ทำไมนั่งสมาธิแล้วกลายเป็นคนเสียสติคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย artty, 9 สิงหาคม 2006.

  1. artty

    artty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    662
    ค่าพลัง:
    +2,388
    อาร์ตขอโมทนากับทุกท่าน ตอนนี้ก็ตั้งใจจะปฏิบัติธรรม โดยที่ไม่หย่อนและไม่ตึงจนเกินไป ขอบพระคุณทุกท่านกับแนวทางปฏิบัตินะคะ
     
  2. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ปัญหาเหล่านี้มักเกิดกับกรรมฐานที่มีนิมิตมาเป็นส่วนเกี่ยวข้องซะส่วนใหญ่ ส่วนการมีสติอยู่ในกายตามดูการเคลื่อนไหวการทรงอยู่ของกาย มีสติอยู่กับการกระทำในปัจจุบันเนืองๆ เน้นไปที่ความรู้สึกไม่เน้นที่นิมิต กรรมฐานเหล่านี้จะปลอดภัยและไม่ค่อยมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นกับนักปฏิบัติธรรมมากนักครับ
     
  3. jomr0547

    jomr0547 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +261
    ลองก่อนคับ
     
  4. jomr0547

    jomr0547 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +261
    เทปหลวงพ่อตอนที่สอนกสิณ มีอยู่ตอนหนึ่งที่หลวงพ่อสอนวิธีบ้า พอรู้ จะได้ไม่บ้า ก็คือหลวงพ่อกล่าวว่า ถ้าเพ่งกสิณดิน ก็ต้องมีแต่ภาพดินอย่างอื่นลอยมา อย่าไปสนใจถ้าสนใจภาพที่ลอยมาจะเป็นบ้าได้ สรุปคือ ถ้าเพ่งกสิณดิน ก็ต้องมีแต่ภาพดิน ถ้าเพ่งพระพุทธรูปก็คือพุทธานุสติกรรมฐาณ ก็ต้องมีแต่ภาพพระพุทธรูป อะไรลอยมาห้ามสนใจเด็ดขาดคับผม

    คือว่าตั้งใจอะไรก็ต้องได้แบบนั้น ไม่ใช่เพ่งกสิณดิน เพ่งดิน แต่มีแสงสว่าง สีเขียว สีขาวเทวดา ลอยมาก็อย่าไปสนใจเต้องสนใจแต่ดินเพราะเราเพ่งกสิณดิน ถ้าสนใจอย่างอื่นก็จะเป็นบ้าครับผม
     
  5. jomr0547

    jomr0547 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +261
    ดูน่ากลัวจังเลยค่ะ ใจฝ่อเลย หัดนั่งเองเหมือนกันค่ะ ประมาณเดือนนึงแล้ว ตอนนี้คิดไม่ตกเลยว่าจะหัดเองต่อดีหรือเปล่า ไม่มีเวลาไปฝึกที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมน่ะค่ะ ...
    แล้วถ้าเราได้ลองไปฝึกกับอาจารย์แค่ครั้งเดียวแต่หลังจากนั้นฝึกเองจะได้ไม๊คะ


    ผมขอแนะนำคุณให้อ่านหนังสือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะครับ หน้าปกถ้าจำไม่ผิด ชื่อหนังสือว่า แนะนำการทำสมาธิเบื้อต้น เล่มเล็กๆ บางๆ 15 บาทหรือ 20 บาทเนี่ยแหละ ที่ซอยสายลมก็ได้คับ อ่านแล้วจะมั่นใจในการปฏิบัติมากๆ สุดยอดเลยคับหลวงพ่อของเราทุกคน
     
  6. jomr0547

    jomr0547 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +261
    ทำไมนั่งสมาธิแล้วกลายเป็นคนเสียสติคะ ตอบกระทู้

    บอกชื่อหนังสือผิดคับ ที่ถูกต้องที่แนะนำให้อ่านคือ
    ------>>> วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองแบบง่ายๆ
     
  7. QuaOs

    QuaOs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +480
    แนะนำให้สวดสมาทานพระกรรมฐาน มอบกายใจเป็นพุทธบูชา แล้วขอบารมีพระรัตนตรัยคุ้มครองก่อนการปฏิบัติแต่ละครั้งครับ

    ส่วนวิธีปฏิบัติ การกำหนดลมหายใจหรืออานาปานสติ น่าจะเป็นพื้นฐานที่ปลอดภัยสุด

    ตอนนี้ผมอาศัยตำรา "การฝึกสมาธิ" (Practice of Meditation) เป็นคู่มืออยู่ เนื้อหาละเอียดครบถ้วนดี เป็นเล่มสีเขียว น่าจะมีขายที่ร้านทั่วๆ ไปครับ
     
  8. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">สติ ต้องประคองสติ ให้ แน่วแน่</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. โจโฉ คร้าบบบ

    โจโฉ คร้าบบบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,550
    อ้อ ขอคัด ข้อความ จาก แว่วเสียงสวรรค์ มาให้อ่านนะครับ

    โดย อ.พร รัตนสุวรรณ
    (เร็วๆ นี้จะอ่านอัดเสียงหนังสือของท่านมาให้ฟังนะครับ)

    แต่อันนี้เป็นงานที่ผมรวมมาย่อ ไว้ เกลาด้วยสำนวนของผมเอง
    เสียดายว่า งานของจริง ผมบริจาคไปหมดแล้ว
    ใช้ชื่อว่า แว่วเสียงสวรรค์รีเทริ์น หรือ
    พลังแห่งวิญญาณครับ อ่านเล่นๆ นะ

    ********************************

    ทำไมบางคนฝึกสมาธิแล้วบ้า

    การเข้าทรงที่มีอาการ ตัวสั่นหรือเต้นอย่างแรงนั้น เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากการขัดแย้งในจิตไร้สำนึก ระหว่างคนทรงกับโอปปาติกะ เพราะวิญญาณที่มาเข้าจะมีอะไรเหมือนกับคนเข้าทรงเป็นไปไม่ได้

    คนทรงที่ทำได้อย่างสมบูรณ์จริงๆนั้น ต้องหลับในสมาธิได้ คือทำใจให้ว่างจากทุกอย่างจนหลับได้ ทั้งๆที่ไม่ง่วงนอน และไม่ต้องเอนตัวลงนอน ซึ่งประเภทนี้จะมีการขัดแย้งน้อยที่สุด เวลาออกก็จะไม่มีอาการล้มหงายตึงอะไรทำนองนี้ แต่ถ้าทำบ่อยๆก็เกิดความเครียดได้เหมือนกัน

    เพราะธรรมดาจิตใจของแต่ละคน ย่อมต้องไม่เหมือนคนอื่น และเมื่อมีอะไรมาบังคับความรู้สึกให้อยู่นิ่งไม่ให้แสดงอะไรออกมา ต้องเกิดความขัดแย้งกันบ้าง ดังนั้นความเครียดทางประสาทนี้ จึงแสดงออกมาให้เห็นเป็นความเพลีย กล้ามเนื้อกระตุก

    เพราะฉะนั้นโดยธรรมดาการเข้าทรงถือว่าเป็นอันตรายมาก
    คนที่ฝึกสมาธิเป็นบ้า เพราะมีความกดดันในอารมณ์มากเกิดการขัดแย้งภายในอยู่เสมอ ถ้าไม่จริงจังก็ไม่มีผล

    แต่ถ้าจริงจัง และไม่ได้หวังผลให้ใจบริสุทธิ์ คือหวังใช้สมาธิเป็นทางหาประโยชน์บางอย่าง ถ้าฝึกได้ดี บังคับจิตให้นิ่งได้ ก็จะพยายามบังคับจิตให้มากขึ้นโดยไม่มีการคลี่คลายอารมณ์มาก่อน ความกดดัน ความขัดแย้งต่างๆ ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม


    กรณีนี้ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความกดดันให้มากขึ้น ถ้าหากผู้สอนเคยฝึกคนสำเร็จมามากแต่ไม่เข้าใจเรื่องความกดดัน ก็จะส่งผลเสียทำให้กลายเป็นบ้าได้ ตามปกติคนที่จะฝึกสมาธิได้จะต้องไม่มีความกดดัน แต่คนที่ชาติก่อนเคยมีพื้นสมาธิมาดี แม้ปัจจุบันจะมีความกดดันมาก ถ้าตั้งใจฝึกจริงๆก็จะทำได้ แต่ก็จะส่งผลเสียดังที่กล่าวมา


    การฝึกสมาธิได้ดี ควรหาทางคลี่คลายอารมณ์ ทำความกดดันให้เบาบางเสียก่อน ถ้าฝืนทำไปทั้งที่มีความกดดันอยู่มาก แม้จิตจะสงบไม่ฟุ้งซ่าน แต่ความสดชื่นภายในจะไม่เกิดขึ้นเลย ทำให้สมาธิไม่มั่นคง ถ้ายังฝืนทำก็อาจเสียสติ หรือเกิดภาพหลอน หรือทำให้เข้าใจผิดหลายๆอย่างได้


    (ความเสียหายนี้ยังส่งผลโดยรวมให้คนหลายคนไม่กล้าฝึกสมาธิ อย่างที่บอก คนติดยามานาน จะเลิกยา ใช้วิธีหักดิบ น้อยรายที่จะได้ผล แม้แต่คนเลิกสูบบุหรี่ ที่ติดมานาน แล้วเลิกทันที ก็เห็นตายมาหลายคนแล้ว บันไดเขามีไว้เดินทีละขั้น ขอให้จำข้อนี้ไว้ให้ดี )

    */*

    สำหรับผู้สนใจภาวนา อยากแนะนำ ให้ลองฟัง หรืออ่าน
    งานทั้งหมด ของ พระอ. ปราโมทย์ ปราโมชโช
    งานของ อ.สุรวัตน์ เสรีวิวัฒนา (ศิษย์ พระอ.ปราโมทย์)
    และรวมถึงงานของ พี่ดังตฤณ นะครับ
    แล้วจะรู้หลักภาวนา เพิ่มขึ้น จะเห็นทางสว่าง
    และเห็นความง่ายในการเข้าถึงพระธรรม และใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกเพศทุกวัย เชิญพิสูจน์ได้ที่หน้า ดาวน์โหลดเสียงธรรม

    ของดีไม่ต้องโคสะนา แต่เอามาบอกให้ฟัง

    ไปพิสูจน์กันนะครับว่า
    ทำไม คุณดังตฤณ คุณ ฐิตินารถ ณ พัทลุง
    ถึงได้ศรัทธา หลวงอา ปราโมทย์ เป็นอย่างยิ่ง


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    ยอดยาหยี อ่านหนังสือ แนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต
    ของ แสง อรุณกุศล ค่ะ เจอเรื่องการเสียสติเพราะนั่งสมาธิด้วยค่ะ

    ภาวะตกใจ เรียกว่ากายทิพย์สะเทือน

    ภาวะตกใจแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีจากที่นั่ง เรียกว่า กายทิพย์ถูกสะเทือนถึงขั้นแตกกระจาย

    ภาวะปรับจิตให้หายตกใจ เพื่อรักษากายทิพย์สะเทือน เรียกว่า ปรับธาตุของกายทิพย์ที่สั่นสะเทือนนั้นให้นิ่งและคืนสู่สภาพปรกติ

    อย่าลืมหลักการปรับจิตหลังภาวะตกใจนี้ มีความสำคัญต่อผู้ที่ฝึกจิตมาก เพราะหลักการนี้ จะทำให้ท่านพ้นจากการเสียสติเพราะนั่งสมาธิ

    อาการของคนที่ป่วยเพราะกายทิพย์สะเทือน

    1. คนที่ป่วยชนิดเบา ๆ คือ หลังตกใจแล้ว ไม่ได้สมานกายทิพย์ จะมีอาการเบื่อหน่ายชีวิต เมื่อย ๆ ชา ๆ ไม่ค่อยมีจิตใจจะทำงาน และพอตกบ่ายก้อจะมีอาการง่วงเหงาหาวนอน มึนศีรษะ ปวดหัวเล็กน้อยจนปวดหัวมาก

    วิธีรักษา

    พยายามหาเวลานั่งสมาธิให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนบ่ายที่ง่วงนอนไม่ควรไปนอน แต่ไปนั่งฝึกสมาธิ ปฏิบัติเช่นนี้ 7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ

    2. คนที่ป่วยอาการหนัก อาการของคนที่ป่วยหนักนี้ คือ หลังตกใจแล้ว กายทิพย์ที่ถูกสะเทือนจนแตกกระจาย จะมีอาการควบคุมสติไม่อยู่ เช่น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหม่อลอย หรือพูดจาไม่สมประกอบ บางขณะไร้สติอย่างที่เรียกว่า คนบ้านั้นเอง

    วิธีรักษาขั้นต้น

    การพอกกายทิพย์เพื่อรักษากายทิพย์ที่ถูกสะเทือน ถึงขั้นแตกกระจาย เป็นวิธีรวมจิตที่แตกแยกกระจายให้สมานคืนรูป

    หาพี่เลี้ยงใจเย็น ๆ มีมหาเมตตา พูดจาดี ๆ มาช่วยควบคุมให้เขาปฏิบัติสมาธิจิตเริ่มต้นให้ด้วยการ เพ่งพระพุทธรูปเป็นนิมิตดังนี้ คือ

    หาห้องสะอาดปราศจากความรุงรัง ที่ฝาห้องติดผ้าขาวหรือกระดาษขาย และตั้งพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่นัก ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ก้อพอ ตั้งสูงประมาณพอดีกับระดับสายตาของผู้ที่จะปฏิบัติฝึกสมาธิจิต แล้วแนะนำคนไข้ในท่าสมาธิ ห่างจากองค์พระพุทธรูปพอสมควร แล้วให้คนไข้เพ่งไปที่พระพุทธรูปนั้นจนจำภาพได้ และให้ปิดหนังตาลง พยายามให้นึกเห็นภาพ พระพุทธรูปนั้น อีกจนกว่า ภาพพระจะชัดเป็นรูปสมบูรณ์แต่พอภาพหายไปให้ลืมตาใหม่เพ่งแล้วหลับตาอีก ปฏิบัติหมุนเวียนเช่นนี้จนกว่า หลับตาเห็นพระพุทธรูป

    สำหรับคนไข้ที่ไม่มีสติของตัวเองเลยนั้น ขอให้เขานั่งอยู่กับที่เพ่งองค์พระพุทธรูปไปเรื่อย ๆ เมื่อยก้อพักสายตา แล้วก็เพ่งไปอีก จนกว่าจะจำภาพได้

    จากการที่หลับตาแล้วจำ ภาพพระพุทธรูปได้นั้นเรียกว่า เริ่มมีสติระลึกรู้สึกตัว ควบคุมตัวเองได้แล้ว เป็นการรักษาขั้นต้น จากนั้นให้ฝึกด้วยวิธีพอกกายทิพย์
     
  11. ยอดยาหยี

    ยอดยาหยี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +2,697
    วิธีรักษาขั้นสูง

    การพอกกายทิพย์ให้สมบูรณ์ เมื่อรักษาขั้นต้นนั้นจะมีความรู้สึกว่า หลับตาจำพระพุทธรูปได้ แต่พระพุทธรูปยังเลือนลางลอยอยู่เบื้องหน้า แล้วเราก็ค่อย ๆ ส่งความรู้สึกนึกคิดเพ่งส่งเข้าไปที่พระพุทธรูปเหมือนเก็บรวบรวมเอาสรรพความคิด สรรพกำลังในร่างกายรวมตัวเป็นธนูพลัง ยิงออกจากคันธนูคือ ร่างกายเรา ไปที่เป้า คือ พระพุทธรูป ฝึกเพ่งให้ภาพพระพุทธรูปจะค่อย ๆ ชัดขึ้นจนเห็นทุกสัดส่วนชัดเจนเหมือนเห็นด้วยการลืมตา เพ่งต่อไป พระพุทธรูปจะค่อย ๆ เปล่งแสงสว่างจนเป็นวงกลมล้อมรอบพระพุทธรูป ที่เราเรียกว่า ดวงจิต หรือดวงแก้ว แรก ๆ ตรงกลางดวงแก้วยังมีพระพุทธรูปอยู่ เมื่อฝึกขึ้นไปอีกชั้น พระพุทธรูปจะหายไป คงเหลือแต่ดวงแก้วอย่างเดียว เมื่อเพ่งไปอีก ดวงแก้วจกลมและสว่างจนเรารู้สึกเกิดความปิติสงบสุข

    นั่นละ ท่านหายเป็นปกติแล้ว

    หมายเหตุ การฝึกนี้จะต้องไม่เกร็งบีบประสาท และถ้าภาพพระพุทธรูปจับไม่อยู่หายไป ก็ลืมตาขึ้นมาเพ่งจับภาพพระใหม่อีกครั้ง แล้วดำเนินตามขั้นตอนต่อไป

    หาซื้ออ่านได้ค่ะ แนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต รวบรวมประสบการณ์โดย แสง อรุณกุศล
     
  12. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,410
    ขอผมแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ ความรู้สึกตัวส่วนผมกับการถามพระอาจารย์บางท่าน สาเหตุที่จะทำให้เราระหว่างนั่งสมาธินั้นเป็นบ้าก็เพราะว่า ระหว่างที่เรานั่งสมาธิไป เกิดเราเห็นนิมิตร้ายๆต่างๆนั้น ก็จะทำให้เราตกใจ จนควบคุมสติไม่อยู่ก็เป็นได้ อีกประการหนึ่งก็คือ ระหว่างเรานั่งสมาธิอยู่นั้นเกิดเราเห็นและสัมผัสกับดวงวิญญาณว่าเขามานั่งอยู่ข้างๆเรา หรือเราได้ยินเสียงอะไร ด้วยความกลัวของผู้ฝึกสมาธิใหม่ๆนั้นเชื่อได้เลยว่าต้องลืมตาขึ้นมา แต่ในเมื่อลืมตาขึ้นมานั้น เราเกิดพบกับภาพที่จิตเรารับไม่ได้ ก็จะเพิ่มความทวีคูณทำให้รู้สึกกลัว จนสติแตกไปได้ในที่สุด ทางที่ดีนะครับถ้าคุณได้ยินหรือได้กลิ่นหรืออาจจะสัมผัสได้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างแปลกไป ควรอย่าเพิ่งลืมตานะครับ ควรจะภาวนา ให้จิตกลับสู่สภาวะปกติก่อนครับ การที่พวกคุณทำสมาธิพวกคุณต้องเตรียมพร้อมเปิดใจกับเรื่องแปลกๆให้ได้ครับ เพราะว่าการทำสมาธิก็คือการที่เราจะได้เจอกับสิ่งมหัสจรรย์เหลือเชื่อ ดังนั้นผมจึงจะขอแนะนำให้อย่างนะครับ ตอนทำสมาธิควรจะสวดมนต์ ทำจิตใจให้โปร่งใส ขอ อารธนา คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายที่อยู่ ณ.ที่นี้ ได้โปรดคุ้มครองตัวลูก ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงที่จะเข้ามาถึงตัวลูกได้ด้วยเถิด หลังจากนั่งสมาธิเสร็จแล้วก็อย่าลืมแผ่เมตตานะครับ เพราะว่า
    บุญ จากพระกรรมฐาน ยิ่งใหญ่ว่าบุญใดๆนะครับ

    **ทำสมาธิไม่มีคำว่าบ้า ที่บ้าเพราะไม่ได้ทำ**
     
  13. ปล่อยวาง

    ปล่อยวาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +39
    ...เขียนตามที่ผ่าน ความบ้า ความตาย..ในการเจริญไปหาธรรมให้ท่านอ่าน
    เมื่อต้องการ...ตรองปัญญา...ตรงนี้แล้ว..มากน้อยก็ต้องเจอตรงนี้..แล้วทำอย่างไร
    หลายท่านอธิบายถูกทางแล้ว...ผมนำส่วนที่เจอมาเป็นส่วนประกอบ
    1..หาความเข้าใจถ่องแท้ใน..ธาตุ..ขันธ์....เป็นตัวกำกับจิตทาง..หลักอนิจจัง
    2..รักษาศีล..ให้แน่น
    3..วางเจตนาพุทธานุสติไว้ให้มั่นคง...เป็นหนึ่งคิดหนึ่งเดียว
    4..เริ่มตรง..ดูความอสุภะ..ทุกๆส่วน..จนไม่ติดยึด...
    5..ครองสภาวะว่าง..แบบสมมุตติ( ตรงนี้แหละ..จะบ้า จะตาย..ตอนเข้าตรงนี้ แหละ)
    6..สิ่งทดสอบ...ที่จะมีมา..ดั่งนี้..มารสมมุติตามรูปร่าง...เสียงสมมุตติ..จิตไม่แข็ง
    พออย่าลืมตา...ให้รีบกลับไปทบทวนความไม่จีรังของธาตุ.ขันธ์..ลึกลงไป
    7..พอมันรู้ว่า..เรารู้ทัน..จิตเราสภาวะว่าง...มันคว้ามันหลอกให้เราปรุงแต่งไม่ได้มันก็กลับ..ที่นี้ก็ถอนออกมาช้าๆ..แผ่เมตาให้เขา..จะมีอาการอ่อนเพลียบ้างครับ
    8..อันนี้..เอาเฉพาะด่านแรกที่ทำให้หายสติแตกบ้า..ต่อไปมีโอกาสจะเขียนขั้นที่มัน
    ทำให้เราหลงไปตามมันอีกครับ

    .....ทั้งนี้ ผู้ที่เคยฝึกการพิจารณาธรรม ย่อมดูข้อความที่ผมเขียนว่าจริงหรือไม่อย่างไร
    ให้ไว้สำหรับผู้ปฎิบัติขั้นต้น ไว้เป็นทางบุญ ครับ
     
  14. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    คงต้องดูเป็นราย ๆ ไป ว่าทำไมเสียสติ
    บางคนเป็นเพราะกรรม
    บางคนเป็นเพราะหลงตัวเอง
    บางคนเป็นเพราะยึดติดกับภาพในนิมิตมากเกินไป ฯลฯ

    แต่ถ้าหากว่า
    เป็นผลมาจากการปฏิบัติ
    ก็คงมีส่วนมาจากคำสอนที่ผิด หรือไม่มีความเข้าใจในการปฏิบัติ
    ลองเอาไปคิดดูแล้วกัน ไม่ยืนยันนะว่าถูก

    ในแต่ละวัน ๆ จิตเราคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย
    การที่อยู่ ๆ จะมาบังคับให้อยู่นิ่ง ๆ มันจะทำได้มั้ยล่ะ
    จึงมีการออกอุบายต่าง ๆ เพื่อให้จิตตามดูอะไรซักอย่างนึง
    อย่างเช่นลมหายใจ สี ดิน น้ำ ลม ไฟ

    ทีนี้เรากำลังจะนั่งแล้ว กำลังจะจับลมหายใจแล้ว
    เราลืมตัดความคิดที่ชอบท่องเที่ยวไปในอดีต ชอบค้นหาอนาคต
    ชอบเอาเรื่องชาวบ้านมาคิดให้รกหัว ฯลฯ
    เราลืมไปจริง ๆ ว่าเราต้องอยู่กับปัจจุบัน
    ปัจจุบันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยาก

    หลาย ๆ ครั้งที่เราท้อแท้ เรามักจะมองหาที่พึ่ง

    การที่จะจับปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่ให้ได้นั้น
    เราอาจจะต้องหาที่พึ่ง
    โดยขอเอาพระรัตนตรัยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
    เป็นผู้ชี้นำให้เราไปยังปลายทางได้อย่างมั่นคง

    เมื่อเราิเริ่มภาวนาแล้ว จับลมหายใจแล้ว
    มันมีอาการทางกาย ทางจิตหลายอย่างหลายแบบเกิดขึ้นกันไปตามแต่ละบุคคล
    หลายคนกลัว หลายคนหลง
    จิตหลุดไปจากสิ่งเดิมที่กำหนดไว้(ลมหายใจ สี ดิน น้ำ ฯลฯ)
    มันก็พังน่ะจิ

    ไล่ ๆ ไป ไล่ ๆ มา
    ที่เรากลัวน่ะ เพราะเรายึดติดในตัวตนของเรา
    จะบอกว่ากลัวตายก็คงใช่ เพราะเรากำลังเผชิญหน้ากับอะไรที่เราไม่รู้แล้วละก็
    เรามักจะกลัวเสมอ หรืออีกอย่างตั้งสติไม่ได้ มันก็เตลิด

    แล้วที่เราหลง เพราะเรายึดติดในตนเองอีกเช่นกัน
    กิเลสชอบพาให้คิดอยู่เสมอ ว่าเราดีกว่าคนอื่น
    คิดว่าตัวเองดี คิดว่าตัวเองเ่ก่ง มันพังกันมาเยอะจริง ๆ

    พิจารณาแล้วจึงได้เห็นว่า

    ทำไมอาจารย์ถึงได้ให้วางอารมณ์ใจก่อน
    ว่าชีวิตนี้มันต้องตาย ให้มองทุกอย่างตามความเป็นจริง
    เพื่อกำลังใจที่เข้มแข็ง
    ถ้าถึงขั้นยอมตาย มันสู้มันเอาทุกอย่าง

    และให้ชั่วขณะจิตนั้นมีศีล ๕ เป็นบุญที่จะช่วยกันเราเอาไว้จากกรรมที่จะเข้ามารบกวนได้บ้างมั้งนะ

    สุดท้ายเชื่อในพระรัตนตรัย ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว


    ต้องขอบคุณคนตั้งกระทู้นี้ด้วยเน้อ
    ทำให้เราเข้าใจว่า การทำสมาธิมันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราอาจมองข้ามไป
    ซึ่งตรงจุดนี้ ทำให้ทราบว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำปิดเราทุกทางจริง ๆ
    กันทุกอย่า่งไม่ให้เดินทางที่ผิด
     
  15. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    ***โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...***
    *****คนเขียนเป็นพวกไม่รู้จริง ไม่เคยอ่านหนังสือจบ ปฏิบัติไม่สม่ำเสมอ
    เป็นคนอายุน้อย ไม่มีสัมมาคารวะ
    ในกรณีของผมรู้สึกว่าเจ้ากรรมจะเป็นผู้หญิง...(หรือไม่ตูก็คิดไปเอง...)
    เกือบบ้า...(แต่ก็บ้านั่นแหละ คิดไปเอง...)
    ให้คิดซะว่าการที่เราฟุ้งซ่านนั้นคือตัวชั่ว...
    ---ถามตัวเองว่า "ทำสมาธิเพื่ออะไร"
    สิ่งที่ชั่วจะเข้าหาชั่ว สิ่งที่ดีจะเข้าหาดี ชั่วไม่มีทางเป็นดี...(คนที่คิดว่าชั่วแล้วบอกว่าดีคือคนชั่ว แต่คนที่ทำเพื่อศรัทธาคือคนที่ไม่รู้(อ้าว ไหงงั้นละ...))
    คนเรามีทุกข์เพราะต้องการเติมเต็ม เติมเต็มด้วยสมาธิคือว่าง การไม่กระทำคือการไม่เบียดเบียน เติมเต็มทุกข์โดยไม่รู้ว่านั้นเป็นทุกข์ทำให้ไม่เกิดสุข สุขไม่เกิดจักเกิดทุกข์
     

แชร์หน้านี้

Loading...