุกรรม(พระวิศวกรรม) มาสร้างกรุงเทพฯเพื่อจะได้มาจุติ ดังนั้นพระศรีอารย์ประสูติที่กรุงเทพฯ

    ในขณะที่นอสตราดามุส (นอสตระดามัส) ได้บ่งว่าพระศรีอารย์เป็นลูกคนจน เกิดที่เมืองที่เคยเป็นทะเลมาก่อน และเมืองนี้ไม่สามารถวัดระยะได้ ซึ่งนอสตราดามุสได้ชี้ถึงเมืองที่วัดไม่ได้นั้นคือเมืองเทวดา และเมืองเทวดาที่เคยเป็นทะเลมาก่อนคือกรุงเทพมหานครของประเทศไทย
    นอกจากนี้ยังมีพุทธทำนายที่บ่งบอกสถานที่ที่พระศรีอารย์มาจุติคือ ประเทศในชมพูทวีปหรือทวีปของพระพุทธศาสนา ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในชมพูทวีป และเป็นประเทศเดียวที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ฉะนั้นพระศรีอารย์จึงเป็นคนไทย

    ที่น่าสนใจ นอสตราดามุสบ่งไว้ว่าพระศรีอารย์จะรู้ว่านักวิทยาศาสตร์ทำอะไรผิดและจะแก้ไขอย่างไร
    คำทำนายและตำนานต่างๆได้บ่งบอกเกี่ยวกับพระศรีอารย์ไว้มาก เช่นเวลาประสูติในช่วงปีอะไร เวลาที่ตรัสรู้ (ตามที่พระพุทธเจ้าโคตมตรัสไว้) ที่อยู่ปัจจุบัน ความรู้ความสามารถ เป็นต้น ดังนั้นหลักฐานต่างๆจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ใช่พระศรีอารย์จริงไม่สามารถหลอกลวง ผู้อื่นได้ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจหรือไม่

    ยุคพระศรีอารย์เป็นอย่างไร
    ยุคพระศรีอารย์เป็นกฤดายุคหรือยุคทอง ยุคที่ความลับของสวรรค์ถูกเปิดเผย สันติสุขและสันติภาพไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายความว่า คนเลวคนชั่วจะหมดไปจากโลก การฆ่ากัน ข่มขืนกัน หลอกลวงกัน การทำผิดศีลธรรมจะไม่มี การรังเกียจเช่นผิว การแบ่งแยกเช่นภาคใต้ของไทย การเอารัดเอาเปรียบจะหมดไป ความเมตตากรุณาจะเกิดขึ้นในทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้สูงอายุ สำหรับผู้อ่อนแอจะมีผู้ดูแลรักษาไม่ถูกทิ้งขว้าง
    ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้จะเขียวชอุ่ม เรื่องโลกร้อนหรือเกิดความผิดปกติของโลกจะหยุดลง ผู้คนมีกินมีใช้ไม่อดหยาก มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค ทุกรุ่นทุกวัยจะได้รับการศึกษาตามความประสงค์และความสามารถของแต่ละบุคคลโดย ไม่แยกว่าเป็นคนรวยคนจน ทุกๆคนจะไม่มีหนี้สิน การค้าขายเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทุกคนมีความรู้จริง "อริปัญญา" รู้หลักการปฏิบัติตนให้ได้ผลนำไปสู่นิพพาน เมื่อทุกๆคนมีความสุขทั่วหน้า การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี เพราะมนุษย์จะรู้กฎเกณฑ์การลงโทษผู้ทำบาป ทำให้การทำบาปเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวเกรงมากที่สุด สิ่งที่กล่าวมามีอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาและลัทธิที่สำคัญของโลก คำทำนายต่างๆ ที่ใครๆก็หาอ่านได้
    ในยุคทองเป็นยุคที่โลกมนุษย์เหมือนเมืองหนึ่งบนสวรรค์

    มีศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อระดับโลกหลายท่านที่ศึกษาเรื่องพระศรี อารย์ มีคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เช่น พระศรีอารย์จะทำอย่างไรให้เกิดศาสนาเดียวทั้งๆที่พระศรีอารย์ไม่ได้เป็น ศาสดาหรือผู้สอนศาสนา และ พระศรีอารย์จะแก้ด้านเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ได้อย่างไร เป็นต้น

    แยกพระศรีอารย์พระองค์จริงออกจากพระศรีอารย์ปลอม
    ในปัจจุบันมีการเผยแผ่เรื่องพระศรีอารย์ในรูปแบบต่างๆกัน ประเด็นที่ใช้จูงใจคือความเชื่อ หรือมีอิทธิปาฏิหาริย์ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายในเรื่องพระศรีอารย์ บ้างก็กลัวว่าจะพบพระศรีอารย์ปลอม หรือการหลอกลวงต้มตุ๋น พระศรีอารย์มีพระองค์จริงในปัจจุบัน ถ้ามีการหาข้อเท็จจริงจะสามารถปรากฏพระองค์ได้ในวันนี้พรุ่งนี้ การกลัวจะพบพระศรีอารย์ปลอมเป็นไปไม่ได้ เพราะตำนานของศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก ตลอดจนคำทำนายต่างๆได้บ่งบอกคุณลักษณะของพระศรีอารย์ไว้มาก ผู้ปลอมแปลงที่ต้องการเป็นพระศรีอารย์ จะไม่สามารถล่วงรู้และไม่สามารถเฉลยความลับและแสดงหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ เช่น พระศรีอารย์เกิดที่ไหน มีความรู้ความสามารถอย่างไร บ้านของพระศรีอารย์ในปัจจุบันจะอยู่ในเมืองเล็กที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ บ้านนี้ยังตั้งอยู่บนยอดเขาหลายๆลูก ที่สูงกว่าเขาใดๆ เป็นต้น ถ้าถามว่าสถานที่และบ้านเช่นนี้มีจริงหรือไม่ คำตอบพบว่ามีจริง ดู เวปยอดนิยมที่นี่

    ดังนั้นถ้ามีการพิสูจน์ความจริง พระศรีอารย์องค์จริงจะต้องปรากฏต่อ หน้าผู้คนทั่วไป และจะต้องทำตามคำทำนายและตำนานได้บ่งไว้ และพระศรีอารย์จะพามนุษย์ผ่านกลียุคเข้าไปสู่ยุคทอง โดยไม่เกิดโลกามหาวินาศ (2012) ขึ้น

    ประเทศไทยและคนทั่วโลกได้อะไรจากพระศรีอารย์
    การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์เกิดขึ้นในประเทศไทย จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งศรีวิไลของโลก และการเปลี่ยนกลียุคเป็นกฤดายุคจะเป็นไปโดยสันติวิธี แต่ถ้าคนทั่วไปไม่สนใจที่จะหาความจริงในเรื่องพระศรีอารย์ที่จะมาช่วย มนุษยโลก โลกามหาวินาศ (2012) น่าจะเกิดขึ้น เพื่อให้การเปลี่ยนยุคเป็นไปได้ การที่มนุษย์จะโทษสวรรค์ทำรุนแรงก็ไม่ควรเพราะเขาให้โอกาสแล้ว แต่มนุษย์ไม่สนใจเอาแต่ฝักใฝ่แต่เหล่ามาร หรือมองเห็นความเห็นแก่ตนเป็นสำคัญ

    ฉะนั้นเราควรมีสติ เราทั้งหลายคิดอะไรกันอยู่ถึงไม่สนใจสิ่งดีงาม หรือถูกมารสิงสู่ให้หมดสติหมดความคิดในสิ่งที่ถูกที่ควร อะไรหรือที่มาปกบิดบดบังดวงตาดวงจิตอันบริษุทธิ์ของท่าน

    ทำไมผู้คนส่วนมากไม่สนใจในเรื่องพระศรีอารย์
    เมื่อพระศรีอารย์ปรากฏพระองค์ มารย่อมพ่ายแพ้ ดังนั้นมารจำเป็นต้องหาวิธีการทำลายพระศรีอารย์อย่างเช่นที่เคยทำกับพระ พุทธเจ้าโคตมมาแล้ว มารยังสิงสู่จิตใจของผู้ที่มีความผูกพันกับมาร หรือผู้เป็นมารโดยชาติกำเหนิดมาเกิดในเมืองมนุษย์ ผู้ขาดปัญญาธรรมที่แท้จริง ผู้มีจิตอ่อน ผู้มีทิฐิ เช่นผู้อวดรู้อวดดี ขาดการพิจารณาถึงเหตุผล ทำให้ไม่้สนใจเรื่องพระศรีอารย์โดยกลอุบายต่างๆของมาร

    บาปทำให้ไม่เห็นความจริง
    เมื่อเราไม่เข้าใจกาลามสูตร เราจะเชื่ออะไรๆที่ตรงกับความต้องการของตน จนหมดโอกาสมีความคิดความอ่านที่อาจเป็นประโยชน์กว่า ดังตัวอย่างที่กล่าวมาเบื้องต้น

    การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่มีผลเสียหายใด นอกจากทุกคนจะได้รับประโยชน์ที่แท้จริง เรื่องของพระศรีอารย์มีอีกมากที่ยังไม่ได้นำมาเผยแผ่ในเวปนี้ และมีรายละเอียดโดยไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องที่มีที่มาที่ไปเป็นเหตุผล และสามารถพิสูจน์หลักฐานในทางวิทยาศาสตร์ได้ ท่านผู้สนใจดูเวปภาษาไทยได้ที่ Metteya/Metteyya พระศรีอารย์ ความจริงที่หนีไม่พ้น หรือภาษาอังกฤษที่ Truth: Last Judgment of God and true Messiah at present. ซึ่งเวปนี้กำลังเป็นที่นิยมอยู่ทั่วโลก

    จากข้อมูลตามที่กล่าวมา คงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ไม่ใช่พระศรีอารย์พระองค์จริง จะสามารถแสดงความรู้ความสามารถและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบได้ ยกเว้นผู้นั้นจะเป็นพระศรีอารย์พระองค์จริง

    โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านครับ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    War Room Falkman
    ใบเสร็จรับเงินภาษีที่ดินของในหลวง!!! 312 บาท

    [​IMG]

    มาทำธุระที่เทศบาลที่ดิน เหลือบไปเห็นใบเสร็จรับเงินภาษีที่ดินของในหลวง!!! 312 บาท(โปรดสังเกตชื่อผู้ชำระเงิน)
    ถาม จนท.เค้าบอกว่ามีคนนำที่ดินไปถวายพระองค์ท่าน
    ...ท่านจึงต้องทรงชำระภาษีที่ดิน
    ......ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน....

    ขอบคุณภาพดีๆจาก Jaroen Srisuk
    -ชุมชนคนหลังสวน ชุมพร
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เทพบุตร ชาวดิน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ฮือฮา! ออสซี่พบแมงกระพรุนมรณะ ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 100 ปี
    สำนักข่าวต่างประเทศรายว่า เจ้าหน้าที่ผู้คุมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Underwater World aquarium ได้พบแมงกระพรุนมรณะ สีชมพู สายพันธุ์ “Crambione Cookii” ที่ชายฝั่งรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย หลังจากไม่เคยมีใครพบเห็นเลยตั้งแต่ปี 1910

    ทั้งนี้แมงกระพรุนตัวนี้มีขนาดตัว 50 เซนติเมตร มีพิษร้ายแรงมาก พิษของมันทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดได้แม้จะอยู่ในท้องทะเลลึก ซึ่งผู้คุมพิพิธพัณฑ์กล่าวว่าเธอพบแมงกระพรุนตัวนี้ ขณะกำลังปล่อยเต่าลงสู่ทะเล และถือเป็นแมงกระพรุนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในทะเลออสเตรเลีย

    ขณะที่นักชีววิทยาท้องทะเลกล่าวว่า พวกเขาคิดว่าแมงกระพรุนสายพันธุ์นี้จะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่พวกมันกลับซ่อนตัวใต้ทะเลลึกโดยไม่มีใครเคยพบได้นานนับ 100 ปี

    MThai News

    ฮือฮา! ออสซี่พบแมงกระพรุนมรณะ ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 100 ปี | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่า
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชาวบ้านบอสเนียตื่น หลุมยุบกลืนหนองน้ำทั้งหนอง เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ndtv.com

    ชาวบ้านตื่น หลุมยุบกลืนหนองน้ำทั้งหนองในบอสเนีย นักวิทย์เผยเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

    เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า เกิดปรากฏการณ์น่าสะพรึงขึ้นในประเทศบอสเนีย เมื่อหลุมยุบได้กลืนหนองน้ำ สิ่งมีชีวิตในหนอง และต้นไม้ที่อยู่โดยรอบให้อันตรธานลงไปในหลุมเป็นบริเวณกว้างภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น

    รายงานระบุว่า หลุมยุบแห่งนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 50 เมตร และลึกประมาณ 30 เมตร และมีวี่แววว่าจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ตั้งของหนองน้ำกว้าง 20 เมตร และลึก 8 เมตร ที่มีปลาอาศัยอยู่ และมีต้นไม้อยู่โดยรอบ แต่แล้วมันกลับหายไปพร้อมกับหลุมยุบที่ทำให้ดินทรุดเป็นบริเวณกว้างดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงตกอกตกใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าวันหนึ่งหลุมแห่งนี้จะกว้างขึ้นแล้วลามถึงบริเวณบ้านของพวกเขา

    ด้านนักวิทยาศาสตร์ เผยว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ มันยากที่จะเชื่อว่า หนองน้ำจะอันตรธานไปได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น นักวิทยาศาสตร์ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่า สิ่งที่ทำให้เกิดหลุมยุบยักษ์ น่าจะมาจากน้ำในดินเหือดแห้ง และทำให้ดินทรุดตัวลงในที่สุด

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    เค้าลางสงครามเริ่มอีก ..

    อิหร่านยอมถอยหนึ่งก้าว แต่อิสราเอลเดินหน้าสู่สงคราม สองก้าว! ..

    เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กองทัพอากาศอิสราเอลเปิดตัว "Blue Flag" การฝึกอบรมการซ้อมรบของกองทัพอากาศระหว่างประเทศ ที่มีสหรัฐ, อิตาลีและอากาศยานกรีกร่วม

    IAF Launches Largest International Military Exercise in Israel's History
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6oJ0naIYBms]IAF Launches Largest International Military Exercise in Israel's History - YouTube[/ame]

    หลังจากอิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลงกับ 6 ชาติ สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และรัสเซีย และเยอรมนี ยอมให้มีการเตรวจสอบโครงการที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ ที่ผลปรากฏออกมาที่โลกโล่งอก แต่ไม่เป็นที่พอใจต่อผู้นำอิสราเอลเป็นอย่างมาก ...
    » Israel Launches Largest Ever Air Force Exercise Day After Iran Deal Alex Jones' Infowars: There's a war on for your mind!

    ...
    [​IMG]
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    MrSkywatcher

    [​IMG]

    Comet iSON in Stereo B and Lasco C3 as it continues its journey to a close encounter with the Sun!
    ขณะนี้ดาวหาง ISON ยังคงเดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์อยู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.1.jpg
      0.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.1 KB
      เปิดดู:
      1,780
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/e1wuCf7ReXQ?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Published on Nov 25, 2013

    พระพุทธเจ้าได้เกิดก่อนที่เราทราบเป็นระยะเวลา 300 ปี

    The Buddha was born and lived as much as 300 years earlier than some previously thought. At one of Buddhism's most revered pilgrimage sites, a National Geographic archaeologist's team has uncovered evidence that the Buddha lived in the sixth century B.C., much earlier than some scholars had believed. The excavation at Lumbini, Nepal, long identified as the birthplace of the Buddha, revealed a previously unknown timber shrine once stood there, its walls mirroring more recent brick temples.

    Oldest Buddhist Shrine Uncovered In Nepal May Push Back the Buddha's Birth Date
    Excavations uncover a shrine dating to the sixth century B.C.

    [​IMG]
    Map of Lumbini, Nepal. Dan Vergano National Geographic PUBLISHED NOVEMBER 25, 2013

    Time to push back the Buddha's birth date a century or so? Archaeologists may have uncovered evidence of the oldest Buddhist shrine yet discovered, dating to around 550 B.C.
    Located at Nepal's Lumbini pilgrimage center, the legendary site of the Buddha's birth, the discovery points to the renowned religious figure living more than a century earlier than dates accepted by many scholars. (See also: "Buddha Rising.")
    "What we have got is the earliest Buddhist shrine in the world," says archaeologist Robin Coningham of the United Kingdom's Durham University, lead author of the discovery study, released on Monday by the journal Antiquity.

    In the study, the international archaeology team reports digging beneath existing brick structures at the shrine, which is visited yearly by hundreds of thousands of pilgrims.

    [​IMG]
    Photo of archaeologists Robin Coningham and Kosh Prasad Acharya directing excavations within the Maya Devi Temple, uncovering a series of ancient temples contemporary with the Buddha.
    PHOTOGRAPH BY IRA BLOCK, NATIONAL GEOGRAPHIC
    Archaeologists Robin Coningham (at left) and Kosh Prasad Acharya direct excavations within the Maya Devi Temple.

    The excavations showed that older wooden structures lay beneath the walls of the later brick Buddhist shrine. The layout of that more recent shrine duplicates the layout of the earlier wooden structures, pointing to a continuity of Buddhist worship at the site, Coningham says.

    "The big debate has been about when the Buddha lived and now we have a shrine structure pointing to the sixth century B.C.," Coningham says. The team used two kinds of scientific dating to find the age of the early shrine.

    Outside scholars applauded the discovery but cautioned against too hastily accepting the site as the oldest discovered Buddhist shrine without more analysis.

    "Archaeologists love claiming that they have found the earliest or the oldest of something," says archaeologist Ruth Young of the United Kingdom's University of Leicester in an email message.


    The Buddha's Birthplace

    Buddhism is one of the world's great religions, with more than 350 million followers, most living in East Asia.

    By tradition, Lumbini is the garden site where the Buddha's mother, Maya Devi, grasped a tree and gave birth to the historical figure Siddhartha Gautama, who later became the Buddha.

    The exact date of the Buddha's birth is disputed, with Nepalese authorities favoring 623 B.C., and other traditions favoring more recent dates, around 400 B.C.

    Regardless, by 249 B.C. Lumbini had became one of the four sacred centers of Buddhism, marked by sanctifying inscriptions and a pillar left there in 249 B.C. by the Indian emperor Ashoka, who helped spread Buddhism across Asia.

    Later abandoned, the site was rediscovered in 1896 and re-established as a worship center, the Maya Devi temple, which is now a World Heritage site.

    Concerned about wear from visitors, UNESCO, along with Japanese and Nepalese officials, supported Coningham and colleagues as they documented conditions at Lumbini and investigated the history underneath the layers of brick structures left from Ashoka's era.

    The research was also supported by the National Geographic Society.

    "We had almost unique access to the site that probably won't come again for another generation," Coningham says. "For that reason, we made our work completely open and transparent to pilgrims. Their experiences were quite moving to see as we did our work."


    Ancient Tree Shrine

    Digging beneath a central shrine, the researchers uncovered postholes pointing to a wooden railing surrounding a tree shrine and dating to around 550 B.C., says Coningham. They also found an older brick structure.

    The center of the shrine was unroofed, the team found, and contained mineralized tree roots, surrounded by clay floors worn smooth by visitors. It was likely an ancient bodhigara, or tree shrine.

    The tree roots appear to have been fertilized, and although bodhigara are found in older Indian traditions, the shrine lacked the signs of sacrifices or offerings found at such sites.

    "It was very clean, in fact, which points to the Buddhist tradition of nonviolence and nonofferings," says Coningham.

    The team zeroed in on the shrine's age with radiocarbon dating of charcoal from the wooden postholes and optically stimulated luminescence dating, a method that reveals radioactive decay times of elements in the soil to reveal when it was last on the surface.

    Overall, Coningham argues, excavations at the site point to its cultivation starting around 1,000 B.C., followed by the development of a Buddhist monastery-like community by the the sixth century B.C.

    Scholarly Caution

    "The new evidence from this project shows that this ritual activity was taking place centuries prior to the Asokan levels and this is really significant and interesting," Young says.

    Julia Shaw, a lecturer in South Asian archaeology at University College London, called the claims for a wooden railing surrounding a possible tree shrine convincing but speculative.

    [​IMG]

    Pilgrims meditate at the wall below the nativity scene within the Maya Devi Temple at Lumbini, Nepal. The remains of the earliest temples at the site are in the background.
    PHOTOGRAPH BY IRA BLOCK, NATIONAL GEOGRAPHIC
    Pilgrims meditate in the Maya Devi Temple at Lumbini, Nepal. The remains of the earliest temples at the site are in the background.
    She was cautious about the oldest Buddhist shrine claim.

    "The worship of trees, often at simple altars, was a ubiquitous feature of ancient Indian religions, and given the degree of overlap between Buddhist ritual and pre-existing traditions, it is also possible that what is being described represents an older tree shrine quite disconnected from the worship of the historical Buddha," Shaw says.

    "Still, it does indeed present some new insights into the archaeology of Indian ritual in general," she adds.

    Coningham called the chance to study the site and contribute toward Lumbini's conservation important, particularly due to its growing popularity as a pilgrimage site. By 2020, more than four million pilgrims are expected to visit.

    "It was amazingly busy at times, people praying and meditating," Coningham says. "It was challenging and exciting, working on a living religious site."
    http://news.nationalgeographic.com/ne...

    A documentary on Coningham's exploration of the Buddha's life, "Buried Secrets of the Buddha," will premiere in February internationally on the National Geographic Channel
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.1.jpg
      0.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.1 KB
      เปิดดู:
      2,943
    • 0.2.jpg
      0.2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      137.3 KB
      เปิดดู:
      1,709
    • 0.3.jpg
      0.3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.5 KB
      เปิดดู:
      1,723
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    SolarIMG
    LASCO C3 Shows comet ISON still going strong on its way to the Sun
    กล้อง LASCO C3 แสดงภาพดาวหาง ISON ยังคงตรงดิ่งเดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์.

    It survived it's brush in with the C.M.E a short while ago. GO ISON!
    -sleyski
    ดาวหางISON ไม่ได้ถูกทำลายด้วย CME. ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จงไปต่อISON

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ดาวหาง ISON เดินทางเป็นระยะทาง 5ล้านปี หรือมากกว่านั้น จากเมฆ Oort จนถึงดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะนี้ จะมาสิ้นสุดการเดินทางในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 หรือไม่

    Piyacheep S.Vatcharobol ได้แชร์ รูปภาพ ของ The Sun Today: Solar Facts and Space Weather

    [​IMG]

    ๒๐.๓๐ น. วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน เวลาสยามประเทศตามข่าวดาวหางไอซอนกันนะครับ
    #ISON has been traveling for 5+ million years from the Oort cloud to reach the sun. Will the journey end on Nov. 28th?

    Tune in to find outhttp://go.nasa.gov/CometISONHangout live from the SDO Mission Operations Center at NASA Goddard at 1 pm EST (18 UT). #willitbreakup

    More on Comet ISON: Comet ISON Overview and Updates :: The Sun Today

    [​IMG]

    เมฆออร์ต (อังกฤษ: Oort cloud) คือ ชั้นเมฆในอวกาศที่ล้อมรอบระบบสุริยะอยู่เป็นทรงกลม บริเวณเมฆเหล่านี้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ออกไปราว 50,000 - 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ จากดวงอาทิตย์ ไกลออกไปจากขอบระบบสุริยะรอบนอก ตำแหน่งของเมฆออร์ตอยู่ในระยะความห่าง 1 ใน 4 ของดาวแคระแดงพร็อกซิมาคนครึ่งม้า

    ในกลุ่มเมฆออร์ตนี้ มีวัตถุพ้นดาวเนปจูน อย่างดาวเคราะห์แคระ 90377 เซดนา ที่ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 อยู่ด้วย

    วัตถุในกลุ่มเมฆออร์ตคือเศษเหลือจากการสร้างดาวเคราะห์ เป็นก้อนน้ำแข็งสกปรก มีส่วนประกอบไปด้วย น้ำแข็ง คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย ฝุ่น และ หิน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ไม่กี่กิโลเมตรไปจนถึงหลายสิบกิโลเมตร

    นักดาราศาสตร์เชื่อกันว่ากลุ่มเมฆออร์ตเป็นแหล่งต้นกำเนิดของดาวหาง คือ เข้าใจว่า เมฆนี้ เป็นเสมือนเปลือกที่ห่อหุ้ม ป้องกันสุริยะจักรวาลนี้ จากรักสีด้านนอกอีกทีหนึ่งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.1.png
      0.1.png
      ขนาดไฟล์:
      325.6 KB
      เปิดดู:
      1,302
    • 0.2.jpg
      0.2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      1,238
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    จะมีคนเชื่อสักกี่คนว่าเจ้าชาย"สิทธัตถะ"ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ!?!!
    ส่วนตัวเเล้วผมเชื่อเกินล้าน%
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คุณ Neiworld ผมเชื่อครับ ว่า "จะมีคนเชื่อสีกกี่คนว่าเจ้าชาย"สิทธัตถะ"ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ!?!! ส่วนตัวเเล้วผมเชื่อเกินล้าน" เพราะก่อนหน้าเจ้าชายสิทธัตธะในช่วงพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า การเกิดขึ้นของศาสนาพุทธก็ผ่านมาหลายแสนปีแล้ว พอมาถึงยุคของท่านจึงไม่น่าจะมีผู้นับถือศาสนาพุทธเหลืออยู่ และเมื่อท่านตรัสรู้ท่านก็ได้เป็นศาสดา ประกาศคำสั่งสอน เพื่อโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้น จึงไม่ได้มีการตั้งศาสนา และท่านจะไปนับถือศาสนาพุทธก็คงเป็นไปไม่ได้ และเมื่อท่านปรินิพพาน ก็เป็นบรรดาสงฆ์สาวกที่เป็นผู้นำบัญญัติมาเรียบเรียง และตั้งศาสนาที่เรียกว่าศาสนาพุทธขึ้น
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    โฮ่๊ะ!!!ความรู้ดีกว่านีโอเยอะเลย ขอบคุณที่คุ้มกันไม่ให้มีการเข้าใจผิดครับ!!!
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คุณอ้อ-พลังจิต นี่ใช่คุณ Falkman หรือเปล่าครับ อยากเห็นรูปจริงๆ มากครับ

    Piyacheep S.Vatcharobol

    [​IMG]

    จากที่ถามกันมา และมีคนโพสมากมาย และต้นฉบับที่ผมได้มาจากคุณสมยศ-พลังจิต และจากการพูดคุยกับคุณอ้อ-พลังจิต ถึงการพอดระหัสพระมหาชนกนะครับ

    ผมขอเกริ่นก่อนว่า หนังสือนี้พระองค์ท่านใช้เวลาพระราชนิพนธ์ เริ่มแรกประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ทรงใช้เวลา ๓ ปี แต่ทรงใช้เวลากับภาพวาดถึง ๑๑ ปี ก่อนจะตีพิมพ์ออกมา และเหตุการณ์ต่างๆเกิดตามภาพ แผ่นดวงในพระมหาชนกหมด

    ในภาพนี้ เป็นภาพการเกินสงคราม....เมือง.............กันมั่วไปหมด ไม่ทราบว่าฝ่ายไหวเป็นฝ่ายไหน แต่สุดท้าย ประชาชนเป็น....................นิ้ว

    เหตุการณ์นี้เกิดในขนาดทีมีดาวหางสีเขียวเข้ามาแบบเห็นเด่นชัด เราก็เคยไปพลาดกับ Lemon Green Comet ที่เคยผ่านไปแล้วต้นปี เพราะติดที่ชื่อ แต่ ISON ที่กำลังมากลับมีสีเขียวชัดเจนตามกายภาพ ตามภาพในจอมอนิเตอร์ในภาพวาดนี้ ไม่ใช่ตามชื่อตามที่เราเคยคิดไปเอง

    เหตุการณ์สงครามกลาง......ใหญ่ เกิดเมื่อดาวหางสีเขียวปรากฏ ซึ่งหากพิจารณาตามดาราศาสตร์ ภาพดาวหางวีเขียวนี้ จะเห็นชัดในบ้านเรา เมื่อไอวอนวนรอบดวงอาทิตย์แล้ววกกลับออกมา จะโคจรมาใกล้โลกเรา ที่เราสามารถเห็นได้ชัด

    หากเอาภาพนี้มาคาดการณ์ สงครามกลางเมืองจะเกิดหลังวันที่ ๓ ธันวาคมเป็นต้นไป โดยเฉพาะหลังวันที่ ๑๐ ธันวาคม เราจะเห็นไอซอนเขียวชัดที่สุด เดือนธันวาคมก็จะเป็นเดือนแห่งการสูญเสียจากการ.....................

    ในเวลาเดียวกัน เดือนธันวาคม ก็จะเกิดมหาพิบัติภัยจากดวงอาทิตย์ใหญ่ ดูลึ้งค์นะครับ เกิดการระเบิดใหญ่ไปหาไอซอนด้านหลังดวงอาทิตย์ อันบ่งบอกว่าไอซอนมีอิทธิพลจุดชนวนการระเบิดของดวงอาทิตย์ด้วย

    ผมก็ได้แต่เตือน เตือน และเตือนนะครับ

    Trisha Wareing
    A large filament eruption took place late on the 26th on the south western limb. Mostly heading away from Earth, but looks like we may have a glancing blow.
    http://stereo-ssc.nascom.nasa.gov/browse//2013/11/27/ahead/cor2/512/20131127_050935_n7c2A.jpg — กับ Wirayut Kerdsuwan
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.1.jpg
      0.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61 KB
      เปิดดู:
      1,929
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2013
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    The Event ได้แชร์ลิงก์
    ข่าวเตือนภัย น่าตกใจ เกิดหลุมยุบขนาดยักษ์ อเมริกา ยุโรป ทะเลสาป เดดซี อิสราเอล ฟิลิปปินส์...

    <iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/EhXhgB_Von0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จับตาดาวหางไอซอนก่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด Last Updated on Wednesday, 27 November 2013 15:55

    หลังจากที่ดาวหางไอซอนเงียบหายไปช่วงหนึ่ง ซึ่งนักดาราศาสตร์คาดว่าดาวหางไอซอนอาจจะแตกสลายไปแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อเวลา 02:44 UT ตามเวลาสากลของ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 กล้องโทรทรรศน์อวกาศโซโฮก็ได้ถ่ายภาพและพบว่าดาวหางไอซอนยังคงอยู่และยังไม่ได้แตกสลาย จากรูปที่ 1 ดาวหางไอซอนสามารถสังเกตมองได้ทางด้านล่างซ้ายมือของภาพ

    [​IMG]
    รูปที่ 1 ภาพของดาวหางไอซอน (มุมขวา) เข้ามาอยู่ในมุมภาพของกล้องอวกาศโซโฮ (SOHO) ซึ่งปกติเฝ้าติดตามปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์ และช่วงนี้ดวงอาทิตย์ยังมีการปลดปล่อยมวลสารออกมาเนื่องจากความแปรปรวนของสนามแม่เหล็ก ซึ่งเป็นที่หน้าสนใจอย่างยิ่งสำหรับปฏิกิริยาของดาวหางต่อการอนุภาคและรังสีปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ (ภาพจาก http://sohowww.nascom.nasa.gov/data/realtime/c3/512/)

    กล้องโทรทรรศน์ยานอวกาศสเตอรีโอ (STEREO) ขององค์การนาซายังคงสังเกตการณ์ดาวหางไอซอนตามแนวทางการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ภาพยนตร์จากยาน Heliospheric Imager นี้แสดงให้เห็นดาวหางไอซอน ดาวพุธ ดาวหางเองเก และโลก ที่ทำการสังเกตการณ์เป็นระยะเวลากว่า 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 – 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 โดยดวงอาทิตย์อยู่ทางด้านขวาของมุมมองของกล้องนี้ จากรูปที่ 2 ดาวหางดวงสว่างด้านบนคือดาวหางไอซอน และดาวหางที่อยู่ด้านล่างที่เห็นจางๆ คือดาวหางเองเก สามารถติดตามภาพถ่ายล่าสุดของดาวหางไอซอนได้ตามลิงค์ http://sohowww.nascom.nasa.gov/data/realtime/c3/512/

    [​IMG]
    รูปที่ 2 ภาพดาวหางไอซอน ดาวหางเองเคและโลก จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ STERO ในช่วงวันที่ 20-25 พฤศจิกายน 2556 ส่วนหางของดาวหางไอซอนที่สว่างมากขึ้นเล็กน้อย เมื่อมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น (ภาพจาก Solar System Exploration: News & Events: News Archive: NASA'S STEREO Shows Comet ISON Approaching the Sun) และสามารถชมภาพวีดีโอได้จาก Solar System Exploration: News & Events: News Archive: NASA'S STEREO Shows Comet ISON Approaching the Sun


    [​IMG]
    รูปที่ 3 แสดงตำแหน่งดาวหางไอซอนในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556

    [​IMG]
    รูปที่ 4 แสดงแผนที่ตำแหน่งดาวหางไอซอนในท้องฟ้า ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556

    ตำแหน่งของดาวหางไอซอนบนท้องฟ้าเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ ขณะที่เริ่มเข้ามาอยู่ในมุมภาพของกล้องโซโฮ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 เวลา 09:44 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นดาวหางอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 0.143 AU (ภาพบน) และอยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทาง 0.928 AU เมื่อมองจากโลกดาวหางจะอยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง และมีระยะเชิงมุมห่างจากดวงอาทิตย์ 8 องศา(ภาพล่าง) (ภาพโดย https://www.heavens-above.com/)

    [​IMG]
    รูปที่ 5 แสดงตำแหน่งดาวหางไอซอน-ขณะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19:00 ๊UT ตามเวลาสากล (เป็นมุมมองที่ตั้งฉากกับระนาบของเส้นสุริยวิถี)

    [​IMG]
    รูปที่ 6 ภาพดาวหางไอซอนขณะที่อยู่ในตำแหน่งเพอร์ริฮีเลียน ในคืนวันที่ 28 พฤศจิกายน (สำหรับประเทศไทยช่วงเวลาดังกล่าวคือ 01:37 น. ของ วันที่ 29 พฤศจิกายน) ซึ่งช่วงเวลานั้นดาวหางไอซอนจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 0.012 AU ( 1AU คือระยะทาง 150 ล้านกิโลเมตร) หรือ 1.8 ล้านกิโลเมตร ซึ่งถือว่าใกล้มาก จนมีความเสี่ยงที่ดาวหางไอซอนจะถูกความร้อนจากดวงอาทิตย์เผาจนระเหยไปหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป (ภาพโดย https://www.heavens-above.com/)

    ข้อมูล http://www.narit.or.th/index.php/astronomy-news/938-2013-11-27-05-21-23
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.1.1.jpg
      0.1.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.6 KB
      เปิดดู:
      1,156
    • 0.1.2.gif
      0.1.2.gif
      ขนาดไฟล์:
      141.8 KB
      เปิดดู:
      1,213
    • 0.1.3.png
      0.1.3.png
      ขนาดไฟล์:
      13.9 KB
      เปิดดู:
      1,108
    • 0.1.4.png
      0.1.4.png
      ขนาดไฟล์:
      24.4 KB
      เปิดดู:
      1,109
    • 0.1.5.png
      0.1.5.png
      ขนาดไฟล์:
      13.5 KB
      เปิดดู:
      1,169
    • 0.1.6.png
      0.1.6.png
      ขนาดไฟล์:
      14.7 KB
      เปิดดู:
      1,101
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...