ติดตามสถานะการณ์

ดาวหาง C / 2019 Y4 ได้รับการตั้งชื่อว่า ATLAS หลังจากถูกค้นพบโดยระบบการแจ้งเตือนล่าสุดของ Asteroid Terrestrial Impact นี่คือการตรวจจับดาวเคราะห์น้อยที่เข้ามาซึ่งอาจมีผลต่อโลก แต่นี่คือดาวหางไม่ใช่ดาวเคราะห์น้อย เบาะแสอยู่ในชื่อ (IMPACT) แล้วพวกมันยิงมันเป็นเศษ เพราะมันคุกคามโลก หรือดาวหางก็เป็นสะเก็ดตามธรรมชาติหรือไม่?

Comet C/2019 Y4 was named ATLAS after it was discovered by the Asteroid Terrestrial Impact Last Alert System. This is to detect incoming Asteroids that could effect the Earth. But this is a Comet not an Asteroid. The clue is in the name (IMPACT)So did they shoot it into fragments because it threatened the Earth or did the Comet naturally fragment?

 

#เสียงร่ำไห้จากคนต่างจังหวัด ทำไมถึงต้องการกลับบ้าน “ไม่มีงาน ไม่มีเงิน อยู่ต่ออาจอดตาย”

เผยแพร่: 2 พ.ค. 2563 21:33 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เสียงร่ำไห้! ของคนต่างจังหวัด ทำไมต่างก็ต้องการกลับบ้านหลังโควิด-19 ระบาด เหตุผลสำคัญ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน หลายคนต้องเช่าบ้าน ถ้าอยู่ต่ออาจจะต้องอดตาย ขอกลับไปตั้งหลักเก็บเงินก้อนสุดท้าย

คนต่างจังหวัดที่ทำงานอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ต้องการจะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด หลังไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก ส่งผลให้กิจการต่างๆ ต้องปิดตัวลง คนจำนวนมากต้องตกงาน ไม่มีรายได้ ถูกกักตัวอยู่ภายในเกาะภูเก็ตมาตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่สามารถข้ามเขตตำบลไม่ไหนมาไหนได้ตั้งแต่วันที่ 13 -30 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อไม่มีงาน ทำไม่มีรายได้ ไม่มีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เกิดขึ้นทุกวัน ทุกคนหวังว่าจะเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ไปอยู่บ้าน ตั้งหลัก แล้วค่อยกลับมาภูเก็ต เมื่อภูเก็ตกลับสร้างรายได้ให้แกาทุกคนได้อีกครั้ง

ข้อมูลคนต่างจังหวัดที่ลงทะเบียนกลับบ้านกับทางจังหวัดภูเก็ต มีกว่า 40,000 คน ทุกคนหวังจะได้กลับบ้านตามที่จังหวัดกำหนด เก็บของ เก็บสมบัติ คืนห้องเช่า เตรียมตัว เตรียมใจกลับบ้าน หวังว่าวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา จะได้เดินทางกลับบ้าน บางคนมารอตั้งแต่เวลา 05.00 น.ที่ด่านเปิดให้รถ-คนออกไปได้ คนที่ได้เดินทางออกจากภูเก็ตถึงบ้านอย่างมีความสุข ได้รับการต้อนรับจากจังหวัดปลายทาง ได้พบกับคนในครอบครัว อยู่กันพร้อมหน้า และกักตัวเองอยู่บ้านตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จำนวน 14 วัน

แต่บางคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น แผนการเดินทางกลับบ้านต้องสะดุด เมื่อจังหวัดภูเก็ต ประกาศปิดการปล่อยให้คนต่างจังหวัดกลับบ้านในช่วงบ่ายวานนี้ (1 พ.ค.) เมื่อจำนวนคนที่ต้องการเดินทางกลับบ้านมีเป็นจำนวนมาก บางจังหวัดออกมาประกาศไม่ให้ผ่านด่าน ไม่รับคนจากภูเก็ตเข้าพื้นที่ ทำให้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ

จะทำอย่างไรต่อ ในเมื่อได้คืนห้องเช่า เก็บของมาทั้งหมดแล้ว บางคนต้องนอนในจุดที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดไว้ให้เพื่อออกจากเกาะภูเก็ต บางคนต้องมารอที่ด่านตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อหวังว่าจะได้ออกจากภูเก็ตกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถที่จะอยู่ภูเก็ตได้แล้ว หากยังอยู่ต่อคงต้องอดตาย เพราะไม่มีงานให้ทำ จะอาศัยไปรับข้าวแจก รับถุงยังชีพ คงไม่พอประทังชีวิต หนทางเดียว คือ ต้องกลับบ้านให้ได้

นายสมบูรณ์ กันภัย ชาวจังหวัดพิจิตร อาชีพพนักงานโรงแรมที่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตนและครอบครัวต้องการที่จะเดินทางกลับบ้านที่ จ.พิจิตร เนื่องจากขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ตนและครอบครัวตกงานเพราะโรงแรมปิด ซึ่งตนงานมานานกว่า 1 เดือน บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า จึงอยากเดินทางกลับบ้านเพราะตอนนี้ลำบากมากค่าเช่าบ้านไม่มีจ่ายจนต้องบอกเลิกเช่า และเก็บข้าวของทั้งหมดจ้างรถให้มาส่งที่ด่านตรวจภูเก็ต และเหมารถจากพิจิตรให้มารับกลับบ้านโดยนัดรับกันที่บริเวณด่านท่าฉัตรไชย

แต่ถ้าตนและครอบครัวไม่สามารถเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตได้ก็คงไม่สามารถกลับไปพักที่บ้านเช่าได้แล้วเพราะบอกเลิกเช่าไปแล้ว ถ้าไม่ได้ออกจากจังหวัดภูเก็ตก็คงต้องนอนที่ด่าน ตนอยากกลับบ้านเพื่อไปตั้งหลักก่อนที่กลับมาสู้ใหม่ ถึงตอนนี้ทุกคนลำบากมากจะให้ออกไปรับของบริจาคทุกวันก็ไม่ไหว จึงเก็บเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่เหมารถเพื่อเดินทางกลับบ้าน จึงอยากขอร้องทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านด้วย

ขณะที่นางทิพย์ ชาวจังหวัดพิจิตร ซึ่งเดินทางมากับครอบครัว จำนวน 9 คน เพื่อยื่นเอกสารขอเดินทางกลับบ้านที่พิจิตร กล่าวว่า ตนเดินทางมาที่ด่านตั้งแต่เมื่อวาน (1 พ.ค.) แต่เมื่อมาถึงด่านไม่ปล่อยให้คนออกแล้ว จึงจอดรถนอนกันที่บริเวณด่าน เพื่อรอเผื่อจะได้ออกเดินทางกลับบ้าน ซึ่งตนและครอบครัวลำบากมาก มีคนท้อง 2 คน มีเด็ก มีสัตว์เลี้ยง แต่ตอนนี้จะให้อยู่ที่จังหวัดภูเก็ตก็อยู่ไม่ได้เพราะไม่มีเงินจ่ายทั้งค่าเช่าบ้าน ค่ากินอยู่ กลับไปบ้างยังพอมีอะไรให้ทำอย่างน้อยบ้านก็ไม่ต้องเช่า กลับไปอยู่บ้านเอง ซึ่งพวกตนพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของทางจังหวัดปลายทางโดยเฉพาะการกักตัว 14 วัน

แต่ตอนนี้พวกตนเดือดร้อน ต้องการกลับบ้าน อยู่ต่อไปก็มีแต่จะแย่ลง แม้ว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ตจะดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง จึงอยากกลับไปตั้งหลัก เพื่อที่จะได้มีเรี่ยวแรงกลับมาต่อสู้ต่อไป

ด้าน น.ส.เสาวรส เบนหลี ชาวจังหวัดยะลา กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า ว่า ตอนนี้ต้องการที่จะเดินทางกลับบ้าน โดยตนและสามีเดินทางมาที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชยตั้งแต่ช่วงหัวรุ่ง เพื่อที่จะขอเดินทางกลับบ้าน ซึ่งก็ได้ขนของออกจากห้องที่เช่าไว้ และขับรถจักรยานยนต์มาเพื่อที่เดินทางกลับไปที่ยะลา ซึ่งนอกจากจะไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าห้องแล้ว แม่ที่บ้านก็ไม่สบายซึ่งตอนนี้แม่อยู่บ้านคนเดียว และมีนัดที่จะต้องไปพบหมอ หลังจากที่ต้องตกงานพวกตนก็ต้องการที่จะเดินทางกลับบ้านเพื่อไปดูแลแม่ และกลับไปตั้งหลัก เพื่อวางแผนในการสู้ชีวิตต่อไป

เพราะอยู่ที่ภูเก็ตก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร บ้านก็คืนไปตั้งแต่ เมื่อวาน ถ้าวันนี้ (2 พ.ค.) ตนไม่ได้เดินทางออกไปก็คงต้องนอนที่นี่ เพราะจะให้ไปอยู่ที่อื่นหรือเช่าที่พักก็ไม่มีเงินแล้ว เงินที่เก็บไว้ตอนนี้มีเพียงพอแค่ค่าเดินทางเท่านั้น ซึ่งตนก็ตั้งใจที่จะขับรถจักรยานยนต์กลับไปยะลา พร้อมสัมภาระทั้งหมดที่มีอยู่ในชีวิต ซึ่งพวกตนก็ขนกลับเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น

ขณะที่ครอบครัวชาวจังหวัดตรัง ประมาณ 10 คน ซึ่งต้องมานอนรอริมถนนตั้งแต่เมื่อคืน กล่าวว่า ครอบครัวมี 10 คน รวมทั้งเด็กเล็ก เมื่อวานออกจากบ้านเช่าก็ขับรถมาคิดว่าจะได้เดินทางออก แต่เมื่อมาถึงด่านปิด จะเลี้ยวหัวรถกลับภูเก็ตก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะบ้านก็บอกเลิกเช่าไปแล้ว ถ้าเช่าต่อก็ต้องเสียเงินอีก จึงเก็บเงินที่มีอยู่ก้อนสุดท้ายไว้เป็นเงินทุนสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การที่เราได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว จะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมากโดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าบ้าน หลังจากที่ได้กลับบ้านก็ค่อยคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไร แต่ ณ ต้องนี้พวกตนเดือดร้อนมากอยู่ต่อไปก็มีแต่อดตาย งานก็ไม่ได้ทำ เงินก็ไม่มี ลูกก็ยังเล็ก

 

จีนประณามสหรัฐฯ ทวีตเชียร์ “ไต้หวัน” เข้าร่วมยูเอ็น

เอเอฟพี – จีนประณามทวีตๆ หนึ่งของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนความพยายามของไต้หวันที่จะเข้าร่วมองค์การสหประชาชาติ ในขณะที่หน่วยงานระหว่างประเทศนี้กำลังทำงานร่วมกับ 193 ชาติสมาชิกเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000046129

#จีน #ยูเอ็น #ไต้หวัน #สหรัฐฯ

 

‘อินเดีย’ขยายล็อคดาวน์ 2 สัปดาห์
สั่งลูกจ้างรัฐ-เอกชนโหลดแอปติดตาม ‘โควิด-19’

รอยเตอร์ - รัฐบาลอินเดียขยายเวลาล็อคดาวน์ทั่วประเทศต่ออีก 2 สัปดาห์ โดยจะมีการผ่อนปรนในบางพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ลดลง ขณะเดียวกันก็กำหนดให้ลูกจ้างของรัฐและเอกชนทุกคนต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นติดตามสัญญาณบลูทูธเพื่อสนับสนุนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000046020

#อินเดีย #ล็อกดาวน์ #วิกฤตโควิด19

 

รัสเซียเผยสถิติใหม่ผู้ติดเชื้อ
เพิ่มเกือบหมื่นรายในวันเดียว

เอเอฟพี – รัสเซียรายงานในวันเสาร์ (2) ถึงการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ที่มากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 10,000 รายในวันเดียว

ทางการรัสเซีย ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 9,623 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 124,054 ราย

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000046122

#รัสเซีย #วิกฤตโควิด19

 

ธรรมกายไม่หวั่นเดินหน้า “ทอดผ้าป่าออนไลน์เฟส 2”
.
ไร้การท้วงติงทั้งจากฝ่ายรัฐและคณะสงฆ์ปกครอง ธรรมกายจัดงานทอดผ้าป่าออนไลน์ ครั้งที่ 2 ทันที กำหนดงานในวันวิสาขบูชา 6 พฤษภาคมนี้ ได้ทั้งเงินบริจาคที่ทางวัดประสบปัญหา แถมได้ทดสอบท่าทีของมหาเถรสมาคมไปในตัว นักวิชาการพุทธศาสนาชี้ขั้วอำนาจเดิมยังทรงอิทธิพล แถมได้เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ หนุน-สัมพันธ์แน่น
.
หลังจากวัดพระธรรมกายฝ่าสถานการณ์ COVID-19 สามารถจัดงานทอดผ้าป่าบำรุงวัด Online ครั้งที่ 1 เนื่องในวันคุ้มครองโลกและเป็นวันครบรอบวันเกิด 76 ปี ของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส มาได้เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 ทั้งที่รัฐบาลบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีการทำกิจกรรมอันเป็นการรวมของคนจำนวนมาก เป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสที่ระบาดไปทั่วโลกในเวลานี้
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/specialscoop/detail/9630000045896
#mgronline #วัดพระธรรมกาย #ทอดผ้าป่าออนไลน์เฟส2 #เงินบริจาค #ไม่หวั่นโควิด

 

“น้องเนย” หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดี เหยื่อกราดยิงจ่าคลั่ง
อาการดีขึ้นออกจาก ICU แล้ว
.
น้องเนย หนุ่มบิ๊กไบค์พลเมืองดีเหยื่อเหตุกราดยิงห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ขณะขับรถเข้ายังลานจอดห้าง แต่กลับถูกยิงล้มลง เพราะพยายามช่วยผู้บาดเจ็บรายอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ล่าสุดอาการดีขึ้นออกจาก ICU แล้ว
.
จากกรณีเหตุกราดยิง เมื่อวันที่ 8 – 9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต จำนวน 30 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 58 คน ในห้างเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช ได้มีหนึ่งเรื่องราวที่ประชาชนชาวไทยให้ความสนใจนั่นคือ “น้องเนย หนุ่มบิ๊กไบค์” พลเมืองดี ขณะขับรถกำลังเข้าไปยังลานจอดรถห้าง แต่กลับถูกยิงล้มลง เพราะเจ้าตัวพยายามลงจากรถไปช่วยผู้บาดเจ็บรายอื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000046182
#mgronline #น้องเนยหนุ่มบิ๊กไบค์ #พลเมืองดี #เหยื่อเหตุกราดยิง #ห้างเทอร์มินอล21 #นครราชสีมา #อาการดีขึ้น #ออกจากICU

 

เอ็นดู! "พังบุญมา" ช้างมีผม นิสัยน่ารัก
เชื่อเป็นผู้นำจิตวิญญาณในปางช้างแม่แตง
.
เพจ "ร้อยเรื่องเมืองล้านนา" โพสต์ภาพช้าง "พังบุญมา" อายุ 67 ปี มีขนบนหัวลักษณะคล้ายเส้นผมยาวลงมาเกือบถึงดวงตา นิสัยน่ารัก เชื่อพังบุญมา เป็นเหมือนผู้นำจิตวิญญาณช้างในปาง เวลาพังบุญมาร้อง ช้างทุกตัวจะร้องตาม
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000045957
#mgronline #พังบุญมา #ช้างมีผม #นิสัยน่ารัก #ผู้นำจิตวิญญาณช้าง #ปางช้างแม่แตง

 

#อัปเดตยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
.
ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ลดต่ำสุดเหลือ 3 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ศบค.แจงค้นหาเชิงรุกใน จ.ยะลา 311 ราย บวก 40 ราย อัตราสูงถึง 30% ถือว่ามากผิดปกติซึ่งอยู่ที่ 2-3% เผยได้แยกกักแล้ว ขอเก็บตัวอย่างตรวจใหม่อีกรอบ เพื่อความถูกต้อง

วันนี้ (3 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ศนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม กลับบ้านเพิ่ม 7 ราย โดยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,969 ราย กลับบ้านรวม 2,739 ราย เสียชีวิตรวม 54 ราย ยังรักษาใน รพ. 176 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 3 รายมาจาก 1.สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 2 ราย จาก กทม. เป็นชายวัย 45 ปี และหญิงวัย 51 ปี และ 2.สถานที่กักตัวของรัฐ 1 ราย เป็นชายวัย 24 ปี กลับมาจากมาเลเซีย เข้ามาวันที่ 18 เม.ย.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนทั่วโลกต้องคลายล็อกอย่างช้าๆ เตรียมรับโควิด-19 พุ่งอีกรอบหนึ่ง ซึ่งเตือนโดย ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะฉุกเฉินของ WHO ที่ระบุว่า จะต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อที่จะพุ่งขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะการรับมือการแพร่ระบาดในสถานที่ที่มีจำเพาะ เช่น เรือนจำ ที่พักแรงงานต่างชาติ ต้องให้ชุมชนปฏิบัติเว้นระยะห่างต่อไป

#mgronline #covid19

 

ชุลมุน ปชช. แห่ซื้อ "เหล้า-เบียร์"
หลังมาตรการคลายล็อกให้ร้านค้าจำหน่ายได้
.
3 พ.ค. ร้านอาหาร หรือร้านอาหารที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ห้ามดื่มในร้าน เริ่มมาตรการวันแรก ซูเปอร์มาร์เก็ตแน่น คนแห่กักตุน "เหล้า-เบียร์" ไม่หวั่นโควิด-19 ภายหลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) ผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต การจำหน่ายยอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ซึ่งไม่รวมถึง สถานบริการ ผับ บาร์ ให้เปิดได้โดยอาจให้นำกลับไปบริโภคที่อื่น แต่หากเปิดให้ใช้บริการในสถานที่นั้น ก็สามารถทำได้โดยต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ สำหรับร้านอาหารหรือเครื่องดื่มซึ่งจำหน่ายสุรา ให้เปิดได้แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน มีผลตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
.
cr.เพจ "Anirek Panti"
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000046192
#mgronline #แห่ซื้อ #เหล้า #เบียร์ #มาตรการคลายล็อก #ร้านค้าจำหน่าย #ประชาชนรุมแย่ง #ชุลมุน

 

"นักรบดำ เดลิเวอรี่" ขี่จักรยานยนต์วิบากขึ้นดอย
แจกถุงยังชีพ ผู้พิการ-ผู้สูงอายุ
.
เพจ "Army times Thailand" โพสต์เรื่องราวของชุดปฏิบัติการ บ้านเลอตอ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 35 จัดกำลังพล ชุด "นักรบดำ เดลิเวอรี่ " ขับขี่รถจักรยานยนต์วิบาก นำถุงยังชีพให้กับประชาชนผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้และอยู่ที่พื้นที่ยากลำบากต่อการเข้าถึง ในจังหวัดตาก
.
วันนี้ (2 พ.ค.) เพจ "Army times Thailand" โพสต์เรื่องราวดี ๆ ของชุดปฏิบัติการ บ้านเลอตอ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 35 จัดกำลังพล ชุด "นักรบดำ เดลิเวอรี่ " ขับขี่รถจักรยานยนต์วิบาก นำถุงยังชีพ ขับขี่ลุยแม่น้ำ ขึ้นดอย ส่งความห่วงใยให้กับประชาชนผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และอยู่ในพื้นที่ที่ยากลำบากต่อการเข้าถึง รวมทั้งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 จำนวน 2 ครอบครัว ได้แก่ บ้านของนายทิทู ฟ้าสราง ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตา และบ้านของนาย นุดี หนึ่งสายธาร ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นผู้ป่วยผู้พิการโรคกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000045932
#mgronline #นักรบดำ ##เดลิเวอรี่ #ขี่จักรยานยนต์วิบาก #ขึ้นดอย #แจกถุงยังชีพ #โควิด-19

 

#ด่วนมากอิกอยากบอก! (ฉบับสมบูรณ์ อัพเดท เวลา 08:37 น.) ปู่บัฟเฟตต์อยากบอกอะไรในปีนี้?
.
#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก
.
เป็นอีกหนึ่งวัน ที่นักลงทุนเฝ้ารอครับ รอบนี้ปู่มังเกอร์ไม่ได้มาด้วยครับก็ทำให้มีความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างครับ แต่มีมือขวามาด้วยครับ
.
ช่วงแรกปู่ก็ เสียงฟังดูเหนื่อยๆเหมือนกัน แต่พอเครื่องติดก็มันส์เลยครับและยังมีมุกแทรกเรื่อยๆนะครับ สู้ๆครับปู่
.
มาลุยกันเลยครับว่าพวกเราเรียนรู้อะไรได้บ้าง
.
ปล.ถ้าชอบเนื้อหา รบกวนช่วยแชร์ให้ด้วยนะค้าบ
.
========
.
“ปู่ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐแต่ไม่รู้ว่าผลกระทบจากโควิดจะมากแค่ไหน”
.
1.ปู่บัฟเฟตต์ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะที่ผ่านมาก็ผ่านอะไรมากมาย เช่น สงครามโลกครั้งที่สอง, วิกฤตมิสไซล์คิวบา, 9/11, วิกฤตเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายก็ยังสามารถเติบโตได้
.
2.คุณปู่ เล่าให้ฟังว่า สหรัฐมีอายุเพียง 231 ปี ในขณะที่เล่นมุขว่าถ้ารวมอายุของปู่มังเกอร์ กับปู่บัฟเฟตต์เอง ก็มีอายุ 185 ปีแล้ว ประเด็นก็คือสหรัฐยังเป็นประเทศที่ยังถือว่าเด็กมากๆแต่กลับประสบความสำเร็จมากมาย
.
3.สำหรับมุมมองด้านผลกระทบจากโควิด ปู่บอกว่าเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากการปิดเมือง “ในช่วงปี 2008-2009 ถ้าเปรียบเทียบรถไฟกับเศรษฐกิจเป็นเพียงแค่ออกจากรางไป (ชั่วคราว)” แต่ปีนี้ผลกระทบจากโควิดเปรีบเสมือนดึงรถไฟออกจากรางเลย
.
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า โรคระบาดจะถูกนำมาคำนวณอย่างไร นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนไม่ควรกู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อหุ้นโดยเด็ดขาดและนั่นคือแนวทางที่ Berkshire ทำครับ
.
========
.
“สหรัฐเติบโตอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
.
1.หลังจากนั้นปู่ก็ย้อนอดีตให้เห็นภาพว่าสหรัฐเติบโตมากแค่ไหน ในช่วงปี 1790 มีจำนวนประชากร 3.9 ล้านคน ในขณะที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเกือบ 5 พันเท่าในปัจจุบัน
.
2.ในช่วงที่ 1929 ช่วงที่เกิด Great Depression ในช่วงนั้นคนจำฝังใจมากๆครับ เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำเป็นเวลานานจนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนจดจำไปแล้วครับ
.
3.แต่อย่าลืมว่า ตอนนั้น Dow Jones อยู่ที่ 381.17 จุดในช่วงเดือนกันยายน แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ตลาดก็ร่วงต่อไปเกือบครึ่งหนึ่ง
.
ในขณะที่ตอนนี้ 24,000 จุด เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ
.
4.นับตั้งแต่ปี 1951 สมัยที่ปู่บัฟเฟตต์เรียนจบ ถ้าลงทุน 1 ดอลลาร์ ตอนนี้จะมีตัง 100 ดอลลาร์ครับ
.
========
.
“อย่าเดิมพันฝั่งตรงข้ามกับสหรัฐโดยเด็ดขาด”
.
1.ปู่ใช้คำว่า never bet against america อย่าเดิมพันฝั่งตรงข้ามสหรัฐเด็ดขาด (เพราะเศรษฐกิจและศักยภาพประเทศสหรัฐเติบโตสูงมากๆ มาโดยตลอด) แต่ก็ต้องระมัดระวังว่าคุณจะเดิมพันยังไงเพราะในตลาดหุ้น อะไรก็สามารถขึ้นก็ได้
.
2.ไม่มีใครทราบว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรในวันพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้า แต่ที่รู้แน่ๆคือ สหรัฐยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไป
.
“สหรัฐเป็นประเทศที่มากกว่าในอดีตมากๆ มีความมั่งคั่งกว่าในอดีต เช่นปี 1789 อย่างมาก”
.
========
.
“หลักการสำคัญของการลงทุน”
.
1.การซื้อหุ้นในมุมของปู่คือการเข้าซื้อธุรกิจ ไม่ใช่การที่ซื้อชิพ ที่มันสามารถขึ้นหรือลง
.
“ให้นึกเหมือนกับว่าคุณเป็นเจ้าของฟาร์ม ที่อยากซื้อโดยต้องมองว่าผลผลิตที่ได้จากฟาร์มนั้นจะเป็นอย่างไร โดยที่ไม่สนใจราคาขึ้นๆลงๆ”
.
2.แต่คนส่วนใหญ่มักจะลงทุนผิดพลาด เพราะหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงมาก และราคาเปลี่ยนในทุกนาที นั่นหมายความว่าความคิดของคุณเองก็จะเปลี่ยนไปในทุกนาที
.
3.ปู่ยังมั่นใจว่าการลงทุนในหุ้นยังไงก็ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดตราสารหนี้อายุ 30 ปี
.
4.ปู่ต้องการเก็บเงินสดในมือเยอะๆ ตอนนี้เพราะต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
.
5.เราอยากเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ดี ในสัดส่วนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ และถือให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
.
6.”อย่าลงทุนหุ้นทุ่มไปที่ตัวเดียว” เพราะโลกตลาดทุนตอนนี้จะเห็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ และอาจจะทำให้การลงทุนเสียหายได้
.
========
.
ผลกระทบจากโควิด
.
1.รอบนี้หนักจริงๆครับและยังไ่ม่สามารถประเมินความเสียหายได้ และธุรกิจของ Berkshire เองก็โดนกระแทกหนักเช่นกัน ซึ่งก็มีการปรับตัวบ้างแล้ว
.
แต่บางธุรกิจเช่นพลังงานแม้ว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงบ้าง แต่ก็เพียงแค่ 4% ซึ่งถือว่าไม่กระทบกับภาพใหญ่
.
2.ค้าปลีกอาจจะเหนื่อยหน่อย เพราะผู้เช่าอาจจะไม่อยากเช่าต่อแล้ว
.
ที่แน่ๆคือ โควิดจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของคน
.
3.มีหลายธุรกิจเหมือนกันของ Berkshire ที่มีผลประกอบการไม่ดีมากในช่วงก่อนเกิดโควิด เพียงแต่ในช่วง 2-3 เดือนล่าสุดเจ้าโควิดเป็นตัวเร่งให้แย่เร็วขึ้นครับ
.
4.ส่วนธุรกิจที่เคยรุ่งเช่น See’s Candies ร้านขายลูกกวาด ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นสุดที่รักของปู่ (ซึ่งมาตั้งแต่ปี 1972) เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกันเพราะต้องปิดร้านจากผลกระทบโควิด
.
“ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ มักจะเป็นช่วงที่ขายดีมากๆครับ แต่สุดท้ายเราก็จำเป็นต้องปิดร้านไป แต่เราก็ยังชอบหุ้นตัวนี้อยู่นะ”
.
แต่คุณ Greg ที่เป็นมือขวา ก็ตอบว่า ตอนนี้มีการปรับกลยุทธ์ตลอดเวลาครับ และเดี๋ยวอีกสักพักร้านค้าก็จะกลับมาเปิดแล้ว
.
5.การจ้างงานในเครือ Berkshire ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ไปจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพียงแต่ว่าระยะสั้นเจ้าไวรัสทำให้ความต้องการสินค้าและบริการลดลงบ้าง
.
6.ส่วนผลกระทบกับ GEICO บริษัทประกันรถยนต์ที่ปู่ถือหนักมากและทำตังให้เยอะมาก ปู่บอกว่า โอกาสเกิดอุบัติเหตุลดลงจากการที่คนขับรถน้อยลงอย่างมีนัยย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน
.
7.ปู่บอกว่า พวกเราอยากจะออกประกันที่ครอบคลุมโรคระบาด แต่ต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสมด้วย
.
========
.
ปู่ยอมรับว่าขาดหุ้นสายการบินหมดพอร์ตแล้วเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด
.
1.ยอมรับว่าหลายธุรกิจที่ปู่ลงทุนได้รับผลกระทบหนักมากเช่นสายการบิน
.
แต่หลายธุรกิจก็ยังใช้ได้อยู่ครับเช่น ประกัน, รถไฟ, พลังงาน
.
2.”ความกลัว เป็นโรคระบาดที่อันตรายมากกว่าไวรัสเสียอีก” เพราะเกือบจะถึงจุดที่เครดิตไลน์ สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่กำลังจะหมด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย
.
3.ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า โลกของเราได้เปลี่ยนธุรกิจสายการบินไปแล้ว ซึ่งปู่มองว่าไม่รู้ว่าจะมีคนกล้าบินในอนาคต จำนวนมากๆหรือไม่
.
“ธุรกิจการบินจะเปลี่ยนครั้งใหญ่แน่ๆ และตอนนี้เราก็อาจจะยังมองไม่ออกว่าธุรกิจจะเปลี่ยนไปยังไง” ปู่บอกว่าธุรกิจสายการบินเป็นธุรกิจที่ยากมากๆ
ตัวปู่เองก็คงจะยังบินแหละครับ แต่อาจจะไม่บินเครื่องบินพาณิชย์แล้ว
.
4.ปู่ยอมรับว่า ตัวเค้าเองผิดพลาดในการลงทุนหุ้นสายการบิน แต่ก็เข้าใจได้เพราะสายการบินหยุดเกือบทั้งโลก ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักมากๆ
.
“ตอนที่เราเข้าซื้อหุ้นสายการบิน เพราะมองว่าน่าดึงดูดใจอย่างมาก” ปู่พูดถึงกรณีที่เข้าซื้อหุ้นสายการบินรวดเดียว 4 แห่ง (สายการบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ) สร้างความฮือฮาทั้งวการ เช่น Delta Air Lines, Southwest Airlines, United Airlines, American Airlines
.
แต่ในท้ายที่สุดปู่บอกว่าเค้ามองผิด แต่ไม่ใช่ความผิดของ CEO ครับ
.
5.จริงๆมีความเสี่ยงน้อยสำหรับหุ้นสายการบิน แต่มันก็เกิดขึ้น ซื้อปู่บอกว่าเป็นความผิดของปู่เอง
.
6.ปู่ยืนยันว่าปู่ขายหุ้นสายการบินแล้ว
.
แม้มั่นใจว่ายังไงธุรกิจสายการบินก็ยังอยู่ และมีโอกาสกลับมากได้ 70-80% เพียงแต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไร
.
7.และเป็นธุรกิจที่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าความเสียหายจะแค่ไหน และมองว่าอนาคตจะมีเครื่องบิน มากกว่าความต้องการในการบิน
.
8.ธุรกิจ Boeing เองก็กำลังเจอศึกหนักครับ แต่เป็นบริษัทที่สำคัญมากๆครับ เพราะเป็นบริษัทที่ส่งออกและมีการจ้างงานจำนวนมากๆ
.
========
.
ปู่บัฟเฟฟต์แนะให้ระวังการผิดนัดชำระหนี้ในพันธบัตรบริษัทพลังงาน
.
1.ก่อนหน้านี้ปู่ลงทุนจัดหนักมากในหุ้น Occidental Petroleum บริษัทน้ำมัน ในปีที่แล้วด้วยมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญ
.
2.ปู่ยอมรับว่าราคาน้ำมันที่ร่วงหนักมากๆ ทำให้การลงทุนครั้งหลังๆมีข้อผิดพลาดเช่นกัน
.
3.”ตอนเข้าไปลงทุนจะเห็นว่าระดับราคาน้ำมันตอนนั้นก็ถือว่าต่ำมากแล้ว ซึ่งทำให้การลงทุนในหุ้นพลังงานน่าสนใจ” แต่ปู่ย้ำว่าถ้าราคาน้ำมันร่วงหนัก 20 เหรียญ หรือติดลบหนัก ก็จะทำให้ไม่คุ้มในการขุดเจาะน้ำมัน
.
และอาจจะทำให้การผลิตน้ำมันลดลงในช่วงอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้ความต้องการน้ำมันลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญจากโควิด และทางรัสเซีย-ซาอุ เองก็ยังตกลงกันไม่ได้ซะทีเดียวว่าจะผลิตเท่าไหร่กันแน่
.
4.แน่นอนว่าตอนนี้คลังเก็บน้ำมันมีไม่พอ ก็ย่อมทำให้ราคาร่วงหนัก และถ้าหากราคาน้ำมันยังคงต่ำมากๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ จะมีบริษัทพลังงานที่ผิดนัดชำระหนี้ และจะกระทบกับผู้ถือหุ้น และจะส่งผลต่อธุรกิจธนาคารพาณิชย์แน่ๆครับ
.
========
.
ปู่บัฟเฟตต์มองว่าธุรกิจค้าปลีกและสำนักงาน (สหรัฐ) อาจจะไม่สวยงามแล้วหลังโควิด
.
1.”supply และ demand ของธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจสำนักงานจะเปลี่ยนไปอย่างมาก หลังเจอโควิด” ปู่บัฟเฟตต์บอกครับ
.
2.เหตุผลเพราะผู้บริโภคทั้งประเทศสหรัฐถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน ทำให้คนอเมริกันหันไปใช้บริการค้าปลีกออนไลน์ และทำงานที่บ้านก็เริ่มทำให้พฤติกรรมของคนทำงานเปลี่ยนไป ซึ่งความเคยชินเนี่ยแหละครับที่อาจจะทำให้ธุรกิจนี้เปลี่ยนไป ไม่ดีเหมือนเดิม
.
3.แต่จะว่าไปแล้วธุรกิจห้างสรรพสินค้า และออฟฟิศสำนักงานก็แย่อยู่แล้วในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด แต่พอเจอโควิดเข้าไปเลยยิ่งทำให้ปัญหาหนักหน่วงมากขึ้นครับ
.
4.”ถ้าคุณเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า ตอนนี้คุณคงจะมีผู้เช่าจำนวนมากที่ไม่อยากจ่ายค่าเช่าคุณในตอนนี้” เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด และนั่นหมายความว่า demand และ supply ก็จะเปลี่ยนอย่างมีนัยยะสำคัญ
.
5.ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าอาจจะลดขนาดลงเพื่อลดค่าเช่าจากห้าง และยิ่งตอนนี้เจ้าของบริษัทรู้แล้วว่าสามารถทำงานที่บ้านได้โดยที่ประสิทธิภาพดีขึ้นด้วยซ้ำ ก็จะยิ่งทำให้ขนาดของออฟฟิศเล็กลงไปอีก
.
========
.
อัตราดอกเบี้ยติดลบมีผลต่อธุรกิจของ Berkshire ไหม?
.
1.อันนี้น่าสนใจครับเพราะที่ผ่านมาปู่บัฟเฟตต์จะพูดเสมอว่า ธุรกิจประกันได้เปรียบเพราะสามารถเก็บเงินสดจากลูกค้า ในขณะเดียวกัน Berkshire จะสามารถนำเงิน
.
2.และตอนนี้ธนาคารกลางทั้งโลกใช้นโยบายลดดอกเบี้ย และหลายประเทศติดลบหนัก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะยิ่งทำให้ธุรกิจในเครือของ Berkshire อาจจะไม่สวยงาม
.
3.ปู่บอกว่า ตอนนี้ไม่มีคำตอบที่ดีที่สุด แต่ผลกระทบคงจะตามมาอย่างแน่นอน
.
4.แต่ที่แน่ๆคือมั่นใจว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้อย่างแน่นอน เพราะมีการพิมพ์เงินออกมาเรื่อยๆ แต่คำถามคือจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์อย่างไร อันนี้ยังไม่มีคำตอบครับ
.
========
.
มุมมองการลงทุน
.
1.”ผมไม่ได้บอกว่า ตอนนี้เป็นจังหวะที่เหมาะที่จะเข้าซื้อหุ้นได้แล้วนะครับ” แต่ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า อยากให้ปรับมุมมองว่าการซื้อหุ้นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนั้นๆ
.
2.ปู่ยังเชื่อว่า นักลงทุนทั่วไปควรซื้อดัชนี เช่น S&P 500 index และถือเป็นเวลานาน มากกว่าการที่เลือกซื้อหุ้นรายตัว
.
“มีนักลงทุนจำนวนมาก ต้องจ่ายบทเรียนราคาแพงแบบที่ไม่จำเป็น” ปู่มั่นใจว่าการที่เดิมพันกับประเทศสหรัฐ จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตร และมากกว่าคนที่มาคอยบอกโพยกับคุณว่าควรจะซื้อหุ้นอะไรเสียอีก
.
3.ไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดจะเป็นอย่างไร ราคาหุ้นที่คุณซื้อวันนี้อาจจะร่วงลงอีก 50% ซึ่งปู่แนะนำว่าถ้าอยากเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องทำใจสบายๆกับการร่วงลงของราคาหุ้นในระยะสั้นให้ได้
.
4.ปู่ยอมรับว่าตอนนี้มีส่งเงินให้บริษัทลูกๆเพื่อสู้โควิดเหมือนกันครับ เพียงแต่ว่าคงจะไม่ได้ให้ตลอด
.
5.ณ เวลานี้ ปู่เองยังไม่เห็นโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ นั่นเลยเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมถึงมีเงินสดในพอร์ตมากถึง 1.37 แสนล้านเหรียญครับ
.
“ยืนยันว่าเราเองก็อยากลงทุนครั้งใหญ่ๆเช่นกันครับ อาจจะลงทุน 3-5 หมื่นล้านเหรียญ” เพียงแต่ยังไม่เห็นว่าหุ้นตัวไหนเป็นโอกาสครับ
.
6.ยืนยันว่าการลงทุน Index Fund ยังมีโอกาสเสมอเพราะเป็นการลงทุนทั้งตลาด เพราะฉะนั้นตราบใดที่ตลาดภาพรวมยังมีศักยภาพในการเติบโต ยังไงก็ยังมีโอกาสลงทุนใน Index Fund เสมอ
.
========
.
เก็บตกความเห็นของปู่บัฟเฟตต์
.
1.ปู่แนะนำให้คนหลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิต เพื่อที่จะเอามาใช้จ่ายเงิน เพราะคุณจะไม่มีวันที่จะมีชีวิตที่ดีได้ด้วยการกู้ยืมเงินที่มีดอกเบี้ยสูงๆ
.
2.คุณปู่เห็นด้วยกับนโยบายที่ดูแล ประชาชนที่กำลังเจอปัญหาในการดูแลตัวเองในช่วงวิกฤตแบบนี้
.
3.IQ ของคนไม่เกี่ยวกับความมีเหตุมีผล และความเฉลียวและไม่เกี่ยวกับความสำเร็จเลย
.
4.ปู่บอกว่าจริงๆแล้ว การซื้อหุ้นคืนเป็นเรื่องง่ายๆเลยครับ มันเป็นวิธีในการจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ้นรูปแบบหนึ่ง
.
========
.
อ่านย้อนหลัง
.
Berkshire ของปู่บัฟเฟตต์ขาดทุนหนักมากเกือบ 5 หมื่นล้านเหรียญในไตรมาสแรก
.

.
========
.
เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
.
อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
.
ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย

 

#ด่วนมากอิกอยากบอก! Berkshire ของปู่บัฟเฟตต์ขาดทุนหนักมากเกือบ 5 หมื่นล้านเหรียญในไตรมาสแรก
.
#ลงทุนนอกโลก โดยเพจ #ถามอีกกับอิก
.
=========
.
1.ตัวเลขเปะๆคือ 4.975 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 1.5 ล้านล้านบาท นับว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยครับ แต่ต้องบอกว่าเป็นการขาดทุนทางบัญชีนะครับ
.
2.ในขณะที่ Berkshire มีเงินสดในมือสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกันครับ สูงถึง 1.37 แสนล้านเหรียญ หรือ 4.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3 แสนล้านบาทครับ
.
3.Berkshire ของปู่เองก็ซื้อหุ้นแบบรัวๆเช่นกันครับ สูงถึง 3.5 พันล้านเหรียญ หรือกว่า 1 แสนล้านบาทครับ
.
แบ่งเป็น การซื้อหุ้นบริษัทอื่น 1.8 พันล้านเหรียญและซื้อหุ้นคืนของบริษัท Berkshire 1.7 พันล้านเหรียญ
.
4.การขาดทุนรอบนี้เป็นการขาดทุนบัญชี จากการลงทุนในหุ้นนั่นแหละครับ เพราะมาตรฐานบัญชีใหม่บอกว่า ให้ mark to market ตามราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดครับ
.
5.รอบนี้คิดเป็นตัวเลขขาดทุนในหุ้นสูงถึง 5.452 หมื่นล้านเหรียญ หรือ เกือบ 1.6 ล้านล้านบาท หรือเกือบ มากกว่า ปตท.ทั้งบริษัทเลยครับ
.
6.แน่นอนครับว่าเป็นเพราะหุ้นที่ปู่ถือ ร่วงลงจากเจ้าโควิดเนี่ยแหละครับ แต่ถ้าบริษัทแข็งแกร่งก็อาจจะร่วงลงทางบัญชีชั่วคราว คงต้องรอดูต่อไปครับ
.
7.แต่ถ้าดูไส้ในจะเห็นว่า กำไรจากการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 5.87 พันล้านเหรียญ
.
========
.
เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต
.
อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย
.
ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย

 

ตามติดการแสดงออกของ ACE2 ... เป้าหมายของ SARS-CoV-2 spike protein เพื่อทำความเข้าใจกลไกการก่อโรค COVID-19

สัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 papers ตีพิมพ์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทีมนักวิจัยโครงการ Human Cell Atlas (HCA) ตีพิมพ์ใน Cell และทีมนักวิจัยจาก Sanger Institute UK ตีพิมพ์ใน Nature Medicine ทำการศึกษาคล้ายกันคือวิเคราะห์ข้อมูล single cell sequencing dataset โดยทีมจาก Sanger Institute ใช้ human single cell sequencing data set ทั้งจาก HCA และจากแหล่งอื่น พบว่า ACE2 ไม่ใช่ยีนที่มี expression สูงในเซลล์หลายชนิดนัก ข้อมูลการศึกษาก่อนหน้านี้ในยุคที่ SARS ระบาด มีเพียง alveolar epithelium/pneumocyte type 2 cells เท่านั้นที่พบ ACE2 expression ในระดับสูง แต่ในช่วงการระบาดของ COVID-19 การศึกษา immunohistochemistry พบว่า ACE2 และ TMPRSS2 ย้อมติดสีใน nasal epithelium และ bronchial epithelium ด้วย ด้วย Data set จาก HCA ที่มีข้อมูล single cell sequencing ของหลายอวัยวะทั่วร่างกาย

พบว่า ACE2 แสดงออกได้ในเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ หลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ตับ ถุงน้ำดี หัวใจ ไต อัณฑะ และกระจกตา ในขณะที่ TMPRSS2 มีการแสดงออกในอวัยวะกว้างขวางกว่า สนับสนุนว่า ACE2 เป็นปัจจัยหลักของการติดเชื้อ SARS-CoV-2 เมื่อดูในรายละเอียดของ cell subpopulation ในแต่ละอวัยวะ พบว่าในเนื้อปอดนั้นเซลล์ที่มีการแสดงออกสูงคือ alveolar epithelium type 2 และในจมูกนั้นเซลล์ nasal epithelium คือ nasal goblet และ ciliary cells

และเมื่อเทียบแบบแผนการแสดงออกของยีนที่ผลิตโปรตีนเป้าหมายของเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ANPEP (สำหรับ coronavirus-229E ซึ่งก่อให้เกิดหวัด), ST6GAL1 และ ST3GAL4 (สำหรับ influenza), DPP4 (สำหรับ MERS-CoV) และ ACE2 (สำหรับ SARS-CoV และ SARS-CoV-2) พบว่า ANPEP, ST6GAL1, ST3GAL4 และ ACE2 มีการแสดงออกใน upper airway มากกว่า DPP4 ซึ่งแสดงออกใน lower airway มากกว่า อาจบ่งชี้ว่า เชื้อที่แพร่ง่ายกว่า (R0 สูง) นั้นอาศัยโปรตีนเป้าหมายที่แสดงออกในทางเดินหายใจส่วนต้น (จมูก, คอ) มากกว่า นอกจากนี้ยังพบว่า nasal globlet และ ciliary cells นอกจากจะมี ACE2 expression สูงแล้ว ยังพบว่ายีนที่เกี่ยวข้องกับ innate immunity มีการแสดงออกที่มากกว่าเซลล์อื่น ๆ ด้วย

สำหรับทีม HCA นั้นนอกจากจะวิเคราะห์ข้อมูลเดียวกับทีม Sanger Institute และพบข้อมูลคล้ายกัน คือ ACE2 มีการแสดงออกสูงใน nasal goblet cells และ alveolar epithelium type 2 การวิเคราะห์ข้อมูลกับเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร ยังพบว่า ACE2 มีการแสดงออกสูงในส่วน jejunum และ ileum ด้วย เมื่อดูไปถึง subpopulation พบว่าเซลล์ที่แสดงออก ACE2 ในระดับสูงคือเซลล์ที่เป็น absorptive enterocytes และ crypt enterocytes

นอกจากนี้ ทีม HCA ยังทำการทดสอบ nasal epithelium ด้วย interferon alpha และ gamma พบว่า interferon ทั้งสองชนิดกระตุ้นให้ ACE2 แสดงออกเพิ่มขึ้นอีก ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นกับเซลล์ primary nasal epithelium แต่ไม่เกิดกับ human bronchial cell line หรือ tracheal epithelium จากหนู

ข้อมูลจาก 2 papers นี้สนับสนุนว่า เชื้อ SARS-CoV-2 เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และติดเชื้อ จะมีอาการหลัก ๆ ในระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร สอดคล้องกับระดับการแสดงออกของ ACE2 ซึ่งเป็น entry protein ของ SARS-CoV-2 นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า nasal goblet และ ciliary cells น่าจะเป็น primary entry สำหรับการรับเชื้อ SARS-CoV-2 และเป็นสาเหตุว่าทำไม COVID-19 จึงติดต่อได้ง่าย สิ่งที่น่าสนใจที่รายงานใน Cell คือ ACE2 เป็นยีนที่ถูกกระตุ้นให้แสดงออกเพิ่มขึ้นด้วย interferon ซึ่งการติดเชื้อ SARS-CoV-2 หรือไวรัสอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น influenza ทำให้ร่างกายเกิดการกระตุ้นของ innate immunity มีการสร้างและหลั่ง interferon เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้มีระดับการแสดงออกของ ACE2 สูงขึ้นกว่าเดิม และส่งเสริมให้ติดเชื้อง่ายขึ้นไปอีก กลายเป็น vicious cycle ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่พบใน cell lines ของหนู และอาจเป็นจุดที่ต้องระวังสำหรับนักวิจัยอื่น ๆ ที่กำลังศึกษา COVID-19 และใช้หนูเป็น model ในการศึกษา อาจนำมาใช้กับมนุษย์ได้ไม่ดีนัก

ข้อมูลจากการศึกษานี้ อาจคาดได้ว่า

1. SARS-CoV-2 น่าจะติดเชื้อที่แรกกับเซลล์เยื่อบุในจมูกก่อน เพราะ ACE2 แสดงออกมากใน nasal goblet และ ciliary cells

2. ความพิเศษของ SARS-CoV-2 คือ ACE2 ถูกกระตุ้นได้ด้วย interferon ดังนั้นการติดเชื้อไวรัส (อาจเป็น SARS-CoV-2 หรือมี co-infection เช่นไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย) ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง interferon อยู่แล้ว จะทำให้ ACE2 แสดงออกมากขึ้นอีก ตรงนี้อาจทำให้ไวรัสติดเข้าเซลล์ง่ายขึ้นอีกกลายเป็น vicious cycle และอาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมต่อจากการติดเชื้อในจมูกแล้วจึงลงไปปอด หรือทางเดินอาหารต่อได้ในระยะถัดไป

COVID-19 นี่ซับซ้อนจริง ๆ ...

ที่มา: Cell paper >> https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(20)30500-6
Nature Medicine paper >> https://www.nature.com/articles/s41591-020-0868-6

COVID Series

 

เปรียบเทียบ antibody test แบบ head-to-head ... แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมจึงยังไม่แนะนำให้ใช้ตรวจ COVID-19

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อ SARS-CoV-2 เมื่อ 3 เดือนก่อน ปัญหาใหญ่ของการวินิจฉัยอยู่ที่การตรวจหาเชื้อไวรัสซึ่งเป็น genome-based testing ใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง การเก็บสิ่งส่งตรวจยุ่งยาก และ scale up ให้ตรวจจำนวนมาก ๆ ได้ยาก

ทำให้มีแนวคิดการใช้ antibody test มาช่วยเสริม เพราะตรวจได้ง่ายกว่า ผลิตง่ายกว่า ส่งไปตรวจที่บ้านหรือแลปทั่วไปก็ง่ายกว่า ราคาถูกกว่า ข้อเสียคือกว่าจะตรวจพบ antibody ก็ติดเชื้อไปหลายวัน ไม่เหมาะกับการค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพื่อกักกันโรค แต่อาจใช้จำแนกคนที่เคยติดเชื้อไปแล้ว และหายดีแล้ว ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องกักตัวอยู่บ้านแต่ออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้

เวลาผ่านมา 3 เดือน ... ในตอนนี้การตรวจหาไวรัสพัฒนาขึ้นไปมาก ทั้งเทคนิคใหม่ ๆ ในการตรวจอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น RPA, LAMP, CRISPR-based, pooled testing, ตรวจน้ำลาย ฯลฯ รวมถึงการระดมเพิ่มจำนวนแลปและเสริมประสิทธิภาพแต่ละแลปให้รับการตรวจได้มากขึ้น ในทางตรงข้าม การตรวจ antibody test กลับมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งความน่าเชื่อถือของชุดตรวจ การแปลผล ระยะเวลาที่ตรวจพบ antibody รวมถึงการเกิด cross-reactivity กับเชื้อไวรัสอื่น ล้วนส่งผลให้เกิด false positive และ false negative test และมีผลต่อการวินิจฉัย และการแนะนำวิธีปฏิบัติในวงกว้าง

ปัจจุบันจึงยังไม่มีใครกล้าแนะนำให้ใช้ antibody test ในการวินิจฉัย แม้กระทั่งการบอกว่าใครติดเชื้อแล้ว มีภูมิคุ้มกันแล้ว เป็น immunity passport สำหรับประชาชนทั่วไป

ที่ใช้ในปัจจุบันของ antibody test เหลืออยู่อย่างเดียวคือการวิจัยเพื่อประเมินว่าการติดเชื้อเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนในประชากร (seroprevalence หรือ serosurvey) ซึ่งมีนักวิจัยทำการศึกษาในกลุ่มประชากรต่าง ๆ ทั้งในเมืองอู่ฮั่นเอง เยอรมัน และอีกหลายเมืองในอเมริกา ได้ผลมากบ้าง (14-21%) น้อยบ้าง (1-4%) ตามแต่ละกลุ่มประชากรที่ศึกษา แต่ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาจะเชื่อถือได้จริง เพราะหัวใจสำคัญของผลการศึกษาเหล่านี้คือคำถามว่า เราเชื่อถือ antibody test เหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน

เพื่อตอบคำถามนี้ มีนักวิจัยทำการศึกษาชุดตรวจ antibody test ต่าง ๆ ในท้องตลาดอยู่หลายทีม ทีมหนึ่งที่ศึกษาเรื่องนี้มากคือ COVID-19 Testing Project โดยทีมนักวิจัยของ UCSF, UC Berkeley, Innovative Genomics Institute และได้รับการสนับสนุนจาก Chan Zuckerberg Biohub โดยเอาชุดตรวจ antibody 12 เจ้ามาศึกษา โดย 10 เจ้าเป็น lateral flow assay (หยดสิ่งส่งตรวจให้วิ่งผ่าน strip แบบ chromatography แล้วดูแถบสีเอา) กับ ELISA 2 เจ้า มาเทียบกันแบบ head-to-head โดยมี serum ของผู้ป่วย 80 รายที่ทราบอยู่แล้วว่าติดเชื้อ SARS-CoV-2 และเก็บเลือดมาในช่วงต่าง ๆ ตั้งแต่ 5 วันแรก, วันที่ 6-10, 11-15, 16-20 และหลังวันที่ 20 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังทดสอบกับเลือดของคนอีก 108 ราย ซึ่งเก็บไว้ก่อนที่จะมีการระบาดของ COVID-19 เป็น negative control และเลือดของผู้ป่วยที่พิสูจน์แล้วว่าติดเชื้อไวรัสอื่น (ทั้ง Coronavirus HKU1, Coronavirus
OC43, Influenza A Virus A/H3, Influenza A Virus A/H1 2009, Parainfluenza Type 1, Parainfluenza Type 4, Metapneumovirus, Adenovirus, RSV, และ Rhinovirus/Enterovirus) โดยไม่ได้เป็น COVID-19

ผลการศึกษาพบว่า ชุดทดสอบทุกราย ตรวจพบ antibody ใน serum หลังติดเชื้อไป 3 สัปดาห์ได้เกิน 80% (ส่วนใหญ่เกิน 90%) แต่ถ้าเป็น serum ในระยะเวลาอื่นพบว่า positive rate ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่นถ้าเป็นภายใน 5 วันแรกตรวจพบเพียง 18-44% ที่น่าประหลาดใจคือ การตรวจ IgM ที่เชื่อว่าน่าจะตรวจพบได้เร็ว กลับได้ positive rate โดยรวมแย่กว่า IgG อีก และชุดตรวจที่เป็น lateral flow ยังมีปัญหาในการแปลผลแถบสีว่าจะอ่านผลแถบเข้ม-จางแค่ไหนจึงจะแปลว่า positive-negative ซึ่งความแตกต่างของการแปลผลนี้ส่งผลถึง true/false positive/negative result ด้วย เช่น การเปลี่ยนความเข้มของแถบสีให้เพิ่มขึ้นในการอ่านผล positive ลด positive rate จาก 66% เหลือ 56%

นอกจากนี้ การทดสอบกับ serum ที่เก็บไว้ก่อนหน้าจะมีการระบาดของเชื้อนี้ และ serum ของผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วว่าติดเชื้อไวรัสอื่น ไม่ใช่ COVID-19 กลับพบว่าชุดตรวจทุกตัวตรวจ พบ false positive test ได้หมด แถมเลือดบาง samples มีชุดตรวจให้ผล positive หลายชุด แสดงว่า antibody test เหล่านี้มี cross-reactivity กับไวรัสอื่น

Overall พบว่าชุดตรวจ antibody test มีค่า specificity สูง >95% เมื่อทดสอบกับ serum หลังติดเชื้อไปแล้ว 3 สัปดาห์ แต่ตรงนี้แปลว่า ‼️ถ้าตรวจแล้วให้ผลลบ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็น true negative (ซึ่งเชื่อว่าหลายคนจะแปลผิดว่าผล positive น่าจะมีโอกาสเป็น true positive สูงมาก)‼️ แต่ antibody test มี true positive rate ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แถมยังมี cross-reactivity กับการติดเชื้อไวรัสอื่นอีก

ด้วยประสิทธิภาพโดยรวมแบบนี้ การใช้ antibody test คงยังไม่ใช่คำตอบที่ดีในการเป็น immunity passport แถมการศึกษา seroprevalence/serosurvey ตัวเลขที่ได้ออกมาก็ต้องฟังหูไว้หูพอสมควร ... จนกว่าจะมีชุดตรวจที่ดีกว่านี้ หรือไม่ก็ต้องตรวจด้วยชุดตรวจหลาย ๆ ชุดพร้อมกัน

ผลการศึกษานี้เผยแพร่เป็น preprint ในเวบของโครงการเมื่อวานนี้ (link ด้านล่าง)

ที่มา : https://covidtestingproject.org/index.html
https://www.dropbox.com/s/cd1628cau09288a/SARS-CoV-2_Serology_Manuscript.pdf?dl=0

COVID Series

 

COVID vaccine มาแล้วอีกตัว ทำแบบ old school แต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านเชื้อ SARS-CoV-2 ได้ทุกสายพันธุ์ที่ทดสอบ

ผลงานวิจัยนี้ตีพิมพ์ใน bioRxiv preprint เมื่อ 3 วันก่อน โดยทีมนักวิจัยจากจีน แต่การผลิตวัคซีนของนักวิจัยทีมนี้ต่างจาก COVID vaccine อื่นที่มีการทดลอง คือในขณะที่ COVID vaccine ทั้งหมดที่ทราบกันดี มีลักษณะเป็น RNA vaccine บ้าง, purified protein ที่เป็น target antigen อย่าง spike protein domain บ้าง แต่ทีมนี้เลือกวิธีดั้งเดิม คือสร้าง inactivated SARS-CoV-2 viral vaccine (ที่รู้จักกันดีในชื่อ วัคซีนเชื้อตาย) ขึ้นมาเลย

โดยเชื้อไวรัส 11 strains นี้ได้มาจากการแยกเชื้อของผู้ป่วยที่เก็บจาก bronchoalveolar lavage เป็นผู้ป่วยจีน 4 ราย, อิตาลี 4 ราย, และสวิส, UK และสเปน อย่างละ 1 ราย ซึ่งการทำ genome sequencing พบว่าผู้ป่วย 11 รายนี้ติดเชื้อจาก strain ที่กระจายใน phylogenetic tree ที่ศึกษากันอยู่นั่นเอง ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนของลักษณะเชื้อที่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้

จากนั้นทีมนักวิจัยเลือกไวรัส 1 strain จากผู้ป่วยจีนรายหนึ่ง (CN2) มาสร้างวัคซีน ตั้งชื่อว่า PiCoVacc (ชื่อคล้าย PittCoVacc ที่เป็น RBD protein vaccine ของ Pittsburgh แต่เป็นคนละตัว ) โดยเพาะเชื้อใน Vero cell หลังจากทำไป 10 passages แล้วเอาไวรัสมาเทียบ genome sequence อีกทีพบว่ามีการเปลี่ยนน้อยมาก ยืนยันว่าการเพาะเลี้ยงไม่ได้ส่งผลถึงความเสถียรของไวรัสที่กลายพันธุ์มากจนไม่สามารถใช้เป็นวัคซีนได้ การศึกษารูปร่างก็ยังพบว่าไวรัสที่เพาะเลี้ยงคงรูปลักษณะของ coronavirus เช่นเดิม

จากนั้นใช้ PiCoVacc มาทำการศึกษาในสัตว์ทดลองโดยเริ่มกับหนู BALB/c (albino) และ Wistar โดยฉีดวัคซีน 2 เข็มห่างกัน 7 วัน พบว่าหนูไม่มีปฏิกิริยาใด ไม่มีการอักเสบที่จุดฉีด หลังฉีดมีการตรวจหา antibody ทุกสัปดาห์จนครบ 6 สัปดาห์ พบว่า antibody ต่อ SARS-CoV-2 โดยเฉพาะ anti-RBD spike domain antibody เพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังฉีด และสูงที่สุดในสัปดาห์ที่ 6 แต่ anti-nucleocapsid (anti-N) antibody ต่ำกว่า anti-RBD มาก ซึ่ง anti-N พบระดับสูงในผู้ป่วย COVID-19 แต่ไม่มีผลเป็น neutralizing antibody และระดับ anti-RBD หลังฉีดวัคซีน PiCoVacc สูงกว่า anti-RBD ใน convalescent plasma เสียอีก

การทดสอบ anti-RBD ที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน กับ SARS-CoV-2 อีก 10 strains ที่เหลือ พบว่า antibody มีฤทธิ์ต่อทุก strain ที่ทดสอบ สนับสนุนว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนนี้เป็น broad neutralizing antibody (เยส!)

หลังจากทดสอบในหนูแล้ว ทีมนักวิจัยทำการทดสอบในลิงบ้าง โดยใช้ลิง rhesus (Macaca mulatta เครือญาติตระกูลเดียวกับลิงกังบ้านเรา) ซึ่งเคยมีนักวิจัยศึกษาโมเดลการติดเชื้อ SARS-CoV-2 มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยหนนี้ฉีด 3 เข็ม (เข็มที่ 2-3 ฉีดห่างกัน 7 วัน) หลังฉีดครบ 3 เข็มแล้ว 1 สัปดาห์ก็เริ่ม challenge ด้วยไวรัสในหลอดลมและเนื้อปอดปริมาณสูง พบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนมีระดับไวรัสลดลงอย่างรวดเร็ว และแทบไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดในเนื้อปอด ต่างจากลิงที่ไม่ได้รับวัคซีนพบปริมาณไวรัสสูงมากในปอดและคอ รวมกับการเกิดปอดอักเสบหลังติดเชื้อราว 7 วัน

นอกจากนี้ การติดตามปริมาณไวรัส และ cytokines ต่าง ๆ หลังได้รับวัคซีนและเชื้อ ไม่พบว่าเกิด enhancing antibody effect (ปรากฏการณ์ที่การมี antibody ทำให้การติดเชื้อหนถัดไปรุนแรงขึ้น) และ cytokine storm แบบผู้ป่วย COVID-19 ที่เป็นรุนแรงด้วย

ถือเป็นข่าวดีอีกชิ้นในการพัฒนา COVID-19 ที่ดูจะเป็นความหวังของการสร้าง herd immunity ในที่สุดครับ ข้อดีของงานวิจัยนี้คือ การสร้าง inactivated vaccine ทำได้ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับ COVID vaccine อื่นที่วิจัยกันอยู่ และยังผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายกว่าด้วย นอกจากนี้ neutralizing antibody จากการกระตุ้นด้วย whole virus มีโอกาสสร้าง broad neutralizing antibody ที่ครอบคลุมเชื้อได้หลาย strain กว่าการใช้ RNA หรือ purified protein vaccine มากครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.04.17.046375v1

COVID Series

 

ตามติดชีวิต COVID ภาคสอง ... พบว่าผู้ป่วยแพร่เชื้อได้ถึง 3 วันก่อนมีอาการ

การศึกษา viral dynamics ก่อนหน้านี้ ตีพิมพ์โดยนักวิจัยจากเยอรมันใน Nature Medicine พบว่าผู้ป่วย COVID-19 มีปริมาณเชื้อสูงมากในทางเดินหายใจ และปลดปล่อยเชื้อสูงสุดราววันที่ 4 ก่อนจะลดลง แม้ว่าผู้ป่วยสร้าง antibody แล้วก็ยังมีเชื้ออยู่ (อ่านเพิ่มเติมที่นี่ )

เมื่อวานนี้ ผลงานตีพิมพ์ใน Nature Medicine ทีมนักวิจัยจีน ทำการศึกษา viral dynamics ของผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน แต่เจ๋งกว่าอีก โดยนักวิจัยติดตามการปลดปล่อยเชื้อ (viral shedding) ในผู้ป่วย 94 รายจากการทำ throat swab ตั้งแต่เริ่มมีอาการแล้วติดตามไปเรื่อย ๆ จนถึง 32 วันหลังมีอาการ พบว่าผู้ป่วยมีปริมาณไวรัสสูงสุดในวันแรกที่มีอาการ และค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนตรวจไม่พบหลังวันที่ 21 แบบลักษณะของ viral dynamics ไม่แตกต่างกันทั้งอายุ เพศ และความรุนแรงของโรค

แต่ที่เจ๋งคือ เขายังศึกษาผู้ป่วยเป็นคู่ที่ติดตามข้อมูลทางคลินิกแล้วยืนยันว่าเป็นการติดเชื้อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง จำนวน 77 คู่ ซึ่งทำให้เราทราบความสามารถในการแพร่เชื้อของผู้ป่วย (transmissibility) ได้ โดย 77 คู่นี้ มีระยะเวลาที่เกิดอาการห่างกันราว 5.8 วัน เมื่อคำนวณจากระยะฟักตัวก่อนมีอาการ ‼️พบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อ SARS-CoV-2 นี้สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 2.3 วันก่อนมีอาการ‼️ (range 0.8-3 วัน) และโอกาสแพร่สูงสุดคือ 0.7 วันก่อนมีอาการ โดยสัดส่วนของผู้ที่ติดเชื้อนั้นพบว่า 44% ติดเชื้อไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่คู่ของตนจะมีอาการด้วยซ้ำ (presymptomatic transmission) และความสามารถในการติดต่อ (infectiousness) ลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 7 วันหลังมีอาการ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลก่อนหน้านี้ที่พบว่า แม้ผู้ป่วยจะยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ได้นานถึง 37 วันหลังป่วย แต่ไม่มีผู้ป่วยรายใดที่แยกเชื้อแล้วเพาะขึ้นหลังวันที่ 8 แสดงว่าเชื้อที่ตรวจพบหลังจากนั้นเกือบทั้งหมดเป็นเพียง viral genome ไม่ใช่ intact virus

ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์มากกับการทำ contact tracing ซึ่งต้องเน้นสอบสวนโรคหาผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อย้อนกลับไปอย่างน้อย 3 วันก่อนมีอาการ และด้วย R0 ที่สูงถึง 2.5 เมื่อเทียบกับข้อมูลการแพร่เชื้อก่อนมีอาการนี้ จะต้องทำ contact tracing ให้ได้อย่างน้อย 90% จึงจะได้ผลดี โดยเฉพาะในกรณีที่มี super spreader หรือ outbreak cluster เกิดขึ้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.nature.com/articles/s41591-020-0869-5

อ่านเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับ COVID-19 ได้ที่
COVID Series

 

พบยาใหม่ใช้รักษา COVID-19 จากการศึกษาโครงสร้างเอ็นซัยม์ protease

ปัญหาใหญ่ของวิกฤติ COVID-19 อย่างหนึ่ง คือเราไม่เคยมียารักษา coronavirus มาก่อน การรักษาผู้ป่วยทั้งหมดที่ผ่านมา อาศัยกลยุทธ์ที่เรียกว่า drug repurposing คือการหายาเก่าที่มีอยู่แล้วในท้องตลาด ซึ่งอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ อยู่ เอามาทดสอบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ SARS-CoV-2 หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาไวรัสตัวอื่นเช่น Favipiravir, Lopinavir/Ritonavir (LPV/r), Darunavir, Remdesivir หรือใช้ยาอื่นซึ่งไม่ได้ใช้เป็นยาต้านไวรัส แต่มีข้อมูลเบื้องต้นว่าใช้ได้ เช่น Chloroquine (CQ), Hydroxychloroquine (HCQ), Interferon (IFN)

ข้อดีคือยาเหล่านี้มีการผลิตอยู่แล้ว การเพิ่มกำลังการผลิตทำได้ไม่ยาก ยาหลายตัวมีราคาถูก และยาเหล่านี้ผ่านการใช้มานานพอสมควร จนเรารู้ผลข้างเคียงของยาแต่ละชนิดแล้ว การใช้ยาเหล่านี้จึงทำได้เร็ว และทำได้ปลอดภัย อย่างไรก็ดี drug repurposing ไม่ได้การันตีว่าเราจะเจอยาที่ได้ผลดี (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง drug repurposing ได้ที่นี่ )

อีกวิธีหนึ่งคือการเอาพลาสมาของผู้ป่วย COVID-19 ที่หายแล้วมาสกัด neutralizing antibody เพื่อฉีดให้กับผู้ป่วยอื่น หวังว่า antibody นี้จะมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อในร่างกายผู้ป่วยที่กำลังติดเชื้ออยู่ได้ มี small clinical trials ตีพิมพ์ใน JAMA และ PNAS ก็ดูเหมือนจะดี แต่งานวิจัยยังพบอีกว่าผู้ป่วยที่หายจากโรคแล้ว 30% มีปริมาณ antibody น้อยมาก แปลว่าเราก็ยังต้องเลือกผู้ป่วยบางรายมาสกัด แถมยังทำได้จำกัดด้วย

ปัญหาที่เราไม่มียาใหม่ที่มีฤทธิ์ต้าน coronavirus โดยตรงเลย ... วันนี้อาจจะมีคำตอบแล้ว

ผลงานวิจัยตีพิมพ์ใน Nature แบบ Accelerated Preview เมื่อ 4 วันก่อน นักวิจัยจากจีน ทำการศึกษาโครงสร้างของ protease enzyme ในเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเป้าหมายการออกฤทธิ์ของยา protease inhibitor

Viral protease (MPro) ทำหน้าที่สำคัญคือตัด polypeptides ที่ไวรัสสร้างขึ้นจาก viral genome ให้กลายเป็นโปรตีนชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญของมันเองในการประกอบเป็นส่วนต่าง ๆ ของไวรัส ซึ่งเอ็นซัยม์นี้ไม่มีในมนุษย์จึงเหมาะจะเป็นเป้าหมายต่อการออกฤทธิ์ของยา ที่ผ่านมาเราใช้ protease inhibitor สำหรับ HIV คือ LPV/r และ DRV/r ในการรักษา ซึ่งผลการรักษายังต้องพิสูจน์กันต่อไป

ทีมนักวิจัยเริ่มต้นโดยใส่ยีนสร้าง COVID-19 MPro เข้าไปใน E.coli เพื่อให้แบคทีเรียผลิต MPro บริสุทธิ์ออกมา จากนั้นศึกษาโครงสร้างของโปรตีนอย่างละเอียดและทำ high throughput drug screening เพื่อหาสารเคมีหรือยาที่มีฤทธิ์ต่อ MPro นี้

ก่อนหน้านี้นักวิจัยทีมนี้ ได้สร้างยาใหม่ขึ้นมา 1 ตัวมีชื่อเป็นรหัสว่า N3 พบว่ามีฤทธิ์ต่อทั้ง SARS-CoV และ MERS-CoV เมื่อเอามาศึกษา molecular docking และทดสอบการยับยั้ง COVID-19 MPro ก็พบว่า N3 มีฤทธิ์ยับยั้งดีมาก นอกจากนั้นเขาทำการ screen ยาจากคลังที่มีอยู่ประมาณ 1 หมื่นชนิด พบว่ายาชื่อ Ebselen ซึ่งเป็น organoselenium มีฤทธิ์เป็น hydrogen peroxide scavenger และมีการศึกษาทางคลินิกกับโรคเส้นเลือดสมองและหูหนวก สามารถจับกับ MPro ได้ดี โดยมีค่า EC50 ต่อเชื้อที่อาศัยใน Vero cells ต่ำมาก ยา Ebselen ยังมีความปลอดภัยสูง (LD50 ในหนูสูงถึง 4,600 mg/kg)

ต่อจากนี้ คงต้องติดตามดูว่าจะมี clinical trials ของ Ebselen สำหรับ COVID-19 ออกมาเร็ว ๆ นี้ไหม ส่วน N3 อาจต้องใช้เวลาอีกซักพักถึงจะออกมาเป็นยาและเข้า phase 1-2-3 ต่อไป

สนใจอ่านต่อได้ที่ : https://www.nature.com/articles/s41586-020-2223-y

COVID Series

 

การค้นหา antibody เพื่อรักษา COVID-19

ในช่วงวันสองวันนี้เราเห็นการแชร์ข่าวขอรับบริจาค plasma (น้ำเลือด) จากผู้ป่วยที่หายจาก COVID-19 เพื่อนำมาสกัดและใช้รักษาผู้ป่วย COVID-19 รายอื่น ๆ

การใช้น้ำเลือดจากผู้ที่หายป่วย (convalescent plasma) มีการใช้ในโรคติดเชื้อหลายชนิดมายาวนาน โดยมากมักเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส สำหรับการระบาดของ COVID-19 หนนี้ มีรายงานการใช้ convalescent plasma ในประเทศจีนในช่วงต้นของการระบาด (https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2763983) เป็นจุดเริ่มของการทำ clinical trials ในประเทศต่าง ๆ เช่นในอเมริกาก็มี National COVID-19 Convalescent Plasma Project ที่รับอาสาสมัครที่หายจากโรคเพื่อบริจาค plasma ไปใช้รักษาผู้ป่วยรายอื่น (https://ccpp19.org) เช่นกัน

วันนี้เรามาติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนา antibody ต่อเชื้อ SARS-CoV-2 กัน

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจวงจรชีวิตของไวรัสตัวนี้ก่อน SARS-CoV-2 เป็น enveloped, single-stranded, positive-sense RNA virus ซึ่งเข้าติดเชื้อในเซลล์มนุษย์ได้ โดยอาศัย spike (S) protein ที่จะจับกับ ACE2 บนผิวเซลล์ จากนั้นจะเกิดกระบวนการที่ envelope protein เกิดหลอมรวมกับผิวเซลล์ (membrane fusion) ทำให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์และเจริญเติบโตออกลูกหลานแล้วปล่อยออกมาได้

Spike protein มีโครงสร้างหลัก ๆ แบ่งเป็น S1 subunit ประกอบด้วย N-terminal domain (NTD) และ receptor binding domain (RBD) และ S2 subunit โดย RBD เป็นส่วนที่จับกับ ACE2 และ S2 ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิด membrane fusion โดยที่ functional unit ของ spike จะเป็น homotrimer คือใช้ spike protein 3 ตัวประกอบกัน ซึ่งการพยายามค้นหา antibody ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อ (neutralizing antibody) มักเน้นไปที่การจับกับ spike protein เป็นหลัก

แม้ว่าหลักการของการรักษาด้วย convalescent plasma จะดูดี แต่ปัญหาสำคัญของวิธีนี้คือ เราไม่รู้เลยว่าใน plasma ของผู้ป่วยที่หายแล้วนั้น neutralizing antibody คืออะไร มีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจาก antibody ใน convalescent plasma จะมีลักษณะเป็น polyclonal แน่ ๆ จำเป็นต้องแยกออกมาว่า antibody ใดที่จำเพาะกับส่วนใดของไวรัส (น่าจะเป็น spike protein แน่ ๆ แต่ส่วนใดของ spike protein ยังไม่มีใครรู้) แถมการผลิตยังไม่สามารถ scale up ได้ ต้องรอผู้ป่วยหายดีมาบริจาคแล้วสกัดออกมา ถ้าความต้องการใช้มีเป็นจำนวนมากก็ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้

ความพยายามในการหา monoclonal antibody (mAb) ที่เป็น neutralizing antibody ต่อ coronavirus มีมาตั้งแต่ SARS และ MERS แล้ว มีทีมนักวิจัยประสบความสำเร็จในการแยก clone ของ neutralizing antibody ต่อ SARS และ MERS ได้หลาย clone และเมื่อมีการระบาดของ SARS-CoV-2 ก็มีทีมนักวิจัยหยิบ mAb เหล่านี้ออกมาทดสอบเพราะ SARS-CoV และ SARS-CoV-2 มี genome คล้ายกันแถมยังใช้ ACE2 เป็น protein of entry เหมือนกันอีก

ความพยายาม screen หา SARS mAb ที่มี cross-reactivity ต่อ SARS-CoV-2 รายงานเป็นครั้งแรกเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อพบว่า mAb ที่ชื่อ CR3022 ที่ recognize SARS-CoV RBD epitope มี binding affinity กับ SARS-CoV-2 RBD ด้วย ในขณะที่ SARS mAb ตัวอื่นอย่าง m396 และ CR3014 กลับไม่มีผลแม้ว่าจะจับกับ SARS-CoV RBD เช่นเดียวกัน แต่เป็นคนละ epitope (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/22221751.2020.1729069)

ผลงานตีพิมพ์ใน Science เมื่อ 3 วันก่อน ทีมนักวิจัยหยิบเอา CR3022 มาศึกษาด้วย cryo-EM เพื่อดู binding conformation กับ RBD มีสิ่งน่าสนใจคือพบว่า CR3022 ไม่ได้แย่งจับกับ ACE2 ในส่วน RBD แบบที่ neutralizing mAb อื่นทำ แต่ส่วนที่ไปจับ (epitope) กลับไปหลบอยู่ข้างใน (cryptic) โดย RBD มีลักษณะเป็นบานพับ ซึ่งจะเปิดส่วน cryptic epitope ให้ CR3022 จับได้เมื่อ RBD ยกขึ้น (up conformation) เท่านั้น และการศึกษา binding affinity ของ SARS mAb ที่มีอยู่พบว่า affinity ต่อ SARS-CoV-2 ล้วนต่ำกว่า SARS-CoV มากครับ

โดยสรุป ณ ตอนนี้ การผลิตและใช้ SARS mAb มารักษา COVID-19 อาจจะไม่ง่ายนัก (ยกเว้นพบว่า in vivo effect ดีกว่า in vitro study) และ SARS-CoV-2 มีอะไรที่ซับซ้อนแตกต่างจาก SARS-CoV พอสมควร .. หวังว่าจะมีคน identify SARS-CoV-2 neutralizing antibody clone ได้เร็ว ๆ นี้ เราจะได้เห็นการผลิต SARS-CoV-2 mAb ออกมาโดยเร็วครับ

ที่มา: https://science.sciencemag.org/content/early/2020/04/02/science.abb7269

COVID Series

 

COVID vaccine ตัวใหม่ ‼️ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังฉีด

ช่วงนี้งานวิจัยเกี่ยวกับ SARS-CoV-2 ออกมารัว ๆ อ่านกันไม่ทันเลยครับ วันนี้มีผลงานตีพิมพ์น่าสนใจชิ้นหนึ่งใน EBioMedicine ยังเป็น Article In Press อยู่เลย

ทีมนักวิจัยจาก University of Pittsburgh สร้างวัคซีนตัวใหม่ขึ้นมา และแสดงให้เห็นด้วยว่าสามารถกระตุ้นให้หนูทดลองสร้าง neutralizing antibody ได้ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์

ก่อนหน้านี้ นักวิจัยทีมนี้ทำการศึกษาเกี่ยวกับ MERS และ SARS vaccine อยู่ โดยสามารถสร้าง adenoviral vector และ plasmid construct ของ receptor binding domain (RBD) ของเชื้อ MERS-CoV และ SARS-CoV ได้แล้ว และกำลังทดลองเพื่อสร้าง RBD protein (aka spike protein) และสกัดให้บริสุทธิ์เพื่อพัฒนาเป็นวัคซีน ก็พอดีมีการระบาดของ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นต้นเหตุของ COVID-19 อย่างรุนแรงไปทั่วโลก

ในเมื่อ SARS-CoV-2 เป็น coronavirus เหมือนกัน เป็น RNA virus ที่มี viral genome คล้ายกันมากกับ SARS-CoV และ MERS-CoV อยู่แล้ว การสร้าง vector ขึ้นมาย่อมไม่ยากนัก

หลังจากเขาได้ SARS-CoV-2 RBD vector construct แล้วก็ transfect เข้าไปใน HEK-293 cell lines จากนั้นสกัดและ purified RBD protein ออกมา

และแทนที่จะใช้ purified protein มาบรรจุ syringe เพื่อใช้ฉีด ทีมนักวิจัยสร้าง microneedle array ขึ้นมาจาก carboxymethyl cellulose ซึ่งย่อยสลายได้ ลักษณะเป็นแผ่นแปะขนาดเพียงปลายนิ้วมือ ซึ่งมี microneedle ยาวเพียง 750 ไมครอน หลายร้อยอันติดอยู่ ภายในบรรจุ RBD protein อยู่ในเข็ม

เมื่อทดลองแปะ microneedle patch นี้บนผิวหนูทดลอง ซึ่งความยาวของเข็มจะสามารถฉีด RBD protein เข้าไปได้เพียงชั้นผิวหนัง (intradermal injection) เป็นที่ทราบกันดีว่า intradermal injection เป็นวิธีฉีดวัคซีนที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด จึงต้องการวัคซีนในปริมาณน้อยมาก หลังแปะไม่นานเข็มเหล่านี้ก็จะละลายหายไปเอง

หลังจากฉีด purified SARS-CoV-2 RBD protein ให้กับหนูทดลอง จากนั้นทำการเจาะเลือดหนูติดตามระดับ IgG ว่าขึ้นในเลือดหลังฉีดนานเท่าไหร่ พบว่าหนูผลิต IgG ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังได้รับวัคซีน ✌️

น่าเสียดายว่าทีมนักวิจัยตีพิมพ์ผลงานนี้ออกมาก่อนจะทดลอง neutralizing effect เสร็จ แต่จากการสร้างและเลือก RBD เป็น antigen และผลการทดสอบ neutralizing effect ของ IgG ต่อ MERS-CoV หลังฉีด MERS-CoV RBD ให้หนูด้วยเทคนิคเดียวกันก่อนหน้านี้ นักวิจัยคาดว่า antibody ที่ตรวจพบน่าจะเป็น neutralizing antibody เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ การทดสอบฉายรังสีแกมม่าไปยัง vaccine package (microneedle patch ที่บรรจุ spike protein ไว้แล้ว) ก่อนเอาไปใช้ก็ยังใช้ได้ผลเหมือนเดิม ช่วยรับประกันได้ว่าการผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อก่อนนำไปใช้ทำได้สบาย ๆ

จะเห็นว่าวัคซีนนี้ต่างจาก COVID vaccine อื่นที่เริ่ม phase 1 trial ซึ่งเป็น RNA vaccine ทั้งสิ้น แต่ทีมนี้สร้างวัคซีนที่เป็น viral protein เหมือนวัคซีนอื่น ๆ ที่เราใช้กันอยู่ ดังนั้นการผลิตในระดับ mass, ความคงตัวของวัคซีน, และการวัดการตอบสนอง จะทำได้ง่ายกว่ามาก

ผลงานนี้เป็นทีมวิจัย COVID vaccine ทีมแรกที่เลือกตีพิมพ์ผลงานก่อนจะทำ clinical trial phase 1 ของวัคซีนซึ่งตั้งชื่อว่า PittCoVacc (Pittsburgh Corona Vaccine) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้า

รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ที่นี่ครับ : https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2352396420301183

COVID Series