ติดตามสถานะการณ์

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 11 ม.ค.58 บึม..ระเบิดพลีชีพ กลางตลาดไนจีเรีย ตายรวดกว่า 20 รายเจ็บระงม
เด็กหญิง อายุ 13 ปี ชาวไนจีเรีย ถูกพ่อบังเกิดเกล้ายกให้กลุ่มติดอาวุธ โบโก ฮาราม และถูกใช้เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายไปโจมตีตลาดแห่งหนึ่งที่เมืองคาโน เมืองใหญ่ที่สุดลำดับ 2 ในภาคเหนือของไนจีเรีย โดย นักรบคนหนึ่งก็ถามเธอว่า เธออยากขึ้นสวรรค์หรือไม่ เมื่อเธอตอบไปว่าอยาก
นักรบคนนี้ก็บอกว่า เธอต้องทำภารกิจพลีชีพ แม้เธอจะพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องจำยอม เพราะพวกเขาขู่ว่าจะฝังเธอทั้งเป็น หลังจากนั้น เธอจึงถูกพาตัวไปส่งที่ตลาดในเมืองคาโน พร้อมกับเด็กหญิงอีก 2 คน ซึ่งจุดระเบิดตามคำสั่งข ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย แต่เฉพาะตัว เธอกลัวเกินกว่าที่จะจุดระเบิด
หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเด็กหญิงอีก 2 คนจุดระเบิดแล้ว และตัวเธอเองก็ ได้รับบาดเจ็บ ไปรู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาล ต่อมาตำรวจไนจีเรียเข้าจับกุมเธอในขณะที่เธอกำลังรับการรักษา และได้ให้สัมภาษณ์แก่นักข่าว เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ของสังคมถึงวิธีการของกลุ่มโบโก ฮาราม
แต่แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็มีเหยื่อเป็นเด็กสาวคนใหม่อายุไม่ถึง 10 ขวบ ก่อระเบิดพลีชีพซ้ำขึ้นอีกครั้ง (คำว่าระเบิดฆ่าตัวตาย ต้องเกิดขึ้นเฉพาะตน ไม่กระทบคนอื่น) ที่ตลาด ไมดูกูรี ศูนย์กลางการช้อปปิ้งในเมือง จนประชาชนตายค่าที่ 20 ราย และอีก 18 รายได้รับบาดเจ็บ !!
กลุ่มก่อการร้าย โบโกฮาราม ไนจีเรีย เครือยข่าย IS ที่ถูกฝึกโดยอเมริ กา มีอาวุธทรงอานุภาพแล้ว โดยใช้เด็กๆ ตัวเล็กๆ ผูกระเบิดที่ตัว แล้วบังคับให้ไปจุดที่ต้องการ เพื่อทำร้ายคนมุสลิม ถ้าไนจีเรีย ไม่มีน้ำมันมากที่สุดในแอฟริกา พวกเขาคงไม่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้
คำประกาศขู่ของอเมริกา ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงโจมตี " ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ เอเชีย และ ยุโรป " เริ่มกระจายไปทั่วโลกแล้ว
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 11 ม.ค.58 ระเบิดตูมกลางเมืองในเลบานอน ตาย เจ็บ ยับเยิน
เมื่อวานนี้เกิดเหตุระเบิดพลีชีพ โดยคนร้าย 2 ราย ที่แถวร้านกาแฟ อันพลุกพล่าน ในกรุงทริโปลี ทางเหนือของเลบานอน มีคนตายรวดเดียว 9 ราย บาดเจ็บ 35 ราย หลังเหตุการกลุ่มก่อการร้าย IS ไอ้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
แปลกมาก ปกติแล้วกลุ่ม IS ที่มีอิทธิพลในซีเซีย และอิรัก ไม่ข้ามไปก่อเหตุที่ประเทศเลบานอน เพราะที่นั่นมีกลุ่มก่อการร้ายขาใหญ่อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้กลุ่ม IS กลับออกมาอ้างความรับผิดชอบก่อเหตุ ดูเหมือนจะสอดรับกับคำประกาศขู่ของอเมริกา ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงโจมตี " ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ เอเชีย และ ยุโรป "
ต่อจิ๊กซอไม่เป็น ไม่ทันชาติตะวันตก จะโดนหลอก และบังตาได้ง่าย จุดต่อไปก็ถึงคิวปากีสถาน และไนจีเรียแล้ว
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 11 ม.ค.58 กลิ่นระเบิดนิวเคลียร์ ฉุนขึ้นจมูกกึก เมื่ออเมริกาประกาศก่อการร้ายทั่วโลก
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกประกาศเตือนภัย "ก่อการร้ายทั่วโลก " โดยขอให้พลเมืองชาวอเมริกันทั่วโลก เพิ่มความระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในเรื่องการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะการเดินทางในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ
เนื่องจาก สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศแถบตะวันตก กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้าย โดยพื้นที่เสี่ยงซึ่งชาวอเมริกัน ควรเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ คือ " ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ เอเชีย และ ยุโรป "
สืบเนื่องจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของสหรัฐ และพันธมิตรหลายประเทศในยุโรป เพื่อกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง IS ในซีเรียและอิรัก ทำให้กลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว ตอบโต้ด้วยการโจมตีพลเมืองชาวสหรัฐ และผลประโยชน์ของสหรัฐ
----------------------------------->
ตอนนี้สหรัฐฯ สั่งเตรียมความพร้อม "จัดตั้งค่ายผู้ประสบภัย จำนวนมากรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน " ทั่วประเทศอเมริกาแล้ว ทางฝ่ายรัสเซีย เริ่มระแคะระคายแล้วว่าอาจเป็นแผนการะดมกำลังของ NATO แบบเนียนๆ เพื่อจู่โจมรัสเซียเเบบสายฟ้าเเลบ
ปูติน รัสเซียเองตอนนี้ เตรียมพร้อม สั่งยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ จากเรือดำน้ำ รุ่นใหม่ล่าสุดใส่อเมริกา และ NATO ทันทีหากเขาถูกโจมตีก่อนแบบฉับพลัน โดยเรือดำน้ำรัสเซีย ลอบเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ประเทศคู่อริทั้งหมดในระยะยิงแล้ว แม้แต่อังกฤษ ก็อ่อนใจเพราะหาเรือดำน้ำรัสเซียไม่เจอ
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 11 ม.ค.58 ปูติน สั่งติดตั้งขีปนาวุธ รอบกรุงมอสโค และตอนกลางประเทศรัสเซียแล้ว
หลังปีใหม่เป็นต้นมา ประธานาธิปดีปูติน สั่งการให้กองทัพรัสเซีย นำขีปนาวุธ S-400 Triumph (S-21 Growler) ที่ทันสมัย มาติดตั้ง พร้อมทหารจุดละ 4 นาย เพื่อใช้ป้องกันภัยทางอากาศรอบเมืองหลวงกรุงมอสโค และโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนกลางของประเทศ
ประเทศรัสเซีย ไม่ได้จัดงานวันเด็กเหมือนในประเทศไทย แต่ก็ไม่ใช่เครื่องทำความอบอุ่นให้ร่างกาย ไม่รู้ว่าพี่หมีขาวปูติน ได้กลิ่นอะไรมา จึงสั่งระดมขีปนาวุธนี้เร่งมาติดตั้ง พร้อมรับคำสั่งยิงจากศูนย์บัญชาการทางทหารใหม่ ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน และปูติน ลงไปทำงานแล้ว
แต่ที่น่าสนใจคือเรือดำน้ำล่องหนรุ่นใหม่ (หมายถึงตรวจด้วยเครื่องมือไม่พบ) ของรัสเซีย ได้เข้าประจำพิกัดที่แมกซิโก และในทะเลรอบ EU แล้ว...ไม่รู้ไปทำประมง ยิงนก ตกปลา แถวๆ นั้นหรือเปล่า หรือ อาจพาคู่บ่าว สาว ไปถ่ายเวดดิ้ง แต่งงานใหม่ใต้ทะเล และดำน้ำดูปะการัง
แต่หากพี่หมีขาว ขาด แห อวน พร้อมข้าวเหนียว ไก่ย่าง ก็สั่งอาหารไปตุนไว้ได้เลย เพราะเพิ่งแอบส่งผู้บริหารรัสเซีย มาพบไทยผู้นำไทยไปแล้ว เพื่อสั่งซื้ออาหาร และสิ่งจำเป็นครองชีพต่างๆ..คงเตรียมเข้าค่ายแคมป์ปิ้งลูกเสือมั้ง (^_^)
@ เสธ น้ำเงิน1 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ ASTV ผู้จัดการ Live

สมใจอยาก.. หิมะตกแล้วในเวียดนาม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มกราคม 2558 03:57 น.



ลุ้นและรอกันมาข้ามปี ตกลงมาจนได้ในวันเสาร์ 10 ม.ค. สำนักงานพยากรณ์อากาศในกรุงฮานอยกล่าวในขณะเดียวกันว่า ทางตอนเหนือของประเทศจะยังคงหนาวเย็นต่อไปจนถึงวันจันทร์นี้ คืออาจจะได้ดูหิมะต่อไปอีก 2 วัน.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นักท่องเที่ยวหลายพันคนในซาปา (Sapa) เมืองท่องเที่ยวตากอากาศทางตอนบนเวียดนาม ใน จ.หล่าวกาย (Lao Cai) ได้สัมผัสกับหิมะสมใจเป็นครั้งแรกในรอบปีวันเสาร์ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา หิมะที่ตกโปรยปรายไม่ขาดสายตั้งแต่คืนวันศุกร์ ทำให้ถนนหลายช่วงไม่สามารถสัญจรไปมาได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นนักท่องเที่ยวอีกจำนวนหนึ่งก็ยังพยายามขับรถขึ้นเขาเพื่อไปชมหิมะให้จงได้

หิมะเริ่มตกลงมาเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนวันศุกร์ 9 ม.ค. ในขณะที่อุณหภูมิลดลงต่ำ 0 องศาเซลเซียส ทั้งในเขต อ.ซาปา และ อ.บั๊ตสาต (Bat Sat) บริเวณเดียวกันกับที่เกิดหิมะตกหนักในเดือน ธ.ค.2556

นักท่องเที่ยวต่างมีความสุขที่ได้ชื่นชมหิมะ แต่เกษตรกรในพื้นที่ไม่ได้ยินดีปรีดาด้วย เพราะหิมะได้เข้าซ้ำเติมความหนาวเย็นที่กำลังทำลายพืชผลให้เสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นท้อที่เกษตรกรเพาะไว้ และกำลังเติบโต กับดอกไม้อีกนานาพันธุ์ที่เกษตรกรปลูกเตรียมนำส่งตลาดในช่วงก่อนเทศกาลตรุษที่จะมาถึง เหงือยเดือนติน สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามยอดนิยมรายงาน

หิมะปกคลุมถนนหนทาง คลุมหลังคาบ้านเรือนราษฎร ยอดไม้ใบหน้า และบางแห่งปกคลุมทั่วทั้งอาณาบริเวณเนินเขา แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งในซาปาใช้การไม่ได้ ไกลออกไปในเขตหุบเขาหิมะปกคลุมหนายิ่งกว่า ตั้งแต่เช้าวันเสาร์นี้
.
ในขณะที่หิมะเริ่มตกโปรยปรายลงมาในคืนวันศุกร์ ในเขตเมืองหล่าวกาย ที่อยู่ใต้ลงไป ก็เกิดฝนตกหนัก ถนนหนทางหลายสายไปมาไม่สะดวก กลายเป็นอุปสรรคสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางขึ้นเขาไปยังซาปารวม ซึ่งระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร

วันเสาร์นี้อุณหภูมิในกรุงฮานอยที่อยู่ห่างลงไปทางใต้กว่า 300 กิโลเมตร ลดวูบลง 12 องศาเซลเซียส และมีฝนกตกเบาบางแต่กินอาณาบริเวณกว้าง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางเวียดนามคาดว่า อากาศจะยังคงหนาวเย็นต่อไปจนถึงวันจันทร์ 12 ม.ค.

คลิก >>http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000003527

 

สเปซเอ็กซ์นำจรวดร่อนลงกลางทะเลไม่สำเร็จ



สเปซเอ็กซ์ประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดฟัลคอนนำเสบียงขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ แต่ไม่สามารถนำจรวดกลับร่อนลงจอดบนแท่นกลางมหาสมุทรตามแผนที่วางไว้

วันเสาร์ 10 มกราคม 2558 เวลา 21:25 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากแหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่10ม.ค.ว่า สเปซเอ็กซ์สามารถปล่อยจรวดไร้คนขับฟัลคอนที่นำแคปซูลดรากอนขนส่งเสบีงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จ ขณะที่แผนพยายามนำจรวดร่อนลงจอดบนแท่นจอดกลางพื้นผิวมหาสมุทรนั้นกลับล้มเหลว

ด้านนายอีลอน มัสค์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทสเปซเอ็กซ์เผยว่า ขั้นแรกในการร่อนลงจอดของจรวดฟัลคอนที่ห่างจากชายฝั่งรัฐฟลอริดาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ300กม. แต่จรวดได้ร่อนลงมาด้วยความเร็ว ก่อนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พยายามนำจรวดกลับร่อนลงจอดบนโลก เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และทำให้ภารกิจรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมีโอกาสสำเร็จร้อยละ50

จรวดลำดังกล่าวได้ขนส่งทั้งเสบียงจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(นาซา)หนักกว่า2,300กก. และอุปกรณ์เร่งด่วนที่ใช้สำหรับการทดลอง รวมถึงอุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดของจรวดที่ส่งขึ้นไปก่อนหน้านี้ และของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่เจ้าหน้าที่สถานีอวกาศจำนวน6คน

ทั้งนี้ภารกิจดังกล่าวมีกำหนดเริ่มปล่อยจรวดตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้วก่อนวันคริสต์มาส แต่ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องจากการทดสอบการปล่อยจรวด ตามมาด้วยการระงับการปล่อยจรวดในนาทีสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่6ม.ค.ที่ผ่านมา

สเปซเอ็กซ์นำจรวดร่อนลงกลางทะเลไม่สำเร็จ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Kaokala Fc
9 ม.ค. จีนซื้อ"โทรจัน"เจาะมือถือ



ปักกิ่ง - หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของจีนรายงานเมื่อวันที่ 8 มกราคม ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียงของจีน เตรียมใช้งบประมาณ 149,000 หยวน หรือราว 788,000 บาท เพื่อนำซอฟต์แวร์ที่ทำงานในลักษณะเดียวกับโทรจัน ออกแบบเพื่อปลดล็อกสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และไอโอเอส เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังข้อมูลการสื่อสารทั้งการโทร การส่งข้อความ รูปภาพและข้อมูลอื่นๆ ของประชาชน

รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังมีประกาศดังกล่าวเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของเมืองเวินโจว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการแชร์ประกาศดังกล่าวในเว็บไซต์สังคมออนไลน์ของจีนเป็นจำนวนมาก (เอเอฟพี)

จีนซื้อ"โทรจัน"เจาะมือถือ : มติชนออนไลน์

 

Kaokala Fc
9 ม.ค. ตี๋น้อย 10 ขวบยอดกตัญญู เดินเก็บขยะขาย-หาเงินไปรักษาพ่อป่วยลูคีเมีย



วันที่ 9 ม.ค. เฟซบุ๊กของซีซีทีวีนิวส์เผยเรื่องราวที่ทั้งน่าสงสารและน่าประทับใจของ เจ้าหนู "โม ชวงยี่" เด็กชายชาวจีนวัย 10 ขวบ จากย่านตงกู่ ในมณฑลเจียงซี ซึ่งต้องเก็บขยะไปเร่ขายตามถนน เพื่อหาเงินไปช่วยชีวิตนายโม เหวินเฟิ่ง พ่อซึ่งป่วยเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว และกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง โดยมีภรรยาคอยช่วยดูแล

ตามรายงานระบุว่าค่ารักษาของเหวิงเฟิ่งแพงมากถึง 600,000 หยวน (ราว 3 ล้านกว่าบาท) และครอบครัวเขาก็ยากจนมาก เจ้าหนูชวงยี่จึงต้องทำในสิ่งที่เด็กวัยเดียวกันอาจยังทำไม่ได้ นั่นคือริเริ่มกิจการส่วนตัว ด้วยการเก็บขยะไปขาย โดยหวังว่าจะเอาไปเป็นค่ารักษาให้พ่อได้ และเมื่อมีคนถามว่า นึกอย่างไรถึงเก็บขยะขาย ชวงยี่ก็ตอบว่า เพราะเขารู้จักวิธีนี้วิธีเดียวที่จะหาเงินได้

แต่ความรันทดของครอบครัวโมไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้นเพราะนอกจากชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาลแล้วชวงยี่ยังต้องคอยดุแลคุณย่าวัย 70 ปี และน้องชาย 3 ขวบอยู่ที่บ้านด้วย จากนั้นถึงออกไปเก็บขยะขาย

ใน1 วัน เจ้าหนูชวงยี่ขายขยะได้กำไร 36.6 หยวน (ราว 196 บาท) ซึ่งนับว่าสูงสุดเท่าที่เคยทำมาได้ เจ้าหนูชวงยี่ก็เขียนลงในสมุดไดอารี่ว่า " ณ เวลานี้ เงิน 6 แสนหยวนอาจจะอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา พอๆกับระยะทางไปปักปิ่ง แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ขอให้พ่อเชื่อมันในตัวผมนะครับ!"

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว ก็มีคนจำนวนมากที่อาสาขอบริจาคเงินช่วยเหลือหนุ่มน้อยชวงยี่ผู้น่าสงสารและครอบครัวของเขา

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…

 

Pst Nong ได้แชร์รูปภาพของ www.mcot.net

ยะเยือก! คนนับแสนแห่ร่วมเทศกาลตกปลาในน้ำแข็ง "ฮวาชอน 2015" ที่เกาหลีใต้ จัดถึง 1 ก.พ.นี้



คนนับแสนแห่ร่วมเทศกาลตกปลาในน้ำแข็งที่เกาหลีใต้
Written by: newmedia2015/01/11 6:44 AM

เกาหลีใต้ 11 ม.ค.-ผู้คนนับแสนคนฝ่าความหนาวร่วมเทศกาลตกปลาน้ำแข็ง ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งที่ประเทศเกาหลีใต้

ผู้คนกว่า 150,000 คน เข้าร่วมเทศกาลตกปลาน้ำแข็งฮวาชอน 2015 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฮวาชอน ทางตอนเหนือของกรุงโซล ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยในวันแรกของการจัดงานมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน หลายคนบอกว่า อากาศหนาวมาก แต่การได้มาจับปลาจากทะเลสาบน้ำแข็งแบบสดๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ซึ่งปลาเทราต์ที่ตกมาได้มีรสชาติอร่อยและหอมหวานมากเมื่อนำไปย่างรับประทานแบบสดๆ

เทศกาลตกปลาน้ำแข็งฮวาชอนจัดมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543 ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี คาดว่าเทศกาลปีนี้ซึ่งจะจัดขึ้น 23 วัน ไปจนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า 1 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย


คลิก►คนนับแสนแห่ร่วมเทศกาลตกปลาในน้ำแข็งที่เกาหลีใต้ | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย ‪#‎TNAMCOT‬ ‪#‎สำนักข่าวไทย‬

 

อินโดนีเซียจับสัญญาณกล่องดำได้แรงมากขึ้น
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/01/11 12:44 PM



ปังกาลันบุน ม.ค. – ทางการอินโดนีเซียเปิดเผยวันนี้ว่าได้รับสัญญาณแรงจากอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน หรือกล่องดำของเครื่องบินสายการบินอินโดนีเซียแอร์เอเชีย ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกในทะเลชวาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 162 คนเสียชีวิต
ทีมนักประดาน้ำของอินโดนีเซียกำลังพยายามติดตามสัญญาณปิงที่จับได้จากกล่องดำดังกล่าว โดยเชื่อว่า กล่องดำกล่องนี้จะอยู่ก้นทะลชวาที่ความลึกประมาณ 30 เมตร การค้นหากล่องดำครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังทีมกู้ภัยและค้นหาสามารถยกชิ้นส่วนหางเครื่องบินของสายการบินลำดังกล่าวขึ้นเหนือผิวน้ำเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญจะยืนยันว่าไม่มีกล่องดำติดอยู่ในชิ้นส่วนดังกล่าว ขณะที่หัวหน้าหน่วยปฎิบัติการค้นหาครั้งนี้กล่าวว่าสามารถจับสัญญาณปิงของกล่องดำได้ในบริเวณที่ถัดจากจุดที่กู้ซากหางเครื่องบินไปทางทิศตะวันออกราว 1 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ กรมอุตุนิยมวิทยาของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่าสาเหตุการตกของเครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 ลำนี้ อาจเกิดจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ทว่าสาเหตุที่แท้จริงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบพิสูจน์ยืนยันจากกล่องดำเท่านั้น โดยหัวหน้าหน่วยปฎิบัติการค้นหาในครั้งนี้เชื่อมั่นว่าสัญญาณที่ได้รับครั้งนี้จะมาจากกล่องดำซึ่งเป็นสัญญาณที่แรงมาก ขณะเดียวกันยังกล่าวว่า มีการตรวจพบวัตถุซึ่งเชื่อว่าจะเป็นชิ้นส่วนหลักของเครื่องบินลำนี้ในบริเวณที่ไม่ไกลจากจุดที่รับสัญญาณปิงของกล่องดำได้ โดยได้ส่งทีมนักประดาน้ำเพื่อไปตรวจสอบยืนยันแล้ว
จนถึงขณะนี้ความพยายามค้นหาของทีมค้นหานานาชาติ รวมถึงจากสหรัฐ และจีน สามารถกู้ร่างเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้ได้แล้ว 48 คนโดยเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเชื่อว่า ร่างของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่น่าจะยังติดอยู่กับที่นั่งในห้องโดยสารของเครื่องบิน ดังนั้นการค้นหาชิ้นส่วนห้องโดยสารของเครื่องบินจึงยังถือเป็นภารกิจหลัก ผู้โดยสารและลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวอินโดนีเซีย โดยเป็นชาวเกาหลีใต้ 3 คน ชาวสิงคโปร์ 1 คน ชาวมาเลย์ 1 คน ชาวอังกฤษ 1 คน และ นักบินร่วมชาวฝรั่งเศส 1 คน .-สำนักข่าวไทย

Tagged: กล่องดำ, สัญญาณปิง, แอร์เอเชีย

อินโดนีเซียจับสัญญาณกล่องดำได้แรงมากขึ้น | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

Pst Nong‎ภัยพิบัติ ก่อนวันสิ้นยุค

FEMA CAMPS WILL SOON OUTNUMBER BANKS (กรณีเกิดปัญหารุนแรงทางเศรษฐกิจ)



FEMA Camps Will Soon Outnumber Banks

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc



จดหมายข่าว ZetaTalk: 4 มกราคม 2015 การมองเห็นดาวเคราะห์เอ็กซ์ :
The ZetaTalk Newsletter: Jan 4, 2015 Planet X Visibility:

การมองเห็นได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายซึ่งเป็นตามคำทำนายของ Zetas สำหรับ 8 จากทั้งหมด 10 ขั้นตอน ภาพเหล่านี้ถูกจับบนเว็บแคมและกล้องโดยไม่ต้องผ่านตัวกรอง ดาวเคราะห์เอ็กซ์และการหมุนรอบต่างๆ ของดวงจันทร์ของมัน สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าในบางโอกาสของบุคคลทั่วๆ ไป ซึ่งมักจะใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายไว้
Visibility has increased of late, as predicted by the Zetas for the 8 of 10 phase. As can be seen regularly on the Pole Shift ning blog dedicated to such images. These images are captured on webcams and cameras without filters. Planet X and its Moon Swirls can also be seen naked eye on occasion by the public, who often take a snap because they are seeing the complex with the naked eye.


เว็บแคมในเยอรมนี ได้ย้ำให้เห็นส่วนสำคัญของดาวเคราะห์เอ็กซ์ในทุกๆเย็น ในตำแหน่งที่ 04:00 นาฬิกา ที่คาดไว้ ช่างภาพในสโลวีเนีย / โครเอเชียไม่เพียง แต่จับภาพส่วนสำคัญของดาวเคราะห์เอ็กซ์ แต่จับภาพสะท้อนในน้ ซึ่งำหลักฐานนี้เป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการลุกไหม้กับเลนส์ หรือผีในกล้อง และการจับภาพนี้ยังอยู่ในช่วงเย็น
A webcam in Germany repeatedly showed the corpus of Planet X in the evenings, in the expected 4 o’clock position. A photographer in Slovenia/Croatia not only captured the corpus of Planet X, but captured its reflection on the water, proof that this is not a lens flare or ghost in the camera. This capture is also in the early evening. Note that the voice-over on the video describes the vast tail of Planet X, which holds the Moon Swirls, as “wings” of Planet X, not technically correct.
ZetaTalk Newsletter

 

รอยต่อของ Severe wobble
http://www.ainews1.com/article774.html
ทำไมต้องสนใจรอยต่อระหว่าง Earth wobble ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน มาตั้งแต่ต้นปี 2554 เรื่อยมา และต่อไปชาวโลกก็จะพบกับSevere Wobble ความแปรปรวนของอากาศโลกจะยิ่งรุนแรงกลายเป็นฤดูกาลผสม ภาวะอากาศเปลี่ยนรุนแรงทุกๆ 2-3 วันเลยทีเดียว เมื่อแกนพลังงานโลกสวิงไปมาวันละ 2 เที่ยว และผลที่ตามคือความอดอยากจะเกิดขึ้นทั่วโลก เกษตรกรไม่สามารถสร้างผลผลิตใดๆได้
สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นในเวลานี้ พระอาทิตย์จะขึ้นและตกเปลี่ยนที่ไปจากปกติ เนื่องจากแกนโลกเอียงเพิ่มขึ้นนั่นเอง และอาการเช่นนี้จะไม่คงที่แกนโลกจะยิ่งเบี่ยงเบนมากยิ่งขึ้นเมื่อ Planet X เลื้อยเข้ามาใกล้โลกเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งพระอาทิตย์ขึ้นและตกจะหนีตำแหน่งปกติไปมากขึ้น ผลที่จะเกิดตามมา คือทะเลจะมีคลื่นสูง 200-300 ฟุต กัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งเพิ่มมากขึ้น และบ้านเมืองใหญ่ๆทั่วโลกจะตั้งอยู่ใกล้ระดับน้ำทะเลแทบทั้งสิ้น เช่น กทม.
เมื่อแกนโลกเริ่มโยกแกว่งไปมาวันละ 2 รอบ ทุกๆ 12 ชั่วโมงหรือวันที่เราสังเกตว่าพระอาทิตย์ขึ้นและตกผิดที่ไปจากเดิมมาก นั่นเป็นสัญญานบ่งบอกให้ทุกคนทราบว่า น้ำทะเลกำลังจะมีคลื่นสูง และขับดันน้ำทะเลเข้ามาท่วมถนนหนทางในเมืองใหญ่ๆ ที่อยู่ติดกับทะเล ชาว กทม. ที่ตื่นตัวรอยระวังเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว จะบอกตัวเองว่าต้องรีบเคลื่อนย้ายออกไปจากที่ลุ่มดดยด่วน หรือเลือกอยู่กับที่เดิมรอเมื่อตื่นขึ้นมาน้ำท่วมขึ้นมาถึงเตียงนอน
น้ำทะเลจะค่อยๆเอ่อขึ้นฝั่งอย่างเงียบๆแต่รวดเร็ว เนื่องแรงหนุนของน้ำมีมากนั่นเอง
มีผู้สนใจถามเรื่องนี้เข้ามาใน Pole shift ning ดังนี้
by Patricia Kuypers on February 7, 2011 at 11:06pm
Thank you, but please do tell how are we to accurately discern day 1 of the 9 days of severe wobble?
ซึ่งทีมงานได้ตอบเอาไว้สั้นๆดังนี้
Reply by Howard on February 7, 2011 at 11:24pm
Patricia - Besides the sun being way out of position in the sky, coast lines will be assaulted with immense tides.
ZetaTalk - Jan 30, 2010
"The severe wobble will bring a twice a day swing, which is not the hour of the pole shift but is a 12 hour movement. These tides can be expected to be hundreds of feet high, 200-300 feet, the worst being where a normal tide under the influence of the Moon is in process during the wobble."

@ ดูรูป



มีผู้ต้องการทราบรอยต่อเช่นนี้ จึงถามเข้ามายัง pole shift ning ดังนี้ตอบเอาไว้สั้นๆจากคุณ Zeta ที่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้ แต่หากท่านผู้อ่านสังเกตซักหน่อย การเปลี่ยนที่ไปของพระอาทิตย์อย่างมากนั้น มันเข้าเขตสัญญานไฟแดงก็ไม่ปาน ผู้ที่อยู่อาศัยในที่ราบลุ่ม จะต้องเปลี่ยนยานพาหนะเรือมาใช้แทนรถยนตร์ทีเดียว และสถานการณ์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่น้ำท่วมใหญ่เท่านั้น จะคืบหน้าต่อไปจนแกนโลกนอนลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แล้วชาวไทยก็จะพบว่าพื้นที่ประเทศนี้จะมืดติดต่อกันไป 3 วัน พร้อมกับความแปรปรวนของอากาศรุนแรงไปด้วย...และเมื่อนับถอยหลังไปอีกไม่กี่วันโลกก็จะย้ายขั้ว พร้อมๆกับดาวหางดวงใหญ่โคจรจากไป
http://aikaset.blogspot.com/2011/09/severe-wobble.html

 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความเอียงของแกนหมุนของโลกกำลังลดลง
นิพนธ์ ทรายเพชร
บทคัดย่อ
แกนหมุนรอบตัวเองของโลกเอียงจากแนวตั้งฉากของระนาบทางโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นมุม ε สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นเพราะดาวขนาดใหญ่เท่าดาวอังคารชนโลกจนทำให้เกิดดวงจันทร์ ด้วย ε มีค่าไม่คงที เพราะแรงรบกวนจากภายนอก โดยเฉพาะจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ซึ่งทำให้แกนโลกส่ายรอบละ 25,800 ปี ทั้งนี้เพราะโลกโป่งออกบริเวณแถบศูนย์สูตร ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จึงช่วยกันดึงให้แกนโลกตั้งตรง นอกจากนี้ยุงมีแรงรบกวนจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ทำให้วงโคจรของโลกส่ายรอบละ 71,000 ปี การส่ายของแกนหมุนและการส่ายของวงโคจรของโลกคือสาเหตุที่ทำให้ ε มีคาบประมาณ 41,000 ปี โดยมีค่าเฉลี่ย 23.3 องศา ค่าต่ำสุด 22.6 องศา ค่าสูงสุด 24.2 องศา ปัจจุบัน ε มีค่า 23.4 องศา อยู่ในช่วงกำลังลดลงในอัตรา 0.475″ ต่อปี หากคิดเป็นระยะทางจะได้ 14.7 เมตรต่อปี หรือ 1.47 กิโลเมตรต่อศตวรรษ นั่นคือเส้นที่แบ่งเขตร้อนกำลังเคลื่อนที่เข้าหาเส้นศูนย์สูตรของโลกด้วยความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ 14.7 เมตรต่อปี สูงกว่าอัตราการเลื่อนของเพลตเทคโทนิกซึ่งเลื่อนเพียงปีละ 13 เซนติเมตรเป็นอย่างมาก เมื่อเขตร้อนลดลงเขตหนาวก็ต้องเพิ่มขึ้น นั่นคือแกนโลกเอียงลดลงกำลังพาโลกไปสู่ยุคน้ำแข็ง และแกนโลกเอียงน้อยที่สุด 22.6 องศาในอีก 10,200 ปี

บทนำ
โลกไม่อยู่นิ่ง ๆ แต่มีการเคลื่อนที่สำคัญ 2 ประการ คือ หมุนรอบตัวเองรอบละ 1 วัน และเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 1 ปี โดยพาดวงจันทร์ซึ่งเคลื่อนรอบโลกรอบละ 1 เดือนไปด้วย แกนที่โลกหมุนรอบไม่ตั้งฉากกับระนาบทางโคจรขอบโลกรอบดวงอาทิตย์ แต่เอียงจากแนวตั้งฉากเป็นมุมประมาณ 23.5 องศา โลกจึงไม่อยู่โดดเดี่ยว เพราะมีดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ใกล้ ๆ แม้ว่าระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์และระยะระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่เปลี่ยนแปลงไม่มาก นอกจากนี้ยังมีดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ระยะห่างระหว่างดาวเคราะห์กับโลกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมีแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อโลกในสัดส่วนที่ค่อนข้างมากตลอดเวลาจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ และแรงที่กระทำต่อโลกในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ แรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อโลกจากดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์จึงไม่คงที่ แรงเหล่านี้เองที่ทำให้ความเอียงของแกนหมุนของโลกเปลี่ยนแปลง โดยมีคาบของการเปลี่ยนแปลงประมาณ 41,000 ปี ปัจจุบันความเอียงของแกนหมุนของโลกเท่ากับ 23 องศา 26 ลิปดา 11 พิลิปดา มุมนี้มีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ การลดลงหรือเพิ่มขึ้นของความเอียงของแกนหมุนของโลก ส่งผลกระทบมาถึงตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในวันที่อยู่เหนือสุด (21 มิถุนายน) และในวันที่อยู่ใต้สุด (22 ธันวาคม)

ทำไมแกนโลกจึงเอียง
แกนโลกเอียงเพราะในยุคต้น ๆ ของกำเนิดดาวเคราะห์ มีดาวขนาดดาวอังคารวิ่งเข้าชนโลก ทำให้ชิ้นส่วนของโลกที่หลุดออกมาและส่วนที่เหลือของดาวที่มาชนหลอมรวมกันกลายเป็นดวงจันทร์โคจรรอบโลก ส่วนโลกถูกชนจนแกนเอียงและหมุนรอบแกนด้วยความเร็วสูงรอบละ 1 วัน

@ ดูรูป



กำเนิดของดาวเคราะห์ชั้นในได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร เกิดจากเนบิวลาเดียวกันกับที่ให้กำเนิดเป็นดวงอาทิตย์และดาวเคราะดวงอื่น แต่ในยุคต้น ๆ บริเวณดาวเคราะห์ชั้นในจะมีดาวขนาดเล็กจำนวนมากที่ถูกดวงใหญ่ดึงให้ตกลงสู่ดาวเคราะห์เหล่านั้น จนดาวเคราะห์นั้นในมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่จำนวนวัตถุขนาดเล็กลดลง และพลังงานของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์จะพลักดันโมเลกุลหรือสารที่ระเหยได้ง่าย รวมทั้งก๊าซที่เบาให้หลุดลอยออกจากดาวเคราะห์ชั้นในไปอยู่ ณ ชั้นนอกของระบบสุริยะ ทำให้ดาวเคราะห์ชั้นในเป็นดาวเคราะห์ที่เป็นหินแข็ง มีความหนาแน่นสูง ส่วนดาวเคราะห์ชั้นนอกเป็นดาวเคราะห์ก๊าซมีความหนาแน่นต่ำ

ดาวเคราะห์ทุกดวงมีแกนเอียงต่าง ๆ กัน ดาวเคราะห์ที่มีแกนเอียงคล้ายโลกที่สุดคือ ดาวอังคาร ซึ่งมีแกนหมุนเอียงจากแนวดิ่งของระนาบทางโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 25 องศา

@ ดูรูป



แกนโลกเอียงเท่าใด
ความเอียงของแกนหมุนของโลกคือ มุมระหว่างแกนหมุนรอบตัวเองของโลก และแกนที่ผ่านขั้วทั้งสองของทรงกลมฟ้าที่มีเส้นสุริยวิถีเป็นเส้นแบ่งครึ่ง ซึ่งเท่ากับมุมระหว่างระนาบสุริยวิถีกับระนาบเส้นศูนย์สูตรของโลก ตรงกับภาษาอังกฤษว่า obliquity มีสัญลักษณ์ว่า ε



ปัจจุบัน ε มีค่าประมาณ 23° 26′ และกำลังอยู่ในช่วงลดลงด้วยอัตราประมาณ 0.475″ ต่อปี มุมนี้จะลงไปต่ำสุดที่ 22.6° ในอีก 10,200 ปี หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยอีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งถึงค่าสูงสุด 24.2° ค่าสูงสุดนี้เกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้าปัจจุบันประมาณ 10,000 ปี
การเปลี่ยนแปลงของ ε ในระยะเวลา 700,000 ปีที่ผ่านมา ปรากฏดังรูป

@ ดูรูป


ในเวลา 700,000 ปี ε เปลี่ยนแปลงไป 17 รอบ ดังนั้น 1 รอบของการเปลี่ยน ε จะยาวนานประมาณ 41,000 ปี ซึ่งเรียกว่า คาบของการเปลี่ยนแปลงของ ε
ค่าเฉลี่ยของ ε คือ 23.3° ในปัจจุบันโลกจึงอยู่ในจังหวะที่ ε ลดลงเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของ ε
ความเอียงของแกนหมุนของโลกคือ มุมระหว่างแกนหมุนรอบตัวเองของโลก และแกนที่ผ่านขั้วทั้งสองของทรงกลมฟ้าที่มีเส้นสุริยวิถีเป็นเส้นแบ่งครึ่ง ซึ่งเท่ากับมุมระหว่างระนาบสุริยวิถีกับระนาบเส้นศูนย์สูตรของโลก ตรงกับภาษาอังกฤษว่า obliquity มีสัญลักษณ์ว่า ε
ε มีค่าไม่คงที่เพราะสาเหตุ 2 ประการ คือ
(ก.) การส่ายของแกนหมุนของโลกอันเกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่พยายามดึงแกนโลกให้ตั้งตรง ทำให้แกนโลกส่ายรอบละ 25,800 ปี ดาวเหนือในแต่ละยุคจึงไม่ใช่ดาวดวงเดียวกัน เช่น ในปัจจุบันดาวเหนือคือ ดาวแอลฟา-หมีเล็ก เมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว ดาวเหนือคือ ดาวทูแบน ในอนาคตอีก 10,000 ปี ดาววีกา จะเป็นดาวเหนือที่สว่างโชติช่วง
เนื่องจากโลกโป่งออกบริเวณเส้นศูนย์สูตร แรงลัพธ์ที่ดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์กระทำต่อโลกจึงไม่ผ่านจุดศูนย์กลางโลก แต่ผ่านใต้จุดนี้ ผลที่เกิดขึ้นคือ มีแรงที่พยายามดึงแกนโลกให้ตั้งตรงดังกล่าวแล้ว แกนโลกจึงส่ายในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางของการหมุนแทนที่จะส่ายในทิศทางเดียวกันกับทิศทางการหมุนของลูกข่าง
เปรียบเทียบการส่ายของแกนหมุนของโลกและของลูกข่าง

@ ดูรูป


(ข.) การส่ายของทางโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์อันเนื่องมาจากแรงรบกวนจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ คาบของการส่ายของทางโคจรของโลกยาวนานประมาณ 71,000 ปี การส่ายของแกนหมุนและการส่ายของทางโคจรของโลก ทำให้ ε มีคาบประมาณ 41,000 ปี

แกนโลกเอียงคือสาเหตุของการเกิดฤดูกาลของโลก
ในปัจจุบันขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ในเดือนมิถุนายน ทำให้ซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อน แต่ในเดือนธันวาคมขั้วโลกเหนือหันออกจากดวงอาทิตย์ซีกโลกเหนือได้รับความร้อนลดลงจึงเป็นฤดูหนาว
ในระยะยาวอีกประมาณ 12,000 ปีจากปัจจุบัน ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ในเดือนธันวาคมและหันออกในเดือนมิถุนายน ดังนั้นฤดูกาลจึงกลับกันกับในปัจจุบัน คือซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อนในเดือนธันวาคมและเป็นฤดูหนาวในเดือนมิถุนายน ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเพราะการส่ายของแกนหมุนของโลกรอบละ 25,800 ปี
ทิศทางที่แสงแดดตกกระทบผิวโลกจะช่วยบอกให้ทราบว่าโลกบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำ หากแสงอาทิตย์ส่องมาตรง ๆ หรือตั้งฉากกับผิวโลกจะทำให้ผิวโลกบริเวณนั้นร้อนกว่า เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาเฉียง ๆ ทั้งนี้เพราะเมื่อแสงส่องมาเฉียงความร้อนจะแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง อุณหภูมิเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่จึงน้อยกว่าเมื่อแสงส่องมาตรง ๆ ซึ่งความร้อนแผ่กระจายเป็นบริเวณแคบ ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่มีค่าสูง
ปัจจุบันโลกมีบริเวณต่าง ๆ ที่แบ่งตามภูมิอากาศคือ เขตร้อน เขตอบอุ่น และเขตหนาว
เขตร้อน อยู่ระหว่างละติจูด 23.5° ใต้ ถึง 23.5° เหนือ
เขตอบอุ่นเหนือ อยู่ระหว่างละติจูด 23.5° เหนือ ถึง 66.5° เหนือ
เขตอบอุ่นใต้ อยู่ระหว่างละติจูด 23.5° ใต้ ถึง 66.5° ใต้
เขตหนาวเหนือ อยู่ระหว่างละติจูด 66.5° เหนือ ถึงขั้วโลกเหนือ
เขตหนาวใต้ อยู่ระหว่างละติจูด 66.5° ใต้ ถึงขั้วโลกใต้
แกนโลกเอียงน้อยลงทำให้เขตร้อนเคลื่อนที่เข้าหาเส้นศูนย์สูตรโลก
ละติจูด 23.5 องศา คือขอบของเขตร้อนที่อยู่ระหว่างละติจูด 23.5 องศาใต้กับละติจูด 23.5 องศาเหนือ มุม 23.5 องศาคือ ความเอียงของแกนหมุนของโลกจากแนวตั้งฉากกับระนาบทางโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งแทนด้วย ε ถ้า ε ลดลง เขตร้อนของโลกก็ต้องลดลงด้วย ปัจจุบัน ε ลดลงในอัตราประมาณ 0.475″ ต่อปี หรือ 47.5″ ต่อศตวรรษ หากคิดเป็นระยะทางจะได้ 14.7 เมตรต่อปี หรือ 1.47 กิโลเมตรต่อศตวรรษ นั่นคือ เส้นที่แบ่งเขตร้อนซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่าเส้นทรอปิก (tropics) กำลังเคลื่อนเข้าหาเส้นศูนย์สูตรของโลกด้วยความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ 14.7 เมตรต่อปี สูงกว่าอัตราการเลื่อนของเพลตเทกโทนิก ซึ่งเลื่อนเพียงปีละ 13 เซนติเมตรเป็นอย่างมาก
หากคิดเป็นพื้นที่เขตร้อนจะลดลงปีละประมาณ 1,080 ตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่เป็นทะเลเป็นมหาสมุทร บริเวณที่เป็นพื้นดินประมาณ 330 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น และทวีปแอฟริกาเป็นผืนแผ่นดินผืนใหญ่ที่เส้นแบ่งเขตร้อนทั้งสองผ่าน
เมื่อเขตร้อนลดลง เขตหนาวก็ต้องเพิ่มขึ้น นั่นคือ แกนโลกเอียงลดลงกำลังพาโลกไปสู่ยุคน้ำแข็ง แกนโลกเอียงน้อยที่สุด 22.6 องศา ในอีก 10,200 ปีซึ่งเป็นช่วงที่เขตร้อนเหลือน้อยที่สุด หลังจากนั้นแกนโลกจะเริ่มเอียงมากขึ้นทีละน้อย เขตร้อนเพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์โลกร้อนขึ้นเพราะแกนโลกเอียงมากขึ้นก็จะตามมา กลายเป็นโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งละลายเนื่องจากเขตหนาวลดลง
การส่ายของแกนหมุนของโลกทำให้เส้นศูนย์สูตรฟ้าเลื่อนไปตัดกับสุริยวิถีทางทิศตะวันตกของจุดเดิมปีละ 50″
เมื่อสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนฟ้าจะพบว่า ดวงอาทิตย์เลื่อนไปทางทิศตะวันออกวันละประมาณเกือบ 1 องศา พอครบปีก็กลับมาที่เก่า ทั้งนี้เป็นเพราะโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เส้นทางที่ดวงอาทิตย์ผ่านไปเรียกว่า สุริยวิถี ซึ่งเอียงกับระนาบเส้นศูนย์สูตรเป็นมุม ε จุดตัดกันของสุริยวิถีและเส้นศูนย์สูตรฟ้ามี 2 จุดคือ จุดที่ดวงอาทิตย์อยู่ในวันที่ 21 มีนาคม และ 23 กันยายน ตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันที่ 21 มีนาคม เรียกว่า วสันตวิษุวัต ซึ่งควรเรียกว่า วิษุวัตในเดือนมีนาคม สุริยวิถีผ่านกลุ่มดาวจักรราศี 12 กลุ่มและกลุ่มดาวเหล่านี้อยู่คงที่บนฟ้า เป็นกลุ่มดาวที่ใช้อ้างอิงซึ่งไทยเรานำมาตั้งเป็นชื่อเดือนสุริยคติ เช่น กลุ่มดาวแมงป่อง เป็นที่มาของเดือนพฤศจิกายน พฤศจิก แปลว่า แมงป่อง อายน แปลว่า มาถึง หรือ มาแล้ว สิ่งที่มาถึงกลุ่มดาวแมงป่องก็คือดวงอาทิตย์ ในอดีตเมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวแมงป่องตลอดเดือนพฤศจิกายน แต่ในปัจจุบันดวงอาทิตย์จะเข้าสู่กลุ่มดาวแมงป่องตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน โดยช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่งซึ่งอยู่ถัดกลุ่มดาวแมงป่องในทิศตะวันตก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการส่ายของแกนหมุนของโลกทำให้จุดวสันตวิษุวัตเลื่อนไปทางทิศตะวันตกของจุดเดิมปีละ 50" ในเวลา 2,000 ปี จุดวสันตวิษุวัตเลื่อนไปทางทิศตะวันตกเกือบ 28 องศา จุดวสันตวิษุวัตคือจุดตั้งต้นของราศีเมษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเดือนเมษายนและกลุ่มดาวแกะ ปัจจุบันนี้จุดนี้อยู่ในกลุ่มดาวปลา ต้องรอถึงปลายเดือนเมษายน ดวงอาทิตย์จึงจะเข้าไปสู่กลุ่มดาวแกะ เช่นเดียวกันกับต้องรอถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ดวงอาทิตย์จึงจะเข้าสู่กลุ่มดาวแมงป่อง
เส้นแบ่งเขตร้อนเหนือกับเขตอบอุ่นเหนือที่เรียกว่า Tropic of Cancer นั้นปัจจุบันไม่ได้อยู่ในกลุ่มดาวปู (Cancer) แต่อยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) ดังนั้นจึงควรเรียกว่า Tropic of Gemini ในทำนองเดียวกัน เส้นแบ่งเขตร้อนใต้กับเขตอบอุ่นใต้ต้องเปลี่ยนจาก Tropic of Capricorn เป็น Tropic of Sagittarius (คนยิงธนู)
บทสรุป
ความเอียงของแกนหมุนของโลกเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ ขึ้นบนโลก ความเอียงนี้ไม่คงที่ แต่เปลี่ยนแปลงเป็นรอบ ๆ รอบละประมาณ 41,000 ปี สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงเกิดจากการส่ายของแกนหมุนและการส่ายของวงโคจรของโลก ปัจจุบันมุมเอียงของแกนโลกลดลงทำให้เขตร้อนลดลง เส้นแบ่งเขตร้อนเคลื่อนที่เข้าหาเส้นศูนย์สูตรด้วยความเร็วสูงอย่างไม่น่าเชื่อ 14.7 เมตรต่อปี เขตต้อนลดลงเขตหนาวต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้นแกนโลกเอียงลดลงกำลังพาโลกไปสู่ยุคน้ำแข็ง
* บรรยายในการประชุมราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2544
http://thaiastro.nectec.or.th/…/decreas…/decreasingincl.html

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc
จดหมายข่าว ZetaTalk: 21 ธันวาคม 2014
ข้อมูลWobble :
The ZetaTalk Newsletter: Dec 21, 2014
Wobble Data:
Wobble ได้แย่ลงในช่วงปลา ยและข้อมูลสนับสนุนคำพูดนี้ซีกโลกเหนือมีความมืดมากขึ้น เย็นมากขึ้น และหิมะฤดูใบไม้ร่วงมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้มากกว่าที่คาดไว้ หรือบันทึก นี้ยังได้รับการบันทึกไว้โดยเอสกิโมในอาร์กติก
อ่านเพิ่มเติม >>>>>>>>>

The wobble has worsened of late, and the data supports this statement. The northern hemisphere has had more darkness, cold, and snowfall this past Fall than expected or of record. This has also been noted by the Inuit in the Arctic.
READ MORE >>>>>>>>>






ZetaTalk Newsletter

 

ยุคแห่งราศีมีน ทางโหราศาสตร์
การเรียกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
ก่อนอื่นใคร่ขอทำความเข้าใจของการใช้ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เราๆท่านๆคงคุ้นเคยกับคำว่า “ทิศเหนือ” มาตั้งแต่เรียนลูกเสือหรือเนตรนารีสมัยเป็นเด็กๆ ทิศเหนือที่ว่านี้จริงๆแล้วมี 2 อัน คือ
1. ทิศเหนือภูมิศาสตร์เป็นทิศเหนือที่ใช้ขั้วโลกเหนือเป็นตัวชี้ (Geographic North) นักดาราศาสตร์ใช้คำว่า “ทิศเหนือแท้” (True North) มีค่าตำแหน่งเท่ากับมุมกวาด 0 องศา (Azimuth zero degree)
2. ทิศเหนือตามเข็มทิศแม่เหล็ก (Magnetic North) ถูกกำกับโดย พลังแม่เหล็กโลก ซึ่งไม่ตรงกับทิศเหนือแท้ทีเดียวนักแต่พอจะอนุโลมได้ การใช้เข็มทิศแม่เหล็กในแต่ละสถานที่ต้องเอาค่า “เบี่ยงเบน” ของสถานที่นั้นๆเข้าไปชดเชยด้วยการ + หรือ – ด้วยตัวเลขอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่น ที่ปราสาทภูเพ็กจังหวัดสกลนคร อยู่ที่เส้นรุ่ง 17-11-31 องศาเหนือ เส้นแวง 103-56-14 องศาตะวันออก มีค่าเบี่ยงเบนของเข็มทิศแม่เหล็กนิดหน่อยประมาณ 0.88 องศา ดังนั้นทิศเหนือแท้ ณ ปราสาทภูเพ็กก็อยู่ที่ +0.88 องศา ของทิศเหนือเข็มทิศแม่เหล็ก หรืออนุโลมโดยการบวก 1 องศา







---
@แผนภูมิคำอธิบาย “มุมกวาดจากทิศเหนือ” ซึ่งใช้ในวิชาที่เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เช่น วิชาดาราศาสตร์ วิชาวิศวกรรมโยธา เป็นต้น
---



---
@การเปรียบเทียบระหว่าง “ทิศเหนือภูมิศาสตร์” (Geographic North) ซึ่งชี้ที่ขั้วโลกเหนือ กับ “ทิศเหนือเข็มทิศแม่เหล็ก” (Magnetic North) ที่ถูกกำกับโดยพลังของแม่เหล็กโลก
---



ราศีเมษ กับ วสันตวิษุวัต
วิชาโหราศาสตร์เกิดขึ้นตามหลังวิชาดาราศาสตร์ บรรพชนครั้งนั้นใช้ดวงอาทิตย์ และ และกลุ่มดาวฤกษ์เป็นตัวกำหนด 12 ราศี โดยดวงอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ของแต่ละราศีใช้เวลา 1 เดือน และกำหนดให้ “ราศีเมษ” เป็นจุดเริ่มต้นซึ่งภาษาวิชาการทางโหราศาสตร์ใช้คำว่า “First Point of Aries”
ราว 3,000 – 2,500 ปีที่แล้ว กลุ่มดาวฤกษ์ที่ชื่อ “แกะทองคำ” (Aries) ถูกกำหนดให้เป็นจุดเริ่มต้นของปี หรือเริ่มต้นวันปีใหม่ และตรงกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ “วสันตวิษุวัต” กลางวันเท่ากับกลางคืน และเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ


@---
อาณาจักขอมใช้ปฏิทิน “มหาศักราช” ซึ่งรับมาจากอินเดีย ปฏิทินฉบับนี้กำหนดให้เดือนแรกของปี ชื่อว่าเดือน “ใจตระ” ตรงกับ “ราศีเมษ” ปฏิทินมหาศักราชมีที่มาจากยุคของชาวอารยันเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ในครั้งนั้นราศีเมษตรงกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ “วสันตวิษุวัต” กลางวันเท่ากับกลางคืนและเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
---


---
@เนื่องจากการแกว่งของแกนโลก ทำให้ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ “วสันตวิษุวัต” กับ “ราศีเมษ” เปลี่ยนไปเป็น “ราศีมีน” ท่านโหราจารย์ในยุคขอมเรืองอำนาจเมื่อพันปีที่แล้ว จึงต้องเลือกเอาระหว่าง “วสันตวิษุวัต” หรือ “ราศีเมษ”
---



---
@ทุกๆ 2,160 ปี ปรากฏการณ์ “วสันตวิษุวัต” จะเปลี่ยนตำแหน่งจากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่ง ในช่วงของยุคขอมเรืองอำนาจ ระหว่าง ค.ศ.800 – 1300 หรือ พ.ศ. 1343 – 1843 วสันตวิษุวัตได้เคลื่อนเข้าไปที่ “ราศีมีน” แต่วิชาโหราศาสตร์ในปัจจุบันยังยึดจุดเดิม คือเริ่มต้นปีใหม่ที่ราศีเมษ
---
จากรูป วสันตวิษุวัต กำลังเข้าสู่ราศีกุมภ (aquarius) ซึ่งราศีมีนหรือเครื่องหมายปลาเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูเช่นกัน โหราจารย์ศาสตร์ สัญลักษณ์คนไหนก็บอกได้ว่า อุดมคติของราศีมีนนั้นเชื่อว่ามนุษย์พึงต้องได้รับการบบอกกล่าวว่าควรจะทำอะไรโดยผู้มีอำนาจเหนือกว่า เพราะมนุษย์ไม่อาจคิดได้ด้วยตนเอง ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นยุคแห่งศาสนาที่แฝงความรู้สึกรุนแรง แต่ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุคของราศีกุมภ์ ซึ่งมีเครื่องหมายเป็นรูปคนแบกน้ำ ราศีนี้้มีอุดมคติว่า คนจะเรียนรู้ความจริง และต้องคิดได้ด้วยตนเอง การเปลี่ยนแปลงนี้ใหญ่หลวงนัก ขณะนี้มันกำลังเกิดขึ้นแล้ว (ข้อมูล หน้า 311จากหนังสือรหัสลับ ดาวินชี่
(ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เรียกว่า “การเคลื่อนที่ถดถอยของราศีในวันวสันตวิษุวัต” (Precession of vernal equinox) มีสาเหตุมาจากการแกว่งของแกนโลก ที่เปลี่ยนมุมเอียงอย่างช้าๆระหว่าง 21 – 24 องศา ในรอบเกือบ 26,000)
ข้อมูลจากบทความ ถอดรหัสขอมพันปี.....80 องศา พบ "ราศีเมษ"
http://www.yclsakhon.com/index.php…

 

Thanong Fanclub


·
6. ตราไก่ (Le Coq) โดนถอนขน
ผู้นำโลกกว่า40ประเทศเข้าร่วมการเดินขบวนครั้งยิ่งใหญ่ในกรุงปารีสโดยมีประชาชนเข้าร่วมถึงหนึ่งล้านคนเพื่อแสดงจุดยืนร่วมในการต่อต้านการก่อการร้าย และไว้อาลัยเหยื่อ17คนที่เสียชีวิตจากการโจมตีสื่อCharlie Hebdo คนร้ายตายไป3คน ในช่วง3วันอันตรายที่ทำให้ฝรั่งเศสอยู่ในอาการช๊อค
ผู้นำโลกอาทิเช่น นายกรัฐมนตรีเยอรมันAngela Merkel นายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu, ประธานาธิบดีปาเลสไตน์Mahmud Abba รมวต่างประเทศรัสเซียSergey Lavrov ร่วมเดินขบวนด้วยการเกี่ยวแขนกันกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสนายFrancois Hollande
"ปารีสเป็นเมืองหลวงของโลกวันนี้ ประชาชนทั้งประเทศจะลุกฮือขึ้นมา" นายออลลองด์กล่าว
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวในตุรกีเปิดเผยว่าภรรยาของมือปืนรายหนึ่งที่ยิงตาย และทางการแดนน้ำหอมกำลังตามล่าตัวอยู่นั้น ไปหลบหนีเข้าไปกบดานในซีเรียเสียแล้ว
ในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผู้นำทั้งของอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างจะเข้าร่วมการเดินขบวนใหญ่ในเมืองหลวงของฝรั่งเศสคราวนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อเหยื่อการนองเลือดในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งชาวยิวหลายรายและตำรวจมุสลิม 1 นายเสียชีวิต
การก่อเหตุนองเลือดในฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 วันโดยฝีมือของมือปืน 3 คนซึ่งอ้างตนเองเป็นสมาชิกของกลุ่มอัลกออิดะห์ในเยเมน และกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) คราวนี้ ยังติดตามมาด้วยการข่มขู่คุกคามครั้งใหม่จากกลุ่มอัลกออิดะห์บนคาบสมุทรอาหรับ (เอคิวเอพี)
ฮาริต อัล-นาดารี เจ้าหน้าที่อาวุโสสูงสุดด้านกฎหมายอิสลามของกลุ่มเอคิวเอพี ที่มีฐานอยู่ในเยเมน กล่าวในคลิปวิดีโอที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของ “SITE” ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย มีเนื้อหาเตือนฝรั่งเศสให้ยุติความก้าวร้าวต่อชาวมุสลิม ไม่เช่นนั้นจะถูกโจมตียิ่งกว่านี้อีก
ทั้งนี้สำนักข่าวเอพีรายงานในวันศุกร์ (9) อ้างสมาชิกผู้หนึ่งของ AQAP ระบุว่า การโจมตีในฝรั่งเศสคราวนี้ทาง AQAP เกี่ยวข้องพันพัวด้วย ทว่าสำนักข่าวเอเอฟพีตลอดจนสำนักข่าวอื่นๆ บอกว่า หากพิจารณาเฉพาะจากคลิปคำแถลงของ อัล-นาดารี เห็นได้ชัดว่า เขายังหลีกเลี่ยงไม่มีการประกาศตนอ้างความรับผิดชอบการโจมตีเหล่านี้
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ บิลด์ ของเยอรมนี ฉบับวันอาทิตย์รายงานว่า เหตุนองเลือดในฝรั่งเศสอาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นการโจมตีในยุโรป โดยอ้างอิงการติดต่อสื่อสารของพวกผู้นำไอเอส ที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นเอสเอ) ดักฟังได้
ทั้งนี้ เหตุการณ์โจมตีของผู้ก่อการร้ายในฝรั่งเศสระลอกนี้ เริ่มต้นขึ้นในวันพุธ (7) เมื่อสองพี่น้อง เชรีฟ และซาอิด คูอาชี บุกเข้าไปในสำนักงานของชาร์ลี เอ็บโด และสาดกระสุนใส่ห้องประชุมกองบรรณาธิการ ทำให้นักเขียนการ์ตูนชื่อดังกลุ่มหนึ่งของฝรั่งเศส เสียชีวิต
จากนั้น มือปืนพี่น้องยังจ่อยิงตำรวจมุสลิมผู้หนึ่งที่ถูกยิงบาดเจ็บบนทางเท้าจนเสียชีวิต เป็นการจุดชนวนการไล่ล่าซึ่งดำเนินอยู่นานกว่า 48 ชั่วโมง

ปารีสเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขึ้นมาอย่างเข้มข้น หลังเกิดเหตุมือปืนอิสลามิสต์ 2 คนพี่น้องบุกกราดยิงสำนักงานนิตยสารแนวเสียดสี “ชาร์ลี เอ็บโด” เมื่อวันพุธ (7) และมือปืนอิสลามิสต์อีกคนหนึ่งบุกจับตัวประกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของชาวยิวในวันศุกร์ (9) ก่อนที่เหตุการณ์ทั้ง 2 จะปิดฉากลงอย่างนองเลือด นอกจากนั้นยังสั่งเพิ่มกำลังอารักขาการชุมนุมเดินขบวนในวันอาทิตย์เป็นพิเศษอีกกว่า 2,000 คน ซึ่งรวมถึงพลซุ่มยิงตลอดเส้นทางการเดินขบวน
การเดินขบวนในวันอาทิตย์ คาดหมายกันว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1 ล้านคน หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ (10) ก็ได้มีการชุมนุมเดินขบวนเกิดขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศส โดยที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 700,000 คน นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ ของแดนน้ำหอม กล่าวระหว่างเข้าร่วมการเดินขบวนวันเสาร์ แสดงความเชื่อมั่นว่า ในวันอาทิตย์พลเมืองนับล้านจะออกมาแสดงความมุ่งมั่นต่อเสรีภาพและความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องร่วมชาติ
นอกจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล และประธานาธิบดีมามูด แอบบาสแห่งปาเลสไตน์แล้ว ยังมีกษัตริย์และพระราชินีจากจอร์แดน รวมทั้งผู้นำระดับสูงจากยุโรป ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ร่วมเดินขบวนในวันอาทิตย์ด้วย
อย่างไรก็ดี ในส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯนั้น จัดส่งอิริก โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรม เดินทางไปแทน และโฮลเดอร์จะร่วมการประชุมฉุกเฉิกกับรัฐมนตรีมหาดไทยยุโรป เกี่ยวกับภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงด้วย
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศส ที่จะเป็นผู้นำการกล่าวไว้อาลัยเหยื่อความรุนแรงระลอกล่าสุด เตือนว่าฝรั่งเศสต้องไม่ชะล่าใจต่อแนวโน้มการโจมตีระลอกใหม่
อย่างไรก็ดี ล่าสุด แหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงของตุรกีเปิดเผยว่า บูเมดีนเดินทางถึงตุรกีตั้งแต่วันที่ 2 เดือนนี้และน่าจะข้ามไปซีเรียแล้ว
เหตุการณ์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสในช่วงเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดมือปืนจึงสามารถเล็ดลอดการติดตามของหน่วยข่าวกรองแดนน้ำหอม
วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ยอมรับว่า การปฏิบัติการข่าวกรอง “ล้มเหลวอย่างชัดเจน”
เชรีฟ คูอาชี วัย 32 ปี เป็นนักรบญิฮัดซึ่งเป็นที่รู้จัก และเคยต้องโทษนาน 18 เดือนเมื่อปี 2008 จากการมีส่วนร่วมในการจัดส่งนักรบไปร่วมทำสงครามญิฮัดในอิรัก ขณะที่ซาอิด วัย 34 ปี เคยเดินทางไปฝึกอาวุธกับเอคิวเอพีในเยเมนเมื่อปี 2011 และหลังเกิดเรื่องจึงมีรายงานว่า ชายผู้นี้ถูกอเมริกาขึ้นบัญชีดำในฐานะผู้ก่อการร้ายที่ต้องเฝ้าติดตามมาหลายปี
ส่วนกูลิบาลี วัย 32 ปี ที่รู้จักกับเชรีฟในคุก ถูกตัดสินจำคุก 5 ปีเมื่อปี 2013 จากการพยายามช่วยสเมน อิต เบลกาเซม ซึ่งเป็นอิสลามิสต์ชาวแอลจีเรีย ในการแหกคุกแต่ไม่สำเร็จ

thanong
11/1/2015
http://rt.com/news/221587-paris-world-march-leaders/

 

Thanong Fanclub



7. ตราไก่ (Le Coq) โดนถอนขน
นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติหายไปไหน มารายงานตัวให้สมาชิกของthanong fanclubด้วย เพราะว่าเป็นห่วงว่ายังสบายดีหรือเปล่า เพราะไม่เห็นออกหน้า ไม่รู้ว่าไปมุดหัวที่ไหน ทั้งๆที่มีเรื่องก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส ไม่เห็นเดินแถวหน้าที่กรุงปารีสวันนี้เลย
ทั้งๆที่มีวิกฤติยูเครนที่เลวร้ายลงไปทุกวัน มีการลักพาMH370 และยิงMH17ตกอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน มีการปิดประตูตีแมวชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอล สหรัฐฯประกาศสงครามกับรัสเซียผ่านHouse Resolution 758 ปูตินออกมาแถลงว่านาโต้เป็นศัตรูของรัสเซีย โดยที่รัสเซียมีสิทธิ์ยิงนิวเคลียร์ใส่นาโต้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่นายบันคีมูนได้แต่บ้อแบ้
มหาอำนาจกำลังขัดแย้งกันหนักจนแทบจะซัดกันแล้ว แต่นายบันคีมูนยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน
แทนที่นายบันคีมูนจะเป็นคนเสนอให้ตะวันตกยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อลดความตรึงเครียดของภาวะความเสี่ยงของสงครามโลก แต่กลับเป็นนายฟรังซัว ออลลองด์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสเป็นผู้เสนอเอง หลังจากเสนอยกเลิกการคว่ำบาตรไปเพียงหนึ่งวัน ปารีสกลายเป็นมิคสัญญีเลยทีเดียว
แฟนคลับthanong fanclubอยากรู้ว่ายูเอ็นเป็นกลางไม่ใช่หรือ หรือว่าเป็นเอียง ช่วยออกมาอธิบายให้ชาวโลกทราบเรื่องหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา
เอาเข้าจริงรัสเซีย จีนและกลุ่มBRICSไม่ได้ให้ราคาบันคีมูนอะไร เพราะรู้ว่าไม่ได้เป็นพ่อใคร แต่เป็นแค่กระจิบกระจอก
ทีกับประเทศไทยเก่งนัก สั่งให้ไปเลือกตั้ง เอ้าใครตามตัวนายบันคีมูนได้ จะให้รางวัล
thanong
11/1/2015

 

Thanong Fanclub



8. ตราไก่ (Le Coq) โดนถอนขน
ต้องรอให้ฝุ่นหายตลบก่อน ถึงจะรู้ว่าจริงๆแล้วใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายในฝรั่งเศส
แต่การก่อการร้ายครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเข้าสูตร Hegelian Dialectic หรือวิพากษ์วิธีของเฮเกลที่พวกอิลิทชอบใช้ คือสร้างปัญญา (problem) -- ปฏิกิริยาสนองตอบ (reaction) -- เป้าหมายของทางออกที่เตรียมเอาไว้แล้ว(solution)
ในที่นี้ปัญหา (problem)คือการก่อการร้าย
ปฏิกิริยาสนองตอบ (reaction)คือ การเดินขบวนทั่วฝรั่งเศสเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยที่ผู้นำโลกล้วนให้การสนับสนุน ไฟจุดติดแล้ว
เป้าหมายของทางออก (solution) คืออะไรตอนนี้ยังไม่ทราบ ต้องจับตาดูท่าทีของฟรังซัว ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในสัปดาห์หน้าว่าจะประกาศสงครามกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มใด หรือประเทศใด
ออลลองด์จะอยูเฉยๆไม่ได้ ต้องทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วตอนนั้นเราจะดูกันต่อว่านโยบายที่ประกาศ และเป้าหมายที่แท้จริงมันอันเดียวกันหรือไม่
thanong
12/1/2015

 

Thanong Fanclub



9. ตราไก่ (Le Coq) โดนถอนขน
การก่อการร้ายที่บอสตันมาราทอนที่สหรัฐฯ และการก่อการร้ายที่Charlie Hebdoที่ฝรั่งเศสมีตัวละครเป็นพี่น้องเหมือนกัน และมีเชื้อชาติอื่นเหมือนกัน
ที่บอสตันมาราทอน สองพี่น้องTamerlan Tzarnaev และDzhokhar Tzarnaev เป็นชาวเชคเชนที่มาอยู่ในสหรัฐฯ ถูกกล่าวหาว่าร่วมก่อระเบิดในวันเกิดเหตุ 15เมษายน2013 พี่ถูกยิงตาย น้องถูกจับ
ที่Charlie Hebdo ฝรั่งเศส Cherif Kouachi และ Said Kouachi เป็นชาวฝรังเศส เชื้อสายอัลจีเรีย เป็นผู้ต้องสงสัยยิงคนตาย12ศพ ทั้งคู่กำลังโดนเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสฆ่าตายแล้ว
เอาว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็แล้วกัน
thanong
12/1/2015