ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #TheHUM
    01/04/20
    "ปรากฏการณ์" ของ "The Hum" กลับมาอีกครั้ง
    ซึ่งเสียงแปลก ๆ ครั้งนี้ถูกบันทึกได้จากพื้นที่ Las Piedras ประเทศอุรุกวัย #Uruguay เมื่อวันที่ 27/03/2020
    #Strange #Sounds #Skyquake
    คลิป โดย: Apostle Raúl Ponceduino
    #Watchers

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #ทฤษฎีTheDayAfterTomorrow
    // พบ “คลื่นความร้อน” ในแอนตาร์กติกา จุดที่เย็นที่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ //
    01/04/20
    ภาพถ่ายนาซาแสดงให้เห็นน้ำแข็งด้านบนที่ละลายบนเกาะอีเกิล แอนตาร์กติก

    ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการระบาดใหญ่ โลกก็ยังคงร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง หน้าร้อนนี้สภาพอากาศที่ขั้วโลกใต้หรือทวีปแอนตาร์กติกา ก็เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ของโลก ร้อนขึ้นอีกเป็นประวัติการณ์ จากการบันทึก
    นักวิทยาศาสตร์ 4 รายได้แก่ ดร.ดานา เอ็ม. เบิร์กสตรอม นักนิเวศวิทยาประยุกต์ที่เป็นหัวหน้าการวิจัยด้านนิเวศวิทยาบนบกและความหลากหลายทางชีวภาพแผนกแอนตาร์กติกาของออสเตรเลีย (Australian Antarctic Division) และอาจารย์แลกเปลี่ยน มหาวิทยาลัยวูลลองกอง ออสเตรเลีย, ดร.แอนดรูว์ เคลโคจิก นักวิทยาศาสตร์ด้านชั้นบรรยากาศจากแผนกแอนตาร์กติกาของออสเตรเลีย, ไดอานา คิง เจ้าหน้าที่วิจัยด้านความยั่งยืนชายฝั่งและเขตอนุรักษ์ทางทะเล ในโครงการ Global Challenges มหาวิทยาลัยวูลลองกอง และ ดร.ชารอน โรบินสัน นักนิเวศวิทยาพืช จากมหาวิทยาลัยวูลลองกอง ได้ร่วมกันนำเสนอบทความเรื่อง “Anatomy of a heatwave: how Antarctica recorded a 20.75°C day last month” ใน The Conversation เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2020
    นักวิจัยทั้ง 4 รายระบุในบทความว่า ได้ตีพิมพ์งานวิจัยก่อนหน้านี้ใน Global Change Biology (วารสารวิทยาศาสตร์รายเดือนที่นำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างระบบชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ที่มีผลอย่างมากต่อโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน) ซึ่งงานวิจัยนั้นเป็นการรายงานการตรวจพบคลื่นความร้อนในแอนตาร์กติก
    เริ่มต้นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ด้านตะวันออกของคาบสมุทรแอนตาร์กติก และกระจายไปทั่วทวีปในช่วงสี่เดือน นักวิจัยในทีมซึ่งได้ใช้เวลาทั้งหน้าร้อนในแอนตาร์กติกาเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์และวัดอุณหภูมิ รวมทั้งผลกระทบต่อวงจรธรรมชาติ ได้ตรวจพบคลื่นร้อนด้วยตัวเอง
    แอนตาร์กติกาอาจจะอยู่โดดเดี่ยวแยกตัวอออกจากทวีปอื่นจากการที่มีมหาสมุทรทางด้านใต้คั่นอยู่ แต่ก็ส่งผลกระทบทั่วโลก เพราะมีผลต่อการไหลเวียนของกระแสน้ำลึกในมหาสมุทรของโลก เป็นระบบคงที่ของการไหลเวียนน้ำลึกของมหาสมุทร ซึ่งถ่ายโอนความร้อนในมหาสมุทรรอบๆ โลก และการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่แอนตาร์กติกามีผลต่อระดับน้ำทะเลของโลก
    แอนตาร์กติกาแสดงถึงสภาวะที่เรียบง่ายและสุดขั้วสำหรับชีวิต และยังสามารถเป็นสัญญานเตือนภัย ที่แสดงถึงรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่เราคาดว่าจะได้เห็นจากที่อื่นๆ

    คลื่นความร้อนในจุดที่เย็นที่สุดของโลก
    หน้าร้อนนี้ สถานีวิจัยคาซีย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่โอเอซิสบนเกาะวินด์มิลล์ ได้บันทึกคลื่นความร้อนของพื้นที่นี้ได้เป็นครั้งแรก ตลอดระยะเวลา 3 วัน อุณหภูมิต่ำสุดเหนือระดับ 0 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดของวันสูงเกิน 7.5 องศาเซลเซียส ในวันที่ 24 มกราคม 2020 อุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้สูงสุดอยู่ที่ 9.2 องศาเซลเซียส และสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ย 30 ปีของเดือนที่สถานีคาซีย์เกือบ 7 องศาเซลเซียส

    อากาศที่ร้อนและชื้นท่ามกลางสภาพอากาศเช่นนี้ทำให้ฝนตกที่สถานีวิจัยเดวิส ซึ่งเป็นพื้นที่โดยปกติแล้วเป็นทะเลทรายที่เยือกเย็นบนเทือกเขาเวสต์โฟลด์ สภาพอากาศที่อุ่นนี้ทำให้น้ำแข็งละลายเป็นแอ่งน้ำลึก และมีลำธารบนธารน้ำแข็งในพื้นที่ ประกอบกับก้อนหิมะที่ละลาย มีส่วนทำให้กระแสน้ำในแม่น้ำสูงและทะเลสาบมีน้ำเอ่อท่วม
    ในเดือนกุมภาพันธ์ คลื่นความร้อนกระจุกตัวในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ในพื้นที่ตอนเหนือสุดของทวีป อุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้ใหม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 อยู่ที่ 18.4 องศาเซลเซียส ที่สถานีวิจัยเอสเพอร์รันซาของอาร์เจนตินาที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทร ซึ่งสูงขึ้นเกือบถึง 1 องศาเซลเซียสที่วัดได้ในครั้งก่อน จากนั้น 3 วันต่อมาอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไปที่ 20.75 องศาเซลเซียส วัดได้จากสถานีมาราบิโอของบราซิล บนเกาะซีย์มัวร์ในทางตะวันออกของคาบสมุทร

    อะไรที่ทำให้เกิดคลื่นความร้อน
    การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยทั่วไปที่ด้านตะวันออกของแอนตาร์กติกาจะช้ากว่าทางตะวันตกและคาบสมุทรแอนตาร์กติก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลุมโอโซนที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิในแอนตาร์กติกตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970
    หลุมโอโซนมีส่วนที่จะเสริมสร้างกระแสลมกรด หรือแถบกระแสลมแรง (jet stream) เหนือมหาสมุทรใต้ โดยจึงมีส่วนในทางบวกต่อความแปรปรวนในบรรยากาศซีกโลกใต้ ซึ่งหมายความว่าแนวลมตะวันตกของมหาสมุทรทางซีกโลกใต้มีแนวโน้มที่จะอยู่ใกล้กับแอนตาร์กติกาในช่วงเวลานั้นของปี และก่อให้เกิดกำแพงกั้นตามฤดูกาลที่ลดการถ่ายโอนลมร้อนจากภูมิภาคที่อุณหภูมิสูงกว่าไปยังแอนตาร์กติกา
    แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2019 ความร้อนสูงของชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์เหนือแอนตาร์กติกาได้ลดขนาดของหลุมโอโซนลงอย่างมาก ซึ่งช่วยเป็นแรงหนุนให้เกิดผลทางลบต่อความแปรปรวนในบรรยากาศซีกโลกใต้ และกำแพงกั้นบางลง
    ปัจจัยอื่นๆ ในปลายปี 2019 อาจจะมีผลต่ออากาศที่อุ่นขึ้นในแอนตาร์กติกา ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Indian Ocean Dipole หรือความผิดปกติของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรอินเดีย เพราะลมมรสุมอินเดียอ่อนตัว จึงหมายความว่า น้ำในมหาสมุทรอินเดียฝั่งตะวันตกอุ่นกว่าเดิม ลมที่เกิดขึ้นจากสิ่งนี้และหย่อมมหาสมุทรอื่นๆ ที่อุ่น ในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้กลายเป็นแหล่งพลังงานที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางของระบบอากาศและทำให้ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์อุ่นขึ้น
    แอนตาร์กติกาที่อุ่นขึ้นดีหรือไม่ดี
    น้ำท่วมในพื้นที่ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อแผงมอสในเวสต์ฟิลด์ฮิลล์ที่เดิมแห้งแล้งอย่างมาก ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วม มอสส่วนใหญ่จะมีสีเทาและใกล้ตาย แต่หนึ่งเดือนหลังจากน้ำท่วมมอสที่งอกใหม่เหล่านี้มีสีเขียว
    เมื่อพิจารณาถึงสภาพอากาศโดยทั่วไปของแอนตาร์กติกา อากาศที่อุ่นขึ้นอาจจะมีผลดีต่อพรรณพืช (มอส ไลเคน และพืชมีท่อลำเลียงอีก 2 ชนิด) รวมทั้งจุลินทรีย์และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ภายใต้เงื่อนไขว่ามีน้ำแข็งละลาย พื้นที่ในเวสต์ฟิลด์ฮิลล์ห่างไกลจากน้ำที่เอ่อท่วมล้นจึงแห้งแล้งหนักในช่วงหน้าร้อน
    อุณหภูมิที่สูงอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดเกิดความเครียดจากความร้อน มอสและไลเคนในแอนตาร์กติกส่วนใหญ่จะมีสีคล้ำ เพื่อที่จะดูดซับแสงแดดสำหรับสร้างอากาศที่อุ่นในพื้นที่เล็กๆ ได้ดี และนี่เป็นวิธีที่ดีเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าระดับศูนย์องศาเล็กน้อย แต่ความเครียดจากความร้อนจะเกิดขึ้นในระดับอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียสขึ้นไป
    บนเกาะคิงยอร์ช ใกล้คาบสมุทรแอนตาร์กติก ทีมงานสามารถวัดอุณหภูมิพื้นผิวเหนือยอดมอสในเดือนมกราคม 2019 ได้เกิน 14 องศาเซลเซียสถึง 3% ของช่วงเวลาแต่ในปี 2020 อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4 เท่า เป็น 12% ของเวลา
    “จากประสบการณ์ของเราต่อความผิดปกติของหน้าร้อนในแอนตาร์กติกก่อนหน้านี้ เราสามารถคาดการณ์ได้ถึงผลกระทบต่อชีวภาพอย่างมากมาย ทั้งบวกและลบ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของสภาพภูมิอากาศของเรา จากพื้นผิวถึงชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ และจากมรสุมเขตร้อนไปถึงทวีปในขั้วโลกใต้”
    ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง คาดว่าเหตุการณ์สุดขั้วจะเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และความรุนแรง และแอนตาร์กติกาก็หนีไม่พ้น

    CR:
    https://thaipublica.org/2020/04/hea...9n_gnj-8xOmBeKp3gFbiLMKSw52fls7cIBGGjeqEV2l4Q

    https://theconversation.com/anatomy...p2oEwHD5mi1wWxI9ibKB3WCC_F0JwVuzRLDxpqmKqWP2A

    https://www.theguardian.com/world/2...iYZnMfXA1ImPBp1nTeReX9TswAqxYyij1s8bjb8kK3XSQ
    #Watchers
    9LWUzdJhFsKUKBmNH51Lh2W2ZOrFy0xFbd5WUa2LOAiA&_nc_ohc=e9fc7U57g0gAX__bGhd&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    sn6NsYOiah-LYzZWtmusZ2KZ57yHuU55iYL9cf3-iWFw&_nc_ohc=yoBGGJ9XjJYAX_79RRL&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #Explosion #Nigeria
    // ระเบิดขนาดใหญ่ ที่ไนจีเรีย //
    31/03/2020
    ชาวไนจีเรียสงสัยมันเป็นอุกกาบาตหรือไม่? ชาว Akure ใน #ไนจีเรีย รู้สึกตกใจในเวลาเช้าตรู่เมื่อเขาได้ยินเสียงการระเบิดครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งเมืองและทำลายอาคารหลายหลังในชุมชน Eleyowo รัศมีประมาณ 1 กม. จากสนามบิน Akure อาคารหลายหลังได้รับความเสียหายรวมถึงโบสถ์และโรงเรียน ประเทศไนจีเรีย
    ซึ่งภายหลังมีข่าวว่า อาจเป็นรถยนต์ระเบิด
    แต่ชาวบ้านหลายคนไม่เชื่อเช่นนั้น
    CR: TaqsNews

    #Watchers

    oXSWKvoSsEcTSOJMwjpSlWYCI2AbPNX67KwOmoGJ7mHQ&_nc_ohc=GGDkal_Pi3AAX8DxOTc&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg

    R_0FscForWUfh61jKTQ5I_bPInxDRvp6Oipay_rdODuA&_nc_ohc=owRXm6a6RPMAX86n_B6&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    d-iz0Jc9XF9Mr5QjHgbRt5LFj4K-IywisLUzrzjEy_zA&_nc_ohc=fYA1Oy1Ohf4AX8tk3F-&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg

    MwpQENyXcdnWhLkL4Ujrm-dE3DHa7PkOrumAiqm4-mhQ&_nc_ohc=YjxIJZHnhPAAX8oVC4E&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จนท.อินโดฯ ใช้ไม้เด็ดแต่งเป็นผี จัดการคนไม่กลัวโควิด ออกร่อนตอนกลางคืน
    &w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fspcdn.springnews.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F04%2Fp1-10.jpg
    จากเหตุการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย นั้นมียอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมกว่า 9 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 45,000 ราย ทำให้ในหลายประเทศนั้นเริ่มมีมาตรการเข้มรวมถึงประเทสไทยที่ในหลายจังหวัดเริ่มมีประกาศเคอร์ฟิวงดประชาชนออกจากเคหสถานตามเวลาที่กำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดแต่ก็คงยังมีคนบางกลุ่มที่ฝ่าฝืนคำสั่งไม่กลัวไวรัสโควิด-19 ออกมาในยามวิกาล

    ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ “유이님 ” @yuiixyuii ได้โพสต์คลิปของสำนักข่าวต่างประเทศ เป็นคลิปมาตรการเข้มของเจ้าหน้าที่ประเทศอินโดนิเซีย ที่ใช้กับผู้ฝ่าฝืน โดยเจ้าหน้าที่ได้แต่งกายใส่ผ้าขาวเหมือนชุดห่อศพตปลอมตัวเป็นผีเพื่อหลอกคนที่ไม่ยอมอยู่บ้านในยามดึก โดยผู้โพสตืได้ระบุว่า…

    ที่อินโดไม่ให้ออกจากบ้านตอนกลางคืนแต่ยังมีคนฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่เลยปลอมเป็นผีเพื่อหลอกคนที่ไม่ยอมอยู่บ้าน วิ่งกลับบ้านกันป่าราบเลย โอ้ยย 5555555555555555555



    ที่อินโดไม่ให้ออกจากบ้านตอนกลางคืนแต่ยังมีคนฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่เลยปลอมเป็นผีเพื่อหลอกคนที่ไม่ยอมอยู่บ้าน วิ่งกลับบ้านกันป่าราบเลย โอ้ยย 5555555555555555555 pic.twitter.com/eT6uSXjTFX

    — 유이님 (@yuiixyuii) April 1, 2020

    The post จนท.อินโดฯ ใช้ไม้เด็ดแต่งเป็นผี จัดการคนไม่กลัวโควิด ออกร่อนตอนกลางคืน appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
    https://www.springnews.co.th/social/640624
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ดูเตอร์เต” เอาจริง! สั่งยิงทันทีหากพบผู้ฝ่าฝืนล็อกดาวน์
    40&h=282&url=https%3A%2F%2Fspcdn.springnews.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F04%2Fduterte13.jpg
    โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ มีคำสั่งเด็ดขาดไปยังตำรวจและทหารที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 จนรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ล่าสุดมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในสลัมออกมาชุมนุมประท้วงแสดงความไม่พอใจมาตรการนี้ของรัฐบาลเนื่องจากขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

    “ถือว่านี่เป็นคำเตือนที่ฝากไปยังประชาชนทุกคน ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลเพราะนี่คือสถานการณ์ขั้นวิกฤติ และหากพบว่าใครทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข รวมทั้งหมอ จะถือเป็นการก่ออาชญากรรมขั้นร้ายแรง หากพบว่าผู้ใดก่อปัญหา ผมขอสั่งให้ตำรวจและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยยิงคนเหล่านั้นได้ทันที”ดูเตอร์เต แถลงทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ

    คำประกาศของดูเตอร์เต มีขึ้นในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในฟิลิปปินส์ ยังไม่บรรเทาลง โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 2,311 ราย และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตในสัดส่วนสูงถึง 96%

    https://www.springnews.co.th/global/640647
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป่วน! ตำรวจนิวยอร์กกว่า 1,000 นาย ติดเชื้อโควิด 19
    w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fspcdn.springnews.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2020%2F04%2Fnypd12.jpg
    กรมตำรวจนิวยอร์ก (เอ็นวายพีดี) เปิดเผยว่า ในบรรดาเจ้าหน้าที่เอ็นวายพีดีจำนวนกว่า 36,000 ราย มีตำรวจ 1,048 นาย และพนักงานฝ่ายพลเรือน 145 ราย ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเจ้าหน้าที่เอ็นวายพีดีจำนวน 5,657 ราย หรือมากกว่า 15% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ได้แจ้งลาป่วยแล้ว

    รัฐนิวยอร์ก ถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 75,983 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์ก ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 1,714 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน และหลุยเซียนา

    https://www.springnews.co.th/global...g2XpPjqcMwHP-83CkelNKnRzFooZ4r4PG0_MeUH1d3E6c
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กัปตันเรือ ทหารสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลรีบตัดสินใจ หลังพบผู้ติดเชื้อบนเรือ 80 ราย
    %2F%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF-FB.jpg
    กัปตัน เบรตต์ โคซิเออร์ ของเรือบรรทุกอากาศยาน ธีโอดอร์ โรสเวลต์ ของสหรัฐฯ เรียกร้องขอความช่วยเหลือในจดหมายความยาว 4 หน้า หลังพบ ทหารสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    เรือลำดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ ทหารสหรัฐฯ และลูกเรือราว 5,000 นาย และพบผู้ติดเชื้อรายแรกสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จึงเข้าเทียบท่าที่เกาะกวม เกาะที่เป็นอาณาเขตของสหรัฐฯ ในทะเลแปซิฟิกตะวันตก

    จดหมายฉบับดังกล่าว อธิบายสถานการณ์บนเรือ ว่าพบเจ้าหน้าที่ทหารติดเชื้อมากขึ้น และเรือไม่มีพื้นที่ให้กักกันและแยกตัวเพียงพอ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯตัดสินใจ และอพยพทหารกว่า 4,000 นาย และเจ้าหน้าที่เรืออื่นๆ ออกจากเรือ และแยกตัวกักกันโรค

    “เราไม่ได้อยู่ในสงคราม ทหารไม่จำเป็นต้องตาย ถ้าเราไม่ทำอะไรตอนนี้ เรากำลังล้มเหลวในการดูแลทหารเรือของเราอย่างเหมาะสม”

    สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อบนเรือลำดังกล่าวเกือบ 80 ราย และคาดว่าจะพบมากขึ้น เพราะกำลังตรวจทุกคนบนเรือ

    จดหมายโดยกัปตันเรือฉบับนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของซานฟรานซิสโก รายงาน และข้อมูลได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ก เอสเปอร์ ระบุว่า มีแผนที่จะอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากเรือ และยังไม่ได้อ่านรายละเอียดจดหมายที่เป็นข่าว

    ขณะที่เกาะกวมเอง พบผู้คิดเชื้อแล้วเกือบ 60 ราย และเริ่มมีปัญหากับการรับมือโรคระบาด โรงพยาบาลใกล้เต็มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยแล้ว

    The post กัปตันเรือ ทหารสหรัฐฯ เรียกร้องรัฐบาลรีบตัดสินใจ หลังพบผู้ติดเชื้อบนเรือ 80 ราย appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์
    https://www.springnews.co.th/global/640502
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดสลด ทารกอเมริกันวัยแค่ 6 สัปดาห์ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิต
    เด็กทารกวัยเพียง 6 สัปดาห์ในสหรัฐฯ เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เขากลายเป็นผู้เสียชีวิตที่อายุน้อยที่สุดในโลก
    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEsWpHMzkAiF8JyAx7fcOAUBj79QiiX7UKjlj3vJ8nOyxdkD2lV.jpg
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/for...AET7kjW1ya_wL6s9o5Onzrc-7BlfXGVzTN3aV_SwL3VkY
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดฟ้าส่องโลก : จะถูกเปิดเผยเมื่อแพ้
    dFQROr7oWzulq5FZUErVA16FPmGNXPOeyfWEZWdRFYjC0vaXmzDdZ8SEWBLyHZLvO45.jpg
    หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้นำญี่ปุ่นหลายรายกลายเป็นอาชญากรสงครามและได้รับโทษ ทว่าพลโทอิชิและคนในหน่วย 731 กลับพ้นผิด โซเวียตซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ชนะสงครามไม่ยอมและสามารถลากคนพวกนี้จำนวนหนึ่งเข้าไปดำเนินคดีและติดคุกอยู่ในแผ่นดินโซเวียตได้

    พลโทอิชิรอดเพราะมีการตกลงกับสหรัฐฯอย่างลับๆ มีการตกลงกับนายพลแม็คอาเธอร์ว่าตนจะมอบข้อมูลบันทึกลับทั้งหมดของหน่วย 731 ที่ดำเนินการมา 13 ปีให้สหรัฐฯ สหรัฐฯซึ่งเป็นผู้นำโลกและเป็นผู้ชนะสงครามที่เข้าควบคุมญี่ปุ่นจึงไม่ยอมเซ็นอนุมัติให้มีการสอบสวนผู้คนในหน่วย 731 ผลจากการไม่สอบสวนนี้ทำให้ญี่ปุ่นไม่ต้องทำเรื่องขอโทษจีนและไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายชดเชยให้กับครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว


    นอกจากจะเพิกเฉยต่อความโหดร้ายทารุณของหน่วย 731 แล้ว สหรัฐฯยังมีการกระทำที่ปกป้องหน่วย 731 ในเวทีโลก โซเวียตพยายามที่จะดำเนินคดีข้อหาอาชญากรรมสงครามกับผู้คนในหน่วย 731 แต่โดนสหรัฐฯตีตกมาโดยตลอด ฝ่ายโซเวียตสืบสวนหาข่าวจนทราบว่าข้อมูลพิเศษของหน่วย 731 ที่สหรัฐฯได้ไปนั้น เป็นศักยภาพด้านอาวุธเคมีชีวภาพ ตลอดจนปฏิกิริยาของมนุษย์ต่ออาวุธเคมีชีวภาพเหล่านั้น

    หลักฐานที่จีนและโซเวียตต่างค้นหาจนได้ข้อสรุปตรงกัน ส่วนใหญ่เป็นรูปภาพ เอกสาร ผลการทดลอง ซากโครงกระดูก และมีพยานบุคคลอีกจำนวนมาก

    พลโทอิชิจบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกียวโต เคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารในยุโรป และเคยไปศึกษาวิจัยทางอาวุธชีวภาพที่สหรัฐฯ เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัยแบคทีเรียวิทยาที่กองบัญชาการทดลองวิจัยป้องกันโรคระบาดของกองทัพ หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม พลโทอิชิก็เข้าทำงานช่วยกองทัพอเมริกันในการสร้างอาวุธชีวภาพในสงครามเกาหลี พลโทอิชิตายกลายเป็นผีเมื่อ 9 ตุลาคม 1959 ด้วยโรคมะเร็งในลำคอที่บ้านเกิดในจังหวัดชิบะ

    ภาพที่จีนและโซเวียตมีนั้นสุดอเนจอนาถ มีการจับมนุษย์ที่ยังมีชีวิตมาเป็นหนูทดลองในค่ายซึ่งมีรั้วลวดหนามล้อมรอบหลายชั้นในพื้นที่ดินมากกว่า 400 ไร่ มีห้องทดลองมากมาย มีส่วนของห้องที่ใช้ขังคนจีนที่เพิ่งจับมาได้ มีเตาเผาศพขนาดใหญ่ ฯลฯ

    เรื่องการฆ่าคนตายเป็นแสนเป็นล้านคน ฝ่ายแพ้เท่านั้นจึงจะถูกเปิดโปง อีกตัวอย่างก็คือพฤติกรรมชั่วของทหารนาซีเยอรมันในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์-เบียเคอเนาที่โปแลนด์ ซึ่งภายหลังมีการยอมรับในการตัดคดีนูเรมเบิร์กว่ามีผู้คนเสียชีวิตในค่ายนี้มากถึง 3 ล้าน ต่อมาพิพิธภัณฑ์แห่งรัฐเอาช์วิทซ์-เบียเคอเนาขอปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็น 1.1 ล้านคน ส่วนใหญ่ตายจากการรมก๊าซ การประหารชีวิต การทดลองทางการแพทย์ ฯลฯ

    โลกนี้ยังมีสิ่งที่โหดร้ายมากมาย เพียงแต่ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ การฆ่าพลเมืองของประเทศศัตรูเป็นแสนเป็นล้านคนนั้น มีมาก่อนมากมายหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ขอฝากให้ตระหนักในข้อเท็จจริงนี้ และขอท่านอย่าโลกสวยจนเกินไป.

    นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
    songlok1997@gmail.com
    https://www.thairath.co.th/news/for...8fGQ-NXW-PZWZmne2GHIn2XKHp5yWEDlKJn4FoEoDfeQE
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์คัดแยกผู้ป่วยสร้างเสร็จใน 10 วันฝีมือ ‘ทหารช่างประเทศไทย’
    2Fuploads%2F2020%2F04%2F%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg
    ภารกิจ กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 1 นำโดย พ.ท.บุรินทร์ ธีระวัฒนวิศิษฎ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ที่ ได้รับความไว้วางใจจากองค์การสหประชาชาติ ในการสร้างอาคารคัดกรอง ผู้ป่วย โควิด-19 เพิ่มเติม โดยสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 10 วัน ซึ่งแบ่งเป็นห้องสามารถรองรับได้ 50 คน

    ปัจจุบันแม้ว่าจะยังไม่มีกำลังพลป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 และยังไม่มีการระบาดในเซาท์ซูดาน อีกทั้งประเทศเซาท์ซูดาน มีมาตรการป้องกันและปิดประเทศ งดเที่ยวบินเข้า-ออก และให้กำลังพลของไทยทั้งหมดกลับมา ณ ที่ตั้ง ทำงานในค่ายทหารสหประชาชาติ เป็นหลัก ห้ามเจ้าหน้าที่ออกนอกค่าย พร้อมปฏิบัติตัวตามมาตรการของ ยูเอ็นอย่างเคร่งครัด อาทิ การทำงานต้องมีจุดให้ล้างมือ มีเจลแอลกอฮอล์ และที่สำคัญ Social Distancing

    ภารกิจปรับปรุงเส้นทางพร้อมกับการสร้างถนน ในเซาท์ซูดาน ของกองร้อยททหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว 580 กิโลเมตร จากทั้งสิ้นกว่า 1,000 กิโลเมตร ที่มีหลายประเทศร่วมก่อสร้าง ตามภารกิจสันติภาพและปรับปรุงเส้นทางในนามองค์การสหประชาชาติ ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2561 มาจนถึงปัจจุบัน

    ประกอบกำลังจาก กรมการทหารช่าง กองทัพภาคที่ 3 กรมแพทย์ทหารบก และกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 273 นาย ปัจจุบันได้ปฏิบัติงาน ณ ที่ตั้งในค่ายทหารสหประชาชาติ UNMISS Tomping Compound เมืองจูบา เป็นหลัก

    https://www.springnews.co.th/global/640464
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘อยู่บ้าน – หยุดเชื้อ’ เรื่องจริงที่อยากให้ทุกคนอ่าน “ถ้าอยากรอด” !!!
    Fuploads%2F2020%2F04%2F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%8C2.jpg
    ในระหว่างที่หลายคนกำลังครุ่นคิดกับสภาพการทำงาน เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันที่ต้องทำงานแลกกับเงินเพื่อปากท้อง ซึ่งต้องพบกับปัญหามากมายกระทั่งพิิษจาก โควิด-19 ไวรัสร้ายตัวใหม่ได้เข้ามารุกรานแนวความคิดในการทำงานแบบเดิมๆ จากที่ตองตื่นขึ้นมาแล้วเดินทางออกจากบ้านไปทำงาน กลับกลายเป็นการนั่งทำงานอยู่ในพื้นที่ปิดอย่างบ้าน คอนโดหรือกระทั่งหอพัก ของเหล่ามนุษย์เงินเดือน

    แท้จริงแล้วการหยุดอยู่บ้าน หรือ Quarantine หรือบรรดามาตรการ Social Distancing การรักษาระยะห่างทางสังคมจะทำให้เรา “รอดตาย” จากเชื้อโควิด-19 หรือทำให้เรา “อดตาย” จากการไร้งานทำ ขาดรายได้กันไปเสียก่อน

    เวลานี้ เมืองไทยมีกระแสความคิดเห็นออกมาสองมุมมองดังกล่าว สำรวจข่าวสารพบว่าทางหนึ่ง บรรดานักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน หลายคนออกมาพูดถึงเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจระดับมหาสึนามิ ที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโดยตรง แต่เกิดจากมาตรการการปิดสถานประกอบการต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบถึงกันเป็นลูกโซ่ไม่ต่างจากเชื้อโรคที่ติดถึงกัน และคนที่ “ตายแน่ๆ” คือรากหญ้า-ลูกจ้างตัวเล็กๆ และอาจหมายถึงคนระดับผู้จัดการโรงงานที่ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย

    ขณะที่อีกทางหนึ่ง ฟากฝั่งคุณหมอ ไปจนถึงองค์การอนามัยโลก ผู้ซึ่งมีหน้าที่ในมิติของสุขภาพอนามัย การควบคุมการแพร่เชื้อ การรักษาเยียวยา ก็ยังคงท่องคาถา “หยุดบ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า เป็นวิธีการสำคัญที่จะทำให้การแพร่เชื้อลดลงและหมดไปได้ และต้องยอมรับอีกเช่นกันว่าวันนี้บุคลากรทางการแพทย์อ่อนล้ามากเต็มทีแล้ว

    ล่าสุด ฝั่งผู้วิงวอนให้อยู่บ้านได้ออกมาย้ำเตือนอีกครั้ง ในการเสวนาครั้งสำคัญเพื่ออธิบายว่าทำไมเราคนไทยถึงต้องหยุดอยู่บ้าน ในหัวข้อ “อยู่บ้าน อยู่ห่าง อยู่รอด” จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข

    ซึ่งสองคุณหมอจากสองกรมที่ออกมาพูดเรื่องนี้ คือ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต และ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย

    สองคุณหมอจากสองกรมจับมือทำงานร่วมกันเพื่อบอกกล่าวเล่าแจ้งอีกครั้งว่า ทำได้ ทำเถอะ ทำเลย “อยู่บ้านเพื่อรอด”!!

    ตัวเลขคือของจริง

    นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เริ่มด้วยการแสดงกราฟตัวเลขต่างๆ จากการใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคมออกมาเป็นแบบสำรวจวัดอุณหภูมิใจ ซึ่งเป็นการศึกษาทางด้านระบาดวิทยาสุขภาพจิต โดยมีตัวเลขที่องค์การอนามัยโลกบอกว่าต้องทำให้กี่เปอร์เซ็นต์ แล้ววันนี้คนไทยทำได้กี่เปอร์เซ็นต์

    อธิบดีกรมสุขภาพจิตระบุว่า แน่นอนเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง โควิด-19 ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งทางฝ่ายควบคุมโรคก็พยายามดูแลอยู่ แต่เมื่อระบาดอย่างแพร่หลาย มาตรการเรื่องบุคคลในการที่จะไปควบคุมค้นหาโรค ก็ได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ว่าการป้องกันการระบาดเป็นวงกว้างก็มีมาตรการที่สำคัญที่ไม่ใช่การใช้ยาหรือการแพทย์อะไรเลย ก็คือการเว้นระยะห่าง

    สำหรับการที่จะรู้ว่าประชาชนมีความตื่นตัวกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนี้อย่างไรบ้าง ทางกรมสุขภาพจิตจึงมีผลสำรวจมาฝาก โดยตั้งคำถามว่า

    “ท่านกังวลกับปัญหาโควิด 19 อย่างไร” ผู้ตอบแบบสอบถาม 15,838 คน มีความกังวลสูง 18.15% กังวลต่ำ 5.68% และกังวลปานกลางอยู่ที่ 76.17%

    “เราอยากให้ตระหนักไม่ตระหนก คนที่ตระหนกคือกังวลสูงเกินไป ก็ไม่มีสติที่จะดูแลตัวเอง หรือป้องกันคนรอบข้างได้ ถ้ามีความตระหนักเขาจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารและเตรียมตัวเตรียมใจในการดูแลตัวเองได้”

    สำหรับตัวเลขที่มีการศึกษาเรื่อง social distancing กับจำนวนการติดเชื้อพบว่า ถ้าประชาชนมีการทำ social distancing 70% ของประชากร เส้นกราฟการติดเชื้อยังคงวิ่งขึ้น ซึ่งแปลว่าไม่เกิดประโยชน์ ขณะที่ถ้าเพิ่มเป็น 80-90% ตัวกราฟผู้ติดเชื้อจะดิ่งลงทันทีชัดเจนมาก

    “เพราะฉะนั้นจุดวิกฤติของเราคือระหว่าง 70% ถ้าจะให้ดีต้อง 80-90% ขึ้นไป ซึ่งจะมีผลทำให้การระบาดเป็นไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ระบบทางการแพทย์ และสาธารณสุขของประเทศไทยเราสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพและพอเพียงกับผู้ป่วย”

    นอกจากนี้ยังมีการสำรวจพฤติกรรมของคนไทยว่ามีการทำ social distancing หรือไม่อย่างไร พบว่าในกลุ่มที่หลีกเลี่ยงไปที่แออัดพบมากถึง 83.9% ไม่ทำ 16.1%, ในกลุ่มที่ใกล้ชิดไม่เกิน 2 เมตร มีการทำถึง 86.9% ไม่ทำ 13.1%

    โดยเมื่อเพิ่มคุณภาพมากขึ้นว่า ที่หลีกเลี่ยงนี้ “ทำประจำ” หรือ “ทำบ่อยๆ” พบว่าในกลุ่มที่หลีกเลี่ยงไปที่แออัดทำประจำ 66% ทำบ่อยๆ 28.3%, ในกลุ่มที่ใกล้ชิดไม่เกิน 2 เมตร มีการทำประจำถึง 69.6 และทำบ่อยๆ 24.7%

    อย่างไรก็ดีล่าสุดมีตัวเลขของผู้ที่ทำประจำ ทั้งในส่วนของกลุ่มที่่หลีกเลี่ยงไปที่แออัด และกลุ่มที่่ใกล้ชิดไม่เกิน 2 เมตรเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องทำสำคัญที่เราจะต้องเร่งให้มีตัวเลขที่ไปทางการทำ social distancing เป็นประจำทั้งหมดให้ถึง 90% ก็น่าจะพอใจ” นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

    ต้องทำให้ได้

    หลังจากนั้น พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ก็ได้กล่าวในการเสวนานี้ว่า “อยู่บ้าน อยู่ห่าง อยู่รอด” ต้องทำให้ได้

    “ถามว่ากลัวมั้ย ทุกคนตอบตรงกันหมดว่ากลัว และคำถามที่ทุกคนถามต่อก็คือ กลัวติดมั้ย กลัว เพราะฉะนั้นเวลาที่เราบอกว่าอยู่รอด มันต้องอยู่ห่าง เพราะถ้าติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยทั้งหมดตอนนี้ การติดเชื้อยังเกิดจากการที่ท่านไปในจุดที่ใกล้กับตัวเชื้อ ไม่ว่าจะโดยตัวท่านเองไปอยู่พื้นที่เสี่ยง และไปรับเชื้อในพื้นที่ที่มีการระบาด หรือไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แล้วก็ติด”

    ถามว่าระยะห่างที่เราต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง พญ.พรรณพิมล บอกว่านอกจากตัวบุคคล สำหรับคนที่ยังต้องมีวิถีชีวิตที่ต้องเดินทางไปทำงาน เมื่อกลับมาบ้านก็ต้องรักษาระยะห่างทั้งการไม่เข้าใกล้กันเกิน 2 เมตร การใช้ช้อนกลางแยกกันคนละอัน แล้วก็ยังมีเรื่องของมาตรการปิดสถานที่ต่างๆ ซึ่งมาตรการนี้มีขึ้นเพื่อทำให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น

    “ตรงนี้เราจะรู้เลยว่า ในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์ เดิมเราเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนบ้าง เช่นไปทำงาน เลิกงานก็พบปะสังสรรค์ แวะซื้อของ แวะไปเดินเล่น แต่วันนี้เราต้องตอบให้ได้ว่าเราต้องลดสิ่งเหล่านี้ลงมากกว่า 80-90% ดังนั้นมาตรการนี้ของรัฐก็คือทำให้ท่านไม่ไปไหนมาไหนมากนัก”

    อย่างไรก็ดีมุมนี้ พญ.พรรณพิมลระบุว่า เราก็ต้องออกแบบตัวเองว่าแล้วใน 1 สัปดาห์ จะเหลือพื้นที่ที่เขาอนุญาตให้ไปอะไรบ้าง เช่น ไปซื้ออาหาร ของใช้จำเป็นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

    ส่วนมาตรการในการปิดสถานที่ พญ.พรรณพิมลแจงว่า ไม่ใช่แปลว่าให้เราย้ายที่ เช่นมีการปิดสถานที่บันเทิงแล้วคนไปนัดบันเทิงกันที่อื่น แต่แปลว่าตรงจุดนั้นคือความเสี่ยง โดยทุกมาตรการที่รัฐออกได้คำนึงแล้วว่ามันมีความเสี่ยงต่อทุกคน

    อย่างไรก็ดีในกลุ่มที่ Work From Home เวลานี้มีผลสำรวจออกมาว่า มีการทำอยู่ 40% พญ.พรรณพิมลระบุว่ายังน้อยไป แต่วันนี้ต้อง Work From Home ไปให้ไกลกว่า 60-70% ต้องเริ่มออกแบบงานให้ลดการทำงานในที่ทำงานลงไปให้ได้มากกว่านี้ และต้องทำให้ได้

    ใครอ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจพูดว่าฟังดูเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ ยังมีความน่ากลัวที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันกับมาตรการปิดที่กล่าวไปข้างต้น นั่นคือภาวะการเงินฝืดเคืองของผู้คนและระบบเศรษฐกิจที่กำลังจะล้มละลาย ที่หลายฝ่ายพูดว่า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการชดเชยรายได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการแก้ไขปัญหา เมื่อธุรกิจต่างๆ ที่เหมือนเป็นฟันเฟืองเรื่องเงินทองยังไม่หมุน ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ เศรษฐกิจก็คงฟื้นยาก ดีไม่ดีเราจะอดตายกันก่อนที่จะติดเชื้อ !

    แต่อีกมุมหนึ่งซึ่งต้องไม่ลืมคือ ถ้าคนไทยยังมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยล้มตายรายวัน การเดินหน้าฟื้นฟูทางเศรษฐกิจก็สามารถว่ากันใหม่ได้แน่นอน!!

    https://www.springnews.co.th/thailand/640448
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เหยื่อโควิดอิตาลีพุ่ง 13,000 ศพแล้ว รบ.ขยายเวลาล็อกดาวน์ถึง 13 เม.ย.
    อิตาลีมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 13,000 ศพแล้ว แต่ยอดรายวันลดลงจากเมื่อวันอังคาร ขณะที่รัฐบาลขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีก

    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEsWoyeDXLfFe4XGycZcyRNVn26LpHKYalfY7c8lKoyKAfMYCZd.jpg

    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/for...ogKgfO8TzzKes_T7fQ2gJODnPh-Ct1rdEoGghQHeTgxpU
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยืนยันรายแรก "สมุทรสงคราม" พบผู้ป่วยติด "โควิด-19" แล้ว 1 ราย
    ผู้ว่าฯยืนยัน จ.สมุทรสงคราม พบผู้ป่วยติดเชื้อ "โควิด-19" รายแรกวันนี้ เป็นชายอายุ 27 พนง.ขับรถ รพ.เอกชน ส่งรักษาตัวแล้ว สั่งเมียกักตัวพร้อมเพื่อนร่วมงานใกล้ชิด 14 วัน พร้อมไล่เช็กไทม์ไลน์ก่อ

    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEsWoyNRdRrBdAzUtYVcuTQDVtSnla4HBAwltWyOGGyg5Ofnb0x.jpg

    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/loc...qFdxY0Ok_NYDUPtm_KCD09K5aPpNr64IdV3GIkv0ksbEw
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ขสมก. พร้อมยกระดับมาตรการสีเหลือง ลดจำนวนรถเมล์ ป้องกันโควิด
    ผู้โดยสารลดเหลือ 60% ขสมก.พร้อมยกระดับสีเหลือง เข้มข้นขึ้น เน้นจำกัด-ลดจำนวนรถเมล์แต่ละสาย ป้องกันโควิด

    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEsWoZ5UIKRCS3Sym7r2m0bVvR5xKCn4heI1Y5K2UQuvNIZKTrm.jpg

    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/bus...44bKBJ4IaS7TTlCOAyXFA3znDJ2chzAKYYO-O2dAdzjGU
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ห่วง แพทย์หญิงอู่ฮั่น หมอคนแรกแจ้งเตือนพบเชื้อโควิด หายไร้วี่แวว
    อ้าย เฟิน แพทย์หญิงเมืองอู่ฮั่น หายไปอย่างไร้วี่แวว หวั่นโดนทางการจีนควบคุมตัว หลังจากเป็นหมอคนแรกในอู่ฮั่นที่แจ้งเตือนเพื่อนร่วมงาน พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสคล้ายเชื้อซาร์ส
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline
    www.thairath.co.th%2Fmedia%2FdFQROr7oWzulq5FZUEsWoZs398eGNBxGYH034xpzgOGWCP2LzXy22XM4K79nfop8nIX.jpg
    เมื่อ 1 เมษายน 63 สื่อต่างประเทศ รวมทั้งเดลี่เมลและเว็บไซต์60 minutes สื่อในออสเตรเลียช่วยกันรายงานข่าว ดร.อ้าย เฟิน แพทย์หญิงชาวจีน หัวหน้าแผนกฉุกเฉินประจำโรงพยาบาลกลางในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน ได้หายไปอย่างไร้วี่แวว จนหวั่นเกรงว่าเธออาจถูกเจ้าหน้าที่ทางการจีนควบคุมตัวไว้ หลังจากแพทย์หญิงอ้าย เฟิน เป็นหนึ่งในกลุ่มแพทย์ชุดแรกในอู่ฮั่น ที่ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่คล้ายกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์สในเมืองอู่ฮั่น

    ตามรายงานระบุว่าแพทย์หญิงอ้าย เฟิน เป็นแพทย์คนแรกในอู่ฮั่นที่แจ้งเตือนไปยังเพื่อนร่วมงานและแพทย์คนอื่นๆ เกี่ยวกับการพบผู้ป่วยอาการปอดเสบจากการติดเชื้อไวรัสคล้ายไวรัสซาร์ส โดยเธอได้ส่งข้อความแจ้งเตือนดังกล่าวไปให้ นายแพทย์หลี่ เหวินเหลียง จักษุแพทย์หนุ่มในเมืองอู่ฮั่นด้วย และเขาได้เป็นคนแจ้งเตือนความกังวลนี้ผ่านทางสังคมออนไลน์ ก่อนนายแพทย์หลี่ เหวินเหลียง จะติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จนสร้างความเศร้าเสียใจให้แก่ชาวจีนและชาวโลกอย่างยิ่ง

    เดลี่เมล เผยว่าแพทย์หญิงอ้าย เฟิน เปิดเผยว่าเธอได้ถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกลางอู่ฮั่นตำหนิอย่างรุนแรงมาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากเธอได้เผยแพร่รูปผู้ป่วยคนหนึ่งที่ติดเชื้อไวรัสคล้าย SARS ซึ่งรูปดังกล่าวได้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ และทำให้นายแพทย์หลี่ เหวินเหลียง นำเรื่องไวรัสปริศนานี้มาแจ้งเตือนแก่ประชาชน

    ต่อมา แพทย์หญิงอ้าย เฟิน ยังได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารในจีนฉบับหนึ่งโดยเธอได้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการของโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น ที่ไม่ยอมเตือนประชาชนแต่เนิ่นๆ เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา ทว่าสังคมภายนอกไม่เคยเห็นรายงานการให้สัมภาษณ์นี้เลย กระทั่งต่อมาสื่อ 60 minutes Australia นำมารายงาน

    https://www.thairath.co.th/news/for...LDAYtDhwnm1FWBnIhJlBD1Wa4kiBSCyBWMMg25iagbXhc
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Workpoint News

    ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวหนักที่สุดในอาเซียน โดยอาจติดลบมากถึง 5% จากปี 2019 ทั้งนี้เป็นผลจากวิกฤติ covid-19
    qzTkhD1WyFRpWOVLa2c-R8-6utKcEER3U3z3pYLD66bA&_nc_ohc=t7aAXiNg1fYAX9cjuWv&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    ธนาคารโลก (World Bank) ได้ออกรายงานเรื่อง “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิคในช่วงโควิด-19” (East Asia and Pacific in the Time of COVID-19) โดยรายงานดังกล่าวได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงบางประเทศในเอเชียตะวันออก ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากวิกฤติ covid-19 ในครั้งนี้บ้าง
    .
    รายงานฉบับดังกล่าวนี้ประเมินว่า การระบาดครั้งนี้กำลังส่งผลกระทบอย่างถึงรากถึงโคนไปยังระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค สำหรับประเทศจีน ในกรณีที่ดีที่สุดปีนี้จะเติบโต +2.3% จากปีก่อน และในกรณีที่แย่ที่สุดจะเติบโตเพียง +0.1% ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ล้วนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นี้ทั้งสิ้น โดยหลายประเทศมีโอกาสที่ปีนี้เศรษฐกิจโดยรวมจะหดตัว เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
    .
    สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบหนักสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยในกรณีดีที่สุด ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะหดตัว -3.0% และในกรณีที่แย่ที่สุด ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจไทยอาจหดตัวได้มากถึง 5.0% การประเมินของธนาคารโลกนี้สอดคล้องกับการประเมินของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาประกาศในสัปดาห์ก่อนว่าปี 2020 นี้ GDP ของไทยน่าจะหดตัวลงกว่า 5.3%
    .
    ทั้งนี้ รายงานของธนาคารโลกยังได้ระบุด้วยว่า ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้มากๆ คือประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก ก่อหนี้สูง รวมถึงพึ่งพิงการไหลเวียนของเงินจากต่างประเทศ
    .
    นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังได้ประเมินด้วยว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด วิกฤติโควิด-19 นี้อาจทำให้จำนวนคนจนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิคเพิ่มขึ้นอีกกว่า 11.3 ล้านคนในปีนี้ด้วย
    .
    ที่มา https://openknowledge.worldbank.org/handle/10986/33477
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Forex Investor Trader Survivor

    หลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานเรื่อง Demand vs. Supply กำลังเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมน้ำมัน วันนี้กำลังอยู่ในภาวะน้ำมันล้นตลาดเกินความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลก
    =https%3A%2F%2Fcdn.cnn.com%2Fcnnnext%2Fdam%2Fassets%2F200331120011-oil-refinery-1214-super-tease.jpg
    ผลที่ตามมา คือ ราคาน้ำมันลดฮวบอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่า กำลังเข้าใกล้จุดที่ผลิตออกมาแล้วไม่มีใครซื้อ
    .
    น้ำมันดิบที่โรงกลั่นน้ำมันซื้อไปกลั่น แล้วเก็บไว้ในคลังน้ำมัน วันนี้กำลังอยู่สภาวะใกล้ไม่มีที่เก็บแล้ว คลังน้ำมันเกือบทุกแห่งทั่วโลกกำลังจะล้นคลัง เพราะกลั่นน้ำมันออกมาแล้วมีคนซื้อไปใช้น้อยกว่าน้ำมันที่กลั่นได้ น้ำมันมีล้นสต๊อก
    .
    ผู้ผลิตน้ำมันดิบก็แข่งกันลดราคา ทั้งซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ตัดราคาขายกัน ผู้ที่ขายถูกกว่ายังพอมีผู้สนใจซื้อบ้าง ถ้าใครไม่ปรับราคาก็จะไม่มีรายได้
    .
    อเมริกาที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก เริ่มหมดสภาพการแข่งขัน เพราะน้ำมันส่วนใหญ่ที่ผลิตได้มาจากหินดินดานซึ่งมีต้นทุนสูง แค่จ่ายค่าจ้างคนทำงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต้นทุนสูงกว่าราคาที่ขายได้ ถ้าเอาต้นทุนทางการเงินของเงินลงทุนมาร่วมคำนวณด้วยก็จะยิ่งเห็นภาพการขาดทุนที่ชัดเจนมากขึ้น
    .
    วันนี้เริ่มได้เห็นราคาน้ำมันที่เสนอขายต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ต่อบาเรลแล้ว
    .
    ถ้าราคาเสนอขายน้ำมันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะเหลือแต่ผู้ผลิตน้ำมันที่ขุดเจาะบนดินแบบดั้งเดิมที่จะอยู่รอดต่อไปได้
    .
    พวกที่ต้องไปดูดน้ำมันในทะเล หรือสกัดจากหินดินดาน จะไม่สามารถอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันได้อีกต่อไป
    .
    ถนนต่าง ๆ ทั่วโลกกลายเป็นถนนที่ไม่มีรถวิ่ง เครื่องบินจอดทิ้งร้างอยู่บนรันเวย์ โรงงานที่เคยมีคนทำงานกันคึกคักวันนี้ปิดไฟกันมืดสนิท
    .
    กิจกรรมที่ต้องใช้น้ำมันจำนวนมาก ลดน้อยลง หรือหดหายไป
    .
    เกิดการล่มสลายในความต้องการใช้น้ำมัน ราคาน้ำมันดิบตกต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี และเริ่มมีการคาดการณ์ว่ากำลังถึงจุดที่ไม่มีใครต้องการซื้อน้ำมัน
    .
    มันแย่ถึงขนาดที่ คลังน้ำมันทุกแห่งทั่วโลก กำลังจะไม่มีที่เก็บ
    .
    ใครอยากซื้อน้ำมันราคาถูกมาเก็บเอาไว้ขายตอนราคาดีกว่านี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีที่เก็บ
    .
    แม้แต่ผู้ผลิตน้ำมันดิบก็มีปัญหาไม่มีที่เก็บเช่นกัน อาจต้องปล่อยให้มันอยู่ในดิน ทราย หรือทะเล ไว้ก่อน....
    .
    https://edition.cnn.com/2020/04/01/...g_cqD1BcPqMHyZmnAkLRkX3ESerEKzrJLvRYCu-JXhXqI
    .

    Cr : ธุรกิจ 4.0
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    อินเดีย น่าสงสารมาก "#ธรรมชาติคัดกรอง"
    ทันทีที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนเรนดรา โมดี ของอินเดียประกาศล๊อกดาวน์ประเทศ คนงานระดับล่าง จำนวนราว100ล้านคนก็ต้องตกงานในทันที ร้านรวงและสำนักงานปิดประตูอย่างไม่มีเยื่อใย นายจ้างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครมาคอยจ่ายเงินประจำวันให้คนงานอีกต่อไป เมื่อถูกลอยแพแบบกระทันหันเช่นนี้ คนงานเหล่านี้จะทำอย่างไรได้ จะอาศัยอยู่ต่อไปในนครนิวเดลลี ก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าอีกต่อไป สุดท้ายคนงานเหล่านี้ราวร้อยล้านคน รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดง ต้องเดินเท้ากลับบ้านเกิดในรัฐต่างๆ เพราะรถไฟราคาถูกปิดการให้บริการทั่วประเทศ ครั้นจะไปรถบัสหรือเหมารถก็ไม่มีเงินจ่าย การอพยพครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นในอินเดียขณะนี้ คนงานบางคนหอบลูกจูงหลานฝ่าความร้อนแดดแผดเผาเพื่อกลับบ้านที่มัธยประเทศ ระยะทางกว่า700กม. เหนื่อยนักก็พักข้างทาง กินอาหารที่หอบหิ้วมาด้วยเพื่อความประหยัดบางคนโชคดีหน่อยอยู่แค่รัฐราชสถาน ระยะ100กม. คนงานระดับล่างเหล่านี้ไดกลายเป็นผู้อพยพในฉับพลันหลังคำประกาศของรัฐบาล
    นี่ถือใด้ว่าเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดของโลก..ก็ว่าใด้ ในอดิตประมาณ 70 ปีปากีสถานแยกประเทศออกจากอินเดีย มีคนอพยบไปถึง 10 ล้านคน นั้นถือว่ามากที่สุดในโลกแล้ว แต่นี่มัน 100 ล้านคน เกือบ 1 ในสิบของประชากร..
     

แชร์หน้านี้

Loading...