ถามพี่ท่านหนุมาน ผู้นำสาร ตกลงรามเกียรติ์ ใครลอกใคร?

*** ต้นเรื่องรามเกียรติ์ ****

เรื่องราวจริงเกิดขึ้น นานแค่ไหน
ท่านก็ลอง คิดคำนวณกันเอาเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

 

*** หนุมาน ****

เป็นตัวอาสา ทำงานให้โลกุตตระ
ถือสัจจะ เป็นสรณะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อนุโมทนาสาธุทุกท่านค่ะ ขออภัยที่ต้องขุดกระทู้นี้ขึ้นมา
ดิฉันนั่งอ่านกระทู้นี้มาตลอดคืนนี้ จนถึงตอนนี้ ฉุกคิด กับคำว่า อินเดียโบราณ

ไม่ทราบว่าบทความที่ดิฉันจะยกนี้ เป็นของท่านใดรึเปล่า แต่ขออนุญาติโพสนะคะ เพราะเห็นว่ามีการตีความโดยมีสติ และน่าสนใจมาก มีความเป็นเหตุเป็นผลกันอย่างน่าแปลกใจ มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ธรณีวิทยา

[URLI="http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?action=profile;u=1483;sa=showPosts;start=0" target="_blank"]อินเดียในสมัยพุทธกาลแท้จริงแล้ว ที่ใดกันแน่[/URLI]


[URLI="http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tawanclub&date=05-11-2009&group=11&gblog=1" target="_blank"]ประเพณีตามประทีปบูชา พญากาเผือก[/URLI]


[URLI="http://www.oknation.net/blog/KorachCity/2012/06/28/entry-1" target="_blank"]ผู้เฒ่าผู้แก่ โกรธมาก ที่มีคนบอกว่า พระพุทธเจ้าเป็นอินเดีย !!![/URLI]


[URLI="http://www.life-alonguniversity.com/buddhabirthplace/" target="_blank"]พระพุทธอุบัติภูมิ อยู่ในประเทศไทยไม่ใช่อินเดียหรือเนปาล[/URLI]


ดิฉันมีคำถาม ค่ะ
1 ข้อนี้เรียนถามคุณหนุมานนะคะ หรือท่านใดตอบได้ ๆโปรดช่วยชี้แนะด้วยค่ะ โลกุตตระ ที่คุณหนุมาน ผู้นำสารว่า มีตัวตนแบบที่เป็นตัวตนของบุคคล มีรูป เหมือนที่เรารู้ว่าสิ่งนั้นมี สิ่งนั้นรู้ว่ามีอยู่ หรือไม่คะ หรือเป็นสรรพสิ่งในธรรมชาติ ที่ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดแก่เจ็บตาย ? (คำถามนี้ไม่ ไม่ใช่เพราะดิฉันเพิ่งมาเห็น คำว่า โลกุตตระในกระทู้นี้นะคะ ดิฉันติดตามอ่านกระทู้คุณ หนุมาน โดยไม่ได้สมัครสมาชิกอยู่มาสักพักใหญ่ ๆแล้วค่ะ ที่สมัครสมาชิกก็เพื่อโพสนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ )

2.หลักฐานที่อินเดียมี ไม่ว่าจะเป็นทางลายลักษณ์อักษร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง จริง ๆทุกท่านก็ว่ามั้ยคะ ว่ามันละเอียดและบางทีก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเชื่อว่าคือของปลอม ข้อนี้มันทำให้ดิฉันสับสนมากเลยค่ะ มันมีเหตุผลอะไรที่เค้าจะต้องเก็บรายละเอียดขนาดนั้น ซึ่งมันถึงกับได้ชื่อว่าโบราณสถานในหลาย ๆ แห่ง เท่ากับว่าผ่านมา ระยะเวลา นานนนมากกแล้ว ถ้าเหตุผลทำเพื่อพงศาวดารฉบับหนึ่งเพื่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศาสนาพุทธ ถ้าย้อนไปถึง สมมติว่าเป็นช่วงที่กำลังปฏิบัติงวางเป้าหมายให้เป็นไปตามความจริง จริงๆ ผู้ปฏิบัติประพฤติในพระพุทธศานา ในช่วงหลังพุทธกาลไม่นานเท่าไร น่าจะเป็นผู้รู้ผิดชอบชั่วดี ยึดมั่นในศีลธรรม ไม่ใช่เหรอคะ ? งั้นก็เท่ากับว่าเจตนาบิดเบือน ปิดบัง หลอกลวง คนเราจะทำได้ถึงกับหลอกลวง ผิดศีลกับคนมากมาย และระยะเวลามหาศาลได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ อยากทราบการวิเคราะห์ของแต่ละท่านจริง ๆ ค่ะ

3. เรื่องรามเกียรติ์ หากเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น คือดิฉันว่ามันเป็นเหนือโลกมาก ๆ เลย เท่าที่ได้อ่านมา หลาย ๆ อย่าง มันเหมือนการ์ตูนหรือละคร ที่เกินกว่าจะรับได้ว่า มันเคยเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ตำนานกลายเป็นเรื่องจริงดิฉันพอหาเหตุผลรับได้อยู่นะคะ แต่เหตุการณ์บางอย่าง มันเหนือโลก เหนือจักรวาล จริง ๆ ค่ะ มันคล้าย ๆ กับว่าถ้าวันนึงในยุคนั้น เกิดมีคนเหอะผ่านคุณ มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ถ้ามันคือการเปรียบเทียบ อย่างยักษ์ อาจหมายถึงคนชั่ว มันก็มีเหตุผลดีนะคะ แต่อย่างสถานที่บางอย่างมันไปทางเดียวกันกับเรื่องเลย แค่ดิฉันคิดว่า มีลิงยักษ์ มีไฟลุกที่หาง ไฟติด วิ่งพล่านไปทั่วเมือง มันก็ รู้สับสนในใจ ว่า " มันมีแบบนั้นด้วยหรือ มันจะเป็นแบบนั้นได้หรือ " คือไม่ได้รู้สึกสงสัยเพื่อขัดแย้ง ตำหนิติเตียนใดๆ แต่จงใจถามเพื่อลดความสงสัยว่า เรื่องแบบนี้ คือเรื่อง อิทธิฤทธิ์ แาฏิหารย์ มันเป็นเรื่องที่มีอยู่ในโลก จริง ๆ

ขอบคุณค่ะ

เอาเป็นว่าตอนนี้อรุณสวัสดิ์ทุกท่านและราตรีสวัสดิ์สำหรับตัวเองค่ะ

 

นี่ก็เหมือนกันแหล่ะครับ พวกที่ เถียงคอเป็นเอ็นมั่ว ๆ ล่าสุด
พบหลักฐานใหม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในลาวตั้งแต่ 60,000 ปี

ลองไปอ่านกันดูใหม่นะครับ จริง ๆ แถว ๆ บ้านเรานี่แหล่ะอารยธรรมเก่าแก่กว่าชาวบ้านเค้าเลยหล่ะตามนี้เลยครับ
IndoChina - Manager Online - พบหลักฐานใหม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในลาวตั้งแต่ 60,000 ปี
ปล. ใครที่เคยขอหลักฐาน ๆ พูดแบบแผ่นเสียงตกร่องตอนนี้หลักฐานมาแล้วครับ
ส่วนดินแดน เกษียณสมุทร เท่าที่เคยอ่านมา กินอาณาเขตตั้งแต่ ทางตะวันออก กินอาณาเขตตั้งแต่หมู่เกาะฟิลิปปิน ไปทางทิศตะวันตก กินอาณาเขตจนถึงอินโดนีเซีย ทางเหนือกินเนื้อที่มาถึงภาคใต้ของไทย และนี่ก็ทำให้เป็นที่มาของศิลปไทย เช่น โขน ตะลุง ซึ่งก็เล่นเรื่องรามเกียร

 

ถ้าวันหนึ่ง ความเชื่อที่สั่งสมกันมา มันต้องเปลี่ยนแปลงแบบพลิกกลับขั้ว มันจะเป็นยังไงกันนะ ชั่วชีวิตนี้จะมีโอกาศได้เห็น จุด ๆ นั้นรึเปล่าหนอ

เหตุผลอะไรหนอ ถึงทำให้หลาย ๆ อย่างยังไม่ถูกพบ หลาย ๆ อย่างยังไม่เผย หลาย ๆ อย่างเพิ่งจะเผย หลาย ๆ อย่างถูกบิดเบือน หลาย ๆ อย่างยังลึกลับ หลาย ๆ อย่างยังต้องรอเวลาให้พิสูจน์ พระพุทธองค์ทรงล่วงรู้เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้แต่แรกแล้วหรือเปล่า หรือสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ไม่อาจควบคุมได้

หรือจริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย

 

มารายงานตัวว่า เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดค่ะ

 

*** ท่านถือศีลมากี่ปีแล้ว ****

ศีล เป็นของสัตว์โลก
สัจจะ เป็นของผู้ทำได้ ผู้ที่หลุดพ้นไปแล้ว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** โลกุตตระ ****

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สูงสุดในจักรวาล มีจริง มีตัวตนจริง
จะมาปรากฏสอน ชี้แนะ นำพา จัดสรร
ให้ผู้ที่เพียรพยายาม หาทางหลุดพ้นทุกข์
จะมาปรากฏ ในรูปแบบใดก็ได้
สิ่งสำคัญ คือ มีสัจจะเป็นสื่อ

ดิน น้ำ ลม ไฟ คือ ปรางหนึ่งของโลกุตตระ
ดังนั้น โลกุตตระ จึงรู้ทุกอย่าง รู้ทุกการกระทำ
ทุกย่างก้าว ของสัตว์โลกทุกตัวตน
ดิน ฟ้าอากาศ จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คนโบราณ เขาถึงเคารพ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** โลกุตตระปรากฏ ****

มาทำหน้าที่ คือ
เอาโลกุตตระธรรม มาส่งมอบ เพื่อใช้เป็นเครื่องนำพาสัตว์โลก ให้หลุดพ้นทุกข์
คือ หลุดพ้นออกไปจากโลกได้จริง
มาทำให้คนผู้หนึ่ง ได้รู้เห็น ได้เข้าใจความจริง
เข้าใจใน ความหมายของสัจจะธรรม
จนสามารถค้นคว้าหาคำสอนได้ คือ สัจจะ
เป็นสัจจะ ที่ใช้ปลดนิสัยตนเอง ใช้หยุดการกระทำของตนเอง
เมื่อคนผู้นี้เข้าใจในหลักของธรรมชาติ สามารถปฏิบัติให้เกิดการกระทำหลุดพ้นได้
แล้วคนผู้นี้ ก็จะบอกสอน ผู้อื่นต่อๆไป เกิดเป็นศาสนาขึ้นมา

ให้สังเกตว่า ชุมชนกลุ่มผู้ปฏิบัติดี หลายกลุ่ม ยังมีสัจจะลงเหลืออยู่
แต่กเหลือน้อยมาก คนยุคใหม่ไม่สามารถต้านทาน วัตถุนิยมในยุคปัจจุบันได้
ศาสนาจึงหักกลาง โลกุตตระจึงต้องปรากฏเพื่อมาสานต่อศาสนา
มาย่อการปฏิบัติ จนเหลือเป็น "สัจจะ"

ยุคปัจจุบันนี้....คนเข้าถึงโลกกุตตระ มีน้อยมาก
เข้าถึงได้ยากมาก เพราะขาดสัจจะ !!!
และไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อศานศาสตร์ โดยแท้จริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** มิติ ของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ****

เราทุกคน กำลังติดอยู่ในมิติของ ดิน น้ำ ลม ไฟ
เราก็ถึงได้เห็นแบบนี้ มีเหตุผลแบบนี้ เชื่อในแบบนี้

สิ่งที่เหนือโลก มีจริง
เหนือเหตุผล เหนือความเชื่อมนุษย์ ก็สามารถเป็นไปได้
ด้วยพลังอำนาจ ของสิ่งที่อยู่เหนือโลก

"เห็นคน อย่าหมิ่นคน"
เพราะเขาอาจจะไม่ใช่สัตว์โลกทั่วไป

"อย่าด่าฟ้าดิน"
เพราะ ฟ้าดิน คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เราทุกคนที่มีเนื้อมีหนัง ก็อาศัยอยู่บนดินน้ำลมไฟ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ โลกุตตระ
กระดูกก็โลกุตตระ หนังก็โลกุตตระ เลือดเนื้อก็โลกุตตระ
เพราะฉะนั้น ร่างกายของเราก็คือ ส่วนหนึ่งของโลกุตตระ
เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ****

โลกุตตระ คือ บรมาจารย์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ทั่วทั้งจักรวาล เขายอมสงบต่อสัจจะ
ผู้ที่เขาสำเร็จไปแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เขาสำเร็จด้วย "สัจจะ" ทุกคน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ศีลเป็นของสัตว์โลก ****

ศีล ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองคน
ผู้ถือศีล จะถูกยกย่อง ได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไป
ถึงแม้ทำไม่ได้จริง แต่สังคมก็ให้ความยกย่องสรรเสริญ

พระพุทธเจ้า หนีจากวังเข้าป่า เพราะต้องการแสวงหาทางพ้นทุกข์
ไม่เอาอำนาจ ไม่ใช้เงินทอง ขอแค่เศษข้าววันละมื้อ ปะทังสังขาร
สุดท้าย เมื่อพบสัจจะธรรม จึงใช้สัจจะตัดลดปลดนิสัยตนเองทุกวัน
และพบว่า ศีลที่พราหมณ์สอนมานาน ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย
เป็นสิ่งที่ดี แต่ยิ่งใหญ่เกินที่มนุษย์จะทำได้จริง

พระพุทธเจ้าจึงนำสัจจะ มาสอนให้กับผู้ที่เชื่อและต้องการหลุดพ้นทุกข์
"สัจจะ" จึงเป็น "ศีลข้อเล็กๆ ข้อนึง" ที่แต่ละคนสามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้จริง
การทำได้วันละข้อ วันละอย่าง แต่ทำทุกวัน จึงส่งผลให้เกิดการพิจารณาตนเอง
เป็น"สมาธิพิจารณา" เกิด "สติ" อยู่กับข้อสัจจะที่ตั้งใจตัด ตั้งใจลด

คำสอนพระพุทธเจ้า...
จึงมีแต่สัจจะตัดลด ความเชื่อ ความเห็น นิสัย และการกระทำ

เมื่อ พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ได้สองร้อยกว่าปี
หมู่ชนชั้นผู้นำ เริ่มมีกิเลส ตัญหา ติดวัตถุนิยมมากขึ้น
จึงรวมหัวกันไม่เอา สัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วให้กลับมาถือศีลของพราหมณ์กันใหม่ ให้สังคายนากันใหม่
สัจจะที่ใช้ตัดลดนิสัยสันดานมนุษย์ จึงหดหายไป จากตำรา
พระที่ยึดมั่นในสัจจะคำสอน จึงอยู่สอนในเมืองไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมา

ศีลจึงกลับมา อยู่คู่กับศาสนาพุทธ
ส่วนสัจจะที่พระพุทธเจ้าใช้ปลดนิสัย ถูกบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งของบารมี
เมื่อเวลาผ่านไป วัตถุนิยมคุกคามมากขึ้น
ศีลที่รับไว้ ก็ทำไม่ได้จริง ถือศีล แต่ไม่มีสัจจะ ความตั้งใจจริงก็ไม่เกิด
ศีลของตนเอง จึงถูกทำลายลงด้วยการกระทำของตนเอง

นิสัยพูดแล้ว ไม่รักษาคำพูด จึงเกิดขึ้นมา
นานๆเข้า จึงกลายเป็นนิสัยของคนทั้งบ้านทั้งเมือง
โกงคำพูดตนเองได้ ก็โกงคนอื่นได้ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นไปทั่ว
ความซื่อสัตย์ก็หดหายไป ปฏิญาณอะไรก็กลายเป็นเพียงพิธีการ เหมือนการรับศีล

สิ่งเหล่านี้ คือ ต้นเหตุความวุ่นวาย แตกแยกในบ้านเมือง
ถ้าจะแก้ ก็ต้องทำให้คนมีสัจจะ ถือสัจจะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต
ไม่ใช่ถือแต่ศีลข้อปฏิบัติ แต่ไม่มีการกระทำ
ถ้ายังช้า.... บ้านเมืองก็ต้องพัง ล่มสลายแน่นอน !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ปัญญา ****

พระพุทธเจ้า เมื่อเผชิญกับ.... อุปสรรคปัญหาในการดำเนินชีวิต
จะพิจารณา ค้นหา...ตัวนิสัย ความเชื่อต่างๆ
ที่เป็น ....ต้นเหตุ ความคิด อารมณ์ และการกระทำ
แล้วกำหนดเป็นข้อสัจจะ เพื่อหยุดตัวต้นเหตุ นั้น

ถ้า...ข้อสัจจะ หยุดที่การกระทำ
คือ หยุดที่ตัวปลาย
ก่อนที่จะลงมือทำตามความเชื่อ ตามอารมณ์
อันนี้ ก็เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ เหมือนกัน แต่ถึงที่สุดช้าหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป

ถ้า....ข้อสัจจะ หยุดที่ความคิด
คือ หยุดได้ตั้งแต่ต้น
คือ คิดได้แล้ว มองเห็นความทุกข์ที่จะตามมา ก็ไม่ทำอีกเลย
อันนี้ เป็นหนทางหลุดพ้นทุกข์ ไปถึงที่สุดได้รวดเร็วกว่า

คำว่า ถึงที่สุด นี้
หมายถึง นิพพาน

ปัญญา จึงเกิดตอนที่
ท่านสามารถนำตนเองให้หลุดพ้น จากนิสัยสันดาน เก่าๆได้
จึงเกิด "การกระทำใหม่" ขึ้นมาแทนที่ การกระทำเก่าๆในอดีต...

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ตัวกระทำ มีจริง ****

ตัวกระทำ.... คือ ตัวตนของการกระทำที่เกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตมนุษย์บนโลก
ตัวกระทำ ไม่ตาย...คือ ตัวตนของการกระทำนี้ จะไม่สูญสลายหายไปไหน
แต่จะ ตามติดไปกับตัวตนของท่าน ไปกับจิตวิญญาณของท่าน
ตัวกระทำ....จึงเปรียบเสมือน...ถ่ายภาพวิดีโอการกระทำของตนเอง เอาไว้

ตัวกระทำ...จะล่องหนอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา
คนที่เขารู้เห็น การกระทำเก่าๆของคนอื่น....ก็คือ เขามองเห็น ตัวกระทำนั่นเอง

เมื่อ ท่านหมดกิเลสนิสัย ...หลุดพ้นจากการยึดสิ่งสิ่งต่างๆ ในโลก
เมื่อ ละสังขารไปแล้ว ก็จะหลุดพ้นไปจากโลก
เข้าไปภายในดวงอาทิตย์ได้ เข้าไปนิพพานได้
ท่านก็จะ ได้เห็น "การกระทำของตนเองทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ"
คือเห็นตัวกระทำของตนเองทั้งหมด....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ความสำคัญของสัจจะ ****

สัจจะ...คือ สัญญาใจตนเอง
เป็น สัญญาที่ทำขึ้นไว้กับใจตนเอง

สัจจะ ...เป็น นิยามของการหลุดพ้นทุกข์
ถ้า ท่านไปมีสัจจะ.... ท่านก็ไม่มีทางหลุดพ้นทุกข์
ไม่มีทาง หลุดพ้นไปจากโลก จากการเวียนว่ายตายเกิดได้

เพราะ สิ่งที่ท่านทำ เป็นเพียง การทำตามใจตนเอง
ทำบ้าง ไม่ทำบ้่าง เลี่ยงบ้าง ลืมก็ไม่ได้ทำ นึกขึ้นได้ก็ค่อยทำ
แบบนี้ เรียกว่า ขาดสัจจะ

สัจจะ... จึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
ในการดำเนินชีวิต เพื่อนำตนเองหลุดพ้นทุกข์
ถ้าท่านไม่ต้องการหลุดพ้นทุกข์ ท่านก็ไม่ต้องให้ความสำคัญต่อสัจจะ...

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เอะอะก็อินเดีย!

"รามเกียรติ์ มีที่มาจากเรื่อง รามยณะ ที่ฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ มาแล้วและได้แพร่หลาย จากอินเดียไปยังประเทศใกล้เคียง และได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับเดิมไปไม่น้อย"

ผมจะบอกว่า....เรื่อง พระราม พระลักษณ์ นางสีดา ท้าวทศรถ มีมาก่อน 2400 ปีแน่นอน
เพราะพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องนี้มาก่อนแล้ว และที่สำคัญ "พระรามก็คือชาติหนึ่งของพร<wbr>ะพุทธเจ้า นางสีดาก็คือชาติหนึ่งของพร<wbr>ะนางพิมพายโสธรา"

 

เกิด...แก่...เจ็บ...ตาย เป็นสัจจะธรรม ทุกชีวิตเกิดมาล้วนหลีกหนีไปไม่พ้น เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น

ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร? หลายต่อหลายคนยังอยู่ในความประมาท ของดีมีอยู่ในตนแต่กลับมองไม่เห็น ยังใช้ชีวิตอยู่ในความประมาท ยังยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู สุดท้ายก็ต้องจากไปแบบไม่ได้อะไรเลย

เสียดายที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที...มีโอกาสแต่ไม่ทำ

ขออนุโมทนากับข้อความของท่าน"หนุมาน ผู้นำสาร"ด้วยครับ

 

ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณมากครับ

 

ทั้งสนุก ทั้งได้ความรู้ ทั้งได้ธรรมะ ผมจะพยายามมีสัจจะให้ได้มากที่สุด ตอนเด็กอ่านรามเกรียติ์ที่ไร อยากเก่งเหมือนหนุมานทุกที

 

เรื่องราวมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คล้ายดังต้องสาป ....
เมื่อมายาเสื่อม เมื่อนั้นก็หลุดจากบ่วง... ^^